"แม่ชี" ผู้หญิงที่กำลังถูกลืม

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 15 สิงหาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487

    [​IMG]

    สังคมไทยลืมไปหรือเปล่าว่ามี "แม่ชี"...

    นี่เป็นการตั้งคำถามของนักศึกษาปริญญาโท สาขาการพัฒนาสังคม ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ลัดดาวัลย์ ต๊ะมาฟู อายุ 29 ปี เจ้าของวิทยานิพนธ์ "แม่ชี:โลกของผู้หญิงที่ถูกลืม" ซึ่งปัจจุบันเธอเป็นผู้ช่วยพิเศษผู้อำนวยการ มูลนิธิรักษ์เด็ก

    ลัดดาวัลย์นำวิทยานิพนธ์มาเสนอในการบรรยายวิชาการ เรื่องแม่ชี:โลกของผู้หญิงที่ถูกลืม ที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร

    เธอเกริ่นถึงที่มาที่ไปของวิทยานิพนธ์นี้ว่า เพราะสนใจเรื่องประเด็นของผู้หญิงมานานแล้ว และทำงานในสายงานผู้หญิงมาโดยตลอด ผู้หญิงหลายกลุ่มต้องเจอกับสถานการณ์ที่อึดอัด ที่เห็นได้ชัดสุด คือ กรณีของนักบวชหญิงที่ต้องอยู่กับความคลุมเครือระหว่างการเป็นกับไม่เป็นนักบวช

    "ลงเก็บข้อมูลเกี่ยวกับแม่ชีถึง 2 ปี ลงพื้นที่หลายจังหวัดที่มีแม่ชี โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ นักบวชหญิงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องต่อรองกับตนเองและผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นมิติประสบการณ์ในพื้นที่สาธารณะ เช่น การเก็บค่าโดยสารรถประจำทาง การใช้สิทธิเลือกตั้ง การลุกรับไหว้ การใส่บาตร การประกอบพิธีทางศาสนา รวมถึงการเป็นครูสอนธรรมะแก่พระเณรจึงขึ้นอยู่กับบารมีและการยอมรับเฉพาะบุคคล"

    เมื่อต้องการหาคำตอบจึงเป็นที่มาของการหาข้อมูล ลัดดาวัลย์อธิบายถึงรายละเอียดต่างๆ ที่ได้ลงไปสัมผัสกับนักบวชหญิงว่า เมื่อนักบวชหญิงต้องอยู่ในภาวะที่อึดอัดทำให้แม่ชีต้องหาทางออกทั้งแบบที่ปฏิเสธโลกภายนอกโดยหันเข้าหาการปฏิบัติเพียงอย่างเดียว ปฏิบัติธรรมอย่างเงียบๆ เป็นเดือนเป็นปี ซึ่งต้องประสบกับสภาวะยากลำบากอย่างยิ่งในเรื่องของการกินอยู่ใช้สอยต่างๆ หรืออีกด้านคือการออกมาเคลื่อนไหวผลักดันสถานภาพทางกฎหมาย สร้างการยอมรับของสังคม ทั้งหมดที่กล่าวมาจึงเป็นปัญหาเฉพาะที่นักบวชหญิงต้องเจอ คือ การหา "จุดลงตัว" โดยไม่ให้น้ำหนักกับมิติทางจิตวิญญาณและมิติทางสังคมด้านหนึ่งมากจนเกินไป เพราะอาจถูกครหาว่าติดโลกยังไม่ละวางจากการยุ่งเรื่องทางโลก หรืออาจถูกมองว่าละเลยมิติทางสังคมไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลง

    นอกจากนี้ งานวิทยานิพนธ์ได้เจาะจงเลือกกลุ่มตัวอย่างที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มแม่ชีวิทยาลัย ซึ่งทำงานด้านการพัฒนาสังคมโดยเน้นการให้การศึกษากับแม่ชี ในขณะที่อีกกลุ่มเป็นแม่ชีที่สังกัดวัดเน้นการปฏิบัติ

    "แม่ชีในกลุ่มสังกัดวัดถูกกล่อมเกลาด้วยปรัชญาขององค์กรที่เน้นการปฏิบัติเชิงลึกและเข้มข้น จึงให้ความสำคัญกับการปฏิบัติธรรมเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของตนเองอย่างลึกซึ้ง ซึ่งแม่ชีกลุ่มนี้จะขาดมิติที่คิดเชื่อมโยงปัญหาในชีวิตประจำวันเข้ากับปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง การถูกใช้แรงงานอย่างหนักจากวัด เมื่อเกิดอารมณ์ทางลบขึ้นจึงมักมองเข้ามาในจิตตัวเองว่ายังถูกฝึกมาไม่ดี ปล่อยให้อารมณ์โกรธหรือโมโหเข้ามาครอบงำ

    "ในขณะที่การปฏิบัติแบบกลุ่มแม่ชีที่สังกัดวิทยาลัย กลับมองว่าการปฏิบัติต้องเน้นการเปลี่ยนแปลงวงกว้าง แม่ชีในกลุ่มนี้เน้นการปฏิบัติธรรมไปกับการศึกษาวิชาทางโลก เนื่องจากการปฏิบัติธรรมจะทำให้ผู้ปฏิบัติเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น แต่การให้การศึกษาของแม่ชีจะทำให้เกิดการเปลี่ยนระบบการศึกษาของแม่ชีที่มีอิทธิพลต่อการยกระดับความสามารถของแม่ชีทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของสังคมที่มีต่อแม่ชีว่าเป็นคนไร้ความรู้ความสามารถต้องพึ่งพิงวัดไปวันๆ"

    ใครจะคิดว่าเรื่อง "แม่ชี" คนชายขอบในพุทธศาสนาที่หลายคนอาจไม่สนใจจะกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะลัดดาวัลย์ยังหาคำตอบของการเป็นที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ ..ขอย้ำว่าส่วนใหญ่.. ไม่ใช้ทั้งหมดตัดสินใจโกนผมห่มผ้าขาวว่า ชีวิตแม่ชีที่มาจากต่างถิ่น ต่างภูมิหลัง ต่างที่มา แต่มาบรรจบกันบนเส้นทางที่ตามรอยคำสอนของพระพุทธองค์ แต่ดูเหมือนว่าเส้นทางของที่ลาดปูไว้นั้นจะโรยไว้ด้วยแม่ชีนั้นจะเต็มไปด้วยอุปสรรคทางสังคมและวัฒนธรรม ทำให้แต่ละย่างก้าวของผู้หญิงบนถนนสายนี้ยากลำบากเหลือเกิน

    "ดิฉันมักคัดค้านเสมอเมื่อใครต่อใครบอกว่าแม่ชีเป็นผู้ล้มเหลวกับชีวิตทางสังคม การบวชชีเป็นทางเลือกของผู้ไร้เป้าหมายในชีวิต และทุกครั้งที่ได้ยินคำพูดทำนองนี้ดิฉันก็มักจะยกตัวอย่าง แม่ชีที่เลือกบวชเพราะมีเป้าหมายทางธรรม แต่เมื่อลงพื้นที่เก็บข้อมูลจึงพบว่าแม่ชีที่พบจำนวนไม่น้อยมีปัญหาชีวิตคู่ บ้างบวชเพราะชรา หรือหนีปัญหาชีวิต ซึ่งปรากฏการณ์ที่เจอทำให้ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ และยอมรับว่าแม่ชีจำนวนมากเลือกบวชเพื่อหนีปัญหาทางโลก แต่ผิดด้วยหรือที่ผู้หญิงจะเลือกการบวชชีเพื่อยุติปัญหาชีวิต อย่างน้อยการบวชยังคงเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับชีวิตในขณะที่หาทางออกไม่พบ"

    ที่น่าสนใจอีกประเด็นคือ แม่ชีมีคุณค่ามากน้อยเพียงไร เพราะเมื่อพิจารณาการบวชในพุทธศาสนามี 2 ระดับ คือ การบรรพชา และการอุปสมบท แต่แม่ชีไม่ได้ผ่านการบวชทั้ง 2 ระดับนี้ ในทางวิชาการจึงไม่ถือว่าแม่ชีเป็นนักบวชในพุทธศาสนา

    "การบวชของแม่ชีเป็นเพียงการปวารณาตัวว่าจะรักษาศีลข้อที่ 1 ถึงข้อที่ 8 ฉะนั้น จึงถือว่าแม่ชีเป็นอุบาสิกา แต่ในความเป็นจริงแม่ชีกลับมีความแตกต่างจากอุบาสิกาที่ทำให้รู้ว่าแม่ชีไม่ใช่อุบาสิกาแบบฆราวาสหญิงโดยทั่วไปก็เพราะมีการแต่งกายเฉพาะตัวเอง และปลงผม ซึ่งการรักษาศีล 8 ของแม่ชีจะต้องทำอยู่ตลอดเวลาในขณะที่แต่งกายเป็นแม่ชีและปลงผม ในขณะที่ฆราวาสหญิงอาจจะเข้าๆ ออกๆ ในการรักษาศีล 8 ได้ ดังนั้น สำหรับตัวแม่ชีแล้ว แม่ชีจะถือว่าตัวเองเป็นนักบวช เพียงแต่ไม่ผ่านขั้นตอนการบวชอย่างเป็นทางการเท่านั้น และเนื่องจากกรมการศาสนาซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงไม่ได้ระบุสถานภาพของแม่ชีออกมาให้ชัดเจนว่าเป็นอะไรกันแน่

    "สำหรับสถานภาพของแม่ชีนั้นขึ้นอยู่กับการตีความของหน่วยงานราชการต่างๆ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กระทรวงมหาไทยถือว่าแม่ชีเป็นนักบวช จึงไม่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง แต่กระทรวงคมนาคมถือว่าแม่ชีไม่ใช่นักบวช จึงต้องเสียค่าโดยสารรถรับจ้างสาธารณะเต็มราคา"

    การลงไปคลุกเต็มตัวเพื่อทำวิทยานิพนธ์เรื่องแม่ชีตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี ลัดดาวัลย์สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยยังมองแม่ชีอย่างดูแคลน สังคมขาดจิตใจที่เกื้อกูล มุมมองทางวัฒนธรรมที่ปิดตายว่าผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีไม่ได้ ถึงผู้หญิงบวชเป็นแม่ชีก็ไม่นับว่าเป็นนักบวช ถ้าสังคมยังคิดเช่นนี้จะหาโครงสร้างอะไรที่จะเป็นฐานรองรับผู้หญิงที่สนใจใฝ่ปฏิบัติธรรม ...

    ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ทุกส่วนของสังคมจะหันมาสนใจโลกของผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่าแม่ชี



    ที่มา : มติชน
    http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01lad02150849&day=2006/08/15
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2006
  2. Mr.Chote Sudhi

    Mr.Chote Sudhi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +128
    แม่ชีไทย

    (verygood) ยอมรับและอยากให้ส่งเสริมการบวชแม่ชี เพราะอย่างน้อยก็มีศีลแปด แต่สิ่งที่อยากจะให้คิดก็คือ การบวชเป็นภิกษุณี ภิกษุณีนั้นสูญไป
    ตั้งแต่ ๒๐๐ ปีหลังพระพุทธองค์นิพพาน เพราะพระพุทธองค์ทรงบัญญัติข้อห้ามไว้มากจนขาดสายหายไปเอง บัดนี้มีหญิงไทยที่อยากเป็นภิกษุณีลงทุน
    ไปบวชในต่างประเทศ เพราะยังมีบางประเทศที่นับถือลัทธิมหายานถือว่ายัง
    บวชภิกษุณีได้ เมื่อบวชเสร็จก็นุ่งเหลืองห่มเหลืองกลับเข้ามาเมืองไทย ไม่
    ทราบว่ากรมการศาสนาท่านทราบและแก้ไขเรื่องนี้อย่างไรบ้างหรือไม่ ?
     
  3. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  4. lovelynoy

    lovelynoy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +21
    ผมเป็นคนหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมกับแม่ชีมานาน แม่ชีน่าสงสารครับ ค่ารถโดยสารก็ไม่ได้ลด ทั้งๆที่แม่ชีก็ไม่มีรายได้อะไร แล้วพวกของใช้ก็ขัดสนเพราะไม่มีคนนำมาให้ บุคคลทั่วไปก็มักให้ความสนใจทำบุญกับพระมากกว่าเพราะหวังที่จะได้บุญมากๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    เด๋วนี้ไม่ได้เห็นเลยค่ะ
     
  6. อิสวาร์ยาไรท์

    อิสวาร์ยาไรท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,608
    ค่าพลัง:
    +1,955
    อนุโมทนา สาธุ
    ด้วยค่ะ
    เป็นบทความที่น่าสนมากค่ะ
    ขอบคุณค่ะ
     
  7. สุปราณี (ปู)

    สุปราณี (ปู) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +1,296
    สาเหตุที่เป็นมาอย่างนี้ เกิดจากความไม่เสมอภาค ที่เป็นมาตั้งแต่อดีต ผู้ชายส่วนใหญ่มองเห็นผู้หญิงด้อยกว่าเป็นมาทุกที่ ทุกประเทศ แม้แต่อารยะธรรมก็เอื้ออำนวยให้กับผู้ชายเสมอ จึงกลายเป็นว่า ผู้หญิงจะไม่มีบทบาทสำคัญ แม้กระทั่งสังคม แต่เวลาเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้ก็มีคนที่ยอมรับว่าผู้หญิงก็สามารถทำได้ไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน เพียงแต่การออกมาขอความเสมอภาคนั้นกำลังน้อย จึงทำให้ ไม่สามารถที่จะทำให้เท่าเทียมได้ แต่ในอีกแง่มุมนึง ความเป็นจริง ผู้เป็นแม่ชี ที่ศึกษาดีแล้ว ไม่มีใครออกมาพูดว่าขอเท่าเทียมพระกันหรอกค่ะ เพราะรู้ด้วยว่าการถือศิลยังเทียบเท่าพระไม่ได้ และอีกอย่าคือ ประเทศไทย ยังไม่มี พระภิกษุณีค่ะ หากมีเมื่อใด ดิฉันก็ขอเป็นคนหนึ่งที่จะขอบวชเช่นกันค่ะ
     
  8. กสิน9

    กสิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +270
    แม้แต่ กล้วยยัง บวดชีเลย คิดดู
     

แชร์หน้านี้

Loading...