กะระณียะเมตตะสูตร + คำแปล บทเทวดารัก

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย ผู้เลื่อมใสศรัทธา, 1 กรกฎาคม 2010.

  1. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    ประวัติบทสวดกรณียเมตตสูตร
    เรื่องมีว่า สมัยหนึ่งจวนเข้าพรรษา ภิกษุจำนวนหนึ่งกราบทูลลาพระพุทธเจ้า เพื่อไปอยู่จำพรรษาในป่าลึกแห่งหนึ่ง เหล่ารุกขเทวดาคิดว่าพระคุณเจ้าคงพักชั่วคราว ไม่กี่วันก็จะไป จึงพากันลงมาอยู่บนพื้นดินเพื่อถวายความเคารพแก่พระสงฆ์แต่เมื่อรู้ว่าพระคุณเจ้าจะอยู่ที่ป่านี้ตลอดพรรษา จึงปรึกษากันว่าพวกเราเห็นจะต้อง"ไล่" พระท่านไป ไม่เช่นนั้นจะลำบากมากที่จะต้องมาอยู่บนพื้นดินอย่างนี้จึงพร้อมใจกันหลอกหลอนภิกษุที่ไปนั่งกรรมฐานอยู่ใต้ต้นไม้บ้าง ในถ้ำบ้าง จนท่านอยู่ไม่เป็นสุข พระก็กลัวผี ว่าอย่างนั้นเถอะ จึงตกลงกันกลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ
    พระพุทธองค์ตรัสว่า "พวกเธอมิได้เอาอาวุธติดตัวไปด้วย จึงถูกผีหลอกหลอน" เมื่อกราบทูลถามว่า อาวุธชนิดไหน พระองค์ก็ตรัสว่า อาวุธคือความเมตตา ว่าแล้วก็ทรงสวดกรณียเมตตสูตร ให้ฟัง แล้ว มีพุทธบัญชาให้กลับไปยังป่านั้นอีก และให้สวดทันทีที่เดินเข้าป่า และสวดทุกวันภิกษุเหล่านั้นก็ทำตามพุทธโอวาท บรรดาผีสางคางแดงทั้งหลายได้ยินบทสวด ก็มีจิตใจอ่อนโยน รักใคร่ในพระสงฆ์ ไม่หลอกหลอน ทำให้ท่านสามารถอยู่ในป่าได้อย่างผาสุก พระภิกษุได้สัปปายะ เจิรญธรรมสำเร็จอรหันตผลถ้วนทั่วกัน
    เพราะเหตุว่าเนื้อหาของบทสวดเป็นการแผ่เมตตาความรัก ปรารถนาดีแก่เหล่าเทวดาในป่าและแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายซึ่งท่านก็จะมีไมตรีจิตตอบและถวายการอารักขาให้ผาสุกกัน จึงกลายเป็นธรรมเนียมว่าเมื่อผ่านศาลเจ้าเทพารักษ์หรือไม้วนปติ ที่มีชนนับถือพึงให้ภิกษุเจริญสามีจิกรรมเจริญเมตากรียสูตร…บ้างเรียกมนต์ขับผี ปัจจุบันนำไปสวดรวมกับเจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน เรารับฟังเนืองๆแต่ไม่เข้าใจความหมาย บทนี้ใช้ได้ดีทีเดียวเวลาไปนอนป่าหรือที่ไม่คุ้นชินทำให้นอนหลับง่ายและทำให้จิตสงบได้


    กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
    กิจอันใด อันพระอริยะเจ้าบรรลุบทอันกระทำแล้ว กิจอันนั้นกุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์พึงกระทำ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ
    กุลบุตรนั้นพึงเป็นผู้อาจหาญ และซื่อตรงดี
    สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี
    เป็นผู้ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่มีอติมานะ<o:p></o:p>
    สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ
    เป็นผู้สันโดษ เลี้ยงง่าย
    อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ
    เป็นผู้มีธุรกิจน้อย ประพฤติเบากายจิต<o:p></o:p>
    สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ
    มีอินทรีย์อันระงับแล้ว มีปัญญา
    อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
    เป็นผู้ไม่คะนอง ไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย<o:p></o:p>
    นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
    วิญญูชนติเตียนชนทั้งหลายอื่นด้วยกรรมอันใด ไม่พึงประพฤติกรรมอันนั้นเลย<o:p></o:p>
    สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
    ขอสัตว์ทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิด<o:p></o:p>
    เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ
    สัตว์มีชีวิตทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่
    ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
    ยังเป็นผู้สะดุ้ง ( คือมีตัณหา ) หรือเป็นผู้มั่นคง ( ไม่มีตัณหา ) ทั้งหมดไม่เหลือ<o:p></o:p>
    ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
    เหล่าใดยาวหรือใหญ่ หรือปานกลางหรือสั้นหรือผอมพี<o:p></o:p>
    ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา
    เหล่าใดที่เราเห็นแล้ว หรือมิได้เห็น
    เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร
    เหล่าใดอยู่ในที่ไกลหรือที่ไม่ไกล<o:p></o:p>
    ภูตา วา สัมภะเวสี วา
    ที่เกิดแล้ว หรือแสวงหาภพก็ดี
    สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
    ขอสัตว์ทั้งปวงเหล่านั้น จงเป็นผู้มีตนถึงความสุขเถิด<o:p></o:p>
    นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ
    สัตว์อื่นอย่างพึงข่มเหงสัตว์อื่น
    นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ
    อย่าพึงดูหมิ่นอะไรๆ เขา ในที่ไรๆ เลย<o:p></o:p>
    พยาโรสะนา ปะฏิฆะสัญญา นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
    ไม่ควรปรารถนาทุกข์แก่กันและกัน เพราะความกริ้วโกรธด้วยความคับแค้นใจ<o:p></o:p>
    มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
    มารดาถนอลูกคนเดียว ผู้เกดในตนด้วยยอมพร่าชีวิตได้ฉันใด<o:p></o:p>
    เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
    พึงเจริญเมตตา มีในใจ ไม่มีประมาณในสัตว์ฉันนั้น<o:p></o:p>
    เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
    บุคคลพึงเจริญเมตตา มีในใจไม่มีประมาณไปในโลกทั้งสิ้น<o:p></o:p>
    อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ
    ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องเฉียง
    อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
    เป็นธรรมอันไม่คับแคบ ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู<o:p></o:p>
    ติฎฐัญจะรัง นิสินโน วา
    ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น ยืนอยู่ก็ดี เดินไปก็ดี นั่งแล้วก็ดี
    สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
    นอนแล้วก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงนอนเพียงใด<o:p></o:p>
    เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ
    ก็ตั้งสติอันนั้นไว้เพียงนั้น
    พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
    บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวกิริยาอันนี้ว่า เป็นพรหมวิหารในพระศาสนานี้<o:p></o:p>
    ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีสะวา
    บุคคลที่มีเมตตา ไม่เข้าถึงทิฏฐิ เป็นผู้มีศีล
    ทัสสะเนนะ สัมปันโน
    ถึงพร้อมแล้วด้วยทัศนะ ( คือโสดาปัตติมรรค)<o:p></o:p>
    กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง
    นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออก
    นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติฯ
    ย่อมไม่ถึงความนอน ( เกิด) ในครรภ์อีก โดยแท้ทีเดียว<o:p></o:p>

    credit : www.yimwhan.com

    เห็นว่าไม่ค่อยมีคนลง จึงเอามาเผยแผ่ ถ้าเกิดปัญหาอะไร ขออภัย ด้วยนะครับ

    ข้าพเจ้าขอบุญอุทิศบุญกุศลจากการแจกจ่ายบทสวดมนต์นี้
    ให้ถึงแก่บิดา มารดาของข้าพเจ้า หมู่ญาติพี่น้อง ครูบาอาจารย์
    ผู้มีพระคุณ ศัตรูของข้าพเจ้า
    เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า เจ้ากรรมนายเวรของบิดา มารดา
    เทวดาประจำตัวของข้าพเจ้า เทวดาประจำตัวของบิดา มารดา
    เทวดา เจ้าที่ เจ้าทางอารักขเทวดา รุขเทวดา ประจำที่บ้าน
    เทวดา 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน อบายภูมิ 4 มนุษย์ 1 พรหม 16 ชั้น
    พญายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย ร่วมโปรดอนุโมทนา และ ร่วมเป็นสักขีพยาน
    ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าครั้งนี้ด้วยเทอญ
    และขอให้ถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ทั้งหมดทั้งสิ้นด้วยเทอญ
    และขออำนาจผลบุญที่ข้าพเจ้าอุศไปนี้ เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าถึงพระนิพพาน
    ในปัจจุบัน และอนาคตกาลเบื้อหน้าด้วยเทอญ
     
  2. ปฐมฌาณ

    ปฐมฌาณ เป็นและตาย..อยู่ใกล้กัน..เพียงลมหายใจ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    486
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,870
    คือสุด......ยอดแห่งพระคาถา..ที่มีมาในสมัยพุทธกาล

    เมตตัญจะสัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง

    อุทธังอะโธ จะ ติริยัญจะอะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง

    ติฎฐัญจะรัง นิสินโน วา

    สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ

    เอตังสะติง อะธิฏเฐยยะ

    พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ

    ทิฏฐิญจะอะนุปะคัมมะ สีสะวา

    ทัสสะเนนะ สัมปันโน

    กาเมสุวิเนยยะ เคธัง

    นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติฯ


    บทกรณียเมตตาสูตรนั้น..คือยอดแห่งพระคาถาเมตตาทั้งปวง..ที่พระธุดงค์.เกือบทุกรูปจะต้องภาวนาเวลาจาริก..วิเวกไพร

    พระอรหันต์ห้าร้อยแดนป่ากรุงสาวัตถี....เคยสำเร็จ...ความร่มเย็น..ด้วยอานุภาพแห่งพระคาถามาแล้ว......เพื่อง่ายต่อการภาวนา..บทที่ตัดมานั้นเป็นที่นิยมสวด..ในงานมงคลและงานอวมงคล..ของพระสงฆ์ไทยในยุคนี้..ขอรับ


    ขออนุโมทนาสาธุการด้วยขอรับ.....ที่ท่านเลื่อมใสศรัทธานำมาเผยแพร่
    [​IMG]
    เรือนธรรมแสงทางแห่งปัญญา(ห้องสมุดธรรมะเพื่อประชาชน)​

    ป.ล. บทนี้เมื่อสวดแล้วพระพุทธองค์ท่านตรัสว่าย่อมเป็นที่รักแก่ทวยเทพ........ดังปรากฎท่อนหนึ่งของประวัติแห่งพระคาถาว่า....
    หลังจากพระธุดงค์ห้าร้อยได้ภาวนา...และจาริกกลับดง.....เหล่าเทวดาที่เคยอารวาด...แปลงเป็นผีคอหัก..หรือ..ทำให้เกิดอาเพศจนอยู่ไม่ได้.....ได้ลุกขึ้นไปต้อนรับ...ว่าพระของพวกเรามาแล้ว...แสดงอาการต้อนรับด้วยความนอบน้อมและด้วยความยินดียิ่ง.....และแล้วป่าที่เคยวิปริต...ก็เงียบสงบร่มเย็นเหมาะแก่การเจริญสมณะธรรมนับแต่นั้นมา

    เกล้าฯก็นิยมภาวนา..คาถา.บทนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2010
  3. wiraj

    wiraj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +1,620
    ผมสวดเป็นประจำทุกวันครับ อนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
     
  4. chanin

    chanin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2005
    โพสต์:
    675
    ค่าพลัง:
    +1,331
  5. สุนันท์ธา

    สุนันท์ธา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +38
    โมทนาสาธุค่ำ อยากท่องมานานแล้วแต่ไม่มีแต่วันนี้ได้อ่านขอบคุณมากที่บอกมาค่ะจะท่องให้ขึ้นใใจเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...