วิธีสวดมนต์ให้ได้ผลพร้อมเรื่องเล่าปาฏิหาริย์

ในห้อง 'ประสบการณ์ ผลของการสวด' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 3 มิถุนายน 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วิธีสวดมนต์ที่ได้ผลดี มิใช่เพียงแค่ให้ใจสบาย
    เริ่มต้นด้วยการอาราธนาศีล ด้วยบท มะยัง ภันเตฯ
    และรับศีลด้วยบท ปานาติปาตา เวระมณีฯ

    เหตุที่ต้องอาราธนาศีลและรับศีลก่อนก็เนื่องจากว่า เมื่อเราอาราธนาศีลและรับศีลแล้ว บทคาถาต่างๆ ที่เราสวดนั้น ก็จะออกมาจากปากของผู้มีศีล ซึ่งจะมีพลังพุทธคุณสูงกว่าปกติมากนัก

    ต่อจากนั้นจึงอธิษฐานเปิดบุญ “ขออำนาจพระรัตนตรัย จงบันดาลให้บุญอันจะเกิดขึ้นจากการสวดมนต์ภาวนาของข้าพเจ้าในครั้งนี้ จงเปิดไว้ให้แก่..............................................................................”
    (ให้แก่ใครก็ตามที่เราปรารถนา เช่น องค์พระบารมีประจำสังขารของข้าพเจ้า (เทวดาประจำตัวของเรานั่นเอง) ท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า หรือ ท่านตีจู่เอี้ย หรือ ท่านเจ้าที่เจ้าทางในบ้าน ในร้านค้าที่เราอาศัยอยู่
    เดี๋ยวจะมีตัวอย่างที่อาจารย์ได้อธิษฐานเปิดบุญในเรื่องเล่าประสพการณ์ให้ท่านฟัง ว่าทำแล้วได้ผลอย่างไร และท่านก็ควรนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม)
    ต่อจากนั้นก็ควรมีหนังสือที่ใช้ในการสวดมนต์สักหนึ่งเล่ม เราก็เริ่มสวดตามหนังสือไปเลย

    บทคาถาหลักๆ ที่ควรสวดจะมีอยู่ด้วยกัน 3-4 บท ที่อาจารย์เองจะสวดประจำทุกค่ำเช้า

    1. พาหุง 2. มหากา 3. ชินบัญชร 4. ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก

    หลังจากสวดเสร็จครบทุกบทแล้วให้อธิษฐานว่า

    “ขอท่านทั้งหลายที่ปรารถนาในบุญนี้ จงได้ตั้งจิตอนุโมทนาบุญรับเอาบุญนี้ไปด้วยทั่วหน้ากันเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ”

    เทคนิคอีกอย่างในการสวดมนต์ คือ การสวดมนต์อย่างอุเบกขา คือ สวดโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนในใจ ให้สวดด้วยความบริสุทธิ์ใจด้วยจิตที่คิดจะให้บุญนี้แก่ผู้อื่น หลังจากอธิษฐานให้ท่านทั้งหลายรับบุญไปแล้วจึงค่อยอธิษฐานขอในสิ่งที่ตนกำลังเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือ

    ประสพการณ์การสวดมนต์ที่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินของ อ.กฤษณะพงศ์ ซึ่งมีจำนวนนับหลายแสนบาทให้หมดไปได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 15 วันนับจากวันที่เริ่มสวด และได้เงินจำนวนครบถ้วนภายใน 4 วัน เรื่องราวทั้งหมดมีดังนี้

    เมื่อประมาณช่วงใกล้สิ้นปีที่ผ่านมาของปี 2551 ตอนนั้นอาจารย์มีหนี้สินกับบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด จำนวนหลายใบ ซึ่งหนี้สินจำนวนดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากการที่อาจารย์และครอบครัวได้ต่อเติมบ้านที่อาจารย์อยู่เพื่อให้ผู้อื่นมาเช่าหรือเซ้งทำการค้า ในการต่อเติมบ้านครั้งนั้นได้ประเมินค่าใช้จ่ายไว้ที่ประมาณ 2 ล้านบาท แต่เมื่อทำจนกระทั่งเสร็จสิ้นยอดเงินทั้งหมดอยู่ที่เกือบ 3 ล้านบาท ซึ่งเกินจากงบประมาณที่ได้ตั้งไว้มาเยอะมาก และก็ไม่สามารถที่จะหยุดได้ต้องฝืนทำต่อจนแล้วเสร็จ ซึ่งเงินส่วนหนึ่งที่นำมาหมุนนั้นก็ได้มาจากการดึงจากบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดมาใช้ หลังจากบ้านสร้างเสร็จก็ได้พยายามทำงานเพื่อใช้หนี้ ซึ่งการให้เช่าเซ้งบ้านก็ลดยอดหนี้ไปได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังคงค้างอยู่อีกหลายแสน ซึ่งพอมาถึงเมื่อปลายปี 2551 ตอนนั้นด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ถือได้ว่าค่อนข้างย่ำแย่มาก ทำให้กระแสรายรับเริ่มลดลง ประกอบกับกระแสรายจ่ายที่ยังมีมากมายอยู่เท่าเดิม ทำให้ถึงจุดทางตัน คือ วงเงินในบัตรทุกใบเต็มหมด ไม่สามารถที่จะนำเงินจากบัตรใบใดใบหนึ่งมาชำระยอดขั้นต่ำให้แก่บัตรใบอื่นๆได้แล้ว ในต้นเดือนหนึ่งช่วงปลายปี 2551นั้นอาจารย์จำได้ว่านั่งอยู่ในห้องนอนคนเดียวน้ำตาก็เริ่มไหลออกมา ด้วยคิดในใจว่า เครดิตที่เราสร้างมาทั้งหมดคงถึงกาลสิ้นสุด ณ. สิ้นเดือนนี้เอง ธุรกิจต่างๆที่เราคาดหวังว่าจะทำต่อไปคงต้องล้มคลืนลงทั้งหมด เพราะเมื่อเครดิตเสียก็ไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ กับธนาคารได้อีก ในวันนั้นเองอาจารย์ก็ได้มีความคิดหนึ่งขึ้นมาซึ่งก็คงไม่ต่างจากผู้อื่นที่ว่าเมื่อทุกข์ใจต้องพึ่งพาพระเจ้า แต่จะพึ่งพาท่านอย่างไรเล่า ในขณะที่ทุกข์ใจอยู่นั้น อาจารย์เองได้หยิบหนังสือพุทธมนต์คาถา ซึ่งเป็นหนังสือแจกฟรีเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านเพื่อดูว่าจะสวดมนต์ด้วยพระคาถาบทไหนบ้าง และด้วยความบังเอิญก็ได้พบกับคำตอบหรือกุญแจที่จะใช้ไขข้อกังขาของอาจารย์ ดังจะกล่าวต่อไปนี้

    มีคำเทศนาของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โตพรหมรังสี) ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิต หลังจากที่ล่วงลับไปแล้วเมื่อ 100 กว่าปี อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    “ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือ บารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนล้นตัว เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้ แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง

    จงจำไว้นะ เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า

    เมื่อได้อ่านเนื้อหาบทนี้ทำให้อาจารย์เกิดนิมิตบางอย่างขึ้นในใจ ว่า”ใช่แล้วเราต้องมีบารมีเป็นทุนของเราก่อน อีกทั้งเราต้องถวายบุญกุศลนี้ให้แก่ผู้ที่เราจะขอบารมีท่านให้ช่วยเหลือเราซึ่งเราก็จะไม่ติดหนี้สินในบุญบารมีนั้น” และก็นึกต่อไปอีกว่าทุกครั้งที่เราสวดมนต์เราจะแผ่เมตตาให้กับผู้อื่นทีหลัง คล้ายกับว่า เราทานข้าวเสร็จจึงแบ่งให้ผู้อื่นได้ทานต่อจากเรา เหตุใดเล่า เราจึงไม่เชื้อเชิญให้เกียรติ์ท่านทั้งหลายให้ได้มารับบุญบารมีไปพร้อมกับเรา รับเอาบารมีของทุกอักขระทุกตัวอักษรของพระคาถาไปพร้อมๆ กัน หรือทานไปพร้อมๆกับเรานั่นเอง ซึ่งในนิมิตนั้นบอกกับอาจารย์ว่าจะให้ผลดีกว่าอย่างแน่นอน

    นับแต่คืนนั้นเองเป็นต้นมาอาจารย์ก็เริ่มสวดมนต์เป็นประจำทุกค่ำเช้าวันละสองรอบด้วยบทคาถาที่ได้แนะนำไว้ในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งทุกครั้งจะอาราธนาศีลและอธิษฐานเปิดบุญก่อนทุกครั้ง โดยในตอนนั้นอาจารย์เองหวังพึ่งบารมีท่านตีจู่เอี้ยหรือท่านเจ้าที่เจ้าทางของจีนนั่นเอง ซึ่งอาจารย์จะระบุไปในช่องว่างที่ให้ท่านทั้งหลายเติมในเบื้องต้นเลยว่า “ขออำนาจพระรัตนตรัย จงบันดาลให้บุญอันจะเกิดขึ้นจากการสวดมนต์ภาวนาของข้าพเจ้าในครั้งนี้จงเปิดไว้ให้แก่ ท่านตีจู่เอี้ย,ท่านเจ้าที่เจ้าทาง,อากง ซึ่งปกปักรักษาบ้านหลังนี้” หลังจากสวดเสร็จทุกครั้งก็จะอธิษฐานขอต่อท่านเจ้าที่เจ้าทางต่อไปว่า ลูกมีปัญหาเรื่องการเงินซึ่งกำลังจะส่งผลอย่างไร และต้องการความช่วยเหลือจากท่านเช่นไร


    ปาฏิหารย์ที่เกิดขึ้นจะได้เล่าให้ฟังดังต่อไปนี้

    ในตอนนั้นหน้าบ้านที่อาจารย์ได้ทำไว้ให้คนเช่าเซ้งมีทั้งหมด3ห้อง แต่ว่างลงสองห้องโดยห้องแรกได้ว่างลงราวๆหนึ่งเดือนมาแล้ว มีผู้สนใจมาถามเพื่อจะเช่าเซ้งแต่ก็หายเงียบไปเสียทุกที

    และทุกรายที่มาคุยก็จะสนใจในเรื่องการเช่าเท่านั้นไม่มีผู้ใดสนใจที่จะเซ้งเลย ซึ่งถ้าเช่าอาจารย์ก็จะได้เป็นรายเดือนซึ่งก็จะเพียงพอนำมาชำระหนี้แค่ยอดขั้นต่ำของทุกๆเดือนเท่านั้น แต่ถ้าเซ้งอาจารย์ก็จะได้เป็นเงินก้อนมาชำระหนี้ได้หมดเลย ตอนนั้นมีคนมาดูหลายสิบรายมากแต่ก็อย่างที่บอก คือมาแล้วก็หายเงียบไป จนกระทั่งในวันหนึ่งซึ่งอาจารย์ได้สวดมนต์มาประมาณสักเกือบสิบวันแล้ว ได้มีผู้สนใจเช่าอยู่รายหนึ่งมาดูบ้านและในขณะที่ยืนคุยกันนั้นเขาก็เล่าให้ฟังว่า เขาเองไม่ได้ตั้งใจมาดูที่บ้านเราหรอกแต่เขาดูอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องไปอีกไกลพอสมควร แต่ขณะที่ดูอยู่กับเพื่อนๆ อยู่นั้นมีความรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมาจับที่ข้อมือเขาและบอกเขาว่าให้ตามมา เขาจึงบอกเพื่อนอีกสองคนที่มาดูบ้านด้วยกันว่ารอตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวเขามา เขาก็เดินตามคนๆนั้นมา เขาเล่าว่าใส่ชุดขาว แต่ไม่ทราบว่าเป็นหญิงหรือชายเพราะพยายามมองหน้าแต่ไม่เห็น จนคนที่จูงมานั้นจูงเขามาจนถึงหน้าบ้านของอาจารย์และบอกว่าให้รออยู่ตรงนี้นะ แล้วคนที่จูงมาก็หายไป เขาก็หันมองไปมาจนเห็นป้ายประกาศให้เช่าเซ้งบ้านของอาจารย์ จึงโทรติดต่อเข้ามาเพื่อขอดูบ้าน อาจารย์ก็พาเขาดูขณะดูอยู่นั้นเขาเองบอกให้อาจารย์ดูว่าเขาขนลุกชันตลอดเวลาไม่ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุใด จนเพื่อนเขาตามมาถึงที่บ้านอาจารย์ด้วยความงงงวยว่าเพื่อนเขาคนนี้เดินมาดูจนถึงบ้านอาจารย์ได้อย่างไร เพราะไกลกันพอสมควร ตรงนี้คือเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่ง แต่โดยสรุปท่านผู้นี้เขาก็มีความประสงค์แค่การเช่ารายเดือนเท่านั้น ซึ่งเขาเองก็คุยสรุปกับอาจารย์ว่าวันอาทิตย์นี้จะมาวางมัดจำและทำสัญญาเช่า ซึ่งวันที่มาคุยนั้นเป็นวันพฤหัส โดยอาจารย์เองยอมรับตรงๆว่า ยังไม่พึงพอใจนักถ้าจะเป็นการเช่าเพราะอยากได้การเซ้งเพราะจะได้เงินก้อนมาใช้หนี้ได้มากกว่าไม่ต้องมานั่งเสียดอก ในวันต่อมาเวลาที่สวดมนต์ก็จะอธิษฐานกับท่านตีจู่เอี้ยตลอดว่าผมไม่อยากได้เช่านะครับ ผมอยากได้ผู้ที่จะมาเซ้ง แต่ก็ด้วยความที่เรารับปากกับรายนี้ไปแล้วเราต้องมีสัจจะบารมีถ้าเขาเอาเราต้องให้ แต่ก็แอบมาขอกับท่านเจ้าที่เจ้าทางอยู่ในใจ พอวันอาทิตย์มาถึงผมก็ให้ภรรยาโทรไปเช็คว่าจะเข้ามาทำสัญญาตอนกี่โมง ทางนั้นกลับตอบมาว่าเดี๋ยวเขาต้องถามเพื่อนก่อน พอภรรยาผมถามต่อไปว่า “แต่คุณยังสนใจจะเอาอยู่ใช่ไหม” ทางนั้นก็ตอบมาว่า เดี๋ยวเขาต้องขอถามและปรึกษาเพื่อนก่อน สรุปได้ว่าความไม่แน่นอนได้เกิดขึ้นแล้ว ผมเองก็เสียความรู้สึกไปมากทีเดียวเพราะจริงๆในใจก็คิดว่าแม้จะเป็นสัญญาเช่าก็ยังดีก็ยังได้มีเงินรายเดือนมาต่อลมหายใจจ่ายขั้นต่ำไปก่อน แต่พอมาเกิดความไม่แน่นอนขึ้นแบบนี้ก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่แอบผิดหวังแต่ไม่ให้ภรรยากับคุณแม่ทราบว่าเราทุกข์ใจ แต่ก็ยังคงสวดมนต์และอธิษฐานต่อท่านเหมือนเดิม พอมาในวันจันทร์มีรายหนึ่งขอเข้าชมบ้านเพราะสนใจจะมาทำซูชิขาย เขาก็ดูบ้านแบบไม่ได้แสดงให้เห็นว่าอยากจะได้อะไรมากมายนัก แต่เมื่อดูเสร็จก็รับปากกับเราว่า เย็นนี้จะเข้ามาวางมัดจำ10,000 บาท และจะทำสัญญาในอีก4วันข้างหน้าซึ่งต้องชำระให้เราเป็นเงินก้อนหลักแสน ตกเย็นวันนั้นเขาก็มาวางเงินและในอีก4วันต่อมาผมก็ได้รับเงินทำสัญญาเซ้งหลักแสนที่ว่านี้อย่างปาฏิหารย์โดยหลังจากที่ท่านผู้นี้วางมัดจำเรียบร้อยแล้ว อีกวันหนึ่งต่อมาผู้ที่จะเช่าที่มาดูไว้ก่อนที่แรกและบอกจะถามเพื่อนก็โทรเข้ามาว่าจะเข้ามาวางมัดจำเช่นกันซึ่งไม่ทันแล้ว นี่เป็นปาฏิหารย์ครั้งแรกซึ่งทำให้ผมมีเงินไปใช้หนี้ได้ถึงครึ่งหนึ่ง

    ซึ่งผมเองก็ยังคงสวดมนต์และขอต่อท่านตีจู่เอี้ยต่อไปว่า ยังเหลืออีกห้องหนึ่งที่ยังว่างอยู่และผมก็อยากให้มีคนมาเซ้งเช่นกัน นี่คือปาฏิหารย์ครั้งที่สอง ซึ่งระยะเวลาต่อมาอีกวันเดียวหลังจากทำสัญญากับรายแรก ก็ได้มีผู้สนใจท่านหนึ่งมาดูห้องอีกห้องที่ยังว่างอยู่โดยสนใจจะเช่า และเขาขอเวลาไปคิดซึ่งในอีกหนึ่งวันถัดมาเขาก็โทรมาบอกว่า อีกสามวันเขาจะเข้ามาวางเงินมัดจำ ซึ่งผมก็แจ้งว่า ถ้ามีคนมาวางมัดจำก่อนคุณผมจำเป็นต้องให้นะเพราะผมจำเป็นต้องใช้เงิน เนื่องจากถ้ารอแล้วถึงเวลาคุณเกิดไม่มาแล้วผมปฏิเสธคนอื่นไปแล้วผมจะเสียโอกาส เขาจึงบอกว่างั้นผมจะเข้าไปวางพรุ่งนี้เย็นเลย ซึ่งผมก็ย้ำกับเขาว่า “เอาเป็นว่าคุณวางมัดจำเมื่อไหร่คุณได้สิทธิ์เมื่อนั้น” เขาก็โอเค แต่ขอโทษนะครับท่านผู้อ่าน ผมเองก็ยังแอบอธิษฐานขอต่อท่านตีจู่เอี้ยในขณะสวดมนต์ว่าผมอยากได้สัญญาเซ้งเพราะถ้าได้ผมจะหมดหนี้ทันที เชื่อไหมครับในวันรุ่งขึ้นปาฏิหารย์ครั้งที่สองก็เกิดขึ้นอีกครั้ง คือ ในวันนี้ผมจะต้องไปรายการเคเบิ้ลทีวีตอนเที่ยง ซึ่งวันนั้นตอน11โมงเช้าผมกำลังแต่งตัวอยู่บนห้อง เลขาก็ขึ้นไปตามว่ามีคนมาขอดูบ้าน ผมก็รีบลงมาพาเขาชม เหมือนเดิมครับผู้ที่มาดูก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆว่าสนใจในตัวบ้านเป็นพิเศษ เขามากันสองคนชายหญิง ซึ่งคุณผู้หญิงได้ขอเข้าชมในตัวบ้านและชั้นบนของบ้าน ส่วนผมคุยกับคุณผู้ชายอยู่ และบอกเขาว่า ถ้าคุณสนใจต้องเป็นสัญญาเซ้งอย่างเดียวเท่านั้นและต้องตัดสินใจก่อน4โมงเย็นวันนี้ เพราะถ้าเป็นสัญญาเช่าผมจะต้องให้อีกรายหนึ่งซึ่งนัดทำสัญญา 4 โมงเย็นวันนี้ เขาก็ฟังและยิ้มๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีกระตือรืนร้นอะไรออกมาให้เห็น พอผู้หญิงเดินลงมาชายที่มาด้วยก็ถามกับผู้หญิงว่าชอบไหม ฝ่ายผู้หญิงก็ตอบว่าชอบ และหันมาทางผมพร้อมกับยิ้มและบอกว่า “ขอกลับไปตัดสินใจก่อนนะค๊ะ” ผมก็ยิ้มๆ พร้อมกับกำลังจะตอบว่าครับ แต่ฝ่ายชายได้ถามขึ้นมาอีกว่า “คุณชอบหรือเปล่าหละ” ฝ่ายหญิงก็พยักหน้าและตอบว่าชอบ เชื่อไหมครับ ชายคนนั้นเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าตังค์แล้วควักเงินออกมา10,000บาทส่งให้ผมตามที่ผมได้แจ้งรายละเอียดไว้เลย และบอกว่าพรุ่งนี้จะมาทำสัญญา ซึ่งในเช้าวันต่อมาผมก็ได้รับเงินสำหรับสัญญาเซ้งอีกก้อนหนึ่งซึ่งทำให้ผมจ่ายหนี้ได้หมดจนเหลือ 0 บาทภายในระยะเวลา 15 วันนับแต่เริ่มสวดมนต์ และเงินทั้งหมดครบถ้วนภายใน4 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าเลยว่าจะเป็นเช่นนี้

    ทั้งหมดนี้ที่ผมได้เล่ามามิได้เพียรพยายามจะให้ผู้ใดหลงเชื่อหรือหลงงมงาย แต่อยากให้ท่านเชื่อในความดี ในบุญบารมีอันเกิดจากการสวดมนต์ว่าสิ่งนี้สามารถช่วยเราได้จริง

    ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่านและครอบครัวผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบกันทุกคนนะครับ



    อาจารย์ กฤษณะพงศ์ โรจนภรณ์สิน
    ทนายพยากรณ์
    www.tanaypayakorn.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2009
  2. chengma

    chengma Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +35
    ทุกวันนี้ปผมก็สวดมนต์แบบอาจารย์เป็นเวลาสองปีแล้ว ทุกบทที่อาจารย์กล่าวมา แต่ไม่เจอปฏิหารย์เหมือนอาจารย์ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ อย่างงัยจะสวดต่อไปเพื่อให้ใจสงบครับ ไม่ใช่เพื่อปฏิหารย์ สาูธุ และความเจริญในธรรม
     
  3. Sawadruksa

    Sawadruksa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +90
    sa thoe a noe mo tha na kha
     
  4. พัน พิชา

    พัน พิชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +105
    การทำแบบนี้ใช่ว่าจะได้ผลกับทุกคนนะครับ อยู่ที่บุญและกรรมของแต่ละคนที่มีอยู่ บางคนสวดไม่เท่าไรก็เกิดผล อาจเพราะว่าเหมือนกับดอกบัวจะพ้นนําแล้วอะไรทำนองนั้น พอได้ปฏิบัติอะไรเข้าก็พ้นนําเลย แต่บางคนก็หาพบกับผลนี้ไม่ แบบผมนี้ สวดชินบัญชรมาตั้งแต่ประมาณปี 35 จนปัจจุบัน ก็ไม่มีอะไรมาปฏิหารย์ในหน้าที่การงาน แต่บางคนสวดเพียงไม่เท่าไรก็ เกิดผล อันนี้แล้วแต่ผลบุญของแต่ละคน อย่าไปท้อถอยอะไรเลยนะครับ ยอมรับในสถานะภาพของชีวิตของตน พยามยามอย่าเอาชีวิตเราไปเปรียบเทียบกับผู้ที่ดีกว่า เจริญกว่า มันจะเกิดกิเลส พยามเปรียบเที่ยบกับคนที่ด้อยกว่าเรา จะทำให้เราเป็นสุข คือคิดว่า ทำไมคนที่แย่กว่าเราเขายังอยู่ได้ มันจะทำให้เรามีจิตใจโอบอ้อมอารีย์ต่อบุคคลเหล่านั้น ด้วยความปรารถนาดีครับ
     
  5. paya_po@yahoo.com

    paya_po@yahoo.com เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +227
     
  6. คาคะ

    คาคะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    424
    ค่าพลัง:
    +1,533
    อนุโมธนาบูญคะ เชื่อและมั่นใจที่สุดเลยละคะว่าการสวดมนต์นั้นดีที่สุดในโลกเลยคะ
     
  7. npat2511

    npat2511 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +203
    ได้ไปทำตามที่ท่านเล่า เมื่อวันจันทร์ที่ 8 พอวันที่ 9 บ่ายๆ ก็ได้ข่าวดีเกี่ยวกับเรื่องเงิน ตั้งกะเกิดมาเพิงสวดมนต์ยาวๆ เป็นครั้งแรกคะ ขอบคุณคะ
     
  8. pechklang

    pechklang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    400
    ค่าพลัง:
    +829
    ขอร่วมอนุโมทนา สาธุ
    จะนำไปทดลองปฏิบัติดูครับ !
     
  9. assadin

    assadin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2010
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +228
    อนุโมทนาครับ การสวดมนต์นั้นทำให้จิตเราสงบและมีสติ และหลังจากสวดมนต์แล้วควรนั่งอ่านจิตของเราเองด้วยนะครับ(นั่งทำสมาธิ)แล้วจะเสริมบารมีของเราเองครับ สาธุ
     
  10. พ่อเลี้ยง2

    พ่อเลี้ยง2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +838
    ชินบัญชรกับยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก สวดบทไหนก่อนกันแน่ครับ
     
  11. พัฒน์นรีโพ

    พัฒน์นรีโพ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +3
    อนุโมทนาค่ะ ฉันจะทำเหมือนอาจารย์บ้างค่ะ เพราะที่ผ่านสวดแต่กลางคืนของวันพระ นับตั้งแต่วันที่ 8 มีนา 53 ฉันจะตั้งจิตสวดมนต์ตามที่อาจารย์เล่าประสบการณ์ให้ฟังหวังไว้บ้างว่าจะมีปาฏิหาริย์เหมือนอาจารย์ถ้าเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นฉันจะกระทู้ให้ฟังค่ะ
     
  12. jee4

    jee4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +848
    อนุโมทนา ครับ
    ผมก็มีประสบการณ์คล้ายๆกับอาจารย์ครับ.....(smile)(good)
     
  13. เข็มขาว

    เข็มขาว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +57


    ส่วนตัวดิฉันจะสวด สาธยายบทสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก (สวดพระสูตร,พระคาถา ต่าง ๆ)ก่อน กรวดน้ำ แผ่เมตตา แล้วถึงจะ สวดพระคาถาชินบัญชร

    พระคาถาชินบัญชร ถือว่าเอาพระพุทธมนต์อันวิเศษ แต่ละสูตรมารวมกันสอดคล้องเป็นกำแพงแก้วคุ้มกัน ตั้งแต่กระหม่อมจอมขวัญของผู้ภาวนาพระคาถาลงมาจนล้อมรอบตัว จนหาช่องโหว่ให้อันตรายสอดแทรกเข้ามาไม่ได้ และทำให้เกิดสิริมงคลสมบูรณ์พูนผลแก่ผู้สวดเป็นอย่างมาก
     
  14. มังกรผยอง

    มังกรผยอง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +62
    เล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานได้มั้ยคะ

    :cool:







    น่าสนใจมากเลยอ่ะค่ะ อยากรู้จังเลย :cool:
     
  15. dekmuanglong

    dekmuanglong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +9
    ขออนุโมทนา กับ อาจารย์ด้วยค่ะ

    ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาคล้าย ๆ กับอาจารย์ แต่จะพยายาม สวดให้ได้ทุกวัน แต่ไม่ได้หวังว่าการสวดมนต์ในครั้งนี้จะมีปาฏิหารอะไรเกิดขึ้นหรอกค่ะ แต่คิดว่าการสวดมนต์เป็นสิ่งที่ดี และอีกอย่างทำแล้วจะได้สบายใจด้วย และอีกอย่างดิฉันว่า อาจารย์คงจะมีบุญบารมีที่สะสมไว้ดี นะคะ
     
  16. Ream

    Ream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +215
    ขออนุโมทนา ด้วยครับ เมื่อไหร่ จะเกิดปาฏิหารย์อย่างนี้กับผมบ้างนะ ต้องพยายามให้มากกว่าที่ผ่านมา หวังให้มีเรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิตบ้าง อนุโมทนาอีกครั้งครับ สาธุ
     
  17. รัมภาภัค

    รัมภาภัค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +114
    อนุโมทนาด้วยค่ะ
    ตอนนี้หนูก็สวดมนต์แต่มีอาการแปลก ๆคืออากาศไม่ร้อนน่ะค่ะแต่ว่าเหนื่อยที่ตัวและหน้าออกเยอะมากเลยค่ะหยดเป็นน้ำเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดมีใครพอจะทราบไหมค่ะ
     
  18. love_song_music

    love_song_music เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2009
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +907
    ผมสวดแต่อันเชิญเทวดา ไม่ได้เจาะจง แต่ได้อ่านบทความนี้แล้ว
    ต้องเพิ่มแบบเจาะจงเสียแล้ว
    อนุโมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...