ชายท่านหนึ่ง ที่มีนามว่า เยซู

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย 12punna, 11 พฤษภาคม 2006.

  1. quietpro

    quietpro สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +12
    กระผมขอขอบคุณท่านมากที่ให้ความกระจ่าง

    กระผมอยู่ใน US มามากก่วา

    30 ปี เท่าที่สัมผัสมา 70%

    เขาเชื่อกันจริงๆว่า ถ้าท่านสารภาบบาปต่อพระเยฃูแล้วท่านจะล้างบาปให้

    กระผมมาคิดดูกระผมก็อดสงสารพวกเขาไม่ใด้ที่เชื่อกันผิดๆ

    กระผมก็ขอพาวนาว่าสักวันหนึ่งตาพวกเขาคงจะสว่าง

    อีกคร้งขอขอบคุณท่านแลสวัสดีครับ
     
  2. ดาวหางสีเงิน

    ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    เห็นกระทู้นี้ทีไรต้องคลิกทุกที :)
     
  3. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,228
    ค่าพลัง:
    +10,593
    การใช้โทษบาปในสมัยแรก

    ในสมัยแรกๆ ของพระศาสนจักร คริสตชนทำกิจใช้โทษบาปแบบสาธารณะเพื่อชดเชยบาปของพวกเขา เราจะเห็นในเรื่องการสำนึกเสียใจของอริสตอส หลังจากที่ได้ทะเลาะวิวาทกับพ่อค้าคนหนึ่ง

    ลูกชายของมอนิกาและอริสตอสป่วย แต่ท้ายสุดก็ไม่มีเสียงร่ำไห้อีก บ้านเงียบเหงาลง "บางทีลูกชายของเรากำลังเอาชนะความเจ็บป่วยอยู่ก็ได้" อริสตอสกระซิบ

    "เขายังอ่อนแออยู่" มอนิกาตอบอย่างแผ่วเบา

    "แต่การได้นอนหลับจะทำให้เขาแข็งแรงขึ้น"

    อริสตอสรู้สึกความเหน็ดเหนื่อยของตัวเอง เขาแทบไม่ได้หลับมาเกือบสัปดาห์ และมันยากเย็นเหลือเกินที่จะพาตัวเองไปทำงาน

    เมื่ออริสตอสไปที่ร้าน พ่อค้าคนหนึ่งกำลังคอยอยู่ และถามว่า

    "ต้องการต้นปาปีรัสกี่ต้นจากฉัน"

    "ไม่เอาของท่านเลย" อริสตอสจ้องและบอกว่า "ท่านโกงฉันงวดที่แล้ว"

    "ฉันส่งให้เท่าที่จ่ายให้ฉันนะ" พ่อค้าแย้งกลับ

    "ไอ้ขี้โกง" อริสตอสคว้าคอเสื้อพ่อค้าแล้วตะโกนออกมา ทันใดเขาก็ชกพ่อค้าคนนั้นและทุบตีทีแล้วทีเล่า คนงานอื่นๆ รีบเข้าไปหยุดอริสตอส แต่ไม่ทันซะแล้ว เขาทำให้พ่อค้าบาดเจ็บไปแล้ว

    ทันทีที่อริสตอสสงบลง "ฉันทำอะไรไปเนี่ย" เขาถามตัวเอง ความรู้สึกละอายใจเกิดขึ้น เขาเข้าไปช่วยพยุงพ่อค้าให้ลุกขึ้นและพาเขาไปที่บ้าน ที่นั่นเขาให้พ่อค้าทานอาหารและให้พักผ่อน "ฉันเสียใจ" อริสตอสขอโทษ

    "ฉันกังวลเรื่องลูกชายฉันอยู่ วันนี้ พอเห็นท่าน อารมณ์ฉันเลยพลุ่งขึ้น"

    "ไม่เป็นไรหรอก" พ่อค้าพูด

    เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ อริสตอสรีบไปหาพระสังฆราช และบอกท่านถึงสิ่งเลวร้ายที่เขาได้ทำ

    "เป็นสิ่งดีแล้วที่ลูกรู้สึกเสียใจ" พระสังฆราชพูด

    "ตอนนี้ลูกต้องสวดภาวนา อดอาหาร และทำกิจเมตตาสงเคราะห์เพื่อชดเชยบาป แล้วจึงกลับมา เราจะให้ท่านได้รับพระพรของพระเจ้า"

    อริสตอสกลับไปหาพ่อค้าและขอให้เขายกโทษให้ ซึ่งความจริงพ่อค้าก็ได้โกงอริสตอส และตอนนี้เขาก็คิดในใจอยู่ว่า

    "เราต้องยุติการบาดหมางนี้" พ่อค้าพูด "ต่อจากนี้ไปฉันจะซื่อตรงต่อท่าน"

    หลังจากที่อริสตอสใช้เวลาทุกเย็นในการสวดภาวนา วอนขอการอภัยจากพระเจ้า เมื่อเขารู้สึกพร้อมแล้ว เขาก็กลับไปที่มีการฉลองพิธีศีลมหาสนิท เขาคุกเข่าอยู่ข้างนอก ขอร้องทุกคนที่มาร่วมพิธี ให้ช่วยภาวนาเพื่อเขา

    เมื่อพิธีกรรมจบลง พระสังฆราชเทศน์เตือนใจอริสตอส ท่านวางมือบนศีรษะของอริสตอส เพื่อเป็นเครื่องหมายของการยกโทษให้และอวยพรให้แก่เขา "อริสตอสท่านจงเป็นคนที่มีสันติ" พระสังฆราชพูด "บัดนี้ จงไปเถิดและอย่าทำบาปอีก"

    http://www.catholic.or.th/archive/historyxa/history5/story71.html

    เอามาให้อ่านกันเล่นๆ
     
  4. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,228
    ค่าพลัง:
    +10,593
    ไปค้นไปหา ไปเจอมา เค้าเขียนไว้ว่า

    <b>4. การใช้โทษบาป</b> การไปสารภาพบาปและการที่พระสงฆ์ยกบาปให้ยังไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้นบริบูรณ์แล้ว <u>ผู้ที่กระทำบาปต้องไปชดใช้สิ่งที่ได้กระทำบาป ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้อื่นต้องทำให้ดีเช่นเดิม</u> การผิดต่อความยุติธรรมและความรักและบัญญัติข้ออื่น ๆ จะต้องได้รับการชดเชย ตามที่พระสงฆ์จะพิจารณาและกำหนดให้

    http://pjt.snru.ac.th/pongkam/chirst.htm
     
  5. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982
    จิตที่ปราศจากการจองเวร เด่นชัดมาก ... มีเมตตาต่อกันอย่างยิ่ง มีจิตพยายามรักษาความดีอยู่ ... ไม่ให้ความเลวมาทำลายจิตต่อไป อย่างนี้เรียกว่า ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตให้บริสุทธิ์ ส่วนจะได้แค่ไหน ก็ว่ากันไป

    แต่จิตที่ทำบาปไปแล้ว บาปโดนบันทึกไว้แล้ว .. แม้จิตตอนนั้นจะมีความดีแค่ไหน พยายามรักษาความดีแค่ไหน ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงกรรมที่ได้ทำขึ้นไว้แล้วนั้นได้เลย แต่จิตมิได้ไปเกาะบาปนั้น หากตายตอนนั้น จิตย่อมไปรับผลบุญก่อนเสมอ ...

    การระลึกถึงพระเจ้านั้น .. ย่อมทำให้ศรัทธาเขามิจางหายไปโดยง่าย .. การเกาะความดีของเขา จึงง่ายดายขึ้นไปอีกหลายเท่า... ก็ล่อเห็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่มีพลังมีเมตตาขนาดนั้น .. ใครมันจะหลุดไปจากความดีง่ายๆ ศรัทธาย่อมแน่นแฟ้น

    .... หลักธรรมก็ยังเป็นหลักธรรมวันยังค่ำ กล่าวคือ ไม่ว่าศาสนาไหนก็เป็นแบบเดียวกัน

    "กฎแห่งกรรม" สภาวะเดียวกัน ทุกศาสนา
     
  6. redpeppers

    redpeppers Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +77
    จะศาสนาไหน ก็ไม่สำคัญเท่าคุณเป็นคนดีของสังคมหรือไม่ จริงไหมครับ
     
  7. คนโกหก

    คนโกหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    481
    ค่าพลัง:
    +1,413
    ความหมายโดยนัยในคัมภีร์ไบเบิล มีดังนี้


    26 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นมารดาของพระองค์ และสาวกคนที่พระองค์ทรงรักยืนอยู่ใกล้พระองค์ จึงตรัสกับมารดาของพระองค์ว่า "หญิงเอ๋ย จงดูบุตรของท่านเถิด"


    สาวกของพระองค์ หลุดพ้นทุกข์แล้ว แม้เห็นพระองค์จะถูกตรึงกางเขน ก็รู้ว่า
    เป็นการยินยอมของพระเยซู ท่านจึงไม่ทุกข์ แล้วจึงให้พระมารดาพิจารณา
    พระเยซูเพื่อให้เห็นธรรม จะทดสอบดูพระมารดาว่ามีทุกข์หรือไม่...


    27 แล้วพระองค์ตรัสกับสาวกคนนั้นว่า "จงดูมารดาของท่านเถิด" ตั้งแต่เวลานั้นมาสาวกคนนั้นก็รับมารดาของพระองค์มาอยู่ในบ้านของตน

    พระเยซูกล่าวเช่นนั้น แสดงว่า พระมารดาของพระองค์ ได้หลุดพ้นทุกข์แล้ว
    เช่นกัน ไม่ต้องกลัวว่าพระมารดาของพระเยซูคริสตร์จะเสียใจในการถูกตรึง
    กางเขน จึงตรัสให้ดูแม่ของท่านเถิดแทน ไม่ต้องกังวลนั่นเอง...






    ตอนที่พระองค์จะถูกตรึงกางเขน สาวกก็ไม่มีความทุกข์ใจ เพราะบรรลุ
    ธรรมกันหมดแล้ว การที่ทุกคนไม่ห้าม และปล่อยไปเพราะต่างรู้ดีทั้งหมด
    ว่าพระองค์จะชำระบาปให้มนุษย์แล้ว

    การที่มีผู้ร้องไห้เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์นั้น ไม่ใช่ร้องเพราะทุกข์ คริสตร์
    เตียนที่แท้จะไม่มีทุกข์ แต่เป็นความปลาบปลื้มปีติในความเมตตาของพระเยซู
    ส่วนคนที่ร้องไห้เพราะเสียใจจริงๆ ผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรม เพราะยังไม่เข้าใจ
    พระเยซู ไม่เข้าใจว่าพระองค์กำลังไปสู่สรวงสวรรค์


    การร้องไห้ของคริสตร์เตียนที่แท้ ที่เข้มแข็ง ไม่ใช่ทุกข์ เทียบกับฌาณในพุทธ
    ก็คือฌาณที่มีปิตินั่นแหละ
     
  8. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    839
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ศรัทธา พระเยซู

    ผมป็นคนพุทธ แต่ก็ศรัทธาในคุณธรรม พระเยซูมากๆเลย
     
  9. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    839
    ค่าพลัง:
    +1,524
    คำถามที่ว่า พระเจ้าอยู่ที่ใด พระเยซูตรัสว่า
    " ตัวเราเป็นวิหารของพระเจ้า "
     
  10. Enigma

    Enigma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +314
    เราคิดว่าพุทธ คริสต์ ความจริงคนละส่วน
     
  11. bobguitarhero

    bobguitarhero สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    ทุกคนครับ !!!! มาฟังทางนี้ก่อนครับ!! แล้วทุกคำตอบเกี่ยวกับปัญหาที่มนุษย์เผชิญอยู่ อยู่ที่นี้หมดแล้ว แต่ก่อนอื่น ผมอยากให้ทุกคนเปิดประตูหัวใจของคุณ มารับฟังผมหน่อยน่ะครับ ผมเป็นคริสเตียนคนหนึ่งละผมก็ได้อ่านกระทู้ของทุกคนหมดแล้ว (ใช้เวลาอ่านนานมากเพราะอ่านจริงๆ !!!) ผมรู้สึกดีมากที่ได้เห็นคำถามของพวกคุณซึ่ง ผมก็เคยมีข้อสงสัยเหมือนกับคุณเหมือนกัน


    !!!...มีใครคนไหนที่ต้องการอยากรู้เรื่องของพระเยซูบ้างครับ !!! ไม่เสียหายหรอก เ ผื่ อ เ ร า จ ะ ไ ด้ รู้ ใ น สิ่ ง ที่ เ ร า ไ ม่ เ ค ย รู้ ผมมี VCD เรื่องเกี่ยวกับพระเยซู ครับ ถ้าใครสนใจ อยากรับ VCD ติดต่อผมน่ะครับที่เมล์
    bob_dreamtheater@hotmail.com อ้อ.. ผมออน MSN ด้วยน่ะครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้รับการตอบกลับ เพราะว่าผมเช็คเมล์ทุกวัน วันละหลายๆรอบครับ ขอบคุณมากครับ ยินดีรับปรึกษาหรือระบายทุกเรื่องครับ ถ้าผมตอบได้ก็จะตอบหมด แต่ถ้าคำถามไหนผมตอบไม่ได้ เอาไว้เดียวผมจะไปหาคำตอบและเหตุผล เอาไว้มาตอบคุณๆทุกคนน่ะครับ


    ในฐานะที่ผมเป็นคริสเตียน(แต่ไม่ใช่คาทอลิก) ก็ขอให้พระเจ้าอวยพรทุกคนที่ได้อ่านกระทู้นี้น่ะครับ และขอให้ทุกคนทุกศาสนานั้นได้พบคำตอบที่แท้จริงและทางออกของชีวิตน่ะครับ
     
  12. Supernova

    Supernova เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +2,488
    พระเยซู ท่านเป็นมหาโพธิสัตว์ครับ ผมก็เคารพท่านเหมือนกันเคยอ่านประวัติและเคยอยู่โรงเรียนคริสต์สมัยประถมทำให้ผมเลื่อมใสท่านเหมือนกันครับ เพราะว่าท่านเนี่ยเต็มเปี่ยมด้วยเมตตามากๆๆๆ ท่านก็โดนตรึงไม้กางเขน แต่ท่านก็อภัยให้กับทุกๆคนที่ปองร้ายท่าน (หาคนอย่างนี้ได้ยากมาก)
    ตอนนี้ท่านอยู่ สวรรค์ชั้น ดุสิต ท่านก็รอเหล่าบริวารท่านที่ประพฤติดีนึกถึงท่านกลับไปหาท่านอยู่ครับ
    คำสอนท่านก็สอนให้คนเป็นคนดี สร้างความเป็นสุขกับมนุษย์โลกครับ ธรรมะใดในโลกของแต่ละศาสนาก็เหมือนกันหมด ที่สอนให้เป็นคนดี ละเว้นความชั่วครับ
     
  13. Pan&R

    Pan&R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +320
    ก่อนอื่น ขออนุญาตเสวนากับคุณ 12punna เรื่อง "พระเยซู"
    ตอนสมัยที่หลวงพ่อฝึกญาณ 8 ให้พวกครู ท่านเคยพาไปพบพระเยซูเหมือนกัน พวกเราจึงได้รู้ว่า ที่จริง "พระเยซู" คือพระโพธิสัตว์ ที่รอมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเบื้องหน้า

    หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านเคยถามพระเยซู ว่าทำไมจึงสอนคนแบบนั้น ท่านตอบว่า ท่านไม่ได้สอนแบบนั้น คนไปเปลี่ยนแปลงคำสอนของท่านเอง

    ตัวเองเรียนหนังสือในโรงเรียนคริสต์มาตลอด และมีเพื่อนที่เป็นคริสต์มากมาย
    ไบเบิลของศาสนานี้ มีแตกต่างกันไปกว่า 500 นิกาย บางฉบับก็มาคัดลอกของศาสนาพุทธไปก็มี (หมายถึงลิทธิใหม่ ๆ)


    เพื่อนที่เคร่งครัดในศาสนาคริสน์ เค้าบอกว่า ศาสนาคริสต์ของเค้าดีมาก เพราะพระเจ้าบอกว่า มนุษย์นั้นมีกำลังใจอ่อนแอ มนุษย์จึงไม่สามารถทำความดีด้วยตัวเองได้ มีแต่พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น ที่ทรงต่อความดี ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงต้องส่งพระบุตร (คือพระเยซู) มาชำระล้างบาปให้มนุษย์ ฟังแล้วก็ตกใจในคำสอนนี้ แต่เราท่านจงรู้ว่าว พระเยซูท่านไม่ได้สอนคนแบบนั้น ท่านสอนตามแนวพระพุทธศาสนาเหมือนกัน หลวงพ่อท่านบอกว่า "ตำนาน" คือ ตำจนละเอียด นานจนไม่รู้ว่า ของเดิมเป็นอย่างไร

    อย่างไรก็ดี คนที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายที่ยึดถือบูชาพระเยซู ท่านก็สามารถไปสวรรค์ได้ เพราะขณะนี้ พระเยซูท่านอยู่สวรรค์ (เข้าใจว่าเป็นชั้นดุสิน ขั้นของพระโพธิสัตว์ ฯ) การนึกถึงท่านเป็น เทวตานุสติกรรมฐานค่ะ

    สำหรับความสงสัยของคุณ kingkaewmath ที่ว่า ทำไมหลวงพ่อท่านเข้านิพพานแล้ว จึงยังสามารถมาพบ มาหาคุณ 12punna ได้ อันนี้ต้องขออธิบายกันหน่อยละ โดยขอยกเอาคำบาลีที่องค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาฯ ทรงตรัสสอน ความว่า
    "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง นิพพานัง ปรมัง สุขัง"

    อันนี้หลวงพ่อท่านแปลว่า "นิพพานเป็นธรรมว่างอย่างยิ่ง นิพพาพานจึงเป็นสุขอย่างยิ่ง"
    ท่านเคยแปลตามที่เรียนพระปริยัติธรรม เค้าสอนให้แปลว่า นิพพานสูญ ต่อมาเมื่อท่านเจริญพระกรรมฐาน พระพุทธองค์ทรงเสด็จมา แล้วตรัสว่า เธอจะแปลว่า นิพพานสูญไม่ได้ เพราะนิพพานไม่สูญ ที่ถูกคือ คำว่า "สุญญัง" ท่านหมายความ "เป็นความว่าง" ว่างจากอะไร? ตอบว่า ว่างจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน (คือหมดกิเลส สูญจากกิเลส) นิพพานจึงเป็นสุขอย่างยิ่ง ที่เป็นสุขเพราะไม่มีกิเลส จิตมีแต่ความผ่องใส อิ่มเอิม อิ่มเอม อันนี้ท่านผู้ฝึกมโนมยิทธิทั้งหลาย จะได้เรียนรู้และสัมผัสอารมณ์พระนิพพานกันได้เอง ทำให้หมดสิ้นความสงสัยโดยสิ้นเชิง

    ดังนั้น ขอท่านโปรดเข้าใจนะคะ ว่า นิพพาน เป็นดินแดนพิเศษ ของท่านผู้ดับกิเลสได้อย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่ ดับสูญจนไม่เหลืออะไรเลย ท่านผู้เข้าใจผิด คิดว่าการดับสูญไปเลย คือนิพพาน เท่าเหล่านั้น แม้มีความดีมาก แต่ยังมึอุปาทานคิดว่า การดับแบบนิพพาน คือไม่มีร่างกาย ท่านก็ไปเป็น "อรูปพรหม" กันมาก เป็นเรื่องน่าเสียใจแทนท่าน

    อีกประการหนึ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัทพุทธเจ้า ทรงประกาศพระศาสนาของพระองค์ ว่าจะมีอายุถึง 5000 ปี นี่ก็เพิ่งเข้ามาแคกึ่งพุทธกาลเท่านั้นเอง ยังคงเหลืออีกกึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้น ในยุคนี้ พระพุทธเจ้า ยังทรงสอนและสงเคราะห์บรรดาพุทธศาสนิกชน เทวดา นางฟ้า และหรหมเป็นปกติ ผู้ที่จะเข้าถึงท่าน มีทางเดียว คือการเจริญพระกรรมฐาน แบบ เตวิชโช หรือ ฉลภิญโญ (หรือฝึกมโนมยิทธิ) ท่านก็จะรู้ได้ว่า ท่านยังอยู่ และยังทรงสงเคราะห์สอนผู้ปฏิบ้ติธรรม


    ขอย้ำอีกครั้ง "พระนิพพาน" เป็นดินแดนพิเศษของพระวิสุทธิเทพ คือผู้หมดสิ้นจาก กิเลศ ตัณหา อุปาทาน ดังเช่น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ไม่ใช่คุก
    ถ้าเราทำจิตถึงท่าน ท่านทุก ๆ พระองค์ยังมาสงเคราะห์พวกเราได้ตลอดเวลาค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2006
  14. jaejuaclub

    jaejuaclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +525
    ชอบกระทู้นี้จัง เดิมทีครอบครัวผมนันถือคริสต์กันหมดครับ ยกเว้นพ่อ ซึ่งตอนแรกก้อนับถือพุทธกันทั้งหมดแหละครับ แต่ตายผมน่ะเค้าเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือด หมอบอกว่า รักษาไม่หาย ยายผมและแม่ ก้อไปบนตามสถาณที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง แต่ก้อไม่หาย จนได้ย้ายไปอยู่ที่จ.กรุงเทพฯ(ผมเป็นคนพิษณุโลก) ก้อไปเจอโบสถ์แห่งหนึ่ง(คริสต์) เค้าก้อช่วยกันอธิฐานให้ยายผม โดยการวางมือ จนอาการของยายผมก้อดีขึ้นเรื่อยๆ แระก้อยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แล้วยายผมก้อนับถือศาสนาคริสต์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ผมก้อชอบเรื่องราว และคำสอนของทั้ง 2 ศาสนานี้มากครับ จนตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมอยู่ศาสนาไหน แต่ผมรู้สึกจะฝักใฝ่ในพุทธครับ แต่ผมก้อยังคงนับถือ พระเยซู อยู่ครับ ผมอยากทราบว่า ผมนับถือ 2 ศาสนา จะมีสวรรค์ให้อยู่รึเปล่า แต่แน่นอน ประตูนรกเปิดต้อนรับอยู่เสมอ สาธุ อาเมน ครับ ^ ^
     
  15. ฝึกตาที่สาม

    ฝึกตาที่สาม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +13
    พระเยซู คือ ภาคที่พระกษิติครรภ์ลงมาบำเพ็ญเพียรสะสมบุญหรือไม่?
    หรือว่าเป็นพระมหาโพธิสัตว์ท่านอื่น?

    ลักษณะ

    1. เข็ญสรรพสัตว์จากนรก เช่น ให้สารภาพบาป เพราะคนเลวมากๆ หาก
    สารภาพสำนึกได้ ท่านจะแนะวิธีการให้ว่าจะทำอย่างไรจึงได้ไปสู่ดินแดน
    พระเจ้า เช่นนี้ แสดงว่าท่านช่วยคนก่อนจะตกนรก?
    2. ยอมให้คนทรมาน ยอมตายบนไม้กางเขน ทรมานประดุจยอมลงนรก
    เพื่อคนอื่น
    3. เมื่อคนเห็นหรือนึกถึงท่านจะมีอาการ "ปลาบปลื้มน้ำตาไหลพราก" นี่
    คือลักษณะของพระกษิติครรภ์ เพราะผลบุญที่ท่านร้องไห้ตลอดเพื่อช่วย
    สรรพสัตว์ บารมีนี้จึงทำให้คนเห็นท่านจะมีอาการปลาบปลื้มน้ำตาไหลทันที
    (ปล. ประเทศเราก็มีท่านหนึ่งที่ท่านจะหลั่งน้ำตาปลาบปลื้มได้ทันทีที่นึกถึง)
    4. ทรงความ "มหากรุณา" อย่างเห็นได้ชัดทุกชาติไป ตอกย้ำปณิธานเดิม
    แต่จะไม่ได้ "นิพพาน" ดังนี้หากสอนคน คนจะได้ขึ้นสวรรค์ แต่อาจมีบางคน
    ที่ฝึกเองได้เองถึงนิพพานก็ได้ เพราะพระมหาโพธิสัตว์ สามารถสอนคนไป
    นิพพานได้โดยท่านเองยังไม่ไป



    คิดว่าไงครับ หากใช่ ผมรู้แล้วว่าพระเยซูกลับชาติมาเกิดเป็นผู้ใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2006
  16. jaejuaclub

    jaejuaclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +525
    เขาคือใคร????
     
  17. jaejuaclub

    jaejuaclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +525
    ผมว่า พระเยซู ไม่ได้มาเกิดหรอก เขาเป็นเทพ เทวดา อะไรซักอย่างนี่แหละ และเค้าเป็นศาสดา ด้วย เค้าไม่มาเกิดแล้ว
     
  18. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    445
    ค่าพลัง:
    +1,453
    คุณ jaejuaclub ไม่น่าจะถูกนะครับ
     
  19. jaejuaclub

    jaejuaclub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +525
    ผมก้อไม่รู้อ่ะครับ ผมเดาๆเอา 555+ ถ้าผิดก้อขอโทดที ^ ^
     
  20. Enigma

    Enigma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +314
    Merry Christmas แด่ทุกคน

    <HR SIZE=1>
    [​IMG]


    พระเจ้าทรงตักเตือนเยี่ยงบิดา

    ท่านลืมคำเตือนที่พระเจ้าตรัสกับท่านในฐานะที่เป็นบุตรแล้วหรือ

    ลูกเอ๋ย อย่าดูถูกการเฆี่ยนตีสั่งสอนของพระเจ้า
    อย่าท้อถอยเมื่อพระองค์ทรงตำหนิเจ้า
    เพราะพระเจ้าทรงเฆี่ยนตีสั่งสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก
    และทรงเฆี่ยนตีทุกคนที่ทรงรับไว้เป็นบุตร

    ท่านจงอดทนรับการสั่งสอนเฆี่ยนตีเถิด พระเจ้าทรงกระทำต่อท่านเยี่ยงกระทำต่อบุตร มีบุตรคนใดบ้างที่บิดาไม่เฆี่ยนตีสั่งสอนเลย ถ้าท่านไม่ถูกเฆี่ยนตีสั่งสอนอย่างที่ทุกคนได้รับ ท่านก็ไม่ใช่บุตร แต่เป็นลูกไม่มีพ่อ นอกจากนั้น เราทุกคนต่างมีบิดาผู้ให้กำเนิดเฆี่ยนตีสั่งสอนเราและเราเคารพท่าน เราก็ยิ่งควรอ่อนน้อมเชื่อฟังพระบิดาฝ่ายจิตของเราเพื่อจะมีชีวิตไม่ใช่หรือ บิดาผู้ให้กำเนิดเราเฆี่ยนตีสั่งสอนเราเพียงไม่กี่วันตามที่ท่านเห็นสมควร แต่พระเจ้าทรงเฆี่ยนตีสั่งสอนเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อให้เรามีส่วนร่วมในความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เป็นความจริงที่ว่า ขณะที่ถูกเฆี่ยนตีสั่งสอนไม่มีความน่ายินดี มีแต่ความทุกข์ แต่ให้ผลเป็นสันติและเป็นความชอบธรรมแก่ผู้ที่ยอมรับการเฆี่ยนตีสั่งสอนเป็นการฝึกฝนตัวเอง ดังนั้นท่านทั้งหลายจงทำให้มือที่อ่อนเปลี้ยและหัวเข่าที่สั้นเทามีกำลังมั่นคงขึ้น จงเดินให้ตรงทาง เพื่อว่าขากะเผลกจะได้ไม่ต้องพิการ แต่จะหายเป็นปกติ


    ความทุกข์ยากเป็นสิทธิพิเศษ


    พี่น้องทั้งหลาย จงคิดว่าเป็นที่น่ายินดีเมื่อประสบความยากลำบากต่างๆ เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าการที่ความเชื่อของท่านถูกทดสอบก่อให้เกิดความพากเพียร จงพากเพียรให้ถึงที่สุด เพื่อท่านจะได้เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ไม่มีที่ตำหนิ และไม่มีสิ่งใดบกพร่อง


    การถูกทดลอง


    ผู้ที่มีมานะอดทนต่อการถูกทดลองย่อมเป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดลองนั้น เขาจะได้รับมงกุฏแห่งชีวิตซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ผู้ที่รักพระองค์

    อย่าให้ผู้ใดที่ถูกทดลองพูดว่า "ข้าพเจ้าถูกพระเจ้าทดลอง" เพราะความชั่วไม่อาจทดลองพระเจ้าได้ และพระองค์ไม่ทรงทดลองผู้ใด แต่เราทุกคนถูกกิเลสตัณหาทดลอง ดึงดูดและหลอกลอง กิเลสตัณหาทำให้เกิดบาปและเมื่อมีบาปมาก บาปก็จะทำให้เกิดความตาย


    ความเลื่อมใสที่แท้จริง


    พี่น้องที่รัก พึงตระหนักว่า ทุกคนจงฉับไวที่จะฟัง แต่ช้าที่จะพูด และช้าที่จะโกรธ คนที่โกรธย่อมไม่ปฏิบัติตนชอบธรรมตามพระประสงค์ของพระเจ้า ดังนั้น จงละทิ้งความโสมมทั้งหลาย และความชั่วร้ายที่ยังตกค้างอยู่ จงน้อมรับพระวาจาที่ทรงปลูกฝังไว้ในท่าน พระวาจานั้นช่วยวิญญาณท่านให้รอดพ้นได้

    จงปฏิบัติตามพระวาจา มิใช่เพียงแต่ฟัง ซึ่งเท่ากับหลอกตนเอง เพราะว่าผู้ใดฟังพระวาจาแล้วไม่ปฏิบัติตาม ก็เหมือนคนที่มองใบหน้าของตนในกระจกเงา เมื่อมองตนเองและจากไปแล้ว ก็ลืมทันทีว่าตนเป็นอย่างไร ส่วนผู้ที่พิจารณาบัญญัติแห่งอิสรภาพ และยึดมั่นในบัญญัตินั้น มิใช่ฟังแล้วลืม แต่ฟังแล้วนำไปปฏิบัติตาม ผู้นั้นย่อมประสบความสุขในการปฏิบัตินั้น

    ผู้ใดคิดว่าตนเป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาแต่ไม่ควบคุมลิ้นของตน ผู้นั้นย่อมหลอกลวงตนเอง ความเลื่อมใสศรัทธาของเขาย่อมไร้ค่า ความเลื่อมใสศรัทธาบริสุทธิ์และไร้มลทินเฉพาะพระพักต์ของพระเจ้าพระบิดาคือการเยี่ยมเด็กกำพร้าและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษษตนให้พ้นมนทินของโลก

    เราใช้ลิ้นถวายพระพรพระเจ้า พระบิดา และใช้ลิ้นสาปแช่งมนุษย์ซึ่งถูกสร้างตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า ทั้งคำถวายพระพรและคำสาปแช่งล้วนออกมาจากปากเดียวกัน พี่น้องทั้งหลาย ไม่ควรให้เป็นเช่นนี้เลย ตาน้ำจะมีทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อยพุ่งมาจากช่องเดียวกันได้หรือ พี่น้องทั้งหลาย ต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอกเทศได้อย่างไร เถาองุ่นจะออกผลเป็นมะเดื่อเทศได้อย่างไร ตาน้ำเค็มย่อมให้น้ำจืดไม่ได้


    ความเชื่อและการกระทำความดี


    พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์ใดหากผู้หนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่มีการกระทำ ความเชื่อเช่นนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่ม และไม่มีอาหารประจำวัน และท่านคนหนึ่งพูดกับเขาว่า "จงไปเป็นสุขเถิด ขอให้อบอุ่นและอิ่มเถิด" แต่มิได้ให้สิ่งที่จำเป็นสำหรับร่างกายแก่เขา จะมีประโยชน์ใดเล่า ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน หากไม่มีการกระทำ ก็เป็นความเชื่อที่ตายแล้ว

    ท่านทั้งหลายเห็นแล้วว่า มนุษย์จะเป็นผู้ชอบธรรมได้ก็ด้วยการกระทำ มิได้ด้วยความเชื่อแต่อย่างเดียว ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณย่อมตายแล้วฉันใด ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำก็ย่อมตายแล้วฉันนั้น


    คุณค่าของการประกาศพระวาจา


    เรายังมีถ้อยคำที่น่าเชื่อถือยิ่งกว่านั้นของบรรดาประกาศก และจะเป็นการดีถ้าท่านสนใจถ้อยคำเหล่านี้ รับถ้อยคำดังกล่าวเป็นเสมือนแสงประทีปส่องสว่างในที่มืด จนกว่าอรุณจะทอแสง และดาวประจำรุ่งจะปรากฏขึ้นในจิตใจของท่าน จงรู้เถิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการตีถ้อยความของบรรดาประกาศกในพระคัมภีร์มิใช่เรื่องส่วนบุคคล เพราะไม่เคยมีถ้อยคำใดของบรรดาประกาศกที่มาจากเจตนารมณ์ของมนุษย์ แต่มนุษย์กล่าวถ้อยคำซึ่งมาจากพระเจ้าตามที่พระเจ้าทรงดลใจ


    ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย
    พระองค์สถิตในสวรรค์
    พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
    พระอาณาจักรจงมาถึง
    พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดิน
    เหมือนในสววรค์
    โปรดประทานอาหารประจำวัน
    แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้
    โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า
    เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น
    โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ
    แต่โปรดช่วยให้รอดพ้นจากความชั่วร้ายเทอญ

    ปล. ลืมบอกว่าคัดลอกมาจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
     

แชร์หน้านี้

Loading...