อำนาจเหนือธรรมชาติจากการปฏิบัติธรรม (ที่ไม่ต้องการ)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย หมอก้อย, 24 กรกฎาคม 2010.

  1. หมอก้อย

    หมอก้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2010
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +996
    สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพลังจิตทุกคน หมอมีประสบการณ์จริงจากตัวหมอเองในการปฏิบัติธรรม มาเล่าให้ฟัง คือหมอเองเป็นคนชอบสวดมนต์และแผ่เมตตา พยายามนึกถึงพระพุทธเจ้าในใจอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสิ่งที่หมอทำไปนั้น ต้องการเพียงอย่างเดียวคีอ การชำระกิเลสให้เบาบาง จนถึงที่สุดแห่งธรรม

    แต่สิ่งซึ่งเหนือและเกินจากการปฏิบัติของหมอก็คือ การเริ่มมีอำนาจทางจิตบางอย่าง เช่น ล่วงรู้ทายใจผู้อื่นได้ รู้ความรู้สึกของผู้อื่นแม้เพียงแค่มองหน้า หรือ บางคนที่อยู่ไกลกัน ไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยกัน เพียงแค่หมอนึกถึง หมอก็รับรู้ถึงความรู้สึกของคนๆนั้น ตอนแรกหมอคิว่า เป็น อุปาทานของหมอเอง แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า ทุกอย่างเริ่มพิสูจน์ว่า สิ่งที่หมอสัมผัสได้เป็นของจริง

    นอกจากเรื่องนี้แล้วก็มีเรื่อง กายซ้อน แต่หมอไม่ขอเล่าในที่นี้แล้วกันค่ะ เพราะเกรงว่าจะบิดเบือนไปจากหลักของการปฏิบัติธรรมและอาจทำให้กเดกิเลสแก่ผู้ได้ยินได้ฟังได้

    สิ่งต่างๆทั้งหลายเหล่านี้ หมอไม่ได้ต้องการมันเลย ไม่ว่าจะเป็นกายซ้อน หรือการรับรู้ใจคนอื่นได้ แต่หมอคิดว่า อาจจะเป็นของเก่า มารวมกับบุญที่เราทำในฃปัจจุบันชาติมาส่งผล แต่ถึงหมอไม่ต้องการอย่างไร หมอ็คงทำได้แค่รับรู้มันไว้เฉยๆ และเฝ้ามองดูมัน ไม่ให้มีความรู้สึกต้องการและไม่ต้องการเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นกิเลส...

    ผลบุญใดๆที่หมอได้ทำมาทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาติ หมอขอถวายเป็นพุทธบูชา...
     
  2. wattanadist

    wattanadist เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +1,134
    ไม่ได้อยากได้ แต่ก็ได้อ่ะครับ เป็นสิ่งธรรมดาแห่งการบำเพ็ญเพียรแห่งบุญบารมีในการเจริญกรรมฐานที่ทำไปโดยไม่ได้หวังอะไร...ส่วนมากจุดเริ่มต้นมาจากแค่ เราอยากจะละกิเลส ตัณหา เพื่อให้จิตหลุดพ้นทุกข์ และเกิดปัญญาเฉย ๆ...ของแบบนี้อาจจะมีการต่อยอดมาจากชาติก่อนของคุณด้วยก็ได้นะคุณหมอ
     
  3. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    แม้ความไม่อยาก ก็ถือเป็นความ "อยาก" อย่าบอกว่า "ไม่อยาก"หรือ "อยาก" อะไรเลย ที่เรา ได้ เห็น มี เป็น อย่างไร ก็รับไว้ อยู่กับสภาวะที่เป็นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำไ้ด้ ย่อมดี
    สาธุ!
     
  4. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    อนุโมทนากับหมอก้อยด้วยครับ สิ่งเราเคยปฏิบัติมา
    แม้นไม่อยากได้ แต่ก็ได้ บางคนอยากได้ แต่ไม่ได้
    สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไตรลักษณ์..ทั้งสิ้น
    ใช้สิ่งที่ได้ ที่มีให้เป็นประโยชน์
    เพื่อถึงที่สุดแห่งความพ้นทุกข์..

    อนุโมทนาครับ<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2010
  5. jaetechno

    jaetechno เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,888
    ค่าพลัง:
    +6,182
    ผมก็ไม่อยากได้น่ะ ผมกลัวผี 55+ แล้วของเก่าแต่ละคนด้วยนะครับ คุณหมอคงต่อยอดมาจากชาติที่แล้วๆๆๆ นู้น คุณหมอปฎิบัติมากี่ปีอ่ะครับ
     
  6. Kamnitta

    Kamnitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +131
    ขออนุโมทนาในธรรมที่คุณหมอปฏิบัติค่ะ ขอให้ความปราถนาในธรรมจงบรรลุเป้าหมาย
     
  7. พอชูเดช

    พอชูเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +4,339
    สาธุครับ

    -มหาโมทนากับกุศลจิตทุกท่าน ขอให้สำเร็จตามที่ปรารถนาครับ

    -อย่างที่ท่านสมาธิบอกไปนั่นแหละครับ ได้ไว้ก็ไม่เสียหายอะไร

    เป็นผลจากการที่เราปฏิบัติมาน่ะ อาจเรียกว่า เป็นของแถม ปกติ

    ถ้าเราไม่นำมาใช้ ก็น่าจะเสื่อมหายไปเองครับ แต่ถ้าไม่หาย ก็ต้อง

    ยอมรับไว้ แต่วางใจอุเบกขาให้ได้ครับ ถ้าทำได้ เราก็จะได้อุเบกขาบารมีมาครับ

    -ที่จริงน่าจะเกิดประโยชน์กับหมอนะครับ เราสามารถรักษาได้ทั้งนอกและใน

    ไม่ต้องเสียเวลาตรวจให้มากความ

    -เปรียบเหมือนการมีมีด ใช้ประกอบอาหาร เฉือน สับ ตัด ได้ หรือใช้ทำร้ายกันก็ได้

    อยู่ที่เราจะเลือกใช้ครับ

    สาธุ
     
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    หมอก้อยที่สำคัญอย่าไปติดในสิ่งที่รู้สิ่งที่เห็นเพราะเป็นผลพลอยได้จากการปฏิบัติเล็กน้อย ยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ที่แท้จริง
    ถ้าโดยอาชีพถ้าเป็นหมอจะได้ปรงอะไรๆเป็นธรรมดา
    ธรรมจะได้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปจนกว่าจะถึงพระนิพพาน
     
  9. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    อนุโมทนาบุญกับหมอก้อยค่ะ แต่บางทีสิ่งที่หมอได้มานี้ อาจจะมาทดสอบหมอก็ได้ว่า หมอจะหลงรึเปล่า
     
  10. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ใครไม่เชื่อพิสูจน์ครับ นั่งสมาธิ สวดมนต์ แผ่เมตตา ทำให้มากเจริญให้มาก
    มีจริงไหมลองครับ แบบหมอดูจิตสัมผัสขย้ำกระดาษ จับมือ ไพ่ทาโร

    หมอก้อย คอนเฟิร์ม :cool:
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    สำหรับคนที่มีของเก่า โอกาสของการก้าวหน้าคือ ขึ้นธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน

    หลายคนมักติดอยู่ที่ว่า ทำของเก่าให้มีมากขึ้น หรือ ไม่ก็ทำของเก่าให้มันหายไป

    จริงๆ แล้ว เราไม่ได้ทำแบบนั้น เราไม่ได้ปฏิบัติธรรมเพื่อ เอาอะไร หรือ ไม่เอาอะไร

    เราปฏิบัติธรรม เพื่อรู้ในสิ่งที่มันเป็น มันมี มันอยู่ มันไป มันมา ซึ่งล้วนแต่เป็น มายา
    ของจิต หรือ พูดตามวลีสวยๆว่า "เห็นตามความเป็นจริงเพื่อพิจารณาทุกขสัจจแห่งจิต"

    วิธีขึ้น ธรรมานุปัสสนา จะเป็นการเอาสิ่งที่ปรากฏมาพิจารณา ผลิกซ้าย ผลิกขวา
    พิจารณารสอร่อย พิจารณาคุณ พิจารณาโทษ เมื่อพิจารณคุณและโทษแล้ว
    หากประจักษ์แก่ใจว่าเป็น โทษ มากกว่าคุณ เป็นทุกขสัจจแห่งจิต จึงพิจารณาหา
    อุบายดำริออก ซึ่งการหาอุบายดำริออก จะไม่ใช่การปฏิเสธ เอา หรือ ไม่เอา แต่
    เราจะต้องหาเครื่องไม้เครื่องมือมาทำ โดยที่มันเป็นเพียงอุบายอ้อมๆ เพื่อให้จิต
    มันสลัดออก สลัดคืนสภาวะธรรมที่ปรากฏนั้นออกไปจากจิต เพื่อที่จิตจะได้แสดง
    ความพ้นจากสภาพธรรมเหล่านั้น โดยลักษณการก้าวข้าม ไม่ใช่การทำให้หายไป
    หรือ เอา กับไม่เอา ซึ่งจะเป็นเรื่องจงใจเจตนา

    การปฏิบัติ สำหรับคนมีของเก่า ที่ต้องการขึ้น ธรรมานุปัสสนา หาก ภาวนาอินทรีย์
    มีมาก(พุทธจริต,ทิฏฐิจริต) ก็เอาสิ่งที่ปรากฏพิจารณาเป็นไตรลักษณ์ไปตรงๆ ทำ
    บ่อยๆก็จะได้มรณสัญญา คือ แม้มีสิ่งที่หน้าหลงไหลที่สุด ใครๆก็อยากมี แต่เรา
    พิจารณาเป็นของไม่เที่ยง อนิจจัง อนัตตาเสีย มันก็คลายความหลง คลายความ
    ยึดมั่นเนืองๆ ก็จะได้ สติอินทรีย์ทีทำให้จิตตั้งมั่นเป็นกำลังที่จะก้าวข้ามสภาพธรรม
    นั้นๆไป ไม่เกาะเกี่ยวยึดติด

    หากพิจารณาไตรลักษณ์ลงไปตรงๆโดยไม่ต้องพากษ์ไม่ได้ ก็ถึงจะลดระดับการ
    รบลงมาที่การพิจารณา ตัณหา ซึ่งการพิจารณาตัณหา ก็ไม่ใช่การคิดดำริที่จะไม่
    มีตัณหา จนไปสร้างวิภวตัณหา หรือไปสร้างสภาวะเอาก็ไม่เอา ไม่เอาก็ไม่เอา ซึ่ง
    เป็นอีกภพหนึ่งของตัณหา แต่เราจะพิจารณา ตัณหา ที่มันต้องเกิดแน่ๆ คือ ถ้า
    ชอบใจก็จะปรากฏความดึงดูด ถ้าไม่ชอบใจก็จะปรากฏความผลักไส ถ้าชอบๆ
    กึ่งๆไม่ชอบก็จะทำหน้าเมินๆแต่แอบชำเลือง ปากบอกไม่เอาแต่ก็กลัวมันหาย
    ทำทีว่ารู้ว่ามีโทษแต่แอบปรารภยกคุณ เราก็ดูอาการใจเหล่านี้ที่ปรากฏ
    ดูไปตามความเป็นจริง เห็นลงไปว่าจิตใจเรามีตัณหาด้วยอาการอย่างไร จนกระ
    ทั่งเห็นชัดว่าเรามีตัณหาจริงๆ ก็จะเกิดแรงดีดอย่างแรงในการดำริออก แต่วิธีนี้
    จะต้องไปทำสมถะชนิดอื่นให้มากๆ แต่ยิ่งทำมากก็จะยิ่งเกิดสภาวธรรมมาก
    ยิ่งหนีก็จะยิ่งเจอ ก็ต้องเจอจนกว่าจิตจะมีกำลังตั้งมั่นเป็นกลาง ก็จะก้าวข้าม
    การยึดติดไปได้ พอก้าวข้ามได้จึงค่อยพิจารณายกเห็นไตรลักษณ์อีกที

    เมื่อไหร่ก็ตามที่ยกพิจารณาไตรลักษณ์ได้โดยไม่ต้องพากษ์ เมื่อนั้นก็จะเริ่ม
    เข้าสู่การปฏิบัติธรรมที่แท้จริง เข้าสู่ช่วงการเจริญปัญญา สติสัมปชัญญะ ก็
    ต้องทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสมควรแก่ธรรม ซึ่งก็จะเป็นจุดที่ไม่ใช่แค่ก้าวข้าม
    ภพ(ของเก่า) แต่จะเป็นก้าวข้ามชาติ ชรา และ มรณะ ไปตามแต่วาสนาที่มี

    ก็จะเห็นว่า การปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่อง เอาหรือไม่เอาอะไร ไม่ใช่เรื่องไปทำอะไร
    ให้มันหายไป แต่อะไรปรากฏ เราก็เพียง อาศัย ระลึก เพื่อเจริญสติสัมปชัญญะ
    เพื่อเจริญปัญญาเพื่อเข้าถึงธรรม ซึ่งจะต้องอาศัย การรู้เห็นไปตามความเป็น
    จริง ด้วยจิตใจตั้งมั่น เป็นกลาง

    เครื่องหมายบอกพรหมจรรย์ไม่ใช่เรื่อง การมี หรือ การไม่มี

    เครื่องหมายบอกพรหมจรรย์เป็นเรื่อง การไม่ยึดมั่นถือมั่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2010
  12. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4,065
    ผมก็ดูได้ ผมก็เป็นเอาเลยไหมครับ ผมจะดูให้ถามมาเลยครับ..ผมของจริงสด สด ดูจากรูปนะครับและสำนวนเขียน(อ่านอารมณ์ ก่อนนิสสัย) ...นั่นรูปหมอก้อยรึปล่าวครับ...?
    เอาเหตุ...มาเล่าดีกว่าครับ อย่าเอาผลมาเล่า ชนิดของเก่าติดตัวมานี่นะ เขาก็ต้องลงมือปฏิบัติก่อน ..อีกอย่างผมไม่ค่อยเชื่อเพราะ พวกหมอดูเอามาแอบอ้างเยอะเพื่อเรียกลูกค้า..คุณออกมาเล่าอาการพร้อมหนังสือดังตูมเลยนะผมเลยสงสัยครับ..อย่าว่ากันนะครับ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2010
  13. sornsill

    sornsill เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +515


    อะไรของคุณผมละ งง?:cool:
     
  14. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ขออนุโมทนา สาธุ ครับคุณหมอ
    สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ศาสนาพุทธเรานั้นสามารถพิสูจน์ได้ว่า พวกเรามีการเวียนว่ายตายเกิดมาโดยตลอด มีภพมีชาติ ใครที่กระทำกรรมดีมาย่อมได้ในสิ่งที่ดีดี บางครั้งอาจสร้างความยุ่งยากให้ผู้ปฏิบัติ แต่เป็นสิ่งที่ทดสอบเหมือนด่านพิสูจน์ความมั่นใจในตัวเอง หากเราต้องการก้าวผ่านด่านนี้ ย่อมจำเป็นที่จะต้องมีครูบาอาจารย์ชี้แนะ เพราะสิ่งนั้นเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง หากเราไม่ปราถนาก็จำเป็นต้องเผากิเลสทั้งหลายให้หมดไป ตัดตรงไปสู่การนิพพานคือการไม่ขอเกิดอีกแล้ว
     
  15. momแข็งแรง

    momแข็งแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +214
    แสดงว่าที่คุณหมอได้ปฏิบัติมาถูกทางแล้วครับ ความรู้ยิ่งที่คุณหมอได้มาน่าจะทำให้คุณหมอช่วยคนได้ดียิ่งขึ้นครับ ซูโค้ยๆ สาธุ
     
  16. เด็กสร้างบ้าน

    เด็กสร้างบ้าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +538
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ

    ผมพึ่งเริ่มปฎิบัติครับ ขอฝากตัวด้วยครับ
     
  17. Kwan42

    Kwan42 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +60
    อนุโมทนาค่ะ เรื่องของคุณหมออาจเอาไปทำประโยชน์ได้นะคะ หากมองเห็นเป็น ภาพแล้วลองเอ่ยปากถามเค้าดู อาจเป็นวิบากเก่าของเค้า ถ้ามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับเค้า เราก็ ดึงเข้ามาให้เกิดศรัทธาและแนะนำให้เข้ามาปฏิบัติอย่างจริงจัง ได้นะคะ การที่จิตเราไปผูกพันกับเค้าอาจหมายถึงเราเคยอุปถัมภ์กันมาก่อน เราอาจทำให้เค้าเกิดใหม่จริงๆในศาสนาพุทธค่ะ เป็นการสร้างบารมี ได้ทางหนึ่ง นะคะ แต่ถ้าเราอยากปล่อยวางไม่อยากเกี่ยวข้องกันอีก ก็ ปล่อยวางเฉยไป เป็นอุเบกขา ส่วนเรื่องที่รู้ที่เห็น(ที่ไม่ต้องการ)เกิดในจิตแล้วอย่างน้อยทำให้จิตเรา พองฟู ก็ตามรู้ไป .... เห็นอัตตา(Ego) ดีนักค่ะ อนุโมทนาอีกครั้งค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2010
  18. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4,065
    คุณไม่รู้รึ..หนังสือดังตูมเขียนเชียร์ หมอดูทางจิตอยู่..ผมก็สงสัยจะโปรโมช หมอดูทาง Tell..ผมก็เลยโฆษณาตนเอง กับคุณ Bullpsi.. ยังไงครับ:'(
     
  19. pacifist2000

    pacifist2000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +1,402
    ขออนุโมธนาครับ....สอบถามพี่ๆหลายท่านครับ คือ เราจำเป็นต้องสวดมนต์ ก่อนการเจริญภาวนาไหมครับ เราตั้งจิตยึดติดกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพียงเท่านี้ได้ไหมครับ ขณะนั่งสมาธิ
     
  20. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    ขอกราบอนุโมทนา กับคุณหมอนะคะ
    จริงอยู่ค่ะคุณหมอ เราไม่อยากได้ แต่ได้มาแล้ว ก็ต้องรับค่ะ
    แต่อย่ายึดติดนะคะ ปฏิบัติต่อไป เพื่อทางพ้นทุกข์ " พระนิพพานค่ะ"
     

แชร์หน้านี้

Loading...