เหตุการณ์ที่จะเกิดเป็นอัศจรรย์ก่อนที่ท่านจะได้อำนาจญาณฌาณสมาบัติ

ถ้าใครได้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อหลายปีก่อน ถ้าหากว่าใครพอจำได้ ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น คือ ตำรวจได้รับแจ้งว่าให้ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ แล้วพบว่า บ้านหลังหนึ่งผมจำไม่ได้แล้วว่าอยู่ที่ไหน เกิดไฟลุกขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ เช่น ที่ตระกร้าผ้า ในตู้เย็น ตู้กับข้าว เตาแก็ส ตู้เสื้อผ้า โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเหตุการณืแบบนี้ เท่าที่จำได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง หลายสถานที่ เชื่อหรือไม่ ครับว่า หลังจากนั้นผมได้ไปติดตามที่บ้านทุกหลัง ที่เคยเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ ที่บ้านซึ่งผมไปหา เกิดบุคคลที่มีอำนาจญาณฌาณสมาบัติขึ้นมาเอง ทั้ง ๆ ที่บุคคลนั้นไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อน มีตาทิพย์ หูทิพย์ เสดาะกุญแจ หายตัวได้ ได้ฤทธิ์ทางใจ เข้าฌาณสมาบัติได้เอง ถอดจิตรได้ มองเห็นอดีตชาติของทุกคนด้วยตาเปล่า ทุกคนบ้าพระบ้าจ้าวทุกคน สวดมนต์ไหว้พระ เป็นกิจธุระประจำวัน ไม่ทำงานทำการอะไร ในสายตาของคนทั่วไป เป็นคนไม่เอาการเอางาน ทำมาหากินไม่ขึ้น หลังจากนั้นได้ไปหาอีก ทุกคนออกบวชและออกธุดงค์เข้าป่าไปหมด ซึ่งเป็นอุทธาหรณ์ ให้นักปฏิบัติทุกท่านได้ทราบว่า ถ้าท่านฝึกมโนมยิทธิสำเร็จ ได้อำนาจญาณณาฌสมาบัติ
สิ่งที่ท่านต้องนำมาแลกก็คือ ท่านต้องไม่มีเงิน ทำมาหากินอะไรไม่ได้ อยู่ในชีวิตประจำวันเหมือนชาวบ้านไม่ได้ เพราะคนอื่นจะดูถูกว่าเป็นคนไม่เอาไหน เพราะสาเหตุว่าท่านได้สมาบัติ ต้องแลกกับสมบัติ ซึ่งสมเด็จโตท่านเปรียบเทียบ ญาณฌาณสมาบัติ ๘ นั้น ท่านเปรียบเทียบความรวยได้เท่ากับ บิลเกต สุดท้ายต้องไปอยู่ในเพศนักบวชครับ ถึงจะมีคนนับถือ แต่ก็ไม่สามารถนำไปแลกหรือหลอกใครเอามาเป็นเงินทองไม่ได้ เพราะจะต้องถูกดลบันดาลจากเบื้องบน เพราะว่าจะเห็นทุกคนเป็นเพียงคนอ่อนแอ จึงไม่อยากจะไปเอาเงินทองของใคร เพราะสงสารเขาครับ เพราะเห็นคนอื่นน่าสงสงสาร ก็เหมือนกับไปแย่งเงินเด็ก 3 ขวบ มาใช้ล่ะครับ เพราะนี่คือ อำนาจที่เหนือโลกครับ

 

ต้องแลกอย่างนี้นด้วยเหรอ จิงดิ

 

แล้วเราจะเอาเงินทองไหนมาซื้อ ข้าวปลาอาหารกินดีครับ

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ....... สงสัยนะครับ

 

เห็นด้วยอย่างแรงเลยค่ะ... ชีวิตที่จะไต่ไปให้ถึงจุดสูงสุดในทางจิต ก็ต้องแลกด้วยจิตล้วนๆ วัตถุหรือรูปก็ไม่เกี่ยว เหมือนเราเอาเงินไปแลกของก็ต้องได้ของ ยิ่งเงินมากเราก็ได้ของที่มีค่ามาก คุณอยากได้จิตที่มีพลังมาก คุณก็ต้องเอาจิตไปแลกกับจิต

ชีวิตโดยปกติ เหมือนเราถือของทั้ง 2 มือ แล้วก็รู้สึกว่าชอบอันหนึ่งอันใด แล้วก็คิดว่า อีกอันหนึ่งตูไม่ชอบเลย และก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับตูเลย แล้วจะถืออยู่ทำไม ตัดสินใจวางอันที่ไม่ชอบ แล้วแสวงหาทางทำให้ของที่เหลืออีกอันในมือมันเพิ่มพูนขึ้นมา (เพราะว่าเราชอบ) แล้วมันจะแปลกตรงไหนละ ธรรมดาค่ะ

ได้อย่าง....ก็ต้องเสียอย่าง...... เลือกเดินสักทางดีไหม....

 

แล้วท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีล่ะครับ ท่านรวยนะแต่เป็นพระโสดาบัน

 

1. ท่านมีของเดิมอยู่แล้วก่อนเป็นพระโสดาบัน
2. พระโสดาบันอย่าว่าแต่ทรัพย์เลย ยังมีรักอยู่ แต่น้อยแล้ว
3. ถ้าอยากนิพพาน ก็ต้องละทุกอย่าง รวมถึงตัวเราด้วย

 

แล้วจะเอาอารายมารัปประทานหล่ะครับ

 

คุณเมตตาคนอื่น พระก็ไม่ปล่อยให้คุณอดหรอก เพราะคนไปสวรรค์มีน้อย

 

ก็ท่านไม่ได้สมาบัติไง เลยไม่ต้องเอาทรัพย์มาแลก

คนเหล่านั้นได้อธิษฐานการไม่ถือครองทรัพย์ และขอถือเพศบรรพชิต จนตายคาผ้าเหลือง ดังนั้นเมื่อถึงเวลาก็ต้องไปบวช ส่วนฤทธิที่มีเป็นของเก่ามา

ถ้าใครไม่ได้อธิษฐานไว้ก็ไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ครับ

 

อยากทำได้แบบนี้จริงๆ ตัดโช๊ะไปเลยเรื่องสมบัติเงินทอง ไม่ต้องมีมันแล้ว ทำจิตใจได้อย่างนี้สุดยอดครับ ผมเองก็รอเวลาแบบนี้อยู่เหมือนกัน

 

คุณต้นตะขบ ภาพนี้คุณ websnow จัดให้ค่ะ น่ารักจริงๆ ค่ะ ทั้งภาพ ทั้งคนจัดให้

คุณผไท คุณรู้ไม๊ อารมณ์ไหนถึงจะตัดเรื่องความอยากในทรัพย์สินได้ อารมณ์ทุกข์ไง ทุกข์สุดๆ นะ แล้วตอนนั้นเราก็จะอธิฐานขอไงว่าขอมีตัวตาเห็นธรรม เงินทองไม่เอาแล้ว... แล้วเมื่อนั้น ก็จะมีสถานการณ์ทดสอบคุณอีกเล็กน้อย ....

 

ตอนนี้มันจำเป็นต้องมีเงินอะครับ ถ้าขาดมันตอนนี้คงทุกข์น่าดูเลยครับ คุณขุนศรีฯ เพราะมีภาระต้องดูแลอีกหลายๆคนในครอบครัว คือดูแล้วต้องรออีกสักช่วงอะครับ ถึงจะตัดใจจากมันได้ แต่ตอนนี้ขาดมันไม่ได้จริงๆครับ

 

ครับคุณ sorayarn

 

เมื่อคุัณภาพทางจิตถึงขั้นนั้นแล้ว ปัญหาว่าจะเอาอะไรกิน จะอยู่อย่างไร ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับท่านเหล่านั้นอีก ต่อไป ขณะที่เรายังมีคุณภาพทางจิตไม่ถึงขนาดนั้น เป็นธรรมดาที่เรื่องเหล่านั้นจะเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา

 

เห็นใจค่ะ

 

โอ้ งั้นหนูท่องคาถาเงินล้านไปด้วยได้เปล่าเนี่ย

 

ค่ะนั้นแหละคาถาเงินล้านช่วยได้มากเลยค่ะไม่อดหรอก