มารเกิดได้ฉันใด?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย พรเทพ คชมาศ, 25 ตุลาคม 2006.

  1. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +1,295
    คำว่ามารเขาว่าเกิดจากใจ

    แต่คนเลวประเภทไหนเรียกว่า "มาร" ทำเลวสุดๆ เลย แต่บางทีเป็นเปรต
    ไม่ใช่มารก็มี เป็นอสูรก็มี แล้วตกลง ทำกรรมอะไรจึงเป็นมาร


    คำว่า "มาร" คือ ผู้หลงผิดและมีอิทธิฤทธิ์ครอบงำใจคน

    1. หากทำเลว จะเป็นมารในนรก เช่น ครอบงำคนพาพวกไปกินเหล้า
    2. หากทำบุญ จะเป็นมารสวรรค์ เช่น คนจะไปบวชเรามักรั้งเขาไว้ให้ทำงาน

    บุคคลที่รอดจากการเป็นมาร คือ ไม่ครอบงำความคิดใคร
    หากเราไม่รู้แจ้ง แต่ชักจูงคนต่ำกว่า จะได้บุญ แต่หากเขา
    รู้แจ้งกว่าเรา เราไปดึงเขาต่ำลง จะกลายเป็น "มารสวรรค์"

    พวกมารสวรรค์ จะชักจูงหลอกล่อด้วย "ความสุข" เพื่อสะกัด
    กั้นคนที่จะไปนิพพานให้ติดในขั้นต่างๆ มาได้ทั้งที่มองไม่เห็น
    และที่เข้ามาครอบงำคนรอบข้างที่บุญบารมีต่ำกว่า

    เช่น

    ก่อนบวช จะมีมารผจญ นี่เรียกว่า "เทวปุตมาร" เป็นมารสวรรค์
    บางครั้งมาครอบงำจิตหญิงที่เป็นแฟน ให้มาสะกัดไว้ เพราะรู้ว่า
    คนๆ นี้ มีโอกาสอรหันต์

    ส่วนพวก "โมฆะบุรุษ" จะไม่เจอมารพวกนี้ เพราะจิตยังไม่ถึง
    สวรรค์ จะเจอแค่ "กิเลสมาร" ดังนั้น เมื่อใครเกิด "นิพพิทา"
    คือ ความต้องการละทิ้งชีวิตปุถุชนเพื่อแสวงธรรม ช่วงนี้เป็น
    ช่วงที่น่ากลัวมาก

    มารสวรรค์ จะมาสะกัดกั้น ด้วยมายาหลอกล่อด้วยสุขต่างๆ
    แนบเนียนจนคนไม่รู้ จะผ่านด่านนี้ได้ ด้วยจิตที่มุ่งมั่นเท่านั้น
    ด้วยเหตุนี้ คนปุถุชนหากบวชไม่ทัน แต่ลุ้นอรหันต์ มีบารมีน้อย
    ก็จะถูกมารตนนี้ จัดการครอบงำหมด

    เมื่อโดนครอบงำแล้ว จะเกิดเป็น "มิจฉาทิฐิ" คือ หลงผิดแล้ว
    ไปชักชวนคนที่จะไปถูกทาง มาติดความสุขที่ต่ำกว่า พวกนี้ตาย
    ไปจะเป็นมารสวรรค์ จะคอยดักคนที่จะไปนิพพานให้อยู่เสพสุข
    กับตน เป็นบริวารของเทวปุตมาร



    สิ่งที่จะรอดพ้นจากมารตนนี้ คือ

    1. มีบุณบารมี สัตย์อธิษฐานสูงมาก เช่น พระโพธิสัตว์ พวกนี้
    สามารถอรหันต์โดยไม่ครองเหลืองได้ โดยมารตนนีทำอะไรไม่ได้
    2. พระโพธิสัตว์ หรือพระอรหันต์ช่วยไว้ เช่น กรณี แม่จันทา ได้
    กระแสจิตจากพระอาจารย์มั่นช่วยจนบรรลุธรรม
    3. "อนุโมทนา" หากมีใครเหนือกว่า อย่ารั้งดึงเขาลงต่ำ จะส่งให้
    ไปเกิดเป็นมารสวรรค์ ให้อนุโมทนา จะรอดจากการไปเกิดเป็นมาร
    ตนนี้ นี่ละอีกกุศลกรรมหนึ่งของ "อนุโมทนา"


    กรรมของมารตนนี้

    1. จะอรหันต์ยาก ไม่มีใครช่วย ต้องช่วยตัวเอง ตรัสรู้เอง
    2. เมื่อตรัสรู้แล้ว จะไม่มีใครเชื่อฟัง สอนใครไม่ได้

    สรุป จะเกิดเป็น ปัจเจกพุทธะ นั่นเอง
    เช่น พระเทวทัต ที่ทำกรรมมาก


    ทุกคนล้วนจะอรหันต์หมดในวันหนึ่ง เพราะพระโพธิสัตว์ย่อมขนไป
    หมด หรือพระเจ้าจะมาช่วยทุกคนนนั่นแล อย่างเดียวกัน แต่คนที่มัว
    รอชาติหน้า จะต้องไปลงนรกอีกนาน เป็นสัตว์ชั้นต่ำอีกนาน แสนนาน
    จากนั้นพอได้มาเป็นคนอีกรอบ ก็ไม่รู้จะอรหันต์หรือไม่ ทรมานแสน
    ทรมาน และเสี่ยงต่อไป

    ผู้หลุดพ้นมีดังนี้

    1. พระปัจเจกพุทธเจ้า ตรัสรู้เองอย่างยาก ไม่มีคนช่วย และไม่มี
    ใครเชื่อฟัง เพราะก่อกรรมหนัก
    2. พระพุทธเจ้า ตรัสรู้เองอย่างยาก ไม่มีคนช่วย แต่จะช่วย
    คนต่อไป เพราะเป็นวิญญาณเริ่มแรกที่ร่วมสร้างมนุษย์มาผิด เลยต้อง
    มาใช้กรรมด้วยการทำให้คนที่สร้างมาพ้นกรรม
    3. พระโพธิสัตว์ ตรัสรู้เองอย่างง่าย ไม่มีคนช่วย แต่จะช่วย
    คน แต่ต้องมาเกิดแล้วเกิดอีก เพราะทำกรรมมาก คือ ร่วมสร้างคนมา
    กับพระพุทธเจ้าแบบผิดๆ เลยต้องตามมาช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์
    4. พระอรหันต์ หลุดพ้นด้วยคนอื่นช่วย อย่างง่ายกว่าสาม
    แบบแรก คนที่มีบุญมาก ก็ได้ฟังธรรมจากพระโพธิสัตว์และพระพุทธเจ้า
    ส่วนคนบุญน้อยหน่อย ก็ได้ฟังธรรมจากพระอรหันต์ทั่วไป



    เรื่องเหล่านี้พระอาจารย์ฝากมาเล่าให้ฟัง
    ดังนั้น ต้องนิพพานในชาตินี้เองนั่นแล

    สาธุ........................................
     
  2. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ถึงไหนกันแล้วเนี่ย
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ลองดูอันนี้บ้างนะครับ http://www.kayadham.org/content/view/458/68/

    ------------------------------------------------------------------------
    ธาตุธรรม ๓ ฝ่าย
    ....

    ประสบการณ์ในการปฏิบัติภาวนาตามแนววิชชาธรรมกาย จากบันทึกของพระครูวินัยธร (ชั้ว โอภาโส)*


    ...ตอนเมื่อธรรมกายจะเกิดขึ้นเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นนั้น มารลุกพรึบทีเดียวพร้อมกันหมดทั้งพระยามารและเสนามาร พระพุทธเจ้าภาคมารขัดขวางกันอย่างฉกาจฉกรรจ์
    ตอนนี้เป็นตอนสำคัญที่พระอาจารย์บางท่านตัดออกเสียหมด เพราะท่านไม่รู้เรื่องกายในกายว่ามีกันอย่างไร ท่านก็คิดเอากายมนุษย์ของพระสิทธัตถราชกุมาร ที่นั่งอยู่โคนไม้ศรีมหาโพธิ์ ไม่พอกับช้างของพระยามารซึ่งสูงตั้ง ๑๕๐ โยชน์ ท่านก็เลยตัดเรื่องมารประจญออกหมด หาว่าพระอรรถกถาจารย์แต่ก่อนยกย่องพระพุทธเจ้าเกินความเป็นจริงไป เห็นว่าพระพุทธเจ้าก็คนอย่างเรา ไม่มีอภินิหารวิเศษอะไร ท่านก็คิดเป็นปุคคลาธิษฐานธัมมาธิษฐานอะไรของท่านไป หาว่าลูกสาวพระยามาร ๓ คนนั้น เป็นจิตของพระองค์คิดขึ้นต่างหาก เมื่อนางตัณหาเข้ามาประเล้าประโลมนั้น หาว่าเป็นจิตของพระองค์ที่คิดอยากจะกลับเข้าไปครอบบ้านครองเมือง, เมื่อนางราคาเข้ามาประเล้าประโลมนั้น ก็หาว่าจิตของพระองค์หวนคิดถึงพิมพา ราหุล, เมื่อนางอรตีเข้ามาประเล้าประโลมนั้น ก็หาว่าจิตของพระองค์คิดอยากจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อพระองค์ได้ขับไล่นางทั้งสามให้หนีไปแล้วก็ว่าเท่ากับพระองค์เลิกคิด, เมื่อนางทั้งสามกลับไปกันแล้ว พระยามารก็ยกกองทัพเข้ามา ก็ (ว่า) เท่ากับจิตของพระองค์เกิดฟุ้งซ่านด้วยนิวรณ์ ๕ ประการ
    ของท่านก็เข้าที น่าให้คิดแบบนั้นเหมือนกันสำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องกายในกายก็ต้องคิดไปอย่างนั้น เพราะช้างคิริเมขลมหาคชสารนั้นสูงถึง ๑๕๐ โยชน์ และต้นโพธิที่พระองค์นั่งสูงเพียง ๑๒๐ ศอก เป็นเส้นหนึ่งกับสิบวาเท่านั้น จึงไม่พอกัน ข้าพเจ้า (พระครูวินัยธร ชั้ว) จึงลองย่นสเกลดู ย่นโยชน์ลงเป็นเซ็นติเมตร เขียนรูปช้างสูง ๑๕๐ เซนติเมตร เฉพาะเล็บช้างวัดได้ ๕ เซนติเมตร แล้วช้างคิริเมขลสูงถึง ๑๕๐ โยชน์ ขยายเล็บออกไปได้ ๕ โยชน์ เมื่อพระยามารขี่แล้วไส (ช้าง) เข้ามาจะชิงบัลลังก์นั้น ถ้าพระองค์แลด้วยมังสะจักษุ (ตากายมนุษย์) ของพระองค์แล้ว อย่าว่าแต่เห็นหน้าพระยามารหรือหน้าช้างเลย เพียงแต่ครึ่งเล็บช้างก็ยังมองไม่เห็นเลย เพราะตากายมนุษย์แลเห็นเพียงโยชน์เดียวเท่านั้น เล็บช้างตั้ง ๕ โยชน์ แล้วเป็นของทิพย์ด้วยจะไปแลเห็นได้อย่างไร
    ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น พระองค์ไม่ได้แลเห็นด้วยตากายมนุษย์ พระองค์เห็นด้วยตากายอรูปพรหม เป็นสมันตจักษุ เลยทิพยจักษุ เลยปัญญาจักษุ เข้าไปจวนถึงพุทธจักษุ เป็นอจินไตย์อยู่แล้ว อย่าว่าแต่ช้างคิริเมขลตัวเดียวเลย ถึงจะซ้อนกันขึ้นไปอีกสักกี่ตัว ก็ยังต่ำกว่าบัลลังก์ที่พระองค์นั่งเสียอีก เพราะพระยามารและเสนามารที่เข้ามาประจญนั้น ล้วนแต่เป็นกายทิพย์กันทั้งนั้น พระพุทธเจ้าปะทะด้วยกายอรูปพรหม เป็นอจินไตยกว่า ละเอียดกว่า สูงกว่า พวกกายทิพย์ก็สู้ไม่ได้ ถึงพระพุทธเจ้าภาคดำจะขัดขวางอย่างไร พระพุทธเจ้าภาคขาว (ต้นธาตุต้นธรรม) ของพระพุทธเจ้าก็คอยปะทะไว้เหมือนกัน ของมีตัวจริงทั้งนั้น เช่นพระยามาร เสนามาร ลูกสาวพระยามาร ก็ล้วนมีตัวตนอยู่ทั้งนั้น แต่เป็นกายทิพย์ ตามนุษย์เรามองไม่เห็น ต้องทำให้ถึงทิพยจักษุ ปัญญาจักษุ หรือสมันตจักษุ จึงจะแลเห็น เพราะเป็นของละเอียด ยิ่งกายพระพุทธเจ้า (ธรรมกาย) ด้วยแล้ว ต้องมองด้วยพุทธจักษุจึงจะเห็น
    ที่อาจารย์บางท่านแต่งกันขึ้นใหม่ ๆ ประมาณสัก ๔๐ ปี มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๐ มานี้ได้ตัดอภินิหาร ปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้าออกหมดนั้น เพราะไม่รู้เรื่องกายในกายนั่นเอง จึงได้ตัดบารมีภินิหารออกหมด ทำเอาแบบแผนของจริงเลอะเลือนไปไม่ใช่น้อย ความจริงที่พระอรรถกถาจารย์กล่าวไว้นั้น ก็ยังไม่ละเอียดเท่าความเป็นจริงเสียอีก ท่านย่อ ๆ ไว้เท่านั้น ถึงข้าพเจ้าผู้เขียนนี้ก็ต้องย่อไว้เหมือนกัน จะเขียนให้ละเอียดเต็มที่ก็ไม่ไหว เรื่องของท่านละเอียดนัก ....

     
  4. jip26565

    jip26565 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +231
    อ่านกระทู้นี้แล้วนึกถึงเมื่อประมาณ3เดือนก่องมีความคิดว่าอืมถ้าเราจบม3 เราต้องบวชตลอดไปเลยนะ พอเปิดเทอม ความสุข(กิเลศ)มันก็ครอบงำจิตใจไปแล้ว
     
  5. มารวิกะ

    มารวิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +526
    มาร มีจริงๆ ครับ มายืนยันด้วยตัวเองเลย ล้อเล่นน่ะครับ ^^.

    แต่ มาร ที่ เป็น มารจริงๆ โดยที่ ไม่ใช่ มารในแบบ ที่เรา คิดว่าเราคิดไปเอง มันมี อยู่จริงๆครับ
    มาร เป็น ผู้ที่ คอยทำลาย ความดี ของ ผู้อื่น อยู่เสมอ อาจจะเป็น เทวดาบางจำพวก ที่มี ทิฏิ ไม่ดี
    โดย ส่วนตัวแล้ว เคยเจอ มาหลายครั้ง ต่อหลายครั้ง ในฝัน นะครับ จะมา ในรูปของ หญิงสาว ในแบบ
    ที่เรา ชอบ แล้ว จะชวน เรา หลับนอน ด้วย ( คงจะ คาดหวังให้เราหลง อยู่ใน วังวน ของ กามารมณ์)
    พอบ่อยๆ เข้าเลย รู้ ด้วยตัวเอง ว่า ชักจะผิดปกติ แล้ว ฝันเห็น แต่ คนเดิมๆ มาหลอกล่อให้ หลับนอน
    เสมอๆ คราวนี้เลย ถ้าเจอ อีก ต้องรีบ ตื่นให้เร็วที่สุด ไม่งั้นเดี๋ยวจะหลง ไปกับ มาร พวกนี้ได้
     
  6. เพชรตาแมว

    เพชรตาแมว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +179
    มารนี้น่ากลัว ถ้าจิตเราไม่แข็งพอ
     
  7. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">มาร ในใจตนเอง
    ขี้เกียจ สวดมนตร์

    มีอยู่หนหนึ่ง ไปถือศีลแปด ที่วัด
    เวลาอยู่บ้านสวดมนตร์ นั่งสมาธิ ไม่เคยปวดขา
    แต่พอไปอยู่วัด ..กับปวดขา มาก
    ชี ท่านบอก นี่แหระ มาร มาขัดขวาง
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +1,295
    นั่นเรียกว่า "กิเลสมาร"
     
  9. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    เทพทดสอบ/มารล่อลวง
    การทดสอบนี้ มีความหมาย 4 แบบด้วยกันคือ

    1. แบ่งจริงเท็จ
    2. ชำระล้าง
    3. แปรเปลี่ยนนิสัย
    4. มรรคผล

    ท่าน ยินดีให้ต้นเจียรนัยเป็นหยกชิ้นงาม เพื่อรองรับงานภาคผู้ปกครองหรือไม่เพราะเหตุใด มาฟังคำตอบของพวกท่านดูบ้าง จะยกเป็นตัวอย่างขึ้นมาสองสามตัวอย่าง :

    -ร่างกายที่ธาตุธรรมนี้อาศัยอยู่แท้จริงก็เป็นของปลอมอยู่แล้วจะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ หรือ แตกดับ จะสุข จะทุกข์ยาก เย็นแสนเข็ญเพียงไหนก็ขอให้แล้วแต่ฟ้าจะประทานหน้าที่มาให้ ข้าพเจ้าเป็นเพียงผู้ควบคุมขันธ์ อันจะเป็นช่องทางให้ต้นหรือภาคผู้ปกครองจะส่งคลื่นลงมาสู่เหล่าสรรพสัตว์ แม้นท่านได้เลือกเราแล้วก็ยากที่จะปฏิเสธ หรือหากแม้นธาตุธรรมนี้ขาดคุณสมบัติ แม้นอยากได้ความชอบ เฝ้าทูลอ้อนวอนสักปานไหนก็มิอาจพบทางที่ปรารถนาได้ ฉะนั้นจะยินดีหรือไม่ ย่อมหาความหมายมิได้ ขอเพียงให้ทุกอย่างเป็นไปเพื่อสรรพสัตว์เถิด

    -คำตอบของศิษย์อีก 1 คน : ในส่วนลึกนั้นยินดี แต่ธรรมสูง 1 ศอก มารสูง 1 วา ยุคนี้มารนั้นยิ่งใหญ่มาก คนเราเกิดมามีขันธ์ 5 การทวนกระแสอันเชี่ยวกรากนี้ กลัวว่าไม่สามารถจะต้านทานได้ จะพาสรรพสัตว์ให้หลงไปในทางที่ผิด นับว่าเป็นบาปใหญ่มีโทษมหันต์

    -คำตอบของอีก 1 คน : ยินดีให้เจียรนัยเพื่อเป็นหยกชิ้นงาม แต่จะได้รองรับงานภาคผู้ปกครองหรือไม่ นั้นไม่ใช่ประเด็นที่สนใจ เพราะหยกชิ้นงามย่อมทรงคุณค่าในตัวของมันเอง แม้ไม่มีใครเห็นคุณค่าก็ไม่เคยเปลี่ยน ยิ่งเจียรนัยมากยิ่งสั่งสมบุญมาก หยกยิ่งงามมากขึ้น เพื่อสู่ความเป็นอริยะ มีนิพพานเป็นที่เสวยสุขนิรันดร์

    ในส่วนมากที่ตอบนี่ 99 % ยินดีให้ต้นเจียรนัยเป็นหยกชิ้นงาม การเจียรนัยหยกเราก็ต้องเอาเครื่องฝน เครื่องแกะสลักมาเจียร เจียรแล้วก็ขัด ขัดให้ขึ้นเงางามก็เปรียบเหมือนกับสภาพความเป็นมนุษย์ เราจะเหยียบเมฆบันไดขึ้นสู่สวรรค์นิพพาน มารทดสอบก็เปรียบเหมือนเครื่องเจียรนัยหยก เมื่อเจียรถูกก็ย่อมถูกเนื้อหยกเนื้อหิน มารสอบก็เช่นกัน ในสภาวะที่ถูกสอบทั้งสภาวะครอบครัว สภาวะจิตใจ หน้าที่การงาน ภัยพิบัติ โรคภัยไข้เจ็บ แล้วก็ ความวิบัติต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นการเสริมสร้างให้บุคคลที่ถูกเจียร แข็งแกร่ง เมื่อเราผ่านพ้นมาได้ เราก็จะเติบโตมีปัญญาที่เพิ่มขึ้น มีความอดทนที่มากขึ้น มีสติปัญญาที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้ ก็บ่งบอกรากธรรม บุคคลที่มีรากธรรมที่หยั่งลึก รากแก้วที่ลึกมาก เมื่อเราจะผลักจะเลื่อยจะยังไง ต้นไม้นั้นย่อมไม่ตาย ส่วนรากธรรมที่ตื้น ก็ย่อมล้มหัก สลายไปในที่สุด

    เมื่อต้นเจียรนัยหยกแล้ว ถูกความทุกข์ยากมาโทษฟ้าโทษดินสิ่งเหล่านี้ไม่ถูกต้อง กาลเวลาก็ได้พิสูจน์ บทเรียนต่างๆ ก็ได้พิสูจน์ ของพวกที่เข้ามาสอบ ฉะนั้นบุคคลใดจะรู้ดีเท่ากับตัวของตัวเองนั้นย่อมไม่มี คนไหนที่ยังตกเป็นทาสของอารมณ์ คนไหนที่ยังขาดสติ คนไหนที่ยังปัญญาไม่มากเพียงพอ คนไหนที่ยังมีความอดทนไม่มาก เราย่อมรู้ดี คุณสมบัติของเราบกพร่องในส่วนใด จงทำส่วนนั้นให้มาก การที่จะบรรลุเข้าสู่ฝั่งพระนิพพานย่อมไม่ได้เดินอยุ่บนเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ความเหน็ดเหนื่อยตรากตรำเบื่อล้า ทุกข์ยากเหลือเข็ญ เหล่านี้ จะสร้างให้เราเป็นคนเต็มคน ให้เราสามารถเดินสู่ฝั่งพระนิพพานได้อย่างองอาจ และถึงเป้าหมายอย่างไม่มีการหลงทาง ผิดทาง ทำให้เสียเวลา และอาจจะไม่ทันยุค Transmigation นี้ การขนย้ายสรรพสัตว์เข้าสู่ฝั่งพระนิพพานก่อนที่ภัยพิบัติต่างๆจะบังเกิดขึ้น พวกท่านก็ได้ผ่านการทดสอบแล้ว ลำบากไม่น้อยที่สอบมาก็รู้สึกว่าไม่เลวทีเดียว ตอนนี้ภาคผู้ปกครองก็ได้ลงทะเบียนชื่อไว้ตามนโยบาย Transmigation ( การรื้อขนสรรพชีวิต ) ก็ขอให้ขยันเข้าไว้เตรียมตัวเข้าสอบสนามใหญ่ ขอให้ยึดมั่นมีจิตศรัทธา มีความอดทน มาถึงขั้นนี้แล้วก็ได้ถึง 60 คะแนนทีเดียว ที่เหลืออีกก็เป็นการทดสอบด้านปัญญา ฉะนั้นจึงถือโอกาสอันดีนี้ เตือนพวกท่านอย่าได้สละสิทธิ์ สวรรค์เปิดสอบเพื่อโปรด 3 ภพ ”

    ประธาน ฯ “ พวกเราก็รู้อยู่แล้วว่ายุคปัจจุบันนี้ คาบเกี่ยวกันอยู่ระหว่างยุค ซึ่งก็หมายความว่าบนแดนอนุตตร แดนนิพพาน เหล่าพุทธะ เหล่าพระโพธิสัตว์ และบนสวรรค์ ทวยเทพชั้นพรหมทั้งหลาย ต่างลงมาช่วยกันดำเนินนโยบาย Transmigation ให้บรรลุเป้าหมายมากที่สุด การขนย้ายสรรพสัตว์ขึ้นสู่ฝั่งพระนิพพานก่อนที่จะเจอภัยพิบัติไฟบรรลัยกัลป์เป็นงานที่ทำได้ยาก แล้วก็ต้องช่วยกันทุกสายสีวงศ์

    ฉะนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่ต่างๆ ทั้งพุทธะ พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย
    เทพ พรหม ทั้งหลายลงมาช่วยกันทำงานในภาคพื้นมนุษย์อย่างมากมาย จึงถือว่าในยุคปัจจุบันเป็นยุคที่เหมาะสมที่สุด ถูกกาลเวลาที่สุดเพราะว่าในการปฏิบัติต่างๆก็ได้ลดกฎเกณฑ์ลงไปอย่างมาก เพื่อให้เหล่าสรรพสัตว์ต่างๆสามารถเข้าสู่ฝั่งพระนิพพานได้มาก ฉะนั้นพวกเราต้องบุกบั่นมานะและอดทน สร้างบุญบารมี สร้างบุญสร้างกุศลไปเพื่อให้เข้าถึงพระนิพพานซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ที่ทุกๆคนจะต้องทำ ทำจริงสอบจริง ชี้ให้เห็นใจจริง

    การสอบในส่วนใหญ่ก็มี 2 รูปแบบคือ สอบส่วนตัวและส่วนรวม สำหรับส่วนตัวมีทั้งสอบสว่างและสอบมืด สอบตามกระแส ทวนกระแส สอบปฏิปักษ์ สอบตรง สอบฉันทะ ไม่มีฉันทะ ต่างๆนานา เหล่านี้ท่านก็ได้เรียนกันมาแล้ว ทุกคนข้อสอบก็จะแตกต่างกันไป แล้วแต่กรรมที่ทำกันมา ก็แตกต่างกันไป ฉะนั้นการสอบต่างๆก็ไม่เหมือนกัน สรุปได้ก็คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทดสอบนั้นไม่ใช่ต้องการให้พวกเรามีความทุกข์
    ขึ้นชื่อว่าผู้บำเพ็ญแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดต้องยอมรับว่า สิ่งเหล่านี้ในอดีตชาติของตนได้ทำไว้ และได้รับกรรมในชาตินี้ พึงน้อมรับโดยดุษฎี จะมาตำหนิโทษฟ้าโทษดินโทษบุญกุศลที่ตัวเองทำ หรือโทษมนุษย์ด้วยกันนั้นไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งในยุคแห่งปลายยุคที่เบื้องบนได้ให้มาก็เปรียบเหมือนกระทะฟ้าและเตาดินมาผัดมาหลอมพวกเราเช่นนี้ พวกเราผู้อยู่ในสามภพนี้ก็คือบนสวรรค์ประกอบด้วยเหล่าทวยเทพ เบื้องกลางก็คือโลกมนุษย์ และเบื้องล่างก็คือภูติผีปีศาจ อสุรกาย สัตว์นรกต่างๆ ก็ตกอยู่ในกระทะฟ้าบนเตาดินนี้ ก็ยากที่จะหนีได้พ้น ต่างก็อยากจะหนีให้พ้น แต่ใน กระทะบนเตานี้มีเพียงสองทางให้ไป ทางหนึ่งคือสอบ อีกทางหนึ่งก็คือภัย คนดีจะถูกสอบไม่ถูกภัย แต่คนพาลจะพบภัยไม่ถูกสอบ เมื่อเราอยากอยู่สงบสันติสุขพ้นจากภัย ก็ต้องกัดฟันสู้ฟันฝ่าอุปสรรคการสอบทั้งปวงให้ได้ มิฉะนั้นก็ไม่พ้นภัย และยังไม่สามารถบรรลุหรือมีสิทธิ์เข้าไปอยู่ในเหล่าธาตุธรรมที่ถูกคำนวณขึ้นสู่ฝั่งพระนิพพาน ก็ให้ท่านเลือกกันเองแล้วกันว่าจะยอมสอบต่อหรือว่าอยากจะสุขสบายแต่ว่า ไม่ทันนโยบาย Transmigation ก็เตรียมตัวเข้าประสบภัยพิบัติที่จะบังเกิดขึ้นในกาลอนาคต

    สำหรับในยุคนี้ก็จะขอเตือนทุกๆท่านว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลง หมื่นศาสนาจะ ปรากฎพร้อมกัน จะมีการอ้างลัทธิพระศรีอาริย์กันอย่างมากมาย ว่าบุคคลนั้นบุคคลนี้ คือพระศรีอาริย์ลงมาจุติ แล้วก็มีการแอบอ้างพระธรรมาจารย์ คุณครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในอดีตว่าลงมาเกิดเป็นคนโน้นคนนี้ ตามที่บันทึกในงานประชุมภาคผู้ปกครองในปัจจุบันก็มีพระธรรมาจารย์ปลอมถึง 36 องค์และก็มีพระศรีอาริย์ปลอมถึง 72 องค์ ต่างก็ยืนยันว่าได้รับโองการ Transmigation เก็บงานให้เหล่าธาตุธรรมเข้าสู่ฝั่งพระนิพพาน กัน และก็ยังมีฤทธิ์มีเดช ทำให้เหล่าลูกศิษย์ ลูกหาที่ไปขึ้นด้วยสัมฤทธิ์ผลทันตา สารพัดสิ่งต่างๆที่จะรวบรวมผู้คนเข้าสู่สำนักของเค้าได้

    สิ่งเหล่านี้ก็จะทดสอบพวกเราไปในตัวเหมือนกันว่าจะมีปัญญาแบ่งแยกได้ดีแค่ไหนว่า อะไรเป็นของจริงและอะไรเป็นของปลอม ไม่ว่าเราจะบำเพ็ญมานานแค่ไหนหรือได้สะสมผลบุญมากน้อยเพียงใดก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะแยกแยะได้เลยว่าในอดีตพวกเรานี้ สร้างบุญสร้างกุศลมาถูกต้องถูกทางกันเพียงไหน

    บุคคลที่ ดำรงตน และบำเพ็ญบารมี สร้างบุญบารมีมาในทางที่ถูกที่ควร ก็จะพบแต่กัลยาณมิตร พบแต่สิ่งที่ดี และพบเส้นทางที่ถูกต้อง แต่บุคคลที่เคยไปเรียนรู้วิชาทางฝ่ายมิจฉาทิฐิ หรือว่าได้คบเหล่าคนพาลมาในอดีตก็ย่อมมีโอกาสที่จะพลัดหลงเข้าไปสู่ในเส้นทางที่ผิดๆได้

    ฉะนั้นปัจจุบันนี้ พวกท่านก็ต้องรู้จักการที่จะสร้างบุญบารมี ในเส้นทางฝ่ายสัมมาทิฐิ แต่ส่วนเดียว ให้ทุกๆคนรู้จักการ ที่จะตั้งจิตอธิษฐานว่า เราจะไม่ผิดทางเราจะประพฤติดำรงตนอยู่ในฝ่ายสัมมาทิฐิ แต่ส่วนเดียว ได้พบธรรมะที่แท้จริงเพราะว่าถ้าเราหลงทางแล้วก็จะเป็นการเสียเวลาอย่างยิ่ง และอาจจะไม่ทันยุคสมัยที่จะพาเหล่าธาตุธรรม เข้าสู่ฝั่งพระนิพพาน ก็เหมือนกับว่าเราพลาดรถด่วนขบวนสุดท้าย ก็ให้ทุกๆคนเข้าใจให้ถ่องและก็พยายามปฏิบัติ อย่าคิดว่านิพพานเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง และเราไม่สามารถจะทำได้ ด็อกเตอร์ซุนยัดเซ็นก็ได้เคยกล่าวไว้ว่า เพียงใจเราคิดว่าทำได้ ต่อให้ย้ายภูเขาแม่น้ำเราก็ทำได้สำเร็จ แต่หากใจเราคิดว่าไม่ได้ ต่อให้เพียงหักกิ่งไม้เบาๆก็ไม่ง่ายนัก แล้วก็จะไม่สำเร็จเลยก็ได้

    ดังนั้น คำที่ว่า ธรรมะสูง 1 ศอกมารสูง 1 วา ธรรมะยิ่งสูงเท่าไร มารก็ยิ่งตามกระชั้นชิดมากขึ้น ทุกเวลาจะหาหนทางเข้ามาสอบพวกเราทันที หากไม่รู้ทันก็จะเป็นอันตรายมาก เราจึงต้องรู้จักตอกย้ำ ศรัทธาแห่งจิต อธิษฐานจิต ไม่ผิดทางไม่หลงทาง ให้ปฏิบัติอยู่ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว ให้ได้พบกัลยาณมิตร ผู้ชี้ทางสวรรค์ ทางนิพพาน ก็ขอให้พวกท่านทุกๆคนอย่าได้ท้อแท้ใจ ความทุกข์ยาก

    ภัยพิบัติต่างๆ ก็เพียงข้อสอบที่ชี้จุดบกพร่องในธรรมของพวกเรา อะไรที่พร่องจงทำให้เต็ม อะไรที่ทำดีแล้ว ก็จงปฏิบัติให้ดียิ่งๆขึ้น

    จงรู้ไว้ว่าหยกนั้นถ้าไม่เจียร ไม่ได้รูป ทองไม่หลอมไม่มีค่า หรือไม่มีเขาสูงย่อมไม่เห็นที่ลุ่มลึก เหล็กไม่ตีไม่ได้รูป หวังอย่างยิ่งว่า ทุกท่านจะมีความอดทนต่อการบำเพ็ญ หากไม่ทนกับสิ่งเล็กๆน้อยๆย่อมเสียงานใหญ่

    ประธาน ฯ “ ก็หวังว่าทุกๆท่านคงจะไม่สละสิทธิ์ในการสอบ ที่คิดว่าเราท้อแท้ใจ ทำไมมาถึงสำนักนี้แล้วถึงจะต้องมาทำข้อสอบทุกข์ยากอย่างมากมาย ถึงพวกท่านไม่ได้มาแต่ว่าเป็นธาตุธรรมที่ถูกคำนวณมีสิทธิ์เข้าฝั่งพระนิพพาน ต่อให้ไม่ได้มาสำนัก ฯ หรือปฏิบัติอยู่ในครอบครัวของตัวเอง หรือไปปฏิบัติที่สถานธรรมหรือวัดวาอารามต่างๆ พวกท่านหนีการสอบไม่พ้น จงภูมิใจไม่ใช่เสียใจ ภูมิใจว่าเราก็เป็นชื่อหนึ่งที่ถูกลงทะเบียนมีสิทธิ์ขึ้นฝั่งพระนิพพาน ฉะนั้นให้อดทนต่อความทุกข์ยาก แม้ในศิษย์ บางคนของสำนักแห่งนี้ ที่ตัดสินใจออกจากสำนักไปเพราะทนข้อสอบไม่ไหวก็อย่าได้คิดว่าพ้นจากสำนักแล้วไม่ต้องสอบ ถ้าชื่อของท่าน ถูกบันทึกลงในรายชื่อของนโยบาย Transmigation อยู่ที่ไหนก็ต้องสอบ ยกเว้นว่าท่านจะสละสิทธิ์ ”

    Master “ ก็ขอขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ท่านประธานสอบสามภพ ได้กรุณาชี้แจงรายละเอียดและก็ชี้แนะให้พวกเราได้ทราบถึงผลการสอบที่ผ่านมาในรุ่นแรก ก็หวังว่าศิษย์ทุกท่านที่ได้ฟังก็คงจะเข้าใจ ก่อนที่จะจบ การสัมภาษณ์ ก็อยากจะให้ท่านประธานสอบ 3 ภพ ฝากอะไรถึงพวกเราบ้าง ”

    ประธาน ฯ “ ก็จะฝากบทเพลงแห่งการสอบไม่ตกให้ฟัง

    - สอบไม่ตกถึงจะมีคุณค่ายิ่ง
    - สอบไม่ตกถึงจะมีปัญญาดี
    - สอบไม่ตกถึงจะได้ธรรมะสูง
    - สอบไม่ตกถึงจะได้อยู่แนวหน้า
    - สอบไม่ตกถึงจะพ้นการเกิดตายเข้าสู่ฝั่งพระนิพพาน
     
  10. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    โอม มุนี มุนี มหามุนี สวาหะ
    พระอชิตะ พระพุทธโคดม พระมหามุนี

    ดวงแก้วบรมพุทธจักรดวงที่ 6 ผู้สำเร็จธรรม ในฝ่ายบุญภาคปราบล้วนทั้งลับและเปิดเผย ถอยพืด (แบ่งธาตุธรรม) ลงจุติสมัยศาสนาพระพุทธโคดม เป็นพระมหามุนี พระสหายของพระอชิตะ (องค์พระศรีอาริย์ในอนาคต) ตั้งปรารถนาจิตว่า "ข้าพเจ้าจะเป็นทนายแก้ต่างให้ศาสนาพระโคดม" เมื่อสิ้นภพชาติของพระมหามุนี ไปจุติรอคอยช่วยงานขององค์พระเมตไตรยอยู่ยังดุสิตเทวโลก ชั้น 11 ได้รับโองการลงจุติยังโลกมนุษย์เพื่อดับทุกข์เข็ญในยุคก่อนกึ่งพุทธกาล

    งานที่ได้รับมอบหมายก็คือ
    1. ประกาศวิชชาธรรมกาย ซึ่งเป็นพระสัทธรรม ดั้งเดิมของพระบรมศาสดาทั้งส่วนของ
    พระอริยสาวก และส่วนของพระโพธิสัตว์
    2. แก้ไขภัยพิบัติต่าง ๆ ของโลก และของสัตว์โลก
    3. รักษาสืบทอดอายุพระศาสนา ปลดเปลื้องสัตว์โลก ให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรม บ่วงมาร
    และวัฏสงสาร

    แล้วท่านจะจุติแห่งใดหนอ...ผู้ดับดาวสงคราม มาในสายสงฆ์ (มุนี) ปรมัตถ์นามจากเบื้องบนว่า "พระเทพ" ยุติสงครามในไตรภพด้วยระแบบแสง คือ การนั่งสมาธิภาวนาด้วยวิชชาธรรมกายขั้นสูง วิชชาสะสางธาตุธรรม

    แผ่นดินรัตนโกสินทร์

    เมื่อองค์พระมหามุนีเจ้า รับโองการจุติดับดาวสงคราม ก็เล็งแลดูไปที่มัธยมประเทศ แผ่นดินสุวัณณภูมิ และแผ่นดินจีน ท่านดำริว่า แผ่นดินสุวัณณภูมิมีผังอาณาจักรเป็นรูปดอกบัว เหมาะสมกับการสืบอายุพุทธศาสนา โดยเฉพาะประเทศสยามมีความเป็นไท ไม่มีสิ่งผูกพัน เป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง และมีสายธาตุธรรมของท่านที่ลงมาเกิดอยู่แล้ว เป็นบุรพชนต้นตระกูลตามปรมัตถ์นามจากเบื้องบนว่า "เสียมล้อ" เป็นเชื้อสายระหว่างชาติไทยและชาติจีน "เสียม" คือ สยาม "ล้อ" (ลว้า) คือ ชาวจีนที่อพยพเข้ามาอยู่ในแหลมทองเดิม เป็น บุรพชนแผ่นดินสุวัณณภูมิ คำว่า "ล้อ" หมายถึงผู้คนที่มีคุณธรรม 4 คือ

    1. รักยุติธรรม
    2. รักสัจจะ
    3. มีมรรยาท
    4. ละอายแกรงกลัวต่อบาป

    โดยที่ตำหนิการเกิดของสายเผ่าพันธุ์ คือ ต้องมีปานสีฟ้าแก่ที่ก้น พอโตขึ้นก็หาย พอโตเล็บนิ้วก้อยเท้าขวามีรอยขึ้นตามยาว ปลายเล็บที่เลยเนื้อออกมาแตกปลายจึงเป็นสองเล็บ เมื่อนับรวมเข้าเป็น 6 เล็บ จึงเป็นเมืองคน 6 เล็บ (ลักกักฟี้) ล้วนเป็นคนเก่ง คนกล้า มีคุณธรรม เหมาะกับเป็นผู้ช่วยรักษาศาสนาจวบจนสิ้นพุทธกาล

    พระมหามุนีเจ้าทราบว่า บัดนี้มารนำผังศาสนาไปเก็บซ่อนไว้ที่สุดละเอียด จนเหลือนิดเดียวในภพ 3 ทำให้คนนับถือศาสนาพุทธหมดไป ยิ่งในพุทธศาสนาแผ่นดินรัตนโกสินทร์ มารตั้งศาสนาพุทธให้เล็กลง แล้วมีเครื่องย่อยแยกให้มีสองนิกาย คือ ธรรมยุต กับมหานิกาย ทำให้ศาสนาพุทธกระเทือน มารยึดการปกครองศาสนจักรไม่ให้ขยาย ซ้ำยังทำให้เรียวลง ๆ จนหมดไปจากแผ่นดิน พระมหามุนีเจ้าจึงจัดกองทัพธรรมลงจุติเพื่อแก้ไขและรักษาอาณาจักร พุทธจักรให้สืบไป โดยแบ่งกองทัพธรรมออกเป็น

    - ฝ่ายปราบ เป็นนักรบมีหน้าที่ทำวิชชารบกับมาร
    - ฝ่ายโปรด มีหน้าที่เผยแผ่สั่งสอนพระธรรมในฝ่าย สัมมาทิฐิ
    - ฝ่ายเสบียง มีหน้าที่ทำนุบำรุงศาสนา มาเกิดเป็น เศรษฐีผู้ใจบุญ

    ณ แผ่นดินทอง เมืองทอง

    พระมงคลเทพมุนี (สด มีแก้วน้อย) หลวงพ่อวัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) เกิดวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2427 ตรงกับวันศุกร์ แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีวอก ณ บ้านสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี วัยเยาว์ วันใดจันทร์เพ็ญ ก็จะร้องเอาพระจันทร์ พี่เลี้ยงชื่อยายบู่ ต้องทำเป็นเอาไม้กระทู้มาพาดที่ชายคาบ้าน แล้วไต่ขึ้นไปทำเป็นว่าจะหยิบพระจันทร์มาให้ จึงจะหยุดร้องไห้

    เมื่ออายุย่างเข้า 22 ปี อุปสมบท เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2449 ณ วัดสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี มีฉายาว่า "จนฺทสโร" จำพรรษาอยู่วัดสองพี่น้อง 1 พรรษา จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยต่อไป จนกระทั่ง พ.ศ. 2459 จึงมาครองวัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) ในฐานะผู้รักษาการเจ้าอาวาส

    เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำ จะเกิดมาทำไม

    วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 พรรษาที่ 15 ณ โบสถ์วัดบางคูเวียง พระคุณเจ้าปรารภแก่ตนเองว่า "เราตั้งใจจริงมาบวชจำเดิมแต่อายุ 19 ปี ได้ปฏิญาณตนบวชจนตาย จนบัดนี้ของจริงที่พระพุทธเจ้าท่านรู้ท่านเห็น เรายังไม่ได้บรรลุ ยังไม่รู้ไม่เห็น สมควรแล้วที่จะต้องการกระทำอย่างจริงจัง" เมื่อตกลงใจได้ดังนี้ก็เข้าอุโบสถแต่เวลาเย็น ตั้งสัจจาธิษฐานแน่นอนลงไปว่า "ขอพระพุทธเจ้าทรงพระกรุณาโปรดข้าพระพุทธเจ้า ทรงประทานธรรมที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้อย่างน้อยที่สุดแลง่ายที่สุดที่พระองค์ได้ทรงรู้แล้วแด่ข้าพระพุทธเจ้า ถ้าข้าพระพุทธเจ้า รู้ธรรมของพระองค์แล้ว เป็นโทษแก่ศาสนาของพระองค์แล้ว ขอพระองค์อย่างทรงพระราชทานเลย ถ้าเป็นคุณแก่ศาสนาของพระองค์แล้ว ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานแด่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์รับเป็นทนายศาสนา ในศาสนาของพระองค์จนตลอดชีวิต"

    รักษ์ร่างพอสร่างร้าย รอดตน
    ยอดเยี่ยม"ธรรมกาย"ผล ผ่องแผ้ว
    เลอเลิศล่วงกุศล >ใดอื่น
    เชิญท่านถือเอาแก้ว ก่องหล้าเรืองสกล

    จากวันนั้นที่พระเดชพระคุณเจ้าได้ดวงปฐมมรรค และตั้งใจฝึกฝนวิชชาธรรมกาย อยู่เป็นเวลา 6 ปี พ.ศ. 2477 พระคุณเจ้าพบว่า ต้นธาตุ (สมเด็จองค์ปฐมพระพุทธเจ้าองค์แรกสุดบนอายตนะนิพพาน) ใช้ให้จุติมาเกิดเพื่อปราบมาร เพราะมารเข้ามาปนเป็นในศาสนาพุทธ ปล่อยสายมาปกครองมนุษย์ ให้มนุษย์มีกิเลส ตัณหาอวิชชา เป็นทาสของโลภะ โทสะ โมหะ พระคุณเจ้าเข้าธรรมกายสุดละเอียดจึงรู้และเห็นหมดว่า...

    สมัยที่พระสมณโคดม สัมมาสัมพุทธเจ้า สำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณใหม่ ๆ เสด็จไปประทับ ที่ใต้ควงไม้ อชปาลนิโครธ พญามารนิมนต์จะให้นิพพานเสียทีเดียว แต่พระองค์ว่าจะโปรดสัตว์ให้ครบบริษัท 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา พระแม่ธรณีขึ้นมาบีบมวยผม แสดงพุทธบารมีที่ได้สั่งสมมาแล้วอุทิศกรวดน้ำแด่สรรพสัตว์ น้ำเหล่านั้นออกจากมวยผมไหลท่วมพญามารหนีไป

    เมื่อพญามารหลีกไป พระพุทธเจ้าภาคมารก็มาท้ารบกับพระพุทธโคดม พระพุทธองค์จึงเข้านิโรธสมาบัติไปเจ็ดวัน ขึ้นทูลถามพระพุทธเจ้าที่ในนิพพานแก่ ๆ ขึ้นไป จนถึงพระพุทธเจ้าที่เข้านิพพานทั้งกายมนุษย์ จึงทราบว่าพระองค์ท่านตรัสรู้เพียงหนี่งรอบ คือ 84,000 พระธรรมขันธ์ พระธรรมกายนั้นยังอ่อนอยู่ เปรียบเหมือนอย่างกุ้งหรือปูที่ลอกคราบก้ามและกระดองอ่อน ๆ อย่างนั้น พระบารมียังน้อยกว่าภาคมาร จะไปทำอะไรได้ไม่เหมือนพระพุทธเจ้าชั้นแก่ ๆ ที่เข้านิพพานทั้งกายมนุษย์เป็น ๆ ไปนั้นถึงจะสู้รบกับภาคมารที่มีฤทธิ์เดชมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ พระพุทธโคดมจึงขอโปรดสัตว์โดยอยู่ในกติกาที่ภาคมารตั้งให้ 4 ข้อ ดังนี้

    ข้อ 1. ห้ามพูดถึงภาคมารที่ให้ความทุกข์ กิเลส ตัณหา อวิชชา แก่สรรพสัตว์
    ข้อ 2. ห้ามพุทธสาวกแสดงฤทธิ์เดชจนไปแตะต้องถูกงานของ ภาคมาร
    ข้อ 3. ความทุกข์ยากของสรรพสัตว์ให้ว่า เป็นกฎแห่งกรรม อย่าโทษว่าภาคมารทำ
    ข้อ 4. เมื่ออายุท่านครบ 80 ปี ต้องปรินิพพาน

    เมื่อรับกติกาดังนี้ ก็จะไม่รุกรานกัน ส่วนพระพุทธโคดมก็ตั้งกติกาไว้เพียงข้อเดียวคือ "ศาสนาของเราไม่มีข้อกำหนด มรรค ผล ยังมีอยู่ตราบใด ศาสนาก็ตั้งอยู่ตราบนั้น"

    ต้นธาตุจึงตรัสแก่พระคุณเจ้าว่า บัดนี้มารได้ส่งสายปกครองลงมาเกิด เป็นผู้นำแว่นแคว้นเผ่าพันธุ์ อีกทั้งเทพเจ้าสงครามก็ลงมาจุติแล้ว เห็นทีสงครามแห่งการล้างเผ่าพันธุ์เชื้อชาติต้องเกิดขึ้นแน่ ผู้คนจะล้มหายตายจาก การเข่นฆ่าด้วยอาวุธสงครามที่ร้ายแรง แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ แผ่นดินสุวัณณภูมินี้จะเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า พุทธจักรอาณาจักรจะถูกมารเข้ายึดครองและทำลายจนไม่เหลือเศษ ขอพระคุณเจ้าจงทำวิชชารบกับมารเถิด แยกพระ แยกมาร ให้ออกจากกัน เก็บภัยสงคราม มารเอาบ้านเมืองมาล่อ เอาความเจ็บความตายมาให้ ปราบมารเหล่านี้ลงเสียได้ มนุษย์ถึงจะอยู่สุข การรบกับภาคมารนี้ต้องทำอย่างจริงจัง และต่อเนื่องตลอดเวลา 24 ชั่วโมง อย่างน้อยเป็นเวลา 25 ปี จึงจะชนะหมด ขอท่านจงรับหน้าที่เหล่านี้เถืด เพื่อประโยชน์สุขแห่งประเทศชาติและประโยชน์อย่างยิ่งแก่พระนิพพาน ในการดำรงรักษาและสืบอายุพุทธจักร และสืบอายุพุทธจักร อาณาจักรในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียวที่ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพาน

    โอ้หนอ... ภาระนี้ใหญ่หลวงนัก พระคุณเจ้าเฝ้าตรึกตรองว่าเมื่อรับแล้วจะกระทำได้หรือไม่ ขณะเดียวกันก็เผยแพร่วิชชาธรรมกายไปอย่างกว้างขวาง มีผู้คนเข้ามาปฎิบัติมากขึ้น ๆ สายธาตุธรรมที่มีหน้าที่ก็เริ่มเข้ามาอยู่ในสายการปกครองของพระคุณเจ้า โดยเฉพาะธาตุธรรมที่ต้องมาทำวิชชารบ เพียงฝึกฝนก็ปฏิบัติได้เป็นอัศจรรย์ พระคุณเจ้าคิดว่าเมื่อจะรับงานต้นธาตุ คำว่าถอยหลังไม่เคยใช้ ท่านเฝ้าเคี่ยวกรำหน่วยทำวิชชานี้อย่างเคร่งครัดชนิดไม่ให้ไปไหนหรือปฏิบัติอย่างอื่นอย่างใด นอกจากการปฏิบัติวิชชาธรรมกายขั้นสูงแต่อย่างเดียว ใช้เวลาทั้งหมด 8 ปี เมื่อพร้อมที่จะทำงานพระคุณเจ้าจึงตั้งโรงงานทำวิชชาขึ้นที่วัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) ใช้คำว่าโรงงาน เพราะต้องผลัดกันทำวิชชาเป็นกะ กะละ 3 ชัวโมง ส่งงานต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีการหยุดพัก ปี พ.ศ. 2485 จึงเริ่มต้นทำวิชชารบกับภาคมาร เก็บดาวสงคราม สร้างดาวสันติ ถ้ามารไม่แพ้ พระคุณเจ้ายอมตายอยู่วัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ)



    หลวงพ่อสดฝึกศิษย์เนื่องติดต่อ ไม่ย่นย่อฝึกจิตเป็นกิจใหญ่
    นั่งภาวนาสมาทานสถานใน พวกจิตใสที่จัดไว้เงียบเหมาะดี

    ประจำวันหมั่นทำกรรมฐาน ประจำกาลค่ำเช้าท่านเข้าที่
    เป็นเวลาภาระประเพณี ทำจนมีมาตรฐานการภาวนา

    ควบคุมพระระวังนั่งฝึกจิต ควบคุมศิษย์ฝึกใจให้ก้าวหน้า
    ทั้งคืนวันหมั่นทำประจำมา ทุกเวลาล้วนทำประจำไป

    ส่วนแม่ชีมีสิทธิ์กิจสอนสั่ง เจริญนั่งภาวนาอัชฌาสัย
    สมาธิแสนสว่างแจ่มแจ้งใจ ท่านมอบให้ห้องทำประจำวาร

    แบ่งฝ่ายพระคฤหัสน์เป็นสัดส่วน ทุกฝ่ายล้วนฝึกทำกรรมฐาน
    มีชื่อหนึ่งซึ่งโยงเข้าโครงการ เรียก"โรงงาน"สมาธิภาวนา

    โรงงานหนาขานได้ฟังไม่แปลก สงสัยแทรกสำนึกเมื่อตรึกตริ
    "โรงงานทำกรรมฐาน"เรียกขานสิ ใช่ตำหนิหากมนัสอัศจรรย์

    "หลวงพ่อ"ชั่งตั้งชื่อถือว่าแปลก ยินครั้งแรกรู้สึกให้นึกขัน
    นึกแหล่งผลิตกิจกรรมทำขายกัน แต่ทุกวัน "กลับฝึกธรรมกาย"

    คล้าย "โรงธรรม"คำนี้มีหลักฐาน ดุจ "โรงงาน"คำนี้มีจุดหมาย
    ที่ฝึกธรรมบำเพ็ญเย็นสบาย ที่สืบสาย "วิชชา"มาเนิ่นนาน

    ยังคงอยู่คู่สำนัก "วัดปากน้ำ" ทุกเช้าค่ำคงศิษย์กิจประสาน
    เข้าที่นั่งยังวิชชาประเทืองการ สมาทานสมาธิมิเสื่อมคุณ

    มีการจัดผลัดเปลี่ยนเวียนกันนั่ง ตลอดทั้งคืนวันช่วยกันหนุน
    คำนวณบุญผังวิชชาเพื่อเชื่อมคุณ นั่งเวียนหมุนธรรมจักรสืบต่อไป

    ห้าพันปีที่พุทธศาสน์ จักโอภาสพิสุทธิ์พุทธสมัย
    แผ่มิ่งขวัญบันดลมงคลชัย อดิสัยพร้อมพรั่งทุกสังคม

    โดย "หลวงพ่อ" หวังปลูกฝังศาสน์ เป็นขวัญชาติคู่ไทยได้งามสม
    ทุกดวงใจบรรลุธรรมเอกอุดม พึ่งพิงร่มพุทธศาสน์ชาติชื่นเย็น

    มีคุณธรรมอมตะประดับจิต มีนิมิตถูกมรรคาสว่างใส
    ปฏิบัติขัดเกลาทั้งนอกใน ทั้งกายใจพบสุขนิจนิรันดร์

    ปฏิบัติสัมมาหลวงพ่อบอก การเดินนอก หยุดใน นั้นไร้ผล
    ให้เดินใน หยุดนอก ทุกกมล บันดาลดลเป็นผลดีพ้นเกิด-ตาย
     
  11. Enigma

    Enigma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +314
    เราก็มายืนยันด้วยตัวเองเหมือนกัน ฮี่ๆๆๆๆ
     
  12. โอมพุทโธกิเตศวร

    โอมพุทโธกิเตศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +198
    กติกาที่ภาคมารตั้งให้ 4 ข้อ ดังนี้

    ข้อ 1. ห้ามพูดถึงภาคมารที่ให้ความทุกข์ กิเลส ตัณหา อวิชชา แก่สรรพสัตว์
    ข้อ 2. ห้ามพุทธสาวกแสดงฤทธิ์เดชจนไปแตะต้องถูกงานของ ภาคมาร
    ข้อ 3. ความทุกข์ยากของสรรพสัตว์ให้ว่า เป็นกฎแห่งกรรม อย่าโทษว่าภาคมารทำ


    ....ท่านที่รู้ดี ท่านยังนิ่งเงียบอยู่

    หลายท่านก็ดับขันธ์ไปแล้ว บางท่านที่ทำเกินกำลังตนเองก็สาหัสอยู่

    บางท่านก็ถูกตามเก็บอยู่ ไปรู้ความลับเขาแล้วก็ต้องเดินบนเส้นทางอริยมรรค

    นำตนให้พ้นไปจากอำนาจเขา และพึ่งพระรัตนตรัยเป็นเกราะแก้วคุ้มครอง


    ...มารภายใน คือ กิเลส อาสวะทั้งหลายที่มีในขันธ์ห้าควรชำระ

    มารภายนอกนั้น อย่าไปล้ำเส้นเขาเลย .....เมื่อไม่ใช่หน้าที่ของตน
     
  13. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +494
    กลัว
    กิเลส
    ธรรมกาย

    กรรมเกิดมาร

    ***
    แก้ข้อความแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤศจิกายน 2006
  14. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,157
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +29,709
  15. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +1,295
    พระพุทธเจ้าสมณะโคดมท่านอาจตกลงกับมารไว้อย่างนั้น
    แต่ไม่ได้แปลว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะไปตกลงกับมาร
    แบบนั้นด้วยเสียหมดนี่นา

    มารนี้นิยมครอบงำ เพื่อสร้างพรรคพวกให้หลงเหมือนตน
    เช่น ลงกองทัพดาราลงมายั่วยวน ให้คนงมงายลืมทางไป
    นิพพาน แล้วเกิดเป็นมิจฉาฑิฐิ ไม่ฟังธรรมกันแล้ว จะเอาแต่สุข
    แบบฉาบฉวย แบบนี้ เรียกว่า "มารล้ำเส้น" หรือเปล่า? ไม่ใช่
    แค่ทดสอบ แต่กลับครอบงำคนจริงๆ จนกลายเป็นมิจฉาฑิฐิ
    กู่ไม่กลับ ไปนิพพานช้านานไปอีก ไม่ช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นมาร
    มันคงหลอกครอบงำเอาท่านๆๆ แล้วก็ท่าน ทั้งหลาย ไปตาย
    กลางสงครามกันหมด



    ข้าพเจ้าไม่เหมือนพระสมนโคดมนะ เมตตามีต่อสัตว์ที่ดี แต่
    สำหรับโจรแล้วต้องใช้ "ไม่มีสัจจะในหมู่โจร" ฮ่าๆๆๆ
     
  16. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    สำหรับผมนะ ไม่รู้ว่าเราสติไม่ดีหรือเปล่า คือ เมื่อมีความคิดดี ๆ ศรัทธาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา จะมีความคิดอีกความคิดหนึ่งเข้ามากแทรกเลย เร็วมาก จะคิดดูถูก สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น คอยขวาง ความคิด เกี่ยวกับ ความศรัทธา ในพุทธศาสนา ผมพยายามสู้ แต่เหนื่อยมาก ไม่รู้ว่าใครเคยแบบนี้มั้ย ตอนนี้ก็ระลึกถึง อิติปิโส ภควา พุทธคุณ ให้มาก ๆ ถ้าใครที่มีวิธีคิด กำจัดมาร กรุณาช่วยบอกให้ละเอียดด้วยครับ
     
  17. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,157
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +29,709
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    จะว่าง่ายก็ง่าย ยากก็ยาก

    กำหนดรู้เพียงว่า นั่นคืออาการของจิต ๆๆๆๆๆๆ

    หรือ ไม่ยินดี ยินร้าย กับมัน
    (อาจให้เหตุผลว่า อาการของจิต เหมือนเงา ไม่ใช่จิต มันเกิดได้ดับได้

    ยิ่งเราหวั่นไหว ต่อการเกิดของมัน มันยิ่งมีกำลัง แล้วดูมันอย่างเดียว

    หรือ ไม่สนใจมัน )


    ....ดีแล้ว นี่คือ จิตตานุปัสสนา สติปัฏฐาน

    แต่อย่าลืมหัวใจสติปัฏฐานคือ สิ่งทั้งหลายสักแต่มีขึ้น ตั้งอยู่และดับไป

    ไม่มีเราในมัน ไม่มีมันในเรา


    (verygood)
     
  18. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,803
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ครับ .. มารเลยหละ
     
  19. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    มารเกิดที่ใจเมื่อใจบอกลามารได้เมื่อไร

    ใจก็สบาย
     
  20. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ไฟที่เผาใหม้อยู่ในหัวใจของเรา ถ้าเราไม่ดับแล้วใครจะดับให้เรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤศจิกายน 2006

แชร์หน้านี้

Loading...