ผมอยากรู้ว่าพระเครื่องดีอย่างไร

ผมอยากรู้ว่าพระเครื่องดีอย่างไรทั้งที่พระพุทธเจ้าไม่เคยให้ทำ
มั่วกันไปหมด ไม่มีประโยชน์ สู้เราดูลมหายใจเข้าดีกว่า

ภิกษุ ท. ! เมื่ออานาปานสติ อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว...
ผลอานิสงส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ ประการ เป็นสิ่งที่หวังได้​

คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือว่าถ้ายังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จักเป็น อนาคามี.

ภิกษุ ท​

​

. ! ในกรณีนี้ ภิกษุไปแล้วสู่ป่า หรือ
โคนไม้ หรือเรือนว่างก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบ
ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า เธอนั้น มีสติหายใจเข้า
มีสติหายใจออก :​

เมื่อหายใจเข้ายาว ​

​

ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว,​

เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว ​

​

;​

เมื่อหายใจเข้าสั้น ​

​

ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น,​

เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น ;

 

พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สร้างวัตถุมงคล แต่พระองค์ก็ทรงเคยแจกวัตถุมงคล จริงไม่จริงลองไปค้นดูจ๊ะ

 

สิ่งที่คุณบอกก็ดี ก็ถูกครับ..ขอกล่าวสักนิดครับ
แขวนพระเครื่องแล้วทำชั่ว...ก็เหมือนเดิม ความหมายก็คือ ถ้าคุณแขวนพระเครื่องและคุณกำลังจะคิด พูด ทำ สิ่งที่ไม่ดี ที่บาป สิ่งชั่ว ก็ให้คุณมองดูพระเครื่อง ระลึกถึงความดีของคุณครูบาอาจารย์ ในทันใดนั้นคุณก็จะเกรงกลัวต่อบาป ไม่ทำในสิ่งผิด (ไม่กล้าทำชั่วจนเป็นนิสัย) แต่ถ้าใครทำชั่วแล้วแขวนพระแสดงว่าเขาเข้าใจผิดครับ พระท่านไม่รักษา พระท่านไม่ช่วยคนชั่วแน่นอนครับ

(แขวนวัตถุมงคลดีกว่า...แขวนวัตถุอัปมงคล คุณว่าจริง ? )

 

การแขวนพระเครื่องเพื่อไว้เป็นพุทธานุสติ ให้คนที่แขวนระลึกอยู่เสมอว่าตัวเรามีพระติดตัว ต้องกระทำแต่ความดี สิ่งใดไม่ดีอย่าไปกระทำ หากถามว่าไม่แขวนแล้วระลึกได้ไหม ได้ค่ะ แต่อย่างน้อยคนที่แขวนพระจะได้ตระหนักเป็นเท่าทวีคูณมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยเพื่อเตือนตนเองไม่ให้คิดชั่ว ไม่ให้ทำชั่ว ไม่ให้หลงระเริงไปกับสิ่งยั่วยุทั้งหลายทั้งปวง และที่สำคัญพระเครื่องคุ้มครองคนที่ประพฤติดี คิดดี กระทำดีได้แน่นอน

 

เจอนักปฎิบัติเข้าแล้ว.......ดูใจไปท่าน.....

 

วัตถุมงคล มีคนเก่งหลายคน ถ้ามีคำถามจาก พุทธสานิกชน ผู้ปฏิบัติอย่างนี้ น่าจะเป็นหนังชีวิต นะ ครับ

 

สำหรับท่านเจ้าของกระทู้แล้ว คงจะต้องการบรรลุธรรมตัดกิเลส

แต่สำหรับคนที่ยังมีกิเลสอย่างผม ก็อาศัยพระเครื่องนี่แหละครับ ในการทำให้ระลึกถึงคุณงามความดีของพระสงฆ์ และมุ่งทำดีตามที่ท่านสั่งสอนโดยมีพระเครื่องเป็นสิ่งนำทาง และอาศัยพุทธคุณที่บรรจุลงในพระเครื่องนั้นๆยึดเหนี่ยวจิตใจครับ.........เอวัง ด้วยประการละฉะนี้

​

 

[SIZE=+1]อุทเทสิกเจดีย์[/SIZE] เจดีย์สร้างอุทิศพระพุทธเจ้า, เจดีย์ที่สร้างเป็นเครื่องเตือนจิตให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า

อุทเทสิกเจดีย์
ประเภทสุดท้ายที่จะกล่าวถึงเกี่ยวกับสัญลักษณ์แทนองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าคือ "อุทเทสิกเจดีย์" อันเป็นเจดียสถานที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าตลอดจนพระ พุทธศาสนา ความหมายของคำว่า "อุทเทสิกะ" ก็คือ "อุทิศ" นั่นเอง

"พระเครื่อง" นั้น นับเนื่องเป็นลักษณะของพระพิมพ์ที่ถือเป็น "อุทเทสิกเจดีย์" ประเภทหนึ่ง โดยมีรูปแบบเช่นเดียวกับพระพุทธรูปหากแต่มีขนาดเล็กกว่า จึงอาจกล่าวได้ว่า ความหมายของ "เจดีย์" ทางพุทธศาสนามิใช่มี "นัย" เพียงสิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมที่มียอดแหลมขึ้นไปแต่เพียงอย่างเดียว หากยังกินความหมายครอบคลุมถึงสิ่งต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธองค์และพระพุทธศาสนา เช่น พระธรรม เครื่องอัฏฐบริขาร พระศรีมหาโพธิ หรือต้นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพระศาสนา ซึ่งเรียกว่า พฤกษเจดีย์ ที่อาจจะมิใช่สิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมก็ได้ครับผม

 

คำตอบง่ายนิดเดียวครับ เหมือนเราไม่มีพ่อแม่อยู่อีกแล้วแต่มีรูปท่านอยู่ในบ้าน ไว้กราบไว้บูชาไว้รำลึกนึกถึง เดินคนละทางครับแต่จุดหมายเดียวกัน แต่ดิน หินตะกั่วทองคำทองแดงอื่นๆ ตั้งเป็นค่าเงินแต่กต่างกันไป จิตไม่นิ่งก็ต้องการ ก็เลยแตกไปเป็นพุทธพานิช หนึ่งคนห้อยสมเด็จแท้ อีกหนึ่งห้อยสมเด็จปลอม ต่างกันที่การกระทำตัวครับ
ธรรมใดก็ไม่แน่ถ้าไม่ทำ เจ๊ตุ้ม

 

ได้ความรู้เพิ่ม...ขอบพระคุณครับ

 

สำหรับท่านเจ้าของกระทู้แล้ว คงจะต้องการบรรลุธรรมตัดกิเลส

แต่สำหรับคนที่ยังมีกิเลสอย่างผม ก็อาศัยพระเครื่องนี่แหละครับ ในการทำให้ระลึกถึงคุณงามความดีของพระสงฆ์ และมุ่งทำดีตามที่ท่านสั่งสอนโดยมีพระเครื่องเป็นสิ่งนำทาง และอาศัยพุทธคุณที่บรรจุลงในพระเครื่องนั้นๆยึดเหนี่ยวจิตใจครับ.........เอวัง ด้วยประการละฉะนี้

<!-- google_ad_section_end -->------------------------------

คำตอบง่ายนิดเดียวครับ เหมือนเราไม่มีพ่อแม่อยู่อีกแล้วแต่มีรูปท่านอยู่ในบ้าน ไว้กราบไว้บูชาไว้รำลึกนึกถึง เดินคนละทางครับแต่จุดหมายเดียวกัน แต่ดิน หินตะกั่วทองคำทองแดงอื่นๆ ตั้งเป็นค่าเงินแต่กต่างกันไป จิตไม่นิ่งก็ต้องการ ก็เลยแตกไปเป็นพุทธพานิช หนึ่งคนห้อยสมเด็จแท้ อีกหนึ่งห้อยสมเด็จปลอม ต่างกันที่การกระทำตัวครับ
ธรรมใดก็ไม่แน่ถ้าไม่ทำ เจ๊ตุ้ม<!-- google_ad_section_end -->

----------------------------------------------

ผมชอบเห็นด้วยกับสองเหตุผลนี้ครับ.....(^_^)....

 

ความสุขทางใจครับ เป็นงานอดิเรก

สำหรับผมเป็นความท้าทายที่จะพยายาม เข้าใจถึง ความเป็นไปเป้นมาของวัตถุชิ้นนึง ๆ ในแง่มุมต่าง ๆ ว่ามันเก่าตรงไหนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนอย่างไร ที่สำคัญคือมันดูตรงไหนว่ามันเก่าจริง มันท้าทายดี

บางชิ้นอาจเป็นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับ ประวัติศาสตร์ การสร้างเมือง สร้างอนุสรณ์สถาน ต่าง ๆ (ผมชอบเฉพาะพระกรุเพราะผมคิดว่าสวยงามและปลอมไม่ได้)

สุดท้ายก็คือ ... ความสุขเนี่ยแหละครับ ไม่ได้ไปเบียดเบียนใครด้วย เวลาส่องวัตถุพวกเนี้ยก็ ปลงว่าคนเราก็ต้องเป้นไปตามธรรมชาติ เหมือนใบไม้ที่สักวันคงร่วงโรย ลงทุกวัน ๆ ธรรมชาติของ ดินเก่า ปูนเก่า โลหะเก่า ก้เป็นไปตามธรรมชาติเช่นกัน

 

อีกความเห็นที่ตรงใจผมในเรื่องวัตถุมงคลครับ...(^_^)..

 

ผมอยากรู้ว่าพระเครื่องดีอย่างไร
***********************

ถ้าอยากจะรู้ว่าพระเครื่องดีอย่างไร.......

ท่านไม่มีทางจะรู้ได้ จนกว่าจะมีศรัทธาและไปพระเครื่องที่ดีๆมาบูชา

ท่านเชื่อหรือไม่ว่า พระหลายองค์ที่ท่านสร้างพระเครื่องเป็นพระอริยเจ้า
แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านคงไม่สร้างอะไรเล่นๆมาให้ญาติโยมไว้บูชา หรอก ครับ

เรื่องแบบนี้เป็นปัจจัตตัง ไม่มีศรัทธา จิตเข้าไม่ถึง....ไม่มีทางรู้จริง
อย่ามัวแต่อ่านตำราอย่างเดียว ครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

พระเครื่องก็เป็นอุบายอย่างหนึ่งซึ่งอาจารย์หลายๆท่านได้สร้างไว้ให้แก่ผู้ศัทธา เมื่อแขวนพระเครื่องท่านแล้วก็จงปฏิบัติตามคำสอนและข้อห้ามของท่าน อย่างเช่นพระหลวงพ่อปาน มีข้อละเว้นเช่นห้ามดื่มสุราเป็นต้น อย่างน้อยๆก็ได้ศีลข้อ5ไว้ปฏิบัติครับผม การนั่งสมาธิก็เป็นอุบายอย่างหนึ่งในการปฏิบัติเช่นกันครับผม หากผิดไปผมขออภัยด้วยครับผม

 

ถูกต้องแล้วคร้าบ.....แต่ผมยังต้องอาศัย หลวงปู่เป็นที่พึ่งทางใจอยู่เสมอ

เพราะแขวนแล้วสบายใจดี...เพราะอะไร..บอกไม่ถูกครับ

ดูลมหายใจเหมือนคุณว่าก้อเป็นสิ่งที่ และน่าทำกันครับ

แต่บอกตรงๆ ผมยังทำไม่ได้ขนาดนั้นครับ

แค่ก่อนแขวนหลวงปู่ แล้วเอาขึ้นคอ จะไปไหนแค่นี้ก้อสบายใจแล้วครับ


​