เราสามารถฝึกนั่งสมาธิเองได้ไหม ถ้าไม่มีครู

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ทรืะ, 8 กันยายน 2010.

  1. ทรืะ

    ทรืะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +393
    ดิฉันฝึกนั่งสมาธิเองค่ะที่บ้านยังไม่มีโอกาสกลับเมื่องไทย ส่วนมากก็อ่านข้อมูลจากเน็ต แต่ก็มาเจอปัญหาค่ะ พอนั่งถึงตรง ปิติสุข แต่สุขไม่นานค่ะ แต่ต้องมาเจอปัญหาอย่างหนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองอยู่ที่สูงมาก มองลงไปมันไกลและลึกมากๆๆค่ะ เหมือนตัวเองตัวเล็กๆ ยืนอยู่ที่สูง รู้สึกมันน่ากลัวค่ะ มองตัวเองก็รู้สึกไม่มีร่างกาย พอถึงตรงนี้ดิฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้วค่ะ ก็ท่องพุทโธบ้าง พองหนอ ยุบหนอบ้าง เห็นหนอๆๆ รู้หนอๆๆ มันก็ไม่หาย ก็เป็นอยู่อย่างนั้น ต้องรีบลืมตาทุกครั้ง ความรู้สึกเหมือนตัวเองจะบ้าไปแล้ว พอนั่งใหม่ก็เป็นอีกแล้ว ไม่ทราบต้องแก้อย่างไรค่ะ ใครรู้ก็ช่วยตอบหน่อยนะค่ะ จะขอบคุณอย่างสูงค่ะ
     
  2. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    นิมิตรมีกันทุกคนบางครั้งเหมือนกับฝัน(สติขาด) อาจเปลี่ยนเป็นเดินจงกลมก็ได้ ควรมีครูแก้อารมณ์เหล่านี้บางเรื่องเป็นเรื่องเฉพาะตัว
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ถามว่าไม่มีครูฝึกเองได้ไม....ตอบว่าได้ครับ......

    เพราะครูจริงๆนั้น....มีมาก...ครูเทป...ครูหนังสือ....ครูตำรา......ซึ่งท่านก็สอนไว้อย่างละเอียดนะครับ.....สำคัญที่ว่าเราจะไปศึกษาค้นคว้าจนเจอไมเท่านั้นเอง.....

    อาการที่เกิดจากการปฏิบัตินั้น...ครูบาอาจารย์แต่ละท่านก็มีอุบายที่ต่างกัน...เพราะแต่ละท่านฝึกมาไม่เหมือนกัน.....ต่อให้คุณไปถาม....หลายท่านท่านก็ตอบวิธีการต่างๆที่อาจไม่เหมือนกัน....เพราะแล้วแต่วิธีการอย่างที่กล่าว......ซึ่งผมเองก็ศึกษาเอาจากครูบาอาจารย์ท่านต่างๆ...ไม่ว่าจะเป็นเทป...หรือหนังสือ...บางครั้งเมื่อไปกราบครูบาอาจารย์นักปฏิบัติจริงๆ..ก็ไม่มีอะไรที่จะไปถามท่าน....เสียด้วยซ้ำ.......

    ถ้าให้ผมแนะนำนะครับ....ทีนี้ถ้าคุณมีอาการว่าตัวเองยืนอยู่บนที่สูงนั้น....คุณรู้ว่าแต่เพียงคุณอยู่บนที่สูง.....แต่คุณลืมกรรมฐานที่คุณได้กำหนดไปไมครับ.....ถ้าคุณลืมไม่ยาก....เอาใจคุณมาสู่กรรมฐานที่กำหนดครับ......แล้วก็จะคลาย....คุณอย่าไปตรึกกับอารมณ์นั้น....แล้วก็จะกลับมาแบบเดิม......

    วิธีอีกวิธีหนึ่ง...คือวิธีการเผชิญหน้า..เมื่อคุณยื่นอยู่บนที่สูงนั้น....คุณรู้ไมว่าใจที่รู้ กับใจที่กลัว....มันเป็นคนละขณะกัน.....ตามที่คุณบอกครับ....เมื่อกำหนดแล้วแต่มันเอาไม่อยู่....ที่นี้ให้คุณกำหนดไปเลยในความกลัวครับ....เพราะความกลัวเป็นอาการของจิต...เป็นสถาวะธรรมชนิดหนึ่ง...อย่าหนีครับ.....แล้วเดี๋ยวก็จะผ่านไปเอง......ไปต้องไปท่องอะไรว่ากลัวหนอหละครับ.....ดูไอ่อาการกลัวนั้นเลย.....
     
  4. ทรืะ

    ทรืะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +393
    ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว บางครั้งกําลังจะนอนภาพนั้นมันจะมาให้เจออีก
    มันน่ากลัวค่ะ อธิบายไม่ถูกทําไหมถึงกลัว
     
  5. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ที่ถามว่า เราสามารถฝึกนั่งสมาธิเองได้มั้ย โดยไม่มีครู
    คำตอบคือ ทำได้ แต่อาจจะไม่ปลอดภัย หรืออาจไม่รุดหน้า เพราะไม่มีครูสอบอารมณ์พระกรรมฐาน

    การที่อ่านจากหนังสือ ฟังจากเทป อะไรก็ตามนั้น ถามว่าใช้ได้มั้ย ก็พอใช้ได้ แต่สิ่งที่ขาดก็คือ การตอบโต้หรือการสอนแบบเกาะติด แบบทันควัน เอ๊ ที่ภาษาอังกฤษเค้าใช้คำว่า interactive ใช่มั้ย ? (ถ้าผมมั่วถูกนะครับ) นั่นแหละ จะขาดตรงจุดนี้ไป

    ให้เปรียบเทียบเหมือนกับว่า ถ้าเราอยากชกมวยเป็น เราต้องไปเรียนกับครูมวยถูกมั้ย ครูมวยก็จะสอนให้ออกอาวุธอย่างนั้นอย่างนี้ รวมทั้งแก้ทางมวยเรา เราก็จะพัฒนาได้ดีขึ้น ดีกว่าอ่านตำรา โดยไม่สามารถสอบถามครูได้อย่างตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้น

    เหมือนอย่างบางคนที่เค้านั่งกรรมฐานแล้วบ้า เพราะจิตเกิดอาการตกใจ หรือไม่ก็หลงไป นั่นแหละเป็นสิ่งที่คนเค้ากลัวกัน

    แต่อย่างไรก็ตาม มีบางคนที่เค้าอาจเพียงแค่อ่านหนังสือ ฟังเทป แล้วก็ฝึกได้เลย แต่การที่เค้าทำอย่างนั้นได้ เพราะเค้ามี "ของเก่า" อยู่ เค้าเคยฝึกมาก่อนในอดีตชาติ พอมาถึงชาตินี้ เค้าก็รื้อฟื้นของเก่า เค้ามาต่อบุญบารมี

    ในส่วนตัวผมเองนะครับ การเรียนกรรมฐาน ต้องมีครูสอน ครูที่ดีก็คือพระอริยเจ้านั่นแหละครับ อธิษฐานเอานะครับว่า ด้วยบุญบารมีที่ข้าพเจ้าสั่งสมมา ขอให้ข้าพเจ้าได้พบครูบาอาจารย์ที่สามารถสอนพระกรรมฐานได้ตรงกับจริตของข้าพเจ้าด้วยเทอญ

    ....ให้ผลบุญเป็นเข็มทิศนำทางคุณไปพบครูบาอาจารย์นะครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
     
  6. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ลองใหม่ครับ เมื่อจิตสงบหรือจิตรวมเป็นหนึ่งแล้ว อย่าส่งจิตหรือน้อมจิตไปนอกกายและใจเรานี้

    ถ้าส่งจิตออกนอก ก็จะเกิดนิมิตต่าง ๆ ยิ่งส่งออกไปมากก็ยิ่งไม่รู้จบนะ

    ถ้าจิตรวมแล้วน้อมจิตมาพิจารณากายเราเอง ว่า
    ๑. ประกอบด้วย ธาตุ ๔ คือ ดิน (องค์ประกอบที่เป็นของแข็งทั้งหลาย) น้ำ (ส่วนประกอบที่เป็นของเหลวทั้งหลาย) ลม (ก๊าซที่แทรกอยู่ทั่วไปในกาย) และ ไฟ คือพลังงานและความร้อนในกาย

    หรือ พิจารณาว่า

    ๒. ร่างกายประกอบด้วยอวัยวะน้อยใหญ่ต่าง ๆ มันเป็นสิ่งที่ไม่สะอาด เป็นปฏิกูล พิจารณาเป็นที่ๆ ไปนะ เช่น ผม ก็ พิจารณาให้ถ่องแท้ แล้วค่อยย้ายไปอวัยวะอื่น อย่ากระโดดไปพิจารณาโนน่ทีนี่ที

    หรือพิจารณา

    ๓. ร่างกายเราเป็นอสุภ(ศพ) เริ่มตั้งแต่ตาย ๑ วัน ๒ วัน ๓ วัน ... จนกระทั่ง ศพ แตกสลายกระดูกสลายไป

    ข้อ ๑ ถึง ๓ ทำให้มากทำให้คล่องทำให้บ่อย

    เมื่อรู้วิธีการพิจารณากายและทำได้คล่องแคล่วดีแล้ว เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าต่อไป / เมื่อจิตรวมแล้ว ให้มีสติรู้ เอาจิตเฝ้าดูจิตไว้ ถ้าสงบก็ให้รู้ว่าสงบ หรือมีอารมณ์อื่นแทรกเข้ามาก็ให้รู้ เช่น มีราคะ โทสะ ... แทรกเข้ามาก็ให้กำหนดรู้ มีอารมณ์อะไรต่าง ๆ เข้ามาก็ให้ตามกำหนดรู้ (ผลคืออารมณ์นั้นๆมันจะหายไปเอง) ถ้ากำลังการกำหนดรู้ตกลงอย่าฝืน เพราะจะทำให้เกิดการฟุ่งซ่านรำคาญใจ วิธีแก้คือ เข้าสมาธิให้ลึกเข้าไปใหม่ให้จิตรวมดิ่งอยู่มั่นคงอยู่อย่างนั้นสักพักเหมือนกลับไปเติมพลังลัง แล้วค่อยน้อมลงมาพิจารณาใหม่ ทำซ้ำ ๆ แบบนี้เรื่อย ๆ ก็จะได้ประโยชน์เอง

    สลับกับเดินจงกลมบ้าง

    สรุปก็ คือ ถ้าจิตรวมแล้ว น้อมจิตไปนอกกายและใจเรานี้ จึงเป็นเหตุให้ไปเจอการปรุ่งแต่ง ต่าง ๆ ที่เป็นนิมิต อาจเห็นจริงแต่ไม่ใช่ของจริง

    วิธีแก้คือ เมื่อ จิตรวมดีมั่นคงแล้ว ให้มีสติรู้อยู่ที่กายหรือใจเรานี้ ท่องเที่ยวที่กายและใจเรานี้พอ อย่าน้อมไปอื่น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2010
  7. nachan

    nachan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +109
    ทำได้ครับแต่เวลา บารมี บุญถึงก็จะรู้และผ่านไปได้ครับ ต้องหนั่นทำบุญรํกษาศีล เพราะขณะภาวนาถึงจุดหนึ่งมารมาแก้ลงอย่างนี้ล่ะทำให้กลัวแล้วเลิก ไม่ต้องกลัวครับอยู่แค่ลมหายใจ ถ้ามัวแต่กลัวจะแพ้กิเลสอยู่ร่ำไป พระป่าบอก ชนะกิเลสได้ ภาวนาฟากตายครับสู้กับมันอย่าไปกลัว นิมิตทุกอย่างเกิดจากสัญญาหลอก มารใช้จิต คนเป็นอาวุธทำร้ายตัวเอง เก่งมั้ยล่ะมาร กิเลสมาร เวลามารมา พระอินทร์หนีไปอยู่ขอบจักรวาล ดูลมหายใจให้ติดไว้ " รู้สักแต่รู้เห็นสักแต่เห็น ธรรมทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่น" หลวงปู่บุญฤทธิ์ เทสน์นำในการภาวนา ดังนี้ น ฌาน
     
  8. qillip

    qillip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +366
    พยายามรักษาศีล 5 ให้ปรกติครับ

    ผมไม่รู้ว่าผมเป็นคนเดียวหรือเปล่า เวลารักษาศีล 5 (แบบบริสุทธิ์)ได้แล้ว จะรู้สึกว่า ความกลัว จะ ลดลงครับ

    ต่อจากนั้น เวลาปฎิบัติ ผมมักจะใช้คำว่า ช่างมัน จะเกิดอะไรก็ ข่างมัน ไม่ใช่คำภาวนานะครับ คำภาวนา ให้ใช้ตามที่ถนัดครับ แต่เวลาเกิดอะไร ก็ ให้รู้ไว้อย่างเดียวว่า ช่างมัน ครับ ผมยึดตามคำสอนของ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ จริงๆผมเรียก หลวงปู่ฤๅษีลิงดำ ครับ
    จะถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง จะเป็นอะไรก็ช่าง วันไหนจิตดีก็ช่าง วันไหนจิตไม่สามารถทรงอยู่ก็ปล่อยมัน ขอให้ทำแบบ สบายๆครับ
     
  9. prapanuch

    prapanuch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +853
    ให้เริ่มสวดมนต์ และขอขมาศีล สมาทานศีล ตามลำดับไปเรื่อยๆ ก่อน และปฏิบัติให้สมำ่เสมอ เหมือนสายนำ้ไหล อย่าให้ขาดตอนค่ะ
     
  10. โพธิวิถี

    โพธิวิถี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    150
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +580
    ฝึกปฏิบัติโดยไม่มีครู

    แม้แต่พระโพธิสัตว์ยังต้องใช้ ธรรมชาติเป็นครู หากถามว่าเราจะฝึกปฏิบัติด้วยตัวเอง จะได้หรือเปล่า หากเราเคยปฏิบัติในชาติก่อน ๆ มาแล้ว อบรมบ่มเพาะจิตให้เหมาะสมแก่ปัญญาก็สามารถปฏิบัติโดยไม่มีครูได้ ( พระปัจเจกพุทธเจ้า ) โดยที่สุดพระอริยะบุคคลล้วนแต่ต้องมีครูผู้คอยชี้แนะ หมอเองก็ป่วยเป็น ต้องให้คนอื่นช่วยเหลือจึงหายขาดจากโลกร้ายได้ และการเป็นศิษย์ใครสักคนก็ไม่น่าเสียหายมีแต่เป็นคุณอันวิเศษทั้งนั้น มีครูดีกว่าครับอย่างน้อยมีพระพุทธเจ้าเป็นครู ใครก็ชื่นชม

    ขอให้เจริญในธรรม

    ขออนุโมทนาในกุศลจิต
     

แชร์หน้านี้

Loading...