คำแปลบทสัมภาษณ์ "Lacerta" ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์นึง

...ไม่ว่าจะเชื่อมันหรือไม่ มันก็ไม่ทำให้ความจริงเปลี่ยนไป... ชอบประโยคนี้ที่สุด และเราก็เชื่อข้อมูลที่จขกท.นำมาแบ่งปัน ขอขอบคุณ...

 

ขอบคุณครับ..............

 

อยากรู้ว่า Illojim คือใครอย่างไร ลองดูลิงค์ข้างล่าง

ขอบอกก่อนว่าห้ใช้วิจารณญาณให้มากๆ คนที่หลงเชื่ออะไรง่ายๆอย่าอ่านเด็ดขาดเพราะสามารถถูกชักจูงได้

ความคิดเห็นจากผมนะครับ : พระพุทธเจ้าของเรานี้แหละที่ประเสริฐกว่าและประเสริฐที่สุด ผมยังอดคิดไม่ได้ว่ามารที่เข้ามาห้ามพระพุทธเจ้าไม่ให้ตรัสรู้อาจจะเป็นเจ้าพวกมนุษย์ต่างๆดาวทั้งหลายแหล่นี่ก็ได้ ซึ่งบารมีแห่งพระพุทธเจ้าก็สามารถเอาชนะหมู่มารได้ทั้งหมด เพราะวิสัยของพระองค์อยู่เหนือสรรพสัตว์ทั้งมวล ซึ่งในหนึ่งจักรวาลจะมีพระพุทธเจ้าได้เพียงพระองค์เดียวด้วย นาคที่เคารพและสักการะพระพุทธเจ้าก็คงจะเป็นพวกนี้บางส่วนก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเพียงความคิดเท่านั้น จะรู้ความจริงย่อมไม่ได้มาจากความคิด ต้องรู้ได้ด้วยปัญญาตามที่พระพุทธองค์สอนไว้หรือรู้ได้ด้วยความจริงที่เราเห็นได้เท่านั้น
(สิ่งที่กระทบตาเนื้อเราก็ยังไม่อาจเป็นความจริงได้ เพราะความจริงที่เป็นความจริงแท้คงจะเป็น sphere of influence อย่างที่ผมได้อ่านในภาค 2 ไม่ใช่ illusion ซึ่งในความเห็นของผม illusion คือสิ่งที่ตาเนื้อเราเห็นทั้งหมดและสิ่งที่ตาเรามองไม่เห็นด้วยข้อจำกัดทางความสามารถของสายตาเราแต่มองเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์หรือกล้องดูดาว ) ดังนั้นเอาธรรมะและเรื่องราวในพุทธศาสนาเป็นที่ตั้งและจึงนำเรื่องราวมนุษย์ต่างดาวมาแกะรายละเอียดผมเชื่อว่าจะเป็นความจริงที่สุดที่เราจะไตร่ตรองได้ ( ซึ่งก็ยังไม่เท่ากับความจริงที่จริงอยู่ในตัวเอง ) แนะนำนะครับว่าเชื่อพระพุทธองค์เป็นที่ตั้งและท่านจะพบคำตอบ

เรื่อง sphere of influence กับ illusion ให้พิจารณาตามที่พระพุทธองค์สอนไว้ดังนี้ครับ

นี่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนของเรา ขันธ์ 5 คือ
รูป ( ร่างกายสิ่งที่มองเห็นหรือมองไม่เห็นด้วยข้อจำกัดทางสายตา แต่มีมวลมีอนุภาค )
เวทนา ( ความรู้สึก ซึ่งเปรียบได้กับพลังงานที่สั่นสะเทือนด้วยตอบสนองต่อสิ่งที่มากระทบ )
สังขาร ( เกิด ดับ เป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยง และเป็นอยู่อย่างนั้นเสมอไป จนกว่าจะดับขันธ์ได้ )
สัญญา ( ความจำ ข้อมูลต่างๆที่เก็บมาเป็นรูปของพลังงานที่ถูกจัดเก็บในชั้นต่างๆ ระหว่าง sphere of influence และ illusion )
วิญญาณ ( สภาวะของพลังงานที่ไม่มีรูปจับต้องได้ แต่มีมวลมีอนุภาค ซึ่งยังไม่ใช่ sphere of influence )

ลิงค์ด้านล่างคือศาสนาของ อิโลฮิม ซึ่งผมเข้าใจว่าต้องเป็นอันเดียวกับ Illojhim เพราะอ่านแล้วเรื่องราวมันเป๊ะเลยครับ !!
การเคลื่อนไหวแห่งเรเอล: การโอนไฟล์ลง / ภาษาไทย

 

ผมรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เอาเรื่องราเอลเลี่ยนมาให้ท่านลองอ่านกัน เพราะผมลองกลับไปอ่านดูอีกครั้งก็พบว่ามันมีเนื้อหา หลักฐาน อะไรหลายๆอย่างที่ดึงดูดคนได้จริงๆ ผมเองยังเคยหลงไปด้วย

ถ้าจะอ่านอยากให้อ่านแบบรึกตรองดีๆ นะครับ แล้วอย่าลืมคำนี้นะครับ

"พระพุทธเจ้าสอนให้เราละทิ้งซึ่งกิเลสตัณหาทั้งปวง คือ รัก โลภ โกรธ หลง การหลุดพ้นคือหนทางที่สว่างที่สุด"

ถ้าจะอ่านให้คิดให้ดีๆ และจำให้ได้ว่า รัก โลภ โกรธ หลง คือกิเลสที่เราต้องพยายามละให้ได้ อย่าได้ถูกความหลงหรือความอยากในสิ่งที่ราเอลเสนอมาชักนำไปนะครับ อ่านไว้แต่เพียงรู้ว่ามีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น และเรื่องแบบนี้จะจริงหรือไม่ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้

ที่ย้ำนักย้ำหนาเพราะว่าผมเองก็เคยถูกความหลงด้วยกิเลส ตัณหา ราคะ เล่นงานเอาไม่น้อย กว่าจะมีสติได้ก็เกือบไปก็เพราะอ่านราเอลเลี่ยนนี่แหละครับ ++

 

หมายถึงพญานาคหรือเปล่าครับ

 

ขอบคุณครับ มีเรื่องราวที่ไม่รู้อีกเยอะแยะเลย

 

มีหลักฐาน หรือ เอกสาร สนับสนุนตัวตนด้วย จะยิ่งน่าเชื่อถือครับ
ว่าแต่ ... ถ้าเขาใช้พลังจิตได้ ผู้มีพลังจิตของไทย เคยบอกเล่าเรื่องเผ่าพันธ์เขาหรือเปล่าครับ
เห็นบอกว่า ทางเข้า อยู่แถบเอเชียเยอะ

 

ตามความคิดผม sphere of influence คือ อนัตตา ( ความไม่มีตัวตน ) ส่วน illusion น่าจะเป็น อัตตา ( ความมีตัวมีตน )

เคยมีคนสอนมาหรือว่าผมจำผิดพลาดไปเองว่า ในอนัตตามีอัตตา ในอัตตามีอนัตตา มันคือความสัมพันธ์ระหว่าง sphere of influece กับ illusion ซึ่งสภาวะนิพพานอาจจะเป็นสภาวะที่ไม่หลงเหลือ illusion คือ ตัดขาดจากมวล สสาร อนุภาค หลงเหลือแต่ความจริงแท้คือ sphere of influece อย่างสิ้นเชิง

ผมก็กลัวว่าที่ผมคิดไปอาจจะมั่วก็ได้ แต่นี่เป็นความเข้าใจของผมที่ผมเข้าใจเมื่อได้อ่านภาค 2 ครับ ไม่ผิดไม่ถูกเพราะยังไม่ใช่ความจริง เป็นเพียงความเข้าใจ

 

โดยส่วนตัวแล้ว ผมเองก็คิดเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว
สาเหตุง่ายๆ คือ สัตว์ ทุกชนิดบนโลกนี้ มีสัญชาตญาณเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
อาจรู้ล่วงหน้าเป็น ชัวโมง เป็นวัน หรือเป็นอาทิตย์ สังเกตุง่ายๆคือมด
แต่มนุษย์ไม่มีเลย อาศัยเทคโนโลยีอย่างเดียว

สัตว์เกือบทุกชนิดแรกเกิด
สามารถเิดินได้เลย โดยไม่ต้องพึ่งใคร โดยเฉพาะสัตว์กินพืช

ที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่า มนุษย์วิวัฒนาการมาจากลิงนั้น มันก็จริงอยู่
แต่สายพันธุ์นั้นน้อยมากและ สูญพันธุ์นั้นไปจากโลกนี้ตั้งนานแล้ว
สังเกตุง่า่ยๆ แทบจะไม่พบฟอสซิว ของช่วงวิวัฒนาการเลย
ที่เห็นในปัจจุบัน เป็นของปลอมที่ ทำขึ้นมาหลอกพวกเราทั้งนั้น

ถ้ามนุษย์วิวัฒนาการจากลิงหลังจากยุคไดโนเสาร์จริง แล้วทำไมจึงขุดพบแต่ฟอสซิวของไดโนเสาร์ เคยสงสัยไหม? หรือมนุษย์ยุคนั้นรู้จักการเผาศพแล้ว



<table style="width: 1px; height: 20px;" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr></tr><tr><td class="lst-td tia" style="padding-right: 0pt; border-right: 0pt none;" width="100%">
</td></tr></tbody></table>

 

ผมไม่ค่อยชอบที่พวกนั้นเล่าออกแนวว่าโลกใบนี้เป็นของเขาเขาเป็นผู้ครองโลกมาก่อนเรา

อีกอย่างคือที่ว่าร่างกายคล้ายมนุษย์และพูดถึงการตัดต่อยีนส์สำเร็จอาจจะเกี่ยวเนื่องจาก

เหตุการณ์ที่ว่าUFOsลักพาตัวมนุษย์เพื่อทำ?บางอย่าง น่าจะเกี่ยวข้องกัน และผมไม่เชื่อ

ว่าเขาจะเป็นมิตรกับเราได้ไม่งั้นเขาคงมาขอเจรจาสันติภาพไปนานแล้ว

 

ก็คงเป็นพวกนาคนั่นแหล่ะครับ อยู่เมืองบาดาล แต่ที่เขาว่ามาก็มีเค้าจริงอยู่มากนะครับ ทำไมอารยธรรมบนโลกหายไปไหนหมด ทั้งๆที่มีมนุษย์มาตั้งหลายล้านปีแล้ว จะว่าธรรมชาติทำลายหมด มันก็ไม่น่าเป็นไปได้
ตามคัมภีร์ มีอยู่ 4 ประเภท โอปาติกะ(เกิดแล้วโตเลยคล้ายเทวดา) เกิดจากเหงื่อไคล(คงจะคล้ายโคลนนิ่ง) เกิดจากครรภ์ เกิดเป็นไข่ แต่สงสัยว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์เค้าเจริญมากกว่าเราขนาดนั้นเลยหรือ เรียกว่า เมื่อ 16,000 ปีที่แล้วก็เจริญกว่าเราตอนนี้แล้ว

 

ลองคิดเรื่องวิวัฒนาการง่ายๆนะครับ การที่ลิงจะเดินตัวตรงนั้นมันไม่ใช่ว่ามันสอนลูกมันให้เดินตัวตรง มันอาจจะเกิดการผิดพลาดจากลิงตัวหนึ่งที่มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ( หรืออาจจะแย่ลง ) แล้วพอมันผสมพันธุ์ก็ใช่ว่าลูกที่ออกมานั้นจะได้ลักษณะของการเปลี่ยนแปลงทั้งเสียทีเดียว ส่วนตัวผมยังมองว่าวิวัฒนาการนั้นเกิดขึ้นยากมากและไม่มีรูปแบบ ตัวตุ่นเคยมองเห็นกลับวิวัฒนาการแย่ลงเป็นตาบอดได้ จึงต้องใช้ความสามารถหรือเพิ่มวิวัฒนาการด้านการอยู่อาศัยโดยไม่ต้องใช้ตาแทนซึ่งโดยรวมก็คือมองเห็นย่อมดีกว่า เรื่องค่อนข้างเชื่อ แต่ทั้งหมดเท่าที่ Lacerta เล่ามาผมกลับมองว่าเค้ากำลังเล่าเรื่องจริงผสมอุบายเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง เพื่อป้องกันการสงสัยจึงนำเรื่องจริงบางส่วนมาทำให้เรารู้สึกว่านั่นจริง

ข้อสังเกตุคือ การเป็นมิตรไม่น่าจะต้องหลบซ่อน
เรื่องธรรมดาของสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นโลก นอกโลก ก็คือ สัตว์ที่แข็งแกร่งกว่า เก่งกว่าย่อมเอาเปรียบสัตว์ที่ด้วยกว่าไม่มากก็น้อย ดังนั้นทำไมเค้าจึงยอมอยู่ใต้ดินทั้งที่เค้ามีอะไรก็ดีกว่าเรา ( เท่าที่เค้าเล่ามา )

อย่างที่สาม ผมเชื่อเรื่องบาปบุญ การไม่กินเนื้อหรือการถือศีลย่อมส่งผลดีต่อผู้กระทำ ดังนั้นการนิยมการกินเนื้อสดก็ไม่น่าจะใช่วิสัยของสัตว์ที่เหนือกว่าเรา จริงๆเราน่าจะเหนือกว่าในหลายๆ เรื่อง แม้ไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม

ถ้าได้ฟังอาจารย์ปริญญา ตันสกุล จะได้ข้อมูลเรื่องว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์พิเศษ และตาที่สามของเรา ( ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสามารถได้มากกว่าที่ Lacerta บอกเสียด้วยซ้ำ ) จะถูกเปิดออกหลังจากที่โลกถูกชำระล้างแล้ว แล้วเท่าที่เคยอ่านเรื่อง reptilian and Grey ที่ตาที่สามของเราถูกปิดลงก็เพราะว่าพวกนี้แหละที่คอยจะปิดตาที่สามเพื่อไม่ให้เราได้ใช้ศักยภาพอันแท้จริงคือพลังจิตของเรานั่นเอง ปิดเราด้วยคลื่นวิทยุและคลื่นต่างๆที่ส่งออกมา เทคโนโลยีทั้งหลายที่เราใช้ก็มาจากพวกนี้เองเป็นคนสอนโดยมีจุดประสงค์ที่จะนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาทำร้ายเราโดยที่เราไม่รู้ตัว ถามว่าเรื่องนี้น่าเชื่อถืออย่างไรแค่ไหน ผมก็ใช้วิจารณญาณเอาว่าคนสมัยก่อนนั้นเก่งการใช้วิชาอาคม แต่คนสมัยนี้หายากมากที่จะทำได้ พระที่บรรลุได้ก็สมัยก่อนทั้งนั้น พระสมัยนี้หาบรรลุได้ยากมาก

อีกข้อมูลหนึ่งซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจริงแท้อย่างไรกล่าวว่า Grey ก็เป็นลูกน้องพวก Reptilian นี้แหละ เพราะเทคโนโลยีมันสู้ไม่ได้ อันนี้ก็จำไว้เพื่อเป็นข้อมูลหักล้างเมื่อมีข้อมูลใหม่

เรื่องที่ว่าปี 2012 โลกจะโคจรเค้าสู่ด้านสว่างของจักรวาล ( เปลี่ยนด้านทุก 2,000 ปี ) อันนี้ก็เป็นอีกข้อมูลหนึ่งซึ่งได้ยินมาด้านเดียวเหมือนกัน

ทั้งหมดนี้มันเยอะแยะและไม่สามารถคำนวนได้เลยว่าอันไหนจริงอันไหนหลอก ผมถึงได้บอกไว้ว่าเชื่อพระพุทธเจ้าเรานั้นดีที่สุด ท่านถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ คือประพฤติสวยงามเป็นแบบอย่างให้เห็นได้ วิชาที่ท่านสอนก็มีเหตุผลน่าเชื่อถือ การได้ยินข้อมูลอะไรมาก็ควรนำมาผูกกันพระพุทธศาสนาให้ได้มากที่สุด แล้วถึงจะเป็นข้อมูลที่เราคิดว่าน่าเชื่อได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ไม่สามารถเชื่อได้เต็มร้อยอยู่ดีตราบใดที่เราไม่สามารถล่วงรู้ว่าความจริงคืออะไร

 

...นานาจิตตัง ปุถุชนต่างก็ยังอยู่ในโลกแห่งความคิดของเราเองทั้งสิ้น แต่ละคน
ต่างคนต่างก็มีโลกของตัวเองอยู่คนละใบ มองแต่ละสิ่งจากโลกของตัวเอง คนที่เชื่อก็ว่าจริง ไม่เชื่อก็ว่าเพี้ยน อดีตผ่านมาแล้วไม่มีข้อพิสูจน์ อนาคตยังมาไม่ถึงจะพิสูจน์อย่างไร
ต่างคิดไปต่าง ๆ นานา ความจริงที่ไม่มีหลักฐานคนก็ว่าเท็จ เรื่องเท็จที่มีหลักฐาน คนก็ว่าจริง สุดท้ายจริงเท็จสำคัญตรงไหน ด้วยโลกแห่งอวิชชา กับสายตาที่ยังพร่ามัวต่างถกเถียงกันไปต่าง ๆ นานา รูป นาม ต่างบัญญัติกันไปมา ผัสสะกับอายตนะ ชอบก็ดีอยากได้อีก ไม่ชอบก็ว่าไม่ดีไม่อยากเจอ ต่างเป็นเวทนาทุกข์สุข เฉยชา วิญญาณจึงบัญญัติดีชั่ว อุปาทานเลยจะยึดแต่จะเอาดีชั่วไม่เอา สุดท้ายแล้วดีชั่วอยู่ที่ไหน เราชอบใจก็ว่าดี เราไม่ชอบใจก็ว่าชั่ว อวิชชาบังตาแล้วหนอ เป็นทุกข์หนอ สังสารวัฎบังเกิดแล้วหนอเมื่อไรจะจบสิ้น ....

โดย วณิพกสังสาระ

 

เอ่อ ผมขออนุญาตขุดนะครับ
ผมว่าสนุกดีน่ะครับ แล้วก็ขอถามเพิ่มด้วยว่า
ทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่อนุญาตในนาคบวชครับ
ผมสงสัยมานานแล้วน่ะครับ
แล้วในไตรปิฎกกล่าวถึงนาคไว้ว่าอย่างไรบ้างครับ

 

เป็น พญานาค ครับ มีบันทึกเกี่ยวกับลักษณะของผู้หญิงคนหนึ่งไว้นานแล้วผมประมาณ6-7 ปี ช่อง 7 เคยเอามาออกอากาศด้วย เกี่ยวกับพระท่านรูปหนึ่งที่หนองคาย ก่อนที่ท่านยังไม่บวชเป็นพระ ได้มีพญานาคนำตัวท่านไปประกวดชายงามในเมืองบาดาลแล้วท่านชนะ หลังจากนั้นพญานาคก็กลับมาส่งยังโลกมนุษย์ แล้วก็มีผู้หญิงตามมาหาท่านที่กระท่อมกลางทุ่งนา ท่านบอกลักษณะของผู้หญิงไว้ด้วยเหมื่อนกับลักษณะของผู้หญิงในกระทู้นี้เลย (ผมพยายามค้นอยู่ถ้าเจอจะเอามาลงให้ได้อ่านนะครับ)

 

ผมชอบเนื้อหาในกระทู้นี้มาก ขออนุญาติดันกระทู้ เผื่อคนที่ยังไม่เคยอ่าน

 

แล้วถ้า พวกที่ว่ามันมีจริง

มันจะ กินเหล้า ดูดกัญชา ดูดยาบ้า เป็นไหมนะครับ ??~ (ผมก็แค่อยากรู้)

 

อืม มารับชมข้อมูล ครับ

 

อือ น่าสนใจมากครับ และอยากอ่านเรื่องชาวอินเดียแดงเจอมนุษย์ต่างดาวด้วย ใครใจดีขอความกรุณา.เอามาแปลให้อ่านบ้างนะครับ

 

น่าสนใจค่ะ ขอดันนิดนึง