'กำแพงเมืองจีน' ยาวแค่ไหน?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 22 เมษายน 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    งานสำรวจด้วยเทคโนโลยีระดับสูงบ่งบอกว่า กำแพงเมืองจีนทอดแนวยาวมากกว่าที่เคยเข้าใจกัน
    แต่ยังพบด้วยว่า โบราณสถานอันเป็นมรดกโลกแห่งนี้ บางส่วนกำลังสูญสลายหายไปเพราะการตัดถนน โครงการพัฒนาต่างๆ และสภาพอากาศที่เลวร้าย
    กำแพงซึ่งใช้เวลาสร้างหลายร้อยปีเพื่อป้องกันพวกชนเผ่าต่างถิ่น ผลสำรวจพบว่า แนวกำแพงมีความยาวทั้งสิ้น 8,851.8 กิโลเมตร ซึ่งเดิมมีการคำนวณว่ามีความยาวประมาณ 5,000 กม.
    ส่วนที่เป็นกำแพงจริงๆ มีความยาว 6,259.6 กม. บวกกับส่วนที่เป็นคูน้ำยาว 359.7 กม. และปราการตามธรรมชาติ เช่น เนินเขาและแม่น้ำอีก 2,232.5 กม.
    โครงการทำแผนที่ซึ่งใช้เวลา 2 ปี ได้ใช้ระบบจีพีเอสและเทคโนโลยีอินฟราเรด ดำเนินงานโดยองค์การมรดกทางวัฒนธรรมของจีน
    ผลการคำนวณก่อนหน้านี้อาศัยบันทึกทางประวัติศาสตร์ ไม่ได้มีการทำแผนที่ทางกายภาพ เมื่อโครงการนี้ได้ใช้เทคโนโลยีแกะรอยเค้าโครงของแนวกำแพงข้ามเทือกเขาและทะเลทราย จึงได้ข้อมูลใหม่ที่แม่นยำ
    ผู้อำนวยการองค์การฯ ชานจีเซียง บอกว่า งานสำรวจนี้ได้ไขปริศนาเกี่ยวกับความยาวของกำแพงเมืองจีน แต่ก็ได้เผยให้เห็นอุปสรรคในการอนุรักษ์ด้วย นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และการสร้างสาธารณูปการต่างๆ
    กำแพงส่วนแรกได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน และมีการบูรณะและต่อเติมในสมัยราชวงศ์หมิง (ปี 1368-1644 ก่อนคริสต์ศักราช) เพราะมีพวกชนเผ่าจากทางเหนือเข้ารุกราน
    งานสำรวจนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์ ระยะเวลา 10 ปี ซึ่งเริ่มเมื่อปี 2548.
    http://www.thaipost.net/x-cite/210409/3435
     
  2. โชเต

    โชเต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +331
    ในความเป็นจริง ศิลปวิทยาการ วัฒนธรรม จารีตประเพณี
    รวมไปถึงวัตถุโบราณ โบราณสถาน และอื่นๆ อีกมากมายในทุกๆ ที่
    ไม่จำเป็นจะต้องเป็นที่ประเทศจีนเสมอไป

    โดยเฉพาะการสำรวจกำแพงเมืองจีนดังกล่าวนั้น สร้างความ"ฮือฮา"
    เป็นอย่างมาก ไม่เว้นพวกนักโบราณคดีที่ได้ทำการสำรวจติดตามอยู่ตลอด
    ซึ่งมันก็"ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย" สำหรับการขุดค้นหาระยะทางที่เหลือของกำแพง
    เมืองทั้งหมด ที่สร้างขึ้นมา หลายราชวงศ์ ซึ่งในตรงนี้ ผมคิดว่ามันได้มีมานานแล้ว
    แต่พวกฝรั่งในยุคนั้น(ยุคที่พวกเขาคิดว่า พวกเขาเก่งที่สุด) สำรวจเจอแค่นั้น

    พวกคุณไม่เคยสังเกตหรอกหรือ?
    ว่าทำไมรัฐบาลจีนไม่อนุญาติให้พวกนักโบราณคดีต่างชาติทำการสำรวจต่อ?
    แม้ว่าสัญญาว่าจ้างสรรหาบุคลากรโครงการนำร่องยังไม่ได้หมดไป และต้องการเพียงวิชาโบราณคดีเท่านั้น ซึ่งบางโครงการน่าจะไปได้สวยด้วยซ้ำ

    นั่นก็เพราะ รัฐบาลจีนไม่ต้องการให้ต่างชาติมีส่วนรับรู้ทางโบราณคดีในผืนแผ่นดินจีน!
    เพราะว่ารัฐบาลจีน ไม่ต้องการให้มรดกทางวัฒนธรรมในโบราณคดีเก่าแก่ ตกไปยังมือของต่างชาติ ซึ่งเหตุผลก็เพียงแค่ ต้องที่จะรักษาสมบัติของชาติไม่ให้ตกไปอยู่นอกประเทศ

    แต่กระผมจะบอกว่า ในการค้นหา ขุดค้น สำรวจ ต่างๆ ตลอดจนถึง การเก็บกู้วัตถุโบราณ
    จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ซึ่งตรงนี้กระผม "ไม่ได้เถียง" อะไร
    ว่าแต่ กระผมจะพูดว่า "ทำไมจะต้องเพิ่งพานักโบราณคดีต่างชาติ" ในการค้นหาสืบเสาะเรื่องราว การขุดค้น สำรวจ ค้นหา เรื่องราววัฒนธรรม ประเพณี ขนบธรรมเนียมของชาติ
    ให้เสียเวลา เสียอารมณ์ รวมไปถึงคำวิจารณ์ ในแง่บวกก็ดี หรือ แง่ลบ (เผลอ ลบซะด้วย)
    อยู่อีกทำไม!

    พวกคุณสงสัยไหมว่า ทำไมพวกนักโบราณคดีต่างชาติจะต้องหยิบยกประวัติศาสตร์ของชนชาติทางเอเชีย ไปเปรียบเทียบความ"เก่าแก่"ของชนชาติเขา (ซึ่งบางครั้งก็รู้ไม่จริงด้วย) สุดท้ายพวกเขาก็ตีความ(เข้าข้างตัวเอง แถมยังห้ามคนเอเชียโต้แย้งทฏษฏีของเขาด้วย พูดง่ายๆ คือ พวกเขาถูกเสมอ) แล้วก็เขียนหนังสือหลายต่อหลายเล่ม ตีความพื้นฐานชนชาติถิ่นกำเนิด ที่บิดเบือนความจริงอย่างมาก แล้วยังกำหนดเป็นมาตรฐานเป็นตำราสอนหนังสือ ที่ผิด ๆ เพี้ยนๆ ไปว่าท้ายที่สุด ชนชาติของเขาในยุคนั้น ยุคนี้ ยุคโน้น ยุคพระเจ้าเฮา...!

    เกิดก่อน พวกร่อนเร่แถบแม่น้ำนั้น เเม่น้ำนี่ แม่น้ำโน้น แม่น้ำ...! สุดท้ายชนชาติของพวกฝรั่งก็เก่าแก่กว่าพวกชนชาติทางเอเชียอย่างเรา ๆ (ซะงั้น) !

    นี่ยังไม่นับตำราประวัติศาสตร์ที่(ไม่เคยมีอยู่"จริง"แล้วก็อิง)อ้างอิง ด้วยฝืมือนักแต่ง
    (แต่งซะไม่รู้ว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม) ที่มีชื่อเสียงเคยไปที่นั้น ที่โน่น ที่นี้ ได้เห็น
    ได้ยิน ได้สัมผัส มาแล้ว (จริงหรือครับ) แต่พวกเขาก็ไม่ได้ขอความเห็นใดๆ จากนักโบราณคดีชาวไทย (ซึ่งบางท่าน ก็เห็นดีเห็นงามไปกับพวก"อ้ายฝรั่ง"ด้วยแบบผิดๆ พูดง่ายๆ คือ ไม่ลืมหูลืมตา เก่งแต่อ้างตำราที่พวก"อ้ายฝรั่ง"เขียนเอาไว้)

    ผมถามว่า ทำไมทฏษฏี(อันน่าตลก ขบขัน) ของพวกเขาจึงมีน้ำหนักอย่างมากเลยหรือ?
    แล้วพวกคุณคิดหรือว่า ที่พวกนักโบราณคดีชาวต่างชาติทั้งหลาย ไมว่าจะชาติฯลฯ...
    เข้ามาเหยียบย่ำ ยังผืนแผ่นดินเรา ผืนแผ่นดินทวีปเอเชีย มีจุดประสงค์ดี(หรือหวังอะไรสักอย่าง) หรือร้าย? มีผลประโยชน์ที่ดี(กับวัตถุโบราณ? วัฒนธรรมโบราณ? ประเพณีโบราณ?)ทางวิชาการ โบราณคดี อย่างงั้นหรอกหรือ

    ซึ่งผมย้อนถามว่า พฤติกรรมพวกเขา เวลาที่ไปทำการสำรวจ ค้นหา ขุดค้น เสาะหา วัตถุโบราณก็ดี วัฒนธรรมโบราณก็ดี ประเพณีโบราณก็ดี พวกคุณ "ไว้ใจพวกเขาได้หรือ"
    พวกคุณรู้จัก(สันดานดิบ)ของเขาดีพอแล้วหรือ หรือว่าพวกคุณรู้จักเขาเพียงแค่ชื่อเสียง
    ที่พวกคุณยอมไว้ใจให้พวกเขาทำการปู้ยี่ ปู้ยำ ทำอะไรต่อมิอะไรตามใจชอบ

    ซ้ำร้าย ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกเขา(ชาวต่างชาติเนี่ย) ไหว้วานแอบลักลอบ
    ขนถ่าย "สมบัติของชาติไทย" ด้วยผลประโยชน์มหาศาล ที่คนไทยอย่างเรา
    เรียกว่า"เงิน" ทำการขนย้าย ขนถ่าย ลักลอก ซื้อขายให้กับพวก"อ้ายฝรั่งขี้ครอก"เพื่อไปเป็น"เครื่องประดับ โชว์ห้องประชุม ห้องทำงาน ห้องนอน หรือแม้กระทั้งห้องน้ำ"
    ถมเถไป มีอยู่เยอะมาก แม้กระทั่งคนไทยซึ่งเป็นเมืองพุทธแท้ๆ ก็ยัง"ขโมย"
    "สมบัติของชาติ" ลักลอกออกไปขายอีกเป็นจำนวนไม่น้อย หวังเพียงแค่เงิน
    ก้อนโต หรือ ผลประโยชน์ ของตนเองเท่านั้น
    "แล้วยังจะเรียกตนเอง ว่ายังเป็น"คนไทย"อยู่อีกทำไม"

    พวกคุณยังจะดีใจนักหรือที่ยังปล่อยให้พวกนักโบราณคดีต่างชาติเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ของชาติไทยอยู่อีกหรือ?
     
  3. มีบ้านแต่ไร้กุญแจ

    มีบ้านแต่ไร้กุญแจ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +59
    พูดแรง แต่ก็แฝงข้อคิดที่มีเหตุผล
     

แชร์หน้านี้

Loading...