เทพ เทวดา ภาวนาได้หรือเปล่า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tunotun, 1 ตุลาคม 2010.

  1. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,359
    ค่าพลัง:
    +6,493
    ฉันไม่เห็็นว่าท่าน"บุญพิชิต" จะพูดผิดที่ตรงไหน อ่านพิจารณาให้เข้าใจ ไม่ทราบว่าท่านที่อ่านแล้ว ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าอย่างไร? (ไม่เข้าใจเพราะไม่รู้? หรือยังไง?)
     
  2. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +452

    พวกคุณคนนอกศาสนา ภาษาไทยง่ายๆ

    ทำเป็นตีความหมายไม่ออก โง่จริง หรือว่า

    แกล้งโง่กันแน่ ท่านบุญพิชิต บอกว่า

    เรื่องสวรรค์ ที่พระพุทธเจ้า พูดไว้ มันเป็นนิทาน

    ก็คือโกหก แค่นี้ง่ายๆ ภาษาไทย ไห้เด็กประถมอ่าน

    ก็เข้าใจได้แล้ว ภาษาไทยนะครับ ท่าน...Warning ชี้ไว้ชัดเจนแจ่มใส
    พวกคุณค้าน ไม่เห็นด้วย กับคำพูดของพระพุทธเจ้า

    มันก็เรื่องของคุณ เรื่องของพวกท่าน

    ตอนนี้ที่เห็นๆก็มีสามแล้ว มีบุญพิชิต มี Kama Manas

    มี Nhat ที่ไม่เชื่อที่พระพุทธเจ้าพูดไว้ ก็เชิญไปก่อตั้งศาสนาใหม่ จะไช้ชื่ออะไร จะสอนแบบไหน ก็ตามใจครับ ที่นี่ไม่มีใครขัดข้อง

    แต่อย่าเข้ามาอาศัย ร่มโพธิ์ของศาสนาพุทธเลย

    เจ้าของบ้าน พูดอย่างไว้แบบนั้น แบบนี้

    แต่ผู้อาศัย ไม่เชื่อ ไม่ทำตาม ไม่ฟัง ก็ไม่เป็นไร

    ก็แค่เดินจากบ้านเขาไป ก็จบ

    ไปสร้างบ้านเอาไหม่ ปลูกเอาเอง

    จะออกแบบไง ปลูกแบบไหน ก็ตามใจชอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2010
  3. สงกะสัย

    สงกะสัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +128
    อินทร์ พรม เทพ เทวดา ผี เทวโลก นรกสวรรค์ ล้วนอยู่บนโลกใบนี้ คนมีปัญญาจะหาพบเอง รู้เอง พระพุทธเจ้าไม่ได้โกหก แต่คนมาตีความหมายโดยไร้ปัญญา พระพุทธองค์เพียงชี้ให้เห็น สุขทุกข์บนโลกมีกี่ขั้น ใครเรียนรู้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนเรื่องธรรมชาติให้รู้แจ้งแทงตลอด ก็จะมีทุกข์น้อยสุขมาก ตามลำดับขั้นตอน ที่ปัญญาได้แจ้งแล้วรู้แล้ว เป็นสิ่งสมมุติให้เข้าใจ ทั้งหมดอยู่ในโลกใบนี้ ไม่ใช่โลกหน้าหรือโลกในจินตนาการนิยายประโลมโลก หรือโลกซ้อนโลก อย่าเอาพระพุทธเจ้ามาอ้างผิดๆ ให้ใช้สติปัญญา อย่าทำเหมือนศรีธนชัย แม่สั่งให้อาบน้ำน้องให้สะอาดทั้งข้างนอกข้างใน มันเลยเอามีดผ่าท้องน้องเอาใส้มาล้าง แล้วบอก ก็แม่สั่งไง ธรรมคือทุกสิ่งที่เป็นจริงบนโลกใบนี้ มีเบื้องต้น และมีเบื้องปลาย มันเป็นของมันเช่นนั้น ไม่มีมากกว่านี้หรือน้อยกว่านี้..สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2010
  4. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,359
    ค่าพลัง:
    +6,493
    เราขออนุญาตนะ ท่าน"ประกายพลอย"เราว่าท่านใช้คำแรงไป หัดมีสติให้มากกว่านะท่าน ข้อความของท่าน"บุญพิชิต" เราอ่านแล้วไม่ทราบว่าประโยคไหนเหรอที่ว่าเค้าเป็นคนนอกศาสนาน่ะ เรางงมากเลยนะ เจอท่านเมื่อไรก็ไม่ค่อยจะโอ.เคเลย ทำไมไม่อธิบายกันดีๆล่ะ ท่านรู้หรือว่าพวก3คนนั้นที่ท่านกล่าวอ้างนั้น จริงๆแล้วเค้าเป็นอย่างที่ท่านกล่าวหรือเปล่า? โปรดให้ความยุติธรรมกับมนุษย์บ้างนะ ท่านผู้เจริญในธรรมทั้งหลาย!(แค่พวกเค้าเห็นด้วยกับท่าน"บุญพิชิต"ท่านก็สรุปความเป็นตัวเค้าทั้งหมดอีกแล้ว "สรุปจากสิ่งที่เห็นเช่นเคย")
     
  5. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +782
    อืม ปทปรมะ เวรกรรม เวรกรรม บางท่านแม้แต่พระพุทธเจ้าสอนก็ยังไม่เชื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ในใจของเรานี่แหละ อยู่ในจิตของเรา บันทึกไว้หมด คนจะเกิดเป็นอะไร มันเป็นตั้งแต่ตอนเป็นคนแล้ว เป็นเทวดาเพราะมีหิริ โอตัปปะ มันก็เป็นตั้งแต่ตอนเป็นคนแล้วไม่ใช่พึ่งเป็นตอนตาย เป็นเปรต เป็นอสุรกาย มันก็เป็นตั้งแต่ตอนเป็นคนแล้ว คือใจมันเป็นไปก่อน แล้วจิตมันก็ตามไปจุติหรือไปเกิดเป็นแบบนั้นทีหลัง
    แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เป็นเพียงสมมติเท่านั้นเอง อย่าไปหลงมันเลย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผมเกิดมาก็ไม่เคยเห็นบรรพบุรุษของผมสักทีนะ แต่ผมก็เชื่อว่าท่านมีอยู่จริงๆนะ ผมเรียนจบ ป.ตรีนะไม่เคยเรียนปริญญาเอก แต่ผมก็เชื่อนะ ว่ามีคนเรียนจบปริญญาเอก แล้วท่านล่ะเคยเชื่อในสิ่งที่ไม่เคยเห็นไม่เคยสัมผัสบ้างไหม
     
  6. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    มีกรรมที่หนักกว่าอนันตริยกรรม คืออะไร?

    อนันตริยกรรมหมายถึงกรรมที่มีผลอนัน ๕ คือ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ยุสงฆ์ให้แตกกัน ทำให้พระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต

    กรรมที่หนักกว่าอนันตริยกรรม คืออะไร คือ ความเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราจะห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ที่ไปมีที่เดียวคือ มหานรกอเวจี

    มิจฉาทฏฐิคืออะไร

    -ไม่เชื่อเรืองผลของกรรมไม่เชื่อเรื่องทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว
    -ไม่เชื่อว่าบิดามีคุณมารดามีคุณ
    -ไม่เชื่อเรื่องโลกนี้มีโลกหน้ามี
    -ไม่เชื่อเรื่องการปฏิบัติที่ให้ผลยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่เชื่อสวรรค์มี ไม่เชื่อนิพพานมี

    เหตุใดจึงว่ากรรมหนักกว่าการทำอนันตริยกรรม

    ๑. เมื่อไม่เชื่อเรื่องผลของการกระทำ(กรรม)ว่าให้ผลเป็นวิบาก ย่อมทำกรรมอันชั่วช้าซ้ำ ๆ ลงไป แล้ว กยิ่มย่ามใจคิดว่ากรรมไม่ให้ผล เมื่อถึงจังหวะที่กรรมให้ผลในขณะที่ความดีหรือบุญที่โอบอุ้มหมดแล้ว วิบากอันเผ็ดร้อนจะถึงผู้นั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

    ๒. ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ จิตดวงนี้จะสะสมความเป็นมิจฉาทิฏฐิไว้อย่างแนบแน่น พาท่องเที่ยวไปยังอบายภูมิแต่อย่างเดียวแสนนาน เพราะ ไม่เชื่อในผลของบุญจึงไม่สั่งสมเมื่อไม่สั่งสมบุญจึงตกต่ำ ถึงแม้จะได้เป็นมนุษย์อีกก็แสนยาก เมื่อเป็นมนุษแล้วความคิดเห็นอันผิดก็ยังติดอยู่เหมือเดิมความมืดบอดจึงสนิทอยู่เหมือนเดิมท่องไปอย่างไม่มีทีจบ

    แม้ในพวกที่ทำอนันตริยกรรม แต่ไม่ได้เป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้พ้นจากโทษในนรกแล้วเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ยังมีปัญญาที่จะรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริงได้เมื่อมีอินทรีย์แก่กล้า

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่แค่นวนิยายหรือตรรกศาสต์หรือภิปรัชญาที่สบายใจเพราะคำพูดคำเขียน ไม่มีมนุษย์และสัตว์ตนใดเลยทั้งสามโลกกจะหลีกหนีไปจากวิบากที่เป็นผลของกรรม ถึงแม้จะไม่เชื่อก็ตามก็ต้องอยู่ใต้กฎนี้

    สิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ ถึงใครจะพูดว่าไม่มีไม่เป็น มันก็ไม่ได้เป็นไปตามคำพูดนั้น
    สิ่งที่ไม่มีไม่เป็น ถึงใครจะพูดว่ามีว่าเป็น มันก็ไม่ได้เป็นไปตามคำพูดนั้น

    ไม่มีใครหนีผลของกรรมได้สักคนเดียว ถึงจะเหาะหนีก้ไม่พ้น ถึงจะใจไม่เชื่อก็หนีไม่พ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2010
  7. JIT_ISSARA

    JIT_ISSARA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +1,163
    อ่านแล้วก้อมีเรื่องไม่เข้าใจหลายเรื่อง
    1 ไม่เข้าใจว่าเจ้าของกระทู้ตั้งคำถาม ทำไหม ว่า เทวดา หรือ พรหม ปฎิบัติธรรมได้ไหม
    ถ้าเทวดาหรือ พรหมมีจริง และเห็นโทษของการเกิดแก่เจ็บตาย ย่อมปฎิบัติธรรมได้แน่นอน โดยใช้วิธีใช้จิตพิจารณา ให้รู้หรือเห็นความไม่เทียง แม้สุข ก้อยังมีการแปรเปลี่ยนเป็นทุกขัง อนิจจา เป็นเทวาจะปฎิบัติได้อยากซักหน่อย เพราะส่วนใหญ่จะมีความสุขเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากจิตละเอียดในทางกุศล
    จิตมนุยนั้นมีค่าในการปฎิบิติกรรมฐานได้ง่ายกว่าเทวดา หรือ พรหม เพราะมีอารมจรให้มากระทบและเกิดความจำ การปรุง และความรู้สึกง่าย จึงเห็นการแปรเปลี่ยนได้ง่ายกว่าภพไหน ๆ อารมณ์มนุษ จะเห็นอารมณ์เปลี่ยนง่าย

    ท่าน จขกท จะรอเป็นเทวดา แล้วหันมาปฎิบัติหรือ ถ้าตอนมีร่างกายอยู่ไม่ปฎิบัติ ตอนกายแตกดับ จิตก้อไม่ปฎิบัติหรอก

    2 คนส่วนใหญ่ จะใช้ พระไตรปิฎก เป็น กฎหมายและบอกว่า สิ่งไหน ถูก หรือ ผิด ใช่ หรือ ไม่ใช่
    คนปฎิบิติส่วนใหญ่ จะใช้พระไตรปิฎกเป็นแผนที่ ตรวจสอบเป็นระยะ โดยจะเรื่มจากให้ทาน รักษาศี่ล และภวนา โดย เฝ้าสังเกตุ อารมณ์ที่มากระทบทางอายตนต่างๆ ที่เด่นชัดในปัจจุบันขณะ (สติปัฐฐาน 4) เพื่อให้เห็นโลกตามความเป็นจริง ว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง เป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา (ปัญญา) แล้วปล่อยวางความยึดมั่นตัวตน ของๆตน ความเห็นเข้ากับตน ออกไปจากจิต
    3 โลกหลังความตายยังมีอยู่สำหรับผู้ที่ยังตัวตนอยู่ ร่างกาย ขันธ์ 5 นั้นตายได้ แต่จิตนั้นไม่มีวันตาย เมื่อยังมีความยึดมั่นตัวตนอยู่ กรรมหรือการกระทำย่อมน้อมนำจิตให้ไปรับผลของกรรมนั้นแน่นอน
     
  8. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ธรรมที่ปฎิบัติเพื่อให้รู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง คือ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ อันประกอบด้วย สติปัฏฐาน ๔ อิทธิบาท ๔ สัมมับปทาน ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โภชฌงค์ ๗ มรรคมีองค์ ๘

    โพธิปักขิยธรรม ๓๗ นี้เป็นธรรมที่อุปการะการบรรลุมรรคผลหรือการรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ธรรมทุกอย่างจะรวมกันเป็นเนื้อเดียว (สมังคี) เมื่อขาดอย่างใดอย่างหนึ่งมักมีผลต่อความก้าวหน้าในธรรมอื่น ๆ ด้วย เช่น

    พละ ๕ อินทรีย์ ๕ เริ่มด้วย ศรัทธาคือความเชื่อ เมื่อไม่ศรัทธาหรือศรัทธาอ่อน วิริยะ (ความเพียร) ย่อมอ่อน วิริยะอ่อนสติย่อมอ่อน สติอ่อนสมาธิย่อมอ่อน และสมาธิอ่อนปัญญาย่อมอ่อน

    ธรรมอีกตัวอย่าง มรรคมีองค์ ๘ (รวบ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา) เริ่มที่ ข้อแรก สัมมาทิฏฐิ ....ข้อที่ ๘ สัมมาสมาธิ

    เมื่อข้อ ๑ เป็นมิจฉาทิฏฐิ อีก ๗ ข้อที่เหลือจะล้มเหลวหมดเลย ปิดทางมรรคผลนิพพาน เพราะเหตุใด

    เมือมีความคิดเห็นอันผิด สมาธิย่อมไม่ตั้งมั่น เมื่อสมาธิไม่ตั้งมัน ปัญญาย่อมไม่เกิด เมื่อปัญญาไม่เกิด ย่อมเห็นคลาดเคลื่นจากความเป็นจริง เมื่อเห็นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ก็คือมิจฉาทิฏฐิ (หมุนเป็นวงอยู่อย่างนี้แล)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2010
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    เรื่องนรกสวรรค์นี้.....ผมยอมรับว่าผมเชื่อนะ.....และก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมไม่เชื่อ......

    เมื่อผมได้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า...แล้วได้ผลบ้างตามวิสัยที่ผมจะทำได้....และผมได้รู้ถึงประโยชน์...และความจริงในสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอน.....แม้วันนี้ผมจะพิสูจน์ได้เล็กน้อยบ้าง.....ก็เป็นประจักษ์พยานว่าทุกสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นความจริง......ฉนั้นเมื่อสิ่งใดก็ตามที่สมเด็จท่านกล่าวไว้ว่ามี....ถึงแม้ว่าผมในปัจจุบันจะยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นผลได้ในหลายส่วน.....แต่ผมก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองในโลกความคิดของตัวเอง(เพราะการปิดกั้นตัวเองนั้น...ย่อมไม่ทำให้ตัวเองพัฒนา)......ผมพร้อมที่จะปฏิบัติตามเพื่อจะพิสูจน์คำสอนนั้น.....

    หลายท่านชอบอ้างกาลามสูตรนะ.....พูดขึ้นมาแล้วเหมือนรู้สึกว่าตัวเองมันเท่ห์....ประมาณว่าตัวเองนั้นมีปัญญาคิดได้ไม่งมงาย........แต่ผมถามหน่อยเถิดว่า......ถ้าท่านคิดว่าไม่เชื่ออะไรง่ายๆ.....แล้วท่านยังยอมที่จะเชื่อในความคิดของตัวเองหละ.....ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดอย่างนั้นหรือ......ความคิดของท่านเองอาจไม่ถูกต้องก็เป็นได้......ขอย้ำว่าเนื้อหาในกาลามสูตร.....เน้นตรงความที่พิสูจน์ด้วยตนเองจนเห็นผล.....ไม่ใช่คิดด้วยตนเอง...เชื่อด้วยตนเอง...โดยไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นผล......

    เรื่องปกติที่ตัวเองไม่เคยเห็นย่อมไม่เชื่อ.....หลายสิ่งหลายอย่างในโลกนี้ที่ตัวเองหรือวิทยาศาสตร์พิสูจน์ยังไม่ได้ก็มีอีกมาก.....ผมเห็นหลายอย่างที่พระพุทธเจ้าพิสูจน์ได้ก่อนแล้ว....แล้ววิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ตามหลัง.....มีมากมาย.....

    ผมเชื่อว่าด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นยังไม่เอื่อ.....ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้......แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าสิ่งนั้นไม่มี......เหมือนในอากาศ มีคลื่นมากมาย....แต่เราไม่เคยเห็น....แล้วเรารู้ได้ไงว่ามี......เปรียบสมมุติว่าเด็กคนหนึ่งไม่เคยเห็นไฟฟ้า.....แล้วผู้ใหญ่บอกว่าไฟฟ้ามีในโลก....มันอยู่ในปลั๊กไฟก็ได้...ถ้าหน่อยเด็กคนนั้นไม่เคยเห็นเลย....ไอ่ตัวไฟฟ้าเนื่ย....เด็กคนนั้นควรเชื่อไม....ว่าในโลกนี้มีไอสิ่งที่เรียกว่าไฟฟ้า.....ถ้าเด็กคนนั้นฉลาด...ก็ควรที่จะพิสูจน์ว่าไฟฟ้ามีจริงไม.....โดยวิธีการใดก็แล้วแต่....อาจเอามือแหย่ปลั๊กไฟดูไม.....เป็นต้น.....ถ้าเด็กคนนั้นฉลาด.....โดยไม่งมงายเชื่อผู้ใหญ่.....หรือเชื่อในความคิดตนเองว่า.....ไฟฟ้าไม่มีในโลกหลอก....เพราะตัวเองไม่เคยเห็น.....เพียงแต่ได้ยินมาเท่านั้น......ถ้าเด็กคนนั้นยึดในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยไม่พิสูจน์.....เด็กคนนั้นก็จมอยู่ในความโง่อยู่ดี.........

    เรื่องนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ยากนะ....เพราะมีความตายเป็นตัวขั้น.....ถ้าใครไม่เชื่อจะลองตายดูก็ได้......ตายแล้วจะได้รู้ชัดว่ามีหรือไม่มี.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  10. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    "เมื่อท่านปฎิบัติถึงแล้ว ท่านย่อมรู้เอง" คำสอนลป. ดุลย์ที่ผมจำได้ดี
    แล้วที่ท่านไม่เชื่อ ลองปฎิบัติดูสิครับ ให้มันรู้ไปเลยว่ามีจริงไหม????
    หากไม่มีไม่เห้นก้อไม่ต้องเชื่อ อย่างน้อยได้ทำในสิ่งที่ดีๆๆแล้วครั้งหนึ่งในชีวิตมนุษย์
    ไม่เสียดายที่เกิดมาแน่แท้ ผมคิดแบบนี้นะ


    ผมว่าจะทำแต่ไม่ถึงไหน ผมว่าอย่าเถียงกันเลย
    ใครอยากเห้น เร่งปฎิบัติ ใครเห้นแล้วแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่นิมิต
    ก้อมาบอกกล่าวแก้เพื่อนๆๆด้วยความหวังดี หากเขาไม่เชื่อ
    ท่านโปรดพิจารณาวางอุเบกขา แนะนำกันด้วยใจเมตตา
    ผมว่าดีกว่าเถียงกัน เต่าอยู่บนบกด้วยในนำด้วย ปลาถามว่าบนบกเป้นอย่างไร
    เต่าก้อเล่าไปตามตนเห้นมา ปลาไม่เชื่อ ก้อบอกว่าโม้ ก้อว่ากันไปตามความรู้
    ภพภูมิแต่ละท่านดีกว่าครับ เถียงไปปวดหัวเปล่าวๆๆ ว่ากันไปตามเรื่องดีกว่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  11. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    เทวดา ท่านก็ภาวนาได้ค่ะ จะสังเกตุ ตอนที่เกิดเหตุการณ์สำคัญกับพระพุทธเจ้า
    ขนาดพระอินทร์ ท่านยังชวนมเหสี มาให้บาตร กับพระกัสปะเลย
    บนสวรรณ์ ไม่แน่ใจนะ ว่าชื่อชั้นอะไร เหล่าเทวดานางฟ้าจะชอบสวดมนต์ภาวนากัน

    จริงๆ แล้วผู้ที่เริ่มปฏิบัติ ก็จะได้ยินเสียงสวดมนต์ของพวกเขานะ
    อันนี้เรื่องจริง เราเคยได้ยินตอนเริ่มปฏิบัติใหม่ๆ จริง ก็น่าจะมีเพื่อนหลายคนได้ยินนะ
    แต่ไม่ถือเป็นเรื่องสาระสำคัญอะไร เท่ามุ่งภาวนามจนเห็นกิเลสตัวเองชัดๆ ค่ะ
    และ ละ ออก
     
  12. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +3,637

    สาธุธรรมครับ........
     
  13. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,359
    ค่าพลัง:
    +6,493
    ข้าพเจ้ารู้สึกสงสารน้อง"Nhat" เป็นที่สุด ยังเด็กอยู่แท้ๆ โดนข้อหา"เป็นคนนอกศาสนา"ไปซะแล้ว ทำใจเสียเถอะ สังคมมนุษย์พรรค์นี้ก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ อย่าใส่ใจให้มากนัก ข้าพเจ้าไม่ขอโต้ตอบอะไรทั้งสิ้น เพราะถือคติที่ว่า"ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่จริง"เพราะฉะนั้นใครจะเข้ามาโต้แย้ง ขอเชิญตามสบาย...ได้เลย..(เห็นมาเยอะแล้ว)
     
  14. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +158
    http://palungjit.org/threads/ได้ยินเสียงพระสวดมนต์-โดยไม่รู้ที่มา-เป็นประจำ.166081/

    ไม่ขอพูดอะไรมาก อันนี้เป็นโพส ตอนปฏิบัติใหม่ เคยเอาปัญหานี้
    ไปถามครูบาอาจารย์ด้วยค่ะ

    หลบภัยเป็นผู้หญิงค่ะ ถ้าเจอจะทำอะไรหลบภัยเหรอคะ เราเคยโกธร
    เคยอาฆาตกันเหรอคะ คนอื่นจะรู้ว่าหลบภัยใช้ชื่ออะไรบ้าง
    มีศักดิ์ศรีพอค่ะ ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ก็ใจเป็นลูกผู้ชายค่ะ

    เราปฏิบัติแบบไหน เห็นแบบนั้น ก็พูดไปแบบนั้น หากมีเวลาลองไปอ่านดู
    นั้นคือ เริ่มเข้ามาในพุทธศาสนาได้ไม่ถึงนานเอง

    เรื่องพระอินทร์ หลบภัยอ่านเจอในพระไตรปิกฏ หากใครได้อ่านจริงๆ
    จะรู้ว่ามีระบุในนั้น ๆ ลองไปค้นคว้าดูนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  15. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +158
    หลบภัย กับ nanakorn คือ คนคนเดียวกัน นี้แระค่ะ ยอมรับแบบลูกผู้ชาย

    คำนำหน้า miss ค่ะ
     
  16. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +166
    ไอ้หนูเอ้ย โบราณเขาว่าไว้ เจอคนพาลสันดานหยาบ ต้องถอยห่าง
    "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล"
    พวกนี้น่ะหน่า น้าจะบอกให้ ไม่มีอะไรหรอก ทำปากดีไปอย่างนั้นเอง
    สงสัยคงคิดว่า ตัวเองเป็นบรมศาสดามั้ง เลยเที่ยวไล่คนโน้นคนนี้
    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของคนทั้งโลก มันถือสิทธิอะไรมาไล่ชาวบ้านเขา
    ตัวเองยังบ้องตื้นโบราณเป็นตาเฒ่าชอบดูลิเก แล้วยังทำตัวแบบไร้ยางอาย
    มาเที่ยวไล่คนอื่น เฮ้อ!
    องคุลีมาล นายเป็นใครกันว่..! ถ้ายังไม่โผล่หัวออกมา เราจะเอาปูนขาวหยอดแล้วนะ
     
  17. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +166
    ที่ว่าmissน่ะ u miss me หรือเปล่าจ๊ะ
    อย่าไปบอกพะโล้นะ หนูกลัว
     
  18. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    แล้วพี่รอดมี เจอหน้าหลบภัย จะทำอะไรหนูเหรอคะ
    งงมากเลยค่ะ พี่เป็นตำรวจไม่ใช่เหรอคะ
    แล้วหนู ไปทำอะไรผิดเหรอ ถึงได้บอกว่าอย่าให้เจอ
     
  19. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    ถ้าคิดงั้น จะกล่าวตู่ว่าหนูเป็นผู้ชายก็แล้วพี่ค่ะ
    ห้องประเทืองปัญญา และเจ้าหน้าเว็บเคยเข้าไป ฟังเสียงหลายคน
    เข้ารู้ค่ะ ว่าหนูเป็นผู้หญิง เพื่อนๆ เป็น 100 เขารู้ค่ะ ว่าหนูเป็นผู้หญิง


    ไม่สับสนทางเพศหรอก ค่ะ

    พอแล้วค่ะ เลิกคุยกับพี่ดูกว่านะคะ

    ขอให้พี่มีความสุขในชีวิตนะคะ
     
  20. huayhik

    huayhik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    181
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,131
    กำลังศรัทธาไม่เท่ากันธรรมทั้งหลายไม่เท่ากันผลที่เกิดต่างกันได้
    หลวงพ่อสอนมนุษย์อย่างดีน้อยก็ให้หนีนรกได้ อย่างดีมากก็ไปนิพพาน ตามบุญ วาสนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...