เซอร์ คันนิ่งแฮม ที่ชาวพุทธยกย่องว่ามีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนา?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เอกอิสโร, 17 กันยายน 2010.

  1. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    เซอร์ คันนิ่งแฮม ที่ชาวพุทธยกย่องว่ามีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนา


    โดย เอกอิสโร วรุณศรี ณ วันที่ 17 กันยายน 2010 เวลา 9:46 น.


    อนุสนธิ จาก ที่ ดร. อนุทิช ชูอรรถ ได้แสดงความเห็น เกี่ยวกับ ความเชื่อ มุมมอง ต่อฝรั่งผิวขาวใน กระดานสนทนาของ Himalayan Voice ที่ผมได้ post เรื่องข้อโต้แย้งระหว่างกัน เรื่องการค้นคว้าประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ตามลิงค์นี้

    http://www.facebook.com/album.php?aid=17314&id=100001049683251&l=e139b937d7#!/photo.php?pid=506037&fbid=158472374168789&id=100000180815173


    ดังนี้ว่า..บังเอิญอาจจะโชคดีที่มีโอกาสได้เรียนบริหารประเทศเพราะเนื้อหาในหลักสูตร จึงทำให้รู้ว่า ทำไมฝรั่งผิวขาว จึงต้องโกหกผู้นำประเทศที่เซ่อๆตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว มาจนถึงทุกวันนี้...

    ตัวอย่างเช่น คนส่วนใหญ่เคารพยกย่องตามฝรั่งผิวขาวว่า โคลัมบัส เป็นวีรบุรุษที่พิสูจน์ว่าโลกกลมทั้งๆที่ความจริงโคลัมบัส มีค่าเป็นแค่เพียงมหาโจรปล้นสมบัติ ที่ตามล่าค้นหาทองคำ ด้วยทุนของกษัตริย์องค์หนึ่งเท่านั้นเองผู้นำเผ่าชาวสุเมเรียนผู้น่าสงสาร เคยถูกหลอกให้เอาทองคำมาแลกกับชีวิตด้วยทองคำบริสุทธิ์จำนวนเต็มห้องขัง แต่สุดท้ายเขาก็สั่งฆ่า เพราะต้องการค้นหาส่วนที่เหลือ ในอดีตก็เคยเป็นคนหนึ่งที่เชื่อฝรั่ง แทบจะทุกคำพูด ทุกวลีแต่วันนี้หูตาสว่างขึ้น แต่ก็รู้ว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะบอกพรรคพวกให้รู้แล้วหันกลับ ขอเป็นกำลังใจให้คุณเอกในการต่อสู้ กับตำราฝรั่งลวงโลกพวกนี้ ที่แต่งขึ้นเมื่อครั้งฝรั่งผิวขาวต้องการแยกประชาชนอินเดีย ออกจากกษัตริย์ เพื่อให้ง่ายในการปกครองเท่านั้นเอง....!!

    ซึ่ง ผม ได้ให้ความเห็น ต่อจาก ดร.อนุทิช ไว้ว่า..

    อืมม พอๆ กับ เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ที่ทุกวันนี้ ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ปลุกประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในอินเดีย เป็นผู้ค้นพบ สถานที่ปรินิพพาน ที่เมืองกุเซีย ในอินเดีย และเป็นผู้บอกว่า พระพุทธเจ้าประสูติในอินเดีย ไม่ใช่เนปาล ที่วันนี้ ทั้ง ๒ ประเทศ กำลังทะเลาะกันรอบใหม่ ครับ ซึ่ง เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม คนนี้ ก็เป็นเพียงนักล่าสมบัติของเก่า ของโบราณ ไปขายแลกเงินให้กับนักสะสมชาวตะวันตกเช่นกัน แล้วผมจะเอารูปของอีตา เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม มาให้ได้ชมกันนะครับ........


    [​IMG]
    เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม กับพระพุทธรูปที่ขุดได้จากอินเดีย



    เพื่อนๆ ลองพิจารณาดูเองเถิดว่า เขาเป็นผู้ที่มีความเคารพ ในพระพุทธศาสนา มากน้อยเพียงใด
    แต่สำหรับผม "เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประวัติสาสตร์พระพุทธศาสนาต้องถูกบิดเบือนไป"
    โดยสังเวชนียสถานที่เนื่องกับพระพุทธเจ้า ที่ ปรากฏให้เห็นเด่นชัดเพียงแห่งเดียว ในดินแดนไทย
    คือ "พระแท่นปรินพพาน ที่ พระแท่นดงรัง กาญจนบุรี" กลาย เป็น "ของปลอม"
    แล้ว คนก็เชื่อว่า "พระพุทธเจ้าปรินิพพานที่ เมืองกุเซีย ที่เขากุขึ้นที่อินเดีย" แทน


    [​IMG]
    พระแท่นปรินิพพาน ที่วัดพระแท่นดงรังวรวิหาร กาญจนบุรี



    ทั้งที่แต่โบราณกาลนานมาแล้ว คนไทยโบราณ ได้มีการ บันทึก บอกเล่า รุ่นต่อรุ่นมาว่า สถานที่นี้
    คือที่ "ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า" ดัง ตัวอย่าง ปรากฏอยู่ใน นิราศพระแท่นดงรัง ของ หมื่นสมพัตสร
    ว่า ไว้ ดังนี้


    [​IMG]
    ภาพวิหารครอบพระแท่น ระหว่างต้นนางรัง เมื่อ 150 ปีก่อน



    โอ้พระแท่นแผ่นผาอยู่ป่าดอน แต่ปางก่อนที่นี้เป็นที่เมือง
    ชื่อโกสินนารายสบายนัก เป็นเอกอรรคออกชื่อย่อมฤๅเลื่อง
    ทั้งแก้วแหวนเงินทองก็นองเนือง ไม่ฝืดเคืองสมบัติกษัตรา
    มีสวนแก้วอุทยานสำราญรื่น ดูดาดดื่นดอกดวงพวงบุปผา
    ปลูกไม้รังตั้งแท่นแผ่นศิลา คือแผ่นผาอันนี้ท่านนีพาน
    ของพระยามลราชประสาทไว้ ย่อมแจ้งใจทุกประเทศเขตสถาน
    ที่สำคัญมั่นหมายหลายประการ สมนิทานเรื่องเทศน์สังเกตฟัง
    แต่บ้านเมืองสูญหายกลายเป็นป่า พยัคฆาอาศัยเหมือนใจหวัง
    พระอุทยานร้างราเป็นป่ารัง อนิจจังอนาถจิตอนิจจา
    เดชะบุญได้นบอภิวาท ไม่เสียชาติที่ได้พบพระศาสนา
    รำพันพลางทางก้มบังคมลา ถอยออกมาเที่ยวชมพนมเนิน

    ..........................

    และนี่ เป็นเรื่องราวสั้นๆ ของท่านเซอร์ ที่คนทั้งหลายยกย่องท่าน ครับ จาก Wikipedia ครับ

    http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C_%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%A1
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,814
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พุทธภูมิ : เรื่องเล่าจากผู้ทรงบารมีบริบูรณ์ (Teddy)
    เนื้อความต่อไปนี้ ขอให้ท่านทั้งหลายอย่าตั้งใจเชื่อหรือตั้งใจไม่เชื่อ เอากลางๆนะ โดยเฉพาะข้อหลังนั้นคือถ้าไม่เชื่อหรือลบหลู่จะมีผลมาก มากขนาดที่ปรามาสพระพุทธเจ้าได้ ลงอเวจีมหานรกแน่นอน

    มีพระโพธิสัตว์บารมีเต็มมีลมหายใจพระองค์หนึ่ง คำว่าบารมีเต็มคือ ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าและบำเพ็ญบารมีพร้อมแล้ว เหลือแค่รอคิวเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง (คิวยาวมากด้วย) และพระพุทธเจ้าได้ทรงพยากรณ์แล้วว่าพระโพธิสัตวพระองค์นี้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆไปในลำดับเท่านั้นเท่านี้ และมีการตั้งพระนามพร้อมเลย...แต่พระองค์ตรัสว่าเธอจะมีเหตุให้ลาพุทธภูมิ ไปเป็นสาวกภูมิแทน

    ต่อไปขอใช้ภาษาธรรมดา ..ท่านบอกว่า ท่านได้เจอผู้ที่จะเป็นพระศรีอาริยเมตไตร(พระพุทธเจ้าองค์ต่อไป) พระชวนท่านมาเป็นสาวก ท่านก็คงเห็นว่าพระพุทธเจ้าคิวยาวเหลือเกิน เลยตั้งเงื่อนไขว่า หากจะให้ลาพุทธภูมิมาเป็นสาวก ขอเป็นสาวกที่มีสติปัญญาเลิศที่สุด เป็นอสีติมหาสาวก คืออรหันต์ทั้ง 80 องค์ประจำสมัยของพระพุทธองค์

    พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปคือ พระศรีอาริยเมตไตร ท่านบอกว่าเป็นองค์เดียวกันกับ หลวงปู่ทวด และสมเด็จโต กล่าวคือ องค์เดียวกันล่ะสององค์นี้ แต่มาเกิดคนละยุคสมัยเท่านั้น ใครไม่เชื่อก็ฟังหูไว้หู อย่าปรามาส อาจตกนรก เอากลางๆนะขอเตือน

    หลวงปู่ดู่ ครูบาศรีวิชัย นี่ท่านก็ว่าใช่ เป็นการแบ่งดวงจิตหรืออวตารลงมาได้มากมาย ใครไม่เชื่อก็อย่าเพิ่งเชื่อแต่อย่าปรามาสว่าไม่จริง เอากลางๆนะสาธุชน

    มีความอัศจรรย์หลายเรื่องสุดจะพรรณนาเกี่ยวกับท่านผู้นี้ เลยคำว่าไม่เชื่อไปแล้ว กลายเป็นศรัทธาหรือไร้ข้อกังขาไปแล้วนะผมนี่กับท่านผู้นี้ ทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักกันโดยตรงเลย แต่ที่สนใจและขอจับมาประเด็นหนึ่งอันทำให้ผมตกใจมากในครั้งแรกที่ได้ฟัง นั่นคือ ชมพูทวีปคือประเทศไทย ไม่ใช่อินเดีย

    พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่...ไปโปรดปัญจวัคคีที่...และอีกมากมายที่ได้รับฟัง หายสงสัยเลยว่าทำไมพบรอยพระพุทธบาทในไทยมากที่สุดในโลก .... ต่อมาก็เลยเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วทำไมคนไทยไม่รู้เรื่องนี้

    ท่านบอกว่ามันมีเหตุมาจากพระนางวิคตอเรีย(และผู้ร่วมขบวนการ)ในสมัยที่ได้อินเดียเป็นอาณานิคม พยายามเผยเเพร่ศาสนาคริสต์เข้าไปในดินแดนนี้แต่ก็ไม่สำเร็จสักที พยายามทำลายหรือล้มล้างเสียมากกว่านะตามความรู้สึก แต่ทำอะไรโจ่งแจ้งไม่ได้ เลยให้บาทหลวงนุ่งห่มเหมือนพราหมณ์ เดินเท้าเปล่าออกบิณฑบาตกลมกลืนไปเลย เดินจนเท้าแตกในที่สุดก็มีคนไม่น้อยหันมานับถือคริสต์ สรุปคือจะล้มล้างทุกศาสนาล่ะ

    ต่อมานางก็เห็นว่าประเทศไทยที่อยู่ในชมพูทวีปนั้นพุทธศาสนาเจริญมาก ผมว่าแซงคริสต์ไปโขล่ะความศรัทธาของชาวพุทธนี่ (ขนาดปัจจุบันคริสต์ยังเข้ามากินพื้นที่ได้นิดเดียวเอง) สมัยนั้นทุกคนรู้ว่านี่คือแดนพุทธภูมิ แต่นางใช้อำนาจมาบังคับ ร.4 ให้ประกาศยอมรับว่าอินเดียเป็นแดนพุทธภูมิ ท่านจำต้องยอมเพราะถูกบีบ คนไทยร้องให้เจ็ดวันเจ็ดคืนเพราะเสียใจกับเรื่องนี้

    นางได้สร้างหลักฐานเท็จมากมายเพื่อโปรโมทดินแดนอาณานิคมของตนคืออินเดียให้เป็นพุทธภูมิแทน ผมเข้าใจว่า นางคงตั้งชื่อเมืองต่างๆตามชมพูทวีปโดยคงเทียบลักษณะทางภูมิศาสตร์ให้ใกล้เคียงกัน เรียกว่าสวมรอย และคงบังคับให้ไทยเปลี่ยนชื่อสถานที่ทั้งหมดเพื่อกันคนรุ่นต่อๆมาสงสัยด้วย

    เช่น เสาพระเจ้าอโศกนี่น่าจะเข้าใจผิด แล้วไปก็ติ๊ต่างว่าขุดพบหลักฐาน คนก็เฮโลกันไปเที่ยวแสวงบุญอินเดีย เขาทำค่อนข้างเนียนจริงๆ ยิ่งเราชอบคิดว่าฝรั่งมันแน่มันเจ๋งกว่าเราอยู่ด้วย ยิ่งเข้าทางเขาไปใหญ่...ตั้งอินเดียเป็นดินแดนแห่งอู่อารยธรรมของโลก แต่ที่จริงไทยนี่ล่ะอู่อารยธรรม เพราะมีพุทธศาสนาที่ไหน เจริญเลิศวิไลที่นั่น ...ลองคิดดูสิ อินเดียตอนนี้ไม่เหลือคราบพุทธศาสนาเลย ทำไมกัน แถมมีความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นสูงมาก กดขี่กันมาก บ้านเมืองสกปรกล้าหลังมาก จะเจริญก็เป็นหย่อมๆ นี่หรือแดนพุทธ..ว่ากันเรื่องเจริญนี่คือเจริญทางใจทางธรรมนะ ไม่ใช่วัตถุ

    ท่านบอกว่า อีก 20 ปีจะมีคนมาทำหน้าที่เปิดเผยเรื่องนี้พร้อมขุดค้นพบหลักฐาน ท่านบอกว่าตอนนี้คนที่รู้มีมากมาย แต่ไม่ใช่กิจของท่าน กล่าวคือ กิจนี้มีผู้รับผิดชอบทำแน่ ต้องรอเขามาทำ ไปก้าวก่ายกิจของกันไม่ได้ อีกอย่างถ้ารู้แล้วไปบอกใครเขา แล้วเขาไม่เชื่อ เท่ากับปรามาสพระพุทธเจ้าผิดไปจากเรื่องที่เป็นจริง เรียกว่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว อย่างนี้คนไม่เชื่อแถมยังลบหลู่อีก มีหวังนรกขุมอเวจีแน่ ผู้รู้จึงไม่พูดออกไป เพราะกลัวคนลงนรกกันเสียเปล่าๆ

    ถ้าใครรอบรู้หน่อยจะทราบดีว่ามีพุทธพยากรณ์ว่าดินแดนสุวรรณภูมิ(ตรงประเทศไทย)จะเป็นที่ตั้งของพุทธศาสนาไปจนครบ 5000 พันปี พอจะหายสงสัยกันหรือยังว่าทำไมต้องที่นี่

    เมื่อได้ฟังก็เริ่มหาหลักฐานตามแหล่งข้อมูลมาประกอบ ก็ได้มาแบบนี้ ลองอ่านดู วิชาการแบบไม่งมงายไร้หลักฐานด้วยสิเอ้อ

    http://www.life-alonguniversity.com/buddhabirthplace/ ที่นี่มีแทบครบทุกข้อสงสัย และอย่าลืมดาวโหลดเอกสารในหน้าเวปมาอ่านนะ มันไม่ได้อยู่บนหน้าเวปทั้งหมด ต้องโหลดอ่าน (ถ้าหาไม่เจอก็ไปโหลดตามนี้ พออ่านได้สรุปๆ http://www.2shared.com/document/Wxag-fLF/buddhasumfinal.html )



    จงคิดไว้เลยว่าเราเกิดในแดนพุทธภูมินี่โชคดีมากแล้ว พุทธเจ้าก็คนไทยนี่เอง สำเหนียกรู้อย่างนี้อย่าใกล้เกลือกินด่างนะจ๊ะ





    ----------------
    "ยอมอับอายครั้งเดียวเพราะเอ่ยปากถาม
    ดีกว่าทนอับอายทั้งชีวิตเพราะปิดปากเงียบ"

    นี่ล่ะคือธรรมชาติและรสชาติแห่งการพัฒนาตนเอง


    ทางสายธาตุอยู่ในระหว่างอ่านเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆค่ะ ฟังข้อมูลหลายๆด้าน สำหรับเรื่องนี้ขอเป็นผู้อ่านและผู้ฟังเพราะไม่มีความรู้เลยค่ะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,814
    ค่าพลัง:
    +6,434
    อ้างอิงข้อมูลจาก ��дҹ���� : w w w . z t a r o t . n e t
     
  4. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    คนเราไม่ว่าจะเกิดมาจากไหนมีเชื้อชาติอะไรก็ดี

    ย่อมมีทั้งคนดีและเลวปน

    กัน

    ที่ไหนโลกในก็เปนเหมือนกันหมด
     
  5. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    การหาหนทางดับทุกข์สำคัญกว่าครับ
     
  6. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    ถ้ามองในสายตานักโบราณคดีแล้วนั้น

    ยังไง ก็ต้องถือว่า
    เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม

    ได้สร้างประโยชน์ ให้กับ มนุษยชาติ

    แม้จะเปน ประโยชน์ ทางโลก

    แต่ก็ยังดีกว่า

    นำเวลาไปสร้างบาปกรรม




     
  7. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    ขอคิดแบบเปนกลางนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  8. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    โบราณคดี

    ไม่เปนพิษภัยกับใครๆ

    แต่

    ถ้าไม่ทำด้วยความเคารพ

    ก็จะต้องรับผลกรรม

    คิดแบบแยกส่วน
     
  9. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    907
    ค่าพลัง:
    +3,602
    1) พระธาตุศรีสองรัก จ.เลย คือ ประสูติ
    2) พระแท่นมนังศิลาอาสน์ จ.อุตรดิต คือ ตรัสรู้
    3) พระพุทธบาท(คู่)น้อย และ พระธาตุทุ่งยั้ง จ.สระบุรี คือ ปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคี
    4) พระแท่นดงรัง จ.กาญจนบุรี คือ ปรินิพพาน
    ความเห็นส่วนตัวนะครับ
    ไม่ค่อยมั่นใจกับสถานที่ตรัสรู้ กับ พระแท่นศิลาอาสน์ มากนัก เกี่ยวกับ แม่นําเนรัญชรา กับ แม่นําน่าน

    ในส่วนของพระแท่นดงรัง เวลาไปที่นี่ทุกครั้งรู้สึกถึงความเศร้าตลอด ตั้งแต่เด็กละครับ
     
  10. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2010
  11. มีบ้านแต่ไร้กุญแจ

    มีบ้านแต่ไร้กุญแจ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +59
    แล้วสถานที่ ปรินิพพาน คือที่ไหนครับ ??
     
  12. hearsay

    hearsay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +186
    ไม่ลองใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ทดสอบดูล่ะครับว่าพระแท่นต่างๆอายุเท่าไหร่ เรื่องแบบนี้น่าจะพิสูจน์ได้ไม่ยากนะครับ
     
  13. SNIPPERปราบมาร

    SNIPPERปราบมาร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +14
    ผมต้องขอกราบแทบเท้าท่านทั้งหลาย
    ที่ไม่ชอบใจต่อความเห็นของผมนะครับ
    ผมได้สำนึกผิดแล้ว หุหุหุ:'(
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  14. hearsay

    hearsay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +186
    ตำราถูกบิดเบือน ถ้าพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ เพราะว่าความจริงตำราเล่มไหนถูกบิดเบือนก็ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้

    ทุกคนมีสิทธิที่จะถามเพื่อให้สิ้นความสงสัยได้นี่นา เพราะว่าหากทุกคนสิ้นความกังขาเสียแล้ว ต่อไปก็ไม่มีใครมาแย้งท่านอีกและก็เท่ากับว่าเขาเหล่านั้นยอมรับ ไม่งั้นหากไม่ให้ถามเสียเลย ใครต่อใครมาพูดอะไรต่อมิอะไรเราก็ต้องเชื่อหมดหรือครับ ข้อนี้ผมหมายถึงคนที่สงสัยจริงๆนะครับ

    เพียงแต่ทองแท้ต้องไม่กลัวไฟครับ จากเหตุผลที่เขาให้มาผมอยากจะบอกว่าก็คนมันสงสัยก็เลยต้องถาม ไม่ใช่แกล้ง

    เข้ามาอ่านเฉยไม่เห็นด้วยก็ปล่อยวางไป ไม่เห็นจะต้องไปแสดงความเห็นที่ขัดแย้งกัน เสียบรรยากาศที่ดีหมด

    เรื่องปล่อยวางเนี่ย ต้องเข้าใจก่อนว่าต้องเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถทำอะไรหรือแก้ไขได้ แต่เรื่องแบบนี้ผมว่าหากคนที่ไม่เห็นด้วยหรือเขามีข้อมูลที่เขาเชื่ออยู่ในมือก็ต้องยอมให้เขาเข้ามาซักถามนะครับ

    เพราะนี่คือบอร์ดสาธารณะครับ เมื่อท่านเอามาโพสต์ในนี้ได้ คนอื่นเขาก็มีสิทธิโต้แย้งได้

    เหมือนกับสังคมไทยทุกวันนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ผลก็คือชาติไทย เราจึงได้เสื่อมถอยลงทุกวันครับ

    ก็เพราะบางคนเขาเห็นสังคมเป็นแบบนี้ไงครับ เขาจึงไม่อยากเชื่อเรื่องนี้ เราก็ต้องนำเสนอข้อมูลให้เขาทราบ แต่ต้องทำใจครับเรื่องความเชื่อมันเปลี่ยนแปลงกันยาก

    ผมเชื่อว่าการจะเปลี่ยนแปลงความเชื่อเดิมได้ ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นก่อนว่าความเชื่อใหม่ดีกว่าอย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2010
  15. ปลาแมว

    ปลาแมว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +797
    ไม่เข้าใจว่า ถ้าคนเห็นต่างเค้านำเสนอข้อมูลด้วยเหตุและผล มันเป็นการทำลายล้างพระศาสนาตรงไหนครับ?? หรือว่าจะต้องคิดแบบเดียวกันกับคุณถึงจะถือว่าถูกต้อง?? ถ้าคุณคิดว่าคุณถูกคนเดียวและคนเห็นต่างผิดหมดไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือหลักฐานอะไรมายัน ผมว่าคุณกำลังเข้าใจอะไรผิดนะครับ คนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการเสนอความคิดเห็นได้ สิ่งที่คุณคิดไม่ผิด สิ่งที่คนอื่นเห็นต่างก็ไม่ผิด

    คุณเอาแต่บอกว่า คนคิดต่างคือคนเลว มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ทำลายพระศาสนา ฯลฯ ผมว่าคนแบบคุณนี่แหละ คนที่ไม่รับฟังความเห็นคนอื่นนี่แหละ ที่จะทำลายพระศาสนา ทำให้ประเทศเสื่อมถอยลง เราอยู่กันบนโลกความจริงนะครับ ไม่ใช่เพ้อฝัน ถูกว่าไปตามถูก ผิดว่าไปตามผิด และไม่จำเป็นต้องมาขอขมาคนอื่นก่อนด่าหรอกครับ มันไม่ทำให้คุณดูดีขึ้นเลยครับ
     
  16. มีบ้านแต่ไร้กุญแจ

    มีบ้านแต่ไร้กุญแจ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +59
    ผมว่า เจตนาของเขาคือ "ถ้าไม่เห็นด้วย ก็นำหลักฐานมาแสดง ไม่ใช่ปฏิเสธอย่างไร้เหตุผล" คนเราทะเลาะกัน เพราะเข้าใจผิดกัน ก็มีมาก อย่าคิดมากกันเลยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...