ได้ข้อมูลมาว่าศาสนาพุทธมีพระเจ้า

เย้ๆๆๆ..ดีใจจังแมวน้ำมาบอร์ดนี้ แล้วเจอคุณ nine บ้างป่ะแมวน้ำ กะลังตามหานายสองคนอยู่น่ะ เห็นหายไปนาน นึกว่าพวกนายไม่มาแล้ว นายฉิมอีกคนหายไปเลยแฮะ

 

น่าอ่านดีครับ แต่เอาเวลามาพัฒนาจิตใจตนเองให้ดีก่อนดีกว่า ค่อยว่ากันในเรื่องภายนอก กายในกาย จิตในจิต

 

ไม่ทราบว่าความหมายในคำว่า "พระเจ้า" ในที่นี้หมายถึงอะไร

ถ้าจะบอกว่าเป็นผู้มีฤทธิ์เหมือนศาดาในศาสนาอื่นๆ รับรองว่าในพระพุทธศาสนาและในประเทศไทยนี้ มีหลายองค์ ปัจจุบันก็ยังมีด้วย

แต่ถ้าบอกว่าพระเจ้าเป็นผู้บันดาลทุกสิ่งให้เป็นไปในโลก อย่างงี้คงไม่มีหรอกครับ เพราะเป็นกฏธรรมชาติ อาจินไตย เหมือนมาถามว่าทำไมพระอาทิตย์ต้องขึ้นทางทิศตะวันออก นั่นแหละ........เอวัง

 

นั่นดิไม่เจอเลยเหมือนกันอ่ะ แต่ที่น่าเสียดายที่สุด น้องนิสา... โอ... ไปแล้วไปลับไม่กลับมาเลย... น้องเค้าจะรู้มั้ยนะว่ามีใครคอยคิดถึงอยู่ โฮ โฮ โฮ...
(b-cry)

 

เรื่องราวในไตรปิฏกมีมากมาย ท่านคนเก่า ได้ไปค้นมาไม่ผิดดอก
แสดงว่าท่านเป็นผุ้อ่านมากรู้มาก สัพพัญญู ผุ้หนึ่ง


ท่านไม่ยึดติดในศาสนา ประเสริญยิ่ง
ท่านไม่ยึดติดในสมมุติบัญญัติ เห็นวิมุติในสมมุติบัญญัติได้ ประเสริญยิ่ง


หากมีบุญเราอาจได้พบเจอสนทนาเป็นสหายธรรมกับท่าน

สาธุ......................................................................

 

คงต้องหาข้อสรุปอีกที ว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่

และถ้ามี หรือ ไม่มีอย่างไร

ต้องหาข้อสรุปอีกที ว่า ศาสนาพุทธมีพระเจ้าหรือไม่

ผมเชื่อว่า ศาสนาพุทธ คือศาสนาแห่งความจริง ศาสนาแห่งเหตุผล ที่สมบูรณ์ลงตัวแล้ว

ความจริงของศาสนา คือ ความจริงของสรรพสิ่งด้วย หากพุทธว่ามี นั่นย่อมมี

แต่ก็ยังกังวลว่า ความจริง จริง ๆ ของพุทธนั้น จะยังมีผู้ใดทราบ และทำมาเผยให้ผู้อื่นในกระทู้ไหมนะ

ปล. ตอบนอกเรื่องไปนิดนะครับ

 

ว่ากันเรื่องแนวคิดของพระเจ้าก่อน ผมจะไม่ลงรายละเอียดมากนัก แต่เอาเป็นว่าก่อนมีคริสต์ศาสนา และก่อนบัญญัติสิบประการของโมเสท ชาวยิวก็ยึดมั่นในพระเจ้าอยู่แล้ว พระเจ้าของชาวยิวนั้นไม่มีตัวตน มีแต่คุณธรรม จะว่าไปแล้วก็คล้ายๆ ที่เรานับถือ คือ ไม่ได้ยึดศาสดาที่ตัวพระองค์แต่ที่ธรรม จนเวลาผ่านไปแนวคิดนี้ก็เปลี่ยนไป ศาสนาที่คงยึดแต่คุณธรรมของพระเจ้าก็แยกออกมาเป็นศาสนายูดาห์ แล้วก็แตกแขนงไปเป็นคริสต์ ฯลฯ

ทีนี้เมื่อช่วงกรีก บูมๆ กรีกค่อนข้างเพี้ยน คือ มีการแต่งตั้งกันให้เป็นเทพเจ้า หรือใครเด่นใครดังก็ตายเป็นเทพเจ้าไป อันนี้คล้ายๆ ของจีน อย่างเช่นเทพกวนอูเป็นต้น พวกนี้ก็อาจถือได้ว่าเป็นพระเจ้าเหมือนกัน

ทีนี็ศาสนาพุทธมีพระเจ้ามั้ย ความเห็นของผมก็เหมือนกับที่คุณ มุ่งเต็มใจ ตอบแหละครับ

 

เราไม่สนใจในสิ่งที่นิ้วนั้นชี้ไป แต่เรากลับสนใจที่นิ้วนั้นมากกว่า...

เหมือนที่คุณหนุมานผู้นำสารบอกครับ เมื่อเวลามาถึง ความจริงจะปรากฏ

สัจจะที่แท้จริง จะถูกเปิดเผย... อีกไม่นานเกินรอ

 

ตอนที่ พระเยซูเทศน์บนภูเขาน่ะ ครับ กล่าว ว่า
ผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ผู้นั้นเป็นสุขเพราะเมืองสวรรค์เป็นของเขา
เมือง สวรรค์ คือเมือง ของพระเจ้า

แต่ ว่า ในศาสนา พุทธ กล่าวว่า
ทำดี ได้ ดี ทำชั่วได้ ชั่ว

ผมลองคิด ดู แล้ว คำว่า พระเจ้า ในศาสนา ต่างๆ นั้น ก็น่า จะเป็น คำเดียว กับ กรรม ในศาสนา พุทธ นี่ แหละครับ

 

ผมเห็นว่ามนุษย์ส่วนใหญ่มักจะคิดหาแต่"ตัวตน"มากเกินไปครับเลยสับสนกับ ความมี - ความเป็น ว่าคืออะไรแน่?

ส่วนใหญ่ก็จะมองหาว่ามีไหม "พระเจ้า" รูปธรรมเป็นอย่างไร?
แล้วก็จินตนาการออกมาจากความเคยชินจากการที่สัมผัสได้เท่านั้นครับ
สร้างให้ท่านมีตัวตนขึ้นมาเอง

แต่จริงๆแล้วคำคำนี้ ถ้ามองให้ว่างเปล่า ไร้ภาษา ไร้คำจำกัดความ ไร้รูปลักษณ์
ท่านก็คือ พลังงานอันวิเศษศักดิ์สิทธิ์ ต้นธารแห่งการกำเนิด อุธรธรรม พระองค์ธรรมชาติ ห้วงมหาจักรวาล ทุกๆสรรพสิ่ง ก็ล้วนมาจากตันกำเนิดเดียวกัน

ธรรมญาณจากฟากฟ้า อันเป็นที่มาของจิตวิญญาณ หรืออีกนัยหนึ่ง ธรรมญาณของคนเราเป็นภาคเล็กๆ ที่แยกตัวออกมาจากแหล่งรวมธรรมญาณ ดวงธรรมญาณ ก็เป็นบุตรที่ถือกำเนิดจาก ท้องฟ้ามหาจักรวาล นั่นเองครับ..

เราจะเรียกว่าสิ่งนี้คืออะไร? ก็เป็นเรื่องของภาษาต่างๆกัน ที่เรียกขานกันครับ แต่ความหมายก็คงประมาณนี้ครับ..

พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้กล่าวไว้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีครับ..
เพราะคือองค์แห่งธรรมชาตินี่ล่ะครับ เป็นความมี ที่เหมือนไม่มี...

 

พระเจ้า ท่านเป็นพ่อของเราทุกคน
เราเป็นดวงวิญญาณ (อาตมัน) ท่านเป็นดวงวิญญาณสูงสุด (ปรมาตมัน= บรม+อาตมัน)
ทั้งเราและท่านต่างเป็นอมตะ มีธรรมชาติดั้งเดิมที่เหมือนกัน
คือ ความบริสุทธิ์ ความสงบ ความสุข ความรัก พลังอำนาจ ฯลฯ
แต่แตกต่างกันตรงที่ว่า เมื่อดวงวิญญาณลงมาเกิดในร่างกาย
แสดงบทบาทต่างๆ ของตนเอง เริ่มหลงลืมตนเอง ว่าเขาเป็นใคร
ก็เริ่มสูญเสียธรรมชาติดั้งเดิมนั้น และถูกแทนที่ด้วยกิเลส...
แต่ ดวงวิญญาณสูงสุด ท่านไม่ต้องลงมาเกิดในร่างกาย ท่านไม่มีร่างกายของท่านเอง
ท่านจึงคงอยู่เป็นมหาสมุทรแห่งความสงบ ความสุข ความรัก ความรู้ ฯลฯ

เราเคยอยู่กับท่านในบ้านดั้งเดิมของเรา ที่มีชื่อเรียกมากมาย เช่น ดินแดนนิพพาน โลกวิญญาณ ฯลฯ
เราลงมาเล่นบทบาทของเราบนโลกใบนี้ และเมื่อถึงเวลาหนึ่ง เราก็จะต้องกลับบ้านที่เราจากมา
เหมือนกับที่บอกว่า ทุกคนต้องนิพพาน
และเหมือนความเชื่อที่ว่า เราจะกลับไปอยู่กับพระเจ้า

เวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่เป็นสิริมงคลที่สุด
ดวงวิญญาณสูงสุด พ่อของเราทุกคน ได้มาบนโลกใบนี้
แนะนำตัวท่านเอง บอกเล่าเรื่องราวของผู้สร้าง และตอนต้น ตอนกลาง ตอนจบของสิ่งสร้าง
และท่านมาเพื่อพาเรากลับบ้าน
เราได้ลงมาจากบ้านของเรา เล่นบทบาทของเราจนเหนื่อยล้า
จนเราแม้กระัทั่งหลงลืมตนเอง ว่าเราคือใคร พ่อของเราคือใคร บ้านของเราอยู่ที่ไหน
ท่านเพียงแต่มาเตือนเราอีกครั้ง และท่านก็จะพาเรากลับบ้านของเรา

ทุกคนควรจะรู้ว่าพ่อของเราได้มาแล้ว และอีกไม่นานเกินรอ
ท่านจะถูกเปิดเผย ทุกคนจะรู้ว่าพ่อของเราได้มาแล้ว และเราจะต้องกลับบ้านไปกลับท่าน...

 

เท่าที่ผมรู้มานะครับ
มีพุทธศาสนิกชนถามพระองค์ว่าในโลกนี้มีสวรรค์ไหม ถ้าไม่มีสวรรค์เราจะทำความดีไปทำไม
พระองค์ไม่ทรงตอบโดยตรงแต่พระองค์ได้ตรัสว่า"ถ้ามีเราก็ควรที่จะทำความดีจะได้ไปถึงภพภูมิของสวรรค์ แต่ถ้าไม่มีเราก็ควรจะกระทำความดี เพราะความดีในจิตใจเรานั้นจะทำให้เรามีความสุขในภพนี้"
อาจจะถูกบ้างไม่ถูกบ้างนะครับ แต่เท่าที่ทราบมาก็ประมาณนี้ครับ
ผมจึงมีความคิดเห็นว่าเราน่าจะทำความดีกันดีกว่านะครับ

ทราบไปไม่ทำให้เรามีความสุขขึ้นหรอกครับ (ในความคิดของผมนะครับ)

 

เราลองคิดกัน
ความจริง...มีหนึ่งเดียว
แต่ที่พวกเราแต่ละคน รับรู้ รับฟัง นั้น
ไม่ได้มาจากที่ที่เดียวกัน
ความแตกต่างจึงมีมาก
คล้ายคล้ายเรื่อง ตาบอดคลำช้าง
เมื่อเราไม่ได้เห็น ไม่ได้สัมผัสทั้งตัว
ก็เข้าใจไปคนละอย่าง

พระพุทธองค์ ทรงคิดพิจารณาอยู่นานแล้ว
ว่าเรื่องพระเจ้า นั้น จะรู้ หรือ ไม่รู้
ไม่ใช้ประเด็นสำคัญที่จะทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์
จึงมุ่งสอนในเรื่องของ การกระทำ
การตั้งใจ การทำให้ได้จริง ในแต่ละวัน
การปฏิบัติให้เป็นประจำวัน
เพื่อให้สอดคล้องกับ หลักสัจจะธรรม
ที่ว่า ผลของการกระทำไม่สูญสลาย และมีผลตอบแทน

ดังนั้น ผู้ที่ไม่รู้เรื่องพระเจ้าเลยสักนิดเดียว
แต่เป็นผู้มี สัจจะ เป็นคนที่ตั้งใจลดนิสัยพฤติกรรมไม่ดีของตนเอง
และเมื่อทำได้จริงทุกวันๆ ก็จะขจัดขัดเกลานิสัยตนเองให้หมดไปได้
คนผู้นี้ก็จะสามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ จากการเกิดใหม่ได้ในที่สุด

สำคัญที่การกระทำ ว่าทำได้จริงหรือไม่ !!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

คุณพรเทพคงได้ศึกษามากมากเช่นกัน โมทนาด้วยครับ

ผมขี้เกียจค้นหลักฐานในพระไตรปิฎกและ The Old Testament มาแสดง หากท่านใดพอมีเวลาเมตตาสงเคราะห์ได้ จะกรุณาด้วยก็จะเป็นประโยชน์มาก และจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าเป็นความรู้สามัญที่ผู้สนใจศึกษาพึงรู้ได้เองตามหลักฐานของแต่ละศาสนาเอง หาใช่เป็นการกุเรื่อง หรือสำแดงสำนวนโวหารเอาชนะ ทับถมกันด้วยทิฏฐิมานะ

ยิ่งกว่านั้นยังมี gospel อีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ถูกรวมใน The New Testament หรือ Bible ฉบับที่นิยมแพร่หลายในหมู่ชาวคริสปัจจุบัน บาง gospel ถึงกับถูกเก็บเงียบไว้โดยไม่มีคำอธิบายเพราะมีข้อความที่วาติกันเกรงว่าจะสั่นคลอนความเชื่อของคริสศาสนิกชนทั่วไป ใครรู้เห็นก็ช่วยๆกันบอกเล่าหลักฐานให้คนที่สนใจได้ศึกษาอย่างถ่องแท้เถิด

 

พรหม ครับหากจะกล่าว แต่ไม่ใช่สาระสำคัญลองหาอ่านเรื่องพระพุทธเจ้าปราบมิจฉาทิฏฐิพรหม นามว่าผกาพรหม ขณะนั้นผกาพรหมกล่าวอ้างว่าใหญ่ที่สุดในจักรวาลทุกสิ่งพรหมล้วนเป็นผู้เนรมิต พุทธองค์มิทรงแย้ง แต่กลับใช้วิธีทดสอบระหว่างพระองค์และผกาพรหม สุดท้ายผกาพรหมแพ้ ก็ได้นับถือพุทธศาสนาสืบมา(รายละเอียดหาอ่านเพิ่มเติมนะคับ) จนกลายเป็นหนึ่งในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังปรากฏเป็นหนึ่งในบทสวดพาหุง ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะสุทัฏฐะหัตถังพรัมมังวิสุทธิชุติมิทธิผกาภิธานังญาณษคถเทนะวิธินาชิตะวามุนินโทฯ......

 

อ้อ นิดนึงใครทราบฝากถามคุณหนุมานหน่อย สายโลกุตตระที่เขาปฏิบัติอยู่คือสายหลวงอาเสวก ถ้ำภูตอง ที่ลพบุรีหรือเปล่า หรือฝึกมาทางสาขาวัดภูตองอีกที เห็นท่านสนในกับภัยพิบัติโลกและมักอ้างโลกุตตระธรรมบ่อยมาก
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ปฏิบัติแนวทางนี้แต่ไม่ปรากฏว่าธรรมสายนี้จะเน้นเรื่องทายภัยพิบัติ เน้นการถวายสัจจะและปฏิบัติ ส่วนเรื่องแปลกๆอื่นก็เป็นปัจจัตตังของแต่ละบุคคลเกิดเสมอกับผู้ปฏิบัติที่นี่(ไม่ขอกล่าว) เลยไม่แน่ใจในที่มาจึงสอบถามมา เพราะไม่อยากให้คนเข้าใจในโลกุตตระธรรมผิด

 

การปฏิบัติสัจจะ ในพุทธศาสนามีลักษณะเดียวกัน เพราะปฏิบัติตามคำสอนสมัยพุทธกาล คือ คำสอนจากพระไตรปิฎก (โลกุตตระ) ส่วนเรื่องภัยพิบัติข้าพระพุทธเจ้าไม่ใช่พระ และไม่ได้มีความประสงค์ที่จะทาย แต่นำสิ่งที่รับรู้มาจากโลกุตตระมาเตือนให้ทุกท่านใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท และพบหนทางใช้ชีวิตที่จะนำทางให้พ้นทุกข์ พบกับวิธีการสร้างการกระทำใหม่ เพื่อเป็นที่พึ่งของตนเองได้จริง ข้าพระพุทธเจ้าพอเข้าใจในหลักสัจจะรรม จึงไม่ตั้งใจสร้างการกระทำที่จะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เพราะทำไปก็จะมีแต่ผลร้ายตอบแทนตนเองในอนาคต...คำบางคำ แต่เข้าใจแตกต่างกัน ก็เป็นไปได้....ในที่สุด เมื่อมีครูคนเดียวกัน ความเข้าใจจึงตรงกันทั้งโลก - " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

พระคริสตศาสนา พระศาสนาอิสลาม นี่เกิดหลังพระพุทธศาสนายุคพระสมณโคดมนะครับ พนะศาสนายิว หรือ ยูดาย หรือ ฑระศาสนาพระเจ้าโซโลมอนก็ถ้าจำไม่ผิดก็เกิดหลังพระพุทธศาสนายุคพระสมณโคดมอีกนะครับ ผมเลยแย้งไงครับ

 

ศาสนาพุทธกล่าวถึงพระเจ้าและอธิบายไว้อย่างละเอียดด้วยครับ

มีชื่อว่าพกาพรหม ด้วยท่านไปบังเกิดในพรหมโลกหลายชาติมากเป็นเวลานานมาก จนสัญญาเลือน กระทั่งชาติปัจจุบันท่านมาเกิดในภพมหาพรหมเป็นองค์แรก แล้วท่านก็นึกคิดว่าน่าจะมีผู้อื่นบ้าง ต่อมาก็มีพรหมอื่นมาบังเกิดตามวาระ ท่านก็นึกว่าเป็นเพราะท่านบันดาล พรหมเล็กพรหมน้อยถูกมารยุส่ง กราบไหว้บูชากันใหญ่ หนักเข้ากลายเป็นมิจฉาทิฐิ เข้าใจตนว่าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง เป็นผู้พึงเคารพบูชาโดยสรรพสัตว์ทั้งปวง

และด้วยเมตตาพรหมวิหาร เวลามาสงเคราะห์มนุษย์ ก็มาบอกมนุษย์ให้เชื่อตาม เช่น บอกกับอิบราฮิม และโมเสสว่าตนคือพระเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่ง ทั้งสองท่านนำมาบอกสอนชาวฮิบรูคนอื่นจนกลายเป็นศาสดาใหญ่ประจำยุคสมัย ส่งทอดความเชื่อมาเป็น 3 ศาสนาใหญ่ของโลก คือ จูดาย(ยิว) คริส และอิสลามที่ล้วนนับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน ซึ่งก็คือ ท้าวพกาพรหมนั่นเอง

ครั้นถึงพุทธกาล พระพุทธองค์เมตตาขึ้นไปปราบ ทรมานจนละซึ่งมิจฉาทิฐิ ปัจจุบันท่านเป็นพรหมสัมมาทิฐิแล้ว คอยดูแลรักษาพระพุทธศาสนาด้วย ใครเก่งช่วยเมตตาบอกให้ลูกศิษย์ที่เชื่อตามทิฐิเดิมของท่านให้รู้ความจริงด้วยซิครับ ว่าเดี๋ยวนี้พระเจ้าของเขาเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ต้องสักการะผ่านลูกศิษย์ก็ได้ กราบพระพุทธเจ้าโดยตรงได้เลย

พระคริสตศาสนา พระศาสนาอิสลาม เกิดหลัง พระพุทธศาสนายุคพระสมณโคดมนะครับ พระศานายิว หรือ ยูดาย ถ้าจำไม่ผิด ก็เกิดหลังพระพุทธศาสนายุคพระสมณโคดมนะครับ ผมเลยแย้งครับ
<!-- / message -->

 

ถ้าพระเจ้ามีจริง ก็เป็นสากลครับ ไม่ได้เป็นของศาสนาไหน เพียงแต่เรียกต่างกันไปในแต่ละศาสนา