เริ่มจากปี พ.ศ. ๒๕๔๙ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๒

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 8 พฤศจิกายน 2010.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192

    เริ่มจากปี พ.ศ. ๒๕๔๙ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๒

    บทกลอนฝากเตือน จากหลวงปู่เทพโลกอุดรแจ้งไว้แก่หลวงปู่ภารตะฤาษี(บัวขาว)



    [​IMG]

    ขอยกกลอน สอนใจ ในยามยาก ช่วงลำบาก ไว้เป็น อุทาหรณ์
    โลกทั้งโลก กำลัง จะสั่นคลอน เพื่อสะท้อน ผลกรรม คนทำมา
    จากวันนี้ ต่อไป ภายภาคหน้า ในไม่ช้า วิบากกรรม วิ่งเข้าหา
    ให้โหยหวน คร่ำครวญ แสนเวทนา คนทั่วหล้า ต่างล้มหาย ตายเป็นเบือ

    หากไม่เชื่อ ให้เผ้าดู จะรู้สึก ต้องสะอึก เมือ่ไม่มี สิ่งใดเหลือ
    ทุกวันนี้ มีใช้ อย่างเหลือเพือ จะไม่เหลือ ให้ใช้ ในบัดดล
    คนหลายคน วกวน เพื่อเสพสุข ไม่เคยทุกข์ ร้อนใจ ให้ขัดสน
    เฝ้าเอาเปรียบ เบียดเบียน หมู่ผู้คน ไม่เคยสน เวรกรรม มันมีจริง

    ไม่ว่าใคร ใดใด ในโลกนี้ ชั่วหรือดี ทุกเยาว์วัย ชายหรือหญิง
    สัจธรรม เท่านั้น คือความจริง ทุกสรรพสิ่ง หนีไม่พ้น ผลของกรรม
    คนคิดดี ทำดี ย่อมมีสุข พ้นกองทุกข์ ชีวี ไม่แปรผัน
    พาพ้นทุกข์ สิ้นวิบัติ ในฉับพลัน บุญเท่านั้น ที่หนุนนำ คนทำดี

    ผิดกับคน ที่ทำผิด และทำพลาด ต้องถึงฆาต บาปกรรม ซ้ำเป็นผี
    ครั้งอยู่ดี มีสุข ไม่ใฝ่ดี พอจะม้วย ชีวี แล้วใฝ่บุญ
    กุศลหนุน บุญใด ไหนจะช่วย มีแต่ซวย เท่านั้น ที่เกื้อหนุน
    เกิดเป็นคน ไม่เคยคิด ตอบแทนคุณ จะเอาบุญ ที่ไหน มานำพา

    อีกไม่นาน ก็ถึง กึ่งพุทธะ เป็นจังหวะ รอยต่อ ศาสนา
    สิ่งทุกสิ่ง ย้อนกลับ สู่เวลา ทรัพย์ไร้ค่า คนยึดจิต อภิญญา
    ถิ่นกาขาว ยาวนาน จะผันผ่าน พระศรีอารย์ อริยะเมตไตร เข้ามาหา
    ศรีวิไล ใฝ่ธรรม ทุกเวลา เทวดา ปกป้อง ตลอดกาล

    อยากอยู่ดี มีสุข ถึงยุคนั้น ต้องช่วยกัน สร้างกรรมดี ไว้สืบสาน
    ภัยวิบัติ โลกสลาย อีกไม่นาน สิ้นคนพาล เหลือคนดี ไม่กี่คน
    คำยืนยัน ปู่ฤาษี ภารตะ ให้สละ อย่ายึดมั่น อย่าสับสน
    ให้รู้ไว้ ภัยจะถึง ทุกตัวตน ให้ทุกคน หลบลี้ หนีออกมา

    การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จะบังเกิด จำไว้เถิด จะสิ้นยุค กลุ่มเศรษฐี
    ที่คดโกง ฉกฉวย จนได้ดี จะสิ้นที หมดท่า พาตรอมตรม
    บาปและกรรม ตามซ้ำ ไม่ย่อหย่อน กินหรือนอน เดินนั่ง ช่างขื่นขม
    ถึงรวยทรัพย์ เคยยิ่งใหญ่ ยิ่งระทม ก็จะล้ม จมดิ้น สิ้นกันไป

    จากสี่เก้า เข้าถึง ปีหกสอง ฟ้าจะร้อง คำราม สุดหวั่นไหว
    ธรณี จะโกรธ เป็นพื้นไฟ พระพรายไซร์ จะถามโถม โจมดีเรา
    พระคงคา จะไหลบ่า หุ้มเปลือกโลก ดาวนอกโลก พุ่งชน คนอับเฉา
    ให้รีบลุก และตื่น เถิดพวกเรา รีบเดินหน้า ถึงธรรม ค้ำชีวา

    ภาคกลางหนึ่ง ใต้หนึ่ง พีงจำไว้ จมอยู่ใต้ คงคา แน่นักหนา
    ผืนแผ่นดิน คลุมด้วยน้ำ สุดลูกตา ชาวประชา ไร้แผ่นดิน สิ้นชีพวาย
    เหนืออีสาน ตอนล่าง ต่างรันทด แผ่นดินลด หดหู่ ไม่รู้หาย
    เหลือก็น้อย คนบุญ ที่รอดตาย นอกนั้นไซร์ ไร้ชีวิต วิบัติภัย

    บนท้องฟ้า มืดมน ฝนห่าใหญ่ ห่อหุ้มไว้ เจ็ดราตรี อรุณฉาย
    สัตว์เล็กใหญ่ ดับดิ้น แทบวอดวาย ที่ไม่ตาย กลายมีพิษ ปลิดชีพกัน
    พายุลม สลาตัน นับว่าร้าย ก็ไม่ว่าย ต้องแพ้ ลมกรรมหันต์
    ฝนที่ไหน พัดที่ใด ตายฉับพลัน ไม่มีควัน มีแต่พิษ ชีวิตวอดวาย

    พลังจากนั้น คนที่เหลือ จะแปรเปลี่ยน บำเพ็ญเพียร ภาวนา ไม่ขาดสาย
    ทุกข์และโศก โลกมนุษย์ จะผ่อนคลาย ศรีอริยะเมตไตร จะบรรเจิด เกิดขึ้นพลัน
    สร้างมนุษย์ สร้างโลก ให้ผุดผ่อง ตามครรลอง ศรีวิไล ให้เฉิดฉันท์
    สิ้นทุกข์โศก โรคภัย ไม่โรมรัน จิตเท่านั้น ที่วัดใจ ให้อยู่ยืน

    ทรัพย์เงินทอง ก่ายกอง เต็มไปหมด ช่างรันทด ไม่มีค่า เท่าผ้าผืน
    สิ่งที่หา และใฝ่ ทุกวันคืน ที่ยั่งยืน คือจิต ผ่องอำไพ
    อาศัยกรรม ทำดี ช่วยชูค้ำ ให้ได้นำ สู่ภิญญา น่าสดใส
    ทั้งอิ่มเอิบ อิ่มกาย อิ่มจิตใจ พระยาธรรม นั่นไซร์ คือกฏเกณฑ์

    หากไม่เชื่อ สิ่งที่กล่าว ชาวโลกเอย จำไว้เลย นี่คือแท้ แน่นักหนา
    เฝ้าติดตาม การเปลี่ยนแปลง ทุกเวลา จะรู้ว่า เริ่มตั้งเค้า เข้าสู่กาล
    หายุโหม น้ำท่วม แผ่นดินไหว โลกทั้งใบ ไม่แน่น ไร้แก่นสาร
    ธาตุดินน้ำ ลมไฟ ถูกรุกราน จากวิญญาน กาลอดีต กรีดทำลาย

    คนทั่วโลก จะพบ ภัยพิบัติ สารพัด ปัญหา ให้แก้ไข
    ทั้งเรื่องโลก เรื่องคน จนวุ่นวาย แก้อย่างไร ก็ไร้ค่า พาล้มครืน
    เป็นด้วยเหตุ อาเพศ โลกใบนี้ ถูกย่ำยี จากมนุษย์ สุดทนฝืน
    มุ่งทำลาย ล้างผลาญ ทุกค่ำคืน ไม่อาจฝืน ขืนปล่อยไว้ ใจโลกตรม

    มอบให้เหล่าท่านทั้งหลายได้พิจารณา เห็นอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ด้วยสติปัญญาของตนเอง จากหลวงปู่ ภารตะ ฤาษี (บัวขาว) ผู้ประพันธ์ คุณฐิติศักดิ์ ฐิติพงศ์ทัพพ์



    สาส์นสำคัญจากหลวงปู่เทพโลกอุดร

    มวลมนุษย์ ภัยพิบัติ น้ำจะท่วมโลก แผ่นดินจะไหว มนุษย์ที่ดีถึงจะรอด หมู่ชนควรทำดี ให้มนุษย์มีการปฏิบัติ มวลชนทุกหมู่เหล่าต้องปฏิบัติ พระเจ้าผู้สร้างโลก มองเห็นมวลมนุษย์ กำลังจะทุกข์ยาก ล้มหายตายจาก เวลานั้นใกล้เข้ามา มนุษย์เท่านั้น ที่จะช่วยตัวเองได้ จงทำตัวเองให้ดี จงมีจิตที่ดี จึงจะรอดพ้น ไม่มีใครช่วยใครได้ แผ่นดินจะกลืนกิน มิรู้สิ้นชีวิตเท่าใด ผู้ที่จะรอดปลอดภัย ต้องอยู่ในศีลธรรม

    พึงรักษาชีวี อย่าคิดว่าตายแล้วดีกว่าอยู่ ต้องอดทน ผู้รอดจากภัยพิบัติ คือ ผู้ที่ต้องอยู่ต่อ เป็นผู้ที่ต้องช่วยกัน ปรับสภาพจากเหตุการณ์ ที่ผ่านพ้นแต่กว่าจะถึงตอนนั้น มนุษย์ก็แสนสาหัส ทุกข์ยากอดอยาก ยากไร้ปางตาย ไร้ความทรงจำก็มี เพราะขาด การเตรียม ด้วยความไม่รู้ มนุษย์ต้องพบ วิบากกรรมชีวิต ทุกชีวิตที่อาศัย อยู่บนโลกลำบาก มนุษย์เป็นผู้ทำทุกสิ่งด้วยมือ ของมนุษย์ทั้งสิ้น ไม่มี ไม่ใช่ ใครที่ไหนทำ เวลาใกล้เข้ามา ทุกขณะความตาย กำลังเข้ามาใกล้ตัว

    ก่อนถึงเวลา ก่อนถึงวันนั้น มนุษย์ผู้ซึ่งกระทำการทำลาย มนุษย์ด้วยกัน มันต้องพินาศเช่นกัน การกระทำของมันผู้นี้ ทำให้มนุษย์ จำนวนมากมายสิ้นชีวิต คล้ายใบไม้ร่วง มันหวังว่าจะได้เป็นใหญ่ ในแผ่นดินทั่วโลก แต่แล้วความหายนะ เข้ามาครองโลกแทน ความพินาศเต็มไปหมด ความหวังย่อยยับ ปฐพีเต็มไปด้วยเลือด ศพกลาดเกลื่อนเลือดทาแผ่นดิน ชีวิตสูญสิ้น สิ้นไร้ผู้คน มีแต่ความตาย ที่เห็นชัดความดับสูญครั้งใหญ่ ของมวลมนุษย์และสัตว์ในโลก

    ความตายเป็นผู้ชนะ ผู้แพ้คือผู้กระทำความชั่วร้าย ผู้ที่ตายทั้งหมดเป็นผู้โชคดีกระนั้นหรือ ผู้ที่รอดเป็นผู้โชคดีกระนั้นหรือ มิใช่ทุกอย่างคือ กฎแห่งกรรม วิถีแห่งกรรม มาจากที่ใด ทำไม มวลมนุษย์จึงต้องรับความดับสูญ เพราะชีวิตกับความตายเป็นสิ่งที่คู่กัน ไม่อาจหลีกเลี่ยง ไม่มีทางหนีพ้น โอกาสผู้ที่รอด หมายถึง ผู้อยู่ต่อ เพื่ออนาคตโลก ผู้ทำลายดับสิ้นสูญ โลกร้อนระอุ มีแต่ไฟ เถ้าถ่านท่วมท้นแผ่นดิน น้ำเป็นพิษ สารเคมีท่วมท้น เชื้อโรคสารพัดชนิด กัดกินผู้คน ผู้ที่รอดแสนสาหัส ทุกข์ยากรอความตาย

    ผู้มีบุญจะออกมาช่วย รักษาชีวิต ผู้คนมากมาย จะรอดชีวิตจากโรคร้าย การรักษา ไม่ต้องใช้ยา เป็นวิชา ไม่มีใครรู้จัก คนผู้นี้ รักษาผู้คน ไม่หวังสิ่งใด เพราะเป็นหน้าที่ก่อนเกิด การรักษา ไม่ต้องมาพบตัวผู้ป่วยอยู่แห่งใด รักษาได้ ไม่ต้องมา ถึงเวลาไม่ต้องค้นหา โรคจะหายเอง

    เศรษฐกิจตกต่ำ ต้องการผู้แก้ไข ทั่วโลกวุ่นวาย ขาดอาหาร น้ำตาเนืองนอง ศพลอยฟูฟ่อง เพราะน้ำหลากมา น้ำตาไหลริน ไม่มีใครได้กินอิ่ม

    มีแต่ความทุกข์ ความเศร้าโศกครอบคลุม คนทั่วโลกไม่ต่างกัน ทุกที่มีแต่ความเศร้า การสูญเสีย ของมวลมนุษย์ แต่ก็มีบางประเทศ ฟื้นตัวเร็ว การฟื้นตัวของบางประเทศรวดเร็ว เป็นประเทศเล็กๆ ประเทศที่เคยยิ่งใหญ่สูญเสียหนัก การพัฒนา เริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ช้า ทุกอย่างจึงกลับกัน ประเทศที่เคยเป็นมหาอำนาจ กลายเป็นผู้ยากไร้ แทบไม่น่าเชื่อ เคยมีเงินเหลือเฟือ ต้องฝืดเคือง ยิ่งกว่ากินเกลือ โลกไม่พ้นวิกฤต ความทุกข์ยังครองเมือง

    ผู้อ่อนแอจะไม่รอด อากาศหนาว หิมะถล่ม น้ำแข็งละลาย น้ำป่าหลาก ความทุกข์ยากทับถม คนตายเพราะความหนาวทุกข์ทับถมทวี กว่าจะรู้ ความดื้อรั้น ความเชื่อยาก ทำให้มนุษย์ ได้รับบทเรียน แต่ไม่เข้าใจ เพราะความตายมาเร็วเกินไป ไม่ทันรู้ตัว มนุษย์ไมทันได้คิด ไม่มีโอกาส เข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะไม่บรรลุธรรม ต้องมีชะตากรรม เวียนว่ายตายเกิด อยู่เช่นนี้ ทุกชีวี ผู้รู้เหตุการณ์ รอเวลามีน้อย ความไม่แน่นอน

    ความไม่มั่นใจ คิดว่าไม่เกิด จึงทำให้ การเตรียมตัวไม่พร้อม

    อาหารไม่พอ น้ำดื่มไม่มี หมอก็ป่วย คนไข้มากมาย โรคที่เป็นก็หายยาก พุพองทั่วร่างกาย โรคร้ายทั้งสิ้น เกาะกินร่างกายกัมมันตภาพรังสี สารเคมี เชื้อโรคมากมี ทำร้ายร่างกาย อาหารเป็นพิษ ยาปฏิชีวนะ ช่วยไม่ได้ โรคระบาด ทุกหย่อมหญ้า ชีวิตร่วงเหมือนผักปลา ไม่มีเวลา มีแต่ชีวิตที่สิ้นไป กว่าเถ้าจะมอด กว่าน้ำจะลด กว่าเชื้อโรคจะหมดสิ้น ชีวิตสิ้นไปไม่รู้เท่าไหร่ ความอดทนต้องสูงสุด ไม่มีเสียงนกร้อง มีแต่เสียงโอดครวญ ความเจ็บปวด ครองเมือง

    การครั้งนี้ กว่าจะสิ้นสุด ไม่มีใครล่วงรู้ ความไม่แน่นอน เที่ยงที่สุด ทุกชีวิต กว่าจะผ่านพ้น เหตุการณ์ สุดแสนลำบาก นอกจาก ผู้คนจำนวนหนึ่งหยั่งรู้ เตรียมรับสถานการณ์ ผู้คนเหล่านั้น มีโอกาส เป็นผู้อยู่รอด ชาวโลก กว่าครึ่งโลก ที่ล้มหายตายจาก ล้วนแล้วแต่ กรรม ฟ้าจะใสอีกครั้ง เมื่อฤดูฝนร่วงหล่น ละลายสิ่งต่างๆ ฝนจะชุ่มโชก สิ่งที่ร้ายจะกลายเป็นดี แต่ก็ต้องใช้เวลา พลิกฟื้นขึ้นมาใหม่


    ช่วยกันทำนุบำรุงรักษาทุกประเทศต้องพัฒนา เหมือนยุคเก่าย้อนมา แต่เจริญรุ่งเรือง กลายเป็นโลกยุคใหม่ วิทยาศาสตร์ล้ำหน้า ชาวประชาหน้าใส คนที่เหลือจากเหตุการณ์ มีความคิดเปลี่ยนไป ไม่มีแล้วความคิดเก่าๆ ทุกอย่างเปลี่ยนไป แม้แต่ความคิดของคน เปลี่ยนแปลงไปหมด ลดทิฐิ จิตใจดี มีเมตตาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การแก่งแย่งชิงดี แทบสิ้นไป มนุษย์ จิตใจร้ายยังมีอยู่ ความเมตตาค้ำจุนโลก ทุกข์สร่างโศรก

    ผู้มีเมตตาธรรมปรากฏ เพื่อนนุษย์ีช่วยเหลือกัน บำรุงรักษา ผู้มีจิตเมตตา เปิดโฉมหน้า แต่ไม่ปรากฏตัว ได้ยินแต่ข่าว ร่ำลือไปทั่ว เพื่อนมนุษย์ ทั่วโลก ต่างยินดีชื่นชม เหมือนพระเจ้ามาโปรด คนทั่วโลก ต้องการหมอรักษา หาหมอ ไม่ได้ โรคที่ระบาด ไม่มีในตำรา และไม่มียา แก้โรคที่ระบาด ความตาย มาเยือน ชีวิตมนุษย์ ได้สำนึก กว่าจะรู้ตัว เกือบจะรู้ตัว เกือบจะตาย ผู้ที่ตายไม่ได้รู้ตัว สำนึกในบาป

    คนที่เหลือ ล้วนคิดได้ ความตาย ผ่านพ้นไป ผู้มีบุญ ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่กลัวเหนื่อย ไร้การแบ่งชั้น ทุกคนเสมอภาค ความดี ความพยายาม ผู้สร้างโลก ไม่ปล่อยให้ มนุษย์ ทุกข์ทรมานสู้กับความตาย นิมิตรหมายใหม่ ประกอบกรรมดี ละเว้นความชั่ว รักษาความดี อยู่ในศีลธรรม ตั้งมั่นในการปฏิบัติ อย่าเห็นแก่ตัว ทางสายกลาง ช่วยเหลือผู้อื่น จงมองตนเอง อย่ามัวรอเวลา ความว่าง (สุญญตา) จิตตั้งมั่น ปล่อยใจวาง จิตเป็นหนึ่ง มีสติ

    คนที่สามารถทำได้เช่นนี้ ทางสายใหม่ คือการหลุดพ้น ผู้ที่ทำได้ ไม่ต้องมาเกิด ตามวัฎจักร ทางสายนี้มีมานาน ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ผู้ที่รู้ และเข้าใจ พยายามศึกษา ผิดบ้างถูกบ้าง เพื่อหาทางหลุดพ้น จากกิเลส พระเจ้าเบื้องบน เฝ้ามองดู ใครทำอะไร ไม่รอดพ้นสายตา การกระทำ ทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ในสายตา มีการบันทึก ผู้ที่รอดตาย ต้องมีจิตใจเข้มแข็ง อดทนต่อสถานการณ์ ไม่ใช่ง่าย สิ่งที่เลวร้าย มนุษย์ ต้องอดทนให้ได้

    กาลเวลาผ่านไป ผลที่ได้รับต่างทุกข์ถ้วนหน้า จิตใจสำคัญที่สุด เมื่อเวลานั้นมาถึง สภาวะคับขัน ผู้เข้มแข็ง จะรอดพ้น ความอดอยาก ความพลัดพราก คืบคลานเข้ามาความลำเค็ญ ผู้คนโอดครวญ ชีวิตทุกผู้ทุกนาม รอความหวัง อย่างสิ้นหวัง แต่ก็รอ สภาวะเช่นนั้น ใครทนได้ ยอดคน ชีวิตมืดมนต์ ยิ่งกว่าความมืด หนทาง มองไม่เห็น

    สิ่งลี้ลับ เริ่มปรากฏ ผู้คนแตกตื่น ได้ยินเรื่องราว อันมหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์นั้น ไม่เคยปรากฏ ตั้งแต่สมัยพุทธกาล มาสู่ยุคปัจจุบัน มนุษย์จะได้พบ สิ่งมหัศจรรย์ ในยุคนี้ ผู้ซึ่งไม่เคยได้พบเห็น ความมหัศจรรย์ จะมีโอกาส ได้เห็น

    รวบรวมโดยคุณ มงคล กริชติทายาวุธ
    ประธานชมรมศาสนาและการกุศล
    สารชมรมศาสนาและการกุศล
     
  2. คมศักดิ์

    คมศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +886
    อนุโมทนา สาธุกับบทกลอนและข้อเตือนสติของหลวงปู่เทพโลกอุดรครับ
     
  3. peterliger

    peterliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +120
    ต้องตื่นตัวและพร้อมรับสถานะการณ์ตลอดเวลาค่ะ
    ต้องเตรียมยอมรับในการ พลัดพราก สูญเสียจากคนที่เรารักอย่างสุดหัวใจ พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก ภรรยา หรือ สามี
    (ถ้าเรายังมีชีวิตรอดนะ แต่เป็นหนุ คงทนไม่ได้แน่ๆ ยอมตายดีกว่า ต้องพบกับความสูญเสีย)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • S9265735-4.jpg
      S9265735-4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.4 KB
      เปิดดู:
      219
  4. phunpanuch

    phunpanuch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +373
    รีบทำความดีกันทุกท่านเถิด
     
  5. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ
     
  6. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +975
    ข้อความเดิม
    สิ่งลี้ลับ เริ่มปรากฏ ผู้คนแตกตื่น ได้ยินเรื่องราว อันมหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์นั้น ไม่เคยปรากฏ ตั้งแต่สมัยพุทธกาล มาสู่ยุคปัจจุบัน มนุษย์จะได้พบ สิ่งมหัศจรรย์ ในยุคนี้ ผู้ซึ่งไม่เคยได้พบเห็น ความมหัศจรรย์ จะมีโอกาส ได้เห็น

    ขออนุโมทนาสาธุ

    คนมีบุญลงมาจุติมากในยุคนี้ ทั้งที่รู้ตัวแล้ว และกำลังรู้ตัว ต่างล้วนลงมาทำหน้าที่ของใครของมันครับ บางคนก็ถึงกับกลับใจมุ่งสู่แดนนิพพานตั้งแต่ภพนี้เป็นอะกาลิโก เพราะพบแล้ว เห็นแล้วซึ่งกองทุกข์ของสรรพสัตว์ทั้งมวล
    อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่เข้ามาโพสต์มาอ่านในเว็บพลังจิตนี้ มิใช่ด้วยเหตุบังเอิญ แต่เป็นด้วยกาลเวลาอันเหมาะสมที่ทำให้แต่ละคนเข้ามาสู่จุดรวมแห่งนี้ เพื่อเรียนรู้และช่วยเหลือในหมู่เหล่าแนวกอเดียวกัน สิ่งลี้ลับและมหัศจรรย์เป็นสิ่งธรรมดาเหลือเกินสำหรับนักปฏิบัติธรรมและผู้มีบุญบารมี คนที่มีจิตละเอียดย่อมไหลไปรวมกับผู้มีจิตละเอียด ผู้ที่มีจิตหยาบย่อมไหลไปรวมกับผู้ที่มีจิตหยาบ เมื่อเวลาที่ธรรมชาติหรือวิบากกรรมมาถึงกลุ่มคนที่มีจิตหยาบก็จะถูกทำลายเป็นกลุ่มเป็นก้อนได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยมนุษย์ที่มีจิตหยาบเช่นเดียวกัน ซึ่งก็เริ่มปรากฏให้เห็นบ้างแล้วทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก
    ผู้ที่เชื่อและศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า ย่อมไม่ประมาทในความตายทุกขณะลมหายใจเข้าออก ความตายเป็นกฎธรรมชาติ ฉะนั้นการพิจารณาถึงความตายอยู่เสมอ จะช่วยให้เราไม่เกิดอาการตายก่อนตายเมื่อเกิดภัยภิบัติขึ้น คนที่มีอาการตายก่อนตายคือ จะช็อคหมดสติหรือมีสติฟั่นเฟือนเป็นบ้าใบ้ ซึ่งก็เป็นเสมือนการตายทั้งเป็นนั่นเอง

    ผู้ปฏิบัติย่อมเห็นเอง รู้เอง ตามกำลังบารมีและแรงปฏิบัติของแต่ละคนเป็นสำคัญ จงปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ได้สรุปหัวใจของพระพุทธศาสนาไว้สั้นที่สุดก็คือ "อย่าประมาท" ในทุกกรณีครับ
    ขอความสุขและสันติจงเกิดแก่ชาวโลกด้วยการแผ่เมตตาช่วยปรับพลังบวกให้กับโลกและจักรวาลทุกเวลาเทอญ
     
  7. lasomchai

    lasomchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +2,035
    สติ สติ สติ
    มีสติระลึกทั่วพร้อม
    มีสติอะไรๆก็ไม่ใช่ปัญหา
    ....
    ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  8. ratrat

    ratrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +479
    เมื่อพระผู้เห็นแสงสว่างทาง ธรรม ได้เสียสละมาแจ้ง ข่าว ให้พวกเรา
    รับทราบอย่างนี้แล้ว อย่าให้ท่านเสียเวลามาบอกกล่าวเลย ควรที่จะ
    ตระหนักถึงภัย อันใกล้เข้ามาทุกที และขณะนี้ก็เห็นๆกันอยู่ นี่ขนาด
    ไม่ใหญ่โตมากนัก ก็ยังทำให้ ผู้คนที่ประสพย่ำแย่ไปตามๆกัน เมื่อ
    เป็นเช่นนี้ พวกเราอย่าได้ชักช้าเลย รีบเร่งทำความดี กันให้โดยเร็ว
    ตามคำสอน คำแนะนำ ของพุทธองค์ มี ทาน ศิล ภาวนา เมตตา
    ดูแลจิต ของตนให้ดี อย่าให้กิเลศเกาะ ทำจิตให้ผ่องใสไร้ มลทิน
    หมั่นระลึกถึงความตายทุกขณะจิต เอาจิตเกาะพระนิพานเข้าไว้
    ขอให้โชคดี ทุกคน โลกนี้ไม่เที่ยง ความตายนั้นเที่ยงแท้
    อนุโมทนา
     
  9. thol

    thol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +837
    ขออุโมทนาสาธุครับ
    ทุกคนเกิดมาล้วนต้องตาย
    แต่ขึ้นอยู่ว่าจะตายแบบไหน
    ขอให้ทุกคนอยู่ในความไม่ประมาท
    ขอให้ทุกๆคนโชคดีแคล้วคลาดจากภัยภิบัติทั้งปวง
     
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ต้องผ่าน เหตุการณ์ที่โหดร้ายไปให้ได้

    เมื่อวันนั้นมาถึงแม้แต่คนที่บาปหนาที่สุด

    ก็ยังร้องหาความตาย
     
  11. BORRIPHATC

    BORRIPHATC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +228
    ขออนุโมทนาบุญครับ......เตือนสติไว้ ให้มั่นปฎิบัติธรรมทำแต่กรรมดีไว้
    เลิกความโกรธเกลียดกัน เลิกทะเลาะกัน เลิกด่ากันเถอะ วิบากกรรม
    กำลังตามมาแล้ว
     
  12. peerayuth

    peerayuth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,003
    ขออนุโมทนา

    ไม่ว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ทุกอย่างไม่ว่าทรัพย์สิน ร่างกาย แม้กระทั่งบุคคลที่เรารัก ต่างก็ไม่ใช่ของเรา เป็นของโลกและของธรรมชาติ เราแค่ยืมมาสร้างบารมีในชาติภพนี้ชั่วคราว หากวันนึงธรรมชาติจะเอาคืนก็เป็นสิทธิ์ของเขา ความตายสำหรับคนส่วนใหญ่แม้จะหนักอย่างขุนเขา แต่ก็เบาอย่างปุยนุ่นสำหรับคนที่เข้าใจในสัจธรรมนี้ คนเราเวียนตายเวียนเกิดอย่างน่าเบื่อหน่ายมานับแสนๆ ชาติแล้ว แทนที่จะมัวคิดหาวิธีที่จะรอดตาย สู้มาหาวิธีที่จะไม่เกิดใหม่อีกไม่ดีกว่าหรือครับ

    ขอทุกท่านจงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
     
  13. toyhonda

    toyhonda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +1,782
    "มีสติ" นอกนั้นแล้วแต่กฎแห่งกรรม เพราะการที่จะตายก่อนหรือหลังมันก็ต้องตายเหมือนกัน ขออนุโมทนาในบทความที่ลงอย่างน้อยก็เพื่อความเตรียมพร้อมก่อนตาย!
    "ตายแบบมีสติ"
     
  14. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ตายกันเกือบหมด คนที่เหลือจะอยู่ทำไม อาหารการกิน โรคภัยไข้เจ็บสารพัด..........
     
  15. aumking

    aumking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +814
    อนุโมทนาสาธุอย่างยิ่งครับ

    ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดที่ตัวทำ ใครทำอะไรย่อมได้รับสิ่งนั้นเป็นของตอบแทน

    มนุษย์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตัว มีความชั่วเป็นของมี มีความดีเป็นของตน

    สาธุ!!!
     
  16. uppercut

    uppercut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    617
    ค่าพลัง:
    +1,551
    เป็นคำเตือนสติที่ดีมากๆ แค่น้ำท่วมครั้งนี้ก็อ่วมเกือบทั้งประเทศแล้ว
     
  17. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    คำทำนายนั้น เกิดขึ้นจริงแล้ว ในปัจจุบันนี้....... ยุคนี้คือ กลียุค.........

    เมื่อประมาณ 1 - 2 ปีก่อน ผมก็มีโอกาส ได้อ่านหนังสือ อินทร์ตก หรือคำทำนาย

    อะไรสักอย่าง ที่มาจากประเทศลาว ก็มีทำนองคล้ายๆกัน ...... และบอกว่า

    เหตุร้ายแรงจะเกิด 2555 - 2563 ......... แต่ตอนนี้มันก็หนักมากแล้วเหมือนกัน

    หรือว่า ช่วงนั้น มันจะหฤโหด พลิกโฉมหน้าของโลก ไปเลย

    เร่ง ปฏิบัติ กันเถอะครับ ....... ช่วยกอบกู้โลก อย่าลืมแผ่เมตตาให้สัตว์โลก
     
  18. Santajitto

    Santajitto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +455
    ขออนุโมทนาสาธุ ครับ
    ขอบคุณบทกลอนเตือนสติ และกราบนมัสการ หลวงปู่เทพโลกอุดร และหลวงปู่ฤาษีภาระตะ
    " สติเท่านั้น ที่จะช่วยพวกเราได้ สูญเสียทรัพย์สินเงินทอง หรือสิ่งใดๆก็ตาม... แต่อย่า เสีย กายกับจิต ของเราให้ออกไปข้างนอกโดยเด็ดขาด " ..
     
  19. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +975
    สภาวะน้ำท่วม คือ สภาวะธรรม
    ขอบคุณสำหรับคนไทยที่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สัตว์โลกก็เป็นเช่นนี้แหละ ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้นมาแล้ว ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป น้ำท่วมก็เช่นกัน เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว ทรงตัวอยู่ขณะหนึ่ง เดี๋ยวมันก็จะลดแห้งไปเอง ถ้าเราเข้าใจสภาวะธรรมเช่นนี้ ก็จะไม่ทุกข์ ปรับตัวอยู่กับมันให้ได้ เพราะเรายังจะต้องเผชิญกับสิ่งไม่คาดคิดอีกมากมาย สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็นในภพในชาตินี้ เราก็ควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาทตามคำสอนของพระพุทธองค์ คือ หมั่นสร้างบุญ รักษาศีล ภาวนาและนั่งสมาธิกันทุกๆวัน เราก็จะรอดปลอดภัย แม้จะตายในวันใดๆ เราก็ไปสู่สุขคติภูมิอันเป็นสุขได้
    มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะเล่าให้ทุกท่านฟัง เมื่อผมนั่งมองและวิปัสสนาจากสภาวะน้ำท่วมบ้านของตัวเอง ทำให้เห็นสภาวะธรรมอันหนึ่งเกิดขึ้นคือ
    1) กระแสน้ำมีพลังมหาศาลในการทำลายล้าง สามารถเคลื่อนที่แทรกไปตามสถานที่ทุกหนแห่งได้ ไหลจากที่สูงลงที่ต่ำเสมอ
    2) สรรพสิ่งที่ถูกกระแสน้ำท่วมมีสภาวะธรรมแบ่งเป็นสามระดับคือ หนึ่ง สิ่งที่แข็งแรงก็สามารถต้านกระแสน้ำไหลอันเชี่ยวกรากได้ เช่นก้อนหินขนาดใหญ่ ต้นไม้ใหญ่ หรือกำแพงอันแข็งแกร่ง แต่กระนั้น ผิวของวัตถุสิ่งของต่างๆเหล่านั้นก็อาจผุพังหรือสึกกร่อนไปบ้าง สอง สรรพสิ่งที่มีกำลังต้านน้อย ก็จะถูกกระแสน้ำพัดพาบ้างก็ตายไป บ้างแตกสลายจมอยู่ใต้น้ำ สาม สรรพสัตว์บางอย่างสามารถปรับตัวได้ บ้างก็ลอยคอไปตามกระแสน้ำ บ้างก็หาที่เกาะแข็งแรงยึดเหนี่ยวไว้ บ้างก็โบยบินหนีไป บ้างก็ดำผุดดำว่ายเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งล้วนตกอยู่ในความทุกข์เวทนาทั้งสิ้น

    3) อย่างไรก็ตาม แม้เราจะมองเห็นความแรงของกระแสน้ำที่สามารถทำลายอะไรก็ได้ ประหนึ่งว่าน้ำนั้นเป็นผู้ทำลายที่ยิ่งใหญ่ มีพลังมหาศาล แต่น้ำมากมายก็ย่อมไหลไปหยุดนิ่งในแอ่งที่ไม่มีทางไป หรือไหลไปสู่ทะเลก็ตาม น้ำเหล่านั้นบางส่วนแทรกซึมไปใต้พื้นดิน บางส่วนก็ย่อมถูกทำลายด้วยแสงแดดและสายลมพัดระเหยไปสู่อากาศ และเมื่อถึงเวลาก็รวมตัวกันเป็นก้อนเมฆแล้วกลั่นเป็นน้ำฝนตกมาสู่ผิวโลกเป็นวัฏจักเช่นนี้เรื่อยไป

    สภาวะธรรมเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนที่จะมีพระพุทธเจ้า ตั้งแต่มีโลกเกิดขึ้นมาแล้ว เพียงแต่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ เห็นถึงเหตุของการเกิดเป็นปัญญามาบอกกล่าวถึง การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ผมเองเมื่อปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน อย่างน้อยก็เห็นสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นต่อหน้าตามสติปัญญาที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเราที่มนุษย์ก็มีส่วนทำให้เกิดภัยธรรมชาตินั้นเช่นกัน เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ภัยพิบัติก็เป็นส่วนหนึ่งของผลกรรมที่มนุษย์เป็นผู้สร้างไว้ เมื่อเป็นเช่นนี้ อะไรหละที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์หรือการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อเราเป็นชาวพุทธเราก็ควรนำเอาหลักวิปัสสนากรรมฐานมาพิจารณาภายในตัวตนของเรานั้นแหละคือ ตัวความทุกข์ที่แท้จริง หาใช่ผู้อื่น หรือสิ่งอื่นใดไม่ เราควรแก้และละวางกิเลส เพื่อทำตัวตนของเราให้ว่างเปล่าดูสักตั้ง แล้วสิ่งต่างๆจะค่อยๆปรากฏให้เราเห็นขึ้นภายในจิตของเราว่าเป็นเช่นไร ให้รู้ให้เห็นด้วยตัวเองเป็นปัจจัตตัง

    อันนี้ ผมพูดถึงประโยชน์ของการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ที่ทำให้ผมมองเห็นสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น ที่จริงผมเห็นสภาวะธรรมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้ แม้แต่การเปิดซองมาม่าต้มกิน(เพราะน้ำท่วม)ก็สามารถเห็นความทุกข์ เห็นไปถึงตั้งแต่ความทุกข์ของคนปลูกข้าวสาลี กระบวนการผลิตจนมาเป็นซองมาม่า ความทุกข์ขณะเปิดซองมันเปิดยาก ความทุกข์ขณะกดน้ำร้อนลวกมือ ความทุกข์ความสุขในขณะกิน(อร่อยไม่อร่อย) ความทุกข์ที่ต้องล้างถ้วยชาม เมื่อพิจารณาให้ละเอียดลงไปจะเห็นระบบการย่อยอาหารในกระเพาะ เห็นกระบวนการลำเลียงอาหารไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เห็นการขับถ่าย และอื่นๆตามมาอีกมากมาย จากหลักวิปัสสนาดังกล่าวทำให้ผมไม่มีความทุกข์ในสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าผม นี่คือประโยชน์ของหลักวิปัสสนาแม้จะเป็นเพียงแค่เบื้องต้นพื้นๆ แต่มันก็ทำให้ผมเข้าใจสภาวะธรรมในแต่ละเหตุการณ์ได้ ลองนำไปใช้กับเหตุการณ์ประจำวันอื่นๆได้นะครับ
     
  20. porch

    porch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    507
    ค่าพลัง:
    +907
    โมทนาด้วยครับกับบทความที่เตือนสติ
    กราบนมัสการ หลวงปู่เทพโลกอุดร และหลวงปู่ฤาษีภาระตะ
    ...สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...