อานาปานสติ กำหนดลมหายใจ หรือปล่อยรู้ไปตามธรรมชาติ

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>เอกวีร์*, Bull_psi, jinny95, ขันธ์


เอ้า ยังไม่ไปอีกเหรอครับ

ไปเถอะครับ ความสะอาด หรือ สกปรก มันไม่ได้มีเพิ่มขึ้น
ตามหลังด้วยเหตุเพราะว่า "ไปโดยไม่ได้บอกกล่าว" หรอก
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ไม่เห็นจาแปลกเลย มันก็เรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ ของจริงกับของปลอมธรรมจริงกับธรรมปลอมๆ ท่านผู้แสวงหาทั้งหลาย ท่านผู้บำเพ็ญบารมีทั้งหลาย เห็นไหมว่ากรรมคือเชื้อกรรมคือเผ่าพันธ์ กรรมตามอัธยาศัย เป็นไปตามอัธยาศัยและอำนาจกรรม อย่าเชื่อในสิ่งที่ตนเองรู้นักว่าถูกและอย่าลังเลสงสัย ต้องอาศัยผลประกอบ ผลจากการกระทำ ไม่ใช่ผลจากตำราหรือครูบาอาจารย์ที่ไหนๆ ท่านผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหลาย

 

แหะๆ ขอสอดบ้างนะครับ

พอดีจะเอาของหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านมาให้อ่านนะครับ รำคาญก็ผ่านไป อ่านแล้วก็ผ่านไปอย่าเอาไปถือเป็นอารมณ์นะครับ

 

ในเมื่อสามโลกนี้ไม่มีอะไรจริงๆ

ทำไมยังต้องปัจจุบันอีก

ในเมื่อ อดีตก็ไม่มี ปัจจุบันก็ไม่ อนาคตก็ไม่มี

 

ขอตอบว่า อากาศ หรือ ลมหายใจ ได้ป่าวครับ ตอบแบบซื่อ ๆ นี่แหละ...

 

รัก ๆ กันไว้นะ

แล้ววันหนึ่งเราจะพบว่า ข้างนอกไม่เกี่ยว เกี่ยวกับข้างในเรานี้เองต่างหาก สำคัญนัก

หลงโง่อยู่ตั้งนมตั้งนาน...ไม่เชื่อคอยดูสิ..

อย่าเอาใจไปผูกกับมันมาก มันจะเป็นทุกข์นะ...

ขอให้เจริญ ๆ กันทุกคน

 

ก็ถ้าท่านจินนี่ มองว่าธรรมของท่านที่นำมาโพส จะด้วยการปฏิบัติ หรือ คัดมาจากไหนว่ามีประโยชน์มหาศาล ธรรมของท่านอื่นก็ไม่มีหลักที่จะจับไปใช้ได้เลย
เรามองว่าทุกท่านก็มีให้ มาก น้อย ก็ว่ากันไป แต่ไม่ยกธรรมของตัวเองว่าเป็นที่สุด นั่นจึงมองว่าเป็นผู้ขัดเกลากิเลสของตัวเองอย่างถูกต้องไหมค่ะ

 

แหมๆ ท่านวิมุติ ถามแบบนี้ อึ้งเลย
ถ้าจะตอบว่าการเห็น ทั้ง2สภาวะ ก็น่า จะเปรียบกับนักปฎิบัติที่ยังไม่ตาย แต่มองเห็นสภาวะความตายอย่างถ่องแท้ อันนี้ไม่ต้องขยายความกับท่านวิมุตติหรอกเพราะท่านเองเป็นนักปฏิบัติที่มองธรรมเป็นหลัก มากกว่าอย่างอื่นอยู่แล้วเนอะ

 

ตัวอย่างผลเบื้องต้นถึงเบื้องกลางของการปฏิบัติของอานาปานสติขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าถึงฌานพระอริยะเจ้า ถึงธรรมกายที่ถูกต้องดูได้จากกระทู้ท่าน dangcarry เรื่องสติดีดออกจากสมาธิ

ท่านปฏิบัติได้ตรงได้ถูกต้องตาม อานาปานสติขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ลองเทียบดูจากท่าน เอกวีร์ อธิบายและดูการปฏิบัติของท่าน dangcarry เทียบกันจะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ว่าลำดับเป็นอย่างไร ​

ท่าน เอกวีร์ อธิบายอยู่ ท่าน dangcarry ก็สามารถขยายความได้ง่าย ถ้าเป็นไปได้ท่านจะสงเคราะห์คนในเว็บ ท่านก็ช่วยอธิบายผลที่ท่านปฏิบัติ ขยายความเพื่อความเข้าใจของผู้ไม่รู้จะได้เป็นประโยชน์​

ไม่น่าเชื่อว่าท่านที่ผมพูดนี้ในกระทู้นี้ เป็นพุทธะภูมิทั้งหมดเลย ท่าน dangcarry นี้ ทราบตั้งแต่วันที่ได้อ่านกระทู้ท่านแล้วท่านมีบารมีมาก ไว้ผมจะอธิบายเรื่องบารมีของท่านให้ ยังไม่ลืมครับ ความเข้าใจท่านถูกต้องแบบนี้ท่านเข้าถึงพุทธะแบบผมไม่ยาก​

กราบอนุโมทนา​

 

เรียนท่านทดสอบ1 เนื่องจากที่ท่านกล่าวยกมา เดี๋ยวจะงานเข้าอีกอย่างเยอะด้วยน่ะค่ะ
เนื่องจากภูมิรู้ข้าพเจ้าคงไม่ถึงหรอกค่ะ ขอแค่ให้ได้มาแก้ไข และสร้างบุญเพิ่มก็พอแล้วหล่ะค่ะท่าน
ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้มันเป็นไปแบบปัจจัตตังดีกว่า ต้องขออภัยท่านทดสอบ1 ด้วย ถ้ากล่าวไม่ถูกต้อง
ส่วนถ้าจะกล่าวถึงท่านเอกวีร์ ท่านนั้นก็มีภูมิรู้ ภูมิธรรม มาก ท่านอื่นๆก็มีมาก อย่างท่านขันธ์ก็น่ายกย่องอยู่ เพราะธรรมที่ท่านให้ก็เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้จริง หมายถึงธรรมที่ท่านขันธ์แสดง เป็นสิ่งที่สัมผัสได้จริง อันนี้ก็ต้องยอมรับ ไม่รวมตอนท่านขันธ์เลือกอิงน่ะค่ะ เพราะถ้าเอาแต่ธรรมของท่านขันธ์ ต้องยอมรับเลยถ้าปฏิบัติได้ตรง ก็จะพบได้ตามกำลัง
ส่วนของท่านเอกวีร์ ก็เป็นส่วนที่รู้ได้จริงเป็นปัญาได้จริง เพราะท่านนี้ก็คมมากอยู่ถ้าฟังท่านเอกวีร์ก็ต้องมีปัญญาพอสมควร ข้าพเจ้าจึงมองธรรมของท่านทั้งสองนี้อย่างเป็นกลางว่าท่านตั้งใจให้ตามแต่ใครจะพิณาได้มากน้อยแค่ไหนก็จะเห็นได้จริง ก็ต้องปฏิบัติ ไห้ได้จริง ยังมีอีกหลายท่านมากที่มีธรรมสัมผัสได้ที่ข้าพเจ้าชืนชมและน้อมฟังธรรมของท่านเหล่านั้นเช่นกันค่ะ

ขอเป็นอารัย อารัย ก็ต้อง "รู้" ก่อนน่ะค่ะท่าน

 

ใจ เป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งกว่าสิ่งใดๆ ในโลก
ถ้าชั่วก็ไม่มีอะไรจะเทียบ ดีก็ไม่มีอะไรจะทัดเทียม
เป็นธรรมชาติที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าสิ่งใดๆ
เหตุนั้นองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสไว้ว่า

มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
สิ่งทั้งหลายมีใจเป็นสำคัญ จะดีหรือชั่วขึ้นอยู่กับใจ

ใจ ที่ไม่ได้รับการอบรมย่อมมีภัยรอบตัว
เพราะไม่ได้อบรมให้รู้เรื่องของตัวเอง
มีแต่จะคิดตำหนิติชม สิ่งภายนอกมากกว่าเรื่องของใจตนเอง
จิต ที่พิจารณาคิดค้นคว้าหาเหตุผลในหลักธรรม
ย่อมเป็นไปความชัดเจนแจ่มแจ้งเป็นลำดับ

การถอดถอนกิเลสอาสวะนั้น
ตั้งแต่ขั้นหยาบจนถึงขั้นละเอียดเป็นหน้าที่ของเรา
ไม่มีใครจะเป็นผู้มีอำนาจและวาสนายิ่งกว่าตัวเรา
ที่จะอบรมฝึกฝนทรมานจิตใจของเราไปได้
ไม่ใช่ผู้อื่นผู้ใดนอกจากตัวเราเท่านั้น
ที่จะบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์เฉพาะตนเท่านั้น
ไม่มีใครจะมาทำหน้าที่แทนให้เราได้

บรรดาปราชญ์ทั้งหลาย เช่น พระพุทธเจ้า พ่อแม่ครูจารย์ ท่านดำเนินอย่างใด
เราต้องพยายามนำธรรมที่ท่านได้รับผลไปแล้วนั้นมาเป็นเครื่องพร่ำสอนใจเรา
คิดหาทางแก้ไข ชำระใจจากสิ่งมัวหมอง เป็นกิจที่ควรทำ
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน

 

555555 อริยะแดงจงเจริญ อริยะแดงสู้ๆๆ
อริยะแดง...
แล้วตัวคุณอยู่ในพุทธภูมิด้วยหรือเปล่า ริจะเป็นหมอดูเขาห้ามชมลูกค้า
เขาต้องบอกว่ากำลังมีเคราะห์ แต่มีวิธีแก้ ใช้เงินมากหน่อยแต่เห็นผลร้อยเปอร์เซ็น

 

สิ่งที่ควรแก้คือกายและใจตัวเอง ไม่ใช่เที่ยวไปแก้ไขให้คนอื่นเขา
ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด
พอโดนใครเขาสวมรอยชมเข้าหน่อยก็ชอบใจหลงแล้ว
ปากทำเป็นพูดกลบเกลื้อนแต่ใจพองโตแล้ว มันปิดไม่มิดหรอกอริยะแดง

 

ว่าไงเสือ

สิ่งที่ได้มักไม่เห็น ที่เป็นมักได้ตั้งท่า

จากงูเล็ก

 

คุณพูดไม่ถูกครับ ผมไปยกว่าดีเลิศอะไรตรงไหนครับ ผมคัดลอกธรรมมา ก็เท่านั้น ไม่เคยที่จะแต่งเติมความเห็นตนไปแต่งเสียด้วย เอาธรรมแท้จากครูอาจารย์ จากพระอริยสงฆ์มาโพส ผมว่าคุณควรไปพูดกับคนที่มาตำหนิดีกว่า และที่สำคัญผมไม่เคยยกธรรมที่ปฎิรูํปมาให้ผู้อื่น ธรรมที่ผมโพสเป็นธรรมที่ไหลลงไปทางเดียว คือ ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์

ถ้าผมเอาธรรมที่ทำให้ติดขัด เอาทางที่ไม่ใช่ทางดี เอาวิธีทางที่หมิ่นแหม่จะลงอบาย มาโพส คุณหรือใครมาตำหนินั้นเป็นสิ่งที่ควร

ตรงนี้ไม่ได้หมายถึงคุณ หรือถึงใครเป็นพิเศษ เป็นหมายโดยรวม ปฎิบัติธรรมอย่างไร จึงแยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ ปฎิบัติธรรมแล้ว ปธานสี่ ไม่เกิด ปฎิบัติไปก็ยังอีกไกลจึงจะเห็นกิเลส มันก็ไม่ทำให้ความทุกข์ลดลงหรอก ที่เหมือนจะลดเหมือนจะเข้าใจมันก็หลงไปกับกิริยาเท่านั้น

 

[quoteบรรดาปราชญ์ทั้งหลาย เช่น พระพุทธเจ้า พ่อแม่ครูจารย์ ท่านดำเนินอย่างใด
เราต้องพยายามนำธรรมที่ท่านได้รับผลไปแล้วนั้นมาเป็นเครื่องพร่ำสอนใจเรา
คิดหาทางแก้ไข ชำระใจจากสิ่งมัวหมอง เป็นกิจที่ควรทำ
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
<!-- google_ad_section_end -->][/quote]ขอถามคุณอโศ คำว่าตนแลเป็นที่พึงแห่งตนแล้วทำไมชาวพุทธส่วนใหญ่
ชอบบูชาวัตถุมงคลล่ะ ถามเพราะอยากรู้

 

ขอถามคุณอโศ คำว่าตนแลเป็นที่พึงแห่งตนแล้วทำไมชาวพุทธส่วนใหญ่
ชอบบูชาวัตถุมงคลล่ะ ถามเพราะอยากรู้ [/QUOTE]

เอ.. ผมว่าชาวพุทธแท้เขาไม่ต้องใช้วัตถุมงคลแล้วนะครับ แต่ที่เขาชอบบูชาวัตถุมงคลผมว่าคงไม่รู้จักที่พึ่งแท้จริง บางคนก็เห็นว่าพระพุทธรูป ตู้พระธรรม หนังสือธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งนั่นก็ยังดีว่าไปพึ่งอย่างอื่น แต่เมื่อถึงที่สุดแล้วพระรัตนตรัยก็รวบมาอยู่ที่ใจของเรา ก็พึ่งใจตัวเองนี้แหละจนกว่าจะถอนว่ามีเราก็ไม่ต้องพึ่งอะไรอีก หมดตนเอง

ขอโทษด้วยครับ พอดีผมชอบคำถามนี้ก็เลยขออนุญาติร่วมแสดงความเห็นครับ อย่าถือสาผมนะครับ

 

การที่น้องหลบภัยไม่ได้ศึกษาธรรมจากคุณเอกวีร์ นับว่าเป็นวาสนาแล้ว

สิ่งสำคัญถัดมาคือ ความอ่อนน้อมถ่อมตน เรานั้นยังเป็นผู้ศึกษา สิ่งที่ไม่รู้ก็มีอีกมากโข ส่วนสิ่งที่รู้แล้ว ก็ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ เมื่อญาณทัสนะปรากฏ เราจะรู้ได้เองว่าเรานี่ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย
ในทางกลับกัน ถ้าเราคิดว่าเรารู้ดีแล้วในทุกๆเรื่อง เราจะไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้เลย เพราะทิฏฐิมานะมันเอาไปกินเสียหมดแล้ว

ส่วนเจ้ขวัญคนเก่ง ขอฝากนิดเดียว เมื่อเวลาผ่านไปแล้วเนิ่นนาน หากรู้สึกว่า ญาณทัสนะไม่ปรากฏให้ประจักแก่จิตเลย ก็ควรทบทวนแนวทางปฏิบัติอื่นๆดูบ้าง อาจตรงจริตมากกว่า ความจริงอยากจะบอกว่า การตามรู้สภาวะจิตสภาวะธรรม ถ้าขาดการทำสมาธิมาอย่างเพียงพอ จะไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องจนสันตติขาดออกจากกันไปได้ ถ้าคิดว่า ตามรู้จิตไปเรื่อยๆ สมาธิจะพัฒนาตามได้นั้น ขอบอกว่า แน่ใจแล้วหรอว่า บารมีเราเพียงพอแล้ว นี่มันไม่ใช่สมัยพุทธกาลนะ กิเลสฝังรากลึกในจิตใจคนมาช้านาน สังเกตุได้ง่ายๆจากปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

เจริญในธรรมครับ..

 

มาทำจิตให้สงบกันเถอะทำตามเขาแหละดี แต่ต้องตามพระอริยะเจ้านะอย่าตามใจตนเอง อย่าคิดเองเออเอง วันนี้สังคมมีแต่แย่ลง ข่าวคาวทั้งหลายก็มาก มีทั้งเอาทารกที่ทำแท้งไปแอบเผา เรื่องมันชักจะยุ่งแล้วนะจิตใจคนเรานี่ ถึงมันทำให้หายไปไม่ได้ก็ควรจะทำให้ทุเลาลงได้ ตัวกิเลสนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรเห็นควรให้ร่วมใจกันสร้างแนวทางในการพัฒนายกระดับจิตของคนในสังคม ให้ข้ามพ้นจากภัยอันเกิดจากกิเลส ท่านทั้งหลายในที่นี้น่าจะทำได้ ดีกว่ามาเถียงกันตำหนิติเตียนกัน และสิ่งแรกคือต้องทำตนให้ดี เมื่อดีแล้วจึงพาคนอื่นให้ดีตาม เรื่องไหนไม่ดีก็เก็บไว้แล้วเอามาแก้ไขด้วยตนเองคนอื่นแก้ให้ไม่ได้ เอามาตำหนิติเตียนกันมันก็แก้อะไรไม่ได้ อย่าให้กิเลสหลอกให้หลง ถ้าคนในห้องนี้ปฏิบัติกันแล้วยังเป็นคนไร้สาระอยู่อย่างนี้ต่อไปใครที่ไหนอยากจะเข้ามาปฏิบัติศึกษาธรรมละ เห็นแก่ส่วนรวมให้มากๆกว่านี้หน่อยก็ดีนะครับ ทุกท่านที่รับการอบรมมาแล้วจากเหล่าพระอริยะเจ้าก็ดี พระสงฆ์สาวกก็ดี
สาธุคั๊บ
<!-- google_ad_section_end -->

 

ลมหาย ก็เจอใจ


ผู้ที่โลกธรรมทั้งแปดไม่ทำให้จิตใจหวั่นไหวได้ ผู้นั้นกล่าวว่า คงดำเนินอานาปานสติมาถูกทางกระมัง ..


ถ้าโลกธรรมทั้งแปดยังให้จิตใจกระเพื่อมหวั่นไหว ไปในทางส่วนสุดสองอย่างทั้งพอใจ ไม่พอใจ ก็ขอให้หายใจเข้าหายใจออกไว้นะท่านทั้งหลาย ถือว่ายังเป็นผู้หัดหายใจด้วยกัน ...


หายใจเข้าก็ต้องเคลื่อนอนิจจังแท้ๆ ต้องหายใจออกก็เพราะทุกขังแท้ แล้วลม แล้วธาตุ แล้วกาย มันเป็นเราตรงไหนกันแน่ ดูลมหายใจ พิจารณาลม แล้วตอบ แล้วคลายทิฐิที่คาใจนี้ได้ ก็ใช้ลมนี้ ธาตุนี้ กายนี้ ให้เกิดประโยชน์ตนพอได้บ้างกระมัง .....


ขอตัวไปตามดูลม กับตามดูท่านทั้งหลาย สนทนาธรรมเพื่อประโยชน์ตน และ ประโยชน์ผู้อื่นต่อ ....





* กล่าวจากทิฐิที่ไม่ถูกตรง เพื่อท่านทั้งหลายชี้แนะและนำไปพิจารณาเพื่อปรับทิฐิต่อไป