ผมมีคำถามครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย เด็กชอบพระ, 25 พฤศจิกายน 2010.

  1. เด็กชอบพระ

    เด็กชอบพระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +48
    พอดีผมได้ศึกษาประเภทของพระพุทธเจ้าก็แบ่งออกเป็น3ประเภทคือ

    1 พระปัญญาธิกพุทธเจ้า

    2 พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า

    3 พระวิริยะธิกพุทธเจ้า

    ผมอยากทราบว่าแท้จริงแลเวการสร้างบารมีของพระพุทธเจ้าทุกประเภทนั้นใช้เวลาเท่าไรกันแน่บางที่ก็ว่า พระปัญญาธิกพุทธเจ้า ใช้เวลาสร้าง 4อสงไขย แสนมหากัป บ้างที่ก็ว่า20อสงไขยแสนมหากัป ผมอยากทราบข้อมูลที่แน่นอนครับช่วยตอบผมทีครับ
     
  2. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาธุ กราบอนุโมทนาด้วยนะครับ
    ตั้งใจอ่านดีๆๆๆๆนะครับ


    ปัญญาธิกะ พระพุทธเจ้า
    ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๒๐ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ แบ่งเป็น ๓ ช่วงครับคือ
    - ปรารถนาด้วยใจ ใช้เวลา ๗ อสงไขย
    - ปรารถนาด้วยวาจา ใช้เวลา ๙ อสงไขย
    - ช่วงสุดท้าย เป็นช่วงที่ได้รับพยากรณ์ ใช้เวลา ๔ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ ( พระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันเป็นแบบ ปัญญาธิกะ )



    ๒.


    สัทธาธิกะ พระพุทธเจ้า
    ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๔๐ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ แบ่งเป็น ๓ ช่วงครับคือ
    - ปรารถนาด้วยใจ ใช้เวลา ๑๔ อสงไขย
    - ปรารถนาด้วยวาจา ใช้เวลา ๑๘ อสงไขย
    - ช่วงสุดท้าย เป็นช่วงที่ได้รับพยากรณ์ ใช้เวลา ๘ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ ( พระพุทธเจ้ากกุสันโธ พระพุทธเจ้าโคนาคม พระพุทธเจ้ากัสสปะ เป็นแบบสัทธาธิกะ )


    ๓.


    วิริยาธิกะ พระพุทธเจ้า
    ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๘๐ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ แบ่งเป็น ๓ ช่วงครับคือ
    - ปรารถนาด้วยใจ ใช้เวลา ๒๗ อสงไขย
    - ปรารถนาด้วยวาจา ใช้เวลา ๓๖ อสงไขย
    - ช่วงสุดท้าย เป็นช่วงที่ได้รับพยากรณ์ ใช้เวลา ๑๖ อสงไขยกับเศษอีก ๑๐๐,๐๐๐ มหากัปป์ ( พระศรีอาริย์ เป็นแบบ วิริยาธิกะ ) <!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_end -->
     
  3. baby dragon

    baby dragon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอถามนิดนึง เคยอ่านเจอว่ามีแบบสมาธิกะ
    กับ วิริยาธิกะพิเศษด้วยอ่ะ ใครพอมีความรู้บ้าง
    รบกวนเข้ามาตอบให้หน่อยนะ จะเป็นพระคุณอย่างสูง

    โมทนาบุญด้วย
     
  4. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สมาธิกะ นั้น คนที่พิมพ์ครั้งแรก อาจพิมพ์ผิดนะครับ
    ส่วนวิริยาธิกะแบบพิเศษ นั้น ผมเองก็เพิ่งมาเห็นในบอร์ดพุทธภูมิ นี้ละครับ
    เขาเขียนกันว่า ใช้เวลาบำเพ็ญ 148 อสงไขย นะครับเพราะปกติแค่ 80 อสงไขยเองนะ อาจจะเป็นความชอบส่วนตัวของท่านที่ปรารถนามั้งครับ
    เพราะในพระไตรปิฎกไม่มีกล่าวไว้นะครับ
     
  5. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603




    1 อสงไขยปี เท่ากับ 1 x 10 ยกกำลัง 140 ปี ( 1 ตามด้วยศูนย์อีก 140 ตัว )

    1 รอบอสงไขย เท่ากับ 1 อันตรกัป
    ใช้วิธีนับอายุลดลงจาก 1x10^140 ปี ลดลง 1 ปี ในทุก 100 ปีต่ำลงมาจนเหลืออายุขัย 10 ปี แล้ว เพิ่มขึ้นไปใหม่จนเท่าเดิมคือ 1x10^140 ปี (^ = ยกกำลัง)

    64 อันตรกัป เป็น 1 อสงไขยกัป

    4 อสงไขยกัป เท่ากับ 1 มหากัป

    1 มหากัป มี 256 อันตรกัป (256 รอบอสงไขย )

    1 กัป เท่ากับ 3.3 x 10^24 ปี

    1 กัป ไม่เท่ากับ 1 อันตรกัป

    ------------------------------------------------------------------

    เรื่องของ กัป จากพระไตรปิฏก ประมาณคำว่า 1 กัป ได้ดังนี้
    สมมุติมีกล่องใบหนึ่ง กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ และ สูง 1 โยชน์ ในเวลา 100 ปี ให้เอาเมล็ดผักกาด 1 เมล็ด ใส่ลงไปในกล่องนั้น ทำอย่างนี้จนเมล็ดผักกาดนั้นเต็มเสมอเรียบปากกล่อง นั้นละจึงเท่ากับ 1 กัป
    วิเคราะห์คำนวณ 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร
    ดังนั้นกล่องใบนี้มีปริมาตร = 16X16X16 = 4096 ลูกบาศก์กิโลเมตร
    ประมาณว่า เมล็ดผักกาด มีขนาด .5 มิลลิเมตร
    1 กิโลเมตรเทียบเป็นมิลลิเมตรได้ดังนี้ 10X100X1000 = 1,000,000 มิลลิเมตร
    จะได้ 1 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = (1,000,000)/0.5 = 2,000,00เมล็ด
    ดังนั้น 16 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = 16 X 2,000,000 = 32,000,000 เมล็ด
    ถ้าเป็นปริมาตร คือ กว้างxยาวxสูง ต้องใช้เมล็ดผักกาดทั้งหมด คือ
    32,000,000 X 32,000,000 X 32,000,000 = 32,768,000,000,000,000,000,000เมล็ด
    ใน 100 ปี ใส่เมล็ดผักเพียง 1 เมล็ด ดังนั้นต้องใช้เวลาทั้งหมดคือ
    32,768,000,000,000,000,000,000 X 100 = 3,276,800,000,000,000,000,000,000 ปี

    จึงได้เวลา 1 กัป ประมาณ
    สามล้านสองแสนเจ็ดหมื่นหกพันแปดร้อยล้านล้านล้าน ปี
    ประมาณ 3.3 X 10^24 ปี

    -----------------------------------------------------------------------
    หลังจากที่เห็นดังนี้แล้ว หน่วยนับเวลาที่ใหญ่ที่สุด...นานที่สุด คือ มหากัป

    ที่พูดว่า พระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมามากตั้ง ๔ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป นั่น เศษไม่ใช่มหากัปครับ แต่เป็น อสงไขยต่างหากที่เป็นเศษ เพราะอสงไขยเป็นหน่วยที่เล็กกว่ามหากัป
    และอีกอย่างหนึ่งพระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมายิ่งใหญ่เป็นแสนมหากัปเหมือนกัน แต่แตกต่างกันเพียง อสงไขยเท่านั้น

    พระพุทธเจ้าแบบปัญญาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
    พระพุทธเจ้าแบบศรัทธาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
    พระพุทธเจ้าแบบวิริยะธิกะ บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป

    ซึ่งจะทำให้ใน ๑ มหากัปมีพระพุทธเจ้าได้มากที่สุด ๕ พระองค์ ไม่ขัดแย้งกับพระไตรปิฎก
    แต่ถ้าใช้หน่วยมหากัปเป็นเศษ ใน ๑ มหากัป จะมีพระพุทธเจ้าได้พระองค์เดียว ซึ่งขัดแย้งกับ ๑ มหากัปมีพระพุทธเจ้าได้มากที่สุด ๕ พระองค์
    และอีกอย่างจำนวนอสงไขยต้องเป็นอสงไขยปี เพราะถ้าเป็นอสงไขยกัป ๔ อสงไขยกัปเท่ากับ ๑ มหากัป
    เช่น พระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญบารมีแบบ ปัญญาธิกะ จะต้องเรียกว่า บำเพ็ญบารมี หนึ่งแสนหนึ่งมหากัป ซึ่งไม่น่าจะถูก

    เมื่อเราดูมาถึงตรงนี้แล้ว จึงควรพูดว่า พระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมามากตั้ง ๔ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป จึงจะใกล้เคียงและถูกต้องมากกว่าครับ
     
  6. มารวิกะ

    มารวิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +526
    อย่าไปคิดถึงระยะเวลาให้เหนื่อยใจเลยครับ เดี๋ยวใครๆเค้าถอดใจกันหมดพอดี จริงๆแล้ว
    เรื่องของระยะเวลา มันไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงมันเทียบเป็นเวลาที่เรามองเห็นได้ยาก
    ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อไปเท่านั้น ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินไปอย่างเดียวรู้แต่ว่าเดินไปที่ไหน แต่ไม่รู้
    ว่าไกลแค่ไหนถึงจะถึงจุดหมาย แบบนี้ล่ะดีแล้ว ครับ
     
  7. ตุ๊โต้ง

    ตุ๊โต้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +223
    ผมเห็นด้วยครับถ้าจะทำดีทำไปเถอะได้แค่ไหนก็เอาเถิดพอใจเท่าที่ทำได้ทำใจให้สบายผมคนหนึ่งล่ะบางครั้งเบื่อคิดอยากจะไปนิพพานชาตินี้แต่พอรู้กำลังใจตนเองแล้วขืนเร่งรัดอาจทำให้การปฏิบัติการเป็นแบบทรมานตนเองไปเลย(เคยไม่กินข้าว3วันกินแต่นมUHT)แต่ยิ่งทำยิ่งจิตหมองเลยเลิกเชื่อพ่อที่ท่านพาจุดธูปบอกลาพุทธภูมิ กำลังใจผมยังไม่ดีพอที่จะทำขนาดนั้นแต่จะค่อยทำไปเรื่องเวลาไม่ขอคิดให้กังวลดีกว่า มีอีกหลายอย่างที่ผมยังอยากเรียนรู้อีก แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่แกนแท้ของหลักธรรมที่พระท่านสอน แต่ผมเปรียบ
    ตัวเองเหมือนปลวกที่เจาะกินต้นไม้ เปลือกยังเจาะกินไม่ได้เท่าไรเลย จะไปกินแกนเนื้อไม้ ที่อยู่กลางต้น โดยไม่ผ่านกระพี้ได้ไง จะเอาต้องเอาให้ครบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 พฤศจิกายน 2010
  8. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 4086046" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>baby dragon</TD><TD class=alt1>ขอถามนิดนึง เคยอ่านเจอว่ามีแบบสมาธิกะ
    กับ วิริยาธิกะพิเศษด้วยอ่ะ ใครพอมีความรู้บ้าง
    รบกวนเข้ามาตอบให้หน่อยนะ จะเป็นพระคุณอย่างสูง

    โมทนาบุญด้วย









    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในเว็ปนี้ก็มีผม PCO นี่แหละที่บอกเป็นสาธารณะว่าปรารถนาพระโพธิญาณแบบวิริยาธิกะพิเศษเป็นคนแรกเพื่อบันทึกไว้ให้ลูกหลาน หมู่คณะ บริษัท ของผม และสาธุชนคนรุ่นหลังได้รับรู้ได้สังเกตุกำหนดจดจำเรื่องราวการประพฤติปฏิบัติ ที่แม้บางคนจะใกล้ชิดขนาดใหน เขาก็ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าคนที่อยู่ข้างกายใกล้ชิดนี้ปรารถนาพระโพธิญาณแล้วก็ได้เติมความเป็นพิเศษเข้าไปในความปรารถนานั้น การที่ปรารถนาพิเศษ ก็เพื่อให้เขาเหล่านั้นนอกจากจะพ้นจากความทุกข์ยากลำบากทั้งปวงแล้ว ก็ต้องการให้มีแต่ความสุขความมั่งคั่งล้นเปรี่ยมสมบูรณ์บริบูรณ์ไปด้วยประการทั้งปวงตามวาสนาบารมี จุดที่จะพล่องหมองไปแม้แต่น้อยก็ไม่ต้องการให้มีกับหมู่เหล่าชาวคณะไม่เว้นแม้แต่สัตว์สักตัว ในทุกที่ทุกสถานที่เขาเหล่านั้นไปเกิด ทุกภพ ทุกชาติไป จนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ความเป็นพิเศษนั้นมีอย่างไร เป็นอย่างไร ก็หาอ่านในกระทู้เก่าๆ เรื่องการสั่งสมบุญญาบารมี ศีล สมาธิ ปัญญา บารมีทั้งสิบทัศ บุญทานกองการกุศล นั้นก็บอกได้เลยว่าทุกรูปแบบที่คนที่เป็นพ่อจะทำไว้ให้กับลูกๆ ทุกรูปแบบที่เป็นภาระหน้าที่ ที่ลูกผู้ชายพึงกระทำ และได้ทำเกินกว่าคำว่าหน้าที่จะกำหนดให้ทำ ได้ทำเกินกว่านั้นมากทั้งปริมาณ และคุณภาพ มันเป็นนิสัยที่ไม่มีวันเปลี่ยนมันจึงได้ชื่อว่าพิเศษ ส่วนเรื่องระยะเวลาของวิริยาธิกะพิเศษนี่ มันจะกี่อสงไขยนี่ผมยังไม่พบในตำรา มีอยู่บ้างที่อ่านพบในตำหรับตำราก็คือ จะบอกว่าท่านผู้นั้น ท่านผู้นี้ถ้าท่านไม่ปรารถนาพิเศษท่านตรัสรู้นานแล้ว ก่อนองค์สมเด็จพระองค์ท่านนั้นท่านนี้เป็นต้น อย่างนี้มีในตำรา

    ที่ต่างธิกะกันเพราะลักษณะนิสัยของแต่ละท่านไม่เหมือนกันมันไม่ใช่ใครไปทำให้เป็นไปได้ตามนั้น

    ก็ขอโมทนาสาธุอย่างยิ่งกับทุกท่านที่ปรารถนาพระโพธิญาณ และทุกประเภททั้งปัญญาธิกะ ศรัทราธิกะ วิริยาธิกะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 พฤศจิกายน 2010
  9. นุภาวัฒน์

    นุภาวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    774
    ค่าพลัง:
    +270
    อนุโมทนาสาธุครับ ขอให้ทุกท่านที่ปรารถนาพระโพธิญาณ จงอย่าถ้อถอยและยอมแพ้อำลาไปโดยเด็ดขาด ขอเอาใจช่วยด้วยใจเด็ดเดี่ยวดวงนี้ เพื่อช่วยกันรื้อขนสรรพสัตว์ให้ข้ามวังวนนี้ไปให้ได้มากที่สุดครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...