แจกเหรียญทำน้ำมนต์หลวงปู่ศรี มหาวีโรวัดป่ากุงรุ่น 3-4เพื่อป้องกันภัยพิบัติ!! ไม่จำกัด

ในห้อง 'แจกฟรี แต่มีค่าส่ง' ตั้งกระทู้โดย เมว, 26 กันยายน 2010.

  1. @ahingsaka@

    @ahingsaka@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +916
    ได้เหรียญทำน้ำมนต์แล้วครับ ขอบคุณมากครับ
     
  2. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;สมเด็จวัดระฆัง;จักรพรรดิ์พระเครื่อง

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">

    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;สมเด็จวัดระฆัง
    สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เมตตาปลุกเสก


    coming soon
    มกราคม 2554



    [​IMG]



    ภาพเจ้าประคุณพระสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี




    [​IMG]



    พระสมเด็จวัดระฆัง พระที่ได้รับการกล่าวขานมานานว่าเป็นจักรพรรดิ์พระเครื่อง เพราะกอรปไปด้วย
    ผงวิเศษและสุดยอดมลสารต่างๆที่สมเด็จโตท่านเมตตาทำและรวบรวมไว้
    กอรปกับกฤติยาคมชั้นสูงสุดที่ท่านมี
    แลรวมพลังบุญญฤทธิ์ และ อิทธิฤิทธิ์ชั้นสูงของพระมหาโพธิสัตว์เฉกเช่นสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสีเอาไว้ด้วยแล้ว

    - อานุภาพพระสมเด็จวัดระฆังจึงสรุปคร่าวๆได้ดังนี้ครับ


    ๑. พุทธคุณครอบจักรวาลอย่างมหาศาลทรงคุณค่าอย่างอเนกอนันต์
    มีความดีเด่นหลายด้านด้วยกัน
    เช่นความเจริญก้าวหน้า ชีวิตรุ่งเรือง
    บูชาไว้ จะกอรปไปด้วยความเจริญรุ่งเรืองในกิจการงาน และความผาสุขของชีวิต
    ผู้มีติดตัวไว้ จะทำให้เกิดโภคทรัพย์ ในสุจริตวิถี

    ๒.เด่นทาง คุ้มครองป้องกันภัยอันตราย ให้แคล้วคลาดจากภัย ทั้งหลายทั้งปวง เฉพาะในผู้ที่เป็นสุจริตชน
    ผู้ทำมาหากินด้วยแรงกาย แรงสติปัญญา ในทำนองครองธรรม

    ๓.มหาโชคลาภ มหาเมตตา และแคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุตม์ มหาคุ้มกันภัย มากถึงมากที่สุดครับ

    ๔.เด่น ทางการรักษาโรคเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระสมเด็จวัดระฆังมีชื่อตั้งแต่อดีต เนื่องจากในสมัยนั้นได้เกิดโรคห่า หรือ อหิวาตกโรคระบาดทั่วประเทศไทย ในครั้งนั้น มีผู้อาราธนา พระสมเด็จวัดระฆังของสมด็จฯมาฝนน้ำแล้วใช้ดื่มกิน ปรากฏว่า โรคหายเป็นที่น่าอัศจรรย์
    อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าซึ่งคุ้นหูกันมากว่า ในขณะที่สมเด็จท่านสิ้นใหม่ๆ ได้มีชาวอ่างทองผู้หนึ่งป่วยเป็นอหิวาตกโรคและญาติได้ฝันเห็นสมเด็จฯ มาบอกว่ายังไม่ตายให้นำพระสมเด็จที่เก็บไว้บนเพดานวิหารน้อยวัดระฆังมาทำ น้ำมนต์ดื่มกิน จนชายผู้นั้นหายจากอหิวาตกโรคอย่างน่าอัศจรรย์


    ๕.ป้องกันภัยอันตรายนานับประการผู้ที่มีจิตใจที่ดี บริสุทธิ์ผ่องใส จะได้รับอานุภาพที่ดี จากพระสมเด็จวัดระฆัง


    ณเวลานี้จะเรียกพระสมเด็จวัดระฆังว่า "ยอดพระเครื่อง"หรือ"จักรพรรดิพระเครื่อง"ก็เห็นจะไม่ผิด



    พุทธคุณของพระสมเด็จวัดระฆังนั้นมากมายเกินกว่าที่จะพรรณาหมด เพราะครบถ้วนกระบวนยุทธ์ที่คนทั้งหลายสุดจะปราถนายิ่งแล้ว

    เอาง่ายๆว่าใครได้พระสมเด็จวัดระฆังไปบูชาและประพฤติตนดี อยูในศีลธรรม จะโชคดีมีลาภ เกิดเมตตามหานิยมสูงสุด

    และชีวิตจะมีแต่ความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรืองผาสุกเป็นอยา่งยิ่ง

    confirmครับว่ายิ่งเมื่อรวมชนวนพิเศษดังเช่นพระสมเด็จวัดระฆัง; จักรพรรดิ์พระเครื่อง เข้าไปด้วยแล้ว

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ



    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด
    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]


    ============​



    ลองอ่านประวัติการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังแบบย่อๆดูนะครับ

    ผู้ รู้หลายท่านยืนยันตรงกันว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านได้เริ่มสร้างพระตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๕๐ ถึง ๒๔๑๕ อันเป็นช่วงเวลาที่ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ

    การสร้างพระของท่านมิ ได้ยึดถือกำหนดว่ากดพิมพ์เป็นองค์พระแต่เมื่อใดแต่ท่าน ยึดถือว่าพระเครื่องรุ่นนั้นๆ สำเร็จตั้งแต่เป็นผงวิเศษแล้ว ในเรื่องผงวิเศษของท่านนั้นจะทำอยู่ตลอดที่ท่านมีเวลาหรืออาจกล่าวได้ว่าตาม อัธยาศัย การทำผงวิเศษแต่ละครั้งสามารถสร้างพระได้หลายพรรษา และพรรษาที่ท่านได้ทำผงวิเศษมากที่สุด ได้แก่ สาม ห้า เจ็ด เก้า สิบเอ็ด สิบหก และยี่สิบ กล่าวกันว่าการสร้างพระสมเด็จของท่านนั้นกระทำทุกพรรษา มากบ้างน้อยบ้างตามแต่เวลาที่ท่านพึงมี ผงวิเศษของท่านก็ยังมอบให้แก่วัดต่างๆ ที่มาขอเพื่อเป็นส่วนผสมในการสร้างพระก็มาก หลังจากที่ท่านสิ้นชีพิตักษัยแล้ว (ปีที่ท่านสิ้น พ.ศ. ๒๔๑๕) ผงวิเศษก็ยังเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง

    วัสดุที่ใช้ในการสร้างพิมพ์
    ดิน เผา ไม้จันทน์ หินอ่อน หินลับมีดโกน ปูนขาว โลหะ ฯลฯ ในปัจจุบันพิมพ์แม่แบบเหล่านี้หาดูไม่ได้แล้วทราบแต่คำบอกเล่าของ พระภิกษุวงศ์ สุธรรมโม (พระอาจารย์จิ้ม กันภัย) ว่า “เมื่อ ท่านสิ้นพิมพ์พระสมเด็จส่วนหนึ่งจะอยู่ที่วัดระฆัง อีกส่วนก็กระจัดกระจายไปอยู่กับลูกศิษย์บ้าง ชาวบ้านในละแวกนั้นบ้าง ไม่ได้เก็บรักษาไว้ตามที่ควร ในตอนหลังทราบว่าวัดได้ทำลายพิมพ์เหล่านั้นจนสิ้นด้วยเหตุแห่งมีการปลอมแปลง กันมาก”

    ประเภทของเนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง
    ๑. เนื้อผง
    ๑.๑ เนื้อน้ำมัน
    ๑.๒ เนื้อปูน
    - เนื้อปูนเพชร
    - เนื้อปูนขาวลงรักปิดทองล่องชาด
    ๑.๓ เนื้อสังคโลก
    ๑.๔ เนื้อหินลับมีดโกน
    ๑.๕ เนื้อชานหมาก
    ๑.๖ เนื้อมวลสาร (ข้าวสุก ก้านธูป เศษจีวร ทองคำเปลว)
    ๑.๗ เนื้อเกสรดอกไม้
    ๑.๘ เนื้อดินสอเหลือง
    ๑.๙ เนื้อผงใบลานเผา
    ๑.๑๐ เนื้อแป้งข้าวเหนียว
    ๒. เนื้อกระเบื้อง
    ๓. เนื้อดินเผา
    ๔. เนื้อโลหะ
    ๔.๑ เนื้อเงิน
    ๔.๒ เนื้อตะกั่วห่อใบชา

    อานุภาพแห่งอภิญญา ๖ แห่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
    ๑. อิทธิวิธี วิชาที่สามารถแสดงฤทธิ์ได้
    ๒. ทิพโสต วิชาหูทิพย์
    ๓. เจโตปริยญาณ วิชารู้จิตใจผู้อื่น
    ๔. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ วิชาระลึกชาติได้
    ๕. ทิพจักษุ วิชาตาทิพย์
    ๖. อาสวักขยญาณ วิชาการทำอาสวะให้สิ้น

    พระสูตรคาถาที่ลงในดินสอมหาชัยสร้างเป็นผงวิเศษของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี
    ๑. มูลกัจจายน์ พระสูตรคาถาใหญ่ก่อนที่จะเจริญพระสูตรคาถาอื่นๆ
    ๒. มหาราช ผงมหาราชมีอานุภาพทางเมตตามหานิยม
    ๓. ตรีนิสิงเห ผงตรีนิสิงเห เชื่อว่ามีอานุภาพทั้งทางอยู่ยงคงกระพัน
    เมตตามหานิยม ตลอดจนถอนคุณไสยสิ่งอวมงคลทั้งมวล
    ๔. อิทธะเจ ผงอิทธะเจมีอานุภาพทางเมตตามหานิยมโดยเฉพาะแก่สตรีเพศ
    ๕. ปถมัง ผงปถมัง เชื่อว่ามีอานุภาพทางอยู่ยงคงกระพันโดยมากมักนำมาผสมทำเป็นเครื่องราง ผู้ที่สำเร็จคัมภีร์ปถมังจะอยู่ยงคงกระพันรวมทั้งล่องหนหายตัวได้
    ๖. พุทธคุณ ผงพุทธคุณเป็นพระคาถาย่อยในพระคาถาปถมัง ผงพุทธคุณ ป้องกันได้สารพัดทั่วทุกทิศ คุ้มกันได้สิ้น ศึกสงครามก็จะได้ชัยชนะ ค้าขายดีมีกำไร มีความเจริญรุ่งเรืองบังเกิดลาภผลพูนทวี จะลงเป็นผ้าประเจียดป้องกันศาสตราอาวุธก็ได้ ทั้งเป็นเสน่ห์แก่บุคคลโดยทั่วไป

    การสร้างดินสอมหาชัย (ดินสอเหลือง)
    ดินสอ มหาชัยหรือดินสอเหลือง คือวัตถุมงคลที่นำมาเขียนอักขละเลขยันต์ในขณะเจริญพระสูตรคาถา ลบและได้ผงวิเศษนำมาเป็นส่วนผสมที่สำคัญยิ่งในการสร้างพระสมเด็จ มีส่วนผสมที่สำคัญ และการสร้างดังนี้
    ใช้ดินสอ พองบดละเอียด หรือนำดินสอพองแช่น้ำพอละลายผสมเข้ากับน้ำข้าวและน้ำอ้อยเพื่อให้เกิดการจับ ตัวสามารถปั้นเป็นแท่งขึ้นรูปได้ จากนั้นตากให้แห้ง และย้อมด้วยน้ำเถาตำลึงคั้นอย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันดินสอและผงติดมือขณะ เขียน นำมาเขียนลบขณะเจริญพระสูตรคาถา เมื่อเขียนลบจนได้ผงวิเศษแล้วจึงนำมาผสมกับมวลสารมงคลต่าง ๆ แล้วจัดสร้างเป็นพระสมเด็จต่อไป

    มวลสารต่างๆที่เป็นส่วนผสมที่สำคัญของพระสมเด็จวัดระฆัง
    ๑. ปูนเพชร ปูนที่ใช้ทำเครื่องถ้วยชามกังไสของจีน หรือถ้วยชามเบญจ รงค์ของไทย ปูนขาว
    ๒. หินอ่อน หรือ ศิลาธิคุณ
    ๓. ดินหลักเมือง ๗ หลัก
    ๔. ดินสอพอง
    ๕. ดินโปร่งเหลือง
    ๘. ข้าวสุก และอาหารสำรวม
    ๙. แป้งข้าวเหนียว
    ๑๐. กล้วยน้ำไทย
    ๑๑. ยางมะตูม
    ๑๒. น้ำผึ้ง น้ำตาลอ้อยเคี่ยว
    ๑๓. น้ำมันทัง
    ๑๔. ขี้เถ้าไส้เทียนบูชาพระประธาน
    ๑๕. ผงใบลานเผา
    ๑๖. ดอกบัวสัตตบุษย์
    ๑๗. ดอกมะลิ
    ๑๘. ดอกกาหลง
    ๑๙. ยอดสวาท
    ๒๐. ยอดรักซ้อน
    ๒๑. ราชพฤกษ์
    ๒๒. พลูร่วมใจ
    ๒๓. พลูสองหาง
    ๒๔. กระแจะหอม
    ๒๕. ว่านและเกสรดอกไม้ ๑๐๘ ชนิด
    พุทธคุณ และอิทธิคุณ “อิทธิคุณ” คือ พระคาถาในทางไสยศาสตร์ หรือไสยเวททั้งสองด้านคือขาวและดำ “พุทธคุณ” คือ คำกล่าวพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้า หรือการกล่าวถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้าเพราะการเริ่มบทสวดที่จะเจริญพระ คาถาใด ๆจะต้องเริ่มจากบทสวดในการคำกล่าวพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้าก่อนเสมอ แต่ส่วนใหญ่พุทธศาสนิกชนจะนิยมเรียกว่า “พุทธคุณ” ซึ่งก็น่าจะมีส่วนถูกต้อง
    ข้อสรุปในการศึกษาการสร้างพระสมเด็จ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
    ๑. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านได้เริ่มสร้างพระตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๕๐ ถึง ๒๔๑๕ อันเป็นช่วงเวลาที่ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ส่วนการสร้างพระเมื่อครั้งยังเป็นสามเณรนั้นคงยังนับไม่ได้ว่าเป็นพระสมเด็จ
    ๒. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี การสร้างพระของท่านมิได้ยึดถือกำหนดว่า กดพิมพ์เป็นองค์พระแต่เมื่อใดแต่ท่านยึดถือว่าพระเครื่องรุ่นนั้น ๆ สำเร็จตั้งแต่เป็นผงวิเศษแล้ว
    ๓. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้สร้างพระสมเด็จจำนวน ๘๔’,๐๐๐ องค์เท่ากับพระธรรมขันธ์ อันเปรียบได้ถึงการระลึกถึงพระคุณอันประเสริฐของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และการสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไปในภายภาคหน้า
    ๔. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้สร้างแบบพิมพ์มากกว่า ๒๐๐ พิมพ์ โดยแบ่งเป็น
    - พิมพ์ที่จัดทำเป็นแม่แบบโดยช่างหลวง (ช่างสิบหมู่)
    - พิมพ์ที่จัดทำเป็นแม่แบบตามความต้องการของท่าน
    - พิมพ์ที่มีความหมายในทางพุทธศาสนา เรื่องราวพุทธประวัติ และ เหตุการณ์ต่าง ๆ
    - พิมพ์ที่ล้อจากพิมพ์พระที่กำลังมีความนิยมในยุคนั้น ๆ
    - พิมพ์ที่จัดทำเป็นแม่แบบโดยฝีมือช่างชาวบ้านมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
    ๕. พระสมเด็จวัดระฆังมีทั้งสร้างแล้วแจก กับสร้างแล้วนำบรรจุกรุ เชื่อได้ว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี สร้างถาวรวัตถุอันเป็นมงคลวัตถุ หรือจะเรียกว่าปูชนียสถานในทางพุทธศาสนาที่ใด ท่านจะนำพระพิมพ์ที่สร้างที่วัดระฆังบรรจุกรุ ณ ที่นั้น
    ข้อ เขียนนี้ถือเป็นลิขสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมาย ของอาจารย์ไพรพนา ศรีเสน อนุญาตให้ใช้อ้างอิงได้ในทางวิชาการ เพื่อเป็นวิทยาทานโดยไม่ต้องขออนุญาต

    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

     
  3. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;สมเด็จวัดระฆัง;จักรพรรดิ์พระเครื่อง

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">

    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;สมเด็จวัดระฆัง
    สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เมตตาปลุกเสก


    coming soon
    มกราคม 2554



    [​IMG]



    ภาพเจ้าประคุณพระสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี




    [​IMG]



    พระสมเด็จวัดระฆัง พระที่ได้รับการกล่าวขานมานานว่าเป็นจักรพรรดิ์พระเครื่อง เพราะกอรปไปด้วย
    ผงวิเศษและสุดยอดมลสารต่างๆที่สมเด็จโตท่านเมตตาทำและรวบรวมไว้
    กอรปกับกฤติยาคมชั้นสูงสุดที่ท่านมี
    แลรวมพลังบุญญฤทธิ์ และ อิทธิฤิทธิ์ชั้นสูงของพระมหาโพธิสัตว์เฉกเช่นสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสีเอาไว้ด้วยแล้ว

    - อานุภาพพระสมเด็จวัดระฆังจึงสรุปคร่าวๆได้ดังนี้ครับ


    ๑. พุทธคุณครอบจักรวาลอย่างมหาศาลทรงคุณค่าอย่างอเนกอนันต์
    มีความดีเด่นหลายด้านด้วยกัน
    เช่นความเจริญก้าวหน้า ชีวิตรุ่งเรือง
    บูชาไว้ จะกอรปไปด้วยความเจริญรุ่งเรืองในกิจการงาน และความผาสุขของชีวิต
    ผู้มีติดตัวไว้ จะทำให้เกิดโภคทรัพย์ ในสุจริตวิถี

    ๒.เด่นทาง คุ้มครองป้องกันภัยอันตราย ให้แคล้วคลาดจากภัย ทั้งหลายทั้งปวง เฉพาะในผู้ที่เป็นสุจริตชน
    ผู้ทำมาหากินด้วยแรงกาย แรงสติปัญญา ในทำนองครองธรรม

    ๓.มหาโชคลาภ มหาเมตตา และแคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุตม์ มหาคุ้มกันภัย มากถึงมากที่สุดครับ

    ๔.เด่น ทางการรักษาโรคเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระสมเด็จวัดระฆังมีชื่อตั้งแต่อดีต เนื่องจากในสมัยนั้นได้เกิดโรคห่า หรือ อหิวาตกโรคระบาดทั่วประเทศไทย ในครั้งนั้น มีผู้อาราธนา พระสมเด็จวัดระฆังของสมด็จฯมาฝนน้ำแล้วใช้ดื่มกิน ปรากฏว่า โรคหายเป็นที่น่าอัศจรรย์
    อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าซึ่งคุ้นหูกันมากว่า ในขณะที่สมเด็จท่านสิ้นใหม่ๆ ได้มีชาวอ่างทองผู้หนึ่งป่วยเป็นอหิวาตกโรคและญาติได้ฝันเห็นสมเด็จฯ มาบอกว่ายังไม่ตายให้นำพระสมเด็จที่เก็บไว้บนเพดานวิหารน้อยวัดระฆังมาทำ น้ำมนต์ดื่มกิน จนชายผู้นั้นหายจากอหิวาตกโรคอย่างน่าอัศจรรย์


    ๕.ป้องกันภัยอันตรายนานับประการผู้ที่มีจิตใจที่ดี บริสุทธิ์ผ่องใส จะได้รับอานุภาพที่ดี จากพระสมเด็จวัดระฆัง


    ณเวลานี้จะเรียกพระสมเด็จวัดระฆังว่า "ยอดพระเครื่อง"หรือ"จักรพรรดิพระเครื่อง"ก็เห็นจะไม่ผิด



    พุทธคุณของพระสมเด็จวัดระฆังนั้นมากมายเกินกว่าที่จะพรรณาหมด เพราะครบถ้วนกระบวนยุทธ์ที่คนทั้งหลายสุดจะปราถนายิ่งแล้ว

    เอาง่ายๆว่าใครได้พระสมเด็จวัดระฆังไปบูชาและประพฤติตนดี อยูในศีลธรรม จะโชคดีมีลาภ เกิดเมตตามหานิยมสูงสุด

    และชีวิตจะมีแต่ความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรืองผาสุกเป็นอยา่งยิ่ง

    confirmครับว่ายิ่งเมื่อรวมชนวนพิเศษดังเช่นพระสมเด็จวัดระฆัง; จักรพรรดิ์พระเครื่อง เข้าไปด้วยแล้ว

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ



    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด
    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]


    ============​



    ลองอ่านประวัติการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังแบบย่อๆดูนะครับ

    ผู้ รู้หลายท่านยืนยันตรงกันว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านได้เริ่มสร้างพระตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๕๐ ถึง ๒๔๑๕ อันเป็นช่วงเวลาที่ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ

    การสร้างพระของท่านมิ ได้ยึดถือกำหนดว่ากดพิมพ์เป็นองค์พระแต่เมื่อใดแต่ท่าน ยึดถือว่าพระเครื่องรุ่นนั้นๆ สำเร็จตั้งแต่เป็นผงวิเศษแล้ว ในเรื่องผงวิเศษของท่านนั้นจะทำอยู่ตลอดที่ท่านมีเวลาหรืออาจกล่าวได้ว่าตาม อัธยาศัย การทำผงวิเศษแต่ละครั้งสามารถสร้างพระได้หลายพรรษา และพรรษาที่ท่านได้ทำผงวิเศษมากที่สุด ได้แก่ สาม ห้า เจ็ด เก้า สิบเอ็ด สิบหก และยี่สิบ กล่าวกันว่าการสร้างพระสมเด็จของท่านนั้นกระทำทุกพรรษา มากบ้างน้อยบ้างตามแต่เวลาที่ท่านพึงมี ผงวิเศษของท่านก็ยังมอบให้แก่วัดต่างๆ ที่มาขอเพื่อเป็นส่วนผสมในการสร้างพระก็มาก หลังจากที่ท่านสิ้นชีพิตักษัยแล้ว (ปีที่ท่านสิ้น พ.ศ. ๒๔๑๕) ผงวิเศษก็ยังเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง

    วัสดุที่ใช้ในการสร้างพิมพ์
    ดิน เผา ไม้จันทน์ หินอ่อน หินลับมีดโกน ปูนขาว โลหะ ฯลฯ ในปัจจุบันพิมพ์แม่แบบเหล่านี้หาดูไม่ได้แล้วทราบแต่คำบอกเล่าของ พระภิกษุวงศ์ สุธรรมโม (พระอาจารย์จิ้ม กันภัย) ว่า “เมื่อ ท่านสิ้นพิมพ์พระสมเด็จส่วนหนึ่งจะอยู่ที่วัดระฆัง อีกส่วนก็กระจัดกระจายไปอยู่กับลูกศิษย์บ้าง ชาวบ้านในละแวกนั้นบ้าง ไม่ได้เก็บรักษาไว้ตามที่ควร ในตอนหลังทราบว่าวัดได้ทำลายพิมพ์เหล่านั้นจนสิ้นด้วยเหตุแห่งมีการปลอมแปลง กันมาก”

    ประเภทของเนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง
    ๑. เนื้อผง
    ๑.๑ เนื้อน้ำมัน
    ๑.๒ เนื้อปูน
    - เนื้อปูนเพชร
    - เนื้อปูนขาวลงรักปิดทองล่องชาด
    ๑.๓ เนื้อสังคโลก
    ๑.๔ เนื้อหินลับมีดโกน
    ๑.๕ เนื้อชานหมาก
    ๑.๖ เนื้อมวลสาร (ข้าวสุก ก้านธูป เศษจีวร ทองคำเปลว)
    ๑.๗ เนื้อเกสรดอกไม้
    ๑.๘ เนื้อดินสอเหลือง
    ๑.๙ เนื้อผงใบลานเผา
    ๑.๑๐ เนื้อแป้งข้าวเหนียว
    ๒. เนื้อกระเบื้อง
    ๓. เนื้อดินเผา
    ๔. เนื้อโลหะ
    ๔.๑ เนื้อเงิน
    ๔.๒ เนื้อตะกั่วห่อใบชา

    อานุภาพแห่งอภิญญา ๖ แห่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
    ๑. อิทธิวิธี วิชาที่สามารถแสดงฤทธิ์ได้
    ๒. ทิพโสต วิชาหูทิพย์
    ๓. เจโตปริยญาณ วิชารู้จิตใจผู้อื่น
    ๔. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ วิชาระลึกชาติได้
    ๕. ทิพจักษุ วิชาตาทิพย์
    ๖. อาสวักขยญาณ วิชาการทำอาสวะให้สิ้น

    พระสูตรคาถาที่ลงในดินสอมหาชัยสร้างเป็นผงวิเศษของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี
    ๑. มูลกัจจายน์ พระสูตรคาถาใหญ่ก่อนที่จะเจริญพระสูตรคาถาอื่นๆ
    ๒. มหาราช ผงมหาราชมีอานุภาพทางเมตตามหานิยม
    ๓. ตรีนิสิงเห ผงตรีนิสิงเห เชื่อว่ามีอานุภาพทั้งทางอยู่ยงคงกระพัน
    เมตตามหานิยม ตลอดจนถอนคุณไสยสิ่งอวมงคลทั้งมวล
    ๔. อิทธะเจ ผงอิทธะเจมีอานุภาพทางเมตตามหานิยมโดยเฉพาะแก่สตรีเพศ
    ๕. ปถมัง ผงปถมัง เชื่อว่ามีอานุภาพทางอยู่ยงคงกระพันโดยมากมักนำมาผสมทำเป็นเครื่องราง ผู้ที่สำเร็จคัมภีร์ปถมังจะอยู่ยงคงกระพันรวมทั้งล่องหนหายตัวได้
    ๖. พุทธคุณ ผงพุทธคุณเป็นพระคาถาย่อยในพระคาถาปถมัง ผงพุทธคุณ ป้องกันได้สารพัดทั่วทุกทิศ คุ้มกันได้สิ้น ศึกสงครามก็จะได้ชัยชนะ ค้าขายดีมีกำไร มีความเจริญรุ่งเรืองบังเกิดลาภผลพูนทวี จะลงเป็นผ้าประเจียดป้องกันศาสตราอาวุธก็ได้ ทั้งเป็นเสน่ห์แก่บุคคลโดยทั่วไป

    การสร้างดินสอมหาชัย (ดินสอเหลือง)
    ดินสอ มหาชัยหรือดินสอเหลือง คือวัตถุมงคลที่นำมาเขียนอักขละเลขยันต์ในขณะเจริญพระสูตรคาถา ลบและได้ผงวิเศษนำมาเป็นส่วนผสมที่สำคัญยิ่งในการสร้างพระสมเด็จ มีส่วนผสมที่สำคัญ และการสร้างดังนี้
    ใช้ดินสอ พองบดละเอียด หรือนำดินสอพองแช่น้ำพอละลายผสมเข้ากับน้ำข้าวและน้ำอ้อยเพื่อให้เกิดการจับ ตัวสามารถปั้นเป็นแท่งขึ้นรูปได้ จากนั้นตากให้แห้ง และย้อมด้วยน้ำเถาตำลึงคั้นอย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันดินสอและผงติดมือขณะ เขียน นำมาเขียนลบขณะเจริญพระสูตรคาถา เมื่อเขียนลบจนได้ผงวิเศษแล้วจึงนำมาผสมกับมวลสารมงคลต่าง ๆ แล้วจัดสร้างเป็นพระสมเด็จต่อไป

    มวลสารต่างๆที่เป็นส่วนผสมที่สำคัญของพระสมเด็จวัดระฆัง
    ๑. ปูนเพชร ปูนที่ใช้ทำเครื่องถ้วยชามกังไสของจีน หรือถ้วยชามเบญจ รงค์ของไทย ปูนขาว
    ๒. หินอ่อน หรือ ศิลาธิคุณ
    ๓. ดินหลักเมือง ๗ หลัก
    ๔. ดินสอพอง
    ๕. ดินโปร่งเหลือง
    ๘. ข้าวสุก และอาหารสำรวม
    ๙. แป้งข้าวเหนียว
    ๑๐. กล้วยน้ำไทย
    ๑๑. ยางมะตูม
    ๑๒. น้ำผึ้ง น้ำตาลอ้อยเคี่ยว
    ๑๓. น้ำมันทัง
    ๑๔. ขี้เถ้าไส้เทียนบูชาพระประธาน
    ๑๕. ผงใบลานเผา
    ๑๖. ดอกบัวสัตตบุษย์
    ๑๗. ดอกมะลิ
    ๑๘. ดอกกาหลง
    ๑๙. ยอดสวาท
    ๒๐. ยอดรักซ้อน
    ๒๑. ราชพฤกษ์
    ๒๒. พลูร่วมใจ
    ๒๓. พลูสองหาง
    ๒๔. กระแจะหอม
    ๒๕. ว่านและเกสรดอกไม้ ๑๐๘ ชนิด
    พุทธคุณ และอิทธิคุณ “อิทธิคุณ” คือ พระคาถาในทางไสยศาสตร์ หรือไสยเวททั้งสองด้านคือขาวและดำ “พุทธคุณ” คือ คำกล่าวพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้า หรือการกล่าวถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้าเพราะการเริ่มบทสวดที่จะเจริญพระ คาถาใด ๆจะต้องเริ่มจากบทสวดในการคำกล่าวพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้าก่อนเสมอ แต่ส่วนใหญ่พุทธศาสนิกชนจะนิยมเรียกว่า “พุทธคุณ” ซึ่งก็น่าจะมีส่วนถูกต้อง
    ข้อสรุปในการศึกษาการสร้างพระสมเด็จ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
    ๑. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านได้เริ่มสร้างพระตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๕๐ ถึง ๒๔๑๕ อันเป็นช่วงเวลาที่ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ส่วนการสร้างพระเมื่อครั้งยังเป็นสามเณรนั้นคงยังนับไม่ได้ว่าเป็นพระสมเด็จ
    ๒. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี การสร้างพระของท่านมิได้ยึดถือกำหนดว่า กดพิมพ์เป็นองค์พระแต่เมื่อใดแต่ท่านยึดถือว่าพระเครื่องรุ่นนั้น ๆ สำเร็จตั้งแต่เป็นผงวิเศษแล้ว
    ๓. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้สร้างพระสมเด็จจำนวน ๘๔’,๐๐๐ องค์เท่ากับพระธรรมขันธ์ อันเปรียบได้ถึงการระลึกถึงพระคุณอันประเสริฐของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และการสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไปในภายภาคหน้า
    ๔. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้สร้างแบบพิมพ์มากกว่า ๒๐๐ พิมพ์ โดยแบ่งเป็น
    - พิมพ์ที่จัดทำเป็นแม่แบบโดยช่างหลวง (ช่างสิบหมู่)
    - พิมพ์ที่จัดทำเป็นแม่แบบตามความต้องการของท่าน
    - พิมพ์ที่มีความหมายในทางพุทธศาสนา เรื่องราวพุทธประวัติ และ เหตุการณ์ต่าง ๆ
    - พิมพ์ที่ล้อจากพิมพ์พระที่กำลังมีความนิยมในยุคนั้น ๆ
    - พิมพ์ที่จัดทำเป็นแม่แบบโดยฝีมือช่างชาวบ้านมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
    ๕. พระสมเด็จวัดระฆังมีทั้งสร้างแล้วแจก กับสร้างแล้วนำบรรจุกรุ เชื่อได้ว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี สร้างถาวรวัตถุอันเป็นมงคลวัตถุ หรือจะเรียกว่าปูชนียสถานในทางพุทธศาสนาที่ใด ท่านจะนำพระพิมพ์ที่สร้างที่วัดระฆังบรรจุกรุ ณ ที่นั้น
    ข้อ เขียนนี้ถือเป็นลิขสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมาย ของอาจารย์ไพรพนา ศรีเสน อนุญาตให้ใช้อ้างอิงได้ในทางวิชาการ เพื่อเป็นวิทยาทานโดยไม่ต้องขออนุญาต

    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

     
  4. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    หรียญน้ำมนต์รุ่น4;รูปลักษณ์ หลวงปู่ใหญ่;หลวงปู่เทพโลกอุดร

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    เหรียญน้ำมนต์รุ่น4;รูปลักษณ์หลวงปู่ใหญ่;

    หลวงปู่เทพโลกอุดร

    (ในหลายๆความเชื่อว่ากันว่าท่านคือองค์เดียวกับพระอุตตระมหาเถระเจ้า
    พระธรรมทูตที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิครับ
    ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ)


    coming soon
    มกราคม 2554


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    เหรียญน้ำมนต์รุ่น4;รูปลักษณ์หลวงปู่ใหญ่;เป็นรูปลักษณ์ที่ 8 ที่postมานะครับ รอรูปลักษณ์สุดท้ายได้เร็วๆนี้ครับ
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4


    coming soon
    มกราคม 2554
     
  5. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    หรียญน้ำมนต์รุ่น4;รูปลักษณ์ หลวงปู่ใหญ่;หลวงปู่เทพโลกอุดร

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    เหรียญน้ำมนต์รุ่น4;รูปลักษณ์หลวงปู่ใหญ่;

    หลวงปู่เทพโลกอุดร

    (ในหลายๆความเชื่อว่ากันว่าท่านคือองค์เดียวกับพระอุตตระมหาเถระเจ้า
    พระธรรมทูตที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิครับ
    ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ)


    coming soon
    มกราคม 2554


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    เหรียญน้ำมนต์รุ่น4;รูปลักษณ์หลวงปู่ใหญ่;เป็นรูปลักษณ์ที่ 8 ที่postมานะครับ รอรูปลักษณ์สุดท้ายได้เร็วๆนี้ครับ
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4


    coming soon
    มกราคม 2554
     
  6. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4; โคตรเหล็กไหล

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4; โคตรเหล็กไหล


    coming soon
    มกราคม 2554


    [​IMG]

    ในรูปยังไม่ใช่ของจริงนะครับแค่เสมือนจริงถ้าภาพจริงซึ่งก็คงใกล้เคียงกับในภาพมาแล้วจะ upload ให้ดูอีกทีครับ


    โคตรเหล็กไหล ( ธาตุกายสิทธิ์ในตำนานที่ประสบการณ์สูงมากๆเลยครับ )


    ก่อนออื่นเรามารู้กันก่อนดีกว่าครับว่าตำนานเหล็กไหลเป็นมายังไง

    เหล็ก ไหล คือ ก้อนแร่เหล็กบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ได้รับการอธิษฐานบรรจุฤทธิ์ โดยพระฤาษีผู้ทรงฌาณชั้นสูง เพื่อธำรงคุณงามความดี โดยมีธาตุกายสิทธิ์เป็นผู้คอยช่วยเหลือผู้ที่มี ความทุกข์ยากให้พ้นภัย จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่มีรังสีหรือพลังปราณที่ทรงอำนาจในการ ป้องกันตัว และสิ่งที่อยู่ ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตรายอันเกิดจากอาวุธปืนหรือของมีคม เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะและหายากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมายกว่าจะได้มา ฉะนั้นเหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่ มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตคนที่มีเหล็กไหลพกติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจากอุบัติภัยร้ายแรงรวมถึงอาวุธร้ายแรง นานาชนิดได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    - จะช่วยให้ความคุ้มครองป้องกันสรรพอันตรายแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้ทรงศีล ทรงธรรม ตามสมควรแก่บุญบารมี
    - ทำหน้าที่เป็นภาคผู้เลี้ยง ช่วยให้ผู้มีไว้ในครอบครอง เจริญด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ เป็นอุปการะแก่การบำเพ็ญบารมีธรรมให้ถึงนิพพานสมบัติ แก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้ประกอบคุณธรรม เพิ่มพูนบารมีธรรม ได้เป็นอย่างดี

    ธาตุ กายสิทธิ์ประเภทดีมีคุณธรรม จะช่วยชักนำให้ผู้มีอยู่ในครอบครอง ปฏิบัติธรรมอยู่ในคุณความดี คือ ทานกุศล ศีลกุศล และภาวนากุศล ให้เจริญเเก่กล้ายิ่งๆขึ้นไป เพื่อที่จะเขาจะได้อนุโมทนาบุญ และได้มีโอกาสบำเพ็ญบารมีธรรมด้วย จึงให้แต่คุณแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้เป็นคนดีมีศีลมีธรรม

    นอก จากนี้ยังเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สามารถป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ ได้ มีอำนาจทางคงพระพันหนังเหนียว ปลอดภัยจากอาวุธของมีคม และยังมีคุณสมบัติพิเศษพกติดตัว ในทางป้องกันสัตว์เขี้ยวงาต่าง ๆ รวมทั้งอสรพิษด้วย หรือหากใครถูกสัตว์เขี้ยวงากัดเอา เช่นตะขาบ แมงป่องขบกัดเอา ท่านให้ใช้แร่โคตรเหล็กไหลทำการดูดพิษได้ โดยเอาตัวแร่มาแนบปิดไว้ที่แผลเพียงไม่นานอากรปวดก็จะบรรเทา

    ลักษณะของโคตรเหล็กไหล

    เหตุ ที่เรียกว่า “โคตรเหล็กไหล” เพราะ มีลักษณะการเกิดที่พิสดาร เนื้อเดิม ๆ ก็ เหมือนกับก้อนหินทั่วไป แต่พื้นผิวกับงอกขึ้นมาเองเป็นผิวมันสีดำสนิท เม็ดเล็กตั้งแต่ ขนาดเท่าปลายเข็ม ไข่ ปลาดุก เม็ดถั่วลิสง เม็ดพุดทรา เกาะกันเป็นกลุ่มก้อน หนาบ้างบางบ้าง บางแห่งเหมือนการหยดหรือไหลย้อย ทำให้นึกถึงเหล็กไหลที่เราเคยได้ยินกันว่า สามารถเคลื่อนที่ไปตามพื้นถ้ำ ผนังถ้ำ ตามรอยแยกรอยแตกของส่วนต่าง ๆ ภายในถ้ำ

    แต่ ที่มันแปลกมากก็คือ พื้นเดิมของมันเป็นหินแน่นอน แต่พองอกออกมากลับกลายเป็นเนื้อแกร่งคล้ายเหล็ก ถ้าไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ทึกทักเอาว่าเป็นเนื้อโลหะ ธรรมชาติสร้างได้พิสดาร จึงน่าจะมีความพิสดารอื่นที่ซ่อนเร้นอยู่อย่างแน่นอน

    อานุภาพของโคตรเหล็กไหล

    1. มหาอุด

    2. คงกระพัน

    3. เมตตามหานิยม

    4. โชคลาภ

    5. กันพิษสัตว์เขี้ยวงา


    พระ เกจิอาจารย์ที่มีความรู้ในเรื่อง เหล็กไหล ต่างก็ทราบกันดีว่า เหล็กไหลทุกชนิด จะเด่นทางด้าน มหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน อย่างมากถุงมากที่สุดดังนั้นโคตรเหล็กไหลก็เฉกเช่นกัน จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ธรรมชาติ ที่ให้ผลปรากฏแก่ผู้พบเห็นมากมาย เพียงแต่ยังไม่มีใครได้ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษรให้เราได้ศึกษากันเท่า นั้น

    น้ำมนต์เหล็กไหลรักษาโรค

    "น้ำมนต์เหล็กไหล" ที่ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของพลังเหล็กไหลที่ถูกถ่ายทอดเป็นรูปพลังงานผ่านเข้าสู่กระแส น้ำ น้ำธรรมดาก็กลับกลายเป็นน้ำทิพย์มนต์ที่สามารถ ขับไล่คุณไสย แก้โรคภัยไข้เจ็บ เพื่อสะเดาะเคราะห์เสริมสิริมงคล ฯล เพราะบางคนที่มีของไม่ดีเหล่านี้อยู่ในตัว เมื่อได้ดื่มลงไปก็เกิดอาการอาเจียร ขับของไม่ดีออกมาทันที บางคนนำไปพรมร้านค้าขาย สุดแท้ตามแต่ปรารถนา

    บาง คนถูกเสน่ห์ยาแฝด พอได้ดื่มหรืออาบน้ำมนต์เหล็กไหลเข้า อาการก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะก่อนหน้านั้น เพียรจะพยายามหนีตามผู้ชายไป พอญาตินำมาอาบน้ำมนต์เหล็กไหลเพียงครั้งเดียว เดี๋ยวนี้มีอาการเป็นปกติ ไม่หลงโง่งมเหมือนที่ผ่านมา เปลี่ยนนิสัยเป็นคนละคน

    (สังเกตไหมครับว่าชนวนแต่ละอย่างที่เราเลือก มามีสรรพคุณในการรักษาโรคอย่างเยี่ยมยอด และสรรพคุณด้านอื่นก็ยังครบครันอีกด้วยทั้ง เมตตา มหานิยม แคล้วลาดกำบัง คงกะพันชาตรี กันพิษต่างๆ อย่างโคตรเหล็กไหลนี่ถ้าไม่ดีจริงเขาไม่ตามหากันแบบพลิกแผ่นดิน ใช้เงินเป็นสิบล้านร้อยล้านหามาหรอกครับ แต่นี่เราเอามาเป็นชนวนสร้างเหรียญทำน้ำมนต์รุ่น 4 ด้วย คิดดูเอาเองแล้วกันครับว่าเมื่อสุดยอดชนวนต่างๆ มารวมกับพลังบารมีของสุดยอดพระสุปฎิปันโน จะเป็นเหรียญที่พิเศษขนาดไหนกัน)


    confirmเลยครับว่าเมื่อรวมชนวนกายสิทธิ์ ที่เป็นตำนานที่ทุกท่านถวิลหาทุกคืนวันดังเช่นโคตรเหล็กไหล เข้าไปด้วยแล้ว

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ


    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด


    ============​



    ลองอ่านเรื่องราวประวัติของเหล็กไหลเป็นน้ำจิ้มก่อนที่จะได้รับเหรียญทำน้ำมนต์รุ่น 4 ดีไหมครับ


    กำเนิดเหล็กไหล

    ย้อน กาลเวลาไปนานแสนนาน ในสมัยอสงไขยแสนกัลป์กาลก่อนโน้น มหาฤาษีกไลโกษฐ์ผู้สำเร็จญาณสมาบัติ เป็นผู้เพ่งฌาณเรียกแร่ธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะแข็งตัวได้ หลอมเหลวได้ สลายตัวได้และรวมตัวได้ มีลักษณะเหมือนเหล็กแต่ไม่ใช่เหล็ก ท่านเรียกให้มารวมตัวกันอยู่ตามถ้ำตั้งแต่สมัยแอตแลนติสซึ่งเคยมีความเจริญ รุ่งเรืองสูงสุดในยุคนั้น แต่ได้ล่มสลายหายไปจากแผนที่โลก เชื่อกันว่าทวีปนี้ได้จมหายไปในมหาสมุทรเมื่อคราวน้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ และโนอาได้เป็นผู้สร้างเรือใหญ่หนีน้ำท่วม ตามเรื่องราวที่ได้ถูกบันทึกอยู่ในคัมภีร์โบราณ

    นอก จากนี้ยังมีท่านมหาฤาษีกัสสปและเหล่ามหาฤาษีผู้ทรงฌาณสมาบัติบรรลุ อภิญญาสูงสุด ท่านก็เป็นผู้ที่ได้เพ่งฌาณเรียกแร่ดังกล่าวมารวมกันที่ผนังถ้ำ เพื่อเป็นที่พำนักของวิญญาณ ได้เล็งเห็นด้วยอำนาจทิพยจักษุญาณว่า ภายใต้แผ่นดินนี้ลึกลงไปประมาณ 3 กม. มีแหล่งรวมของธาตุกายสิทธิ์มากมายหลายชนิด หล่อหลอมเหลวปะปนรวมกันอยู่ ในใจกลางโลก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในโลกวิทยาศาสตร์ ว่า “ลาวา” นั่นเอง แต่ภายใต้หินลาวาเหล่านั้นมี “แร่เหล็ก” ชนิดหนึ่งสมบูรณ์ด้วยคุณภาพ และเยี่ยมยอดเหนือกว่าเหล็กชนิดอื่น

    ปู่ฤาษีมหา ฤาษีผู้ทรงฤทธิ์อภิญญา จึงใช้พลังจิตด้วยฤทธิ์อภิญญาของท่านดึงเอาแร่เหล็กดังกล่าวขึ้นมาจากใต้ ลาวา อธิษฐานจิตให้เป็นของศักดิ์สิทธิ์สุดวิเศษ มีอำนาจกายสิทธิ์ มีฤทธิ์ คุ้มครองปกป้องสรรพภัยได้อย่างอัศจรรย์ ดัวยพลังอำนาจจิตชั้นสูงปลุกเสกบรรจุไว้ด้วยอำนาจแห่งฤทธิ์ของมหาฤาษี นั้น จากนั้นได้ใช้อำนาจอิทธิฤทธิ์ตัดเหล็กวิเศษออกทำเป็นรูปเคารพของตน เช่น รูปพระอิศวร รูปพระนารายณ์ รูปพระพรหม แล้วอัดพลังเจโตสมาธิหรือพลังฌาณเข้าไปพร้อมกับอธิษฐานให้เกิดความศักดิ์ สิทธิ

    แต่ก็มีมหา ฤาษีบางตนมีศรัทธาแก่กล้า เข้าฌาณเต็มอัตราแล้วถอดจิตหรืออาตมันของตนเองด้วยมโนมัยฤทธิ์ เข้าไปอยู่ในเทวรูปเหล็กวิเศษนั้นเลย ทีเดียว ถือว่าเป็นการสละชีวิตบูชาองค์พระผู้เป็นเจ้าตามลัทธิความเชื่อถือ ฤาษีตนอื่นเห็นเข้าก็เอาแบบอย่าง เพราะถือว่าเป็นกุศลสูงสุดที่ได้เอาดวงจิตเข้าร่วมปรมาตมันของพระผู้เป็น เจ้าโดยทางลัด

    ต่อมาฤาษีอื่น ๆ เห็นว่าการถอดจิตเข้าในเทวรูปนั้นมีมากแล้ว น่าจะเข้าสิงสู่ในรูปแบบอื่น ๆ ที่จะยังคงขลังและศักดิ์สืทธิ์เหมือนเดิม เพื่อให้สาธุชนได้ไว้สักการะบูชาเพื่อความเป็นศิริมงคล คุ้มครองป้องกันชีวิตและทรัพย์สมบัติ

    ดังนั้นฤาษีผู้บำเพ็ญญาณอื่น ๆ ที่บำเพ็ญบารมีถึงขั้นพรหมในถ้ำต่าง ๆ จึงได้ถือเป็นแบบอย่างสืบทอดกันมา ก็จะทำการเพ่งฌาณเรียกเอาแร่ธาตุกายสิทธิ์ดังกล่าวให้ไหลมารวมตัวกันเป็น สังขารอมตะ สำหรับวิญญาณซืมสิง เมื่อกายเนื้อได้แตกดับทำลายลงไปตามกาลเวลา ด้วยเหตุนี้ตามถ้ำต่าง ๆ จึงมีเหล็กไหลซุ่มซ่อนแฝงเร้นกายสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

    นับได้ว่าเป็นต้นแบบของเหล็กไหลที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก จนในกาลต่อมาได้เป็นคติ นิยมสืบทอดกันมาในทางพระพุทธศาสนา ที่ผู้สำเร็จฌาณอภิญญาชั้นสูง นิยมถอดจิตตนเองด้วยวิธี มโนมยิทธิ เข้าสิงในรูปปั้นพระพุทธปฏิมากร แล้วอธิษฐานให้พระพุทธรูปนั้นลอยไปตามน้ำ เห็นสถานที่ใดเหมาะสมที่จะให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา ชาวบ้านก็จะทำพิธีบวงสรวงชักลากขึ้นไปสักการบูชาได้สำเร็จ เช่น หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อบ้านแหลม หลวงพ่อทอง เป็นต้น

    เหล็กไหลนี้ จึงเปรียบได้กับร่างกายของท่านมหาฤาษีทั้งหลาย ที่มีวิญญาณอันเป็นอมตะของท่านมหาฤาษีครองอยู่ จึงได้เกิดอภินิหารเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งปวง จนบางครั้งมีผู้เรียกขานกันว่า “ธาตุกายสิทธิ์”

    เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์


    เหล็กไหลรูปทรง ต่างๆคำ ว่า”ธาตุกายสิทธิ์”นั้น หมายถึง วัตถุธาตุบางชนิดที่ปรากฏอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ ประกอบไปด้วยพลังงานอันมหาศาล อันเกิดจากเจตสิกผู้ครอบครองธาตุนั้นแฝงเร้นอยู่ ใช้สำหรับป้องกันภัยให้กับตนเองโดยธรรมชาติ แต่บางครั้งไม่ได้ปรากฏให้เห็นชัดเจน กลับซืมลึกลงไปอยู่ใต้พื้นผิวโลก ตามป่าตามเขา ตามถ้ำ แม้แต่ห้วยหนอง คลองบึง รอจนกว่าผู้ที่มีภูมิจิตภูมิธรรมสูงไปพบเข้าแล้วหยิบยกเอาธาตุกายสิทธิ์ เหล่านี้มาใช้ประโยชน์ เพื่อมวลมนุษยชาติและปกป้องคุ้มครองคนหมู่มาก ดังนั้นจึงเชื่อกันว่า “เหล็กไหล” จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยธาตุที่สำคัญดังนี้

    1. ธาตุเหล็ก คือ ธาตุหลักเนื่องจากมีความแข็งแกร่งมากที่สุดในยุคนั้น

    2. ธาตุดิน ที่ถูกความอัดแน่นของโลก จนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาเป็นหินสีต่าง ๆ เช่น เพชร นิล จินดา อัญมณีหลากสี

    3. ว่านมหามงคล ที่มีฤทธิ์อำนาจในตัว เช่น ว่านต่าง ๆ ไพรดำ ซึ่งเป็นพืชที่ดูดซับเอาพลังต่าง ๆ จากผืนดินเก็บสะสมเอาไว้ในตนเอง จนเกิดฤทธิ์เดช

    4. ปรอท หรือธาตุอื่น ๆ ที่สามารถเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนที่ได้ด้วยตนเอง โดยการอ่อนตัวแล้วกลิ้งไหลไป มีฤทธิ์อำนาจทางความยืดหยุ่น หรือหดตัวเองได้ หลีกภัยได้เร็ว ปรับสภาพตนเองให้เป็นไปในลักษณะต่าง ๆ ได้

    ดัง นั้นแร่เหล็กที่อยู่ภายใต้ลาวานั้น ย่อมได้รวบรวมเอาสรรพสิ่งจากธาตุ กายสิทธิ์ทั้งหลายเหล่านั้นรวมกันไว้ในตัวเอง คือมีฤทธิ์ในการปกป้องตนเองให้พ้นจากภัยในทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นเมื่อมหาฤาษีได้ใช้อิทธิฤทธิ์ดึงธาตุเหล่านี้ขึ้นมา แล้วถอดจิตด้วยฌาณสมาบัติเข้าแฝงตนอยู่ในธาตุ กายสิทธิ์เหล่านี้ เพื่อฝึกฝนปฏิบัติทางจิตให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงทำให้เจตสิกของผู้ทรงฌาณนั้นเกิดพลังอันมหาศาล แม้แต่จะงอเหล็กก็ยังได้ จนมนุษย์ได้ค้นพบสิ่งเหล่านี้เข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่ทราบว่ามันคืออะไร ก็เลยเรียกกันว่า “เหล็ก ไหล” ตามสภาวะการแสดงอิทธิ์ฤทธิ์ที่ปรากฏต่อสายตาในขณะนั้นนั่นเอง คือลักษณะเหมือนก้อนเหล็กที่ยืดตัวได้ มีสีสรรต่าง ๆ กันหลายรูปแบบ เหล็กไหลจึงเป็นธาตุ กายสิทธิ์ที่ ทรงอิทธิฤทธิ์ จนกลายเป็นสิ่งล้ำค่าที่ผู้คนแสวงหาไม่รู้จักจบมาทุกยุคทุกสมัยตราบจนเท่า ทุกวันนี้

    เหล็ก ไหลมีหลากหลายชนิด ลักษณะเป็นเนื้อโลหะสีมันวาวสะท้อนแสงได้ดี แข็งมีน้ำหนักเหมือนโลหะทั่วไป สนิมไม่กินเนื้อ มีพลังอำนาจในตัว ทางธรณีวิทยาเราจัดเป็นแร่ ประเภทหนึ่ง แต่ คนโบราณได้ค้นพบธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้ขึ้นมา โดยการอนุมานจากอนุภาคธรรมชาติ ที่แสดงตนออกมาตามสภาพที่พบเห็นแล้วเรียกมันว่า “เหล็กไหล” เช่น ยืดได้หดได้ด้วยตนเอง ไหลยืดออกมาเป็นทางยาว ดับความร้อนได้ ชอบกินน้ำผึ้ง มีฤทธิ์ทำลายฟอสฟอรัสหรือหัวไม้ขีดให้หมดสภาพไปได้ คือจุดไม่ติด เมื่อมีการทดลองให้ประจักษ์แก่สายตาในอิทธิ์ฤทธิ์ปาฎิหาริย์ จึงทำให้เกิดมีความปรารถนาและมี ความต้องการสูง มีการติดต่อซื้อขายกันในราคาที่ค่อนข้างสูง คิดตามน้ำหนักเป็นบาทหรือเป็นชิ้นเป็นองค์ในราคาหลักร้อยล้านกันขึ้น ไป

    ดัง นั้น “เหล็กไหล” จึงเป็นที่ปรารถนาและใฝ่ฝันของคนทั่วไป แม้บางที่จะต้องเสี่ยงภัยถึงขั้นเอาชีวิตแลกก็ยอม เรื่องราวของเหล็กไหลจึงดูเหมือนเป็นเรื่องลี้ลับซับซ้อน และหลายคนคงอยากจะรู้เหมือนกันว่า เหล็กไหลคืออะไรกันแน่ ? เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? เหล็กไหลที่ทรงอิทธิฤทธิ์นี้ มีจริงหรือไม่ ? จึงเป็นปรัศนีที่ท้าทายความกระหายใคร่อยากรู้ตามลักษณะวิสัยของมนุษย์ จึงทำให้ต้องเที่ยวหาคำตอบจากผู้รู้ทั้งหลาย หรือผู้มี ประสพการณ์ที่มีความรู้ที่พึงเชื่อถือได้ จนกลายเป็นตำนาน “เหล็กไหล” ที่เล่าขานที่สืบทอดกันมาแต่สมัยโบราณตราบถึงปัจจุบัน





     
  7. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4; โคตรเหล็กไหล

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4; โคตรเหล็กไหล


    coming soon
    มกราคม 2554


    [​IMG]

    ในรูปยังไม่ใช่ของจริงนะครับแค่เสมือนจริงถ้าภาพจริงซึ่งก็คงใกล้เคียงกับในภาพมาแล้วจะ upload ให้ดูอีกทีครับ


    โคตรเหล็กไหล ( ธาตุกายสิทธิ์ในตำนานที่ประสบการณ์สูงมากๆเลยครับ )


    ก่อนออื่นเรามารู้กันก่อนดีกว่าครับว่าตำนานเหล็กไหลเป็นมายังไง

    เหล็ก ไหล คือ ก้อนแร่เหล็กบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ได้รับการอธิษฐานบรรจุฤทธิ์ โดยพระฤาษีผู้ทรงฌาณชั้นสูง เพื่อธำรงคุณงามความดี โดยมีธาตุกายสิทธิ์เป็นผู้คอยช่วยเหลือผู้ที่มี ความทุกข์ยากให้พ้นภัย จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่มีรังสีหรือพลังปราณที่ทรงอำนาจในการ ป้องกันตัว และสิ่งที่อยู่ ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตรายอันเกิดจากอาวุธปืนหรือของมีคม เป็นสสารที่มีชีวิตเป็นอมตะและหายากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมายกว่าจะได้มา ฉะนั้นเหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่ มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตคนที่มีเหล็กไหลพกติดตัว และจะได้รับความคุ้มครองให้ปลอดภัยจากอุบัติภัยร้ายแรงรวมถึงอาวุธร้ายแรง นานาชนิดได้อย่างอัศจรรย์นั่นเอง

    - จะช่วยให้ความคุ้มครองป้องกันสรรพอันตรายแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้ทรงศีล ทรงธรรม ตามสมควรแก่บุญบารมี
    - ทำหน้าที่เป็นภาคผู้เลี้ยง ช่วยให้ผู้มีไว้ในครอบครอง เจริญด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ เป็นอุปการะแก่การบำเพ็ญบารมีธรรมให้ถึงนิพพานสมบัติ แก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้ประกอบคุณธรรม เพิ่มพูนบารมีธรรม ได้เป็นอย่างดี

    ธาตุ กายสิทธิ์ประเภทดีมีคุณธรรม จะช่วยชักนำให้ผู้มีอยู่ในครอบครอง ปฏิบัติธรรมอยู่ในคุณความดี คือ ทานกุศล ศีลกุศล และภาวนากุศล ให้เจริญเเก่กล้ายิ่งๆขึ้นไป เพื่อที่จะเขาจะได้อนุโมทนาบุญ และได้มีโอกาสบำเพ็ญบารมีธรรมด้วย จึงให้แต่คุณแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง ผู้เป็นคนดีมีศีลมีธรรม

    นอก จากนี้ยังเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สามารถป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ ได้ มีอำนาจทางคงพระพันหนังเหนียว ปลอดภัยจากอาวุธของมีคม และยังมีคุณสมบัติพิเศษพกติดตัว ในทางป้องกันสัตว์เขี้ยวงาต่าง ๆ รวมทั้งอสรพิษด้วย หรือหากใครถูกสัตว์เขี้ยวงากัดเอา เช่นตะขาบ แมงป่องขบกัดเอา ท่านให้ใช้แร่โคตรเหล็กไหลทำการดูดพิษได้ โดยเอาตัวแร่มาแนบปิดไว้ที่แผลเพียงไม่นานอากรปวดก็จะบรรเทา

    ลักษณะของโคตรเหล็กไหล

    เหตุ ที่เรียกว่า “โคตรเหล็กไหล” เพราะ มีลักษณะการเกิดที่พิสดาร เนื้อเดิม ๆ ก็ เหมือนกับก้อนหินทั่วไป แต่พื้นผิวกับงอกขึ้นมาเองเป็นผิวมันสีดำสนิท เม็ดเล็กตั้งแต่ ขนาดเท่าปลายเข็ม ไข่ ปลาดุก เม็ดถั่วลิสง เม็ดพุดทรา เกาะกันเป็นกลุ่มก้อน หนาบ้างบางบ้าง บางแห่งเหมือนการหยดหรือไหลย้อย ทำให้นึกถึงเหล็กไหลที่เราเคยได้ยินกันว่า สามารถเคลื่อนที่ไปตามพื้นถ้ำ ผนังถ้ำ ตามรอยแยกรอยแตกของส่วนต่าง ๆ ภายในถ้ำ

    แต่ ที่มันแปลกมากก็คือ พื้นเดิมของมันเป็นหินแน่นอน แต่พองอกออกมากลับกลายเป็นเนื้อแกร่งคล้ายเหล็ก ถ้าไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ทึกทักเอาว่าเป็นเนื้อโลหะ ธรรมชาติสร้างได้พิสดาร จึงน่าจะมีความพิสดารอื่นที่ซ่อนเร้นอยู่อย่างแน่นอน

    อานุภาพของโคตรเหล็กไหล

    1. มหาอุด

    2. คงกระพัน

    3. เมตตามหานิยม

    4. โชคลาภ

    5. กันพิษสัตว์เขี้ยวงา


    พระ เกจิอาจารย์ที่มีความรู้ในเรื่อง เหล็กไหล ต่างก็ทราบกันดีว่า เหล็กไหลทุกชนิด จะเด่นทางด้าน มหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน อย่างมากถุงมากที่สุดดังนั้นโคตรเหล็กไหลก็เฉกเช่นกัน จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ธรรมชาติ ที่ให้ผลปรากฏแก่ผู้พบเห็นมากมาย เพียงแต่ยังไม่มีใครได้ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษรให้เราได้ศึกษากันเท่า นั้น

    น้ำมนต์เหล็กไหลรักษาโรค

    "น้ำมนต์เหล็กไหล" ที่ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของพลังเหล็กไหลที่ถูกถ่ายทอดเป็นรูปพลังงานผ่านเข้าสู่กระแส น้ำ น้ำธรรมดาก็กลับกลายเป็นน้ำทิพย์มนต์ที่สามารถ ขับไล่คุณไสย แก้โรคภัยไข้เจ็บ เพื่อสะเดาะเคราะห์เสริมสิริมงคล ฯล เพราะบางคนที่มีของไม่ดีเหล่านี้อยู่ในตัว เมื่อได้ดื่มลงไปก็เกิดอาการอาเจียร ขับของไม่ดีออกมาทันที บางคนนำไปพรมร้านค้าขาย สุดแท้ตามแต่ปรารถนา

    บาง คนถูกเสน่ห์ยาแฝด พอได้ดื่มหรืออาบน้ำมนต์เหล็กไหลเข้า อาการก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะก่อนหน้านั้น เพียรจะพยายามหนีตามผู้ชายไป พอญาตินำมาอาบน้ำมนต์เหล็กไหลเพียงครั้งเดียว เดี๋ยวนี้มีอาการเป็นปกติ ไม่หลงโง่งมเหมือนที่ผ่านมา เปลี่ยนนิสัยเป็นคนละคน

    (สังเกตไหมครับว่าชนวนแต่ละอย่างที่เราเลือก มามีสรรพคุณในการรักษาโรคอย่างเยี่ยมยอด และสรรพคุณด้านอื่นก็ยังครบครันอีกด้วยทั้ง เมตตา มหานิยม แคล้วลาดกำบัง คงกะพันชาตรี กันพิษต่างๆ อย่างโคตรเหล็กไหลนี่ถ้าไม่ดีจริงเขาไม่ตามหากันแบบพลิกแผ่นดิน ใช้เงินเป็นสิบล้านร้อยล้านหามาหรอกครับ แต่นี่เราเอามาเป็นชนวนสร้างเหรียญทำน้ำมนต์รุ่น 4 ด้วย คิดดูเอาเองแล้วกันครับว่าเมื่อสุดยอดชนวนต่างๆ มารวมกับพลังบารมีของสุดยอดพระสุปฎิปันโน จะเป็นเหรียญที่พิเศษขนาดไหนกัน)


    confirmเลยครับว่าเมื่อรวมชนวนกายสิทธิ์ ที่เป็นตำนานที่ทุกท่านถวิลหาทุกคืนวันดังเช่นโคตรเหล็กไหล เข้าไปด้วยแล้ว

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ


    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด


    ============​



    ลองอ่านเรื่องราวประวัติของเหล็กไหลเป็นน้ำจิ้มก่อนที่จะได้รับเหรียญทำน้ำมนต์รุ่น 4 ดีไหมครับ


    กำเนิดเหล็กไหล

    ย้อน กาลเวลาไปนานแสนนาน ในสมัยอสงไขยแสนกัลป์กาลก่อนโน้น มหาฤาษีกไลโกษฐ์ผู้สำเร็จญาณสมาบัติ เป็นผู้เพ่งฌาณเรียกแร่ธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะแข็งตัวได้ หลอมเหลวได้ สลายตัวได้และรวมตัวได้ มีลักษณะเหมือนเหล็กแต่ไม่ใช่เหล็ก ท่านเรียกให้มารวมตัวกันอยู่ตามถ้ำตั้งแต่สมัยแอตแลนติสซึ่งเคยมีความเจริญ รุ่งเรืองสูงสุดในยุคนั้น แต่ได้ล่มสลายหายไปจากแผนที่โลก เชื่อกันว่าทวีปนี้ได้จมหายไปในมหาสมุทรเมื่อคราวน้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ และโนอาได้เป็นผู้สร้างเรือใหญ่หนีน้ำท่วม ตามเรื่องราวที่ได้ถูกบันทึกอยู่ในคัมภีร์โบราณ

    นอก จากนี้ยังมีท่านมหาฤาษีกัสสปและเหล่ามหาฤาษีผู้ทรงฌาณสมาบัติบรรลุ อภิญญาสูงสุด ท่านก็เป็นผู้ที่ได้เพ่งฌาณเรียกแร่ดังกล่าวมารวมกันที่ผนังถ้ำ เพื่อเป็นที่พำนักของวิญญาณ ได้เล็งเห็นด้วยอำนาจทิพยจักษุญาณว่า ภายใต้แผ่นดินนี้ลึกลงไปประมาณ 3 กม. มีแหล่งรวมของธาตุกายสิทธิ์มากมายหลายชนิด หล่อหลอมเหลวปะปนรวมกันอยู่ ในใจกลางโลก ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในโลกวิทยาศาสตร์ ว่า “ลาวา” นั่นเอง แต่ภายใต้หินลาวาเหล่านั้นมี “แร่เหล็ก” ชนิดหนึ่งสมบูรณ์ด้วยคุณภาพ และเยี่ยมยอดเหนือกว่าเหล็กชนิดอื่น

    ปู่ฤาษีมหา ฤาษีผู้ทรงฤทธิ์อภิญญา จึงใช้พลังจิตด้วยฤทธิ์อภิญญาของท่านดึงเอาแร่เหล็กดังกล่าวขึ้นมาจากใต้ ลาวา อธิษฐานจิตให้เป็นของศักดิ์สิทธิ์สุดวิเศษ มีอำนาจกายสิทธิ์ มีฤทธิ์ คุ้มครองปกป้องสรรพภัยได้อย่างอัศจรรย์ ดัวยพลังอำนาจจิตชั้นสูงปลุกเสกบรรจุไว้ด้วยอำนาจแห่งฤทธิ์ของมหาฤาษี นั้น จากนั้นได้ใช้อำนาจอิทธิฤทธิ์ตัดเหล็กวิเศษออกทำเป็นรูปเคารพของตน เช่น รูปพระอิศวร รูปพระนารายณ์ รูปพระพรหม แล้วอัดพลังเจโตสมาธิหรือพลังฌาณเข้าไปพร้อมกับอธิษฐานให้เกิดความศักดิ์ สิทธิ

    แต่ก็มีมหา ฤาษีบางตนมีศรัทธาแก่กล้า เข้าฌาณเต็มอัตราแล้วถอดจิตหรืออาตมันของตนเองด้วยมโนมัยฤทธิ์ เข้าไปอยู่ในเทวรูปเหล็กวิเศษนั้นเลย ทีเดียว ถือว่าเป็นการสละชีวิตบูชาองค์พระผู้เป็นเจ้าตามลัทธิความเชื่อถือ ฤาษีตนอื่นเห็นเข้าก็เอาแบบอย่าง เพราะถือว่าเป็นกุศลสูงสุดที่ได้เอาดวงจิตเข้าร่วมปรมาตมันของพระผู้เป็น เจ้าโดยทางลัด

    ต่อมาฤาษีอื่น ๆ เห็นว่าการถอดจิตเข้าในเทวรูปนั้นมีมากแล้ว น่าจะเข้าสิงสู่ในรูปแบบอื่น ๆ ที่จะยังคงขลังและศักดิ์สืทธิ์เหมือนเดิม เพื่อให้สาธุชนได้ไว้สักการะบูชาเพื่อความเป็นศิริมงคล คุ้มครองป้องกันชีวิตและทรัพย์สมบัติ

    ดังนั้นฤาษีผู้บำเพ็ญญาณอื่น ๆ ที่บำเพ็ญบารมีถึงขั้นพรหมในถ้ำต่าง ๆ จึงได้ถือเป็นแบบอย่างสืบทอดกันมา ก็จะทำการเพ่งฌาณเรียกเอาแร่ธาตุกายสิทธิ์ดังกล่าวให้ไหลมารวมตัวกันเป็น สังขารอมตะ สำหรับวิญญาณซืมสิง เมื่อกายเนื้อได้แตกดับทำลายลงไปตามกาลเวลา ด้วยเหตุนี้ตามถ้ำต่าง ๆ จึงมีเหล็กไหลซุ่มซ่อนแฝงเร้นกายสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

    นับได้ว่าเป็นต้นแบบของเหล็กไหลที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก จนในกาลต่อมาได้เป็นคติ นิยมสืบทอดกันมาในทางพระพุทธศาสนา ที่ผู้สำเร็จฌาณอภิญญาชั้นสูง นิยมถอดจิตตนเองด้วยวิธี มโนมยิทธิ เข้าสิงในรูปปั้นพระพุทธปฏิมากร แล้วอธิษฐานให้พระพุทธรูปนั้นลอยไปตามน้ำ เห็นสถานที่ใดเหมาะสมที่จะให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา ชาวบ้านก็จะทำพิธีบวงสรวงชักลากขึ้นไปสักการบูชาได้สำเร็จ เช่น หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อบ้านแหลม หลวงพ่อทอง เป็นต้น

    เหล็กไหลนี้ จึงเปรียบได้กับร่างกายของท่านมหาฤาษีทั้งหลาย ที่มีวิญญาณอันเป็นอมตะของท่านมหาฤาษีครองอยู่ จึงได้เกิดอภินิหารเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งปวง จนบางครั้งมีผู้เรียกขานกันว่า “ธาตุกายสิทธิ์”

    เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์


    เหล็กไหลรูปทรง ต่างๆคำ ว่า”ธาตุกายสิทธิ์”นั้น หมายถึง วัตถุธาตุบางชนิดที่ปรากฏอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ ประกอบไปด้วยพลังงานอันมหาศาล อันเกิดจากเจตสิกผู้ครอบครองธาตุนั้นแฝงเร้นอยู่ ใช้สำหรับป้องกันภัยให้กับตนเองโดยธรรมชาติ แต่บางครั้งไม่ได้ปรากฏให้เห็นชัดเจน กลับซืมลึกลงไปอยู่ใต้พื้นผิวโลก ตามป่าตามเขา ตามถ้ำ แม้แต่ห้วยหนอง คลองบึง รอจนกว่าผู้ที่มีภูมิจิตภูมิธรรมสูงไปพบเข้าแล้วหยิบยกเอาธาตุกายสิทธิ์ เหล่านี้มาใช้ประโยชน์ เพื่อมวลมนุษยชาติและปกป้องคุ้มครองคนหมู่มาก ดังนั้นจึงเชื่อกันว่า “เหล็กไหล” จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยธาตุที่สำคัญดังนี้

    1. ธาตุเหล็ก คือ ธาตุหลักเนื่องจากมีความแข็งแกร่งมากที่สุดในยุคนั้น

    2. ธาตุดิน ที่ถูกความอัดแน่นของโลก จนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาเป็นหินสีต่าง ๆ เช่น เพชร นิล จินดา อัญมณีหลากสี

    3. ว่านมหามงคล ที่มีฤทธิ์อำนาจในตัว เช่น ว่านต่าง ๆ ไพรดำ ซึ่งเป็นพืชที่ดูดซับเอาพลังต่าง ๆ จากผืนดินเก็บสะสมเอาไว้ในตนเอง จนเกิดฤทธิ์เดช

    4. ปรอท หรือธาตุอื่น ๆ ที่สามารถเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนที่ได้ด้วยตนเอง โดยการอ่อนตัวแล้วกลิ้งไหลไป มีฤทธิ์อำนาจทางความยืดหยุ่น หรือหดตัวเองได้ หลีกภัยได้เร็ว ปรับสภาพตนเองให้เป็นไปในลักษณะต่าง ๆ ได้

    ดัง นั้นแร่เหล็กที่อยู่ภายใต้ลาวานั้น ย่อมได้รวบรวมเอาสรรพสิ่งจากธาตุ กายสิทธิ์ทั้งหลายเหล่านั้นรวมกันไว้ในตัวเอง คือมีฤทธิ์ในการปกป้องตนเองให้พ้นจากภัยในทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นเมื่อมหาฤาษีได้ใช้อิทธิฤทธิ์ดึงธาตุเหล่านี้ขึ้นมา แล้วถอดจิตด้วยฌาณสมาบัติเข้าแฝงตนอยู่ในธาตุ กายสิทธิ์เหล่านี้ เพื่อฝึกฝนปฏิบัติทางจิตให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงทำให้เจตสิกของผู้ทรงฌาณนั้นเกิดพลังอันมหาศาล แม้แต่จะงอเหล็กก็ยังได้ จนมนุษย์ได้ค้นพบสิ่งเหล่านี้เข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่ทราบว่ามันคืออะไร ก็เลยเรียกกันว่า “เหล็ก ไหล” ตามสภาวะการแสดงอิทธิ์ฤทธิ์ที่ปรากฏต่อสายตาในขณะนั้นนั่นเอง คือลักษณะเหมือนก้อนเหล็กที่ยืดตัวได้ มีสีสรรต่าง ๆ กันหลายรูปแบบ เหล็กไหลจึงเป็นธาตุ กายสิทธิ์ที่ ทรงอิทธิฤทธิ์ จนกลายเป็นสิ่งล้ำค่าที่ผู้คนแสวงหาไม่รู้จักจบมาทุกยุคทุกสมัยตราบจนเท่า ทุกวันนี้

    เหล็ก ไหลมีหลากหลายชนิด ลักษณะเป็นเนื้อโลหะสีมันวาวสะท้อนแสงได้ดี แข็งมีน้ำหนักเหมือนโลหะทั่วไป สนิมไม่กินเนื้อ มีพลังอำนาจในตัว ทางธรณีวิทยาเราจัดเป็นแร่ ประเภทหนึ่ง แต่ คนโบราณได้ค้นพบธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้ขึ้นมา โดยการอนุมานจากอนุภาคธรรมชาติ ที่แสดงตนออกมาตามสภาพที่พบเห็นแล้วเรียกมันว่า “เหล็กไหล” เช่น ยืดได้หดได้ด้วยตนเอง ไหลยืดออกมาเป็นทางยาว ดับความร้อนได้ ชอบกินน้ำผึ้ง มีฤทธิ์ทำลายฟอสฟอรัสหรือหัวไม้ขีดให้หมดสภาพไปได้ คือจุดไม่ติด เมื่อมีการทดลองให้ประจักษ์แก่สายตาในอิทธิ์ฤทธิ์ปาฎิหาริย์ จึงทำให้เกิดมีความปรารถนาและมี ความต้องการสูง มีการติดต่อซื้อขายกันในราคาที่ค่อนข้างสูง คิดตามน้ำหนักเป็นบาทหรือเป็นชิ้นเป็นองค์ในราคาหลักร้อยล้านกันขึ้น ไป

    ดัง นั้น “เหล็กไหล” จึงเป็นที่ปรารถนาและใฝ่ฝันของคนทั่วไป แม้บางที่จะต้องเสี่ยงภัยถึงขั้นเอาชีวิตแลกก็ยอม เรื่องราวของเหล็กไหลจึงดูเหมือนเป็นเรื่องลี้ลับซับซ้อน และหลายคนคงอยากจะรู้เหมือนกันว่า เหล็กไหลคืออะไรกันแน่ ? เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? เหล็กไหลที่ทรงอิทธิฤทธิ์นี้ มีจริงหรือไม่ ? จึงเป็นปรัศนีที่ท้าทายความกระหายใคร่อยากรู้ตามลักษณะวิสัยของมนุษย์ จึงทำให้ต้องเที่ยวหาคำตอบจากผู้รู้ทั้งหลาย หรือผู้มี ประสพการณ์ที่มีความรู้ที่พึงเชื่อถือได้ จนกลายเป็นตำนาน “เหล็กไหล” ที่เล่าขานที่สืบทอดกันมาแต่สมัยโบราณตราบถึงปัจจุบัน





     
  8. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;ปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุย

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    ชนวน พิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;ปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุยหรือวัดชัยมงคล นั่นเองครับ( องค์ท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงพ่อพระราชพรหมยานด้วยครับ)

    coming soon
    มกราคม 2554


    [​IMG]





    ปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุยหรือวัดชัยมงคล
    พุทธคุณกว้างขวางมากครับ
    ใช้ดูดพิษ แมลงสัตว์กัดต่อย ทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เมตตา มหานิยม ก็มีครับ

    ครูบาชุ่ม วัดวังมุยท่านเป็นพระที่ทรงความดีอย่างที่สุดแล้วครับมีผู้ให้ความเคารพนับถืออย่างมากมาย

    หลวง ปู่ชุ่ม หรือ ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก เป็นพระผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ท่านปฏิบัติตามแนวทางกรรมฐาน 40 ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างอุกฤษฏ์ ชนิดยอมเอาชีวิตเข้าแลก จึงปรากฏว่าท่านเป็นที่เคารพบูชาของชาวล้านนา และบุคคลทั่วไปอย่าง หลวงปู่ชุ่มเป็นพระทีรอบรู้และเคร่งครัดในพระธรรมวินัย บำเพ็ญบารมี 10 ประการ อันประเสริฐตลอดชีวิตสมณเพศ และมีความวิริยะอุตสาหะปฏิบัติเพื่อมรรคผลสูงสุดในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

    ด้วย พลังแห่งฌานสมาบัติที่แก่กล้า และพลังแห่งเมตตาจิต รวมทั้งสรรพวิชาที่ท่านได้เพียรศึกษาและสั่งสมมาตามคติครูบาอาจารย์ ทำให้กิตติศัพท์ความเก่งกล้าทางด้านวิชาพุทธาคมของหลวงปู่ชุ่ม เป็นที่เชื่อมั่นในหมู่ประชาชนยิ่งนัก โดยเฉพาะด้านคงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด หลวงปู่ชุ่มท่านเป็นพระภิกษุที่มีความชำนาญด้านการผูกอักขระเลขยันต์ต่างๆ รวมทั้งมีอำนาจฌาณสมบัติที่แกกล้าและขลังมาก หลวงปู่ชุ่มได้รับนิมนต์ให้ไปเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกหลายงาน ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง ได้แก่ พิธีพุทธาภิเษกอัฐิท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง จ.ลำพูน หลวงปู่ชุ่มเป็นองค์ประธานในพิธี มีพระอริยะเจ้าทั่วภาคเหนือเข้าร่วมในพิธีนี้ ซึ่งนับเป็นประวัติการณ์อันมิได้ปรากฏขึ้นโดยง่าย

    พูดถึงพระที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบแล้วทางล้านนาเราก็ต้องนึกถึงครูบาศรีวิชัยเป็นอันดับต้นๆใช่ไหมครับ

    ครู บาชุ่มนี่แหละครับคือศิษย์เอกของครูบาศรีวิชัยอย่างแท้จริง และเป็นศิษย์ที่ครูบาศรีวิชัยให้ความไว้วางใจอย่างมาก อีกทั้งพัดหางนกยูงของครูบาศรีวิชัยก็ได้มอบให้กับครูบาชุ่มก่อนที่จะมรณภาพ อีกด้วยครับ

    ในปัจฉิมวัยของหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก ท่านเปิดเผยเกียรติภูมิเต็มองค์ โดยร่วมเส้นทางธรรมสัญจรไปพร้อมกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และเผ่าพงศ์พระสุปฏิบันโน ผู้ล้วนเป็นสหธรรมิกที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น


    ครู บาชุ่มท่านมีวิชาปรอทสำเร็จ คือ สามารถนำปรอทมาเสกเป็นตัว เพื่อทำตระกรุดปรอทได้

    "
    จากคำกล่าวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี"

    อาตมาเคยได้มาดอกหนึ่ง (ได้ให้ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ไปแล้ว) อันวิชาปรอทสำเร็จนั้น สุดจะยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้ว และความสามารถของหลวงปู่นั้น หลวงพ่อเล่าว่า... หลวงปู่ชุ่มสามารถเข้านิโรธสมาบัติด้วยอิริยาบถทั้ง ๔ (ปกติผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ จะเข้าได้เฉพาะอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่ง ส่วนใหญ่ไม่นั่งก็นอน) ซึ่งหลวงพ่อเล่าว่าในชีวิตของท่าน ไม่เคยได้ยินว่ามีใครทำได้อย่างนี้มาก่อนเลย...

    (จากคำกล่าวของพระ เดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ที่บันทึกโดยพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๓ ขอกราบขอบพระคุณครับ)

    การ จะทำตะกรุดปรอทได้นั้นพระเกจิรูปนั้นต้องใช้ฌาณสมาบัติที่สูงมาก เพราะปรอทนั้นเป็นของเหลว และเคลื่อนตัวลื่นไหลไปมาได้ การที่จะเสกปรอทให้เป็นตัวนั้นจะต้องมีสมาธิที่แก่กล้ามากครับ ปรอทนั้นเป็นธาตุกายสิทธิ์ในตระกูลของเหล็กไหลชนิดหนึ่ง มีอำนาจและความศักด์สิทธิ์ในตัว เชื่อกันว่าเมื่ออาราธนาปรอทติดตัวไว้คุ้มครองกายแล้วเหมือนกับการได้มี เหล็กไหลอยู่ในความครอบครองของเราเลยทีเดียวครับ ..ยิ่งถ้าได้รับการอธิษฐานจิตปลุกเสกจาก พระเกจิอาจารย์ที่มีอำนาจพลังจิต หรือ มีฌานสมาบัติที่แก่กล้า พร้อมทั้งเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ด้วยศีลาจาริยวัตรที่งดงาม และดวงจิตดวงธรรมที่เปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์ และขาวสะอาดตลอดอายุกาลของท่าน อย่างหลวงปู่ ครูบาชุ่มแล้ว เชื่อว่าคงไม่ต้องอธิบายให้มากความกันแล้วครับ

    ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ลูกหาไว้ว่า "มึงมีของกูไว้เหมือนมึงได้อยู่กับกู ไม่ต้องกลัว ต่อให้ระเบิดจะลงมึงก็ไม่ต้องกลัว"...

    (หากมีข้อมูลใดผิดพลาดกราบขอขมาครูบาชุ่ม โพธิโกและขอขมาพระรัตนตรัยมาณที่นี้ด้วยครับ)

    ปรอท ตามคติของการสร้างวัตถุมงคล เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยในสมัยโบราณท่านกล่าวไว้ว่า ให้นำแร่ปรอทมาใช้เป็นส่วนผสม ส่วนหนึ่งในการรักษาโรคต่างๆ ของยาแผนโบราณ และบางส่วนก้อใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ในอีกส่วนหนึ่งก็มีการทำให้แข็งตัวตามตำราที่สืบทอดกันมาจากโบราณ ที่เรียกขานกันว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะวงการนักนิยมเครื่องรางของลัง เชื่อถือกันว่า ปรอท เป็นแร่ธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีอานุภาพ อยู่ในตัวเอง แม้นจะเก็บไว้นานก้อคงสภาพไม่แปรเปี่ยนเป็นสีอื่น ปรอทที่แท้จริงจะมีสีขาว ถ้าขัดถูจะดูสดใสขึ้นในทันที จะดูเป็นสีใหม่อยู่เสมอ พิสูจน์ได้โดยเอาถูกับตะกั่วซองบุหรี่ จะร้อนไหม้ขึ้นในทันที เอาหลังแตะกันจะเห็นเป็นยาง เอาถูอลุมิเนียมจะเป็นขุยขึ้นมา เอาถูที่มือ จะป็นสีดำ จึงจะเป็นของแท้ถูกต้องตามตำรา


    สรรพคุณของปรอท ใช้ได้กว้างขวาง เหมาะแก่ท่านที่อยู่ตามชนบท ต่างๆ เช่น ตามไร่ นา ป่า เขา ควรมีปรอทติดตัวไว้บูชา ป้องกันอันตรายได้หลายอยาง บรรพบุรุษนับถือกันจริงๆ ถือได้ว่าย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง นำพกติดตัว เมื่ออันตรายใช้ได้ทันที อาทิ แช่น้ำเป็นน้ำมนต์ หรือ ดื่มกินเพื่อรักษาโรคต่างๆ


    การเล่นแร่แปรธาตุ ปรอทวิเศษ (สำเร็จ)

    *
    *การแปรธาตุหนึ่งไปสู่อีกธาตุหนึ่ง ที่มีคุณลักษณะทางกายภาพและเคมีให้ต่างไปจากเดิม
    นั้น ชาวสยามในสุวรรณภูมิมีวิทยาการในเรื่องนี้มาช้านานจากตำนานพบว่าได้รับการถ่ายทอดมาจาก
    ชาวชมพูทวีปอีกทอดหนึ่ง

    อานุภาพ ของพระเนื้อปรอทตามตำนานที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณ
    1. เมื่อถูกของมีคม ใช้ถูปากแผล ห้ามเลือด และแผลจะปิดทันที
    2. กันไข้ป่า ไข้พิษ ต่างๆ
    3. ดูดพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ใช้น้ำสุราล้างพระปรอท ปิดแผล
    4. ดูดพิษงู
    5. ป้องกันภูติ ผีปิศาจ และคุณไสย
    6. เวลาเดินทางไกล อาราธนาติดตัว หรือแช่ทน้ำมนต์ ประพรหมยานพาหนะป้องกันภยันตรายต่างๆ
    7. ปวดฟันให้อมพระปรอทไว้
    8. ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง
    9. ทารักษาโรคผิวหลังกลากเกลื้อน
    10. เป็นฝี ใช้พระเนื้อปรอท ล้างน้ำสุรา ปิดที่หัวฝี


    ===========​


    การ เลือกปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุยหรือวัดชัยมงคล ก็มีเหตุผลสำคัญครับ เพราะด้วยเดิมทีอานุภาพของปรอทสำเร็จก็มีคุณอย่างมากในเรื่องของการฆ่าพิษ ทำลายพิษ ดูดพิษ ถอนยาสั่งสรรพคุณของปรอท ใช้ได้กว้างขวางในแง่ของการรักษาโรคอยู่แล้ว

    ยิ่งถ้าได้รับการอธิษฐาน จิตปลุกเสกจาก พระเกจิอาจารย์ที่มีอำนาจพลังจิต หรือ มีฌานสมาบัติที่แก่กล้า พร้อมทั้งเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ด้วยศีลาจาริยวัตรที่งดงาม อย่างหลวงปู่ ครูบาชุ่มแล้ว เชื่อว่าคงไม่ต้องอธิบายให้มากความถึงความพิเศษกันแล้วล่ะครับ



    confirmครับว่าเมื่อรวมชนวนพิเศษดังเช่นปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุย เข้าไปด้วย

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ



    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด


    ============​



    ลองอ่านประวัติเกี่ยวกับตำนานปรอทและอานุภาพของปรอทเป็นออเดิร์ฟ ก่อนที่จะได้รับเหรียญทำน้ำมนต์แล้วกันนะครับ

    *ประวัติและความเป็นมาของ"ปรอท"
    *

    * ปรอท ตามคติของการสร้างวัตถุมงคล เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยในสมัย
    โบราณท่านกล่าวไว้ว่า ให้นำแร่ปรอทมาใช้เป็นส่วนผสม ส่วนหนึ่งในการรักษาโรคต่างๆ ของยาแผน
    โบราณ และบางส่วนก้อใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ในอีกส่วนหนึ่งก็มีการทำให้แข็งตัวตามตำราที่สืบทอด
    กันมาจากโบราณ ที่เรียกขานกันว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะวงการนักนิยมเครื่องรางของลัง
    เชื่อถือกันว่า ปรอท เป็นแร่ธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีอานุภาพ อยู่ในตัวเอง แม้นจะเก็บไว้นานก้อ
    คงสภาพไม่แปรเปี่ยนเป็นสีอื่น ปรอทที่แท้จริงจะมีสีขาว ถ้าขัดถูจะดูสดใสขึ้นในทันที จะดูเป็นสีใหม่อยู่
    เสมอ พิสูจน์ได้โดยเอาถูกับตะกั่วซองบุหรี่ จะร้อนไหม้ขึ้นในทันที เอาหลังแตะกันจะเห็นเป็นยาง
    เอาถูอลุมิเนียมจะเป็นขุยขึ้นมา เอาถูที่มือ จะป็นสีดำ จึงจะเป็นของแท้ถูกต้องตามตำรา สรรพคุณ
    ของปรอท ใช้ได้กว้างขวาง เหมาะแก่ท่านที่อยู่ตามชนบท ต่างๆ เช่น ตามไร่ นา ป่า เขา ควรมี
    พระปรอทติดตัวไว้บูชา ป้องกันอันตรายได้หลายอยาง บรรพบุรุษนับถือกันจริงๆ ยิ่งนำมาสร้างเป็น
    พระหลวงปู่ทวดเหยีย่บน้ำทะเลจืด ถือได้ว่าย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง เพราะหลวงปู่ทวด เป็น
    สุดยอดพระนิรันตราย พระเนื้อปรอทหลวงปู่ทวดนี้ นำพกติดตัว เมื่ออันตรายใช้ได้ทันที อาทิ แช่น้ำ
    เป็นน้ำพุทธมนต์ หรือ ดื่มกินเพื่อักษาโรคต่างๆ อานุภาพ ของพระเนื้อปรอทตามตำนานที่เชื่อถือกันมา
    แต่โบราณ
    *

    *1. เมื่อถูกของมีคม ใช้ถูปากแผล ห้ามเลือด และแผลจะปิดทันที
    2. กันไข้ป่า ไข้พิษ ต่างๆ
    3. ดูดพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ใช้น้ำสุราล้างพระปรอท ปิดแผล
    4. ดูดพิษงู
    5. ป้องกันภูติ ผีปิศาจ และคุณไสย
    6. เวลาเดินทางไกล อาราธนาติดตัว หรือแช่ทน้ำมนต์ ประพรหมยานพาหนะป้องกันภยันตรายต่างๆ
    7. ปวดฟันให้อมพระปรอทไว้
    8. ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง
    9. ทารักษาโรคผิวหลังกลากเกลื้อน
    10. เป็นฝี ใช้พระเนื้อปรอท ล้างน้ำสุรา ปิดที่หัวฝี การเล่นแร่แปรธาตุหุงหาปรอท ตามตำหรับ
    โบราณนี้ เป็นเรื่องที่หาพระคณาจารย์ ผู้ที่มีวิชาทำได้ยากยิ่ง ดังนั้นพระปรอทจึงเป็นสิ่งสำคัญหายาก
    จึงควรเก็บักษาไว้ให้ดี เพราะตำราที่ใช้หุงปรอทนั้นเป็นตำรับที่ตกทอดมาแต่โบราณ เป็นการรักษา
    ของเก่าที่มีมาแต่ครั้งบรรพบุรุษไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลา *


    เล่นแร่แปรธาตุ ปรอทวิเศษ (สำเร็จ)
    *
    *การแปรธาตุหนึ่งไปสู่อีกธาตุหนึ่ง ที่มีคุณลักษณะทางกายภาพและเคมีให้ต่างไปจากเดิม
    นั้น ชาวสยามในสุวรรณภูมิมีวิทยาการในเรื่องนี้มาช้านานจากตำนานพบว่าได้รับการถ่ายทอดมาจาก
    ชาวชมพูทวีปที่ได้รับความรู้นี้มาจากไอยคุปต์โบราณอีกทอดหนึ่ง เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุนี้เป็นเรื่อง
    จริงที่มิใช่เพียงตำนานที่เล่าขานนอกจากการแปรธาตุให้เป็นสิ่งที่มีค่ามากขึ้นยังพบว่ามีการใช้ในการ
    สรรสร้างวัตถุที่ประจุพลังจิตอีก เรื่องราวเหล่านี้พบในเอกสารโบราณหลายฉบับทั้งยังมีกล่าวในพระ
    ไตรปิฏกตอนที่กล่าวถึงโลกจินไตยว่าอันคติเรื่องโลกนั้นแบ่งได้สองสาขาคือ*

    *๑. มนิกาวิชชาคือความรู้เรื่องจิตศาสตร์อันได้แก่ ความรู้ทางจิต การบำเพ็ญจิตในลักษณะต่างๆ
    ทั้งก่อนพุทธกาลและในขณะนั้นเช่นการสะกดจิต การฝึกปราณยามะ การเพ่งกสิณ
    ๒. ตัชชารีวิชชา อันนี้คือความรู้เรื่องเครื่องลางของขลัง ๔ ประการคือ*

    *๒.๑ มูลตัชชารี ความรู้เรื่องต้นไม้ว่านยาที่มีอานุภาพต่างๆ
    ๒.๒ มันตาตัชชารีวิชชา ได้แก่ความรู้เรื่องเวทมนต์ต่างๆที่หลายท่านคุ้นเคยกันดี
    ๒.๓ อังกตัชชารีวิชชา ได้แก่ความรู้เรื่องการทำเครื่องลางของขลังพวกพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด
    พิสมรต่างๆ
    ๒.๔ ธาตุตัชชารีวิชชา คือความรู้เรื่องแร่ธาตุต่าง ที่มีอิทธิฤทธิ์รวมทั้งวิชาเคมียุคดึกดำบรรพ์ เรียก
    ว่ารสายนเวทที่เป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุต่างๆ เช่นการแปรธาตุตะกั่วเป็นทองคำ
    (สีสัน-ลักษณะโครงสร้างภายนอก) การแปรธาตุปรอทเป็นของแข็งที่เรียกกันว่าปรอทสำเร็จธาตุ
    กายสิทธิ์วิชาเรื่อง การแปรธาตุนี้เกือบเหลือเป็นเพียงแค่ตำนานเพราะมีผู้รู้สืบทอดน้อยลงวิชา
    ประการต่างๆก็พลอยสาบสูญไปกับผู้ที่รู้วิชาเหล่านั้น*

    *การแปรธาตุนั้นถือเป็นการร่ำเรียนพระเวทขั้นสูงเพราะต้องใช้ทั้งความรู้และสติปัญญา
    ในการไขปริศนาแห่งวิชาให้เข้าใจทั้งต้องมีพลังจิตในระดับอัปมัญญาสมาธิ (ฌานสมาบัติ) จึงจะ
    สามารถทำสำเร็จ เท่าที่พบในประวัติศาสตร์ของชาวสยามนั้นมีวิชาการที่กล่าวถึงเรื่องนี้อยู่มากทั้ง
    ปรากฏหลักฐานในพระเครื่องรางของขลังที่ผู้มีความรู้พระเวทสายนี้สรรสร้างบรรจุไว้ตามกรุเจดีย์
    ต่างๆ แสดงถึงความรุ่งเรืองของรสายนเวทในสมัยนั้น หากท่านเป็นนักนิยมพระเครื่อง คงรู้จัก
    เครื่องลางเช่นลูกปรอทกรอก็เป็นประดิษฐกรรมอย่างหนึ่งและพระเครื่องที่ทรงฤทธานุภาพสูงที่บรรจุ
    ในกรุโบราณมาแต่สมัยศรีอโยธยารามเทพนคร ที่สรรสร้างด้วยพระเวทสายเล่นแร่แปรธาตุก็คือ พระ
    กรุวัดท้ายย่าน จังหวัดชัยนาท ที่ปรากฏมีผู้เรืองวิทยาคมสูงส่งสืบทอดอย่างไม่ขาดสายจนปัจจุบัน
    ความเข้มขลังของพระกรุนี้นักนิยมพระรุ่นเก่าถึงขนาดดูแท้ปลอมด้วยการอาราธนากำพระเครื่องนี้
    แล้วนำเข็มฉีดยาแทงหากว่าเข็มทะลุผ่านชั้นเนื้อไปได้ก็ถือว่าพระเครื่องท้ายย่านองค์นั้นปลอม นี่คือ
    กฤติยาคมที่ผ่านพ้นอดีตจนมาพิสูจน์ความจริงแท้ในโลกปัจจุบัน*

    * นอกจากพระกรุวัดท้ายย่านจะมีอิทธิคุณเข้มขลังแล้วท่านทราบไหมว่าพระเครื่องชุดนี้
    สร้างจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุที่ปรากฏในตำนานสยามคือวิชาปรอทสำเร็จธาตุกายสิทธิ์นั่นเองเมื่อผ่าน
    กาลเวลานานนับร้อยปีประกอบกับความร้อนเย็นในกรุพระปรอทนั้นก็กินตัวกรอบไม่คงทนทำให้พระชุดนี้
    ตกแตก บรรดานักนิยมพระเครื่องที่ไม่เดียงสาก็คิดว่าพระท้ายย่านนั้นมีส่วนผสมสร้างจากแร่
    พลวง(วุลแฟรม)ชนิดหนึ่งเท่านั้นและท่านทราบอีกหรือไม่ว่าพระชุดนี้มิได้ใช้การหลอมเทด้วยความร้อน
    !!!! แต่เป็นการปั้นอัดพิมพ์โลหะกายสิทธิ์นั้นด้วยวิชาพระเวทขั้นสูงที่น่าตื่นตะหนกที่หลอมโลหะด้วย
    พระเวทแล้วชุบให้แข็งตัวหลายท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจบอกว่าเหลือเชื่อไม่น่าเป็นไปได้แต่ยืนยันว่า
    เป็นเรื่องจริง*

    *ก่อนที่จะมาถึงการหลอมปรอทโดยไม่ใช้ไฟที่มีนักวิทยาคมหลายท่านสงสัยว่าจริงหรือ ?
    บางท่านถึงกับกล่าวปรามาสไปก็มีว่าเป็นเรื่องเล่นกลหลอกลวงหรือบางรายกล่าวแบบขอไปทีว่าถึงทำ
    ได้แล้วไงจะขลังจริงหรือ อันนี้เป็นเรื่องต่างความคิดต่างความเชื่อกันคงไปบังคับกะเกณฑ์กันไม่ได้แต่
    ที่นำมาเล่าให้ฟังนี่ก็เพื่อสืบตำนานเรื่องราวที่เป็นความเชื่อทางวัฒนธรรมประการหนึ่งของไทยเราจะ
    ขอปูพื้นความรู้เรื่องปรอทวิเศษหรือปรอทสำเร็จที่เป็นของวิเศษในความเชื่อของผู้ศึกษาวิทยาคมว่า
    ใครหากทำได้เเล้วก็นับว่าบรรลุจุดสูงสุดในวิชาวิทยาคมประการหนึ่งเเบบเดียวกับที่เราศึกษาวิชา
    ความรู้ภาคสามัญแล้วได้ปริญญาอย่างไรอย่างนั้นจึงขอคัดตำราการหุงปรอทสำเร็จแบบหนึ่งซึ่งจริงใน
    เมืองไทยมีตำราแบบที่ว่าด้วยการหุงปรอทนี่เท่าที่พบไม่น้อยกว่ายี่สิบตำราครับการหุงปรอทตำรับนี้ที่ได้
    จากตำราเก่าอายุหลายร้อยปีเล่มหนึ่งกล่าวถึงการหุงปรอทและสรรพคุณไว้จึงขอคัดมาเป็นพื้นความรู้
    เพื่อกล่าวถึงเนื้อความต่อๆไปดังนี้ครับ
    ปรอทเป็นของเหลวและไหลกลอกกลิ้งได้เช่นเดียวกับน้ำ หลักวิทยาศาสตร์ปรอทนั้นจะมีอาการหดตัว
    เมื่อถูกความเย็นและพองตัวเมื่อถูกความร้อน ตามวิชาการแพทย์ก็ต้องใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดระดับ
    ความร้อนของคนไข้ หลักอุตุนิยมวิทยาก็ใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นต้น
    เพราะความคุมตัวกันไม่ติดของปรอท และเป็นธาตุชนิดหนึ่งที่มีอาการประหลาดนี้เอง ในโบราณกาล
    จึงถือว่าปรอทนั้นหากผู้ใดมีวิชาสามารถทำคุมตัวกันได้ และประกอบพิธีโดยหลักไสยศาสตร์อันถูกต้อง
    ครบถ้วนแล้วฤทธิอันเกิดจากวิทยาคมซึ่งรวมอยู่ในปรอทนั้นอาจจะสามารถนำผู้ที่เป็นเจ้าของให้เกิด
    อิทธิฤทธิและกระทำปาฏิหาริย์ต่างๆได้ ดังอุปเท่ห์โบราณดังนี้*

    *๑. ผู้ใดอมปรอทไว้ ผู้นั้นจะมีรูปร่างดังพระมหาจักรพรรดิ (หมายถึง ความมีเดช
    ฤทธิ์ และความงามเป็นที่เสน่หากระมังอันนี้รวมถึงอานุภาพที่คล้ายกับเหล็กไหลในตำนานที่เด่นเรื่อง
    คุ้มครองป้องกันด้วย)
    ๒. เสียงไพเราะ ดังท้าวมหาพรหม (หมายถึง พูดถูกใจบุคคล เป็นเสน่ห์ พูดอะไรมี
    คนเชื่อถือกระมัง)
    ๓. ไปป่าหิมพานต์ยาม ๑ ก็ถึง (คงหมายถึงการปาฏิหาริย์ ล่องหน)
    ๔. ไป ๔ ทวีป ในนิ้วมือเดียว (เช่นเดียวกับข้อ ๓ หรืออาจหมายถึงกายทิพย์ก็ได้)
    ๕. คิดอะไรสำเร็จความปรารถนา*
    (ขอบคุณข้อมูลจากเว็บเทพจำแลง)
    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4


    coming soon
    มกราคม 2554
     
  9. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;ปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุย

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    ชนวน พิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;ปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุยหรือวัดชัยมงคล นั่นเองครับ( องค์ท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงพ่อพระราชพรหมยานด้วยครับ)

    coming soon
    มกราคม 2554


    [​IMG]





    ปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุยหรือวัดชัยมงคล
    พุทธคุณกว้างขวางมากครับ
    ใช้ดูดพิษ แมลงสัตว์กัดต่อย ทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เมตตา มหานิยม ก็มีครับ

    ครูบาชุ่ม วัดวังมุยท่านเป็นพระที่ทรงความดีอย่างที่สุดแล้วครับมีผู้ให้ความเคารพนับถืออย่างมากมาย

    หลวง ปู่ชุ่ม หรือ ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก เป็นพระผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ท่านปฏิบัติตามแนวทางกรรมฐาน 40 ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างอุกฤษฏ์ ชนิดยอมเอาชีวิตเข้าแลก จึงปรากฏว่าท่านเป็นที่เคารพบูชาของชาวล้านนา และบุคคลทั่วไปอย่าง หลวงปู่ชุ่มเป็นพระทีรอบรู้และเคร่งครัดในพระธรรมวินัย บำเพ็ญบารมี 10 ประการ อันประเสริฐตลอดชีวิตสมณเพศ และมีความวิริยะอุตสาหะปฏิบัติเพื่อมรรคผลสูงสุดในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

    ด้วย พลังแห่งฌานสมาบัติที่แก่กล้า และพลังแห่งเมตตาจิต รวมทั้งสรรพวิชาที่ท่านได้เพียรศึกษาและสั่งสมมาตามคติครูบาอาจารย์ ทำให้กิตติศัพท์ความเก่งกล้าทางด้านวิชาพุทธาคมของหลวงปู่ชุ่ม เป็นที่เชื่อมั่นในหมู่ประชาชนยิ่งนัก โดยเฉพาะด้านคงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด หลวงปู่ชุ่มท่านเป็นพระภิกษุที่มีความชำนาญด้านการผูกอักขระเลขยันต์ต่างๆ รวมทั้งมีอำนาจฌาณสมบัติที่แกกล้าและขลังมาก หลวงปู่ชุ่มได้รับนิมนต์ให้ไปเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกหลายงาน ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง ได้แก่ พิธีพุทธาภิเษกอัฐิท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง จ.ลำพูน หลวงปู่ชุ่มเป็นองค์ประธานในพิธี มีพระอริยะเจ้าทั่วภาคเหนือเข้าร่วมในพิธีนี้ ซึ่งนับเป็นประวัติการณ์อันมิได้ปรากฏขึ้นโดยง่าย

    พูดถึงพระที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบแล้วทางล้านนาเราก็ต้องนึกถึงครูบาศรีวิชัยเป็นอันดับต้นๆใช่ไหมครับ

    ครู บาชุ่มนี่แหละครับคือศิษย์เอกของครูบาศรีวิชัยอย่างแท้จริง และเป็นศิษย์ที่ครูบาศรีวิชัยให้ความไว้วางใจอย่างมาก อีกทั้งพัดหางนกยูงของครูบาศรีวิชัยก็ได้มอบให้กับครูบาชุ่มก่อนที่จะมรณภาพ อีกด้วยครับ

    ในปัจฉิมวัยของหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก ท่านเปิดเผยเกียรติภูมิเต็มองค์ โดยร่วมเส้นทางธรรมสัญจรไปพร้อมกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และเผ่าพงศ์พระสุปฏิบันโน ผู้ล้วนเป็นสหธรรมิกที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น


    ครู บาชุ่มท่านมีวิชาปรอทสำเร็จ คือ สามารถนำปรอทมาเสกเป็นตัว เพื่อทำตระกรุดปรอทได้

    "
    จากคำกล่าวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี"

    อาตมาเคยได้มาดอกหนึ่ง (ได้ให้ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ไปแล้ว) อันวิชาปรอทสำเร็จนั้น สุดจะยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้ว และความสามารถของหลวงปู่นั้น หลวงพ่อเล่าว่า... หลวงปู่ชุ่มสามารถเข้านิโรธสมาบัติด้วยอิริยาบถทั้ง ๔ (ปกติผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ จะเข้าได้เฉพาะอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่ง ส่วนใหญ่ไม่นั่งก็นอน) ซึ่งหลวงพ่อเล่าว่าในชีวิตของท่าน ไม่เคยได้ยินว่ามีใครทำได้อย่างนี้มาก่อนเลย...

    (จากคำกล่าวของพระ เดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ที่บันทึกโดยพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๓ ขอกราบขอบพระคุณครับ)

    การ จะทำตะกรุดปรอทได้นั้นพระเกจิรูปนั้นต้องใช้ฌาณสมาบัติที่สูงมาก เพราะปรอทนั้นเป็นของเหลว และเคลื่อนตัวลื่นไหลไปมาได้ การที่จะเสกปรอทให้เป็นตัวนั้นจะต้องมีสมาธิที่แก่กล้ามากครับ ปรอทนั้นเป็นธาตุกายสิทธิ์ในตระกูลของเหล็กไหลชนิดหนึ่ง มีอำนาจและความศักด์สิทธิ์ในตัว เชื่อกันว่าเมื่ออาราธนาปรอทติดตัวไว้คุ้มครองกายแล้วเหมือนกับการได้มี เหล็กไหลอยู่ในความครอบครองของเราเลยทีเดียวครับ ..ยิ่งถ้าได้รับการอธิษฐานจิตปลุกเสกจาก พระเกจิอาจารย์ที่มีอำนาจพลังจิต หรือ มีฌานสมาบัติที่แก่กล้า พร้อมทั้งเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ด้วยศีลาจาริยวัตรที่งดงาม และดวงจิตดวงธรรมที่เปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์ และขาวสะอาดตลอดอายุกาลของท่าน อย่างหลวงปู่ ครูบาชุ่มแล้ว เชื่อว่าคงไม่ต้องอธิบายให้มากความกันแล้วครับ

    ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ลูกหาไว้ว่า "มึงมีของกูไว้เหมือนมึงได้อยู่กับกู ไม่ต้องกลัว ต่อให้ระเบิดจะลงมึงก็ไม่ต้องกลัว"...

    (หากมีข้อมูลใดผิดพลาดกราบขอขมาครูบาชุ่ม โพธิโกและขอขมาพระรัตนตรัยมาณที่นี้ด้วยครับ)

    ปรอท ตามคติของการสร้างวัตถุมงคล เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยในสมัยโบราณท่านกล่าวไว้ว่า ให้นำแร่ปรอทมาใช้เป็นส่วนผสม ส่วนหนึ่งในการรักษาโรคต่างๆ ของยาแผนโบราณ และบางส่วนก้อใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ในอีกส่วนหนึ่งก็มีการทำให้แข็งตัวตามตำราที่สืบทอดกันมาจากโบราณ ที่เรียกขานกันว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะวงการนักนิยมเครื่องรางของลัง เชื่อถือกันว่า ปรอท เป็นแร่ธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีอานุภาพ อยู่ในตัวเอง แม้นจะเก็บไว้นานก้อคงสภาพไม่แปรเปี่ยนเป็นสีอื่น ปรอทที่แท้จริงจะมีสีขาว ถ้าขัดถูจะดูสดใสขึ้นในทันที จะดูเป็นสีใหม่อยู่เสมอ พิสูจน์ได้โดยเอาถูกับตะกั่วซองบุหรี่ จะร้อนไหม้ขึ้นในทันที เอาหลังแตะกันจะเห็นเป็นยาง เอาถูอลุมิเนียมจะเป็นขุยขึ้นมา เอาถูที่มือ จะป็นสีดำ จึงจะเป็นของแท้ถูกต้องตามตำรา


    สรรพคุณของปรอท ใช้ได้กว้างขวาง เหมาะแก่ท่านที่อยู่ตามชนบท ต่างๆ เช่น ตามไร่ นา ป่า เขา ควรมีปรอทติดตัวไว้บูชา ป้องกันอันตรายได้หลายอยาง บรรพบุรุษนับถือกันจริงๆ ถือได้ว่าย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง นำพกติดตัว เมื่ออันตรายใช้ได้ทันที อาทิ แช่น้ำเป็นน้ำมนต์ หรือ ดื่มกินเพื่อรักษาโรคต่างๆ


    การเล่นแร่แปรธาตุ ปรอทวิเศษ (สำเร็จ)

    *
    *การแปรธาตุหนึ่งไปสู่อีกธาตุหนึ่ง ที่มีคุณลักษณะทางกายภาพและเคมีให้ต่างไปจากเดิม
    นั้น ชาวสยามในสุวรรณภูมิมีวิทยาการในเรื่องนี้มาช้านานจากตำนานพบว่าได้รับการถ่ายทอดมาจาก
    ชาวชมพูทวีปอีกทอดหนึ่ง

    อานุภาพ ของพระเนื้อปรอทตามตำนานที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณ
    1. เมื่อถูกของมีคม ใช้ถูปากแผล ห้ามเลือด และแผลจะปิดทันที
    2. กันไข้ป่า ไข้พิษ ต่างๆ
    3. ดูดพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ใช้น้ำสุราล้างพระปรอท ปิดแผล
    4. ดูดพิษงู
    5. ป้องกันภูติ ผีปิศาจ และคุณไสย
    6. เวลาเดินทางไกล อาราธนาติดตัว หรือแช่ทน้ำมนต์ ประพรหมยานพาหนะป้องกันภยันตรายต่างๆ
    7. ปวดฟันให้อมพระปรอทไว้
    8. ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง
    9. ทารักษาโรคผิวหลังกลากเกลื้อน
    10. เป็นฝี ใช้พระเนื้อปรอท ล้างน้ำสุรา ปิดที่หัวฝี


    ===========​


    การ เลือกปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุยหรือวัดชัยมงคล ก็มีเหตุผลสำคัญครับ เพราะด้วยเดิมทีอานุภาพของปรอทสำเร็จก็มีคุณอย่างมากในเรื่องของการฆ่าพิษ ทำลายพิษ ดูดพิษ ถอนยาสั่งสรรพคุณของปรอท ใช้ได้กว้างขวางในแง่ของการรักษาโรคอยู่แล้ว

    ยิ่งถ้าได้รับการอธิษฐาน จิตปลุกเสกจาก พระเกจิอาจารย์ที่มีอำนาจพลังจิต หรือ มีฌานสมาบัติที่แก่กล้า พร้อมทั้งเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ด้วยศีลาจาริยวัตรที่งดงาม อย่างหลวงปู่ ครูบาชุ่มแล้ว เชื่อว่าคงไม่ต้องอธิบายให้มากความถึงความพิเศษกันแล้วล่ะครับ



    confirmครับว่าเมื่อรวมชนวนพิเศษดังเช่นปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุย เข้าไปด้วย

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ



    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด


    ============​



    ลองอ่านประวัติเกี่ยวกับตำนานปรอทและอานุภาพของปรอทเป็นออเดิร์ฟ ก่อนที่จะได้รับเหรียญทำน้ำมนต์แล้วกันนะครับ

    *ประวัติและความเป็นมาของ"ปรอท"
    *

    * ปรอท ตามคติของการสร้างวัตถุมงคล เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยในสมัย
    โบราณท่านกล่าวไว้ว่า ให้นำแร่ปรอทมาใช้เป็นส่วนผสม ส่วนหนึ่งในการรักษาโรคต่างๆ ของยาแผน
    โบราณ และบางส่วนก้อใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ในอีกส่วนหนึ่งก็มีการทำให้แข็งตัวตามตำราที่สืบทอด
    กันมาจากโบราณ ที่เรียกขานกันว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะวงการนักนิยมเครื่องรางของลัง
    เชื่อถือกันว่า ปรอท เป็นแร่ธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีอานุภาพ อยู่ในตัวเอง แม้นจะเก็บไว้นานก้อ
    คงสภาพไม่แปรเปี่ยนเป็นสีอื่น ปรอทที่แท้จริงจะมีสีขาว ถ้าขัดถูจะดูสดใสขึ้นในทันที จะดูเป็นสีใหม่อยู่
    เสมอ พิสูจน์ได้โดยเอาถูกับตะกั่วซองบุหรี่ จะร้อนไหม้ขึ้นในทันที เอาหลังแตะกันจะเห็นเป็นยาง
    เอาถูอลุมิเนียมจะเป็นขุยขึ้นมา เอาถูที่มือ จะป็นสีดำ จึงจะเป็นของแท้ถูกต้องตามตำรา สรรพคุณ
    ของปรอท ใช้ได้กว้างขวาง เหมาะแก่ท่านที่อยู่ตามชนบท ต่างๆ เช่น ตามไร่ นา ป่า เขา ควรมี
    พระปรอทติดตัวไว้บูชา ป้องกันอันตรายได้หลายอยาง บรรพบุรุษนับถือกันจริงๆ ยิ่งนำมาสร้างเป็น
    พระหลวงปู่ทวดเหยีย่บน้ำทะเลจืด ถือได้ว่าย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง เพราะหลวงปู่ทวด เป็น
    สุดยอดพระนิรันตราย พระเนื้อปรอทหลวงปู่ทวดนี้ นำพกติดตัว เมื่ออันตรายใช้ได้ทันที อาทิ แช่น้ำ
    เป็นน้ำพุทธมนต์ หรือ ดื่มกินเพื่อักษาโรคต่างๆ อานุภาพ ของพระเนื้อปรอทตามตำนานที่เชื่อถือกันมา
    แต่โบราณ
    *

    *1. เมื่อถูกของมีคม ใช้ถูปากแผล ห้ามเลือด และแผลจะปิดทันที
    2. กันไข้ป่า ไข้พิษ ต่างๆ
    3. ดูดพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ใช้น้ำสุราล้างพระปรอท ปิดแผล
    4. ดูดพิษงู
    5. ป้องกันภูติ ผีปิศาจ และคุณไสย
    6. เวลาเดินทางไกล อาราธนาติดตัว หรือแช่ทน้ำมนต์ ประพรหมยานพาหนะป้องกันภยันตรายต่างๆ
    7. ปวดฟันให้อมพระปรอทไว้
    8. ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง
    9. ทารักษาโรคผิวหลังกลากเกลื้อน
    10. เป็นฝี ใช้พระเนื้อปรอท ล้างน้ำสุรา ปิดที่หัวฝี การเล่นแร่แปรธาตุหุงหาปรอท ตามตำหรับ
    โบราณนี้ เป็นเรื่องที่หาพระคณาจารย์ ผู้ที่มีวิชาทำได้ยากยิ่ง ดังนั้นพระปรอทจึงเป็นสิ่งสำคัญหายาก
    จึงควรเก็บักษาไว้ให้ดี เพราะตำราที่ใช้หุงปรอทนั้นเป็นตำรับที่ตกทอดมาแต่โบราณ เป็นการรักษา
    ของเก่าที่มีมาแต่ครั้งบรรพบุรุษไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลา *


    เล่นแร่แปรธาตุ ปรอทวิเศษ (สำเร็จ)
    *
    *การแปรธาตุหนึ่งไปสู่อีกธาตุหนึ่ง ที่มีคุณลักษณะทางกายภาพและเคมีให้ต่างไปจากเดิม
    นั้น ชาวสยามในสุวรรณภูมิมีวิทยาการในเรื่องนี้มาช้านานจากตำนานพบว่าได้รับการถ่ายทอดมาจาก
    ชาวชมพูทวีปที่ได้รับความรู้นี้มาจากไอยคุปต์โบราณอีกทอดหนึ่ง เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุนี้เป็นเรื่อง
    จริงที่มิใช่เพียงตำนานที่เล่าขานนอกจากการแปรธาตุให้เป็นสิ่งที่มีค่ามากขึ้นยังพบว่ามีการใช้ในการ
    สรรสร้างวัตถุที่ประจุพลังจิตอีก เรื่องราวเหล่านี้พบในเอกสารโบราณหลายฉบับทั้งยังมีกล่าวในพระ
    ไตรปิฏกตอนที่กล่าวถึงโลกจินไตยว่าอันคติเรื่องโลกนั้นแบ่งได้สองสาขาคือ*

    *๑. มนิกาวิชชาคือความรู้เรื่องจิตศาสตร์อันได้แก่ ความรู้ทางจิต การบำเพ็ญจิตในลักษณะต่างๆ
    ทั้งก่อนพุทธกาลและในขณะนั้นเช่นการสะกดจิต การฝึกปราณยามะ การเพ่งกสิณ
    ๒. ตัชชารีวิชชา อันนี้คือความรู้เรื่องเครื่องลางของขลัง ๔ ประการคือ*

    *๒.๑ มูลตัชชารี ความรู้เรื่องต้นไม้ว่านยาที่มีอานุภาพต่างๆ
    ๒.๒ มันตาตัชชารีวิชชา ได้แก่ความรู้เรื่องเวทมนต์ต่างๆที่หลายท่านคุ้นเคยกันดี
    ๒.๓ อังกตัชชารีวิชชา ได้แก่ความรู้เรื่องการทำเครื่องลางของขลังพวกพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด
    พิสมรต่างๆ
    ๒.๔ ธาตุตัชชารีวิชชา คือความรู้เรื่องแร่ธาตุต่าง ที่มีอิทธิฤทธิ์รวมทั้งวิชาเคมียุคดึกดำบรรพ์ เรียก
    ว่ารสายนเวทที่เป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุต่างๆ เช่นการแปรธาตุตะกั่วเป็นทองคำ
    (สีสัน-ลักษณะโครงสร้างภายนอก) การแปรธาตุปรอทเป็นของแข็งที่เรียกกันว่าปรอทสำเร็จธาตุ
    กายสิทธิ์วิชาเรื่อง การแปรธาตุนี้เกือบเหลือเป็นเพียงแค่ตำนานเพราะมีผู้รู้สืบทอดน้อยลงวิชา
    ประการต่างๆก็พลอยสาบสูญไปกับผู้ที่รู้วิชาเหล่านั้น*

    *การแปรธาตุนั้นถือเป็นการร่ำเรียนพระเวทขั้นสูงเพราะต้องใช้ทั้งความรู้และสติปัญญา
    ในการไขปริศนาแห่งวิชาให้เข้าใจทั้งต้องมีพลังจิตในระดับอัปมัญญาสมาธิ (ฌานสมาบัติ) จึงจะ
    สามารถทำสำเร็จ เท่าที่พบในประวัติศาสตร์ของชาวสยามนั้นมีวิชาการที่กล่าวถึงเรื่องนี้อยู่มากทั้ง
    ปรากฏหลักฐานในพระเครื่องรางของขลังที่ผู้มีความรู้พระเวทสายนี้สรรสร้างบรรจุไว้ตามกรุเจดีย์
    ต่างๆ แสดงถึงความรุ่งเรืองของรสายนเวทในสมัยนั้น หากท่านเป็นนักนิยมพระเครื่อง คงรู้จัก
    เครื่องลางเช่นลูกปรอทกรอก็เป็นประดิษฐกรรมอย่างหนึ่งและพระเครื่องที่ทรงฤทธานุภาพสูงที่บรรจุ
    ในกรุโบราณมาแต่สมัยศรีอโยธยารามเทพนคร ที่สรรสร้างด้วยพระเวทสายเล่นแร่แปรธาตุก็คือ พระ
    กรุวัดท้ายย่าน จังหวัดชัยนาท ที่ปรากฏมีผู้เรืองวิทยาคมสูงส่งสืบทอดอย่างไม่ขาดสายจนปัจจุบัน
    ความเข้มขลังของพระกรุนี้นักนิยมพระรุ่นเก่าถึงขนาดดูแท้ปลอมด้วยการอาราธนากำพระเครื่องนี้
    แล้วนำเข็มฉีดยาแทงหากว่าเข็มทะลุผ่านชั้นเนื้อไปได้ก็ถือว่าพระเครื่องท้ายย่านองค์นั้นปลอม นี่คือ
    กฤติยาคมที่ผ่านพ้นอดีตจนมาพิสูจน์ความจริงแท้ในโลกปัจจุบัน*

    * นอกจากพระกรุวัดท้ายย่านจะมีอิทธิคุณเข้มขลังแล้วท่านทราบไหมว่าพระเครื่องชุดนี้
    สร้างจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุที่ปรากฏในตำนานสยามคือวิชาปรอทสำเร็จธาตุกายสิทธิ์นั่นเองเมื่อผ่าน
    กาลเวลานานนับร้อยปีประกอบกับความร้อนเย็นในกรุพระปรอทนั้นก็กินตัวกรอบไม่คงทนทำให้พระชุดนี้
    ตกแตก บรรดานักนิยมพระเครื่องที่ไม่เดียงสาก็คิดว่าพระท้ายย่านนั้นมีส่วนผสมสร้างจากแร่
    พลวง(วุลแฟรม)ชนิดหนึ่งเท่านั้นและท่านทราบอีกหรือไม่ว่าพระชุดนี้มิได้ใช้การหลอมเทด้วยความร้อน
    !!!! แต่เป็นการปั้นอัดพิมพ์โลหะกายสิทธิ์นั้นด้วยวิชาพระเวทขั้นสูงที่น่าตื่นตะหนกที่หลอมโลหะด้วย
    พระเวทแล้วชุบให้แข็งตัวหลายท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจบอกว่าเหลือเชื่อไม่น่าเป็นไปได้แต่ยืนยันว่า
    เป็นเรื่องจริง*

    *ก่อนที่จะมาถึงการหลอมปรอทโดยไม่ใช้ไฟที่มีนักวิทยาคมหลายท่านสงสัยว่าจริงหรือ ?
    บางท่านถึงกับกล่าวปรามาสไปก็มีว่าเป็นเรื่องเล่นกลหลอกลวงหรือบางรายกล่าวแบบขอไปทีว่าถึงทำ
    ได้แล้วไงจะขลังจริงหรือ อันนี้เป็นเรื่องต่างความคิดต่างความเชื่อกันคงไปบังคับกะเกณฑ์กันไม่ได้แต่
    ที่นำมาเล่าให้ฟังนี่ก็เพื่อสืบตำนานเรื่องราวที่เป็นความเชื่อทางวัฒนธรรมประการหนึ่งของไทยเราจะ
    ขอปูพื้นความรู้เรื่องปรอทวิเศษหรือปรอทสำเร็จที่เป็นของวิเศษในความเชื่อของผู้ศึกษาวิทยาคมว่า
    ใครหากทำได้เเล้วก็นับว่าบรรลุจุดสูงสุดในวิชาวิทยาคมประการหนึ่งเเบบเดียวกับที่เราศึกษาวิชา
    ความรู้ภาคสามัญแล้วได้ปริญญาอย่างไรอย่างนั้นจึงขอคัดตำราการหุงปรอทสำเร็จแบบหนึ่งซึ่งจริงใน
    เมืองไทยมีตำราแบบที่ว่าด้วยการหุงปรอทนี่เท่าที่พบไม่น้อยกว่ายี่สิบตำราครับการหุงปรอทตำรับนี้ที่ได้
    จากตำราเก่าอายุหลายร้อยปีเล่มหนึ่งกล่าวถึงการหุงปรอทและสรรพคุณไว้จึงขอคัดมาเป็นพื้นความรู้
    เพื่อกล่าวถึงเนื้อความต่อๆไปดังนี้ครับ
    ปรอทเป็นของเหลวและไหลกลอกกลิ้งได้เช่นเดียวกับน้ำ หลักวิทยาศาสตร์ปรอทนั้นจะมีอาการหดตัว
    เมื่อถูกความเย็นและพองตัวเมื่อถูกความร้อน ตามวิชาการแพทย์ก็ต้องใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดระดับ
    ความร้อนของคนไข้ หลักอุตุนิยมวิทยาก็ใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นต้น
    เพราะความคุมตัวกันไม่ติดของปรอท และเป็นธาตุชนิดหนึ่งที่มีอาการประหลาดนี้เอง ในโบราณกาล
    จึงถือว่าปรอทนั้นหากผู้ใดมีวิชาสามารถทำคุมตัวกันได้ และประกอบพิธีโดยหลักไสยศาสตร์อันถูกต้อง
    ครบถ้วนแล้วฤทธิอันเกิดจากวิทยาคมซึ่งรวมอยู่ในปรอทนั้นอาจจะสามารถนำผู้ที่เป็นเจ้าของให้เกิด
    อิทธิฤทธิและกระทำปาฏิหาริย์ต่างๆได้ ดังอุปเท่ห์โบราณดังนี้*

    *๑. ผู้ใดอมปรอทไว้ ผู้นั้นจะมีรูปร่างดังพระมหาจักรพรรดิ (หมายถึง ความมีเดช
    ฤทธิ์ และความงามเป็นที่เสน่หากระมังอันนี้รวมถึงอานุภาพที่คล้ายกับเหล็กไหลในตำนานที่เด่นเรื่อง
    คุ้มครองป้องกันด้วย)
    ๒. เสียงไพเราะ ดังท้าวมหาพรหม (หมายถึง พูดถูกใจบุคคล เป็นเสน่ห์ พูดอะไรมี
    คนเชื่อถือกระมัง)
    ๓. ไปป่าหิมพานต์ยาม ๑ ก็ถึง (คงหมายถึงการปาฏิหาริย์ ล่องหน)
    ๔. ไป ๔ ทวีป ในนิ้วมือเดียว (เช่นเดียวกับข้อ ๓ หรืออาจหมายถึงกายทิพย์ก็ได้)
    ๕. คิดอะไรสำเร็จความปรารถนา*
    (ขอบคุณข้อมูลจากเว็บเทพจำแลง)
    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4


    coming soon
    มกราคม 2554
     
  10. ณภาภัช

    ณภาภัช สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +7
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ขอรับ1องค์ค่ะเดี๋ยวจะจัดการส่งซองไปนะคะ
     
  11. ชาญชิต

    ชาญชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +441
    ขออนุโมทนาครับ

    ผมขอรับเหรียญทำน้ำมนต์หลวงปู่ศรี รุ่น 3 ครับ

    ขอบพระคุณครับ


    กรุณาส่ง นายประภัทรพงศ์ ชาญชิต
    เคทีอพาร์ทเม้นท์ ห้อง 604
    99/222 หมู่ 5 ถนนภูมิเวท
    ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด
    จังหวัดนนทบุรี 11120<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    อนุโมทนา สาธุ 492 ม.13 ถ.เกษตรวัฒนา ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น 40160 ธนพล จังจริงถกล ขอบคุณครับ
     
  13. ดอนdon

    ดอนdon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,580
    ค่าพลัง:
    +3,291
    อนุโมทนา สาธุ 492 ม.13 ถ.เกษตรวัฒนา ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น 40160 ธนพล จังจริงถกล ขอบคุณครับ
     
  14. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;พระกริ่งวัดช้าง; สมเด็จพระสังฆราชแพ

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;พระกริ่งวัดช้าง; สมเด็จพระสังฆราชแพ

    coming soon
    มกราคม 2554


    [​IMG]





    พระกริ่งวัดช้าง;

    สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราชแพ เช่นกันนะครับแต่ออกที่วัดช้าง (2484).ครับ
    ต่างจากกริ่งนะโภคทรัพย์บ้างตรงสีครับ(เท่าที่เห็น)
    พระกริ่งวัดช้างเท่าที่เห็นจะสีออกแดงอมดำ


    พุทธคุณครอบจักรวาล มีเด่นด้านความเจริญก้าวหน้า ชีวิตรุ่งเรือง ดีทั้งนอกและใน
    และนอกจากนั้น
    มีการเชื่อกันว่าพระกริ่งมีอำนาจคุ้มครองดวงชะตาและรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และ มากถึงมากที่สุดครับ

    ด้วย มวลสารพิธีกรรม และฤกษ์ ทำให้พระกริ่งที่ สร้างในยุคก่อนมีความเข้มขลังสามารถแช่น้ำทำน้ำมนต์มาดื่มกันรักษาโรคได้ แต่การสร้างยุคหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นการรวบรัด แม้ว่าจะเป็นเนื้อนวโลหะครบตามสูตร แต่การจารยันต์และฤกษ์การเทนั้นไม่เป็นตามตำรา พระกริ่งยุคหลังจึงนำมาแช่น้ำทำน้ำมนต์มาดื่มกันรักษาโรคไม่ได้ดีเท่าในอดีต

    พระกริ่ง เป็นพระเครื่องที่คนในวงการพระเครื่องเชื่อมากันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะ "เซียนพระกริ่ง" ยังเชื่อกันอย่างแน่วแน่ว่า สามารถช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคที่การแพทย์แผนปัจจุบันหาสาเหตุไม่พบ และรักษาด้วยยาไม่ได้ ยามใดที่เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจงอธิษฐานขออำนาจพุทธคุณในพระกริ่ง แล้วนำพระแช่น้ำ จากนั้นก็เอามาดื่ม บ้างก็นำมาอาบ เพื่อความเป็นสิริมงคล โรคภัย ไข้เจ็บป่วยอยู่นั้น ก็จะหายโดยอัศจรรย์

    ===========​


    การ เลือกพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชแพ ก็มีเหตุผลสำคัญครับ ตามข้อมูลข้างต้น เพื่อรวมพลังงานพุทธคุณของสุดยอดมวลสารและ พลังพุทธคุณของยันต์108 และพุทธานุภาพในการรักษาโรคของพระกริ่งชุดนี้

    พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชแพนั้น แค่อานุภาพของยันต์108ก็ครอบจักรวาลแล้วครับ
    นอกจากอานุภาพของยันต์108 แล้วยังมีมวลสารที่สมเด็จพระสังฆราชแพท่านใช้นั้นก็ครบถ้วนมากๆไม่มีการขาดตกแต่ประการใด

    นับว่าองค์ท่านแตกฉานในทุกขั้นตอนกรรมวิธีการสร้างพระแบบเอกอุจริงๆตามตำรับของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยา

    ในการประกอบพิธีหล่อพระนั้นเรื่องฤกษ์ผานาทีก็สำคัญนะครับ
    ใน ประวัติของท่านนั้นว่ากันว่าท่านฉมังเรื่องฤกษ์ยามยิ่งนักครับจะว่า1 ไม่เป็นสองก็ได้ ดังนั้นมั่นใจได้ครับว่าฤกษ์ยามในพิธีหล่อพระของท่านนั้นดีอย่างยิ่งยวดที เดียว

    อีกทั้งองค์สมเด็จพระสังฆราชแพท่านก็เป็นพระที่เปี่ยมด้วยความดีและความรู้


    ทั้งบุญญฤทธิ์หรือก็เต็มเปี่ยม(ในความเข้าใจของผมนะครับ เพราะองค์ท่านเป็นถึงพระสังฆราชได้ก็ต้องเปี่ยมยิ่งแล้วด้วยบุญใช่ไหมครับ
    และในสมัยนั้นท่านก็เป็นผู้ที่มีโอกาสและได้สร้างคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่งและมี ผู้ยอมรับนับถือเป็นจำนวนมากด้วยครับ)




    ทำให้พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชแพเป็นที่ต้องการอย่างมาก
    และยากที่จะหาผู้ใดทำพระกริ่งได้จบครบถ้วนตามแบบแผนโบราณอย่างท่านอีกแล้วในยุคปัจจุบัน

    อย่าง เช่นมวลสารที่เรียกว่า "จ้าวน้ำเงินซึ่งเรียกมหาโชคลาภ ผมแทบจะบอกได้ว่าไม่ค่อยเห็นใครใช้อีกแล้วในยุคนี้นะครับ(เท่าที่รู้นะครับ ยกเว้นหลวงปู่หมุนและพระบางองค์ซึ่งหายากมากจริงๆครับ)"

    confirmครับว่าเมื่อรวมชนวนพิเศษดังเช่นพระกริ่งวัดช้าง; สมเด็จพระสังฆราชทรงสร้าง เข้าไปด้วยแล้ว

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ



    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด
    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

    ============​



    ลองอ่านประวัติการสร้างพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชแพแบบย่อๆดูนะครับ

    ตำนาน ความเป็นมาของพระกริ่งและ พระชัยวัฒน์ของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ซึ่งนายนิรันดร์ แดงวิจิตร หรือ อดีตพระครูวินัยกรณโสภณ เป็นผู้เขียน มีข้อความที่น่าสนใจมากดังนี้ ตำนานความเป็นมาของพระกริ่งและ พระชัยวัฒน์ "คำว่ากริ่ง"นี้หมายความว่ากระไร สมเด็จฯ (สมเด็จพระสังฆราชแพ ติสฺสเทว) เคยรับสั่งเสมอว่า คำว่า "กริ่ง" นี้ มาจากคำถามที่ว่า "กึ กุสโล" (กิง กุสะโล) คือเมื่อพระโยคาวจรบำเพ็ญสมณธรรมมีจิตผ่านกุศลธรรมทั้งปวงเป็นลำดับไปแล้ว

    ถึงขั้นสุดท้ายจิตเสวยอุเบกขาเวทนา ปุญญาภิสังขาร (สภาพที่ปรุงแต่งกรรมฝ่ายดี ได้แก่ กุศลเจตนา) เปลี่ยนเป็น อเนญชา (สภาพที่ปรุงแต่งภพอันมั่นคง ไม่หวั่นไหว ได้แก่ ภาวะจิตที่มั่นคงแน่วแน่ด้วยสมาธิแห่งจตุตถฌาน คือ ฌานที่ 4) เป็นเหตุให้พระโยคาวจรเอะใจขึ้นว่า "กึ กุสโล" นี้เป็นกุศลอะไรเพราะเป็นธรรมที่เกิดขึ้น แปลกประหลาดไม่เหมือนกับกุศลอื่นที่ผ่านมาดังนั้น คำว่า "กึ กุสโล" จึงเป็นชื่อของ อเนญชา คือ "นิพพุติ" แปลว่า "ดับสนิท" คือ หมายถึงพระนิพพาน นั่นเอง"

    มูลเหตุที่สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทรงสร้างพระกริ่งและ พระชัยวัฒน์นั้น มีดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ ทรงเล่าว่าเมื่อพระองค์ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระศรีสมโพธิ ครั้งนั้น สมเด็จพระวันรัต (แดง) อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้งยังทรงเป็นกรมหมื่นเสด็จมาเยี่ยม เมื่อรับสั่งถามถึงอาการของโรคเป็นที่เข้าพระทัยแล้ว รับสั่งว่า เคยเห็นกรมพระยาปวเรศฯเสด็จพระอุปัชฌาย์ของพระองค์อาราธนาพระกริ่งแช่น้ำ อธิษฐาน ขอน้ำพระพุทธมนต์แล้วให้คนไข้เป็นอหิวาตกโรคกินหายเป็นปกติ พระองค์จึงรับสั่งให้มหาดเล็กที่ตามเสด็จไปนำพระกริ่งที่วัดบวรนิเวศแต่ สมเด็จฯ ทูลว่า พระกริ่งที่กุฏิมี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า จึงรับสั่งให้นำมา แล้วอาราธนาพระกริ่งแช่ น้ำอธิษฐานขอน้ำพระพุทธมนต์แล้วนำไปถวายสมเด็จพระวันรัต (แดง) เมื่อท่านฉันน้ำพระพุทธมนต์แล้ว โรคอหิวาต์ก็บรรเทาหายเป็นปกติ ส่วนจะเป็นพระกริ่งสมัยไหนพระองค์ท่านรับสั่งว่าจำไม่ได้
    สำหรับคำกล่าวว่าตำราสร้างพระกริ่งใน ยุคกรุงรัตนโกสินทร์นี้ เดิมเป็นตำราของสมเด็จพระนพระชัต วัดป่าแก้ว สำนักอรัญญิกาวาสสมถธุระวิปัสสนาธุระแห่งกรุงศรีอยุธยา และมาอยู่ที่สมเด็จกรมพระยาปรมานุชิตชิโนรส ศรีสุคตขัตติยวงศ์ วัดพระเชตุพนฯ จากนั้นพรมงคลทิพย์มุนี (มา) วัดจักรวรรดิราชาวาส ก่อนที่จะมาตกอยู่ที่สมเด็จพระสังฆราช (แพ) เมื่อครั้งยังทรงสมณศักดิ์เป็นพระเทพโมลี

    นอกจากนี้การแสวงหาแร่ธาตุที่มีคุณต่างๆ นั้น ต้องใช้ความพยายามไม่น้อย ตามตำราการ สร้างพระกริ่งเนื้อ นวโลหะสายวัดสุทัศนฯ ประกอบไปด้วย

    1.ชินน้ำหนัก 1 บาท (1 บาท = 15.2 กรัม)
    2.จ้าวน้ำเงิน น้ำหนัก 2 บาท (แร่ชนิดหนึ่ง สีเขียวปนน้ำเงิน)
    3.เหล็กละลายตัว น้ำหนัก 3 บาท
    4.บริสุทธิ์ทองแดงบริสุทธิ์น้ำหนัก 4 บาท
    5.ปรอท น้ำหนัก5 บาท
    6.สังกะสี น้ำหนัก 6 บาท
    7.ทองแดง น้ำหนัก 7 บาท
    8.เงิน น้ำหนัก 8 บาท และ
    9.ทองคำ น้ำหนัก 9 บาท

    มา หล่อหลอมให้กินกันดีแล้วนำมาตีเป็นแผ่นแล้วจารยันต์ 108 กับ นะ ปถมัง 14 นะ ครั้งได้ฤกษ์ยามดีก็จะพิธีลงยันต์ในพระอุโบสถต่อไป จากนั้นก็กลับนำมาหล่อตามฤกษ์อีกครั้ง

    ในกระบวนพระกริ่งที่นิยมเล่น หาสะสมแล้ว พระกริ่งของวัดสุทัศน์ที่สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราช(แพ) นั้นนิยมกันมาก แต่ก็หายากมากเช่นกัน เนื่องจากจำนวนการสร้างน้อย คือสร้างตามกำลังวันและเทเฉพาะในฤกษ์เท่านั้น พระกริ่งของสมเด็จพระสังฆราช(แพ) ท่านสร้างตามตำรับของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยา ด้วยการลงเลขยันต์ 108 และนะปถมัง 14 นะ บนแผ่นโลหะแล้วนำไปหลอมเป็นชนวนเพื่อหลอมหล่อเข้าไปในองค์พระ หลังจากนั้นจึงนำมาปลุกเสกอีกชั้นหนึ่ง

    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

     
  15. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;พระกริ่งวัดช้าง; สมเด็จพระสังฆราชแพ

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;พระกริ่งวัดช้าง; สมเด็จพระสังฆราชแพ

    coming soon
    มกราคม 2554


    [​IMG]





    พระกริ่งวัดช้าง;

    สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราชแพ เช่นกันนะครับแต่ออกที่วัดช้าง (2484).ครับ
    ต่างจากกริ่งนะโภคทรัพย์บ้างตรงสีครับ(เท่าที่เห็น)
    พระกริ่งวัดช้างเท่าที่เห็นจะสีออกแดงอมดำ


    พุทธคุณครอบจักรวาล มีเด่นด้านความเจริญก้าวหน้า ชีวิตรุ่งเรือง ดีทั้งนอกและใน
    และนอกจากนั้น
    มีการเชื่อกันว่าพระกริ่งมีอำนาจคุ้มครองดวงชะตาและรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และ มากถึงมากที่สุดครับ

    ด้วย มวลสารพิธีกรรม และฤกษ์ ทำให้พระกริ่งที่ สร้างในยุคก่อนมีความเข้มขลังสามารถแช่น้ำทำน้ำมนต์มาดื่มกันรักษาโรคได้ แต่การสร้างยุคหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นการรวบรัด แม้ว่าจะเป็นเนื้อนวโลหะครบตามสูตร แต่การจารยันต์และฤกษ์การเทนั้นไม่เป็นตามตำรา พระกริ่งยุคหลังจึงนำมาแช่น้ำทำน้ำมนต์มาดื่มกันรักษาโรคไม่ได้ดีเท่าในอดีต

    พระกริ่ง เป็นพระเครื่องที่คนในวงการพระเครื่องเชื่อมากันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะ "เซียนพระกริ่ง" ยังเชื่อกันอย่างแน่วแน่ว่า สามารถช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคที่การแพทย์แผนปัจจุบันหาสาเหตุไม่พบ และรักษาด้วยยาไม่ได้ ยามใดที่เกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจงอธิษฐานขออำนาจพุทธคุณในพระกริ่ง แล้วนำพระแช่น้ำ จากนั้นก็เอามาดื่ม บ้างก็นำมาอาบ เพื่อความเป็นสิริมงคล โรคภัย ไข้เจ็บป่วยอยู่นั้น ก็จะหายโดยอัศจรรย์

    ===========​


    การ เลือกพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชแพ ก็มีเหตุผลสำคัญครับ ตามข้อมูลข้างต้น เพื่อรวมพลังงานพุทธคุณของสุดยอดมวลสารและ พลังพุทธคุณของยันต์108 และพุทธานุภาพในการรักษาโรคของพระกริ่งชุดนี้

    พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชแพนั้น แค่อานุภาพของยันต์108ก็ครอบจักรวาลแล้วครับ
    นอกจากอานุภาพของยันต์108 แล้วยังมีมวลสารที่สมเด็จพระสังฆราชแพท่านใช้นั้นก็ครบถ้วนมากๆไม่มีการขาดตกแต่ประการใด

    นับว่าองค์ท่านแตกฉานในทุกขั้นตอนกรรมวิธีการสร้างพระแบบเอกอุจริงๆตามตำรับของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยา

    ในการประกอบพิธีหล่อพระนั้นเรื่องฤกษ์ผานาทีก็สำคัญนะครับ
    ใน ประวัติของท่านนั้นว่ากันว่าท่านฉมังเรื่องฤกษ์ยามยิ่งนักครับจะว่า1 ไม่เป็นสองก็ได้ ดังนั้นมั่นใจได้ครับว่าฤกษ์ยามในพิธีหล่อพระของท่านนั้นดีอย่างยิ่งยวดที เดียว

    อีกทั้งองค์สมเด็จพระสังฆราชแพท่านก็เป็นพระที่เปี่ยมด้วยความดีและความรู้


    ทั้งบุญญฤทธิ์หรือก็เต็มเปี่ยม(ในความเข้าใจของผมนะครับ เพราะองค์ท่านเป็นถึงพระสังฆราชได้ก็ต้องเปี่ยมยิ่งแล้วด้วยบุญใช่ไหมครับ
    และในสมัยนั้นท่านก็เป็นผู้ที่มีโอกาสและได้สร้างคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่งและมี ผู้ยอมรับนับถือเป็นจำนวนมากด้วยครับ)




    ทำให้พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชแพเป็นที่ต้องการอย่างมาก
    และยากที่จะหาผู้ใดทำพระกริ่งได้จบครบถ้วนตามแบบแผนโบราณอย่างท่านอีกแล้วในยุคปัจจุบัน

    อย่าง เช่นมวลสารที่เรียกว่า "จ้าวน้ำเงินซึ่งเรียกมหาโชคลาภ ผมแทบจะบอกได้ว่าไม่ค่อยเห็นใครใช้อีกแล้วในยุคนี้นะครับ(เท่าที่รู้นะครับ ยกเว้นหลวงปู่หมุนและพระบางองค์ซึ่งหายากมากจริงๆครับ)"

    confirmครับว่าเมื่อรวมชนวนพิเศษดังเช่นพระกริ่งวัดช้าง; สมเด็จพระสังฆราชทรงสร้าง เข้าไปด้วยแล้ว

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ



    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด
    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

    ============​



    ลองอ่านประวัติการสร้างพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชแพแบบย่อๆดูนะครับ

    ตำนาน ความเป็นมาของพระกริ่งและ พระชัยวัฒน์ของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ซึ่งนายนิรันดร์ แดงวิจิตร หรือ อดีตพระครูวินัยกรณโสภณ เป็นผู้เขียน มีข้อความที่น่าสนใจมากดังนี้ ตำนานความเป็นมาของพระกริ่งและ พระชัยวัฒน์ "คำว่ากริ่ง"นี้หมายความว่ากระไร สมเด็จฯ (สมเด็จพระสังฆราชแพ ติสฺสเทว) เคยรับสั่งเสมอว่า คำว่า "กริ่ง" นี้ มาจากคำถามที่ว่า "กึ กุสโล" (กิง กุสะโล) คือเมื่อพระโยคาวจรบำเพ็ญสมณธรรมมีจิตผ่านกุศลธรรมทั้งปวงเป็นลำดับไปแล้ว

    ถึงขั้นสุดท้ายจิตเสวยอุเบกขาเวทนา ปุญญาภิสังขาร (สภาพที่ปรุงแต่งกรรมฝ่ายดี ได้แก่ กุศลเจตนา) เปลี่ยนเป็น อเนญชา (สภาพที่ปรุงแต่งภพอันมั่นคง ไม่หวั่นไหว ได้แก่ ภาวะจิตที่มั่นคงแน่วแน่ด้วยสมาธิแห่งจตุตถฌาน คือ ฌานที่ 4) เป็นเหตุให้พระโยคาวจรเอะใจขึ้นว่า "กึ กุสโล" นี้เป็นกุศลอะไรเพราะเป็นธรรมที่เกิดขึ้น แปลกประหลาดไม่เหมือนกับกุศลอื่นที่ผ่านมาดังนั้น คำว่า "กึ กุสโล" จึงเป็นชื่อของ อเนญชา คือ "นิพพุติ" แปลว่า "ดับสนิท" คือ หมายถึงพระนิพพาน นั่นเอง"

    มูลเหตุที่สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทรงสร้างพระกริ่งและ พระชัยวัฒน์นั้น มีดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ ทรงเล่าว่าเมื่อพระองค์ดำรงสมณศักดิ์เป็นพระศรีสมโพธิ ครั้งนั้น สมเด็จพระวันรัต (แดง) อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้งยังทรงเป็นกรมหมื่นเสด็จมาเยี่ยม เมื่อรับสั่งถามถึงอาการของโรคเป็นที่เข้าพระทัยแล้ว รับสั่งว่า เคยเห็นกรมพระยาปวเรศฯเสด็จพระอุปัชฌาย์ของพระองค์อาราธนาพระกริ่งแช่น้ำ อธิษฐาน ขอน้ำพระพุทธมนต์แล้วให้คนไข้เป็นอหิวาตกโรคกินหายเป็นปกติ พระองค์จึงรับสั่งให้มหาดเล็กที่ตามเสด็จไปนำพระกริ่งที่วัดบวรนิเวศแต่ สมเด็จฯ ทูลว่า พระกริ่งที่กุฏิมี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า จึงรับสั่งให้นำมา แล้วอาราธนาพระกริ่งแช่ น้ำอธิษฐานขอน้ำพระพุทธมนต์แล้วนำไปถวายสมเด็จพระวันรัต (แดง) เมื่อท่านฉันน้ำพระพุทธมนต์แล้ว โรคอหิวาต์ก็บรรเทาหายเป็นปกติ ส่วนจะเป็นพระกริ่งสมัยไหนพระองค์ท่านรับสั่งว่าจำไม่ได้
    สำหรับคำกล่าวว่าตำราสร้างพระกริ่งใน ยุคกรุงรัตนโกสินทร์นี้ เดิมเป็นตำราของสมเด็จพระนพระชัต วัดป่าแก้ว สำนักอรัญญิกาวาสสมถธุระวิปัสสนาธุระแห่งกรุงศรีอยุธยา และมาอยู่ที่สมเด็จกรมพระยาปรมานุชิตชิโนรส ศรีสุคตขัตติยวงศ์ วัดพระเชตุพนฯ จากนั้นพรมงคลทิพย์มุนี (มา) วัดจักรวรรดิราชาวาส ก่อนที่จะมาตกอยู่ที่สมเด็จพระสังฆราช (แพ) เมื่อครั้งยังทรงสมณศักดิ์เป็นพระเทพโมลี

    นอกจากนี้การแสวงหาแร่ธาตุที่มีคุณต่างๆ นั้น ต้องใช้ความพยายามไม่น้อย ตามตำราการ สร้างพระกริ่งเนื้อ นวโลหะสายวัดสุทัศนฯ ประกอบไปด้วย

    1.ชินน้ำหนัก 1 บาท (1 บาท = 15.2 กรัม)
    2.จ้าวน้ำเงิน น้ำหนัก 2 บาท (แร่ชนิดหนึ่ง สีเขียวปนน้ำเงิน)
    3.เหล็กละลายตัว น้ำหนัก 3 บาท
    4.บริสุทธิ์ทองแดงบริสุทธิ์น้ำหนัก 4 บาท
    5.ปรอท น้ำหนัก5 บาท
    6.สังกะสี น้ำหนัก 6 บาท
    7.ทองแดง น้ำหนัก 7 บาท
    8.เงิน น้ำหนัก 8 บาท และ
    9.ทองคำ น้ำหนัก 9 บาท

    มา หล่อหลอมให้กินกันดีแล้วนำมาตีเป็นแผ่นแล้วจารยันต์ 108 กับ นะ ปถมัง 14 นะ ครั้งได้ฤกษ์ยามดีก็จะพิธีลงยันต์ในพระอุโบสถต่อไป จากนั้นก็กลับนำมาหล่อตามฤกษ์อีกครั้ง

    ในกระบวนพระกริ่งที่นิยมเล่น หาสะสมแล้ว พระกริ่งของวัดสุทัศน์ที่สร้างโดยสมเด็จพระสังฆราช(แพ) นั้นนิยมกันมาก แต่ก็หายากมากเช่นกัน เนื่องจากจำนวนการสร้างน้อย คือสร้างตามกำลังวันและเทเฉพาะในฤกษ์เท่านั้น พระกริ่งของสมเด็จพระสังฆราช(แพ) ท่านสร้างตามตำรับของสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยา ด้วยการลงเลขยันต์ 108 และนะปถมัง 14 นะ บนแผ่นโลหะแล้วนำไปหลอมเป็นชนวนเพื่อหลอมหล่อเข้าไปในองค์พระ หลังจากนั้นจึงนำมาปลุกเสกอีกชั้นหนึ่ง

    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

     
  16. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;พระขรรค์จักรพรรดิ์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;พระขรรค์จักรพรรดิ์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร เมตตาอธิษฐานจิต


    coming soon
    มกราคม 2554



    [​IMG]



    ภาพหลวงปู่ศรี มหาวีโร

    [​IMG]



    ปลุกเสกโดยวิธีอัญเชิญพลังงานครอบลงมาทั้งพลังเหนือโลกเพื่อป้องกันภัยพิบัติ
    ในอนาคตโดยเฉพาะ และจากศาสตราวุธต่างๆของครูบาอาจารย์ชื่อดังเช่น

    1.มีดหมอชาตรี หลวงพ่อฤาษี;พระราชพรหมยาน
    2.มีดเสือสมิง หลวงปู่กวย
    3.มีดสายฟ้าปราบไตรจักร หลวงปู่ญาท่านสวน
    4.พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าหลวงปู่ดู่



    บาง ท่านอาจยากที่จะเชื่อว่าเป็นไปได้อย่างไรในการถ่ายพลังงาน 4 สุดยอด พระขรรค์และมีดหมอ ของยุคลงมาในพระขรรค์ด้ามเดียวแต่เป็นไปแล้วครับ
    ท่านสามารถดูหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ด้านล่างได้ครับ

    [​IMG]

    รูป ถ่ายพลังงานพระขรรค์จักรพรรดิ์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร เห็นตรงใจกลางภาพเลยครับว่าเหมือนมีกงจักรหมุนอยู่จริงๆ(อันนี้ความคิดเห็น ส่วนตัวนะครับ)

    การถ่ายเทพลังงานนี้ขึ้นกับอำนาจจิตและบารมีรวมถึงความ เีกี่ยวพันของผู้อธิษฐานจิตด้วยครับซึ่งตรงจุดนี้หลวงปู่ศรี มหาวีโรท่านมีพร้อมครับอำนาจจิตและบารมีที่แกร่งกล้าอย่างที่สุดของพระอริย เจ้าบารมีล้นนั้นแค่คิดก็เป็นไปตามนั้นแล้วครับ



    มีดหลวงปู่ศรี เหลืองทอง รวย เสริมดวงและบารมี ขาวประกายเงิน บุญมาก รวยมาก
    และจิตสงบ (ผีคงไม่กล้าตอแยกับคนมีบุญ) เขียวออกขี้ม้า ป้องกันภัยพิบัติ
    เขียวนี้น่าจะเป็นแหลืองบวกฟ้าคราม คือมากด้วยพุทธคุณ และเสริมดวง

    พุทธคุณป้องกัน และปราบสิ่งไม่ดีต่างๆได้ชะงัดนัก จัดสร้างขึ้นมาเพื่อให้พุทธบริษัท
    ที่อยู่ในศีลในธรรมได้ป้องกันตัวเองจากภัยต่างๆทั้งมองเห็นและมองไม่เห็น และยิ่งในอนาคตอันใกล้เวลาเกิดภัยพิบัติ
    จะมีภัยใหม่ที่เกิดขึ้นคือภัยจากวิญญาณ ซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวร และวิญญาณอื่นๆ เพราะเกิดจากที่นับวันคนยิ่งตายมากขึ้นๆ

    วิญญาณที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิดก็มากขึ้น จะทำร้ายคนที่ดวงตก หรือบาปอกุศลกรรมเข้ามาถึงอาจจะโดนพวกนี้เล่นเอาได้ง่ายๆ
    คณะผู้จัดสร้างจึงขอเมตตาหลวงปู่ในการปลุกเสกพระขรรค์รุ่นนี้ให้มีอานุภาพกันและแก้ได้ทุกประการ จากประสบการณ์
    จากคนใกล้ตัวเจอประสบการณ์กันมามากมายทั้งแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ และนำไปไล่วิญญาณได้ผลดีมาก
    credit :คุณ boy specialized

    ============​

    พระขรรค์จักรพรรดิ์ หลวงปู่ศรี มหาวีโรนี้
    แค่บารมีของหลวงปู่ศรี มหาวีโรองค์เดียวก็ล้นเหลือแบบมากมายแล้วครับ

    นี่ ยังรวมบารมีของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระมหาโพธิสัตว์และพระอริยเจ้า อย่าง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ;หลวงพ่อฤาษีลิง ;หลวงปู่ญาท่านสวน ; หลวงปู่กวย เข้าไว้อีกด้วยคิดเอาเองแล้วกันครับว่าจะสุดวิเศษขนาดไหน

    และเทพอาวุธทั้ง4คือ

    1.มีดหมอชาตรี หลวงพ่อฤาษี;พระราชพรหมยาน
    2.มีดเสือสมิง หลวงปู่กวย
    3.มีดสายฟ้าปราบไตรจักร หลวงปู่ญาท่านสวน
    4.พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าหลวงปู่ดู่

    ล้วนเป็นที่ต้องการอย่างมากๆของสาธุชนทั้งหลาย หลายคนเฝ้าใฝ่ฝันทุกคืนวันว่าอยากจะได้แต่ก็เป็นไปได้ยากเพราะสนนราคาเช่าสูงจริงๆ

    และ ไม่ใช่ว่ามีสตางค์ก็หาได้ง่ายๆนะครับอย่าง พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าหลวงปู่ดู่ และ มีดเสือสมิง หลวงปู่กวยนั้นหาแทบไม่ได้อีกแล้วเพราะทำน้อยและถึงคนมีเขาก็ไม่ปล่อยออกมา เขาเอาไว้คุ้มครองชีวิตเขาและครอบครัวเขาดีกว่าเนื่องจากเป็นเทพอาวุธใน ตำนานที่มี กฤษฎาภินิหารอย่างลึกล้ำสุดบรรยาย

    แต่เรารวมเอามาไว้ให้แล้วครับในชนวนสร้างเหรียญทำน้ำมนต์รุ่น 4 แจกฟรีเพื่อทุกคน




    confirmครับว่ายิ่งเมื่อรวมชนวนพิเศษดังเช่นพระขรรค์จักรพรรดิ์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร เข้าไปด้วยแล้ว

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ



    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด

    ============​



    ลองอ่านประวัติ หลวงปู่ศรี มหาวีโรแบบย่อๆดูนะครับ

    [​IMG]
    รูปหลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง


    ประวัติ พระราชสังวรอุดม หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง
    พระป่าสายกรรมฐานที่น่ากราบไหว้ พระราชสังวรอุดม (หลวงปู่ศรี มหาวีโร) วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
    พระ ราชสังวรอุดม (หลวงปู่ศรี มหาวีโร) วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด เดิมชื่อ ศรี เกิดในสกุล ปักกะสีนัง เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๔๖๐ ตรงกับวันศุกร์ เดือนหก ปีมะเมีย ที่บ้านขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม โยมบิดาชื่อ อ่อนสี โยมมารดาชื่อ ทุม ช่วงปฐมวัย ท่านเข้าศึกษาที่โรงเรียนประชาบาล วัดบ้านขามป้อม จบชั้นประถมปีที่ ๖ จากนั้นได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม จนจบชั้นมัธยมปีที่ ๓ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐ ต่อมาท่านได้เข้ารับราชการเป็นครูอยู่ระยะหนึ่ง จึงได้บรรพชาอุปสมบท เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๘ ณ พัทธสีมาวัดราษฎร์รังสรรค์ บ้านป่ายาง จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พระโพธิญาณมุนี (ดำ โพธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (ธรรมยุต) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนา เป็นภาษามคธว่า "มหาวีโร"

    พรรษา แรก ท่านได้ศึกษาปฏิบัติธรรมอยู่กับ พระอาจารย์คูณ อุตตโม วัดประชาบำรุง จ.มหาสารคาม ปีต่อมา ท่านได้จาริกไปจำพรรษาที่วัดป่าแสนสำราญ จ.อุบลราชธานี และมีโอกาสศึกษาปฏิบัติธรรม เจริญวิปัสสนา กับ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ซึ่งเป็นศิษย์สำคัญของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต


    เมื่อออก พรรษาแล้วหลวงปู่ศรี มหาวีโรท่านจาริกแสวงธรรม ไปตามป่าตามเขาต่างๆ ซึ่งเป็นสัปปายะสถาน ที่พ่อแม่ครูอาจารย์พระอาจารย์มั่น พระอาจารย์เสาร์ เคยธุดงค์จาริกมาก่อนหน้านี้ เป็นแหล่งเจริญธรรม ที่ผู้กล้าแห่งกองทัพธรรมได้มาประพฤติธรรม บำเพ็ญเพียร ด้วยเป็นสถานที่อยู่ไกลจากชุมชน ขาดแคลนขัดสนในปัจจัยสี่ แต่มีภูมิทัศน์ที่เหมาะแก่การพัฒนาภูมิธรรมสัมมาปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง

    ต่อ มาท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดบ้านนาแก จ.นครพนม ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นดินแดนที่คุกรุ่นไปด้วยสถานการณ์แห่งความขัดแย้ง ด้านอุดมการณ์ทางการเมือง และสังคม แต่ท่านก็อยู่ด้วยความราบรื่น ปราศจากอันตราย

    จนกระทั่งออกพรรษา หลวงปู่ศรี มหาวีโรท่านได้จาริกไปยัง จ.สกลนคร จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นการเดินตามทางรอยธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์ คือ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระบุพพาจารย์ใหญ่ ด้านวิปัสสนากรรมฐาน


    จนถึงช่วงที่ พระอาจารย์มั่น ล่วงสู่ปัจฉิมวัย พำนักอยู่ที่สำนักป่าบ้านหนองผือ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ท่านได้ขออนุญาตพำนักจำพรรษา และศึกษาธรรมกับพระอาจารย์มั่น ด้วย นับเป็นโอกาสอันเป็นมหามงคลในชีวิตบรรพชิต ที่มีโอกาสศึกษาธรรม และอุปัฏฐากพระบุพพาจารย์ใหญ่ รวมทั้งมีโอกาสเจริญธรรม กับสหธรรมิกร่วมสำนัก ร่วมครูอาจารย์เดียวกัน

    หลวงปู่ศรีมีโอกาสได้ ถวายการปฏิบัติจนถึงวาระสุดท้าย เมื่อพระอาจารย์มั่นถึงแก่มรณภาพ ก็ได้ถวายสักการะสรีระพระอาจารย์มั่นเป็นครั้งสุดท้าย ในงานฌาปนกิจที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร หลังจากนั้นพระราชสังวรอุดม ท่านได้จาริกไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ หลายแห่ง จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๙๖ ท่านได้มายัง วัดป่ากุง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ สร้างมาประมาณ ๑๗๐ ปี ท่านได้เป็นผู้นำคณะศรัทธาญาติโยมในการพัฒนาวัดป่ากุง จากสภาพวัดเก่าอันโรยร้าง ให้เจริญเรืองรุ่งขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งเป็น วัดประชาคมวนาราม ที่งามสง่า เป็นศาสนสถานอันไพศาล สำหรับชาวพุทธผู้ศรัทธาเลื่อมใสในพระศาสนา

    หลวงปู่ศรี ได้จำพรรษาที่ วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๗ เป็นต้นมา จนถึงทุกวันนี้ ด้วยความเอาใจใส่เป็นธุระในทุกกิจการงานของพระศาสนาอย่างตั้งใจ จริงจัง และมั่นคง สิ่งที่เป็นผลงานอันยิ่งใหญ่อลังการของหลวงปู่ศรี คือ การก่อสร้าง พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ณ วัดผาน้ำทิพย์ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งนับเป็นผลานิสงส์แห่งแรงศรัทธาของชาวพุทธ ต่อพระบวรพุทธศาสนา ต่อพระสุปฏิปันโน ต่อบารมีธรรมในหลวงปู่อย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนา สืบสานศิลปวัฒนธรรม งานพุทธศิลป์ ให้สถิตสถาพรสืบไป




    พระมหาเจดีย์ชัยมงคล มีรูปแบบอันวิจิตรงดงามยิ่ง เป็นศิลปะผสมความยิ่งใหญ่ของ พระปฐมเจดีย์ กับความโอฬารของ พระธาตุพนม กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ประดิษฐานตระหง่านตระการตา ด้วยศิลปกรรม อันล้ำเลิศ ด้วยฝีมือลูกหลานไทย เป็นนฤมิตกรรมแห่งยุคสมัย ที่จะเป็นปูชนียสถานสำคัญของคนไทยทั่วประเทศ และของโลกวัฒนา สืบต่อไปภายภาคหน้า

    ทุกวัน...ในยามเช้า จะมีคณะศรัทธาชาวบ้านทั้งใกล้และไกล จากหลายถิ่น มารวมกันที่หน้าวัดประชาคมวนาราม เพื่อเตรียมถวายภัตตาหาร บิณฑบาตพระคุณเจ้า และจะเป็นโอกาสที่พุทธศาสนิกชนจะได้กราบไหว้ขอพร หลวงปู่ศรี มหาวีโร อย่างใกล้ชิด ซึ่งท่านได้เมตตาโดยเสมอหน้า ถ้วนทั่วทุกๆ คน

    การบิณฑบาต เป็นธุดงควัตรที่พระกรรมฐานประพฤติปฏิบัติอยู่เป็นประจำ สำหรับหลวงปู่ศรี ท่านจะตื่นแต่ดึก ออกเดินไปรอบๆ วัด จนถึงเวลาบิณฑบาต พระราชสังวรอุดม ท่านจึงเป็นผู้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง แม้จะมีอายุถึง ๙๒ ปีแล้วก็ตาม

    หลวง ปู่ศรี จึงนับเป็นพระวิปัสนาจารย์กรรมฐาน ที่มีความสามารถอย่างสูงในการแจกแจงแสดงธรรม พระราชสังวรอุดม เป็นพระเถราจารย์ผู้เปี่ยมด้วยพรหมวิหารธรรม เป็นเนื้อนาบุญอันยิ่งใหญ่ ของพระพุทธศาสนา เป็นพระป่า พระกรรมฐาน ที่มีศิษยานุศิษย์ให้ความเคารพศรัทธาอย่างมหาศาล เป็นสมณะผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบที่น่ากราบไหว้สักการะเป็นอย่างยิ่ง


    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

     
  17. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;พระขรรค์จักรพรรดิ์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;พระขรรค์จักรพรรดิ์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร เมตตาอธิษฐานจิต


    coming soon
    มกราคม 2554



    [​IMG]



    ภาพหลวงปู่ศรี มหาวีโร

    [​IMG]



    ปลุกเสกโดยวิธีอัญเชิญพลังงานครอบลงมาทั้งพลังเหนือโลกเพื่อป้องกันภัยพิบัติ
    ในอนาคตโดยเฉพาะ และจากศาสตราวุธต่างๆของครูบาอาจารย์ชื่อดังเช่น

    1.มีดหมอชาตรี หลวงพ่อฤาษี;พระราชพรหมยาน
    2.มีดเสือสมิง หลวงปู่กวย
    3.มีดสายฟ้าปราบไตรจักร หลวงปู่ญาท่านสวน
    4.พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าหลวงปู่ดู่



    บาง ท่านอาจยากที่จะเชื่อว่าเป็นไปได้อย่างไรในการถ่ายพลังงาน 4 สุดยอด พระขรรค์และมีดหมอ ของยุคลงมาในพระขรรค์ด้ามเดียวแต่เป็นไปแล้วครับ
    ท่านสามารถดูหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ด้านล่างได้ครับ

    [​IMG]

    รูป ถ่ายพลังงานพระขรรค์จักรพรรดิ์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร เห็นตรงใจกลางภาพเลยครับว่าเหมือนมีกงจักรหมุนอยู่จริงๆ(อันนี้ความคิดเห็น ส่วนตัวนะครับ)

    การถ่ายเทพลังงานนี้ขึ้นกับอำนาจจิตและบารมีรวมถึงความ เีกี่ยวพันของผู้อธิษฐานจิตด้วยครับซึ่งตรงจุดนี้หลวงปู่ศรี มหาวีโรท่านมีพร้อมครับอำนาจจิตและบารมีที่แกร่งกล้าอย่างที่สุดของพระอริย เจ้าบารมีล้นนั้นแค่คิดก็เป็นไปตามนั้นแล้วครับ



    มีดหลวงปู่ศรี เหลืองทอง รวย เสริมดวงและบารมี ขาวประกายเงิน บุญมาก รวยมาก
    และจิตสงบ (ผีคงไม่กล้าตอแยกับคนมีบุญ) เขียวออกขี้ม้า ป้องกันภัยพิบัติ
    เขียวนี้น่าจะเป็นแหลืองบวกฟ้าคราม คือมากด้วยพุทธคุณ และเสริมดวง

    พุทธคุณป้องกัน และปราบสิ่งไม่ดีต่างๆได้ชะงัดนัก จัดสร้างขึ้นมาเพื่อให้พุทธบริษัท
    ที่อยู่ในศีลในธรรมได้ป้องกันตัวเองจากภัยต่างๆทั้งมองเห็นและมองไม่เห็น และยิ่งในอนาคตอันใกล้เวลาเกิดภัยพิบัติ
    จะมีภัยใหม่ที่เกิดขึ้นคือภัยจากวิญญาณ ซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวร และวิญญาณอื่นๆ เพราะเกิดจากที่นับวันคนยิ่งตายมากขึ้นๆ

    วิญญาณที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิดก็มากขึ้น จะทำร้ายคนที่ดวงตก หรือบาปอกุศลกรรมเข้ามาถึงอาจจะโดนพวกนี้เล่นเอาได้ง่ายๆ
    คณะผู้จัดสร้างจึงขอเมตตาหลวงปู่ในการปลุกเสกพระขรรค์รุ่นนี้ให้มีอานุภาพกันและแก้ได้ทุกประการ จากประสบการณ์
    จากคนใกล้ตัวเจอประสบการณ์กันมามากมายทั้งแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ และนำไปไล่วิญญาณได้ผลดีมาก
    credit :คุณ boy specialized

    ============​

    พระขรรค์จักรพรรดิ์ หลวงปู่ศรี มหาวีโรนี้
    แค่บารมีของหลวงปู่ศรี มหาวีโรองค์เดียวก็ล้นเหลือแบบมากมายแล้วครับ

    นี่ ยังรวมบารมีของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระมหาโพธิสัตว์และพระอริยเจ้า อย่าง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ;หลวงพ่อฤาษีลิง ;หลวงปู่ญาท่านสวน ; หลวงปู่กวย เข้าไว้อีกด้วยคิดเอาเองแล้วกันครับว่าจะสุดวิเศษขนาดไหน

    และเทพอาวุธทั้ง4คือ

    1.มีดหมอชาตรี หลวงพ่อฤาษี;พระราชพรหมยาน
    2.มีดเสือสมิง หลวงปู่กวย
    3.มีดสายฟ้าปราบไตรจักร หลวงปู่ญาท่านสวน
    4.พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าหลวงปู่ดู่

    ล้วนเป็นที่ต้องการอย่างมากๆของสาธุชนทั้งหลาย หลายคนเฝ้าใฝ่ฝันทุกคืนวันว่าอยากจะได้แต่ก็เป็นไปได้ยากเพราะสนนราคาเช่าสูงจริงๆ

    และ ไม่ใช่ว่ามีสตางค์ก็หาได้ง่ายๆนะครับอย่าง พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าหลวงปู่ดู่ และ มีดเสือสมิง หลวงปู่กวยนั้นหาแทบไม่ได้อีกแล้วเพราะทำน้อยและถึงคนมีเขาก็ไม่ปล่อยออกมา เขาเอาไว้คุ้มครองชีวิตเขาและครอบครัวเขาดีกว่าเนื่องจากเป็นเทพอาวุธใน ตำนานที่มี กฤษฎาภินิหารอย่างลึกล้ำสุดบรรยาย

    แต่เรารวมเอามาไว้ให้แล้วครับในชนวนสร้างเหรียญทำน้ำมนต์รุ่น 4 แจกฟรีเพื่อทุกคน




    confirmครับว่ายิ่งเมื่อรวมชนวนพิเศษดังเช่นพระขรรค์จักรพรรดิ์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร เข้าไปด้วยแล้ว

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ



    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด

    ============​



    ลองอ่านประวัติ หลวงปู่ศรี มหาวีโรแบบย่อๆดูนะครับ

    [​IMG]
    รูปหลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง


    ประวัติ พระราชสังวรอุดม หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง
    พระป่าสายกรรมฐานที่น่ากราบไหว้ พระราชสังวรอุดม (หลวงปู่ศรี มหาวีโร) วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
    พระ ราชสังวรอุดม (หลวงปู่ศรี มหาวีโร) วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด เดิมชื่อ ศรี เกิดในสกุล ปักกะสีนัง เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๔๖๐ ตรงกับวันศุกร์ เดือนหก ปีมะเมีย ที่บ้านขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม โยมบิดาชื่อ อ่อนสี โยมมารดาชื่อ ทุม ช่วงปฐมวัย ท่านเข้าศึกษาที่โรงเรียนประชาบาล วัดบ้านขามป้อม จบชั้นประถมปีที่ ๖ จากนั้นได้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม จนจบชั้นมัธยมปีที่ ๓ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐ ต่อมาท่านได้เข้ารับราชการเป็นครูอยู่ระยะหนึ่ง จึงได้บรรพชาอุปสมบท เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๘ ณ พัทธสีมาวัดราษฎร์รังสรรค์ บ้านป่ายาง จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พระโพธิญาณมุนี (ดำ โพธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (ธรรมยุต) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนา เป็นภาษามคธว่า "มหาวีโร"

    พรรษา แรก ท่านได้ศึกษาปฏิบัติธรรมอยู่กับ พระอาจารย์คูณ อุตตโม วัดประชาบำรุง จ.มหาสารคาม ปีต่อมา ท่านได้จาริกไปจำพรรษาที่วัดป่าแสนสำราญ จ.อุบลราชธานี และมีโอกาสศึกษาปฏิบัติธรรม เจริญวิปัสสนา กับ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ซึ่งเป็นศิษย์สำคัญของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต


    เมื่อออก พรรษาแล้วหลวงปู่ศรี มหาวีโรท่านจาริกแสวงธรรม ไปตามป่าตามเขาต่างๆ ซึ่งเป็นสัปปายะสถาน ที่พ่อแม่ครูอาจารย์พระอาจารย์มั่น พระอาจารย์เสาร์ เคยธุดงค์จาริกมาก่อนหน้านี้ เป็นแหล่งเจริญธรรม ที่ผู้กล้าแห่งกองทัพธรรมได้มาประพฤติธรรม บำเพ็ญเพียร ด้วยเป็นสถานที่อยู่ไกลจากชุมชน ขาดแคลนขัดสนในปัจจัยสี่ แต่มีภูมิทัศน์ที่เหมาะแก่การพัฒนาภูมิธรรมสัมมาปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง

    ต่อ มาท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดบ้านนาแก จ.นครพนม ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นดินแดนที่คุกรุ่นไปด้วยสถานการณ์แห่งความขัดแย้ง ด้านอุดมการณ์ทางการเมือง และสังคม แต่ท่านก็อยู่ด้วยความราบรื่น ปราศจากอันตราย

    จนกระทั่งออกพรรษา หลวงปู่ศรี มหาวีโรท่านได้จาริกไปยัง จ.สกลนคร จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นการเดินตามทางรอยธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์ คือ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระบุพพาจารย์ใหญ่ ด้านวิปัสสนากรรมฐาน


    จนถึงช่วงที่ พระอาจารย์มั่น ล่วงสู่ปัจฉิมวัย พำนักอยู่ที่สำนักป่าบ้านหนองผือ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ท่านได้ขออนุญาตพำนักจำพรรษา และศึกษาธรรมกับพระอาจารย์มั่น ด้วย นับเป็นโอกาสอันเป็นมหามงคลในชีวิตบรรพชิต ที่มีโอกาสศึกษาธรรม และอุปัฏฐากพระบุพพาจารย์ใหญ่ รวมทั้งมีโอกาสเจริญธรรม กับสหธรรมิกร่วมสำนัก ร่วมครูอาจารย์เดียวกัน

    หลวงปู่ศรีมีโอกาสได้ ถวายการปฏิบัติจนถึงวาระสุดท้าย เมื่อพระอาจารย์มั่นถึงแก่มรณภาพ ก็ได้ถวายสักการะสรีระพระอาจารย์มั่นเป็นครั้งสุดท้าย ในงานฌาปนกิจที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร หลังจากนั้นพระราชสังวรอุดม ท่านได้จาริกไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ หลายแห่ง จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๙๖ ท่านได้มายัง วัดป่ากุง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ สร้างมาประมาณ ๑๗๐ ปี ท่านได้เป็นผู้นำคณะศรัทธาญาติโยมในการพัฒนาวัดป่ากุง จากสภาพวัดเก่าอันโรยร้าง ให้เจริญเรืองรุ่งขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งเป็น วัดประชาคมวนาราม ที่งามสง่า เป็นศาสนสถานอันไพศาล สำหรับชาวพุทธผู้ศรัทธาเลื่อมใสในพระศาสนา

    หลวงปู่ศรี ได้จำพรรษาที่ วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๗ เป็นต้นมา จนถึงทุกวันนี้ ด้วยความเอาใจใส่เป็นธุระในทุกกิจการงานของพระศาสนาอย่างตั้งใจ จริงจัง และมั่นคง สิ่งที่เป็นผลงานอันยิ่งใหญ่อลังการของหลวงปู่ศรี คือ การก่อสร้าง พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ณ วัดผาน้ำทิพย์ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งนับเป็นผลานิสงส์แห่งแรงศรัทธาของชาวพุทธ ต่อพระบวรพุทธศาสนา ต่อพระสุปฏิปันโน ต่อบารมีธรรมในหลวงปู่อย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนา สืบสานศิลปวัฒนธรรม งานพุทธศิลป์ ให้สถิตสถาพรสืบไป




    พระมหาเจดีย์ชัยมงคล มีรูปแบบอันวิจิตรงดงามยิ่ง เป็นศิลปะผสมความยิ่งใหญ่ของ พระปฐมเจดีย์ กับความโอฬารของ พระธาตุพนม กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ประดิษฐานตระหง่านตระการตา ด้วยศิลปกรรม อันล้ำเลิศ ด้วยฝีมือลูกหลานไทย เป็นนฤมิตกรรมแห่งยุคสมัย ที่จะเป็นปูชนียสถานสำคัญของคนไทยทั่วประเทศ และของโลกวัฒนา สืบต่อไปภายภาคหน้า

    ทุกวัน...ในยามเช้า จะมีคณะศรัทธาชาวบ้านทั้งใกล้และไกล จากหลายถิ่น มารวมกันที่หน้าวัดประชาคมวนาราม เพื่อเตรียมถวายภัตตาหาร บิณฑบาตพระคุณเจ้า และจะเป็นโอกาสที่พุทธศาสนิกชนจะได้กราบไหว้ขอพร หลวงปู่ศรี มหาวีโร อย่างใกล้ชิด ซึ่งท่านได้เมตตาโดยเสมอหน้า ถ้วนทั่วทุกๆ คน

    การบิณฑบาต เป็นธุดงควัตรที่พระกรรมฐานประพฤติปฏิบัติอยู่เป็นประจำ สำหรับหลวงปู่ศรี ท่านจะตื่นแต่ดึก ออกเดินไปรอบๆ วัด จนถึงเวลาบิณฑบาต พระราชสังวรอุดม ท่านจึงเป็นผู้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง แม้จะมีอายุถึง ๙๒ ปีแล้วก็ตาม

    หลวง ปู่ศรี จึงนับเป็นพระวิปัสนาจารย์กรรมฐาน ที่มีความสามารถอย่างสูงในการแจกแจงแสดงธรรม พระราชสังวรอุดม เป็นพระเถราจารย์ผู้เปี่ยมด้วยพรหมวิหารธรรม เป็นเนื้อนาบุญอันยิ่งใหญ่ ของพระพุทธศาสนา เป็นพระป่า พระกรรมฐาน ที่มีศิษยานุศิษย์ให้ความเคารพศรัทธาอย่างมหาศาล เป็นสมณะผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบที่น่ากราบไหว้สักการะเป็นอย่างยิ่ง


    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

     
  18. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
     
  19. เมว

    เมว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    431
    ค่าพลัง:
    +1,725
    เมวจะรวมชื่อแล้วประกาศให้ทราบค่ะ แต่หากพี่ๆๆคนไหนยังไม่ได้รับโปรดแจ้งด้วยค่ะ เพราะทางไปรษณีย์อาจทำตกหล่นค่ะ
     
  20. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;มีดหมอเหล็กน้ำพี้ หลวงปู่ ศรีมหาวีโร

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;มีดหมอเหล็กน้ำพี้ หลวงปู่ ศรีมหาวีโร
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร เมตตาอธิษฐานจิต


    coming soon
    มกราคม 2554



    [​IMG]



    ภาพหลวงปู่ศรี มหาวีโร

    [​IMG]



    ปลุกเสกโดยวิธีอัญเชิญพลังงานครอบลงมาทั้งพลังเหนือโลกเพื่อป้องกันภัยพิบัติ
    ในอนาคตโดยเฉพาะ และจากศาสตราวุธต่างๆของครูบาอาจารย์ชื่อดังเช่น

    1.มีดหมอชาตรี หลวงพ่อฤาษี;พระราชพรหมยาน
    2.มีดเสือสมิง หลวงปู่กวย
    3.มีดสายฟ้าปราบไตรจักร หลวงปู่ญาท่านสวน
    4.พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าหลวงปู่ดู่


    มี ความพิเศษตรงที่มีดหมอนี้เนื้อทำจากเหล็กน้ำพี้ครับ เหล็กน้ำพี้เป็นของทนสิทธิ์มีอานุภาพในการปราบทำลายอาถรรพ์ต่างๆโดยเฉพาะ ไม่เฉพาะจะล้างอาถรรพ์กับผู้มีวิชามนต์คาถาเท่านั้น แม้แต่จิตวิญญาณหรือภูตผีปีศาจยังเกรงกลัว


    บางท่านอาจยากที่จะ เชื่อว่าเป็นไปได้อย่างไรในการถ่ายพลังงาน 4 สุดยอด พระขรรค์และมีดหมอ ของยุคลงมาในมีดหมอเหล็กน้ำพี้ ด้ามเดียวแต่เป็นไปแล้วครับ
    ท่านสามารถดูหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ด้านล่างได้ครับ

    [​IMG]

    รูป ถ่ายพลังงานพระขรรค์จักรพรรดิ์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร เห็นตรงใจกลางภาพเลยครับว่าเหมือนมีกงจักรหมุนอยู่จริงๆ(มีดหมอเหล็กน้ำพี้ กับพระขรรค์จักรพรรดิ์เข้าพิธีเดียวกันครับ )

    การ ถ่ายเทพลังงานนี้ขึ้นกับอำนาจจิตและบารมีรวมถึงความเีกี่ยวพันของผู้อธิษฐาน จิตด้วยครับซึ่งตรงจุดนี้หลวงปู่ศรี มหาวีโรท่านมีพร้อมครับอำนาจจิตและบารมีที่แกร่งกล้าอย่างที่สุดของพระอริย เจ้าบารมีล้นนั้นแค่คิดก็เป็นไปตามนั้นแล้วครับ



    อานุภาพพระขรรค์จักรพรรดิ์หลวงปู่ศรี

    (มีดหมอเหล็กน้ำพี้กับพระขรรค์จักรพรรดิ์เข้าพิธีเดียวกันครับ )

    มีดหลวงปู่ศรี เหลืองทอง รวย เสริมดวงและบารมี ขาวประกายเงิน บุญมาก รวยมาก
    และจิตสงบ (ผีคงไม่กล้าตอแยกับคนมีบุญ) เขียวออกขี้ม้า ป้องกันภัยพิบัติ
    เขียวนี้น่าจะเป็นแหลืองบวกฟ้าคราม คือมากด้วยพุทธคุณ และเสริมดวง

    พุทธคุณป้องกัน และปราบสิ่งไม่ดีต่างๆได้ชะงัดนัก จัดสร้างขึ้นมาเพื่อให้พุทธบริษัท
    ที่อยู่ในศีลในธรรมได้ป้องกันตัวเองจากภัยต่างๆทั้งมองเห็นและมองไม่เห็น และยิ่งในอนาคตอันใกล้เวลาเกิดภัยพิบัติ
    จะมีภัยใหม่ที่เกิดขึ้นคือภัยจากวิญญาณ ซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวร และวิญญาณอื่นๆ เพราะเกิดจากที่นับวันคนยิ่งตายมากขึ้นๆ

    วิญญาณที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิดก็มากขึ้น จะทำร้ายคนที่ดวงตก หรือบาปอกุศลกรรมเข้ามาถึงอาจจะโดนพวกนี้เล่นเอาได้ง่ายๆ
    คณะผู้จัดสร้างจึงขอเมตตาหลวงปู่ในการปลุกเสกพระขรรค์รุ่นนี้ให้มีอานุภาพกันและแก้ได้ทุกประการ จากประสบการณ์
    จากคนใกล้ตัวเจอประสบการณ์กันมามากมายทั้งแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ และนำไปไล่วิญญาณได้ผลดีมาก
    credit :คุณ boy specialized

    ============​

    มีดหมอเหล็กน้ำพี้ หลวงปู่ศรี มหาวีโร นี้
    แค่บารมีของหลวงปู่ศรี มหาวีโรองค์เดียวก็ล้นเหลือแบบมากมายแล้วครับ

    นี่ ยังรวมบารมีของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระมหาโพธิสัตว์และพระอริยเจ้า อย่าง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ;หลวงพ่อฤาษีลิง ;หลวงปู่ญาท่านสวน ; หลวงปู่กวย เข้าไว้อีกด้วยคิดเอาเองแล้วกันครับว่าจะสุดวิเศษขนาดไหน

    และเทพอาวุธทั้ง4คือ

    1.มีดหมอชาตรี หลวงพ่อฤาษี;พระราชพรหมยาน
    2.มีดเสือสมิง หลวงปู่กวย
    3.มีดสายฟ้าปราบไตรจักร หลวงปู่ญาท่านสวน
    4.พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าหลวงปู่ดู่

    ล้วนเป็นที่ต้องการอย่างมากๆของสาธุชนทั้งหลาย หลายคนเฝ้าใฝ่ฝันทุกคืนวันว่าอยากจะได้แต่ก็เป็นไปได้ยากเพราะสนนราคาเช่าสูงจริงๆ

    และ ไม่ใช่ว่ามีสตางค์ก็หาได้ง่ายๆนะครับอย่าง พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าหลวงปู่ดู่ และ มีดเสือสมิง หลวงปู่กวยนั้นหาแทบไม่ได้อีกแล้วเพราะทำน้อยและถึงคนมีเขาก็ไม่ปล่อยออกมา เขาเอาไว้คุ้มครองชีวิตเขาและครอบครัวเขาดีกว่าเนื่องจากเป็นเทพอาวุธใน ตำนานที่มี กฤษฎาภินิหารอย่างลึกล้ำสุดบรรยาย อีกทั้งมีดหมอนี้มีความพิเศษของอานุภาพ เหล็กน้ำพี้เหล็กล้างอาถรรพ์ที่ล้างอาถรรพ์ผู้มีวิชามนต์คาถาต่างๆและภูตผี ปีศาจยังเกรงกลัวด้วยแล้ว



    ต้องconfirmเลยครับว่ายิ่งเมื่อมีชนวนพิเศษดังเช่นมีดหมอเหล็กน้ำพี้ หลวงปู่ศรี มหาวีโร

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ



    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด

    ============​



    ลองอ่านประวัติ เหล็กน้ำพี้แบบย่อมๆนะครับเรียกน้ำย่อยก่อนจะได้รับเหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    อานุภาพ เหล็กน้ำพี้

    เหล็กล้างอาถรรพ์
    มีความเชื่อมาแต่โบราณว่าเหล็กจากแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้มี ความแข็งแกร่ง ความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพ์ในตัว

    เหล็กน้ำพี้เมื่อตีเป็นมีดหรืออาวุธหรือของใช้ต่าง ๆ เนื้อเหล็กจะมีความเหนียวและอ่อน สามารถงอได้ตามต้องการ เพื่อที่จะซุกซ่อนไม่ให้

    ศัตรูมองเห็น และหากฟาดฟันไปตรงร่างของผู้ใด แม้ผู้นั้นจะเป็นผู้มีวิชาอาคมสูงถึงขนาดอยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า แต่หากโดนคมดาบ

    น้ำพี้เข้าแล้ว ความเหนียว ความคงกระพันที่เคยมีกลับสูญสลายไปอย่างหมดสิ้น อานุภาพของดาบเหล็กน้ำพี้กล่าวกันว่า ไม่เฉพาะจะล้าง

    อาถรรพ์กับผู้มีวิชามนต์คาถาเท่านั้น แม้แต่จิตวิญญาณหรือภูตผีปีศาจยังเกรงกลัว

    โบ ราณจารย์ได้กล่าวเรียกไว้หลายอย่างที่คุ้นหู คือ สิ่งที่เรียกว่า กายสิทธิ์ แต่นอกจากของกายสิทธิ์แล้วยังมีของศักดิ์สิทธิ์ ตามธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า ทนสิทธิ์ทนสิทธิ์นั้นมีกล่าวไว้ในตำราพิชัยสงคราม หมายถึง วัตถุตามธรรมชาติที่มีอำนาจทางคงกระพันโดยมิต้องผ่านการปลุกเสกในสมัยโบราณ นั้นธาตุเหล็กถือว่าเป็นธาตุที่มีความ ศักดิ์สิทธิ์ในตัวสำหรับธาตุเหล็กน้ำพี้นั้นยิ่งถือว่าเป็นเหล็กพิเศษ เพราะเป็นของทนสิทธิ์มีอานุภาพ
    มีระบุไว้ในตำราพิชัยสงครามชัดเจนว่า
    -เหล็กน้ำพี้เป็นของทนสิทธิ์ไม่เสื่อม
    -มีอานุภาพทางความคงกระพันชาตรี
    -ทำลายอาถรรพณ์ทั้งปวง
    -เป็นที่เกรงกลัวของภูตผีปีศาจ
    -ป้องกันมนต์ดำ คุณไสย ลมเพลมพันทั้งปวง
    -มีอำนาจทางมหาราชตบะเดชะ เป็นที่ครั่นคร้ามของคนทั้งปวง

    ธาตุทนสิทธิ์ นั้นถือเป็นของหายากตามธรรมชาติ

    ใน อดีตต่างมีผู้แสวงหากันอย่างมากมาย แต่ผู้ที่จะได้ไว้นั้นมีน้อยคนเหลือเกินเพราะเป็นของสำหรับผู้ที่มีบุญวาสนา เหมือนดั่งกับเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ หรือปรอทสำเร็จ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของตามตำนาน มีเรื่องเล่าขานกันมานานนับหลายชั่วอายุคน เหล็กน้ำพี้จากอำเภอทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ธาตุทนสิทธิ์ที่มีเรื่องเล่าขานตำนานนับร้อยพันปี และยังแสดงอิทธิอานุภาพให้ปรากฏจนถึงทุกวันนี้

    เหล็กน้ำพี้ถือว่าเป็นธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เองอย่างน่าอัศจรรย์

    คือ เหล็กที่เหนือกว่าธาตุเหล็กใดๆ ในโลกยกเว้นเหล็กไหลถือว่าเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่มีชีวิตมี เทพยดารักษาไว้ เป็นของคนมีบุญเท่านั้น

    การ หาเหล็กน้ำพี้แม้ว่าไม่ได้เกิดการตัดเช่นเดียวกับการตัดเหล็กไหล ตามแต่ก่อนที่จะทำการหาได้นั้น ต้องทำการบวงสรวง บอกกล่าวต่อเหน้าที่ที่ชาวบ้านเรียกว่า เจ้าพ่อบ่อเหล็ก ถือ เป็นเทพยดาที่ทรงมหิทธิฤทธิ์ดูธาตุศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้อยู่

    ส่วน ที่เรียกว่าเหล็กน้ำพี้ เป็นธาตุทนสิทธิ์นั้น เนื่องจากว่าคำว่า ทนสิทธิ์ เป็นการเรียกสิ่งบางอย่างในโลกที่มีพลังงานบางอย่างในตัวที่มีอานุภาพทางคง กระพัน และล้างอาถรรพณ์เสียดจันไรทุกชนิด ป้องกันภูตผีปีศาจ

    เหล็กน้ำพี้จัดเป็นธาตุที่มีเตโชธาตุในตัวสูงอย่างยิ่ง
    รัศมีของเหล็กน้ำพี้ จึงเป็นที่เกรงกลังของบรรดาภูตผีปีศาจทั้งหลายด้วยความร้อนแรงแห่งเตโชธาตุ ภายใน

    บุคคล ที่มีลุฌานสมาธิได้ตาในจากการนั่งกรรมฐาน จะแลเห็นรัศมีของเหล็กน้ำพี้เป็นสีแดงสด บ่งบอกอำจาจทางการคุ้มครองชั้นสูง และอำนาจจากเตโชธาตุ ที่ส่งผลในทางตบะเดชะ สนับสนุนดวงชะตาชีวิตให้เป็นเจ้าคนนายคน และอำนาจจากเตโชธาตุนี้เองที่ยังเป็นตัวล้างอาถรรพณ์ทั้งปวงจากคุณไสยมนต์ดำ
    เตโชธาตุ คือ ธาตุไฟ

    ครู บาอาจารย์ต่างกล่าวว่า ธาตุไฟในโลกนี้มีอำนาจในทางสร้างมายาอย่างหนึ่ง และสามารถทำลายอาถรรพณ์จากเวทย์มนต์ พลังจิตทุกชนิด ล้างอาถรรพณ์ได้ด้วยธาตุไฟ










    บ่อเหล็กน้ำพี้

    กาล ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ได้มีนายพรานล่าสัตว์คนหนึ่ง ชื่อนายพรานแสง อาศัยอยู่ในป่า ใกล้ ๆ กับบ่อเหล็กน้ำพี้ อยู่มาวันหนึ่งได้มีพระ

    ราชา องค์หนึ่งซึ่งไม่ปรากฏพระนาม พระราชาองค์นี้ชาวบ้านเชื่อกันว่า มีพระราชวังอยู่ที่ทุ่งกะโล่ ได้เสด็จประพาสป่าเพราะได้ทราบข่าวว่ามี

    ช้าง งานนิล อยู่เชือกหนึ่ง อาศัยอยู่บริเวณป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า บ้านดงช้างดี พระราชาพร้อมด้วยเหล่าทหาร เสนาอำมาตย์น้อยใหญ่

    ต่าง ๆ ได้ออกเดินทางเพื่อจับช้างงานิลเชือกนี้ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ มีแค่รอยเท้าเก่า ๆ ของช้างเท่านั้น เลยแยกกันหาช้างเชือกนั้น พระราชา

    เดินออกค้นหาไปทางทิศตะวันออก จึงทำให้เกิดพลัดหลงกับเสนาอำมาตย์อยู่หลายวัน พระราชาจึงเดินเข้าป่าไปเรื่อย ๆ ได้มาพบกระท่อม

    หลังหนึ่งซึ่งเป็นของนายพรานแสง จึงได้ขอพักอาศัยค้างคืน ณ ที่กระท่อมแห่งนั้น นายพรานแสงได้ต้อนรับเป็นอย่างดี ตามอัธยาศัยของคน

    ชนบท ทำให้พระราชาพอพระทัย และถูกคอเป็นยิ่งนัก โดยที่นายพรานแสงไม่รู้เลยว่าเป็นพระราชา ส่วนพระราชาก็ได้รับนายแสงเป็นพระสหาย
    ครั้นพอรุ่ง เช้า บรรดาเหล่าเสนาอำมาตย์ได้ตามหาพระราชาจนได้มาพบเข้าพระองค์จึงทรงเล่าเรื่อง ราวต่าง ๆ ที่พระองค์พระมหา

    กษัตริย์ให้นายพรานแสงได้รู้ ทำให้นายพรานแสงตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง และก่อนที่พระราชาจะกลับได้รับสั่งกับนายพรานแสงว่า ถ้ามี

    โอกาสให้ไปเยี่ยมเยือนบ้าง









    ต่อ มา นายพรานแสงได้ออกไปล่าสัตว์บริเวณใกล้ ๆ กับบ่อเหล็กน้ำพี้ แต่พอเดินมาไม่นานนัก นายพรานแสงก็ได้เกิดรู้สึกปวดท้องถ่าย

    อุจจาระ ขึ้นมา จึงหาที่นั่งเพื่อถ่ายอุจจาระใกล้ ๆ ซึ่งเป็นเนินเล็ก ๆ และมีขอนไม้ นายพรานแสงจึงขึ้นไปนั่งบนขอนไม้นั้น โดยเอาปืนวางพิงไว้

    อีกที่ หนึ่ง ในขณะนั้นเอง ได้มีวัวป่าตัวหนึ่งเดินผ่านมาหากินใกล้ ๆ กับบริเวณที่นายพรานแสงได้นั่งอุจจาระอยู่ ครั้นจะลุกไปหยิบปืนก็ไม่ทัน

    กลัว วัวป่านตัวนั้นตกใจหนีไปก่อนไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงหยิบเอาก้อนหินก้อนหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ มือ ขว้างใส่วัวป่า ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 2 วาเศษๆ

    ถูกสีข้างของวัว ตัวทะลุ ทำให้วัวตัวนั้นล้มลงขาดใจในที่สุด นายพรานแสงเห็นเป็นเช่นนั้น ก็เกิดความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เห็นวัวป่า

    ล้มลงขาดใจตายต่อหน้าต่อตา จึงนำก้อนแร่ใส่ถุงย่ามนำกลับไปด้วย
    อยู่ต่อมา นายพรานแสงก็ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ ทำนา อยู่ที่นั่นเรื่อยมา ก็ได้มีเพื่อนเก่าที่สนิทกันมาหา ชื่อว่านายขันและนายสุข

    แล้วนายแสงก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อน ทั้งสองฟัง ทั้งสองเห็นเป็นอัศจรรย์เช่นนั้น จึงคิดขึ้นมาว่าไม่ใช้หินธรรมดาเป็นแน่แท้ จึงเอาหินก้อน

    นั้นขึ้นมาพิจารณา เห็นว่ามีแร่เหล็กผสมอยู่มาก จึงปรึกษากันว่า ควรจะนำเอาแร่มาถลุงแล้วหลอมเป็นมีดเอาไว้ใช้ เพราะเคยเห็นคนในเมือง

    เขาทำกัน ดังนั้นทั้งสามจึงได้ช่วยกันตีเหล็กเป็นมีดโต้ได้สำเร็จ

    หลายปีผ่านไป นายพรานแสงได้เกิดนึกถึงสหายของตนที่เป็นพระมหากษัตริย์จึงปรึกษากันว่าจะไป เยี่ยมเยือน และการจะไปเยี่ยมเยือน

    นั้น น่าจะมีอะไรติดไม้ติดมือไปฝากบ้าง จึงนำมีดโต้ที่ตีจากเหล็กน้ำพี้ไปฝาก เมื่อทั้งสามคนเข้าไปถึงพระราชวัง เหล่าทหารและมหาดเล็กไม่

    ยอมให้เข้าเฝ้า แต่ด้วยความตั้งใจของนายพรานแสงจึงเข้าไปจนได้ พอดีกับที่พระมหากษัตริย์ทอดพระเนตรเห็นเข้า ก็ทรงจำได้ว่าเป็นพระ

    สหาย เก่า จึงทรงรับสั่งให้เข้าเฝ้าได้ เมื่อเข้าเฝ้าแล้วก็สนทนาปราศรัยกันพอสมควร นายพรานแสงได้เอ่ยขึ้นว่า การมาเยี่ยมเยือนครั้งนี้ไม่มี

    อะไรมาฝากมีแต่มีดโต้เพียงเล่มเดียว ฝ่ายพระราชจึงได้ตรัสว่า เอามาทำไม มีดในวังในคลังหลวงมีเยอะแยะมากมาย ไม่มีความจำเป็นที่จะ

    ต้อง ใช้มีด ขอให้นำกลับไปใช้ที่บ้านเถิด จึงไม่ยอมรับไว้ เพราะพระองค์คิดว่าเป็นมีดโต้ธรรมดา เมื่อนายพรานแสงได้ยินพระราชาตรัสเช่นนั้น

    จึงเกิดความโกรธพระราชาผู้เป็นสหายของตนเองเป็นอันมาก และด้วยความเสียใจจึงทูลลากลับแล้วถือมีดโต้นั้นลากออกไปตามท้องพระโรง

    ด้วยอานุภาพแห่งเหล็กน้ำพี้จึงทำให้ท้องพระโรงแยกออกเป็นสองส่วนตามรอยมีด นั้น
    ครั้นเมื่อพระราชาเสด็จออกมาก็ทรงเห็นพื้นท้องพระโรงแยกเป็นสองส่วน จึงสอบถามได้ความว่า เกิดจากคมมีดของนายพรานแสง พระ

    ราชาจึงทรงรับสั่งให้อำมาตย์ไปตามนายทั้งสามกลับมาเข้าเฝ้าและให้นำมีด โต้นั้นมาด้วย แต่ ทว่า ช้าไปเสียแล้วเพราะนายพรานแสงได้โยน

    มีดโต้นั้นทิ้งลงไปในบ่อน้ำ ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจพระราชา ทำให้หนองน้ำนั้นกลายเป็นวังน้ำวน พระราชาจึงทรงสั่งให้ทหารและมหาดเล็ก

    ลงไปงมหา ด้วยความคมของมีดและเนื่องจากด้ามมีดปักลงไปกลางน้ำ ทำให้ด้านสันคมตั้งขึ้น จึงไม่มีทหารคนใดรอดชีวิตขึ้นมาได้เลย


    พระ ราชาจึงทรงรับสั่งให้ไปตามนายพรานแสง กลับมาเอามีดโต้นั้นขึ้นมาจากน้ำ ซึ่งสามารถตามตัวนายพรานแสงมาจนได้ และด้วยการ

    บอกกล่าวของนายพรานแสง จึงทำให้มีดนั้นหยุดหมุน หนองน้ำจากที่วนก็กลายเป็นปกติทันตาเห็น จึงสามารถลงไปเอามีดขึ้นมาได้ และเนื่อง

    จาก มีทหารที่ตายด้วยคมมีดไป 3,000 คน จึงเรียกหนองน้ำนั้นว่า วังสามพัน มาจนทุกวันนี้ เมื่อพระราชาได้มีดมาแล้ว ก็ทรงพอพระทัยเป็นยิ่ง

    นัก และได้นำมีดโต้นั้นไปให้ช่างตีทำเป็นดาบพระแสงประจำกายพระองค์ ก็ทรงเชิญชวนนายพรานทั้งสามอยู่รับราชการด้วยกัน แต่ทั้งสาม

    คนปฏิเสธเพราะเห็นว่าตนไม่มีความรู้อะไร จึงขอมาใช้ชีวิตอยู่ตามอัตภาพจนสิ้นชีวิต โดยไม่ปรากฏว่ามีครอบครัวแต่อย่างใด และด้วย

    วิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านจึงได้มาสถิตอยู่ในบริเวณบ่อเหล็กน้ำ พี้ ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมาก จึงเรียกขนานนามว่า เจ้าพ่อบ่อ

    เหล็กน้ำพี้ หรือ เจ้าพ่อบ่อพระแสง และชาวบ้านพร้อมใจกันสร้างศาลเพื่อเป็นที่สถิตดวงวิญญาณของท่านมาจนทุก วันนี้ และตั้งแต่วันนั้น

    เป็นต้นมา เหล็กน้ำพี้จึงเป็นเหล็กที่มีเชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเลื่องลือกันทั่วไป

    บ่อ เหล็กน้ำพี้ เป็นแหล่งสินแร่เหล็กตามธรรมชาติ ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำพี้ หมู่ 1 ตำบลน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ ห่างจากตัวจังหวัด

    อุตรดิตถ์ประมาณ 56 กิโลเมตร โดยเป็นบ่อเหล็กกล้า มีอยู่ด้วยกันหลายบ่อ และปรากฏเตาถลุงเหล็กโบราณนับพัน ๆ แห่งในพื้นที่หลาย

    ตารางกิโลเมตร แต่บ่อที่สำคัญและสงวนใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ มีอยู่ 2 บ่อ คือ บ่อพระแสง และ บ่อพระขรรค์ มีการนำแร่เหล็กจากบ่อ

    เหล็กน้ำพี้ไปถลุงทำอาวุธเพื่อใช้ในการศึกสงครามมา ตั้งแต่สมัยโบราณ ดังปรากฏหลักฐานทางประวัติศาตร์มากมายถึงความสำคัญของ

    เหล็กน้ำพี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความเชื่อมาแต่โบราณว่าเหล็กจากแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้มี ความแข็งแกร่ง ความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพ์ในตัว
    โดยจัดให้เหล็กน้ำพี้อยู่ในโลหะธาตุตระกูลเดียวกับ เหล็กไหล


    ปัจจุบัน บ่อเหล็กน้ำพี้ได้รับงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัด สร้างอาคารและปรับภูมิทัศน์ โดยจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อ

    เหล็กน้ำพี้


    เกี่ยว กับอภินิหาร หรือความอาถรรพ์ของแร่เหล็กน้ำพี้และบ่อเหล็กน้ำพี้นั้น ประชาชนในบ้านน้ำพี้และในเขตหมู่บ้านข้างเคียง มีความเชื่อถือว่า

    บ่อ เหล็กน้ำพี้รวมทั้งเจ้าพ่อบ่อเหล็ก มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ไม่มีใครกล้าไม่มีใครบังอาจล่วงเกินอย่างเด็ดขาด เพราะส่วนใหญ่มักได้เจอดีถ้า

    คิดอยากลองดีเสมอ ๆ และได้เห็นกันจริงทุกยุคทุกสมัย ที่บ่อเหล็กน้ำพี้แห่งนี้ วันดีคืนดี ก็จะเกิดมีลำแสงประหลาดลุกโชนสว่างไสว ผุดขึ้น

    บริเวณบ่อเหล็ก ลำแสงจะพุงขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนาน 2-3 นาที แล้วก็หายไปในอากาศ บางคราวลำแสงก็พุ่งไปตามยอด

    เขาสูง ๆ ในแถบนั้น

    การตีเหล็กน้ำพี้

    1. นำ เหล็กที่ขุดได้ไปผนึกให้เป็นแท่งดาบน้ำหนักที่ต้องการ เช่น 0.5 กิโลกรัม ,0.8 กิโลกรัม หรือ 1 กิโลกรัม ขั้นตอนผนึกเหล็กแต่ละก้อนใช้

    เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
    2. นำแท่งเหล็กน้ำพี้ที่ผนึกแล้วเข้า เตาเผาจนแดงได้ที่ นำขึ้นมาตี (จำนวนช่าง 2-3 คน) ใช้เวลาตีประมาณ 2 ชั่วโมง จึงจะได้รูปแบบของ

    ดาบที่ต้องการ เหล็กน้ำหนัก 0.8 กิโลกรัม จะตีเป็นดาบได้ความยาว 19 นิ้ว
    3. นำดาบที่ตีได้รูปแล้วมาขัดแต่งโดยการใช้ตะไบและเครื่องเจีย ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
    4. เมื่อ ขัดแต่งดาบได้ที่ตามต้องการแล้ว ช่างตีดาบจะนำไปให้ช่างตอกอักขระลงอักษรให้ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ

    เจ้าของดาบ ถ้าลงอักขระมากก็จะใช้เวลานาน
    5. นำดาบที่ลง อักขระเรียบร้อยแล้วไปขัดแต่งและรมดำอีกครั้งหนึ่งจึงจะเสร็จขั้นตอนทำดาบ เหล็กน้ำพี้ แล้วนำดาบที่ได้ไปประกอบเข้ากับ

    ฝัก ด้ามและฐานดาบ

    credit:
    บ่อเหล็กน้ำพี้ - เหล็กน้ำพี้
    http://plazathai.com
    บ่อเหล็กน้ำพี้ - วิกิพีเดีย

    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

     

แชร์หน้านี้

Loading...