A Theory of Everything-ทฤษฎีของทุกสรรพสิ่ง

เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบจิตวิทยา ปรัชญา สังคม ศาสนา วิทยาศาสตร์และการพัฒนา

สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวลานธรรมเสวนาทุกท่าน

ช่วงที่หายไปยุ่งๆอยู่กับการเรียน ได้มีโอกาสไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่คิดว่าดีมาก ของผู้ประพันธ์ชาวอเมริกัน ชือ Ken Wilber บางท่านอาจคิดอยู่ว่ามาเกี่ยวอะไรกันกับ "ชีวิตกับธรรมะ" ล่ะ และก็พอดีได้มีโอกาสพบเห็นจากบทความของคุณตันหยง และจากข่าวสารจากแหล่งต่างๆที่อ้างอิงไว้ว่า ตอนนี้ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยกำลังให้ความสนใจกับการฝึกปฏิบัติสมาธิ(Meditation) สาเหตุหนึ่งก็มาจากอิทธิพลของหนังสือเล่มที่ผมจะกล่าวถึงนี้ คือ "A Theory of Everything" ซึ่งผู้ประพันธ์ไว้ได้น่าอ่านและ Classic มากจนติดอันดับ Best Seller ในอเมริกา ผมได้อ่านจนจบเพราะเป็นวิชาเรียน ได้ถกประเด็น(discuss)แลกเปลี่ยนกับเพื่อนนิสิตและอาจารย์ที่ปรึกษาประจำวิชา และได้ทำรายงานสรุปส่งทางอาจารย์ประจำวิชาเรียบร้อยแล้ว

ผมเห็นว่าในเนื้อหาน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจ ที่เป็นคนยุคใหม่(modern) มุ่งประสบความสำเร็จ จากพื้นฐานการคิดแบบวิทยาศาสตร์ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ไม่ละทิ้งศาสนาและการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง หรือกล่าวโดยย่อ คือ ปรารถนาจะประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม ผมจึงได้นำบทสรุปย่อที่ส่งรายงานมาให้อ่านกันครับ เนื้อหานี้คงจะให้ได้เพียงภาพคร่าวๆ ให้เข้าใจมุมมองอีกด้านของผู้ประพันธ์ที่มีต่อ สังคม ปรัชญา ศาสนา วิทยาศาสตร์และทุกสรรพสิ่ง ทางผมเองไม่ได้แปลทั้งหมดจากตัวหนังสือ แต่จับสาระประเด็นสำคัญมาให้พอเข้าใจแนวคิดและการค้นหาของ Ken Wilber จึงอาจจะไม่ค่อยสมบูรณ์ หากท่านใดสนใจอ่านฉบับเต็มก็จะมีประโยชน์มากครับ

 

บทที่ 1 เกลียวที่น่าพิศวง (The Amazing Spiral)
ทฤษฎีการพัฒนาจากหลายท่านที่เป็นที่รู้จัก นับจาก Clare Graves ถึง Abraham Maslow และท่านอื่นๆ มีสิ่งที่ปรากฏอย่างสอดคล้องกันอย่างเห็นได้ชัดของวิวัฒนาการจิตสำนึก แม้ว่าจะมีข้อที่แตกต่างกันหรือข้อขัดแย้งในรายละเอียด แต่ทั้งหมดบอกในลักษณะทั่วไปที่คล้ายคลึงกันของการเติบโตและการพัฒนาของจิตมีลักษณะเป็น อนุกรมต่อเนื่องของสถานะ(Stages)หรือคลื่น(Waves)ที่ค่อยคลี่ตัวปรากฏออกมา การพัฒนาจะไม่ใช่เป็นลักษณะเส้นตรงแต่จะเหมือนการไหลของของไหล(Fluid) ที่ประกอบด้วย เกลียว(Spiral) วนเวียน(Swirl) กระแส(Stream) และคลื่น(Wave) ตัวแบบที่เรียกว่า เกลียวพลวัต(Spiral Dynamics) เป็นผลงานแนวหน้าของ Clare Graves ให้ระบบการพัฒนามนุษย์อย่างดีเลิศและลึกซึ้ง มีเค้าโครงร่างประมาณ 8 ระดับ(levels) หรือ คลื่น(waves) หลักของความเป็นอยู่ของมนุษย์(human existence) ตัวแบบนี้อยู่บนพื้นฐานการทำวิจัยและเก็บข้อมูลจำนวนที่ครอบคลุม ไม่ใช่เป็นเพียงแนวคิดง่ายๆขึ้นมา แต่มีการสร้างทุกจุดขึ้นจากปริมาณที่พิจารณาโดยใช้ความระมัดระวังในการตรวจสอบหลักฐาน สถานะจำนวนมากในตัวแบบมีการตรวจสอบอย่างระมัดระวังทั้งจาก ประเทศโลกที่หนึ่ง ที่สองและที่สาม

โครงการจิตสำนึกของมนุษย์ (The Human Consciousness Project) คือ แผนที่การข้ามวัฒนธรรม(cross-cultural) ของสภาวะ(state) โครงสร้าง(structure) ชั้น(meme) ประเภท(type) ระดับ(level) สถานะ(stage) และ คลื่น(wave) ของจิตสำนึกมนุษย์ แผนที่นี้จะถูกใช้เป็นองค์ประกอบทางจิตวิทยาในทฤษฎีทุกสรรพสิ่ง(A Theory of Everything) เมื่อเรามองกลับมาที่งานของ Clare Graves ซึ่งถูกพัฒนาให้ก้าวหน้าโดย Don Beck และ Christopher Cowan โดยวิธีการที่เขาเรียกว่า Spiral Dynamics ซึ่งมองการพัฒนามนุษย์โดยดำเนินการผ่านตามสถานะ 8 ขั้น ที่เรียกว่า ชั้น(meme) ชั้นหรือสถานะนี้ไม่ใช่แข็งเกร็งตายตัวแต่เป็นคลื่นแบบเลื่อนไหล(flowing wave) ประกอบด้วยการเหลื่อมซ้อน(overlap) และถักประสาน(interweaving) เกิดเป็นโครงงานตาข่ายหรือเกลียวพลวัตของการคลี่คลายปรากฏขึ้นของจิตสำนึก Beck และ Cowan ใช้ชื่อเรียกและสีที่หลากหลายในการอ้างอิงชั้น(meme)หรือ คลื่นที่แตกต่างกันเหล่านี้ ใน 6 ระดับแรกเป็น

 

บทที่ 2 Boomeritis

 

อืม น่าสนใจจนต้องเซฟไว้อ่านเลย

 

เนื้อหาน่าสนใจมาก ขออนุญาตนำไปใช้เป็นหลัก ในการถ่ายทอดความรู้ให้ลูกศิษย์ตัวน้อย ๆ ครับ

 

อืม น่าจะโอเค