โสดาบันสำคัญไฉน ตัวเราสามารถวัดได้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 11 ธันวาคม 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]



    ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ ก็มักจะพลั้งเผลอ เอาปริยัติเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ตลอด ทำให้เกิดการระแวงสงสัย ว่าการปฏิบัติของเรานั้นไปถึงขั้นไหนแล้ว ทั้งๆที่ในอดีตสมัยพระพุทธกาลมานั้น ไม่มีขั้นตอนของการปฏิบัติ แต่เราเอาผลของการปฏิบัติมาแยกออกตั้งเป็นหัวข้อ เพื่อให้มีการเรียนรู้ คนเรารุ่นหลังๆ ก็เลยนำเอาตัวหนังสือมายึดเป็นแบบฉบับ ซึ่งบางครั้ง ผู้ที่ยึดแต่ตัวหนังสือนั้น ยังไม่เคยสัมผัสผลของการปฏิบัตินั้นๆ ก็เลยคิดเอาเองว่า เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ แล้วก็นำมาทุ่มเถียงกัน กล่าวอ้างไปตามความนึกคิดของตน

    ผู้ที่ปฏิบัติธรรมถึงขั้นโสดาบันแล้วนั้น ก็จะทราบแต่เพียงวาระจิตของตัวเอง ที่มีความเปลี่ยนแปลงในขณะนั้น เช่นจิตเข้าสู่ความสงบโดยปัญญา แล้วสามารถละบางสิ่งบางอย่างออกไปจากใจได้ โดยไม่รู้เลยว่า ขั้นนั้นเรียกว่า”โสดาบัน” เพราะเมื่อจิตถึงขั้นละวางได้นั้น ไม่มีตัวหนังสือใดๆมาชี้บอกว่าสำเร็จโสดาบัน ก็เหมือนกับเรากินข้าวอิ่ม เราก็รู้สึกอิ่ม ไม่ต้องมีตัวหนังสือใดๆขึ้นมาว่าอิ่ม แล้วเมื่อเรากินข้าวอิ่มแล้ว เราจะต้องไปถามใครหรือไม่ ว่า เรากินข้าวอิ่มหรือยัง เพราะมันบ่งบอกความรู้สึกของเราอยู่แล้ว เราจะอิ่มมากอิ่มน้อย เราก็รู้สึกของเราเอง

    การกินข้าว เราเอาอาหารจากภายนอกใส่เข้าไป แล้วเกิดการอิ่มโดยกาย แสดงออกให้กายรู้ว่าอิ่ม การสำเร็จธรรม ก็คือการนำธรรมะจากภายนอกเข้าไปสู่ภายใน แล้วเกิดการรู้ด้วยใจ

    การจะสำเร็จธรรมได้นั้น ไม่ใช่เพียงแต่รู้ภายนอกแล้วจะสำเร็จ นั่นเป็นเพียงการนึกคิดเอา การคาดเดาเอาเท่านั้น เมื่อเราพิจารณาธรรม นั่นคือการนำเอาธรรมเข้าสู่ภายในใจ เมื่อจิตสามารถตีความหมายของธรรมออกชัดแจ้งเมื่อไร จิตจะมีความยินดีในธรรมนั้นๆ จะเกิดความรู้ขึ้นเองภายในจิต แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงของจิตเกิดขึ้นไปในทางที่เป็นสัมมา แล้วจิตก็นำออกมาให้กายปฏิบัติตามนั้น มีการละวางไปตามขั้นตอนของธรรมะนั้นๆ
    การเกิดนิมิตใดๆเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ขั้นของการสำเร็จ เป็นเพียงตัวเสริมในการปฏิบัติธรรมเท่านั้น เพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถนำเอาข้อคิดจากนิมิตนั้นไปพิจารณาหาเหตุผลในธรรมะ ที่ตนเองกำลังพิจารณาอยู่ นิมิตสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในขณะที่ปฏิบัติอยู่นั้น และแต่ละคน ก็เกิดนิมิตที่แตกต่างกันออกไปตามจริตนิสัยของคนนั้น


    แนวทางการฝึกจิตเพื่อบรรลุธรรม


    เมื่อ พอจะรู้จักการฝึกสมาธิขั้นต้นแล้ว ให้มุ่งจิตเข้าสู่การพิจารณาธรรมะ โดยการเริ่มที่ กรรมฐานห้า คือสิ่งที่เราเห็นภายนอก ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง แล้วเข้าสู่ภายในทั้งหมด ที่เรียกว่าอาการสามสิบสอง จะดูความไม่เที่ยง ดูความเป็นทุกข์ ดูการเกิดดับ หรือพิจารณาทางใดก็แล้วแต่จริตนิสัยของแต่ละคนว่าชอบพิจารณาด้านใด การพิจารณา ให้พิจารณาตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด อยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร แม้กระทั่งในขณะกิน หรือขับถ่าย ก็สามารถนำเอาสิ่งของรอบตัวมาประกอบการใช้ปัญญาพิจารณาได้ทั้งสิ้น เช่นในขณะขับถ่าย นั่นคืออาหารเก่าที่ร่าสงกายขับทิ้ง การกิน นั่นคืออาหารใหม่ที่เรากินเข้าไป พิจารณาให้รอบรู้ทุกๆด้าน เมื่อจิตพิจารณาบ่อยเข้าๆ จิตก็จะคุ้นเคยและพิจารณาโดยไม่หยุด เมื่อถึงเวลาอันสมควรแก่จิต ก็จะเกิดอาการขึ้นทางจิต ทำให้เราสามารถเห็นความเป็นจริงของและการเปลี่ยนแปลงของสัตว์โลก จิตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในจิต ส่วนอาการเกิดในขณะนั้นจะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่แต่ละคนอีกนั่นแหละ มันจะเกิดขึ้นเองในจิต โดยที่เรามิได้เป็นผู้กำหนด และบางครั้ง เราก็กำหนดหรือบังคับไม่ได้ด้วย เพราะเป็นไปตามสภาวะของจิตในขณะนั้น

    ไม่จำเป็นต้องลังเลสงสัย ว่าเราปฏิบัติถึงขั้นใด เพราะนั่นคือความลังเลสงสัย จิตยังไม่ข้ามพ้นจากจิตปุถุชนธรรมดา เราจะถึงขั้นใด ก็ช่างมัน เรามุ่งหน้าตั้งตาปฏิบัติต่อไปโดยไม่ยอมหยุด ไม่ต้องตั้งความหวังว่าเราจะต้องสำเร็จโสดาบัน หรือขั้นตอนใดหรือไม่ เรากินข้าวไปเรื่อยๆ แล้วเราก็อิ่มเอง เราปฏิบัติพิจารณาไปเรื่อยๆ เราก็สำเร็จเอง

    เราต้องให้ครูบาอาจารย์รับรองหรือไม่ว่าเราสำเร็จธรรมขั้นใด.....

    เราต้องให้ใครมารับรองไหมเมื่อเรากินข้าวอิ่มแล้ว....

    ตัวเรารู้เอง เพียงแต่อย่าด่วนสรุปหลอกตัวเองว่าสำเร็จ จิตย่อมรู้ในจิต รู้แล้วก็อยู่ในจิต ถ้าในตำราไม่เขียนขั้นตอนและตั้งชื่อของการสำเร็จเอาไว้ เราก็ไม่รู้ว่าเราสำเร็จขั้นไหน เพียงในจิตเรารู้ว่า จิตของเราสามารถละวางในจิตได้หลายอย่าง ผิดจากคนทั่วไปอย่างชัดเจนเท่านั้น จิตจะไม่ตำหนิติเตียนใคร แต่จิตจะเกิดความสงสาร ความเมตตาแก่เขาเหล่านนั้น

    วัดจิตใจ

    1. อยากได้สมบัติต่างๆไหม ยังอยากแสวงหามาและยังหวงแหนอยู่หรือไม่...สมบัติทางโลก ตายไปย่อมทิ้งไว้กับโลก ยังอยากแสวงหาพัดยศอยู่หรือไม่ อยากเป็นท่านเจ้าคุณไหม
    2. ความโกรธ ความพยาบาทอาฆาต อารมณ์ฉุนเฉียว ความน้อยอกน้อยใจ มีการทะเลาะเบาะแว้ง อาการเหล่านี้ เป็นอาการของจิตปุถุชน ไม่ใช่อาการในจิตของผู้สำเร็จธรรม
    3. พูดเสียดสี ความสะใจในความหายนะที่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่น สะใจเมื่อคนอื่นถูกตำหนิ การนินทาในทางเสื่อมเสีย
    4. หวงและห่วงลูกสาว หวงและห่วงลูกชาย หวงและห่วงสามี ภรรยา จิตยังไม่สามารถปล่อยวางจากวัฏฏะสงสารได้
    5. สงสัยว่าตายแล้วเกิด หรือตายแล้วไม่เกิด ตายแล้วสูญ
    6. คิดว่าตัวเองเก่งกว่าใครๆทั้งสิ้นทั้งทางธรรมและทางยศถาบรรดาศักดิ์ คิดว่าตัวเองเป็นพระย่อมเก่งกว่าโยม คิดว่าห่มผ้าเหลืองแล้วย่อมเหนือกว่าคนธรรมดา

    เพียง 6 ข้อแรกนี้ ก็จะสามารถวัดจิตใจ จะรู้ตัวเองว่า สามารถปฏิบัติธรรมได้ถึงไหนแล้ว


    http://watpabankor.com
     
  2. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    626
    ค่าพลัง:
    +574
    กิเลสของผู้บรรลุ โสดา เป็นกิเลสอย่างกลางและอย่างละเอียด กิเลสหยาบ จะไม่เกิดกับพระโสดา
     
  3. สุคโต

    สุคโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    279
    ค่าพลัง:
    +987
    โมทนาสาธุ...

    การวัดจิตใจ ด้วย ๖ ข้อแรกนี้ ก้อรู้แล้วยังอีกไกล แต่ต้องฝึกให้ได้

    ความเพียรเป็นกิจที่ต้องทำวันนี้ ใครจะรู้ความตายแม้พรุ่งนี้
     
  4. kukkikkaks

    kukkikkaks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +363
    กำลังรักษาอารมณ์จิตเพื่อดำเนินตามรอยพระอริยเจ้าขั้นโสดาบันตามที่หลวงพ่อสอนในหนังสืออยู่ค่ะ พอดีไม่ครูอาจารย์เป็นตัวตนสอน ก้อเลยอาศัยหนังสือที่หลวงพ่อเทศน์สอนลงธัมมวิโมกข์บ้าง ฟังเทปหลวงพ่อบ้าง คิดว่าก่อนตายอย่างน้อยก้อขอเป็นพระโสดาบันล่ะนะ
    ขออนุโมทนากับคุณ VANCO นะคะ
    :cool::cool::cool:
    เราอธิษฐานความดีเพื่อพระนิพพานเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 ธันวาคม 2010
  5. Nok Nok

    Nok Nok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +3,297
    [​IMG]
    กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...