อยากเป็นพระโพธิสัตว์ สามารถเป็นได้หรือเปล่าค่ะ

ดิฉันชอบแนวทางคำสอนพระโพธิสัตว์ค่ะ ชอบช่วยเหลือมนุษย์ สัตว์ ชอบประโยคที่ว่า หากมนุษย์หรือสัตว์ยังมีความทุกข์หรือลำบาก เราจะไม่ไปพบนิพพาน ได้ฟังประโยคนี้รู้เลยค่ะ ว่านี่คือทางเลือกของตัวเอง
แต่ตอนนี้ยอมรับว่าดิฉันยังไม่มีบารมีพอ ยังมีความโกรษและโมโหอยู่มากแต่ที่มีมากคือ ชอบช่วยเหลือสัตว์ที่ลำบาก อ่านใจของสัตว์ได้และส่วนมากค่อนข้างจะเชื่องกับดิฉันน
เวลาเห็นคนยากจนหรือ สัตว์ที่ลำบากน้ำตาจะไหลคะ อารมณ์อ่อนไหวมาก
ดิฉันอยากเรียนเรื่องพลังจิตรักษาโรค ตอนนี้กำลังรักษาแมวตัวหนึ่งอยู่ ไม่รู้จะได้ผลไหมค่ะ จะมีแมวตัวหนึ่งรู้สึกจะป่วยเป็นเนื้องอกโตมาก มีแผลด้วยทุกวันตอนเช้าแมวนี้จะมารับแดดตอนเช้า ดิฉันก็จะมาคุยด้วยและใช้มือวางบนก้อนเนื้องอกนั้น แล้วส่งพลังไปให้แผ่เมตตาด้วย ดูมันชอบและ
อยากให้มันหาย แมวมันก็พูดทักทายให้ความร่วมมือดีคะ
ดิฉันเคยเอามือวางบนน่องของยายแถวๆบ้าน แกไม่สบายป่วยหนัก อาการหนักประมาณจำใครไม่ได้ ก็เลยส่งพลังจากฝ่ามือ แล้วสวดอิติปิโสและแผ่เมตตา พอพรุ่งนี้แกก็จำคนอื่นได้ พื้นขึ้นมา และเคยช่วยแมลงปีกแข็งบินมาตกลงข้างหน้า มันนิ่งไปเลยไม่รู้ตายหรือเปล่า ก็ใช้วิธีเดิม ส่งพลังจิตไปให้
ไม่นานมันก็พื้นขยับปีกบินไปได้
ดิฉันก็ไม่แน่ใจในความสามาถของตัวเอง ว่าจริงหรือเกิดจากความบังเอิญ
อยากเรียนเรือ่งพลังจิตรักษาโรค ต้องเริ่มจากอะไรค่ะ
แล้วสมาธิหรือพลังต้องกล้าแข็งแค่ไหน
ขอเล่าความสมารถองตัวเองก่อน ตอนนี้นั่งสมาธิยังไม่นานประมาณครั้งละ 30 นาที
มีความสามารถในการอ่านใจคน อ่านอารมณ์ อ่านความรู้สึกของคนได้ จมูกไวต่อกลิ่นทุกชนิด มีลางสังหรณ์ เช่่พนคันมือซ้ายได้เงิน คันเท้าได้เดินทาง จามมีคนคิดถึง ชอบฝันเห็นผีมาหา

จะถามสิ่งที่พูดมาทั้งหมดนี้ เป็นแนวทางของพระโพธิสัตวืหรือเปล่า ผิดทางไหมค่ะ

 

การที่อยากจะเป็นพระโพธิสัตว์ต้องดูว่าเรามีความเมตตาในสรรพสัตว์หรือเปล่ามีความคิดว่าอยากจะพาเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากกองทุกข์หรือเปล่า มีความคิดแบบว่าทำอย่างไรถึงจะช่วยเหลือผู้อื่นได้มากและยั่งยืนหรือเปล่า ถ้าใช่ก็เป็นแนวทางของพระโพธิสัตว์ครับ และการช่วยเหลือผู้อื่นก็ต้องทำตัวเองให้ดีด้วย คุณธรรมของพระโพธิสัตว์อันดับแรกคือเป็นผู้สำเร็จในประโยชน์ส่วนตนก่อนจึงจะช่วยเหลือผู้อื่นได้มากและยั่งยืน อีกอย่างคือต้องมีใจแน่วแน่ทำจิตพุทธะให้เกิดขึ้นได้ต่อเนื่องต้องรู้จักลักษณะของบารมี 10 ให้ครบถ้วนซึ่งต้องใช้กำลังใจมาก ถ้าตัดสินใจแล้วก็ขอไปเกิดในยุคพระศรีอารียแล้วขอรับบารมี 10 ครับ

 

คำถามทดสอบความเป็นพระโพธิสัตว์ง่ายๆ
"คุณยอมลำบากเพื่อให้ผู้อื่นสบายได้หรือไม่ และ คุณยอมตายเพื่อให้ผู้อื่นอยู่รอด ได้หรือเปล่าล่ะ"



พระเยซู ยอมถูกตรึงกางเขน เพื่อให้ชาวบ้านอีกนับร้อยรอดจากการถูกกักขังทรมาน
ในหลวง ทรงยอมเหนื่อย ยอมลำบาก ไปนู่นทำนี่(สมัยยังหนุ่มๆ)เพื่อให้ประชาชนที่ยังโง่เขลาเบาปัญญาได้อยู่อย่างสบาย

และอีกหลายตัวอย่างแต่ไม่ขอยกมาเพราะมองเห็นภาพได้ยาก

 

อธิบายได้เห็นภาพเลยนะคะ พี่ซาตานคลั่ง
หนูขออนุญาตินะคะ ขอเพิ่มเติมด้วย เพราะบางคน อาจจะเข้าใจว่าพระโพธิสัตว์ สบาย
ไม่สบายเลย ช่วยคนอื่นได้ แต่ตนเองยังลำบาก ต้องฝึกฝนตัวเอง ให้ผ่านความทรมาน เพื่อจะได้เข้าใจความทุกข์ยาก จึงจะช่วยผู้อื่นได้
เวลาทรมาน ก็ไม่มีหน้าไหนมาช่วย ต้องกำลังใจ ตัวเองล้วนๆ และความตั้งใจจะช่วยผู้อื่นจริงๆ จึงจะผ่านมาได้
หนูเป็นกำลังใจให้พี่นะคะ

 

ก็ลองทำไปดูสิครับ เดี๋ยวจะรู้เองว่าเป็นอย่างไร สู้ๆนะครับ

 

อ่านความคิดเห็นกว่าจะมาเป็นพระโพธิสัตวฺก็รู้ว่าเหนื่อยไม่ไช่เล่นเลยนะ
ดิฉันคิดว่าสร้างบุญบารมีไปเรื่อย ๆดีกว่า
รู้หนทางยาวไกลค่อยๆ ทำสะสมไปค่ะ เราจะได้ไม่ท้อ
ขอบคุณทุกคำชี้แนะค่ะ

 

พระโพธิสัตว์ คือการตั้งจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ปรารถนาจะยกขนสัตว์ หรือ ช่วยเหลือสัตว์ ให้พ้นจากกองทุกข์ และ / หรือ เป็นพระพุทธเจ้าเพื่อ ช่วยยกขนสัตว์ ไปนิพพาน

แต่ว่าบางคนเห็นว่า พระโพธิสัตว์ต้องลำบาก เลยไม่คิดอยากเป็น
บางคนอยากเป็นเพราะเห็นว่า พระโพธิสัตว์ เท่ห์ มีแต่คนนับถือ ไม่ได้คิดไตร่ตรองว่า
เหตุที่พระโพธิสัตว์มี คนนับถือ มากเพราะ อะไรเป็นเหตุ

เพราะฉะนั้นการปรารถนา พุทธภูมิ ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ควรจะตั้งเป้าหมายว่าเราปรารถนาเพื่ออะไร วางใจให้เป็นกลาง ค่อยๆทำไปเอง มี หนัก มีเบา

 

เคยมีผู้หญิงไปบอกกับพระเกจิรูปนึงว่า อยากเป็นพระพุทธเจ้า พระเกจิท่านตอบว่าให้ปราถนาเป็นผู้ชายก่อน แล้วค่อยปราถนาพุทธภูมิ วันนั้นผมก็นั่งฟังอยู่ด้วยครับ ท่านว่าให้เกิดเป็นชายให้ได้ก่อน

 

พุทธภูมิเป็นกำลังใจขั้นสูง แนวทางคือ บารมี 10 อุปบารมี 10 ปรมัตถบารมี 10 ส่วนขั้นตอนนั้น ส่วนมากจะเริ่มจากการเปล่งวาจาอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธองค์(หรือพระพุทธรูป) เริ่มง่าย แต่ลายากนะครับเพราะต้องได้รับอนุญาตจากพระพุทธองค์ก่อนถึงลาได้ ส่วนจะหญิงหรือชายนั้นไม่สำคัญ เป็นกำลังใจให้กับพุทธภูมิทั้งหลายทุกท่านครับ คนบ้านเดียวกัน แค่มองตากันก็เข้าใจอยู่....

 

ตามท่านด้านบนๆบอกครับ ว่าการที่จะเป็นพระโพธิสัตว์โดยสมบูรณ์พร้อมต้องเกิดเป็นชายก่อน เท่าที่เคยรับรู้มาเราตัดสินใจ แน่วแน่เด็ดขาดวันไหน วันนั้น เวลานั้น นับว่าเป็น
พระโพธิ์สัตว์ ครับ

 

อยากเป็นก็ตั้งใจไว้สิครับ เมื่อเผชิญความลำบาก จะเป็นตัวบอกเองว่า

" จะลุยต่อหรือถอยหลังกลับ!!! "

ยังไงเส้นทางนี้ยาวไกลอยู่แล้ว เตรียมใจได้เลย

 

เห็นโยมมีปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายก็ดีใจด้วยนะขอนุโมทนาบุญด้วย แต่จะมีข้อแนะนิดหนึ่งว่า ความอยากหรือ กาม เป้นคำกลางๆ สามารถไปทางดีก็ได้ร้ายก็ได้ เช่น อยากในทางที่ดี เรียก ฉันทะ ตัวอย่าง กามธรรม มีความใคร่ในธรรม แต่ถ้าอยากหรือใคร่ในทางที่ไม่ดีเรียก ตัณหา หรือกามราคะก็ได้ ทีนี้ลองถามตัวเองว่ามีแบบไหนมากกว่ากัน ที่สำคัญกิเลสมันจะหรอกโยมนะว่า เรื่องที่คิด พูด ทำ มันเป็นของดีถ้าถูกใจแล้วสบายใจ โยมก็จะเชื่อมันเลย เป็นต้น ทางที่ดีควรเอา ธรรมะ เป้นเครื่องตัดสินนะว่าถูกต้อง หรือ ถูกใจ ในส่วนที่โยมมีความสามารถพิเศษนั้นแบ่งได้อย่างนี้คือ ถ้ายังมีศีลห้าเป็นหลัก แต่ยังในกามราคะ (อายตนะทั้งหก)แสดงว่าเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่จะมีฤทธิ์มากเท่าใดก็ไม่เกี่ยว แต่ถ้ามี หิริโอตตัปปะ และกามฯ ยังเป็นเทวดาเท่านั้น(หกชั้น) แต่ถ้าตัดเรื่องเพศขาดเลย และ เจริญเมตตาพรหมวิหาร เป็น พรหม แล้ว(ยี่สิบชั้น) ทั้งมนุษย์ เทวดา พรหม มีฤทธิ์ได้ทั้งนั้น แม้แต่มารยิ่งฤทธิ์มากนะ เป็นต้น รายละเอียดต้องหาครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือนะสังเกตุท่านแล้วเข้าหาท่านยิ่งโยมมีฤทธิ์ด้วยยิ่งง่ายในการทายใจของท่าน ถ้าทายไม่ออกแสดงว่า ภูมิจิตของท่านเหนือกว่า เป็นต้น
ส่วนเรื่องที่จะเป็นพระโพธิสัตว์ได้หรือไม่อย่างไรค่อยว่ากันอีกที ตัวอย่างเช่น โยมตั้งใจเดินทางไปเชียงใหม่ พอไปถึงลำปางเห็นสีเขียวๆเขียนว่าเชียงใหม่ ถามว่าเชื่อหรือไม่ เพราะเป้าหมายของแต่ละจิตต้องการไม่เหมือนกัน ใครถึงก็รู้เอง (ลองหาอ่านหรือฟังเรื่อง พระจักขุบาล ดูนะ)
เจริญพร

 

มีคำกล่าวของพระโพธิสัตว์พระองค์นึงว่า

ลูกรัก... เรามาดูกันว่า เจ้าจักอยู่ในสถานะใด

ในขณะที่ทำบุญแบบพุทธะ เป็นผู้มี เต็ม อิ่ม แล้วเอื้อเฟื้อ
ให้แบบพระโพธิสัตว์ เป็นผู้ให้ทุกชนิด แม้แต่ชีวิต ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีก็ให้
ให้แบบพระอริยะเจ้า เป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
...ให้แบบเปรต เจ้าประคู้น ขอให้ผลบุญนี้ จงบันดาลให้ข้าพเจ้าได้มี................<wbr>..(เพราะเปรตนั้นเป็นผู้ไม่พอ ไม่เต็ม ไม่อิ่มและหิวตลอด)"


หากเรารักษาใจแบบพระโพธิสัตว์เอาไว้ตลอด ท่านก็คือพระโพธิสัตว์พระองค์นึง

 

ทำอะไรก็ได้ถ้าเป็นการทำเพื่อผู้อื่นนั้นเป็นหนทางหมดนั้นแหละ เช่น เกิดเป็นหญิงก็ทำเพื่อสามี เพื่อบุตรธิดา เพื่อบิดามารดาให้ถึงที่สุด จากสิ่งเล็กๆก็จะกลายเป็นสิ่งใหญ่ และสืบเนื่องต่อกันไปเมื่อสามีดีขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อเขา เขารู้จักคิดพิจารณาและทำเองได้ บุตรธิดาก็เช่นเดียวกัน ส่วนบิดามารดาก็เช่นเดียวกันจนท่านสิ้นไป ทีนี้พอคนทั้งหลายที่กล่าวมานี้เห็นความสำคัญของการทำสิ่งต่างๆเพื่อผู้อื่น ก็จะนำสิ่งต่างๆเหล่านั้นมาสานต่อให้เกิดแก่ตน เป็นหนทางเป็นสายใย เป็นเหตุปัจจัยคล้ายห่วงโซ่กิ่งก้านสาขาไปเรื่อยๆ จากหนึ่งคือตนกลายเป็นสองคือคนที่รัก เป็นสาม สี่ ห้า แ ละเรื่อยๆไป จากรุ่นสู่รุ่น จากอดีตสู่ปัจจุบัน เป็นอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าจะถึงที่สุด นี่แหละคือหนทางของเหล่าพระโพธิสัตว์เจ้าของเราทั้งหลาย

 

ขอโอกาสเเสดงความคิด เล็กน้อยนะครับ ก็ทำดีต่อไป ครับ
ตอนนี้ แค่ ความสงสัย เมื่อเพียงรู้ ว่าความสงสัยเกิด เฝ้าดู ความสงสัย นั้นไป ก็จะดับลง หรือถ้าปรุงแต่ง ก็จะเเปรเปลี่ยนไป ตามเหตุ
ขอให้ท่านละความสงสัย ถอยจิตที่รับรู้นั้นออกมาพิจารณาเอง

ผมเชื่อว่า พระโพธิสัตว์ ขอเพียงมีเมตตาและกรุณาต่อหมู่สัตว์ก็ใช้ได้แล้วครับ เพราะทุกๆ พระองค์ไม่ว่าใหม่เก่า บารมีมากน้อย ย่อมเกิดจากความเมตตา สงสารต่อหมู่สัตว์ อ้อ อีกประการหนึ่งพระโพทธสัตว์ ทุกๆ พระองค์มีความกตัญญ ต่อผู้มีพระคุณครับ
ขอเพียง ตั้งจิตให้แน่วแน่ ขอให้มีโยนิโสมนสิการ พิจารณา ด้วยปัญญา ว่าสิ่งที่ทำไปได้ประโยชน์
จะเรียนเองหรือมีกัลญาณมิตรชี้เเนะ(เช่นเรียนธรรมะในสำนักของพระพุทธเจ้า เรียนรู้ธรรมอันเป็นเหตุ แห่งพระโพธฺสัตว์ และทำให้เปนสันดาน เจริญให้เป็นนิสัย) ก็ได้ แต่ ก็ต้องเดินเอง
ผู้ไม่ไหวหวั่น ต่อการก้าวเดิน แม้ พานพบอุปสรรค ก็มีกำลังใจเพราะมีเมตตาต่อหมู่สัตว์
ครับ การสร้างบารมี บางทีต้องแลกกับการกระทำกรรม บางอย่างเพื่อผู้อื่น(ปราบคนพาล) บางทีต้องเจ็บปวดเเสนสาหัส บางทีต้องเสียเลือดเนื้อเสียสิ่งอันเป็นที่รักยิ่งนั้น เป็นสิงที่จะเกิดในภายหน้า (ต้องเสียทุกอย่าง คือ ละตัวตน เราและของเรา)แต่ การสร้าง สิ่งใดก็ตาม ก็มีเริ่มต้นเสมอ
ชาติกำเนิด รูปราง เพศ ฐานะ และความรู้หาได้เป็นสิ่งที่ขัดขวางไหม แต่ เมื่อทำไปมัน จะดีขึ้นเอง เพราะไม่มีสิ่งใดไม่สมควรแก่เหตุ ทำดีก้ได้ รับผลดี เป็นชายก่อนก็อาจถูกนะเเต่ นั่นอาจกว่าใกล้ แต่เป็นหญิงท่านก็ไม่ได้ห้ามเป็นนะ แม้ไกลกว่า
พระโพธิสัตว์จริงๆ ไม่เคยบ่น ไม่เคย สนใจ ไม่เคยถามหา ว่าต้อง บำเพ็ญอีกเท่าไหร่ พอหรือยัง จะได้เปนพระพุทธเจ้าองค์ที่เท่าไหร่ เที่ยงไหม ไม่จำเป็นเลย เพราะที่ผ่านมาก็ไม่รู้เท่าไหร่ ท่านเหล่านั้น ล้วนทำไป ไม่มีตำเเหน่ง สิ่งเหล่านั้นล้วนสมมติที่มีคนตาดีบอก ล้วนเปนไปตามเหตุ เมื่อ เหตุพร้อม บริบูรณ์ผล ย่อม งอกงาม ดอกไม้ที่แก่ กว่า ย่อมบานก่อนเป็นธรรมดา
อนุโมทนาในสิ่งมี่จะเกิดขึ้น

 

<TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR title="โพส 4154309" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>leonids

​

</TD><TD class=alt1>ดิฉันชอบแนวทางคำสอนพระโพธิสัตว์ค่ะ ชอบช่วยเหลือมนุษย์ สัตว์ ชอบประโยคที่ว่า หากมนุษย์หรือสัตว์ยังมีความทุกข์หรือลำบาก เราจะไม่ไปพบนิพพาน ได้ฟังประโยคนี้รู้เลยค่ะ ว่านี่คือทางเลือกของตัวเอง

แต่ตอนนี้ยอมรับว่าดิฉันยังไม่มีบารมีพอ ยังมีความโกรษและโมโหอยู่มากแต่ที่มีมากคือ ชอบช่วยเหลือสัตว์ที่ลำบาก อ่านใจของสัตว์ได้และส่วนมากค่อนข้างจะเชื่องกับดิฉันน
เวลาเห็นคนยากจนหรือ สัตว์ที่ลำบากน้ำตาจะไหลคะ อารมณ์อ่อนไหวมาก​

จะถามสิ่งที่พูดมาทั้งหมดนี้ เป็นแนวทางของพระโพธิสัตวืหรือเปล่า ผิดทางไหมค่ะ ​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
โมทนาสาธุนะครับ​

 

สามารถเป็นได้นะครับแต่จะสำเร็จตอนไหน นั้นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
อารมณ์ของท่านที่ช่วยคน สัตว์ทั้งหลายตอนนี้ นี้ละคือพระโพธิสัตว์ นะครับ(อนุโมทนาด้วยนะครับ)
ส่วนเรื่องความสามารถของท่านนั้นก็เป็นปกติของมนุษย์ทั่วๆๆไปนะครับ อย่าไปสนเลยนะครับ เป็นปกติของมนุษย์แต่ละคนนะ
เรื่องแนวทาง ก็ลองอ่านบารมี ๑๐ ประการดูนะครับ(บารมีแต่ละข้อจะมี ๓ ระดับ )

 

เราก็อยากจะบอกท่านว่าสิ่งที่ท่านทำมา สิ่งที่ท่านอธิบายมาเราก็เคยได้เห็น ได้ปฏิบัติ ได้กระทำมาแล้วเหมือนกับท่านแล้ว แม้กระทั่งความคิดที่อยากจะเป็นถึงพระโพธิสัตว์เราก็เคยคิดมาแล้ว เราจึงศึกษาเกี่ยวกับการบำเพ็ญของพระโพธิสัตว์องค์ก่อนๆ แต่เมื่อมาถึงตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราศึกษาไปนั้นถูกต้องหรือไม่ ถึงแม้มันจะทำให้เรารู้อะไรมากขึ้น แต่ว่ากลับทำให้ความคิดที่อยากจะเป็นพระโพธิสัตว์ของเรานั้นลดลงมาอยู่ในอีกระดับหนึ่ง ซึ่งเราคิดว่าเป็นระดับที่พอดีกับชีวิตของเราในปัจจุบันแล้ว เพราะการเป็นพระโพธิสัตว์นั้นไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ทุกวันนี้ถึงแม้คำว่า"พระโพธิสัตว์"จะฟังดูแล้วไกลเกินที่เราจะเอื้อม แต่การที่เรายังมีความคิดที่จะช่วยเหลือผู้อื่น มีความคิดแบบเดียวกับพระโพธิสัตว์ อย่างน้อยเราก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระเล็กๆน้อยๆของท่านได้ เรื่องจะได้เป็นพระโพธิสัตว์หรือไม่นั้นก็ปล่อยให้เวลา ปัญญา บารมีตัดสินเองเถิด

 

> ใครอยากเป็นพระโพธิสัตว์ ได้ครับ ขอให้ตั้งจิตอธิฐาน เดี่ยวทางจะมาเองว่าจะต้องเดือนปฎิปทาของพระโพธิสัตว์อย่างไร
noted. บารมีแปรว่าทำให้เต็ม รู้สึกว่าเต็ม มิใช่ว่าจะต้องเกิดตายหลายๆชาติ นะครับ ถ้าเรารู้สึกว่ามีเมตตาให้กับทุกดวงจิตอย่างเสมอเหมือนกัน ส่งความเมตาไปทั่วจักรวาล และเป็นหนึ่งในจักรวาละและทุกๆสิ่งๆ ภายในชาติเดียวถ้าท่านทำได้ ถือว่าทำให้เต็มได้แล้วครับ

---------------------------------------------------------------------
ถ้า จขกท ตั้งใจจริง ให้ไปอ่านที่วิถีดอกบัวบานนะครับ ในห้องพุทธภูมิ ถ้ารู้สึกว่าใช่ ก้อให้ทำตามนั้นนะคับ ให้อ่านแล้วสิ่งไหนมีความรู้สึกว่าดี ว่าใช่ ก้อให้น้อมใจทำตาม สิ่งไหนรู้สึกว่าไม่ดี ไม่ใช่ ก้อวางเสียครับ
พุทธภูมิ มิได้กำหนดว่าจะเป็นผู้หญิง หรือ ผู้ชาย เนื่องจากดวงจิตนั้นไม่มีเพศ เพียงแต่ชาติที่ได้รับพยากร และ ชาติก่อนที่จะตรัสรู้จะต้องเป็นผู้ชาย นอกนั้นเป็นได้ทุกเพศ เพราะพระโพธิสัตว์ไม่ยึดใน ทุกๆสิ่ง เพราะทุกสิ่งๆ คือสิ่งเดียวกัน พระโพธิสัตว์เห็นจิตประภัสสร หรือ พุทธเกษตร ในทุกๆสิ่ง

 

โมทนาบุญครับ

จำอารมณ์ของพระโพธิสัตว์อย่างหนึ่งให้ดีครับ รักผู้อื่นมากเท่ากับรักตัวเอง ก็คือ รักตัวเองเท่าไหร่ ก็รักผู้อื่นเท่านั้น คำว่าลำเอียง ไม่มี