ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. orchidme

    orchidme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +2,956
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิกิลีกส์เผยสหรัฐกลัวอาวุธชีวภาพจะรั่วไหลจากห้องทดลองในอินเดีย

    [​IMG]

    นิวเดลี 17 ธ.ค.-เว็บไซต์วิกิลีกส์ รายงานข้อมูลการทูตของสหรัฐว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐวิตกเรื่องการรักษาความปลอดภัยในห้องทดลองของอินเดีย หวั่นจะกลายเป็นเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายสามารถลักลอบนำอาวุธชีวภาพมาใช้โจมตีเป้าหมายทั่วโลก

    วิกิลีกส์อ้างเอกสารหลายฉบับที่ส่งจากสถานทูตสหรัฐในกรุงนิวเดลี ซึ่งนำออกตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน ของอังกฤษ ว่า เมื่อเดือนมิถุนายน 2549 สหรัฐ มีความกังวลว่ากลุ่มก่อการร้ายจะฉวยโอกาสจากความอ่อนแอของการรักษาความปลอดภัยที่ห้องทดลองหลายแห่งของอินเดียขโมยเชื้อแบคทีเรีย พยาธิ เชื้อไวรัส หรือสารพิษ เพื่อนำไปโจมตีเป้าหมายทั่วโลก นักการทูตสหรัฐกล่าวว่า การเข้าถึงห้องทดลองเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากมากที่อินเดีย และผู้ก่อการร้ายสามารถขโมยและลักลอบขนเชื้อโรคเหล่านี้ออกนอกประเทศได้อย่างง่ายดายทางสนามบิน

    ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งบอกว่า ห้องวิจัยในมหาวิทยาลัยของอินเดียมีการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวม ผู้ก่อการร้ายสามารถติดสินบนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วยค่าจ้างเพียงบุหรี่ 1 ซอง ก็สามารถเข้าไปภายในห้องวิจัยได้แล้ว นอกจากนี้ยังพบว่า นักวิทยาศาสตร์ชีวภาพของอินเดียหลายพันคนอาจถูกผู้ก่อการร้ายชักชวนไปร่วมขบวนการด้วยเงินหรือซื้อใจด้วยอุดมการณ์

    นายซูมาน ซาไฮ ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีชีวภาพ กล่าวว่า การรักษาความปลอดภัยยังคงย่ำแย่มากที่บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในปัจจุบัน แม้รายงานนี้ผ่านมา 4 ปีแล้ว คนที่ลาออกจากห้องวิจัยของรัฐบาลเพื่อไปทำงานกับเอกชนมักจะขโมยเมล็ดพันธุ์ วัตถุดิบทางพันธุกรรม และทรัพย์สินที่อ่อนไหวต่อความมั่นคงออกจากห้องทดลองก่อนได้งานใหม่

    วิกิลีกส์ระบุว่า ระบบเฝ้าระวังของอินเดียและระบบสาธารณสุขไม่พร้อมรับการโจมตีจากอาวุธชีวภาพในอนาคต นอกจากนี้ยังเปิดเผยรายงานว่า นายราหุล คานธี เจ้าหน้าที่ระดับสูงในพรรคคองเกรส เคยเตือนไว้เมื่อปีที่แล้วว่า ภัยคุกคามจากกลุ่มสุดโต่งชาวฮินดูในอินเดียร้ายแรงกว่ากลุ่มติดอาวุธอิสลาม เช่น กลุ่มลัชการ์-อี-ไทบา ที่มีฐานอยู่ในปากีสถาน ซึ่งเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีนครมุมไบเมื่อ 2 ปีก่อน.-สำนักข่าวไทย

    วันศุกร์ ที่ 17 ธ.ค. 2553

    ที่มา MCOT.NET
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ee16053

    ee16053 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +35
    เตือนภัยทางเศรษฐกิจที่จะเกิดในอนาคตอันใกล้ครับ ลองอ่านดู

    ....."The Gold War phase II" by Jimmy Siri: Insider by Lindsey Williams

    ถ้าเกิดขึ้นจริงเงินบาทอาจกลายเป็นแบ็งค์กงเต็กก็ได้ครับ
    ใครมีเงินเหลือหลังจากเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินแล้ว ท่านก็ควรจะซื้อทองแท่งเก็บไว้นะครับ
    แนะนำให้ท่านปรึกษากูรูในเว็บ ThaiGOLD.info - เวปบอร์ด ราคาทองคำ
    เพราะตอนนี้มีการเก็งกำไรทองค่อนข้างมาก จึงต้องหาจุดซื้อทองคำที่เหมาะสม
    ข้าพเจ้าไม่ได้แนะนำให้ท่านซื้อทองคำแท่งเพื่อเก็งกำไรแต่ให้ท่านซื้อทองคำเพื่อลดความเสี่ยง
     
  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ทหารพรานตรวจเข้ม 379 ชาวเขมรทะลักเข้าไทย </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    พ.อ.มล.ประวีร์ จักรพันธุ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา(ผบ.ฉก.กรม.ทพ. 12 กกล.บูรพา)

    สั่งการให้ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1206 (ผบ.ร้อย ทพ. 1206 ) ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.ท.เสกสรร วัฒนพงษ์ สวญ.สภ.คลองลึก,พ.ต.ต.ธัชชัย ทิพเนตร สว.ตร.ท่องเที่ยวสระแก้ว พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว และนายสำราญ เดชศรี จนท.ด่านอาหารและยาอรัญประเทศ นำกำลังร่วมกันตั้งจุดตรวจค้นบริเวณจุดตรวจร่วม ทางเข้าตลาดโรงเกลือ หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อย่างเข้มงวด หลังสืบทราบว่าจะมีชาวเขมรซึ่งเป็นชาวเขมรมุสลิม และ แรงงานชาวเขมรจำนวนมากจะแห่เดินทางเข้าประเทศไทย หลังจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ได้ร่วมกันประกาศยกเว้นการตรวจลงตรา( VISA )หรือยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. 53 ซึ่งเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ทางการฑูตมาครบ 60 ปี

    <DD>
    ต่อมา จนท.ได้ตรวจพบชาวเขมรจำนวนมากรวมหลายร้อยคน เดินหิ้วกระเป๋าสัมภาระข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย เมื่อถึงจุดตรวจร่วมฯ จนท.จึงขอตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นชาวเขมรทั้งสิ้นจำนวน 379 คน มีหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)ประทับตราเข้าประเทศจาก ด่าน ตม.สระแก้ว อย่างถูกต้องโดยไม่ต้องมีวีซ่า จนท.จึงทำการตรวจค้นอย้างเข้มงวดเกรงจะมีการลักลอบนำสิ่งผิดกฏหมายเข้ามาในประเทศ

    <DD>
    ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นชาวเขมรมุสลิม จำนวน 21 คน เป็นชาย 12 คน หญิง 9 คน.อ้างว่าจะเดินทางไปที่ ด่านชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อข้ามไปเยี่ยมญาติที่ประเทศมาเลเซีย ส่วนที่เหลือจำนวน 358 คน เป็นแรงงานชาวเขมรที่จะไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ จ.ตรัง จำนวน 43 คน,จ.สงขลา จำนวน 206 คน และ จ.ชลบุรี กับ จ.นครปฐม จำนวน 109 คน ซึ่งเป็นแรงงานถูกกฎหมายตามข้อตกลง MOU ที่รัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ได้ทำข้อตกลงกันไว้ และผลจากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ จึงอนุญาตให้เดินทางต่อไปได้



    </DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2010
  5. ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,278
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,494
    แพทย์15ทีมพร้อมรับมือเหตุการณ์ภัยพิบัติ


    [​IMG]


    ศูนย์เตือนภัยพิบัติฯ เตรียมเตือนภัยผ่าน วิทยุ โทรศัพท์ เอสเอ็มเอส จับมือหน่วยงานลงพื้นที่ให้ความรู้ประชาชนเอาตัวรอดจากเหตุภัยพิบัติ ด้านสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินฯ พร้อมจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ 15 ทีมรับมือทั่วประเทศ ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านพลังจิต ชี้มนุษย์เบียดเบียนโลกมากจึงถูกธรรมชาติลงโทษ แนะ เมื่อเกิดเหตุแล้วคนในพื้นที่ประสบภัยต้องยืนและพึ่งพาตนเองให้ได้

    เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติมีการ เตรียมพร้อมเพื่อรับมือภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นให้แก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยอยู่เป็นประจำทุกปี โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด บูรณาการข้อมูลที่มีร่วมกัน ทั้งหน่วยงานภายในกระทรวงเทค โนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักงานสถิติแห่งชาติ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหา ชน) โดยกรมอุตุนิยมวิทยาจะมีข้อมูลการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำ ขณะที่ กสท และ ทีโอที มีระบบสื่อสารที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

    น.อ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้มีการประสานงานด้านข้อมูลกับกรมทรัพยากรธรณีวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป่าไม้ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ เป็นการใช้ข้อมูลการ สำรวจทรัพยากรจากดาวเทียมต่าง ๆ และหน่วยแพทย์ต่าง ๆ ข้อมูลที่ได้จะเป็นข้อมูลแบบทุติยภูมิที่ได้รับการประมวลผลแล้วและนำมาวิเคราะห์ หากพบว่าข้อมูลมีการเชื่อมโยงไปสู่การเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ อาทิ น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม สึนามิ และไฟป่า เป็นต้น ศูนย์ฯจะแจ้งเตือนผ่านวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เครือข่ายวิทยุสมัครเล่น และส่งข้อความสั้นถึงเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในพื้นที่เสี่ยงภัย

    “ขณะนี้ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที อยู่ระหว่างประสานผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อแจ้งเตือนภัยพิบัติผ่านเอสเอ็มเอสให้แก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยตรง ล่าสุดศูนย์ฯได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเตือนภัยพิบัติ อาทิ กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณีวิทยา และหน่วยงานทางการแพทย์ต่าง ๆ ลงพื้นที่ให้ความรู้เรื่องภัยพิบัติและการรับมือแก่ประชาชน ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีภัยพิบัติที่แตกต่างกัน อย่างน้อยที่สุดต้องให้ประชาชนรู้ถึงสิ่งที่จำเป็นเมื่อเกิดภัยพิบัติ เช่น การเตรียมอาหาร เชื้อเพลิง และเสื้อผ้า ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ภายใน 3 วันหากเกิดภัยพิบัติขึ้น” ผอ. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าว

    ด้าน นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ

    [​IMG]

    กล่าวถึงความพร้อมรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ ว่า สถาบันพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่จะ มีความรุนแรงขึ้นในอนาคตในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นทางด้านเครื่องบิน เรือ รถ และได้ สำรวจความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังได้ประสาน งานกับโรงพยาบาลสนามของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศเข้าช่วยเหลือ และได้จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่อีก 15 ทีม โดยมี 7 ทีม อยู่ตามแถบทะเลอันดามัน และอีก 8 ทีม จะกระจายตามจุดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ในอนาคตจะเพิ่มทีมแพทย์เคลื่อนที่ให้มีครบทุกจังหวัด ในการช่วยเหลือประชาชน สถาบันมีการทำงาน ออกเป็น 3 ลักษณะ คือ ประสานให้รถ โรงพยาบาลออกไปรับผู้ประสบอุบัติเหตุเอง ประสานรถของมูลนิธิต่าง ๆ เข้าให้ความช่วยเหลือและประสานให้หน่วยงานราชการในพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย


    ด้านนายคณานันท์ ทวีโภค หัวหน้าทีมพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ เว็บไซต์พลังจิต ดอทคอม

    [​IMG]

    กล่าวว่า ปัจจุบันโลกถูกเบียดเบียนจากมนุษย์มากขึ้น ธรรมชาติจึงลงโทษมนุษย์ด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งนี้เมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้นแล้ว จะต้องทำให้แต่ละพื้นที่ที่ประสบภัยสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง โดยกระตุ้นให้ผู้ประสบภัยเกิดความพร้อม มีวัดเป็นที่พึ่งพิง ฝึกสมาธิ และฝึกให้เกิดการแบ่งปันการให้ และการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ที่ผ่านมาทางเว็บไซต์ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ

    อนึ่งสำหรับงานสัมมนาเชิงวิชาการ “เจาะลึกภัยพิบัติ พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด” จะมีขึ้นในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ เวลา 08.30-17.00 น. ที่ห้องบัวหลวงแกรนด์รูม ชั้น 6 อาคาร ดร.สุข พุคยาภรณ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตบางเขน กรุงเทพฯ ขณะนี้จำนวนผู้สมัครเข้าร่วมสัมมนาครบตามจำนวนที่คณะผู้จัดงานกำหนดแล้ว จึงขออภัยสำหรับผู้ที่สนใจซึ่งไม่สามารถลงทะเบียนได้มา ณ โอกาสนี้ด้วย อย่างไรก็ตามสามารถรับชมการถ่ายทอดสดงานดังกล่าวได้ทางwww.palungjit.org





    [​IMG]




    -----------
    เดลินิวส์ออนไลน์
    [​IMG]

    Daily News Online > หน้าภูมิภาค > แพทย์15ทีมพร้อมรับมือเหตุการณ์ภัยพิบัติ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  6. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ฝนถล่ม-หนาวฉับพลัน อีสานลดฮวบ7องศาฯ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    หนาว - ชาวหนองคายเจออากาศหนาวเย็นฉับพลันต้องมานั่งผิงไฟให้ร่างกายอบอุ่น
    เช่นเดียวกับหลายจังหวัดในอีสานและเหนือที่อุณหภูมิลดต่ำอย่างรวดเร็ว
    เพราะมวลอากาศเย็นจากจีนพัดผ่าน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ทั่วทุกภาคยกเว้นภาคใต้อุณหภูมิลดลงฉับพลัน เพราะฤทธิ์มวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีน ส่งผลทำให้เกิดฝนตกในหลายจังหวัด อุณหภูมิลดฮวบเพียงชั่วข้ามคืน

    โคราช เลย อุณหภูมิลดลง 7 องศาฯ ยอดภูเรือเหลือ 6.5 องศาฯ ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ ยอดดอยอ่างขาง อุณหภูมิยอดหญ้าเหลือ 11 องศาฯ นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกซากุระบานสะพรั่ง สวนสัตว์โคราช เร่งหาสารพัดวิธีคลายหนาวให้สัตว์ หลังอุณหภูมิปรับลดลงกะทันหันเพียงแค่ข้ามวัน เสื้อกันหนาวมือสองขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สธ.เตือนระวังโรคที่มากับเสื้อกันหนาวมือสอง 'กาฬสินธุ์' 3 วัน พบคนป่วยแล้ว 3 พันคน

    -มวลอากาศเย็นทำหนาวฉับพลัน

    เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ อากาศ ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 16.00 น. ในช่วงวันที่ 17-19 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเล จีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงได้อีก 2-4 องศาฯ และมีฝนเกิดขึ้นได้ในระยะนี้

    สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรง พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ในช่วงวันที่ 17-20 ธ.ค. ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง มีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตั้งแต่จ.สุราษฎร์ธานีลงไป ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงดังกล่าวไว้ด้วย

    -เตือนอุณหภูมิจะลดลงอีก

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 17.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. ถึง เวลา 17.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. ภาคเหนือมีฝนกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาฯ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 15-17 องศาฯ สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 ก.ม./ช.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาฯ ยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาฯ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 ก.ม./ ช.ม. ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรม ราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 30 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 ก.ม./ช.ม. ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 20 องศา สูงสุด 30 องศา ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 ก.ม./ช.ม.

    -'ขอนแก่น'สั่งระวังไข้หวัดนก

    ที่ จ.ขอนแก่น นายธนวัฒน์ พลอยโสภณ รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ด้วยปัจจุบันสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในสัตว์ปีก โดยเฉพาะโรคไข้หวัดนก จากสถานการณ์สัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติใน จ.ขอนแก่น และในประเทศไทย ปี 2553 มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินงานอย่างเข้มแข็ง และสามารถกำกับดูแลควบคุมการระบาดของโรคไม่ให้แพร่ออกไปได้ อย่างไรก็ ตาม เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดนก ในจ.ขอนแก่น ได้หามาตรการเฝ้าระวังและควบคุมโรคไข้หวัดนก และ เพื่อเตรียมความพร้อมของจังหวัดในการดำเนินงานเพื่อนำไปปรับ หรือแก้ไขการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะพบไก่พื้นเมืองตายไม่ทราบสาเหตุ จำนวน 16 ตัว ขณะนี้รอผลตรวจสอบว่าการตายเกิดขึ้นจากโรคอะไร หรือคาดว่าจะเกิดโรคไข้หวัดนก รอบที่ 3 เพื่อดำเนิน การป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นมาอีก และหามาตรการควบคุมต่อไป

    -'กาฬสินธุ์'เหลือ10องศาฯ-ป่วยอื้อ

    ที่ จ.กาฬสินธุ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพอากาศที่หนาวเฉียบพลันระลอกใหม่ที่จ.กาฬสินธุ์ ส่งผลกระทบกับสุขภาพประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชนบทและพื้นที่รอบเชิงเขา ความหนาวเย็นส่งผลให้ต้องออกมานั่งผิงไฟไล่ความหนาว เนื่องจากขณะนี้ทั่วไปมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 14 องศาฯ แต่ในพื้นที่รอบเชิงเขาเฉลี่ยอยู่ที่ 10 องศาฯ

    น.พ.พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ทำหนังสือถึงผู้บริหารโรงพยาบาลชุมชนและสถานีอนามัยทุกแห่ง ให้รณรงค์ป้องกันสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะการผิงไฟที่ยังต้องระวังการสูดดมกลิ่นควันและการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทั้งนี้ ยังพบว่ามีเด็กเล็กเริ่มเจ็บป่วยด้วยโรคไข้หวัดแล้ว เพียง 3 วัน พบผู้ป่วยถึง 3 พันคน

    นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าว ว่า อากาศหนาวเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น หน่วยแพทย์พอ.สว.จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้จัดทำตารางการเข้าช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้อย่างเร่งด่วนแล้ว สำหรับปัญหาผู้ยากไร้จังหวัดกาฬสินธุ์ มีประชาชนกว่า 270,000 คน ต้องการเครื่องห่มกันหนาว ซึ่งยังคงรอการสนับสนุนจากรัฐบาล นอก จากนี้ จากภาวะภัยหนาวที่ส่อเค้าความรุนแรงมากกว่าทุกๆ ปี ยังจะส่งผลให้ตัวเลขผู้ขาดแคลนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบและสำรวจเพิ่มเติมเพื่อการช่วยเหลือให้ครอบคุลมและทั่วถึงแล้ว

    -'โคราช'ก่อไฟผิงในสวนสัตว์

    ที่ จ.นครราชีสมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็น ทำให้เจ้าหน้าที่สวนสัตว์นครราชสีมา อ.เมืองนครราชสีมา ต้องเร่งนำฟางและเศษหญ้า พร้อมกับติดตั้งไฟยูวี เข้ามาเสริมความอบอุ่นให้กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อย่างตัวเมียร์แคต รวมถึงลิงโลกใหม่ ซึ่งเป็นลิงขนาดเล็กที่ไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็นต่ำกว่า 19 องศาฯ ได้ และมีการนำเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้กับสัตว์จำพวกลิง ซึ่งไวต่อความรู้สึก หลังจากที่อุณหภูมิในจังหวัดนครราชสีมา ปรับตัวลดลงอย่างกะทันหันในช่วงเช้า ถึง 7 องศาฯ ซึ่ง อุณหภูมิในช่วงเช้าวันที่ 17 ธ.ค. วัดได้ต่ำสุดที่ 16.9 องศาฯ ขณะที่วันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 24.2 องศาฯ

    นายสัตวแพทย์วชิราวิทย์ สมสา หัวหน้างานสุขภาพสัตว์ ฝ่ายอนุรักษ์ วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์นครราชสีมา กล่าวว่า สัตว์ที่น่าเป็นห่วง ที่สุดในช่วงที่อากาศหนาวเย็น จะเป็นสัตว์เลือดเย็น จำพวกสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก อย่างเช่น งู เต่า และเหี้ยดำ ซึ่งถือเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ทำให้ทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์นครราชสีมา ต้องหาวิธีคลายหนาวให้สัตว์เหล่านี้ ด้วยการนำสัตว์เลื้อยคลานดังกล่าวมาตากแดด เพื่อรับไออุ่นจากแสงแดด เพราะหากปล่อยให้อยู่ตามยถากรรมโดยไม่มีการเสริมความอบอุ่น อาจจะส่งผลให้สัตว์เจ็บป่วยและล้มตายได้ นอกจากนี้ สัตว์เลือดอุ่นต่างๆ ก็จำเป็นต้องมีการจัดหาอุปกรณ์คลายหนาว เนื่องจากสัตว์บางชนิดมีความรู้สึกไวต่อสภาพอากาศและเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะลิงโลกใหม่ ซึ่งเป็นลิงขนาดเล็กมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศแถบอเมริกาใต้ ที่มีสภาพภูมิประเทศร้อนชื้น

    -เพียงข้ามคืนลดลง 7 องศาฯ

    วันเดียวกัน สถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดนคร ราชสีมา รายงานสาเหตุที่สภาพอากาศในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ที่มีการปรับลดอุณหภูมิลงมาอย่างกะทันหัน ว่า เกิดจากขณะนี้มวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีน ได้เคลื่อนตัวพาดผ่านประเทศไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้อุณหภูมิในพื้นที่จ.นครราชสีมา ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยอุณหภูมิต่ำสุดวัด เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ จ.นครราชสีมา วัดได้ 24.2 องศาฯ แต่ในวันที่ 17 ธ.ค. วัดได้ 16.9 องศาฯ จะเห็นได้ว่าอุณหภูมิในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ปรับตัวลดลงในช่วงข้ามวันถึง 7 องศาฯ และคาดว่าอุณหภูมิจะลดลงอีกจนถึงจุดต่ำสุด ในช่วงเช้าวันที่ 18 ธ.ค. อยู่ที่ประมาณ 16 องศาฯ และจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ไปจนถึงวันที่ 19 ธ.ค. ก่อนที่อุณหภูมิจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นในช่วงถัดไป

    -'เชียงราย'อ่วมเจอทั้งฝนทั้งหนาว

    ที่ จ.เชียงราย สถานีตรวจอากาศเชียงราย พยากรณ์สภาพอากาศตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค ไปจน ถึง 20-23 ธ.ค. ว่า อากาศหนาวเย็นและมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาฯ ยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาฯ โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมใต้ความเร็ว 15-30 ก.ม./ช.ม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาฯ อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาฯ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 ก.ม./ช.ม. ในเขตอำเภอเมืองเชียงรายในช่วงเช้า มีหมอกลงจัด ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องเปิดไฟหน้าเวลาขับขี่

    นายยุทธนา จิตรอบอารีย์ ผอ.ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดเผยว่า สภาพอากาศหมอกลงจัดในช่วงเช้าวันนี้ ถือว่ายังไม่มากเท่าไหร่ ไม่สร้างปัญหาการขึ้นลงของเครื่องบินมากนัก เนื่องจากทางสนามบินได้มีการเตรียมพร้อมทั้งบุคลากรและอุปกรณ์สื่อสาร แสงไฟทุกอย่าง จึงไม่มีบัญหา

    -'สุรินทร์'ขาดแคลนเครื่องกันหนาว

    ที่ จ.หนองคาย อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ประมาณ 17 องศาฯ ประกอบกับมีฝนตกลงตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ส่งผลทำให้อากาศหนาวเย็น และมีลมกระโชกแรงตลอดทั้งวัน ท้องฟ้ามีเมฆมาก ฟ้าหลัว ซึ่งลักษณะเช่นนี้ทำให้ชาวบ้านในตัวเมืองหนองคาย หาวิธีคลายหนาวด้วยการ พาเด็กเล็ก ก่อไฟผิงให้ไออุ่น ซึ่งต้องคอยเติมเชื้อไฟให้ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ สถานีอุตุนิยม วิทยาหนองคาย แจ้งว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากจีนได้แผ่ลงมาปกคลุม ทำให้ภาคอีสานมีอากาศหนาวเย็นและมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-3 องศาเซลเซียส พร้อมทั้งมีฝนเกิดขึ้น และแจ้งเตือนประชาชนระมัดระวังสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นเฉียบพลัน อาจทำให้เจ็บป่วยและไม่สบายได้โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ

    ที่ จ.สุรินทร์ นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าฯ สุรินทร์ กล่าวว่า ช่วงฤดูหนาวนี้ แม้ในทุกพื้นที่อุณหภูมิจะลดลง และมีอากาศหนาวเย็นมากขึ้น แต่ยังไม่ต่ำกว่า 15 องศาฯ ซึ่งอุณหภูมิโดยทั่วไปอยู่ประมาณ 19-21 องศาฯ จึงยังไม่สามารถประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยหนาว ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดได้ แต่ขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นแล้ว ขอให้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งจัดหาเครื่องกันหนาว เพื่อให้ความช่วยเหลือราษฎร จากการสำรวจราษฎรผู้ยากไร้ และขาดแคลนเครื่องกันหนาว รายงานไปยังกระทรวงมหาด ไทย เพื่อเตรียมให้ความช่วยเหลือ มีจำนวนกว่า 200,000 ราย

    -'เลย'ฝนตกทั้งวัน-ภูเรือ 6 องศาฯ

    ที่ จ.เลย อุณหภูมิลดลง 3-6 องศาฯ มีฝนฟ้าคะนอง ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา เกิดฝนตกทั้งวัน อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว กลางคืนอากาศหนาวจัด คืนเดียวอุณหภูมิลดลงถึง 7 องศาฯ ยอด ภูเรือเหลือเพียง 6.5 องศาฯ สภาพอากาศทั่วไปตั้งแต่เช้าวันนี้ ช่วงเช้ามืดมีฝนตกปรอยๆ และท้องฟ้าสลัวอากาศมืดครึ้ม อุณหภูมิต่ำสุดวัดได้เมื่อเช้าวันที่ 17 ธ.ค. ที่สถานีอุตุนิยมวิทยาเลย วัดได้ 14.5 องศาฯ วันที่ 16 ธ.ค. วัดได้ 21.7 องศาฯ ต่ำสุดที่อำเภอภูเรือวัดได้ 11.0 องศาฯ ยอดภูที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 7.0 องศา ยอดภูหลวง 9.0 องศา ยอดภูเรือ 6.5 องศา ปริมาณน้ำฝนวัดได้ 69.2 มิลลิเมตร จากสภาพอากาศหนาวในขณะนี้ ทำให้บรรดาชาวบ้าน โดยเฉพาะที่อำเภอนาแห้ว ด่านซ้าย ภูเรือ ต้องก่อไฟผิงแก้หนาวกันตลอดทั้งวัน ที่ยอดภูกระดึงในวันที่ 17 ธ.ค. มีบรรดานักท่องเที่ยวขึ้นไปผจญอากาศหนาวเกือบพันคน คาดว่าอุณหภูมิจะลดลงอีกประมาณ 2-4 องศาฯ

    -'น่าน'ฝนถล่ม-หมอกลงจัด

    ที่ จ.น่าน นายสมมาตร ฟุ้งวิทยา อุตุนิยม วิทยาน่าน เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 17-19 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือมีอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง และมีฝนเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ โดยสภาพอากาศ จ.น่าน เริ่มมีอากาศเย็นลงอีกครั้ง อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 17 องศาฯ และตามยอดดอย พื้นที่สูงจะมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 8-14 องศาฯ นอกจากนี้ ยังมีฝนตกและลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ด้วย ซึ่งคาดว่าช่วงสัปดาห์หน้า อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาฯ

    นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าฯ น่าน แสดงความห่วงใยนักท่องเที่ยวและประชาชน เนื่องจากสภาพอากาศโดยรวมใน จ.น่าน ช่วงเช้าตรู่มีอากาศเย็น ขอให้ประชาชนหาเครื่องกันหนาวให้พร้อมและดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย การก่อกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ต้องให้ระมัดระวังเรื่องฝุ่นละอองที่อาจสูดดมและระคายเคืองตา รวมทั้งเหตุเพลิงไหม้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีหมอกหนาจัด ซึ่งจะส่งผลให้ทัศนวิสัยในการขับขี่รถทุกชนิดลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางขึ้นเขาต่างๆ มีทัศนวิสัยในการมองเห็น เหลือเพียง 50-100 เมตร เท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ที่สัญจรไปมาช่วงดังกล่าว ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยวดยานเป็นพิเศษ และสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวในช่วงวันหยุด ตามอุทยานต่างๆ ก็ให้เตรียม เครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้เพียงพอ รวมทั้งสอบ ถามข้อมูลเรื่องที่พัก และเส้นทางก่อนออกเดินทาง

    -'ร้อยเอ็ด'เปิดสายด่วนภัยหนาว

    ที่ จ.ร้อยเอ็ด นายณัฐ เอกก้านตรง อุตุนิยม วิทยาร้อยเอ็ด เตือนราษฎรในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ดและจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมพร้อมรับมือสภาพอากาศแปรปรวน ระหว่างวันที่ 17-23 ธ.ค. เนื่องจากความกดอากาศสูงหรือมวล อากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาฯ ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเย็น และลมพัดแรง โดยเฉพาะ จ.ร้อยเอ็ด ในวันที่ 17 ธ.ค. มีอากาศหนาวและลมแรง อุณหภูมิสูงสุด 27 องศาฯ ต่ำสุด 15 องศาฯ ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 20-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงขอให้ประชาชนรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและอบอุ่นอยู่เสมอ สวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ ห่มผ้าให้หนากว่า ปกติ เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย รวมถึงเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมที่เกี่ยวกับไฟทุกประเภททั้งการประกอบอาหาร จุดธูปเทียน สูบบุหรี่ เป็นต้น เนื่องจากฤดูหนาวสภาพอากาศแห้งและลมพัดแรง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยและไฟป่าสูงกว่าปกติ การขับขี่รถในช่วงที่มีหมอกลงจัด ควรเปิดไฟต่ำหรือไฟตัดหมอกจะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ นอกจากนี้ เกษตรกรควรสร้างสิ่งปกคลุมผลผลิตทางการเกษตร เพื่อป้องกันผล ผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากน้ำ ค้างแข็ง หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสภาพอากาศแปรปรวน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อโดยตรงได้ที่สถานีอุตุนิยม วิทยาร้อยเอ็ด โทร. 0-4352-2446 เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

    -แห่เที่ยว'อ่างขาง'-ชมซากุระบาน

    ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ ฝนตกอากาศเย็น หมอกหนาจัด น.ส.จารุวรรณ ยิมหิ้น ประชาสัมพันธ์สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง กล่าวว่า อากาศบนยอดดอยอ่างขาง อุณหภูมยอดหญ้า 11 องศาฯ ทั่วไป 13 องศาฯ ในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ อากาศเย็นตลอดวัน อุณหภูมิทั่วไป 22-24 องศาฯ นักท่องเที่ยวทยอยขึ้นดอยอ่างขาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กันมากและสวมเสื้อกันหนาวตลอดวัน เพราะทราบข่าวว่า ดอกซากุระที่โครงการหลวงดอยอ่างขางกำลังบานสะพรั่ง ส่งผลทำให้โรงแรมห้องพักเต็มหมด ที่พักบางที่ราคาก็สูงถึงห้องละ 2,500 บาท

    ที่ จ.ศรีสะเกษ ตลอดคืนวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงเช้าวันที่ 17 ธ.ค. สภาพอากาศใน จ.ศรีสะเกษ หนาวเย็นจัด มีลมหนาวพัดกระหน่ำอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เช้าวันนี้ที่บริเวณตลาดนัดจำหน่ายสินค้าราคาถูกที่บริเวณตลาดต้นมะม่วง ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ มีบรรดาประชาชนชาวศรีสะเกษ พากันมาหาซื้อเสื้อผ้ากันหนาวมือสองกันอย่างคึกคัก ทำให้เสื้อผ้ากันหนาวมือสองขายดีมาก สนนราคาตั้งแต่ตัวละ 35 บาทไปจนถึงตัวละ 500 บาท หากเป็นเสื้อผ้ากันหนาวมือสองหนังแท้ จะมีราคาประมาณตัวละ 400-500 บาท

    ด้านน.พ.ประวิ อ่ำพันธุ์ นายแพทย์ สสจ.ศรี สะเกษ กล่าวว่า ขอฝากเตือนประชาชนชาว ศรีสะเกษที่พากันไปหาซื้อเสื้อผ้ากันหนาวมือสองมาสวมใส่ เพื่อป้องกันภัยหนาว ควรที่จะซักหรือต้มเพื่อทำความสะอาดเสื้อผ้ากันหนาวมือสองก่อนที่จะนำเอาไปสวมใส่ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคผิวหนังต่างๆ ที่อาจจะติดมากับเสื้อผ้ากันหนาวมือสอง

    -อุตุฯแจงหนาวฉับพลันในกทม.

    วันเดียวกัน นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงสภาพอากาศที่แปร ปรวน ว่า สภาพอากาศที่เกิดขึ้นไม่ใช่อากาศแปรปรวน แต่เป็นไปตามปกติที่อากาศเย็นจากประเทศจีน ถูกพัดมาปะทะกับอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย จนเกิดฝนตก ส่วนการเกิดอากาศเย็นอย่างฉับพลัน เป็นเพราะมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกพัดเข้ามาแทนที่อากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทย โดยนับตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.เป็นต้นไป อากาศจะเย็นและลดต่ำลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ขณะที่กรุงเทพมหานคร อากาศคงไม่ หนาวเหมือนกับภาคเหนือและอีสาน แต่อากาศจะเย็นเพียงอย่างเดียว จะมีฝนตกบางพื้นที่ โดยหลังจากวันที่ 19 ธ.ค. เป็นต้นไป กรุงเทพฯ ก็จะไม่มีฝน มีเพียงอากาศเย็นอย่างเดียว

    นายสมชาย กล่าวต่อว่า เมื่ออากาศเย็นจากประเทศจีนถูกพัดมาแทนที่อากาศร้อนชื้น ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. เป็นต้นไป ในส่วนของภาคใต้ ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลงมา ฝนจะตกในลักษณะ ประปราย ไม่ตกหนักจนถึงกับท่วมเหมือนเมื่อก่อน และสิ่งที่ต้องระวังในส่วนของภาคใต้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งอ่าวไทย คือการเกิดคลื่นลมแรง เนื่องจากการเกิดมรสุม ซึ่งเรือเล็กเรือใหญ่ที่จะออกเรือ ควรฟังการพยากรณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    มาแล้ว.. หนาวกันทั่วหน้า หนาวในรอบ 30 ปี (รึเปล่า)(deejai)
    สารคามอยู่ติดกาฬสินธุ์ แต่โชคดีที่หนาวน้อยกว่าเยอะ เพราะไม่อยู่ติดเขา และกาฬสินธุ์เขาน้ำเยอะกว่า
    รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ อากาศเปลี่ยนแปลง
     
  8. gentenaar

    gentenaar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +2,320
    ได้อ่านข่าวอากาศหนาวบ้านเราก็ทำให้เป็นห่วงคนแก่และเด็กเล็กๆมาก บ้านเราทั้งปีปกติไม่ต้องมีเสื้อกันหนาวหรือใส่แต่เสื้อผ้าบางๆ พอหนาวมากเป็นพิเศษแบบนี้ ได้แต่ส่งกำลังใจมาให้ทุกท่านนะค่ะ ควรดื่มน้ำ(ชาเขียวก็ดี หรือจะทำซุปอุ่นๆ)พอเพียงด้วยนะค่ะ จากประสบการณ์ตัวเอง อากาศหนาวแล้วร่างกายเราจะต้องสร้างพลังงานมากกว่าเดิมเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ควรใส่เสื้อผ้าหลายๆชั้น เวลานอนหากไม่มีถุงเท้าก็เอาเสื้อผ้าเก่าๆมาพันเท้าก็ได้ เอาผ้าพันคอหลวมๆ มีโลชั่นก็ควรทาด้วยและไม่ควรอาบน้ำบ่อยมากเพราะจะทำให้ผิวยิ่งแห้ง

    ที่ที่ดิฉันอยู่ตอนนี้เหมือนอยู่ในตู้เย็นหรือบางช่วง(สองอาทิตย์มาแล้ว)เหมือนอยู่ในตู้แช่แข็งทั้งวันทั้งคืนเลย อุณหภูมิอยู่ที่ ราวบวก ๑ องศาถึงลบ ๑๐ องศา ตอนกลางคืน ดีที่เมืองนอกเขามีเครื่องทำความอุ่นและเสื้อผ้ากันหนาวทุกคนต้องมีกันอยู่แล้ว แต่ทุกปีก็มีคนล้มตายจากภัยหนาวกันมากเหมือนกัน

    นี่ขนาดว่าผู้รู้ทั้งหลายได้มาเตือนล่วงหน้าแล้ว ส่วนตัวดิฉันแล้วคิดว่าเราควรขอบคุณทางเจ้าหน้าที่เวปและผู้ที่ได้เสียสละเวลามาโพส ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เราได้รับทราบข้อมูล จะเกิดจริงหรือไม่จริงอย่างน้อยเราก็ได้เตรียมตัว ไม่ควรตำหนิผู้ที่ได้มาแบ่งปันข่าวสาร อย่างน้อยพวกเขาก้ได้เสียสละเวลาให้กับเรามาก ดิฉันขออนุโมทนาในความดีของทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย
    ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะค่ะ

    บุญรักษาทุกท่านค่ะ
     
  9. Powernext

    Powernext เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +3,291
    เริ่มเย็นลงบ้างรึยังจ๊ะ (อากาศ/อารมณ์):cool::cool:
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การยับยั้ง"สงครามนิวเคลียร์"ให้หยุดลงเพียงกลางคัน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL (1-2)
    Chayutt สมาชิก (แปลและเรียบเรียง)

    สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ การทำให้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าบรรลุเป้าหมาย เราได้เคยกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า มนุษย์โลกได้มาถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมความรู้ของตนเองด้วยสภาวะของระดับจิตวิญญาณที่มีอยู่ในขณะนี้ได้ มนุษย์ได้มาไกลเกินไปแล้ว เกินกว่าที่จะสามารถเดินต่อไปบนเส้นทางที่กำลังดำเนินอยู่นี้ได้อีก แบบที่มีชีวิตรอดอยู่ แต่มนุษย์ก็มีทางเลือกอิสระเป็นของตนเอง เพราะเหตุนี้มนุษย์จึงได้รับอนุญาตให้เดินมาไกลอย่างนี้ได้ และก็เพราะด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้เดินต่อไปไกลที่สุด

    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้แสดงออกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเองสร้างขึ้นมาด้วยความเข้าใจผิดของมนุษย์เอง มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้พุ่งความเกลียดชังมาสู่มนุษย์ด้วยกันเอง มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้ต้องได้รับความเจ็บปวดเพราะความเกลียดชังที่ต่างฝ่ายต่างก็สร้างมันขึ้นมาเอง ซึ่งสิ่งนี้เองจะนำไปสู่เหตุการณ์สยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ สิ่งนี้จะนำไปสู่ สงครามนิวเคลียร์ ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเพิ่มมากขึ้นไปอีก

    แต่เพราะว่ากฎแห่งพระผู้เป็นเจ้า ไม่อนุญาตให้ผู้ใดรบกวนจักรวาลได้ พวกเราจึงจะไม่ไปรบกวน แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเราจะมาช่วยเหลือมนุษย์ เพราะนอกจากเหตุผลอื่นๆแล้ว พวกเรายังมีเหตุผลที่ว่า มนุษย์เองได้ร้องขอให้พวกเราช่วยเหลือ เพราะว่ามีมนุษย์มากมายบนโลกที่ยินยอมให้พวกเรามาช่วย

    แต่การช่วยเหลือครั้งนี้ ก็จะเกิดขึ้นกับเฉพาะผู้ที่ยินยอมให้พวกเราช่วยเหลือด้วยความสมัครใจเท่านั้น เมื่อความสิ้นหวังมาถึงจุดสูงสุด พวกเราจะลงมาจากอวกาศ ในลักษณะที่จะทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจได้ ชาวโลกจะเห็นพวกเรา ได้ยินเสียงพวกเรา และสัมผัสพวกเราได้

    พวกเราจะหยุดสงคราม(นิวเคลียร์) ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เร็วดุจสายฟ้าฟาด มันจะเกิดขึ้นเร็วมากแค่วินาทีเดียว

    แล้วต่อจากนั้นพวกเราก็จะอพยพชาวโลก ที่เหลือรอดชีวิตอยู่บนโลกขึ้นไปอยู่ในยานอวกาศขนาดใหญ่ ที่ลอยประจำการอยู่ในภารกิจนี้จำนวนมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างในปฏิบัติการครั้งนี้ได้ถูกคำนวณและถูกวางแผนมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

    หลังจากการอพยพ โลกก็จะเริ่มกลับหัวลง ตอนนั้นโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง พืนผิวโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงด้วย ชาวโลกจะจดจำสภาพของโลกของตนเองไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาจะทำได้แค่ต้องสร้างโลกใหม่เท่านั้น การกลับหัวของโลกจะเสร็จสิ้นภายในวินาทีเดียว มันรวดเร็วอย่างนั้นเลยหละ ประดุจฟ้าแลบ

    เมื่อการกลับหัวของโลกเสร็จสิ้นลงแล้ว มันก็จะชำระสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาทั้งหลายที่มนุษย์โลกเป็นผู้ยัดเยียดให้กับมันออกไปจนสะอาด เพื่อให้มีสภาวะที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย แล้วจากนั้นสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็จะถูกนำกลับลงมายังโลกใหม่อีกครั้ง พืชพันธุ์ต่างๆก็จะงอกในไม่ช้า สรรพสัตว์และนกต่างๆก็จะปรากฏขึ้นมาใหม่ และมนุษย์โลกก็จะได้รับความช่วยเหลือครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ในการสร้างโลกขึ้นมาใหม่

    ภายในระยะ 6 เดือน งานซ่อมแซมส่วนใหญ่จะเสร็จสิ้น จนเพียงพอและเหมาะสมที่จะใช้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์โลกได้แล้ว ในวิถีใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

    ในขณะเดียวกันมนุษย์จะได้รับอนุญาต ให้ท่องอวกาศได้และจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองยังไม่รู้ในปัจจุบันนี้ และมนุษย์จะได้รับสิ่งของต่างๆจาก”ภายนอกโลก”ที่มนุษย์ทุกวันนี้ยากที่จะเชื่อว่ามีตัวตนอยู่จริง การกลับลงมาจากยานอวกาศของมนุษย์โลก

    มนุษย์จะเลือกตั้งถิ่นฐานในที่ๆตนเองพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆในโลกก็ตาม ไม่ว่าในปัจจุบันนี้จะเคยอยู่ตรงจุดไหนบนโลกนี้ก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนแปลงจนแตกต่างจากเดิมไปหมด หรือไม่ว่าจะอ้างอิงด้วยเส้นรุ้งและเส้นแวงก็ตาม ในเวลานั้นมันก็จะไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว

    สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์โลกแต่ละคนต่างหากดังนั้น พวกท่านจะได้เห็นว่า สถานที่บนโลกที่ท่านจะได้กลับลงมาอยู่มันช่างมีความสำคัญน้อยนิดเหลือเกิน เพราะมันใหม่ไปซะทุกอย่าง

    ***************************************************

    โอ้..พระเจ้าช่วยกล้วยทอด !

    อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว....ก็อดนึกถึงข้อมูลที่น้องเมย์ไปสัมภาษณ์อาจารย์ที่ทำงานอยู่ใน NASA มาไม่ได้..เพราะว่ามีกล่าวถึงเรื่อง "โลกกลับหัว" เหมือนกันเลย อีกทั้งเรื่องนี้อาจารย์ปริญญา ก็ได้พูดไว้ด้วยเหมือนกัน และพอรู้ว่าจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ด้วยนี่..ก็อดนึกถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำไม่ได้ เพราะท่านพยากรณ์เอาไว้หมดแล้ว..

    อะไรมันจะเข้าแก็บกันได้พอดีขนาดนี้นะเนี่ย..ใครที่ยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องภัยพิบัติโลก..ก็ลองเก็บเอาไปคิดเป็นการบ้านดูซะนะครับ -chayutt-<!-- google_ad_section_end -->

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->tossapornk<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2253014", true); </SCRIPT> สมาชิก

    NASA denied the information that there will be the pole-shift by the effect of Planet X. And the Planet X is still invisible. !!!!

    We should believe NASA or Thai Scientist who is used to work with NASA.

    12-07-2009, 08:08 AM

    ที่มา
    การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สิ่งที่เกิดคือโลกจะหยุดหมุน 1 กึ๊ก
    โดยลุงคนเชียงใหม่(ตอนนี้บวชเป็นพระอยู่ครับ)

    [​IMG]

    หลายคนไม่เชื่อและไม่เข้าใจว่า ทำไมมีคนพยายามบอกว่าน้ำจะท่วมโลก หลายคนหัวเราะท้องแข็ง ว่ามันจะเอาน้ำมาจากใหนตั้งเยอะแยะ ถึงได้ท่วมได้ต่อให้นำแข็งละลายหมดโลก ก็อย่างมากก็คงจะค่อยๆ ท่วมแล้วมันจะอันตรายตรงไหนวะอย่างมากก็อยู่เรือนแพ (มีเวลาเสมอภาคกันระหว่าง คนรวยกับคนจน คือหมดตัวเหมือนกัน)

    แต่ลองมองข้อมูลตรงนี้แล้ว เปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นนะครับทุกวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นมากมายคือ เขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่จะมีนำท่วมขัง อยู่เป็นจำนวนมากมายหลายล้านล้านตัน มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โลกต้องใช้การไหลของดินชะของน้ำ เพื่อให้เกิดแบบสมดุลของมวลดินมวลน้ำตั้งหลายร้อยหลายล้านปีและค่อยๆเกิด จนโลกปรับการหมุนได้ ในระยะที่ผ่านมาโลกปรับตัวโดยการให้น้ำไหล ไปยังจุดที่สมดุลย์ไม่กวัดแกว่งจนเสียศูนย์ (แต่อีกประมาณ ไม่เกิน 2 ปี เขื่อนลำน้ำโขงของจีน และเขื่อนกั้นแม่น้ำแยงซีเกียง ของจีนก็จะเป็นเขื่อนเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำ ใหญ่มากที่สุดในโลก)

    การเสียศูนย์สมดุลย์ของโลก ในทุกมิติมีอย่างต่อเนื่องที่สำคัญคือด้านจิต คนที่สามารถฝึกจิตถึงระดับหนึ่ง เมื่อก้มลงแล้วลองกำหนดจิตลงมายังพื้นโลกจะสัมผัสกับดวงจิตที่ดำทะมึน รวมกันจากก้อนเล็กๆจำนวนมาก ภาพของสังคมที่เปลี่ยนไป จากจิตที่เต็มไปด้วยความ โลภ โกรธ หลง ที่มีพลังรุนแรงมากขึ้นคนจะทำชั่วง่ายขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ​

    ***ล้อรถที่ถ่วงเพี้ยนไปไม่กี่กรัม ยังแกว่งตุปัดตุเป๋ ดังนั้นน้ำจำนวนขนาดที่หลายคนคิดว่าไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนมวลของโลก แต่อย่าลืมว่าล้อยางกับเหล็กถ่วงล้อรถ เทียบกันไม่ได้แต่มีผลมากมายกับระบบ***
    ..............................................................................
    เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากการปรับตัวของโลก
    ..............................................................................​

    สังเกตุนะความไม่สมดุลย์ก่อให้เกิด แผ่นดินไหว อย่างต่อเนื่องโลกพยายามปรับตัว แต่ไม่ได้ผลครับ ทำให้เกิดการสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง แล้วถึงจุดหนึ่งก็ต้อง reset ตัวเองหรือทั้งระบบ 1 ครั้งคือ จนต้องหยุดหมุนหรือเปลี่ยนองศาการหมุน สิ่งที่เกิดคือโลกจะหยุดหมุน 1 กึ๊ก หลายตนคิดว่าคงไม่เป็นไร แต่ผลกระทบคือมวลน้ำทะเลที่ไหลตามความเร็วโลกนั้น ในยามที่โลกหยุดหมุน (แบบหยุดกึ๊กเลย แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงและภูเขาไฟระเบิด ก้อนหินที่ทวีปตั้งวางอยู่ ที่เกิดการบดอัดกันของก้อนหินใหญ่ๆอย่างรุนแรง) หลังจากนั้น

    **************************************************
    เหตุการณ์ ดอกที่ 1

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโลกหยุด (แผ่นดินที่เป็นของแข็งหยุด แต่น้ำทะเลกลับไม่ยอมหยุด ยังคงเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเท่าเดิม) ด้วยจำนวนการเคลื่อนที่มีเร็วเท่ากับการหมุนของโลกก่อนหยุดหมุน ทำให้น้ำทะเลกวาด (พูดเฉพาะประเทศไทยนะที่อื่นไม่ทราบ) ภาคใต้ทั้งหมด ภาคกลาง..........น้ำจากทะเลอันดามัน จะขึ้นฝั่งแถวเมาะตะมะของประเทศพม่า น้ำในอ่าวไทย.........จะถล่มเขมร ขึ้นฝั่งแบบเกือบหมดอ่าว

    เหตุการณ์ดอกที่ 2

    หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง เมื่อโลกปรับสมดุลย์ได้แล้ว น้ำก็เริ่มไหลตามความลาดชั้นของพื้นที่ ทำให้สิ่งก่อสร้างที่ทนการกวาด ในแนวจากตะวันตกสู่ตะวันออก ต้องพังลงจากน้ำที่ไหลจากเหนือลงใต้อีกระลอกหนึ่ง และภาคใต้ ก็จะถูกวาดอีกครั้งกับคลื่นยักษ์ หลังจากน้ำทะเลจะถูกปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลย์จะเหลือคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง และที่เหลือส่วนใหญ่ก็จะตายจากไปด้วยการอดน้ำ

    **************************************************
    ลุงลำดับเหตุการณ์ให้ฟังก็แล้วกัน เพื่อจะได้เตรียมตัวถูก(ไม่ต้องเชื่อ)

    1. เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง เหมือนล้อรถที่เสียสมดุลย์แกว่งอย่างน่ากลัว เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟที่ดับไปแล้วจะถูกอัดบดให้เกิดระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง

    2. โลกพยายามปรับสมดุลย์โดยอาศัยน้ำทะเลเป็นตัวช่วยจัดความสมดุลย์
    แต่ทำไม่มากนัก

    3.โลกหยุดกึ๊กหนึ่ง (เหตุการณ์ ที่สังเกตุได้คนจะล้มทั้งยืน ตึกอาคารจะพังเกลื่อนอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน)

    เสียงเตือนเหมือนวัวยักษ์ครางอือๆ อยู่ระงม ถึงตอนนี้ให้รีบหนีขึ้นที่สูงหรือภูเขาที่ไกล้ที่สุด ขอให้คนที่เตรียมพร้อมแล้ว อย่าเสียดายของที่พังลงไปแล้วขอให้เดินทางขึ้นเหนือให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้ถนนหนทางยังพอเดินทางได้ ให้ไปไกล้ตอนเหนือของประเทศให้มากที่สุด

    หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง ก็จะมีเสียงดังเหมือนพายุใหญ่ทั้งเมืองจะได้ยินพร้อมกัน ภาพน้ำก็จะข้ามภูเขามาถล่มเมือง เพื่อกวาดทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจมอยู่ใต้น้ำที่ไหลกรากอย่างรวดเร็ว ด้วยจำนวนน้ำจำนวนมหาศาล

    4.หลังจากนั้น น้ำก็เริ่มไหลย้อนกลับ ไปตามความลาดชัน ทำให้สิ่งก่อสร้างทั้งหลายถูกกวาดหายไปกับสายน้ำ

    5.หลังจากวันนั้น ผู้ที่ยังรอดอยู่จะต้องเดินไปสุดแสนไกล เพื่อแสวงหาน้ำจืดเพื่อจะได้นำมาดื่ม

    คนที่รอด เริ่มเจอซากศพของคนตายเกลื่อนเมือง ความหิวกระหาย หนาวเย็นเริ่มทำให้คนแก่งแย่งอาหาร เครื่องนุ่งห่มกัน คนเสียสติจากการพบเห็นซากศพ และความสูญเสียเต็มทางเดิน ที่คนที่เป็นผู้รอดผ่านไป
    .............................................................................

    *** เตรียมตัวนะครับลูกๆหลานๆ****

    การเดินทางของผู้รอด จากระยะที่ 1

    1.ต้องขึ้นเหนือให้เร็วที่สุด ถนนหนทางที่เคยมีจะไม่สามารถใช้ได้ (เข็มทิศจะมีประโยชน์ตอนนี้เอง) สิ่งที่เราเคยจดจำเพื่อเป็นจุดสังเกตุในการเดินทาง จากการถูกกวาดของน้ำจำนวนมหาศาล ผู้อยู่ไกลจะไปไม่ถึง เพราะน้ำดื่มจะหมดระหว่างทางและคนเจ็บ คนเสียสติ โจรจะแก่งแย่งอาหารกัน(ดังนั้นขอให้ตัดสินใจเดินทางหลังจากเกิดแผ่นดินไหวทันที ดีที่สุดคือรถมอเตอร์ไซต์จะไปได้ไกลที่สุด)

    2. ลุงฝากถึงทุกคนที่จะต้องเดินทาง ถ้าไม่แน่ใจจะไปทางไหนขอให้ใช้จุดสังเกตุที่ตรงไป คือควันที่ลอยไปถึงขอบฟ้า (น่าจะเป็นควันที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดแถวภาคเหนือตอนล่าง)

    3. ลุงจะส่งวิทยุคลื่นสั้น(วิทยุสื่สารระบบ VHF) สำหรับติดต่อทุกคนที่กำลังมีการจัดเตรียมจุดทวนสัญญานอยู่ไว้เป็นเครื่องมือนำทางสำหรับทุกคน...........(หลานของคุณลุงคงจะมาทำแทนในเรื่องนี้เพราะคุณลุงบวชเป็นพระไปแล้ว)

    *****มีเวลาเตรียมตัว อีกไม่นานนัก******

    แตยังพอมีเวลานะ เพียงแต่เริ่มก็พอมีความหวัง ลุงไม่กล้ากล่าวเอ่ยถึงนิมิตมาก เพราะคนที่มีระดับจิตสูงกว่าลุง มีมากมายเพียงแต่ลุงเน้นฝึกอนาคตังญานเป็นหลัก ในระยะที่ผ่านมาหรือญานในส่วนอื่นๆ อ่านจะอ่อนด้อยลงไป

    *************************************************
    ขอบารมีแห่งธรรมโปรดตัดรอน กรรมที่เบียดบังความเห็นชอบของท่าน

    *************************************************
    ส่วนใหญ่ที่นำมา post ในเว็บบอร์ดพลังจิต คือเกิดจากนิมิตของลุงเอง นำมารวมกับคำพยากรณ์และบอกเล่าของครูบาอาจารย์ เพราะลุงเองเห็นเหตุการณ์เป็นเพียงบางจุดเท่านั้นเอง

    ไม่ต้องเชื่อหรอกครับ ยิ่งคนที่ไม่เคยฝึกทางจิตจนสามารถสัมผัสกับโลกในมิติอื่นๆได้ยิ่งไม่เข้าใจ และยิ่งอธิบายก็คงเหมือนเล่าให้คนในป่าฟังเรื่องรถไฟฟ้าใต้ดิน เขาไม่เข้าใจหรอกครับ เพราะในความรู้สึกของเขาอย่างมากก็มีพวกใส้เดือน จิ้งหรีดเท่านั้นเองที่อยู่ใต้ดิน อย่าไปพยายามทำความเข้าใจเลยครับเหนื่อยเปล่า แต่เชื่อว่าคนในเว็บพลังจิตส่วนใหญ่จะเข้าใจ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/คนไม่เข้าใจ-ว่าน้ำมาจากไหนกัน-ถึงท่วมโลกได้.65310/<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โลกจะหยุดหมุนหนึ่งวินาที
    (สาส์นจากมนุษย์ต่างดาวถึงมนุษยชาติ)
    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2240206", true); </SCRIPT> สมาชิก (แปลและเรียบเรียง)
    อะไรกำลังจะเกิดขึ้น?

    ที่โรงเรียนแห่งจิตวิญญาณ Borup แห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่จะทำให้เข้าใจว่าอะไรกำลังจะเกิดกับมนุษยชาติ เพื่อที่จะทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจว่าสาเหตุของเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นจากอะไร และจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้อย่างไร สาเหตุของเหตุการณ์ที่ว่านี้ คงจะเรียกว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่ได้ในช่วงแรกๆ เพราะว่ามนุษย์ยังไม่เข้าใจกฎแห่งชีวิต แต่เหตุการณ์นี้มันจะจบลงเมื่อถึงวันแห่งการกลับมาครั้งที่สองของเรา (My Second Coming)​

    เราได้กล่าวแล้วว่า เราคือชีวิตและสัจธรรม และเราก็ได้กล่าวแล้วว่า ใครก็ตามที่ตามเรามาจะไปถึงพระผู้เป็นเจ้า หนทางสู่พระผู้เป็นเจ้าของมนุษย์คือโดยผ่านเรา เรื่องนี้เราได้สอนเอาไว้แล้ว และเราอยากให้พวกท่านเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ ผู้ใดที่ค้นหาเรา ผู้ใดที่พยายามค้นหาสัจธรรมของชีวิตโดยการฟังเสียงที่เราพร่ำสอนเอาไว้ ก็จะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากกว่า​

    ตอนนี้เราจะกลับมาหามนุษย์โลกอีกครั้งด้วยตัวเราเอง ด้วยกายเนื้อที่สมบูรณ์และกองทัพสวรรค์ดั่งที่ได้กล่าวเอาไว้นานแล้ว และเมื่อนั้นดาวเคราะห์โลก (จิตสำนึกของโลกและของชาวโลก) ก็จะถูกยกระดับสูงขึ้น ดังนั้นพวกเขาก็จะเข้าใจพระผู้เป็นเจ้าและความเป็นพระผู้เป็นเจ้าได้ดีขึ้น เพราะว่าตอนนี้พวกเราได้เข้ามาใกล้กันมากขึ้นแล้ว ​

    เพราะว่าเรากำลังมาหาพวกท่าน พวกท่านจะสามารถเข้าใจในพระผู้เป็นเจ้าได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เข้าใจว่าพระองค์คืออะไร และพระองค์หมายถึงอะไร มีชาวโลกมากมายที่ยังไม่เข้าใจว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง พวกเขามีลางสังหรณ์ พวกเขารู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ลางสังหรณ์ที่เรากล่าวถึงหมายถึง สิ่งที่ผู้คนจำนวนมากมายรู้ไม่ค่อยชัดเจนว่าสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น​

    มันกำลังจะส่งผลร้ายอะไรมาสู่ตนเอง ส่วนคำว่ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าที่เรากล่าวถึง หมายถึง ผู้ที่รู้ตัวเองว่า พวกเขาได้ทำอะไรลงไป และมันจะส่งผลกระทบอะไรต่อพวกเขาและคนอื่นๆมนุษย์ควรจะได้รับอนุญาตให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสรเสรีอย่างแท้จริง และมนุษย์ก็จะได้รับอนุญาตให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสรเสรีอย่างแท้จริง ​

    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้สามารถสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาก็ได้ตราบเท่าที่ใจของมนุษย์สามารถจินตนาการสร้างมันขึ้นมาได้ เพราะว่าใครก็ตามที่สามารถจินตนาการอะไรขึ้นมาในใจของตนเองได้ ไม่ช้าไม่นานสิ่งนั้นมันก็จะกลายเป็นจริง ไม่มีอะไรที่มนุษย์สามารถคิดมันขึ้นมาได้แล้ว มันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาไม่ได้​

    อะไรก็ตามที่ใจสามารถสร้างสรรค์มันขึ้นมาได้ มันก็จะสามารถถูกสร้างขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริงได้เช่นเดียวกัน มันเป็นพลังแห่งความคิด ซึ่งเป็นพลังแห่งการสรรค์สร้างที่แท้จริง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกท่านคงพร้อมที่จะเข้าใจแล้วว่า สิ่งต่างๆมันถูกสร้างขึ้นมาจากผู้ที่ไปถึงจุดแห่งความเจริญ ที่ไกลกว่ามนุษย์โลกมากแล้วนั้นได้อย่างไร ทำไมผู้ที่ผ่านบทเรียนแห่งชีวิตมามากกว่ามนุษย์โลก จึงประสบความสำเร็จในศาสตร์ต่างๆมากกว่ามนุษย์โลกเป็นไหนๆ​

    เราได้สอนพวกท่านเกี่ยวกับกฎแห่งการจัดลำดับแล้วด้วย และพวกท่านก็มีความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว พืชพันธุ์ทั้งหลายก็มีระดับของการจัดลำดับของมันเอง สรรพสัตว์ทั้งหลายก็มีของตัวเอง มนุษย์ก็มีของมนุษย์เอง การจัดลำดับเหล่านี้ขยายลึกลงไปถึงระดับจักรวาล และไปถึงรูปธรรมทรงภูมิปัญญาทั้งหลาย ที่มีระดับภูมิปัญญาสูงส่งเกินกว่าที่มนุษย์โลกจะใช้มาตรฐานใดๆที่ตัวเองมีอยู่ในปัจจุบันนี้มาประเมินได้​

    เราได้กล่าวไปแล้วว่า มีดวงดาวหลายล้านดวงที่เตรียมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือโลก และต้องเข้าใจว่าตอนนี้ดาวเคราะห์โลกกำลังจะยกระดับขึ้นสู่สภาวะของจิตสำนึกที่สูงขึ้น จิตสำนึกของดาวเคราะห์โลกใบนี้กำลังจะถูกยกระดับให้สูงขึ้น สิ่งนี้เราได้เคยสอนพวกท่านแล้ว และเรายังได้เคยกล่าวแล้วด้วยว่ากาแล็กซี่ทั้งกาแล็กซี่นี้กำลังจะถูกยกระดับขึ้น นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมดวงดาวหลายล้านดวงจึงกำลังเตรียมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในเหตุการณ์นี้​

    ดวงดาวหลายๆดวงในจำนวนที่กล่าวถึงนี้ อาจจะมาช่วยเหลือโลกโดยตรง ในสถานการณ์แห่งความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น ความเจ็บปวดที่มนุษย์โลกได้ร่ำร้องขอให้พระเจ้าลงโทษตัวเองมานานแล้ว สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ที่ได้ตั้งขึ้น และได้เขียนถึงสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นนี้ และหากพวกท่านจะคิดตามเราสักเล็กน้อย พวกท่านก็จะเข้าใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับปฏิบัติการครั้งยิ่งใหญ่ ที่เรียกว่า “การกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์” (The Second Coming of Christ)​

    [​IMG]

    เราได้กล่าวไปแล้วว่าโลกจะหยุดหมุนหนึ่งวินาที และโลกก็จะหยุดหมุนหนึ่งวินาที จากนั้นมันก็จะหมุนต่อไป จากนั้นโลกก็จะคว่ำหัวลงแบบง่ายๆ ซึ่งนั่นก็จะทำให้ด้านต่างๆของโลกเปลี่ยนสลับกันไปโดยสิ้นเชิง และเราก็ได้กล่าวไปแล้วด้วยว่า ในขณะที่เหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้น ชาวโลกจำนวนมากมาย จะถูกอพยพขึ้นไปอยู่บนยานอวกาศขนาดใหญ่จำนวนมากมาย ซึ่งท่านก็รู้ถึงขนาดความมหึมาของยานเหล่านี้แล้ว

    แต่เราอยากจะเตือนความจำพวกท่านด้วยว่า เมื่อมนุษย์โลกกลับลงมายังโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง มันจะเหลือแต่ความว่างเปล่า และความแห้งแล้ง ปราศจากพืชพันธุ์ ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทำอะไรได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ ตอนนี้เราอยากจะให้พวกท่านคิดและจินตนาการถึงเสบียงอาหารจำนวนมหาศาลที่ถูกจัดเก็บไว้รอพวกท่านอยู่แล้ว เสบียงอาหารเหล่านี้มีปริมาณเพียงพอสำหรับชาวโลกที่จะกลับลงมาบนโลก ที่จะกินได้ไปเป็นปี

    ตอนนี้ท่านคงรู้แล้วว่าทำไมเราถึงเรียกสิ่งนี้ว่า “สาส์นแห่งควาสุข”(Message of Joy) ที่มันเป็นสาส์นแห่งความสุข ก็เพราะว่ามันมีความช่วยเหลือขนาดมหึมาที่จะมาถึง ความช่วยเหลือนี้จะมาถึงได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์โลกรู้จักที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสันติและปรองดองกัน และใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับกฎของพระผู้เป็นเจ้า โดยการเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็จะไม่มีสัตว์หรือมนุษย์คนใดที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะบาดแผลอีกต่อไป​

    เพื่อเป็นการยกระดับจิตวิญญาณของมนุษย์โลกขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น จำเป็นจะต้องมีโรงเรียนสอนด้านจิตวิญญาณให้ เพื่อให้มีการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณอย่างเต็มที่ จิตสำนึกของมนุษยชาติต้องก้าวกระโดดไปสู่ความเข้าใจแบบใหม่อย่างอย่างสิ้นเชิง มันต้องเป็นไปในรูปแบบของการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณอย่างกะทันหัน ซึ่งการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณนี้ จะนำไปสู่การก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของวิทยาศาสตร์โลก ซึ่งหมายถึงมนุษย์โลกจะบรรลุเป้าหมายทางความรู้ครั้งยิ่งใหญ่ ​

    เราสามารถกล่าวได้เลยว่า ความก้าวหน้าที่ว่านี้ อย่างน้อยๆ ก็ก้าวไกลเกินกว่าจินตนาการที่ไกลที่สุดของมนุษย์โลกในปัจจุบัน ที่จะสามารถจินตนาการไปถึงได้เลยทีเดียว เราได้ให้สัญญาเอาไว้แล้วว่า ในการกลับมาครั้งที่สองของเรานี้ มนุษย์จะไม่รู้จักการตาย และหลายๆคนอาจจะพูดว่า มันเป็นไปไม่ได้ ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ชั่วกาลนาน เราขอให้พวกท่านคิดตามเราอีกครั้งหนึ่ง แล้วท่านก็จะเข้าใจว่ามันเป็นไปได้​

    ร่างกายของมนุษย์โลกสามารถซ่อมแซมตัวมันเองได้ เซลล์ใหม่ๆจะถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเก่าๆที่ตายไปแล้วตลอดเวลา เซลเม็ดเลือดใหม่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเม็ดเลือดเก่าด้วยตัวมันเอง ประดุจว่าเป็นร่างกายใหม่ (เพราะว่าเซลเก่าทั้งหมดตายไปแล้ว จึงเหลือแต่เซลใหม่ จึงเหมือนเป็นร่างกายใหม่แล้ว – Chayutt )​

    แต่ว่า การแก่ เกิดขึ้นได้เพราะมนุษย์ไม่ได้เข้าใจถึงวิถีแห่งชีวิตและกฎแห่งชีวิต ด้วยเหตุนี้ เมื่อเซลร่างกายถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนที่เซลเก่าแล้ว ได้รับผลกระทบจากการแสดงออก และการกระทำที่ผิดต่อผู้อื่นของมนุษย์เอง และการกระทำผิดต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย มันจึงทำให้เกิดความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น เพราะว่ามนุษย์โลกทำผิดกฎข้อที่ร้ายแรงที่สุดข้อนี้ไป​

    หากมนุษย์หยุดรับประทานเนื้อสัตว์เมื่อใด เซลร่างกายของมนุษย์จะซ่อมแซมตัวเองในวิถีทางใหม่ ที่แตกต่างไปจากที่ในขณะรับประทานเนื้อสัตว์ เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะได้รับความรู้ใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสินเชิง เกี่ยวกับโครงสร้างและส่วนประกอบภายในเซลร่างกายของมนุษย์เอง และมนุษย์จะรู้อย่างชัดเจนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกซ่อมแซมทางเคมีขึ้นมาใหม่อย่างไร ​

    ดังนั้น มนุษย์ผู้นั้นก็จะสามารถสร้างเซลร่างกายใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ง่ายๆด้วยวิธีดังกล่าวนี้ บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์การแพทย์บริสุทธิ์ ซึ่งมนุษย์ผู้นั้นจะยังความอ่อนเยาว์และสดชื่นตลอดเวลา และนี่จึงเป็นสาเหตุว่าบางคนดูราวกับว่าอายุ 20 กว่าๆทั้งๆที่อายุจริง 800 – 900 ปี หรือแม้แต่แก่กว่านั้นแล้วก็ตาม​

    นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรากล้ายืนยันกับพวกท่านว่า หลังจากวันนั้นแล้ว จะปราศจากซึ่งความตาย จะไม่มีการตายทางกายภาพเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้วหลังจากวันนั้น มันขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของพวกท่านเอง ที่จะเข้าใจเรื่องนี้ เพราะเหตุนี้ เราจึงกำลังจะบอกกับท่านเรื่องนี้​

    ความรู้ใหม่อันนี้ จะเผยตัวมันเองออกมาในหลายๆแง่มุม การแก่ของอายุที่เรากล่าวถึงนี้ มันเริ่มต้นจากความคิดของผู้นั้นเอง จากนั้นมันจึงออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อพลังแห่งความปรารถนาและความคิดก่อตัวขึ้นอย่างมหาศาล และเมื่อผู้นั้นได้ควบคุมพลังแห่งความปรารถนา และความคิดนั้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผู้นั้นก็จะสามารถบังคับให้เกิดการกระทำและสิ่งต่างๆได้เองโดยลำพัง โดยอาศัยแรงแห่งความคิดและความปรารถนาของผู้นั้นเอง นี่คือสิ่งที่มนุษย์โลกทุกวันนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจ​

     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    " ปีมะโรง คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน "
    อาจเป็นเพราะแรงโน้มถ่วงของโลกเสียสมดุล เนื่องจากโลกพลิกกลับหัว?

    [​IMG]
    ภาพ พระอาจารย์รัตน์ แห่งสมาธิหมุน

    คืนหนึ่งภายหลังจากการฝึกสมาธิหมุนจบสิ้นลง หลวงพ่อมักจะเปิดโอกาสให้ถามคำถามต่าง ๆ ที่ผู้มาฝึกเกิดสงสัยขึ้น หากไม่มีคำถามหลวงพ่อก็มักจะเล่าประสบการณ์ของท่านให้ฟังกัน คืนนั้นท่านพูดถึงการขึ้นไปเผยแพร่ธรรมะบนดอยของท่าน รวมไปถึงการประกอบพิธีสมโภชพระธาตุที่สร้างขึ้นบนดอย ซึ่งขณะที่กำลังบรรจุพระธาตุเข้าองค์เจดีย์นั้น ฟ้าที่ขมุกขมัวก็เปิดเป็นแสงสว่างจ้าส่องลงมาเป็นลำ สร้างความแปลกใจแก่คนที่อยู่ในพิธี หลวงพ่อบอกว่า ท่านถึงกับขนลุก ซึ่งผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ยังอดแปลกใจไม่ได้

    จากนั้นท่านเล่าว่า ขณะที่ท่านจะแผ่เมตตานั้น ท่านไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะว่าวิญญาณบนดอยไม่ยอมรับการแผ่เมตตานั้น เนื่องจากถึง เวลาที่พวกเขาจะได้ลงมาเกิดแล้ว ท่านได้อธิบายต่ออย่างละเอียดว่า แต่เดิมชาวเขาไม่ได้อยู่บนดอย แต่อยู่ในที่ลุ่มเป็นเจ้าแผ่นดินเดิม พระของพวกเขาจะกินเจคล้าย ๆ กับพระจีน แต่เมื่อพุทธศาสนาลังกาวงศ์เข้ามาสู่ประเทศไทยสมัยสุโขทัย พระของลัทธิลังกาวงศ์นั้น ฉันเนื้อได้ และมีลักษณะเหมือนพระในปัจจุบัน พวกเจ้าถิ่นเดิมก็ถูกทำลายล้าง จนต้องหนีขึ้นไปอยู่บนดอยนับตั้งแต่นั้นจนเหลือชาวเขา ในปัจจุบัน ซึ่งบัดนี้วิญญาณที่ถูกทำลายล้างไปนั้น ได้เวลาที่จะกลับลงมาแล้ว พวกเขาจึงไม่ยอมรับการแผ่เมตตาที่ได้แผ่ไปให้

    " มันเป็นกรรมของพวกเขา เคยทำอย่างไรกับพวกเขาก็จะต้องโดนกลับคืนบ้าง อีกหน่อยพระทั้งหลายจะต้องถูกยึดเงินจนหมด และก็ไม่สามารถอยู่ในสภาพพระเช่นนี้ได้ เมื่อเรื่องพระหมดไปหลังจากนั้นอีกประมาณปีครึ่งก็จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 "

    ผมถึงกับตะลึงที่ท่านพูดถึงเรื่องนี้ออกมาโดยไม่มีใครถามท่านเลย และเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินกับหูที่ท่านได้พูดถึงเรื่องอนาคต ท่านบอกว่า จริง ๆ แล้วไม่ค่อยอยากเล่านัก เพราะจะทำให้คนตื่นกลัวกัน แต่ที่ท่านเล่าให้ฟังก็เพื่อไม่ให้พวกเราประมาท และเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นนั้นอยู่ในวิสัยของท่านที่จะรู้ได้

    " โยมก็จำเอาไว้เล่น ๆ ก็แล้วกัน ถ้าหากเหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้นก็จะนึกได้ว่า อ๋อ หลวงพ่อเคยพูดไว้ "

    ท่านกล่าวอย่างติดตลก ในคืนถัดมาเมื่อผมได้มีโอกาสซักถามกับท่านโดยตรง ท่านได้เล่าเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน มีการระบุถึงบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย แต่ผมคงจะขอข้ามส่วนนี้ไป เพราะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยเกินไป และโดยส่วนตัวแล้ว ผมสนใจในภาพรวมที่จะเกิดขึ้นมากกว่า

    " ถ้าเกิดสงครามโลกแล้วเราจะทำอย่างไรดีครับ ? " มีคนถามขึ้น

    " ไม่ต้องกลัวหรอกโยม " ท่านตอบ

    แต่แทนที่คำตอบของท่านจะทำให้หายกลัว สำหรับผมแล้วกลับตะลึงหนักเข้าไปอีก เพราะท่านได้พูดต่อว่า

    " ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้อยู่ทันดูสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเปล่า "

    หลายคนอาจดีใจว่า สงครามโลกอาจจะใช้เวลาอีกนานกว่าจะเกิดซึ่งตัวเองก็คงตายไปเสียก่อนอะไรทำนองนั้น แต่ในความคิดของผม คนเราอาจมีสิทธิ์ตายจากภัยพิบัติอย่างอื่นได้ก่อนเกิดสงคราม ซึ่งหลังจากนั้นหลวงพ่อได้เล่าต่อไปว่า การใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลืองจะทำให้ ธาตุต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นโลกแปรปรวนในแกนกลางของโลกซึ่งเอียงอยู่ประมาณ 23 องศาครึ่ง จะมีมโนธาตุมากขึ้น คือมันจะกลวง และเบาขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันจะพลิกตัวลงอย่างกระทันหัน (หลวงพ่อทำมือให้ดู)

    "ทำให้เกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรงแก่มนุษย์ทั้งหลาย คนจะลอยเคว้งคว้างไปทั่ว บ้างหาที่เกาะแต่ไม่อยู่"

    [​IMG]

    คนที่จะรอดได้ก็คือคนที่สามารถตัด " จิตใจ " ออกจากร่างกายที่เจ็บปวดได้เท่านั้น (ท่านยกตัวอย่างคนที่ถูกผ่าตัดแล้วไม่เจ็บ) และท่านยังบอกว่าการทดลองนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส จะทำให้เหตุการณ์นั้นเกิดเร็วยิ่งขึ้น ผมไม่แน่ใจว่าที่ท่านบอกว่าแกนโลกจะพลิกนั้นเป็นอย่างเดียว ' Pole Shift ' หรือเปล่า ?

    หลวงพ่อท่านกล่าวต่ออีกว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะมากขึ้น อากาศแปรปรวน แผ่นดินไหว น้ำท่วมจะรุนแรงขึ้นตามลำดับ (จากกรุงเทพ ฯ ถึงนครสวรรค์จะจมน้ำหมด และศูนย์กลางจะย้ายมาอยู่ที่ลำพูน)

    สำหรับสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น ท่านบอกว่าอาวุธนิวเคลียร์จะไม่น่ากลัวเท่า " อาวุธแสง " ซึ่งขณะนี้นักวิทยาศาสตร์สหรัฐที่ได้รับรางวัล โนเบลในปี ค.ศ. 1995 ได้ค้นพบอนุภาคที่เป็นต้นกำเนิดของอาวุธแสงแล้ว เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่ามันสามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้เท่านั้นเอง ซึ่งอนุภาคตัวนี้หลวงพ่อท่านบอกว่าเป็นตัวที่ทำให้แรงชนิดที่ 6 (พระพุทธเจ้าบอกไว้ว่าแรงมี 7 ชนิด) ซึงสามารถทะลุทะลวงผ่านทุกสิ่งไปได้ ตัวอนุภาคนี้เองที่เป็นตัวเดียวกับที่หลวงพ่อเรียกว่า "เส้นแสง" ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของจักรวาล

    ท่านยังให้ข้อสังเกตว่า 1 ปีก่อนเกิดสงครามโลก คนสามารถขึ้นไปสร้างบ้านเรือนอยู่บนอวกาศและสามารถทำกลางคืนให้เป็นกลางวันได้ คู่สงครามที่จะเกิดในครั้งนี้คือเอเชีย (จีน ?) กับยุโรป การทำลายล้างนั้นจะใช้อาวุธแสงยิงมาจากอวกาศ ไล่ยิงกันเป็นแนวไปสิ้นสุดที่พีรามิด บรรยากาศหลังจากที่หลวงพ่อพูดจบ มันเงียบอย่างบอกไม่ถูก จนหลวงพ่อต้องถามขึ้นว่า

    " ใครอยากช่วยไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้ (ภัยธรรมชาติ) เกิดขึ้นบ้าง? ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ก็ต้องเลิกใช้นำมันกันให้หมดจะทำได้ไหมล่ะ ? "

    ไม่มีใครตอบท่านเลย ... สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือสัญญาณเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น ซึ่งพอสรุปได้ว่าก่อนเกิดสงครามโลก 1 ปีถึง 1 ปีครึ่งจะมีเหตุการณ์ เหล่านี้เป็นสัญญาณคือ ... ในไทยพระจะถูกยึดเงิน ในระดับโลกจะมีการสร้างบ้านเรือนบนอวกาศ แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ซึ่งมีทางเป็นไปได้ โดยตรรกะว่าเมิ่อเกิดภัยธรรมชาติจะเกิดความแร้นแค้น ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งต่าง ๆ อันจะเป็น ชนวนให้เกิดสงครามขึ้นมาได้ แต่ที่สำคัญก็คือระยะเวลาเหลืออีกเท่าไร เดือนสิงหาคใมใช่หรือไม่ ? หลวงพ่อท่านบอกว่าระบุไม่ได้ ขนาดนั้น ผมจึงต้องถามท่านใหม่ว่า

    " อีกประมาณ 4 - 5 ปีข้างหน้านี้ใช่ไหมครับ " ท่านตอบว่า " ประมาณนั้น "

    เช้าวันรุ่งขึ้น หลังการฝึกในช่วงเช้ามืดจบลง หลวงพ่อท่านได้บอกเคล็ดลับของการฝึกสมาธิหมุนให้แก่ผู้อบรมที่ยังเหลืออยู่ จากนั้นท่านก็ให้พรและกล่าวลากับทุกคน ผมจากวัดของหลวงพ่อมาหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ ริม 2 ข้างทางนั่นสงบเงียบเหลือเกิน แต่ในจิตใจของผมล่ะ ...

    ผมเองไม่รู้สึกตื่นกลัวมากนัก ถ้าหากเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นจริง อาจเป็นเพราะผมเองก็มีภาพเหล่านั้นอยู่บ้างแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะร้าย แรง และรวดเร็วอย่างที่หลวงพ่อท่านบอก โดยส่วนตัวของผมบัดนี้ได้พบคำตอบแล้วว่า ทำไมความรู้สึกก่อนมาที่วัดนี้ของผมจึงเป็น ต้องไปมากกว่าควรไป

    สิ่งที่ผมได้รับรู้นั้นมันทำให้คลายความยินดีในเรื่องความสำเร็จทางการงานที่เพิ่งได้รับมาหมาด ๆ ลงอย่างหมดสิ้น สิ่งที่ผมนึกออกตอนนั้น ก็คือ

    " ต่อไปนี้เราจะประมาทไม่ได้แล้ว "

    (แหล่งที่มา จากหนังสือ มังกรจักรวาล1 ตอนสมาธิหมุน นอสตราดามุส และมนษย์ต่างดาวว่าด้วยญาณทัศนะกับหายนะของโลกก่อนสิ้นศตวรรษที่ 20 โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย)
     
  14. lemon112233

    lemon112233 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +287
    ขออนุโมทนาจริงๆค่ะ

    ที่ช่วยนำความรู้มาบอกกันค่ะ


    ช่วง2-3วันที่ผ่านมานี่ อากาศเปลี่ยนเร็วมากค่ะ

    ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะค่ะ
     
  15. pangbualun

    pangbualun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2010
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +285
    เชียงใหม่ไม่มีแดดมาหลายวันแล้ว อากาศเย็นลงรวดเร็ว บางวันก็มีฝนตก
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แกนพลังงานโลกใหม่อยู่ที่เท้าหน้าขวาของสฟิงซ์

    [​IMG]

    [​IMG]

    สโตนเฮนจ์ (StoneHenge)

    สโตนเฮนจ์ (StoneHenge) แห่งเมืองซาลเบอรี่ (Salisbury) ประเทศอังกฤษ มีอายุนานประมาณ 5,000-6,000 ปีผู้สนใจสามารถหาข้อมูลละเอียดมากเท่าที่ต้องการได้จากแหล่งข้อมูลอื่นๆ หากเป็นความรู้ที่ได้มาจากวิทยาศาสตร์ทางจิต จำเป็นต้องให้เครดิตกับ “ชาวแอตแลนตีส” ก่อนเมื่อประมาณ 13,000 ปี ล่วงมาแล้ว มหาอาณาจักรแอตแลนตีส เป็นศูนย์รวมของสรรพวิทยาการและอารยธรรมในยุคนั้น เรียกกันว่า “ยุคพีระมิด” เนื่องจากใช้พลังของพีระมิดเป็นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ทางจิต พลังจิต การสื่อสาร การเดินทาง การรักษาโรค การคำนวณบอกเวลาทางดวงดาวและกาแลคซี่ทั้ง 3 (ปฏิทินดาราศาสตร์) วิวัฒนาการด้านพลังงาน พลังจิต ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากชาวดาวอังคาร จนสามารถก้าวไปถึงลำดับสุดท้าย คือการเปลี่ยนวัตถุเป็นแสง และการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ วิวัฒนาการด้านพลังงานมีด้วยกัน 7 ระดับ คือ 1. ความร้อน 2. แสง 3. เสียง 4. แม่เหล็กไฟฟ้า 5. ปรมาณู 6. เส้นแสง 7. การเปลี่ยนวัตถุเป็นแสงและการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ

    1 เดือนล่วงหน้าก่อนการล่มสลายของมหาอาณาจักร มีนักบวชรูปหนึ่ง เป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ยุคที่เหลือแต่พระธรรมคำสอน ของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ก่อนพระสมณโคดมของยุคนี้) นักบวชเป็นผู้มีความสามารถมาก มีพลังจิตสูง รู้อดีต อนาคต จึงได้รู้ถึงเวลาของการล่มสลายและยุบตัวจมลงในมหาสมุทรของมหาอาณาจักร ที่จะเกิดขึ้นภายใน 1 เดือน จากสาเหตุการใช้ “อาวุธแสง” ทำสงครามทำลายล้างแผ่นดินคู่อริ นักบวชได้ชักชวนและอพยพบุคคลที่เชื่อพาลงเรือ เดินทางร่วม 1 เดือนพ้นออกมาจากการยุบตัวของทวีปขึ้นฝั่งที่แถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์ในปัจจุบันนี้ นักบวชได้บอกไว้อีกว่า “แผ่นดินมหาอาณาจักรแอตแลนตีสนี้จะคืนกลับอีกครั้งในรอบ 13,000 ปีข้างหน้า จะเป็นแผ่นดินที่สมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและจิตวิญญาณของมนุษย์” พร้อมทั้งยืนยันสัจจวาจาในครั้งนั้น

    โดยใช้พลังจิตและความช่วยเหลือจากชาวดาวอังคาร สร้างสัญลักษณ์ สฟิงซ์ (Sphinx) ขึ้น ด้วยวิธีของการเปลี่ยนวัตถุเป็นแสงและการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ เพื่อเคลื่อนย้ายหินขนาดใหญ่ทำเป็นรูปสิงห์หมอบ มีใบหน้าเป็นชาวดาวอังคาร จัดวางไว้ในแนวทิศตะวันออก ตะวันตก มีพลังมโนธาตุสำหรับสร้างเป็นแกนพลังงานโลกใหม่อยู่ที่เท้าหน้าขวาของสฟิงซ์

    การสร้างสฟิงซ์มีจุดมุ่งหมายสำคัญ 3 อย่าง

    1. เป็นสัญลักษณ์แทนคำมั่นสัญญาของนักบวชที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดเพื่อกลับมาแก้ไขเหตุที่ได้สร้างไว้ในอดีต

    2. จมูกสฟิงซ์เป็นแหล่งของพลังกระแสลมปราณ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการหายใจของชาวดาวอังคารในยามที่แวะเวียนมาเยือนโลกของเรา แต่ในที่สุดจมูกถูกอาวุธสงครามทำลายแตกหักจนจมูกตัน ชาวดาวอังคารจึงค่อนข้างลำบากเมื่อมาท่องโลก

    3. เมื่อถึงเวลาครบรอบของการเปลี่ยนแปลงแรงดึงดูดเข้าสู่อิทธิพลของอีกกาแลคซี่ ผู้กลับมาทำหน้าที่จะใช้เท้าขวาเหยียบลงบนเท้าหน้าขวาของสฟิงซ์ เกิดการขับเคลื่อนของพลังมโนธาตุและกระแสลมปราณม้วนหมุนเป็นเกลียวเข้าสู่ศูนย์กลาง สร้างเป็นแกนพลังงานโลกใหม่ มีขั้วโลกอยู่ในแนวทิศตะวันออกและตะวันตก นักบวชรูปนั้น มีนามว่า รต (อ่านว่า ระตะ)

    นับเป็นเวลาหลายพันปีที่อารยธรรมแอตแลนตีสได้ถ่ายทอดสู่อนุชนรุ่นหลัง แตกแยกออกเป็นหลายเผ่าพันธุ์ เชื้อชาติ แยกกระจัดกระจายออกจากลุ่มแม่น้ำไนล์ไปทั่วทุกส่วนของโลก พร้อมกับนำความรู้ของแอตแลนตีสเผยแพร่อย่างกว้างขวาง เช่นการทำมัมมี่ เคล็ดลับของการมีอายุยืน พลังพีระมิด รวมทั้งหลักการคำนวณของดวงดาวและกาแลคซี่ทั้ง 3 เป็นปฏิทินดาราศาสตร์ที่อธิบายถึงการสับเปลี่ยนแรงดึงดูดที่มีอิทธิพลต่อโลกและระบบสุริยจักรวาลในช่วง 26,000 ปี

    [​IMG]

    ชาวมายา (มายัน) เป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งที่สืบเชื้อสายและมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการเผยแพร่อารยธรรมแอตแลนตีสสู่สายตาชาวโลกเป็นหลักฐานที่มีชีวิต บ่งบอกยืนยันว่า “แอตแลนตีส” มีอยู่จริง มิใช่เป็นเพียงตำนานเล่าขาน ชาวมายาจึงได้สร้างปฏิทินดาราศาสตร์ขึ้นด้วยเสาหิน แท่งหินขนาดใหญ่จำนวนหลายร้อยแท่งจัดวางเป็นวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง และวิธีการสร้างเป็นวิธีเดียวกับการสร้างสฟิงซ์ คือเป็นผลงานของมนุษย์ผู้มีพลังจิตสูงร่วมมือกับชาวดาวอังคารในการเปลี่ยนหินแท่งใหญ่ที่มีน้ำหนักมากกว่า 1 ตัน ให้เป็นพลังงานแสงก่อนแล้วเคลื่อนย้ายนำไปจัดวางในที่ที่ต้องการ และใช้พลังจิต เปลี่ยนพลังงานแสงคืนเป็นแท่งหินแท่งใหญ่อีกครั้งสโตนเฮนจ์ เป็นสัญลักษณ์ที่มีอายุประมาณ 5,000-6,000 ปี ใกล้เคียงกับยุคมหาพีระมิดของประเทศอียิปต์ ศาสตร์พีระมิดของชาวอียิปต์ เป็นตัวแทนของชาวแอตแลนตีสในการถ่ายทอดพลังของพีระมิดในศาสตร์การทำมัมมี่ทำสถานที่เก็บศพ เคล็ดลับการมีอายุยืน ยารักษาโรค ฯลฯ ตลอดจนปลูกฝังความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายที่แสนงดงาม ในขณะที่สโตนเฮนจ์ของชาวมายาสร้างขึ้นเพื่อเตือนภัยแก่ชาวโลก เมื่อถึงวาระการเปลี่ยนแปลงแรงดึงดูดของแต่ละกาแลคซี่ ในรอบ 13,000 ปี

    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG]

    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ไขปริศนาและอ่านความลับจากการจัดวางเสาหินเป็นวงกลม 3 วงไว้ดังนี้

    เสาหินวงนอก เป็นวงกลมขนาดใหญ่ มีเส้นรอบวงกว้างโอบล้อมครอบคลุมวงกลมเล็กอีก 2 วงหมายถึง กาแลคซี่อันโดรเมดา (Andromeda Galaxy) พระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่สะเทิน เพราะมีทั้งพลังงานเบา ดี และพลังงานหนัก มีขนาดใหญ่มาก เหมือนแผ่อาณาเขตปกป้องควบคุมไว้ทั้งกาแลคซี่ทางช้างเผือกและกาแลคซี่ไตรแองกุลัม

    เสาหินวงกลาง หมายถึง กาแลคซี่ทางช้างเผือก (Milky Way Galaxy) เป็นกาแลคซี่ที่ดึงดูดระบบสุริยจักรวาลของเราไว้ในขณะนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ พระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่หนัก เพราะพลังงานแรงดึงดูดที่เรียกว่าพลังงานแม่เหล็กโลกกำลังให้โทษอย่างรุนแรง และจะนำไปสู่การพลิกเพื่อเปลี่ยนแกนพลังงานโลกใหม่เข้าสู่อิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมอีกครั้ง เมื่อครบวาระ 13,000 ปี

    เสาหินวงใน หมายถึงกาแลคซี่ไตรแองกุลัม (Triangulum Galaxy) มีขนาดเล็กกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกพระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่เบา เพราะเต็มไปด้วยพลังงานดี เบา ขาวนวล เหลืองสบาย เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์ และกำลังส่งอิทธิพลค่อยๆดึงโลก และระบบสุริยจักรวาลไปทางทิศตะวันออกทีละน้อยๆจนกว่าจะถึงวาระแกนโลกพลิกอีกครั้ง โลกและระบบสุริยจักรวาลจะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมอย่างสมบูรณ์ไปอีกประมาณ 13,000 ปี

    ฉะนั้นในช่วงระยะเวลา 26,000 ปี สุริยจักรวาลจะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก 13,000 ปี และอีก 13,000 ปีจะสลับมาอยู่ในอิทธิพลของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม ดังนั้นเราคงพอจะรู้เหตุผลอย่างชัดเจนแล้วว่าการที่ขั้วโลกเหนือไม่ชี้ตรงไปทางทิศเหนือเสียทีเดียว ตามอิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือกแต่กลับตั้งเอียงไปทางทิศตะวันออก องศาเพราะต้านแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมไม่ได้ การมีแรงดึงดูดระหว่าง 2 แรงที่แตกต่างคือมากกว่าและน้อยกว่าทำให้กาแลคซี่ทางช้างเผือกส่งแรงดึงดูดมายังโลกเราในลักษณะดึงเข้าและผลักออกเข้าหาศูนย์กลาง เป็นแรงยืดและแรงหด ในขณะที่กาแลคซี่ไตรแองกุลัม

    ตั้งอยู่ทางขวามือตรงกับทิศตะวันออก แรงดึงดูดที่ส่งมาจึงเกิดขึ้นเป็นแรงรับและแรงเหวี่ยง คือเหวี่ยงซ้าย-ขวา ผลจากการรับแรงกระทบแรงดึงดูดจากทั้งสองกาแลคซี่เป็นสาเหตุทำให้โลกของเรากำเนิดสิ่งมีชีวิตที่มีขันธ์ ครบ 5 ขันธ์ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) และตั้งชื่อเรียกว่า “มนุษย์” ซึ่งมีความแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นที่อาจจะมีขันธ์เพียง 4 ขันธ์ เพราะขาดตัว “รูป” พวกเขาจึงมีลักษณะเป็นเพียงพลังงานท่องเที่ยวไปได้ทั่วจักรวาลและใช้พลังจิตเพื่อสร้าง “รูป” ขึ้นมาบ้างในบางครั้ง

    ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ทั้งแรงดึงเข้า-แรงผลักออก และแรงรับ-แรงเหวี่ยง จากทั้งสองกาแลคซี่เริ่มผิดปกติ คือมนุษย์แทบจะไม่รู้สึกถึงการกระทบของแรงเนื่องจากความหนาแน่นของพลังงานแม่เหล็กโลกที่ถมลงในโลกได้มาถึงจุดอันตราย ทำให้เกิดสภาพนิ่งเหมือนหยุดหมุน เป็นเหตุให้เชื้อไวรัสแบคทีเรีย ธรรมดาๆ กลับมาระบาดอีกครั้งพร้อมกับการกลายพันธุ์ ซึ่งภาวะนิ่งแบบนี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552

    สฟิงซ์ สื่อความหมายบอกสถานที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นจุดสร้างแกนพลังงานโลกใหม่

    สโตนเฮนจ์ บอกถึงกำหนดเวลาการเปลี่ยนขั้วอำนาจของแรงดึงดูดที่มีต่อโลกและระบบสุริยจักรวาล

    ระบบวงโคจรของโลกและสุริยจักรวาลจะยังคงเคลื่อนที่ผิดปกติต่อไปอีก ถูกพลังงานแม่เหล็กโลกดึงเข้าใกล้ขอบกาแลคซี่ทางช้างเผือกทางทิศตะวันออกมากยิ่งขึ้น (ในอดีตเคยถูกดึงเข้าใกล้ทางทิศเหนือมาก่อน) เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า พลังงานแม่เหล็กโลกกำลังอัดแน่นเพิ่มมากขึ้นๆ ทางทิศตะวันออก และเมื่อความหนาแน่นทวีขึ้นจนถึงอัตราสูงสุดจะเกิดการรีดตัวเป็นเส้นตรง พุ่งออกจากกาแลคซี่ทางช้างเผือกไปทางทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตรงเข้าหากาแลคซี่อันโดรเมดา

    แต่เนื่องจากกาแลคซี่อันโดรเมดามีขนาดใหญ่กว่ามาก จึงมีพลังแรงดึงดูดมากกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกเป็นหลายพันเท่า พลังงานแม่เหล็กโลกจึงถูกอัด เด้งกลับคืนเข้าสู่ระบบสุริยจักรวาลและกาแลคซี่ทางช้างเผือก ซึ่งการเสียดสีของพลังงานจากทั้ง 2 กาแลคซี่ในครั้งนี้ จะทำให้แสงสว่างวาบขึ้น มองเห็นได้ทั่วจักรวาล ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน มนุษย์ในโลกจะเห็นแสงนี้ปรากฏขึ้นทันทีทันใด แบบที่ไม่ต้องตั้งตาคอย เป็น “แสงที่วาบ” อย่างรวดเร็ว เหมือนละครปิดฉากและผ้าม่านเวทีถูกดึงปิดทันที

    จากนั้นจะเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและพลังงานของโลก สุริยจักรวาลครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งเหมือนกับที่มหาอาณาจักรแอตแลนตีสเคยประสบมาแล้วเมื่อ 13,000 ปีที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้เป็นการวนครบรอบเปลี่ยนเข้าสู่อิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม เป็นเวลาอีกประมาณ 13,000 ปี และถ้าหากปรากฏการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริง โลกของเราจะมีทั้งแกนสสารและแกนพลังงานโลกใหม่

    โดยมีขั้วโลกตั้งอยู่ ณ จุดที่ตั้งของสฟิงซ์ มีการเปลี่ยนที่กันระหว่างพื้นดิน 1 ส่วน กับพื้นน้ำ 3 ส่วนทั่วโลก มหาสมุทรแอตแลนติกคงมีโอกาสคืนกลับมาเป็นผืนแผ่นดินกว้างใหญ่อีกครั้ง เทือกเขาหิมาลัยอาจจะลดต่ำลงมาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ของทวีปเอเชีย (เปลี่ยนแผนที่โลกใหม่) กล่าวโดยรวมคือช่วงเวลา 13,000 ปีครั้งนี้จะเป็นยุคทองของทรัพยากรธรรมชาติและจิตวิญญาณของมนุษย์ นักบวชรูปนั้น ได้ทำหน้าที่ของท่านเรียบร้อยแล้ว

    ภาพแสดงถึงกาแลคซี่ทั้ง 3 ที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ เป็นภาพที่ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ใช้ “จิต” ศึกษา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ข่าวดี ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 นี้.....

    สำหรับท่านที่ไม่ได้เข้าร่วมฟังการบรรยายของพระอาจารย์รัตน์ ในงานสัมนาครั้งนี้ ท่านพระอาจารย์รัตน์ได้ฝากบอกข่าวดีมาว่าในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 ที่กำลังจะถึงนี้

    ให้ทุกท่านหันหน้าไปทางทิศตะวันออก กำหนดจิตไปที่สฟิงซ์ที่ประเทศอียิป พลังงานจากจักรวาลจากตัวสฟิงซ์ จะหมุนเข้ามาสู่ตัวท่าน เพื่อชำระล้างสารพิษ และมลพิษต่างๆ ในร่างกายของท่านลงสู่พื้นดิน ทำให้ร่างกายของท่านฟื้นคืนสภาพกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้ง และจะเป็นการไปช่วยสกัดกั้นความรุนแรงของภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงพลังงานของจักรวาลให้บรรเทาเบาบางลงตามไปด้วยครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  18. jaaee

    jaaee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +19
    ข่าวดี ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 นี้.....สำหรับท่านที่ไม่ได้เข้าร่วมฟังการบรรยายของพระอาจารย์รัตน์ ในงานสัมนาครั้งนี้ ท่านพระอาจารย์รัตน์ได้ฝากบอกข่าวดีมาว่าในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 ที่กำลังจะถึงนี้ ให้ทุกท่านหันหน้าไปทางทิศตะวันออก กำหนดจิตไปที่สฟิงซ์ที่ประเทศอียิป พลังงานจากจักรวาลจากตัวสฟิงซ์ จะหมุนเข้ามาสู่ตัวท่าน เพื่อชำระล้างสารพิษ และมลพิษต่างๆ ในร่างกายของท่านลงสู่พื้นดิน ทำให้ร่างกายของท่านฟื้นคืนสภาพกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้ง และจะเป็นการไปช่วยสกัดกั้นความรุนแรงของภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงพลังงานของจักรวาลให้บรรเทาเบาบางลงตามไปด้วยครับ ขอบคุณนะคะคุณเษม ได้ความรู้จากคุณมากมายเลยคะ
     
  19. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ขอบพระคุณมากค่ะ ที่นำข่าวมาบอก
     
  20. Khundeaw

    Khundeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +706
    มีเวลาหรือเปล่าหรือได้ทั้งวันในวันที่ 2 ม.ค. 54 นี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...