อยากบวชชีตลอดชีวิตจะดีไหมคะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Igiko_L, 23 พฤศจิกายน 2010.

  1. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    :boo: อยากบวชชีตลอดชีวิต ไม่ได้อกหักเพราะไม่มีความรัก แต่อาจจะเบื่อบ้าน เบื่อคนรอบข้าง แล้วก็ชอบชีวิตสงบๆ เรียบง่ายไม่แข่งขัน แต่ติดที่จะต้องสอบเข้ามหาลัย มีความตั้งใจอยากเรียนแพทย์มั่กๆ คะ
    แต่พอศึกษาธรรมะมากขึ้น ก็ไม่ได้หวังแล้ว อยากบวชมากกว่า เสียดายถ้าเป็นผู้ชายคงบวชไปนานแล้ว ติดที่เป็นหญิง แต่ตอนนี้ไม่สนใจแล้วคะ เป็นหญิงก็จะบวช แล้วก็อยากบวชตลอดชีวิตด้วยคะ
    เลยอยากจะถาม พี่ๆ เพื่อนๆท่านผู้รู้ ช่วยแนะนำวัดป่า ที่มีแม่ชี ที่ไหนก็ได้ ขอแค่สงบ มีที่ให้ปฏิบัติธรรม และไม่เรื่องมากในการับคนเข้าบวช ก็พอคะ
    :cool: อยากปรึกษา พี่ๆ เพื่อนๆ ท่านผู้รู้ ว่า ควรจะรอสอบก่อนดีไหม หรือบวชเลย เพราะหนูไม่อยากเรียนแล้ว เบื่อการสอบมากๆ พอๆกับที่เบื่อคนชอบถามว่ายังไม่ได้เรียนอีกเหรอ(คนถามไม่ได้ถามเพราะอยากรู้ แต่ถามเพราะจะซ้ำเติมคะ) อยากไปให้พ้นๆไปในที่ ที่ไม่มีใครรู้จักจะได้เลิกถาม ไม่อยากให้ใครสนใจชีวิตหนูอีกแล้ว
    ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาแนะนำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2010
  2. apple_lin

    apple_lin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +704
    อืมม ที่เห็นศึกษาธรรมะ แล้วชอบก็รู้สึกดีด้วยค่ะ และอยากสนับสนุนให้ไปบวชค่ะ แต่เท่าที่อ่าน เหมือนคุณกำลังหนีความจริง หนีปัญหาโดยใช้ ธรรมะเป็นข้ออ้างมากกว่าค่ะ

    อยากให้ไปบวชด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ ค่ะ อย่าคิดว่า ไปบวชแล้ว จะได้ไม่ต้องมาเครียดเรื่องสอบไม่ติด หรือคนรอบข้างอ่ะคะ่

    ถ้าเราพยายาม ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เป็นไปได้ค่ะ อย่างที่เขาบอกแหละค่ะ ถ้าเราจุดเป้าที่ดวงจันทร์ ต่อให้เราไปไม่ถึง เราก็ยังอยู่ท่ามกลางดวงดาวนะคะ

    สู้ๆ แก้ปัญหาชีวิตให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปบวชก็ยังทันค่ะ ชีวิตยังอีกยาวไกลค่ะ

    ให้กำลังใจนะคะ ^___^
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ออ...น้องคนเดิม........ตอนนี้จะเอาบวชแล้วเหรอน้อง......

    พี่เป็นน้องพี่คงจะเรียน มสธ. ไปด้วย....สอบได้โอนเกรด...ไม่ก็สอบหมอติดปั๊บ(ใช้เวลาหลายปี) จบ ป. ตรี เลย..ปริญญาสองใบ...อะไรอย่างนี้....

    น้อง.....มันไม่ได้ก็เรียนเอกอื่นไป....จะเป็นไร...ไม่ได้เรียนแพทย์แล้วมันจะตายเสียตรงใหน...ใครไปรู้ชาตินี้เกิดมาไม่มีกรรมได้เป็นแพทย์....ไม่ได้แพทย์ก็เอาสายอื่นที่เกี่ยวเนื่องก็ได้นิ.......หรือไม่สอบเข้าไทยไม่ได้ก็ไม่ต้องไปสอบมัน.....เรียนต่างประเทศเลย.....เช่น จีน......คนไทยที่สอบแพทย์ที่ไทยไม่ได้ไปเรียนแพทย์แผนปัจจุบันกันแบบยกมาเป็นเมืองเลย......

    น้องเอ๋ย...เห็นเราก็พูดเรื่องนี้มานานนะ.....เอาถ้าจะบวชเพื่อหนีความทุกข์ที่สอบไม่ผ่าน....แล้วหละก็......ไปทำใจให้มันให้ดีก่อนนะ......ให้เอาใจที่ต้องการจะบวชจริงๆ....ไม่ใช่หนีทุกข์แล้วไปบวช......เพราะว่าใจประเภทนี้ มันไม่ใช่ความจริง แต่มันเป็นการหนีความจริง และมันก็ไม่ได้แน่นอน........

    ไอ่ที่ว่าจะหาที่บวชง่ายๆไม่เรื่องมาก.....พี่ว่าไม่ต้องไปบวชหลอก......เอาที่มันบวชได้ยากๆนั้นหละ....จะได้สอบกำลังใจเราว่าจะอยู่ได้จริงอยู่ได้ยืด และเราแน่จริงขนาดใหน........

    หลวงปู่ชา สอนไว้ บวชง่ายสึกง่าย บวชยากสึกยาก.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2010
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    บวชก็ดี

    สึกก็ดี

    ศึกษาธรรมะก็ดี
     
  5. Faithfully

    Faithfully เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +2,459
    อนุโมทนากับน้อง Igiko L ด้วยนะคะที่มีใจใฝ่ในธรรม จนถึงขั้นอยากบวช สำหรับพี่เองคิดว่า ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็สามารถบรรลุธรรมได้เหมือนกันค่ะ เพียงแต่ว่า เราอย่ายึดติดกับอะไรที่มาหน่วงเหนี่ยวจิตใจเรา..สิ่งที่เราทำไม่ว่าการเรียน การบวช ก็ดี ให้ดูที่ใจของเรา ทุกสิ่งที่ทำ..ที่ตัดสินใจแล้ว ต้องเริ่มที่ใจเราก่อนเสมอ..ตั้งใจแน่วแน่ ไม่ลังเล ไม่ว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคเพียงใด..เพราะถ้าตั้งใจไม่จริงแล้วพ่ายต่อความเพียร..แน่นอนว่า ไม่ว่าเราจะกระทำสิ่งใดต่อไป ก็จะล้มเหลวตลอดค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้น้องในทุก ๆ เรื่องที่กำลังจะทำด้วยนะคะ ^_^

    ปล.น้องลอง search ใน google /สถานที่ปฏิบัติธรรม..แล้วเลือกดูนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2010
  6. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    :'( ขอบคุณนะคะ ก้ยังเป้นพี่ชายที่ใจดีเหมือนเคย ปีที่แล้ว มั่นใจว่าจะต้องสอบได้ (เพราะทำข้อสอบได้) แบบกลับมาเก็บขอรอเลย แล้วสอบไม่ได้เสียใจเป็นบ้า ไป 3เดือน ก่อนออกมา มองฟ้า มอง ดิน หันซ้าย ขวา ไม่มีไร ก็เลยได้ พี่ชายใจดี ส่งหนังสือ และเทปมาให้ศึกษาธรรมะ
    ปู่ให้เงินมาก้อน1 บอกว่าให้ไปตามฝัน (เพราะไม่มีเงินแล้ว)เงินปู่ทำให้ได้สมัครสอบ และ ใกล้สอบก้ได้เข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ
    แต่ตอนนี้ ก็ได้คิดว่าหากสอบไม่ติด ก็ไม่อยากเรียน เบื่อทางโลกคะ อยากจะบวช จริงๆ บวชแล้ว อาจจะลง มสท อย่างที่พี่ชายแนะนำ หรือเรียนรามฯ ไปด้วย
    ขอบคุณนะคะพี่ชาย ที่แนะนำ (deejai)แล้วตกลง พี่ชายจะแนะนำวัดไหนเหรอคะ :z8
     
  7. Igiko_L

    Igiko_L เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,407
    ค่าพลัง:
    +2,836
    :cool: ขอบคุณค่ะ
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เออ....น้อง ชื่อย่อ ม. เขาพูดให้ถูก มสธ. น้อง เดี๋ยวศิษย์เขาด่าเข้าให้....

    ส่วนจะให้พี่แนะนำวัดใหนนั้น.....พี่ตอบเราได้เลยน้อง..... วัดใจ นี่สิ......คนเราของจริงไม่จำเป็นต้องเลือกสถานที่...ขอให้ไปทำใจให้มันจริงเสียก่อน.....

    บวชเป็นชีแล้ว ไม่ต้องเรียนมันละทางโลก......เอาทางธรรมมันเลย...อยากเรียนมากก็นู่น มหาวิทยาลัยสงฆ์....เอาทางธรรมให้แตกไป......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2010
  9. ทหารเก่า

    ทหารเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,027
    ค่าพลัง:
    +19,019
    สุข ทุกข์อยู่ที่ใจไม่ใช่การเราโกนศรีษะแล้วเราจะพ้นทุกข์ ใจต่างหากครับที่เราต้องหมั่นฝึกฝน ถ้าอยากบวชไปบวชแบบไม่ต้องโกนหัวดูก่อนแล้วผมจะถามสำนักสงฆ์แห่งนี้ให้ บวชนานเท่าที่ใจเราจะปราถณา อยู่ที่นั้นก็ช่วยผู้ปฏิบัติกันที่นี่ดีมากๆ พระอาจารย์ท่านอบรมสั่งสอนได้ดี และปฏิบัติดีอยู่ อ.นางรอง
     
  10. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,269
    ค่าพลัง:
    +2,136
    โลกใบนี้งดงามมากกว่าที่คิดนะครับ [​IMG] ไม่ว่าจะสอบได้หรือไม่ได้ความงามของโลกก็ไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่าจะมีเวลาไปสัมผัสความงามของโลกใบนี้บ้างหรือเปล่าเท่านั้น ถ้าได้เป็นหมอสมใจก็อาจจะไม่มีเวลามองความงดงามของโลกก็เป็นได้

    พอดีตอนนี้ผมตกงานอยู่(นานแล้ว)ก็เลยได้มีโอกาสรับรู้ว่าโลกใบนี้ช่างงดงามยิ่งนัก...แนวความคิดอันนี้คงไม่เหมาะสำหรับผู้ปรารถนาความหลุดพ้นนะครับ[​IMG]






    [​IMG]ตังค์เก็บจะหมดแล้ววว จะเอาอะไรกินวะเนี่ย
     
  11. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    985
    ค่าพลัง:
    +2,951
    สวัสดีค่ะน้อง
    เท่าที่พี่อ่าน น้องอยากหนี มากกว่าค่ะ
    (พี่ไม่ได้เป็นคนที่เชี่ยวชาญในพุทธศาสนานะคะ ถือว่า ยังเป็นผู้รู้น้อยมากๆค่ะ)
    พี่เคยถาม คนที่เขาบอกอยากบวชตลอดชีวิตว่า
    "ยังไม่บวชอีกหรือ" (ถามด้วยไมตรีนะคะ) คือถึงอายุที่เขาอยากบวชแล้ว
    เพื่อนคนนั้นเขาบอกว่า จะบวชเมื่ออายุครบ 32

    เขาตอบพี่ว่า การหนีไปนุ่งขาว นั้น ยาก และลำบาก กว่า การที่เราจะหนีความทุกข์เสียอีก เพราะ ผ้าขาวนั้น ทำให้ ยาก หากตัวเรายังตัดใจ ตัดทุกข์ไม่ได้
    เขาจึงเปลี่ยนเป็นไปนั่งวิปัสสานาเป็น คอร์ส ดีกว่า (พร้อมทั้งแนะนำพี่ด้วยเพราะพี่ ก็เป็นคนนึงที่คิดเหมือนน้อง)
    อยากบวช เบื่อ ฯลฯ เพราะตอนนั้นในชีวิตมีเรื่องมากมาย
    หากเราหนีทางโลกได้ แต่ไม่ใช่หมายความว่า เราจะหนีความจริงไปได้

    ขออภัยหากเขียนอะไรตกหล่นไปค่ะ เพราะศึกษาธรรมมาน้อยค่ะ
     
  12. Faithfully

    Faithfully เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +2,459
    ขอแนะนำลิงค์ที่เป็นสถานปฏิบัติธรรมจากหลาย ๆ ภาคในเมืองไทยมาให้น้องตัดสินใจนะคะ สำหรับพี่..เลือกแล้วค่ะ วัดถ้ำผาปล่อง..จ.เชียงใหม่ ถ้าน้องสนใจที่ใด ก็ลองติดต่อไปสอบถามเส้นทาง หรือหลักเกณฑ์การเข้าปฏิบัติก่อนนะคะ ก็ลองตัดสินใจดูค่ะ อนุโมทนาด้วยนะคะ

    ʶҹ
     
  13. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861

    จะบวชเพราะเบื่อแบบที่ว่ามานี้.....ไม่แนะนำ นะครับ

    เพราะว่าเป็นอารมณ์เบื่อเพียงชั่ววูบของผู้ที่ยังอยู่ในวัยรุ่น
    ไม่ใช่เบื่อเพราะรู้โลกรู้ชีวิตจนหมดสิ้น

    ถ้ารู้สึกแบบนี้ ลองไปบวชเนกขัมมะแบบเข้มข้นปิดวาจา กินเจเพียงมื้อเดียวสัก 15 วัน ดู นะครับ
    ว่าเราจะไปไหวหรือเปล่า นี่เป็นการทดสอบกำลังใจและวัดบารมี

    การบวชไม่ใช่วิธีพ้นทุกข์เสมอไป ถ้าเราถือศีลไม่ได้หรือถอดใจกลางคัน
    เอาเป็นว่าไปลองใช้ชีวิตแบบบรรพชิตชั่วคราวก่อนดีกว่า ครับ

    หน้าที่ในโลกของทุกคนยังมีอยู่ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ
     
  14. เด็กชอบพระ

    เด็กชอบพระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +48
    ครับจากเท่าที่ผมอ่านมาแล้วนะครับผมอยากจะบอกว่าลองรอดูอีกสัก2-3เดือนดีกว่านะครับบางทีอันอาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบเหมื่อนที่พี่Nirvanaนะครับแต่ระหว่างที่รอเชิงดูอารมณ์ก็หวั่นพิจารณาว่าเราพร้อมหรือยังที่จะบวชไหนจะเลี้ยงดู พ่อแม่ ครอบครัว และอีกหลายๆอย่างนะครับแล้วพิจารณาดีๆว่าคุณนั้นพร้อมหรือยัง
     
  15. primrose

    primrose เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +527
    โทนเสียงแบบนี้ น้องหนีปัญหามากกว่า ที่จะเบื่อทางโลกจริง ๆ
    บุคคลที่เบื่อทางโลกจริง จนออกบวชนั้น เขาจะเบื่อโดยปัญญาที่เกิดจากการภาวนา
    จนเห็นว่า ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง เป็นอนัตตา เรา เขา ของเรา ของเขา ไม่มี
    กายนี้ ใจนี้ ไม่ใช่เรา ....

    พี่ว่าน้อง "บวชใจ" ไปก่อนค่ะ ... พี่เคยเป็นอย่างน้อง เมื่อตอนเรียน ม. ปลาย
    สารพัดปัญหาที่มันเข้ามา ทำให้เกิดเบื่อหน่าย อยากไปให้พ้น ๆ โลก
    หนักถึงขนาดคิดปลิดชีวิตตัวเองมาแล้วด้วยซ้ำ

    ถึงวันนี้เข้าใจแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องปลงผมบวช ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชาย
    เราสามารถ "บวชใจ" ได้ ด้วยการภาวนาในชีวิตประจำวัน
    หาเวลาว่างสัก 10 วัน ใน 1 ปี ไปถือศีลภาวนาจริงจังสักครั้ง

    เท่านี้เราก็สามารถอยู่กับโลกได้อย่างมีความสุขแล้วล่ะค่ะ

    อายุยังน้อย ยังต้องพบอะไรอีกมากมาย ... เพียงแค่สอบไม่ติดคณะที่ต้องการเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ ค่ะ ...

    ถึงแม้ว่าน้องได้บวชจริงอย่างที่อยากบวช แล้วคิดหรือคะว่า บวชแล้วจะไม่เจอปัญหา ในวัด ในสำนักปฏิบัติฯ ก็มีปัญหาเหมือน ๆ กับชีวิตทางโลกนั่นล่ะค่ะ

    ที่สำคัญ คือ เมื่อเราบวชแล้ว เราจะทำอะไรอย่างอิสระเหมือนอย่างฆราวาสไม่ได้ ต้องสำรวมอินทรีย์ ระวัง กรรมทั้ง 3 น้องคิดว่าเป็นเรื่องง่ายหรือคะ

    ลองไปถือศีล 8 อยู่ที่วัด สัก 10 วัน สำรวจดูใจตัวเองก่อนจะดีกว่าไม๊คะ


    จากคนที่เคยท้อ สิ้นหวัง หมดแรง กับการมีลมหายใจ
     
  16. กฐินหอม

    กฐินหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +256
    ...การบวชใจ คือการปล่อยวาง
    ...พุดง่ายแต่ทำยากเหมือนกัน หลวงพี่บวชมาก็นานแล้วก็ยังวางไม่ได้ทั้งหมดที่ควรจะวาง
    ...แม้เรื่องคำพูดคนอื่นบางทีก็ยังทำให้เสียกำลังใจ
    ...แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยแล้วครับ เพราะสังเกตุตัวเองว่า เราไปเอาคนพวกนั้นที่ยังไม่เคยศึกษาธรรมะหรือศึกษาปฏิบัติ แต่สิ่งไม่ดีก็ยังล้นออกมาทางวาจา
    ...ก็เลยแค่พยายามไม่ไปวิตกวิจารณ์ และให้ความหมายกับคนเหล่านั้น รู้สึกว่าดีขึ้นมากครับ
    ...ส่วนเรื่องบวชกาย สนับสนุนครับ
     
  17. primrose

    primrose เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +527

    -/|\- สาธุค่ะ

    ความหมายในคำว่า "บวชใจ" ของโยม กับหลวงพี่ ต่างกันแล้วล่ะค่ะ

    ในความหมายของโยม คือ การปฏิบัติภาวนาในชีวิตประจำวัน และการรักษาศีลสำหรับผู้ครองเรือนค่ะ
     
  18. liliwan

    liliwan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +27
    คิดโดยใช้เหตุผลให้มากนะคะ
    แต่ระวัง สภาพแวดล้อมแบบนี้ อย่าเอามาใส่ใจเลยนะคะ
    ในตอนนั้นมีธรรมะใกล้ตัวคุณอย่างหนึ่งให้ฝึกอยู่ค่ะ
    ฝึกให้อภัย และปล่อยวางต่อคำพูดเสียดแทงเหล่านั้นก่อน
    เป็นเบื้องต้นน่ะค่ะ เพราะจะทำให้เราคับข้องใจ
    ทำใจให้สบาย ทำให้ชินเป็นนิสัย ฝึกความอดทนให้มาก ๆ
    ถึงตอนนั้นแล้วค่อยไปบวชนะคะ
    ถ้าเป็นการกระทำไม่สุดโต่งก็บวชเถอะค่ะ
    การพบปะเจอผู้คน ก็ยังต้องเจออยู่แม้บวชแล้ว
    แต่การบวชจะมีเวลาศึกษาตัวเราเองมากขึ้น
     
  19. กฐินหอม

    กฐินหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +256
    ...เข้าใจคำว่าบวชใจของโยมแล้วครับ
    ...แต่ยังไม่เห็นด้วยกับประโยคที่ว่า บุคคลที่เบื่อทางโลกจริง จนออกบวชนั้น เขาจะเบื่อโดยปัญญาที่เกิดจากการภาวนา
    จนเห็นว่า ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง เป็นอนัตตา เรา เขา ของเรา ของเขา ไม่มี
    กายนี้ ใจนี้ ไม่ใช่เรา ....

    ...เพราะว่าถ้าเปนอย่างนั้นไม่ได้หมายความถึงว่าสำเร็จแล้วหรือครับ หรือว่าเบื่อในระดับหนึ่งเท่านั้น
    ...แล้วก็ถ้าบอกว่า การบวชใจควรจะมีในความหมายเดียวคือ การปล่อยวางล่ะครับ พอจะมีให้ความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ
    ...ถือเป็นการสนทนาธรรมกันนะครับ
    ...ขออนุญาตนะครับ
     
  20. primrose

    primrose เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +527

    _/|\_ นมัสการค่ะ

    เมื่อจิตภาวนาไปจนอยู่ในระดับหนึ่ง เห็นพระไตรลักษณ์แล้ว จะเกิดการเบื่อหน่ายด้วยปัญญาค่ะ
    แต่ก็ยังมีเสื่อมได้ ตราบใดที่ยังไม่เข้าสู่กระแสพระโสดาบัน

    การที่คน ๆ หนึ่ง จะเห็นกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา ไม่มีเขา นั้น ทุกศาสนาเห็นได้ค่ะ ยกตัวอย่างคนที่ทั่วโลกรู้จักคือ "ไอน์สไตน์" ไงคะ

    แต่คนที่จะเห็นว่า "จิต" ไม่ใช่เรา เขา ของเรา ของเขา นั้น ก็เห็นจะมีแต่คนที่ปฏิบัติภาวนาตามแนวทาง "สติปัฏฐาน" เท่านั้นล่ะค่ะ

    บุคคลที่ภาวนาได้ในระดับนี้ ที่โยมรู้จัก และยังคงเป็นฆราวาสมีทั้งชาย-หญิงค่ะ

    คนหนึ่งเป็นญาติสนิทกัน พี่สาวคนนี้ สภาวะจิตอยู่ในกระแส "โสดาบัน" แล้วค่ะ ภาวนาทั้ง ๆ ที่ใช้ชีวิตทางโลกอย่างปกติ มีเวลามากหน่อย ก็เข้าคอร์สไปภาวนาครั้งละ 10 วัน พี่เขายังไม่คิดจะบวชเลยค่ะ เพราะการบวชไม่ได้ช่วยให้เราพ้นจากปัญหาไปได้ ในวัด ในสำนักชี ก็มีปัญหาไม่แพ้กับชีวิตทางโลก
    ที่สำคัญคือ ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างอิสระ เพราะเครื่องแบบนักบวช และข้อจำกัดในศีล และวินัย .....

    พี่สาวบอกว่า หลังจากที่ภาวนาจนได้ "ภังคญาณ" (ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกไม๊) แล้ว เมื่อมาใช้ชีวิตทางโลกตามปกติ เขารู้สึกเบื่อหน่าย จึงไปถามหลวงพ่อรูปหนึ่ง ท่านก็บอกว่า "เป็นการเบื่อโดยปัญญา"

    หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี พี่สาวไปเข้าคอร์สอีกครั้ง อาจารย์ที่คุมคอร์ส ได้บอกพี่สาวหลังจากพี่สาวเล่าสภาวะที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้วว่า "เป็นสภาวะอุเบกขาแท้จริง และอยู่ในกระแสพระโสดาบันแล้ว"

    ไม่ว่าจะนักบวช หรือฆราวาส สามารถปฏิบัติภาวนาได้เท่าเทียมกันในระดับต้นนะคะ เท่าที่ทราบ ฆราวาไม่อาจไปได้ถึงอรหันต์ได้ เพราะความบริสุทธิ์ในสภาวะธรรม และศีล ที่ขันธ์ของมนุษย์ไม่อาจรองรับได้

    ข้อต่างของนักบวช กับฆราวาสในการภาวนา คือ

    ผัสสะ นักบวชจะได้รับกระทบกับผัสสะน้อยกว่าฆราวาส เพราะการอยู่วัด หรือวิเวกอยู่ป่า แต่ฆราวาสต้องทำงาน ไปโน่นมานี่ จะมีผัสสะมากระทบให้ได้ภาวนาตลอดเวลา

    แต่นักบวชก็ต้องสู้กับ "ความอยาก" ที่ถูกจำกัดไ่ม่ให้สนองความอยากนั้นด้วยศีล และพระวินัย เช่น ถ้าหลวงพี่เกิดอยากฉันขนมอะไรสักอย่าง หลวงพี่ก็ต้องรอจนกว่าจะมีญาติโยมมาถวายใช่ไม๊คะ แต่ฆราวาสอยากทานเมื่อไหร่ก็ไปหาซื้อมาทานได้เมื่อนั้น


    หลวงพ่อท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า "มีพระรูปหนึ่งอยากฉันข้าวเหนียวถั่วดำ ถึงขนาดร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว เหตุที่ร้องไห้ก็เพราะว่า เมื่อออกบิณฑบาตร มีคนใส่ข้าวเหนียวถั่วดำมาให้ ก็วาดหวังว่าจะได้ฉัน แต่เมื่อถึงเวลาฉัน ตามธรรมเนียมวัดป่า การตักอาหารต้องเป็นไปตามลำดับอาวุโส กว่าจะมาถึงพระรูปนี้ ถั่วดำก็หมด อดฉัน เป็นอยู่อย่างนี้ ถึง 3 วัน เลยทีเดียว วันที่ 3 ถึงกับร้องไห้เพราะไม่ได้ฉันข้าวเหนียวถั่วดำตามที่อยาก" ฟังกี่ครั้งทีก็ขำค่ะ

    แต่วันหนึ่งเจอเข้ากับตัวเอง ขำไม่ออกแล้วค่ะ แต่นึกเห็นใจพระ
    เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อปลายปี 51 ไปออกร้านขายของที่ อตก. เห็นคนเขาถือไอศครีมมะพร้าอ่อนทานกัน ก็นึกอยากทาน ตอนนั้นหัดภาวนาด้วยการตามดูสภาวะแล้วค่ะ มันเห็นชัด ๆ ถึงความอยาก ก็หยุดพิจารณาว่า กิเลส หรือ ร่างกายหิวจริง ๆ พิจารณาแล้วก็ออกไปหาซื้อ แต่เชื่อไม๊คะว่า เดินหาทั่ว อตก. 3 รอบ หาไม่เจอ สุดท้ายกลับมานั่งที่บูธ แล้วก็รู้สึกว่า มีอาการจิตดิ้นที่กลางอก แบบว่า รู้สึกทรมานพอสมควรกับการที่ ไม่สมอยาก .... แล้วก็ให้นึกถึงเรื่อง พระอยากฉันข้าวเหนียวถั่วดำ ขึ้นมา วันรุ่งขึ้นถึงได้ทานไอสครีมสมใจอยากค่ะ แปลกมากค่ะ นึกอยากทาน ก็เดินไปซื้อเลย เดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอร้านที่ขาย ทั้ง ๆ ทีวันก่อนเดินหาเสียทั่วกลับไม่เจอ .... ^o^

    นี่เป็นตัวอย่างเปรียบเทียบความต่างของการบวชกาย และบวชใจค่ะ

    ความเห็นส่วนตัว
    การปล่อยวาง ของแต่ละบุคคลมีความเข้าใจในการปล่อยวางต่างกัน

    บางคน ปล่อยวางแบบไม่ใส่ใจ ไม่เอาเป็นธุระ แบบปัดให้พ้นตัว
    บางคน ปล่อยวางแบบใส่ใจ แต่ไม่เอามาเป็นธุระ

    การปล่อยวางที่เป็นการปล่อยวางด้วย สติ และปัญญา คือ ใช้ชีวิตตามปกติ ทำอย่างดีที่สุด แต่ไม่ยึดถือ ยึดมั่น ไม่เก็บเอามาเป็นทุกข์กับตัวเอง ไม่ว่าผลที่ออกมาเป็นอย่างไรก็ยอมรับ แล้วนำไปเป็นบทเรียนในการปรับปรุงตัวเองในลำดับต่อไป ซึ่งก็ถือว่าเป็นบาทฐานในการปฏิบัติภาวนาได้ แต่จะมีกี่คนที่ปล่อยวางได้จริง ๆ โดยไม่เก็บกดกิเลสเอาไว้ รอวันที่จะระเบิดออกมาในภายหลังแบบ "หินทับหญ้า"

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ธันวาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...