วอนท่านผู้รู้โปรดช่วยผมต่อต้านพวกมิจฉาทิฐิด้วยครับ....

ลูกศิษไอ้เกษมน่าจะหาทํารูปปั้นไ อ้เกษมมากระทืบเล่น มาทําลาย ลูกศิษมันมีใครมีแม้รูปถ่ายมันบ้าง เจอรูปไอ้เกษมนี่ทีไร เราจะเหยียบเลย เจอตัวจริงผ่านมาที่เราอยู่ เราจะแตะมัน มันบ้าน่ะไอ้นี่

 

ก็เอาคำสอนแบบ วรนุชไปเผยแพร่ที่เวปสามแยกของคุณซืเอามาเผยแพราที่นี่ทำไม แล้วไอ้เกษมพ่อคุณน่ะระยำหรือเปล่าสั่งสอนบิดเบือนพระธรรม กลับไปเวปสามแยกของพวกลัทธิระยำของคุณเถอะ เวปตัวเองก็มีที่นี่ไม่มีใครเขาเชิญ เวปนี้เขามีมาก่อนที่ไอ้เกษมและสาวกจะเริ่มทำมาหากิน ยังจะมาหน้าด้านทำไม เวปสามแยกคำสอนระยำดีจริงคงไม่กระเสือกกระสนมาหาสาวกที่นี่หรอกจริงไหมล่ะ ไปรับกินหญ้าที่เกษมมันให้กินทุกวันให้อิ่นก่อนเถอะ อย่ามาแถวนี้เลย คนส่วนมากเขารังเกียจไม่มีใครต้องรับลัทธิอุบาทหรอกอยากจะเก่งอวดภูมิก็ไปสอนพ่อแม่ปู่ย่าตายายคุณเถอะที่นี่ไม่มีใครเขาบอก่าเขาต้องการ ไป ไป

 

เหนื่อยใจจริงๆ ผมว่าผมพยายามใช้คำพูดให้เบาที่สุดแล้วนะ เพราะว่าผมเองไม่ได้มีโทสะอะไรเลยจริงๆ ตั้งแต่ผมเกิดมาผมก็มีโทสะนับครั้งได้ แล้วยิ่งมาช่วงหลังๆนี่ผมยิ่งน้อยกว่าเดิมไปเยอะ แต่เอาเถอะผมไม่สามารถที่จะให้ใครมาคิดอะไรได้ ใครอยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะครับ เพราะว่าผมไม่ได้รับกรรมร่วมกับทำที่ทำผิดอยู่แล้ว

อันนี้อีกเรื่องครับ คุณรู้รึเปล่าว่ามีพวกนอกศาสนาเข้ามาหากินกับศาสนาพุทธน่ะ นี่ล่ะตัวอย่าง การทำพระหรือว่าวัตถุมงคลของจริงไม่มีอะไรแบบนี้หรอกครับ อย่าเอามารวมกันนะครับ

 

เด็กเอยเด็กน้อยเดินผิดทางแต่ต้นชีวิต ไปมีอาจารย์ที่กําลังจะเป็นสัตว์นรกในอเวจี อาจารย์ไปไหนศิษก็ไปด้วย คงยังต้องเหนื่อยอีกนานเท่านาน ศาสนาจะหมดก็เพราะมีคนบ้าอย่างไอ้เกษม

 

อนุโมทนาบุญในส่วนนี้ของ คุณ Ricky ครับจะพยายามปฏิบัติให้ได้เหมือนกันครับ

 

ทุกอย่างมันมีเหตุ มันจึงเกิดครับ เดินทางสายกลางไปเรื่อยๆก้อพอแล้วครับ สำหรับทางสายนี้ ลองมองอะไรให้เห็นเป็นอริยสัจนะครับ

 

คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Manawee<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4169410", true); </SCRIPT> คุณจะพิมให้มันตัวใหญ่ๆทำไม อ่านยากจะตาย พิมธรรมดาก็พอแล้ว อ่านง่ายดี เหนตัวใหญ่แล้วปวดตา ต้องอ่านผ่านๆเลย ส่วนของคนอื่นเราอ่านหมดล่ะ มาบอกเฉยๆว่าอย่าให้มันใหญ่มากนัก เด๋วคนจะไม่อ่านเอา

 

อ่านแล้วคิดถึงพระเทวทัตยังไงไม่รู้ครับ
พยายามทำเป็นสุดโต่งเพื่อทำให้พระพุทธเจ้าดูเหมือนยังหลงในกาม
สุดท้ายนรกกินหมด

นี่เหมือนกันพยายามทำเป็นสุดโต่ง เพื่ออะไรไม่ทราบเหมือนกัน
ผมไม่ได้เถียงนะครับว่าท้ายสุดแล้วถึงนิพพานตามคำครูบาอาจารย์สอนมาต้องวางทุกอย่าง
แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปพระพุทธรูป คำสอนที่เป็นพระธรรม หรือครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์
ต่างก็เป็นหนทางนำเราไปสู่เป้าหมายคือนิพพาน ระหว่างทางนี้ เรายังต้องยึดสิ่งเหล่านี้อยู่
เปรียบเหมือนการเดินทางเราก็ต้องใช้รถ พอถึงเป้าหมายเราจึงหยุดใช้ และคงไม่มีใครแบกรถต่อเมื่อถึงที่
เช่นเดียวกันในเมื่อเรายังไม่นิพพานยังไม่ถึงเป้าหมาย การที่จะยึดสิ่งต่างๆ เหล่านี้เพื่อให้เราถึงเป้าหมาย
ผมก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่สมควร คงไม่มีใครที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย เดินลงจากรถแล้วเผาทิ้งนะครับ (เอ มีเผาแล้วนิ หึหึ)

คุณจะมาบอกว่าทิ้งเลยทำลายเลยพระพุทธรูป ไปไหว้ทำไมอิฐปูนมันก็ไม่ถูกนะครับ
ในเมื่อพุทธานุสสติกรรมฐาน ก็เป็นกรรมฐานกองหนึ่งใน 40 กอง
ผู้คนกราบไหว้พระพุทธรูป เพราะเคารพ ศรัทธา คิดถึงคุณงามความดีของพระองค์
เราต้องอนุโมทนา ว่าคนเหล่านั้น มีจิตศรัทธาในพระศาสนา
ไม่ใช่ไปด่าว่าโง่ ว่าควาย เดี่ยวตายวิญญาณจะไปอยู่ในก้อนอิฐ
อะไรแบบนี้ ฟังแล้วสลดใจ

อย่าลืมนะครับแม้แต่พระพุทธเจ้ายังแบ่งเป็นสามประเภท

1. ปัญญาธิกพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ
2. ศรัทธาธิกพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ
3. วิริยะธิกพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ความเพียรเป็นตัวนำ

แม้แต่พระพุทธเจ้าบางพระองค์ยังบำเพ็ญบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำเลยครับ

แล้วการตอบโต้ของคุณที่พยายามอ้างพระไตรปิฏก อ้างธรรม แต่ฟังสิ่งที่คุณโต้ตอบแล้ว
เป็นไปแบบเร้าร้อน กระแทกแดกดัน เสียดสี มัวหมอง ขุ่นข้อง เคียดแค้น คับแคบ หดหู่
ยิ่งอ่านยิ่งฟังแล้วผมยังไม่เห็นว่าจะทำให้ชีวิตผมร่มเย็นได้อย่างไร

หลายๆ ท่านออกมาบอกว่าต้องปกป้อง อยากให้คิดแบบนี้นะครับบางคนเตือนได้
บางคนเตือนไม่ได้ต้องปล่อยไป ด่ากันไปสร้างกรรมเพิ่มเปล่าๆ ท่านก็บอกไว้แล้วว่า
ศาสนาจะเสื่อมไม่เสื่อมก็ขึ้นอยู่กับคนในศาสนาเราเองนี่แหละ ถ้าเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว
ก็ถือว่าเป็นการทำนุบำรุงศาสนาในระดับหนึ่งแล้ว อย่าคิดมากเลยครับ

ฉะนั้นธรรมใดเป็นไปเป็นเพื่อสงบร่มเย็น เราน้อมนำมาใส่ตัวกันดีกว่าครับ
ส่วนเรื่องมิจฉาทิฐิมีอีกหลายกรณีครับ ผมเจอมากับตัวเองยิ่งกว่านี้ก็มี
จะไปวิ่งเต้นเร้าร้อนไปไม่มีประโยชน์ บางอย่างไม่ได้อยู่ในวิสัยที่เราจะเข้าไปแก้ครับ

 

ที่นี่คนเพี้ยนก็เยอะ คนสุดโต่งก็แยะ อัตตาล้นก็มาก .....

เฮ้อ....

 

สนับสนุนเจ้าของกระทู้อย่างสุดหัวใจค่ะ แค่เห็นรูปที่ Post หน้าแรก ก็ใจหายแล้ว ไปเผาท่านทำไม ท่านเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ เรากราบไหว้บูชาท่าน เพราะท่านเปรียบเสมือนตัวแทนพระพทธองค์มิใช่หรือ ตอนกราบพระพุทธ ก็ให้นึกถึงว่ามีพระพุทธองค์ องค์จริงๆ มานั่งตรงหน้าด้วยก็ได้ พระไตรปิฎกพี่เจนไม่รู้หรอกค่ะหมอ แต่พี่พอจะรู้ว่าอะไรที่ควรทำและอะไรที่ไม่ควรทำ ให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ที่ท่านเป็นผู้ปกป้องพระพุทธศาสนา ที่น่าเอาเยี่ยงอย่างคนหนึ่ง อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

 

นายมารระวีเนี่ย วอนหานรกอเวจีจริงๆ มีพาดพิงพระอรหันต์ด้วย


แล้วที่อ้างมาว่า เชื่อแต่ครูบาอาจารย์พาให้เสื่อมเนี่ย ถามจริงๆเหอะ พูดถึงตัวเองหรือเปล่า คนอื่นเค้าไม่ได้เป็นอย่างตัวเองนะจ๊ะ

คราวหน้าคราวหลังไม่ต้องยกตำรามาทั้งดุ้นหรอก เอาแบบภาษาคนธรรมดานี่แหละ ชอบอ้างตำรามาให้ขลัง ตัวเองทำได้หรือเปล่า ถ้าทำได้แล้วอ้างมา อย่างนี้ค่อยน่าเลื่อมใส แต่ถ้าทำไม่ได้ แต่เล่นอ้างตำรา

เค้าเรียกว่า เถรใบลานเปล่าจ๊ะ เข้าใจมั้ยจ๊ะ พ่อมารระวี ?

 

ลองขึ้นไปถามพระพุทธเจ้าท่านเลยก้อได้นิครับ จะได้ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน

 

นึกว่าธรณีสูบไปแล้ว ยังจะแหวกนรกขึ้นมาเผยแพร่ คำสอนเลวๆอีกหรือ ก็บอกแล้วไงไปสอน ผู้ให้กำเนิดและบิดามารดาผู้ให้กำเนิดของคุณโน่น ไอ้พวกนรกเวปสามแยก

 

ถามจริงๆเถอะทำไมหรือเวปสามแยกไม่มีใครเขาสนใจแล้วหรือถึงได้มาเรียกร้องความสนใจที่นี่ 55555 ก็อย่างว่าแหละคำสอนระยำแบบนั้นจะมีก็แต่เดรัจฉานเท่านั้นที่เชื่อ คนเขากลัวบาปกลัวกรรมมันจะตามไปสนองตัวผู้เผยแพร่และครอบครัว

 

55555555+ ขำ.....^_^

 

จากปัญหาที่เกิดขึ้นของชาวพลังจิต ปะทะ กับศิษย์สามแยก ผมได้เจอเหตุการณ์ต่างๆ ตามสภาพจริง เช่น
1.ฝ่ายของสามแยก มีการสอนจากพระไตรปิฏก และมีการเผยคำสอนแบบแปลกๆ เช่น โอนบุญให้สิว เชื้อโรค ๆลๆ ซึ่งในพระไตรปิฏกแล้ว การอุทิศบุญมีจริงๆ สามารถให้ได้กับญาติที่ล่วงลับแล้ว เช่นกรณีที่เกิดเป็นปรทัตตุปชีวิกเปรต และ เวมานิกเปรต เท่านั้นที่รับได้
ส่วนอื่นๆ นั้นเช่น คน เทพ เทวา ๆลๆ ก็จะยินดีในบุญเอา
2.ฝ่ายของชาวเว็บทั่วไปรวมทั้งผม ได้ยึดหลักตามพระไตรปิฏกแบบเดิม ไม่มีการแก้ไข บิดเบือน ถ้าบอกว่าเบิกบุญให้เชื้อโรค มันก็จะเป็นความเห็นผิดเอาได้ สำหรับความคิดของผู้รักษาธรรมวินัยส่วนมาก
3.ฝ่ายของสามแยก บอกว่า มีพระพุทธรูป ตกนรก เรื่องนี้ทำให้เราหดหู่ใจได้เลยครับ
4.การที่มีคำสอนว่า การรักษาคนไข้ได้บุญ แต่ถูกเจ้ากรรมนายเวรเล่นงาน ก่อนที่ผมจะเชื่อ ผมได้นึกถึงแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ อย่าง หมอชีวก โกมารภัจจ์ ได้รักษาคนไข้มามากมาย รวมทั้ง ถวายพระโอสถถ่ายให้พระศาสดาด้วย ซึ่งรายละเอียดในพระไตรปิฏกเล่มที่ 5 ตอน กำเนิดหมอชีวก โกมารภัจจ์ ในหน้า 136 http://84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=05&A=3285&Z=3395&pagebreak=1 เทียบเคียงเองถึงจะทราบ
5.ทางเว็บไซต์ธรรมะ บางเว็บ เช่น ลานธรรม ถึงกับมีการแบนคำสอน เพราะเป็นความเห็นผิด
6.สำนักสามแยก สอนว่า หากใครมีพระธาตุ เป็นของตนเอง ถือว่า ผิด ให้เอาไว้ในวัด
ซึ่งตามสภาพจริง คนที่ได้พระธาตุ เป็นคนที่มีบุญจริงๆ และเจตนาก็อยากจะไปให้วัด หรือ โรงเรียนก็ได้นั้น เป็นเจตนาของผู้ครองเอง
7.ขอให้ชาวเว็บพลังจิตได้ร่วมกันนำพระไตรปิฏกมาเทียบเคียง เพื่อป้องกันคำสอนแปลกๆ ทางผมจึงขอยินดีในบุญกับผู้ทำเว็บ เผยแพร่คำสอนที่ถูกต้องทุกท่าน
8.ฝ่ายสามแยกบอกว่า หากบ้านใครมีพระพุทธรูป พระธาตุ พระเครื่องใดๆ ยันต์ใดๆ นั้น จะทำให้บ้านแตกความสามัคคี จนถึงขั้นฆ่ากันก็มี บ้านผมก็มีแต่ถึงบ้านผมครอบครัวขัดกัน
แต่ก็กลับมีความสามัคคีดังเดิม ไม่ถึงขั้นที่จะแตกกัน การที่แตกกัน เกิดจากวจีกรรมในแต่ละคนเอง
เรื่องนี้ผมขอจบการแสดงความคิดเห็น

 

ศาสนาล่วงมากึ่งพุทธกาลแล้ว ความเข้าใจในเนื้อความอาจคลาดเคลื่อนได้
การจะกล่าวอ้างพระไตรปิฏกทุกตัวอักษร แต่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูดของตัวเอง
โดยไม่ได้ดูถึงเจตนาของสิ่งที่พระพุทธองค์พยายามสั่งสอน อ่านแล้วไม่เห็นว่า
จะก่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร หรือจะทำให้เห็นธรรมได้อย่างไร
ทั้ง ๆ ที่เรื่องที่ควรกล่าวเกี่ยวกับการปฏิบัติ มีหลายเรื่องมากกว่านี้มากที่ควรกล่าวถึง

ธรรมที่พระพุทธองค์สอนนั้นให้ละอย่างเข้าใจ มีปัญญา ร่มเย็น เบิกบาน ชุ่มชื่น อิ่มเอม
ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เผา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทุบทิ้งๆ ๆ ๆ กระแทกกระทั้น แบบนี้เดรัจฉานที่ไหนก็ทำได้
เพราะเกิดมาอยุ่กับท้องทุ่งท้องนา ในป่าในเขา ไม่เคยมีบ้านมีเครื่องนุ่งห่ม
ถ้าแบบนี้ก็ไปกราบเดรัจฉานเลยที่มันไม่ยึดติดกับอะไร แถมวันดีคืนดีมันก็วิ่งชนของให้พัง
แนวทางเดียวกันเลย ชอบพังของ

ฉะนั้นจะมาอ้างเรื่องยึดติด โดยไม่มีศรัทธาและปัญญามาประกอบ ว่าอะไร ทำไม เหตุใด
ก็ไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์ใด ๆ ได้ ให้เผาโลกทั้งใบทิ้ง ภพ ชาติ ก็ไม่จบ

 

มีการตีความในลักษณะก่อให้เกิดความเห็นผิดในการทำบุญ เช่น ทำบุญกับพระทุศีลได้บาป เป็นต้น จะขัดแย้งในเรื่อง พระเวสสันดร ที่บริจาคพระชาลี และพระกัณหา แก่ชูชก (ซึ่งเป็นคนชั่ว) เป็นต้น ทักขิณาวิภังคสูตร การทำสังฆทาน เป็นต้น ซึ่งเนื้อหา ตามนี้ครับ
1.http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=9161&Z=9310&pagebreak=1 ในหน้า 389 ข้อที่ 710 เป็นต้นไปครับคุณเจ้าของกระทู้ (มาจากชัยภูมิ ผมก็เหมือนกันมาจากชัยภูมิ)
ยังมีอีกครับ เช่น เพศสัมพันธ์แล้วอุทิศบุญได้ ซึ่งผิดหลักพระไตรปิฏกอย่างร้ายแรง ในด้านการรักษาพรหมจรรย์ หรือ การเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร เป็นต้น
มาจากการศึกษาพระไตรปิฏกด้วยตนเองละครับ
ความเห็นส่วนตัว: (น่าจะมีการงดกระทู้ที่เกี่ยวข้องกับสำนักสามแยก)

 

อนุโมทนากับคุณพหุปราชญ์ด้วยครับ...

ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ชัดเจนว่า การทำบุญกับสัตว์เดรัจฉานได้บุญ 100 เท่า ทำบุญกับคนทุศีลได้บุญ 1,000 เท่า ทำบุญกับคนมีศีล ได้บุญ 100,000 เท่า...ดังนี้

และในการทำสังฆทานในอนาคตที่มีแต่พระทุศีล สามารถทำได้อานิสงส์มากเช่นกัน ดังนี้

นี่ก็เป็นหนึ่งในหลายๆ เรื่องที่มีการตีความพระไตรปิฎกผิดจากสำนักนี้ เช่น เรื่องอุทิศบุญ พระพุทธรูป พระรับเงิน ฯลฯ
ท่านผู้อ่านก็ระมัดระวังกันด้วยนะครับ...

</pre>

 

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกว่า 'สัตว์ สัตว์' ดังนี้, อันว่าสัตว์มีได้ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า ? พระเจ้าข้า !"
ราธะ ! ความพอใจอันใด ราคะอันใด นันทิอันใด ตัณหาอันใดมีอยู่ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ, เพราะการติดแล้ว ข้องแล้ว ในสิ่งนั้น ๆ, เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า 'สัตว์' ดังนี้.
ราธะ ! เปรียบเหมือนพวกกุมารน้อย ๆ หรือกุมารีน้อย ๆ เล่นเรือนน้อย ๆ ที่ทำด้วยดินอยู่, ตราบใดเขายังมีราคะ มีฉันทะ มีความรัก มีความกระหายมีความเร่าร้อน และมีตัณหา ในเรือนน้อยที่ทำด้วยดินเหล่านั้น ;
ตราบนั้นพวกเด็กน้อยนั้น ๆ ย่อมอาลัยเรือนน้อยทีทำ ด้วยดินเหล่านั้น ย่อมอยากเล่น ย่อมอยากมีเรือนน้อยที่ทำ ด้วยดินเหล่านั้น. ย่อมยึดถือเรือนน้อยที่ทำด้วยดินเหล่านั้นว่าเป็นของเรา ดังนี้.
ราธะ ! แต่เมื่อใดแล พวกกุมารน้อย ๆ หรือกุมารีน้อย ๆ เหล่านั้น มีราคะไปปราศแล้ว มีฉันทะไปปราศแล้วมีความรักไปปราศแล้ว มีความกระหายไปปราศแล้ว มีความเร่าร้อนไปปราศแล้ว มีตัณหาไปปราศแล้ว ในเรือนน้อยที่ทำ ด้วยดินเหล่านั้น, ในกาลนั้นแหละพวกเขาย่อมทำเรือนน้อย ๆ ที่ทำด้วยดินเหล่านั้น ให้กระจัดกระจายเรี่ยรายเกลื่อนกล่นไป กระทำ ให้จบการเล่นเสียด้วยมือและเท้าทั้งหลาย, อุปมานี้ฉันใด ;
ราธะ ! อุปไมยก็ฉันนั้น คือ แม้พวกเธอทั้งหลายจงเรี่ยรายกระจายออก ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ. จงขจัดเสียให้ถูกวิธี, จงทำให้แหลกลาญ โดยถูกวิธี, จงทำให้จบการเล่นให้ถูกวิธี, จงปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหาเถิด.
ราธะ! เพราะว่า ความสิ้นไปแห่งตัณหานั้น คือนิพพาน ดังนี้ แล.

- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๒/๓๖๗.

กำจัดให้ถูกวิธีนะครับ อันไหนอุปมา อันไหนอุปไมย ดูดี ๆนะครับ ไม่ใช่มาบอกว่า เห็นไหมท่านบอกไว้ว่าจบการเล่นเสียด้วยมือและเท้า

​