มาเขียนเรื่องดีที่มีในสังคมกันนะครับ...คนละเรื่องสองเรื่อง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย satan, 16 ธันวาคม 2006.

  1. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,055
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ฝรั่งใบ้อดข้าว 5วันเหตุบัตรเครดิตมีปัญหาโชคดีตร.ช่วยทัน
    สลด ฝรั่งอดข้าว 5 วัน บัตรเครดิตมีปัญหา แถมเป็นใบ้ขอความช่วยเหลือใครไม่ได้"

    นักท่องเที่ยวใบ้มะกันหวิดอดตาย บัตรเครดิตมีปัญหา ขณะเจ้าตัวไม่สามารถสื่อสารกับใคร แถมไม่มีเงินติดต่ออินเทอร์เน็ตให้ญาติช่วย โชคดีสายตรวจสองแควเจอหลังอดข้าว 5 วัน ก่อนประสานตำรวจท่องเที่ยวติดต่อสถานทูตมะกันรับกลับบ้าน

    เหตุนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดือดร้อนเพราะบัตรเครดิตมีปัญหา ขณะที่เจ้าตัวไม่สามารถสื่อสารกับใครได้ เนื่องจากเป็นใบ้รายนี้ เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 ธันวาคม ขณะที่ ด.ต.ประเจตน์ ศรีสังห์ และ ด.ต.ทายาท เกษมสุข สายตรวจตำรวจท่องเที่ยว 4 กองกำกับการ 4 จ.พิษณุโลก ร่วมกันออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ พบนักท่องเที่ยวต่างชาติรายหนึ่งเดินเก้ๆ กังๆ อยู่บริเวณด้านโรงแรมลิไท เขตเทศบาลนครพิษณุโลก ในสภาพอิดโรย จึงเข้าไปสอบถามเพื่อช่วยเหลือ
    "ตร.ประสานงานหาทางช่วยเหลือ"

    อย่างไรก็ตาม เมื่อตำรวจทั้ง 2 นายเข้าไปเพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว แต่พบว่าพิการทางร่างกายและเป็นใบ้ จึงไม่สามารถพูดตอบโต้หรือสื่อภาษาใดๆ ได้ ต้องใช้ภาษามือสื่อสาร เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจตำรวจท่องเที่ยวจึงแจ้งไปยังศูนย์วิทยุตำรวจท่องเที่ยวพิษณุโลก 1155 พร้อมกับรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อหาทางช่วยเหลือ

    ต่อมา พ.ต.ท.อรรถศักดิ์ ศิริพานิช สารวัตร ส.ทท.4 กก.4 บก.ทท. ได้ตรวจสอบบุคคลสัญชาติต่างชาติที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ และประสานความช่วยเหลือ จึงทราบว่านักท่องเที่ยวคนดังกล่าวที่อยู่ในสภาพอิดโรย ชื่อนายโทนี่ เอ็ดเวิร์ด เป็นชาวอเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2514 ถือพาสปอร์ตหมายเลข 121318699 และเป็นใบ้ไม่สามารถพูดได้มาตั้งแต่กำเนิด
    "ตร. ช่วยหาข้าว และให้เงินกลับ กทม.ประสานสถานฑูตเพื่อกลับประเทศ"

    จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่านายโทนี่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทยเมื่อต้นเดือนธันวาคม และเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ โดยแบกเป้เที่ยวที่เรียกว่า "แบ็คแพ็คเกอร์" และเพิ่งเดินทางเข้ามาเที่ยวใน จ.พิษณุโลก เมื่อ 4-5 วันที่ผ่านมา และเกิดปัญหาขึ้น เมื่อบัตรเครดิตของนายโทนี่ไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากชิพวงจรในบัตรชำรุดจนไม่สามารถรูดเงินออกมาใช้จ่ายได้ รวมทั้งเจ้าตัวไม่สามารถติดต่อญาติที่สหรัฐอเมริกาได้ เนื่องจากไม่สามารถพูดจาสื่อสารกับคนในพื้นที่ รวมทั้งไม่มีเงินเข้าไปใช้บริการอินเทอร์เน็ตจนอดข้าวและอดน้ำมาหลายมื้อ

    ผู้สื่อข่าวรายงาน ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวน นายโทนี่ทำสัญญาณมือบอกตำรวจว่า "หิวข้าว" เนื่องจากเจ้าตัวอดอาหารมาหลายวัน เพราะไม่สามารถใช้บัตรเครดิตได้ ตำรวจท่องเที่ยวจึงซื้ออาหารให้นายโทนี่รับประทาน พร้อมช่วยกันออกเงินเป็นค่ารถโดยสารประจำทางและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้นายโทนี่เดินทางกลับไปกรุงเทพฯ พร้อมแจ้งสถานทูตอเมริกาให้รับทราบ เพื่อประสานงานกับญาติที่อยู่ประเทศอเมริกามาช่วยเหลือ และให้เจ้าหน้าที่สถานทูตช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องบัตรเครดิตด้วย
    "ตร.ท่องเที่ยวเจอเหตุการณ์ต้องช่วยเหลือบ่อย"

    พ.ต.ท.อรรถศักดิ์ ศิริพานิช สารวัตร สทท.4 กก.4 บก.ทท.กล่าวว่า การช่วยเหลือนายโทนี่ เอ็ดเวิร์ด นักท่องเที่ยวสัญชาติอเมริกานั้น ตำรวจท่องเที่ยวได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว จึงช่วยเหลือให้นายโทนี่ขึ้นรถโดยสารจาก จ.พิษณุโลก ไปลงที่สถานีหมอชิต โดยจะมีเจ้าหน้าที่สถานทูตไปรับนายโทนี่เพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป

    ทั้งนี้ ข้อมูลตำรวจท่องเที่ยวในพื้นที่ระบุว่า แต่ละเดือนตำรวจท่องเที่ยวต้องช่วยให้คำแนะนำแก่นักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มีปัญหา เช่น กระเป๋าเงินหาย พาสปอร์ตหาย รวมทั้งทรัพย์สินต่างๆ หาย ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวได้ให้ความช่วยเหลือสัปดาห์ละ 2-3 ราย และส่วนใหญ่สามารถติดตามหาสิ่งของที่หายไปกลับคืนมาได้แทบทุกครั้ง ส่วนกรณีไม่มีเงินเดินทางกลับไปสถานทูตประเทศของตนเองนั้น ตำรวจท่องเที่ยวก็จะช่วยเหลือเงินเป็นค่าโดยสารให้เดินทางกลับไปอย่างเช่นกรณีของนายโทนี่
    ---------------------
    คนไทยเรามีน้ำใจเสมอล่ะครับ
     
  2. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,055
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ครับผมได้อ่านครับ555 / อยากหาคนช่วยกันเล่าหลายๆคนน่ะครับ
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เห็นด้วยกับกระทู้นี้ ของคุณพ่อมดโลจิอย่างยิ่งครับ ที่สำคัญต้องช่วยกันเล่าครับ หลายๆคน เป็นการส่งเสริมการสร้างคุณค่าสังคมแห่งความดีครับ

    บางครั้งคนดีก็ต้องการกำลังใจครับ

    บางครั้ง บางคน กำลังจะเป็นคนดีก็ต้องการแบบอย่างครับ

    บางครั้ง บางคน กำลังคิดว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน จะได้ คิดใหม่ กลับใจทันครับ
     
  4. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,055
    ค่าพลัง:
    +17,915
    kananun ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้วครับ
     
  5. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,055
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ผมเล่าก่อนละกันครับ หลายๆท่านอาจจะแปลกใจทำไมพ่อมดโลจิมันสามารถหาของมาได้ทุกอาทิตย์ มันมีเงินมากขนาดซื้อของได้ทุกอาทิตย์เลยเรอะ / ป่าวหรอกครับ ผมไม่ค่อยมีเงินมากมายหรอก ตามอัตภาพครับ / ตามประสาคนหลังเขาคนนึง ที่เบื่อชีวิตในเมืองครับ / แต่ผมก็โชคดีอย่างนึง มีผู้มีเมตตาธรรมท่านึงแนะนำว่า ให้อยู่ในธรรรมและทำบุญช่วยคนและสิ่งมีชีวิต/ แล้วสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นในชีวิตเรา / มันก็จริงตามนั้น / ผมเคยช่วยชีวิตงูตัวหน่งไว้ขณะที่มันเอาเขี้ยงของมันไปติดอยูที่มุ้งของผม / ผมก็ช่วยเอามันออกจากมุ้ง / มันเลยหันหน้ามามองผมแล้วมันก็เลื้อยไปในที่มืด / และคืนต่อมา กระเป๋าสุดเท่ของผมมันขาดเป็นรอยยาวเลย / ผมนั่งเย็บกระเป๋าอยู่ 1 ชั่วโมง / ก็ไม่มีไรเกิดขึ้น แต่พอเย็บเสร็จ งูตัวนั้นมันเลื้อยออกมาจากกระเป๋าผมเฉยเลยครับ / แล้วมันก็ชูคอมาทางผมและเลื้อยจากไปอย่างช้าๆ / ตั้งแต่นั้นมาเวลาผมเจองูหรืองูตัดหน้ารถ ผมมักจะมีโชคดีเสมอครับ ในเรื่องของการงานการเงิน / เรื่องต่อมาคือ ผมช่วยชีวิตหนูและแมลงปีกแข้งไว้ครับ แมลงแปแข็งตัวนั้นมีคนข้างบ้านเอามาใส่กระป๋องให้ผมดูว่ามันคือไร ผมก็บอกมันคือ กว่างกีม / ผมนึกว่าเขาจะเอากลับไปบ้านครับ / เลยไม่สนใจ/ แต่ผ่านมา 3 วัน มีเสียงกระซิบบอกว่า ให้ช่วยชีวิตสัว์ที่ถูกขังอยู่ / ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรถูกขัง / ต่อมา 24.00 น.ผมก็ได้ยินเสียงกุกกักๆ ในกระป๋องสักอย่างนึง ผมนึกว่าหนูมาแอบกินอาหารจึงเปิดดู / โอ้ พระศิวะ/ แมงกว่ากีมตัวนั้นนั่นเอง มันมีกล้วยเน่าๆอยู่ลูกนึงเป็นเพื่อนมัน / มันอดอาหารมา 3 วันแล้ว / ผมจึงตัดสินใจเอามันไปปล่อยซะ / และตกตอนเย็นผมไปเทียวข้างบ้าน / เขาบอกว่ามีหนูติดถังข้าวสาร เขาจะบีบหัวมัน / ผมจึงขออชีวิตมันไว้และนำมันไปปล่อย / ตั้งแต่วันนั้นชีวิตผมก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ / ยิ่งตอนนี้ยิ่งดีมากๆครับ อยู่อย่างมีความสุข / เวลาผมได้อะไรมาฟรีๆผมก็จะแบ่งเอาไปถวายวัด /25 % แจกเพื่อน 25 % เก็บไว้กับตัวเอง 25 % ที่เหลือก็จะนำไปหาทุนช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสครับ / เพราะผมคิดว่าการศึกษาคือการให้ปัญญากับอนาคตของชาติครับ / แทนที่เราจะให้อย่างอื่น เราให้สติปัญากับเขาจะดีกว่า / มีลูกค้าใจดีหลายๆท่านครับที่นอกจากจะช่วยซื้อสินค้าของผมแล้ว ยังกรุณาส่งของมาให้ผมเป็นน้ำใจอีกครับ ผมรู้สึกซาบซื้งในน้ำจิตน้ำใจของชาวไซเบอร์ที่ไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยแม้แต่พูดคุยกันครับ / บางท่านจะติดต่อแค่อีเมลอย่างเดียงครับ / แต่มีน้ำใจกับผมมาก ซื้อของจากผมไปเยอะแยะแล้ว ยังกรุณาส่งของราคาแพงๆมาสมนาคุณผมอีก / แต่ผมก็ไม่ได้เอาสิ่งที่ท่านผู้มีอุปการะคุณของผมไปขายหรอกครับ ผมเก็บไว้เป็นของที่ระลึกส่วนนึง / แจกเพื่อนส่วนนึง / ถวายวัดสองส่วน / ผมก็ขออนุโมทนาบุญกุศลให้กับท่านผู้มีอุปการาระคุณของผมด้วยนะครับ / ลองเล่าเรื่องดีๆในชีวิตของเพื่อนๆสิครับ /
     
  6. kook1519

    kook1519 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +3,159
    ข่าววัน สองวันที่ผ่านมา เป็นอะไรที่ทำให้เห็นว่า เดี๋ยวนี้มนุษย์มันน่ากลัวขึ้นทุกวันๆๆ ขนาดนี้เชียวเหรอ
    มีสุนัขตัวนึง โดยกลุ่มวัยรุ่นขี้เมาทำร้ายอาการปางตาย (ไม่ใช่นวลนะคะ คนละตัวกัน) สาเหตุคือไปกินเศษอาหารที่พวกวัยรุ่นในวงเหล้าทำตกพื้นกินเพื่อประทั่งความหิว ข่าวบอกว่ากลุ่มวัยรุ่นโมโหที่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปเลยเอามีดฟันที่หัวพร้อมกับเอาไม้ระดมตีจนแน่นิ่งไปเลย
    บังเอิญโชคดี (มากๆๆๆๆๆ ขอบอก) มีคนใจดีขับรถผ่านมาเจอเลยช่วยเอาสุนัขตัวนี้ไปรักษาตัวที่สถานสงเคราะห์สัตว์ ทันเวลา
    คนใจดีคนนั้นเลยไปถามหาเจ้าของได้ทราบเรื่องมาว่า เจ้าตัวนี้เคยมีเจ้าของเหมือนสุนัขตัวอื่นๆ ในละแวกเดียวกันแหล่ะ แต่ตอนนี้เจ้าของซื้อบ้านใหม่ย้ายไปอยู่ที่ใหม่แต่ไม่ได้เอามันไปด้วย (เออ ทำกันเอาไว้เยอะๆๆๆ ความเลวเนี้ย...ดีไม่ทำ กรรมละชอบ คนหนอคน) แล้วมันก็เริ่มออกตามหาเจ้าของมันน๊ะ (ขอร้องละหมาเอ่ย เลิกตามหามันสะเถอะ..อย่าลืมอโหสิกรรมให้เขาด้วยล่ะ ชาติหน้าเกิดมาจะได้ไม่เจอกันอีก)

    สรุปว่าสุนัขตัวนั้นก็รอดตายแบบฉิวเฉียดเพราะเจอคนใจดี ที่มีแฝงตัวอยู่ในสังคม จะปรากฎตัวเมื่อตอนที่มีสิ่งมีชีวิตที่ยังไม่ถึงฆาตต้องการความช่วยเหลือ

    ในความเลวร้ายก็ยังมีความดีหลงเหลืออยู่จริงๆ ด้วยสิ

    (เนี้ยเรื่องของเรา ประทับในปนละคนกับแค้นใจ)
     
  7. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,055
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ดีจังเลยครับคุณกุ๊ก...หามาเล่าอีกนะครับ ^_^... อย่างน้อยสำหรับคนที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นฝึกอะไรก็ ทำความดีก็ถือว่า ok นะครับ ^_^
     
  8. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวถึงเรื่อง กองทุนพ่อหลวง 80 พรรษา รวมถึงความคิดเห็นส่วนตัวของท่านเกี่ยวกับผลกระทบจากน้ำเมาค่ะ


    " ในวาระ 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทาง มูลนิธิชัยพัฒนาและ สสส. ได้เห็นพ้องต้องกันว่าจะทำโครงการอดเหล้าถวายพ่อหลวง นั่นคือ...แทนที่จะเอาเงินไปลงขวดเหล้านั้นก็ลองลงกระปุกเหล้าโดยไม่ดื่ม และนำเงินนั้นมาถวายเพื่อเป็นกองทุนที่จะดำเนินการในศูนย์ภูมิรักษ์ต่อไป แทนที่จะไปใช้เงินในด้านที่ทำลายทั้งสุขภาพร่างกายและก็ไร้ประโยชน์

    นอกจากนี้ยังเป็นภาระต่อไปข้างหน้าด้วยในแง่สุขภาพ ก็กลับมาทำนุบำรุงส่งเงินนั้นที่มีการออมจากการใช้อย่างไร้ประโยชน์ มาส่งคืนกับแผ่นดิน ทาง สสส. และมูลนิธิชัยพัฒนาจึงเห็นพ้องว่าจะจัดทำกองทุนนี้ขึ้นและจะทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนลด - เลิกเหล้า แล้วเอาเงินส่วนนี้มาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวาระ 80 พรรษา และสำหรับเงินดังกล่าวนี้ก็มีวัตถุประสงค์ที่แน่ชัดคือนำไปใช้ในกิจการศูนย์ภูมิรักษ์

    เพราะฉะนั้นถ้าทุกคนเข้ามาร่วมกิจกรรมก็จะได้รับกุศลอย่างแรงกล้าเพราะเงินทุกบาททุกสตางค์จะนำไปคืนสู่แผ่นดิน เป็นการรักษาแผ่นดิน ทำนุบำรุงแผ่นดิน เพราะประชาชนชาวไทยนั้นถ้าปราศจากแผ่นดินก็คงจะอยู่ไม่ได้ แผ่นดินนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับให้เราใช้อย่างเดียวแต่แผ่นดินนั้นต้องการการรักษา การดูแล การบริหารจัดการอย่างถูกต้อง เพื่อให้ชีวิตของเรานั้นได้ยั่งยืนได้ถาวรต่อไปในกาลข้างหน้าโดยยึดหลักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งไว้คือ...รู้รักสามัคคี

    สำหรับความพอเพียงความพอดีนั้นคือการพอประมาณ ยึดเส้นทางสายกลางไว้เป็นหลัก กิเลสตัณหาที่เราอยู่ในสังคมบริโภคจะเป็นบ่อนทำลายทั้งกายและใจทำให้เรามีความกระหายอย่างไม่หยุดยั้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เคยรับสั่งไว้ว่ากิเลสตัณหามันเหมือนปากที่อ้าและก็ถมไม่เต็ม และเมื่อมีความอยากมากเกินไปนั้นก็มีการเบียดเบียนกัน และผลสุดท้ายความขัดแย้งในสังคมก็เกิดขึ้น

    กิเลสตัณหาที่มาจากอบายมุขทั้งปวง จะเป็นบุหรี่เป็นเหล้าต่างๆ นั้น ประการแรกที่สุดเราอยากจะสนุกสนานในการดื่มเหล้า แต่ให้ลองสังเกตว่าทันทีทันใดที่เราดื่มนั้นร่างกายเราก็ผิดปกติ และวันรุ่งขึ้นยังมีผลพวงที่ค้างเติ่งมาอีก และถ้าเราดื่มมากๆ ดื่มระยะยาวนานร่างกายก็ทนไม่ไหว เพราะเหล้าไม่ใช่สิ่งธรรมชาติสำหรับให้มนุษย์บริโภคเลย...มนุษย์มาปรุงแต่งมาเสริมสร้างจนกระทั่งทำให้จิตใจและความคิดนั้นผิดปกติไปหมด สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นอันตรายทั้งสิ้น

    และนอกเหนือเป็นอันตรายกับตัวเองกับครอบครัวแล้ว ยังเป็นภาระให้กับแผ่นดินด้วย เพราะการรักษาการดูแลต่างๆ นั้นก็เป็นภาระทางด้านสาธารณสุข งบประมาณหลายส่วนจะต้องมาใช้ในเรื่องนี้ และสำคัญที่สุดผลวิจัยก็ระบุมาแล้วว่าในเทศกาลต่างๆ จำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมากมีสาเหตุสำคัญที่พิสูจน์ทราบมาแล้วว่ามาจากการดื่มเหล้านั่นเอง นอกจากทำลายตัวเองคุณยังทำลายชีวิตคนอื่นเค้าด้วยโดยคุรไม่มีสิทธิ์จะทำอย่างนั้นเลย

    และการทำลายชีวิตคนอื่นนั้นไม่ใช่ว่าเค้าจะได้รับผลกระทบอย่างเดียว แต่บางทีพ่อแม่ที่จะต้องคอยดูแลชีวิตลูกหลานต้องเสียชีวิตไปจากการกระทำของท่าน ลูกหลานเค้าจะทำอย่างไรเป็นภาระให้กับครอบครัวของเค้า เป็นการสร้างกรรมอย่างไม่รู้จบ คิดว่าน่าจะหยุดเพราะมันไม่ให้ประโยชน์อะไรเลยทั้งสิ้น ขอให้ท่านเอาชนะตัวเองให้ได้แล้วความสงบความสุขจะมีไม่เพียงแต่ตัวท่าน แต่จะส่งผลไปถึงครอบครัว สังคมและประเทศชาติในที่สุด "

    [​IMG]
     
  9. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,055
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ขอบคุณสำหรับเรือ่งราวของคุณสิกขิมนะครับ ^_^หาเรื้องมาเล่าอีกนะครับ
     
  10. choose

    choose Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +62
    มีเรื่องนึงครับ ลองไปดูโพสเรื่อง มะนาว ที่ค้นพบว่าอยู่ในอวกาศ อ่ะครับ ลองไปอ่านดูนะครับ ฮี่ๆๆ
     
  11. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,055
    ค่าพลัง:
    +17,915
    จะไปดูนะครับ
     
  12. kook1519

    kook1519 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +3,159


    ก๊อบ มาวางให้อ่าน มะได้หรือก๊าบบบ
    คริ คริ จะได้ไม่ต้องไปไหนบ่อยๆๆ เน็ตมันไม่ค่อยจะดี

    (verygood)
     
  13. kook1519

    kook1519 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +3,159
    แล้วก็มีอีกเรื่องนึง
    เป็นเรื่องของคุณป้าต่างจังหวัด ผู้น่ารัก (มากๆๆๆๆ ขอบอก)
    แกชอบให้ข้าวสุนัขแถวละแวกบ้านแกกินทุกวันจนเป็นกิจวัตรของแก (เหอเหอเหอ แถมมีตอนนี้เพื่อนๆที่ใจบุญก็มาร่วมแจมกะแกด้วยอีกต่างหาก ..เพื่อนป้าแกก็ไม่ค่อยจะมีเวลา ก็เลยซื้อข้าวสาร+อาหารสุนัขมาให้แกเอาให้เลี้ยงสุนัขแทน) แกเล่าว่าแกเห็นสุนัขจรจัดที่ไหนก็ตามแกจะต้องให้กินจนอิ่มแกถึงจะไป
    มีอยู่ครั้งนึงแกมีธุระต้องเข้ากรุงเทพฯ แกว่าแท็กซี่มาเลย พร้อมสะเบียงมากมาย (ไม่ใช่ของแกน๊ะ แต่เป็นของบรรดา The Dogs ทั้งหลาย) แกแวะตามรายทางทุกจุดที่เจอสุนัขจรจัด ตามนิสัยแกเลย ให้แท็กซี่แวะเอาอาหารให้สุนัขจรจัดกินจนอิ่มแล้วก็เดินทางต่อไป แกทำแบบนี้จนถึงที่หมายปลายทาง (โอ๊ะ โอ้ ไม่อยากจะนึกถึงค่าแท็กซี่เลย แม่เจ้า...คงเอาการอยู่ล่ะ) ....
    ผู้ดำเนินรายการ (คนค้นคน) ถามว่า
    ผู้ดำเนินรายการ : ป้าฐานะดีเหรอถึงทำแบบนี้ได้
    ป้าผู้น่ารัก : ป่าวนี้ ฉันก็แต่พอมีพอกิน แต่ก็ไม่อด
    ผู้ดำเนินรายการ : ดูแล้วค่าใช้จ่าย ออกจะค่อนข้างสูงนะครับ
    ป้าผู้น่ารัก : ก็เยอะค่ะ แต่เพื่อนๆ ช่วยกันบ้างก็มี
    ผู้ดำเนินรายการ : ป้าทำมานานหรือยังครับ
    ป้าผู้น่ารัก : จำไม่ได้แล้ว นานแล้วมั้งค่ะ
    ผู้ดำเนินรายการ : มีคนเคยว่า หรือพูดอะไรบ้างมั้ยครับ
    ป้าผู้น่ารัก : ก็มีน๊ะ เพราะสุนัขพวกนี้มันจะมาคอยกินข้าวกัน มันก็มีบ้างที่กัดกันเสียงดัง รำคาญอื่นเขา
    ผู้ดำเนินรายการ : ทำไม หรืออะไรทำให้คุณป้าทำแบบนี้เหรอครับ
    *********************************
    รู้มั้ยป้าแกว่างัย แกบอกว่า
    " ป้าไม่อยากเห็นเขาอด ก่อนหน้านี้เขาจะอดอยาก จะเป็นอย่างงัยป้าไม่รู้ แต่ตอนที่เขาเจอป้า เขาต้องอิ่ม "

    โฮ้ แม่เจ้า อันความเมตตา กรุณาปราณี นั้นยิ่งใหญ่จริงๆ เรียกน้ำตาเราอาบแก้มได้ในพริบตา ฉับพลันทันใด
     
  14. *44*

    *44* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    528
    ค่าพลัง:
    +1,808
    ครั้งหนึ่ง เราไปเที่ยวเดนมาร์ก กับครอบครัวของพี่เรา
    เราออกไปเดินเล่นย่านอามา ซึ่งเป็นแหล่งของนักสูบกัญชา เราไม่รู้
    เราไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวไปด้วย เพราะอากาศมันไม่หนาวเท่าไร
    แต่เดิน ๆ อากาศก็เย็น ลมก็เย็น เราเกิดหนาวขึ้นมา มีฝรั่งคนหนึ่ง สูงใหญ่ ท่าทางมาเฟีย น่าตาดุ เดินมาจูงมือเราไปไม่พูดอะไร เราก็งง ปล่อยให้ฝรั่งจูงไปเฉยเลย
    เขาพาเราไป ร้านขายเสื้อกันหนาวร้านหนึ่ง ที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น แล้วก็ เลือกเสื้อกันหนาวให้เราตัวหนึ่ง พร้อมกับจ่ายเงินให้ด้วย
    เรายิ้มให้เขาอย่างเดียว เพราะงง ไม่รู้จะพูดอะไร
    ตอนหลัง เรารู้ว่าเขาเป็น พ่อค้ากัญชาแถวนั้นนั่นเอง
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    การฝึกจิตที่ง่ายที่สุดอย่างหนึ่งอย่างหนึ่ง ไม่ต้องไปหาครูบาอาจารย์ที่ไหน นอกจากใจของเราเอง ก็คือ การทำความดีให้เป็นปรกติ ในทุกวัน ทุกโอกาสที่เอื้ออำนวย จนใจเราชินกับการทำความดีเป็นปรกตินิสัย ท่านผู้ทำได้แบบนี้ แม้ไม่ได้ฌานได้ญาณอันใด ก็ยังดีกว่าผู้ได้อภิญญาโลกียฌาน แต่เป็นมิจฉาทิษฐินำเอาความรู้ไปใช้ในทางที่ผิดมากมายนัก

    ขอโมทนาบุญของทุกๆท่านด้วยครับผม
     
  16. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,055
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ตอบโดนใจผมที่สุดในโลกเลยครับ คุณ kananun ทีม เสียงพระธรรมเทศนา/ อันนี้แหละสุดยอดของแก่นธรรมของแท้และดั้งเดิมเลยครับ / ขอโมทนาครับ ^_^
     
  17. ice_jade

    ice_jade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +311
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เด็กชายใจบุญ 12 ขวบเลี้ยงทารกกำพร้ามากว่า 20 คน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 ธันวาคม 2549 09:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เด็กชายเริ่มสนใจเก็บทารกกำพร้าครั้งแรกตอนอายุ 3 ขวบ ด้านมารดาไม่ยอมเพราะกลัวเป็นภาระ แต่เพราะคำของลูกชายที่บอกว่า "ถ้าปล่อยทิ้งไว้ ทารกน้อยจะโดนสุนัขกิน" ทำให้ผู้เป็นมารดาตัดสินใจอุ้มทารกน้อยกลับบ้าน จากวันนั้นถึงวันนี้ เป็นเวลาล่วงเลยมากว่า 6 ปี ปัจจุบันเด็กน้อยใจบุญ เจ้าซวงปิน ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา ณ โรงเรียนประถมศึกษาที่สองในสังกัดมหาวิทยาลัยเจิ้งโจว และมารดาของเขา ได้เก็บทารกกำพร้ามาเลี้ยงศิริรวมแล้ว 20 คน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> วันที่ 1 เดือนธันวาคมของปีนี้ ทันทีที่เสียงกริ่งหมดเวลาเรียนดังขึ้น เจ้าซวงปิน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 1 ของโรงเรียนประถมศึกษาที่สองในสังกัดมหาวิทยาลัยเจิ้งโจว ก็เก็บกระเป๋าหนังสือ รีบร้อนออกจากโรงเรียนเพื่อไปยังโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ใกล้ๆ เนื่องจากวันนี้มารดาไม่อยู่ เขาต้องทำหน้าที่ไปรับน้องชายกลับบ้าน เจ้าเกาเสียง น้องชายที่อายุเพิ่งจะครบ 3 ขวบในปีนี้พอเห็นพี่ชายก็รีบวิ่งเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยง ท่าทางของเจ้าซวงปินผู้พี่นั้นราวกับผู้ใหญ่ในร่างเด็ก ยิ้มน้อยๆ และตีก้นน้องชายเบาๆ เป็นเชิงหยอกล้อ หลังจากนั้นมือหนึ่งหิ้วกระเป๋า มือหนึ่งจูงมือน้องชายพากันกลับบ้าน

    นี่คือฉากหนึ่งของซีวิตในวันปกติของสองพี่น้อง เมื่อใดที่มารดาไม่อยู่บ้าน พี่ชายตัวน้อยก็ต้องดูแลน้องชายในทุกๆ ด้าน แม้ว่าตัวพี่เองก็ยังเป็นเพียงเด็กชายคนหนึ่งที่ยังต้องการการดูแลจากผู้ใหญ่เช่นกัน

    ความจริงแล้ว เจ้าเกาเสียง ไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของเจ้าซวงปิน แต่เป็นเด็กกำพร้าที่เจ้าซวงปินนำมาเลี้ยงตอนที่ตนเองอายุ 9 ขวบ ซึ่งในเวลานั้นเจ้าเกาเสียง ยังเป็นทารกแบเบาะที่อายุเพียง 6 เดือนเท่านั้น

    ทั้งนี้ เกาเสียงน้อย ก็เป็นเพียงหนึ่งในบรรดาทารกกำพร้าทั้ง 20 คนที่เจ้าซวงปินเคยอุปการะในช่วงเวลา 6 ปีตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540- พ.ศ. 2546 นั่นเอง

    3 ขวบคิดรับเลี้ยงเด็กกำพร้า

    "ช่วงเวลาที่อุปการะเด็กกำพร้าเยอะที่สุด คือเลี้ยงเด็กไว้ในบ้านถึง 5 คนในเวลาเดียวกัน" มารดาของเจ้าซวงปินกล่าวกับผู้สื่อข่าว

    เนี่ยงจากหย่าขาดกับสามีในปีพ.ศ. 2538 เจ้าเหวินหัวผู้มารดา ตัดสินใจเดินทางออกจากเจิ้งโจวพร้อมกับเจ้าซวงปินบุตรชาย เพื่อไปทำงานยังเหมืองถ่านถินแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเมืองอี้หม่าและเมืองหมิ่นฉือ ซึ่งทั้งสองได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นเป็นเวลา 8 ปีเต็ม

    สองแม่ลูกใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณที่รายล้อมไปด้วยเหมืองถ่านหินน้อยใหญ่กว่าหนึ่งพันแห่ง ซึ่งคนงานเหมืองส่วนใหญ่เป็นชาวยูนนาน กุ้ยโจว และเสฉวนที่มีฐานะยากจน ไม่มีความมั่นคงในชีวิต เนื่องจากมีการโยกย้ายบ่อย ดังนั้นบริเวณข้างถนนหรือข้างทางรถไฟ มักจะมีทารกที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานถูกพ่อแม่นำมาทิ้งไว้ เนื่องจากครอบครัวยากจน หรือเกิดมาแล้วไม่สมประกอบ

    ปลายปี พ.ศ.2540 ในฤดูใบไม้ร่วงอันหนาวเหน็บ ซวงปินน้อย เด็กชายวัย 3 ขวบกำลังวิ่งเล่นอยู่หลังบ้าน พลันได้ยินเสียงร้องไห้ของทารกที่ถูกนำมาทิ้งไว้บริเวณข้างบ่อน้ำร้างใกล้ๆ บ้าน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงวิ่งไปดู และพบทารกตัวน้อยถูกห่อไว้ด้วยผ้า มีเพียงวงหน้าน้อยๆ เท่านั้นที่โผล่ออกมา ซึ่งในบริเวณนั้น มีสุนัขดำตัวหนึ่งเดินวนเวียนและเห่าทารกน้อยอยู่ด้วย และแม้ว่าจะมีชาวบ้านมากมายมามุงดู แต่ก็เป็นการมุงดูเพียงชั่วครู่แล้วหันหลังจากไป

    ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ผู้คนที่มุงดูแยกย้ายกันไป สุดท้ายเหลือเพียงซวงปินน้อยกับทารกที่น่าสงสารเพียง 2 คน ในที่สุดซวงปินก็ตัดสินใจอุ้มทารกกลับบ้าน

    ภายหลังจากที่เก็บทารกน้อยมาไว้ที่บ้าน ผู้ชมชอบออกนอกบ้านไปวิ่งเล่นซุกซนอย่างซวงปินก็กลับกลายเป็นเด็กที่อยู่ติดบ้านทั้งวัน ตั้งอกตั้งใจช่วยมารดาเลี้ยงทารกน้อย ส่วนผู้เป็นมารดานั้นด้วยความที่ต้องทำงาน พลันกลับมีทารกที่ต้องการการดูแลเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน จึงอดไม่ได้ที่จะวิตกกังวล ครั้งหนึ่งจึงอาศัยช่วงเวลาที่เจ้าซวงปินไปบ้านญาติ นำทารกน้อยไปส่งให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมืองหมิ่นฉือ เมื่อเจ้าซวงปินกลับมาจึงโวยวายกับมารดาเป็นการใหญ่

    หลังจากเหตุการครั้งนั้น เจ้าซวงปินมักจะออกไปวิ่งเล่นพร้อมๆ กับพยายามมองหา เนื่องจากหวังว่าจะพบเด็กทารกที่ถูกนำมาทอดทิ้งไว้อีก และเมื่อมีผู้ทราบเรื่องนี้มากขึ้น บางครั้งจึงถึงขนาดมีคนนำทารกมาทิ้งไว้ที่หน้าประตูบ้านเขาเองเลยทีเดียว และจากการบอกเล่าของเจ้าเหวินหัว ช่วงเวลาที่แม่ลูกอาศัยอยู่ที่เมืองอี้หม่านั้น ได้รับอุปการะเด็กมามากถึง 20 คน โดยกว่าครึ่งเป็นเด็กที่เกิดมาร่างกายไม่แข็งแรง หรือมีความเจ็บป่วยอยู่

    ผู้อุปการะหวังเลี้ยงเด็กแข็งแรง

    "เด็กพวกนี้ พอรักษาโรคหายแล้ว ก็สามารถที่จะหาบ้านให้กับพวกเขาได้แล้ว" เจ้าเหวินหัวกล่าว

    งานในเหมืองค่อนข้างหนัก เมื่อลูกชายอุ้มทารกกลับมาบ้านทำให้เจ้าเหวินหัวมารดาลำบากใจ จึงได้แต่หาพี่เลี้ยงมาดูแลทารกเหล่านี้ ทางหนึ่งหาครอบครัวที่พร้อมจะรับอุปการะทารกน้อย ซึ่งส่วนใหญ่ทารกที่แข็งแรงนั้น หลังจากเลี้ยงไปได้ราวเดือน ถึงสองเดือนก็จะสามารถหาครอบครัวรับเลี้ยงต่อได้ แต่เด็กทารกที่เกิดมาร่างกายไม่แข็งแรงนั้น ต้องอยู่ที่บ้านของเธอนานกว่านั้น รอจนกว่าทารกจะรักษาอาการป่วยจนหายขาด จึงจะมีครอบครัวที่ยอมรับเด็กเหล่านี้ไปเลี้ยงดู

    ฤดูใบไม้ผลิในปี พ.ศ. 2544 ระหว่างทางที่ซวงปินน้อยที่อายุ 7 ขวบติดตามเพื่อนบ้านไปยังเมืองอี้หยางระหว่างเดินทางกลับพบกลุ่มคนกำลังมุงดูทารกหญิงคนหนึ่ง ซวงปินจึงรีบฝ่าฝูงชนเข้าไปอุ้มทารกน้อยกลับบ้าน ไม่นานก็มีชาวบ้าน สามี-ภรรยาคู่หนึ่งรับไปเลี้ยง แต่ผ่านไปเพียง 2 วันก็นำทารกน้อยมาคืน

    "ตอนที่ฉันกำลังอาบน้ำให้แม่หนูคนนี้ พบว่าเด็กไม่มีรูทวาร" เจ้าเหวินหัวเล่า ดังนั้นเธอจึงวางแผนส่งทารกผู้โชคร้ายไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ซวงปินน้อยไม่เห็นด้วยโดยให้เหตุผลว่า "เด็กๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่างก็ไม่มีพ่อแม่ดูแลกันทั้งนั้น ควรช่วยให้ทารกน้อยได้รับการผ่าตัดก่อนเพื่อให้ผู้ใจบุญมารับเป็นพ่อ-แม่ให้เด็ก"

    จากคำยืนยันอย่างเด็ดขาดของลูกชาย เจ้าเหวินหัวจึงตัดสินใจอุ้มทารกไปรับการผ่าตัดยังโรงพยาบาลประจำเหมืองอี้หม่า และจ่ายเงินราว 1 หมื่นบาทเพื่อเป็นค่าผ่าตัด หลังจากนั้นเด็กทารกก็ถูกครอบครัวหนึ่งที่ไม่มีลูกรับไปอุปการะในที่สุด

    ปีพ.ศ.2545 ซวงปินก็เก็บทารกเพดานโหว่กลับมาบ้านอีกคนหนึ่ง และขอร้องให้มารดาพาไปรับการผ่าตัดรักษา สุดท้ายเมื่อรักษาหายก็มีคนรับไปอุปการะต่อ

    หกปีที่ผ่านมานี้ เจ้าเหวินหัวจ่ายเงินเพื่อเลี้ยงดูทารกและรักษาทารกที่เจ็บป่วยไปแล้วไม่รู่เท่าไหร่ เธอให้เหตุผลว่า "ลูกชายขาดพ่อไปตั้งแต่อายุเพียงขวบเดียว ดังนั้นเพื่อเป็นการทดแทนสิ่งที่เขาขาด ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรฉันก็จะพยายามตามใจ การจ่ายเงินเพื่อเด็กกำพร้าเหล่านี้ไม่เพียงทำให้ลูกชายมีความสุข ยังเป็นกุศลด้วย ดังนั้นมันจึงคุ้มค่าที่จะจ่าย"

    ความผูกพันฉันพี่น้อง

    ทุกครั้งที่เจ้าเหวินหัว นำทารกไปส่งให้ผู้รับเลี้ยง ซวงปินน้อยเป็นต้องโศกเศร้าอย่างยิ่ง และจะขอร้องให้มารดาพาตนไปยังบ้านของครอบครัวผู้รับเลี้ยงทารกเพื่อตรวจตราว่าครอบครัวเหล่านั้นเลี้ยงดูทารกอย่างดีหรือไม่

    พ.ศ. 2547 วันปีใหม่ ซวงปินอุ้มทารกอายุ 6 เดือนเข้ามาในบ้าน ให้มารดาช่วยตั้งชื่อให้ว่า เจ้าเกาเซียง และไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมให้มารดานำเด็กคนนี้ไปมอบให้คนอื่นเลี้ยงต่อ ซึ่งมารดาก็ยอมตามใจเขาและได้พาเจ้าซวงปินและน้องชายคนใหม่กลับมาเจิ้งโจว ในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนของปีนี้
     
  18. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,055
    ค่าพลัง:
    +17,915
    โห...สุดยอดครับ...ใจบุญจริง^_^
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ผมว่าการที่เราได้รับฟังเรื่องราวดีๆ นี่ก็ทำให้จิตใจเราอิ่มเอมขึ้นเยอะเลยนะครับ ขอบคุณเรื่องราวดีๆจากทุกคนครับ มาลงอีกเรื่อยๆนะครับ

    รอฟังอยู่
     
  20. kook1519

    kook1519 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +3,159
    มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง กำลังรวบรวมเรื่องราวดีๆ ที่มีในสังคมงัยค่ะ


    ลืมได้งัย
     

แชร์หน้านี้

Loading...