talk of the town แกนขั้วโลกเปลี่ยน 10 องศาแล้ว ปี 2011 - 2013 ชาวโลกจะพบกับภัยพิบัติที่กำลังจะมาเยือน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ทิพย์เทพ, 18 มกราคม 2011.

  1. ทิพย์เทพ

    ทิพย์เทพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +40
    แกนขั้วแม่เหล็กโลกได้เปลี่ยนแล้วกว่า 10 องศา ได้เคลื่อนจากบริเวณมหาสมุทรอาร์กติกในแคนาดา มุ่งตรงไปยังประเทศรัสเซีย มันได้กลายเป็น talk of the town ณ ทุกวันนี้ได้ติดตามข่าวของหลายๆประเทศได้รับผลกระทบจากแกนขั้วโลกเปลี่ยนในครั้งนี้ มันทำให้รู้สึกว่าเศร้าใจและเสียใจกับเพื่อนร่วมโลกจังเลย นี่เป็นเพียงแค่เสี้ยวเล็กๆที่แกนขั้วโลกค่อยๆเคลื่อน แล้ววันที่แกนขั้วโลกเคลื่อนที่อย่างฉับพลันหล่ะ ทิพย์เทพไม่อยากจะนึกถึงภาพอันน่าสลดใจนั้นเลย 21/12/2012 จะเกิดคลื่นอภิมหาสึนามิถล่มทั่วโลก คลื่นยักษ์จะกลืนกินชีวิตผู้คนอย่างมากมายที่สุด 14/02/2013 จะเกิดลูกไฟมหาประลัยตกมาสู่โลกเผาไหม้วอดวายไปทั่วทุกหนแห่งร้ายแรงกว่าสิ่งใด และประการ 6 ประการนี้ ที่จะกล่าวถึงกับการเปลี่ยนของแกนขั้วแม่เหล็กโลก 1.เปลือกโลกมีการเคลือนตัว 2. เกิดน้ำท่วมใหญ่ 3. โลกจะร้อนขึ้น ที่ร้อนจะเปลี่ยนเป็นหนาวที่หนาวจะยี่งหนาวมากเป็นทวีคูณ 4. เกิดอุกาบาตตกมายังโลก 5. สัตว์หลายชนิดจะสูญเสียประสาทสัมผัสในการกำหนดทิศทาง 6. ภูมิคุ้มกันในร่างกายของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกจะอ่อนแอลง นก ปลา ค้างคาว.จะตายลงอย่างมากมาย สัตว์ใหญ่ก็จะค่อยล้มตายลงอย่างมากมายไม่แพ้กัน 2-3 ปีข้างหน้านี้ชาวโลกทั้งหลายจะได้เจอกับเหตุการณ์อันน่าสพึงกลัว ไม่ต่างอะไรเลยกับในภาพยนตร์ ทิพย์เทพขอดลบันดาลให้คุณพระศรีรัตนตรัยจงคุ้มครองพี่น้องชาวไทยทุกคนให้รอดพ้นจากเหตุการณ์อันเลวร้ายและแสนหฤโหดที่มันจะเกิดขึ้นนี้ด้วยเถิด
     
  2. nui_c

    nui_c สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +4
    ทราบมาคล้ายๆ กัน

    เร็วๆ นี้ทราบมาว่าปีที่ผ่านมาเอียงไปแล้ว 15 องศา และจะเอียงไปถึง 40 องศา ที่เกิดอย่างนี้เพราะมีเหตุ และเหตุนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากมนุษย์เรานี่เอง ... ปลายปีนี้ต่อปีหน้า ระยะนี้ให้สังเกตุดูท้องฟ้า หากเป็นสีแดง คือ อากาศจะวิปริต
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793

    เรียน คุณทิพย์เทพ ขอข้อมูลนิดนึงที่ว่าแกนขั้วโลกเปลี่ยน 10 องศา
    (ตอนนี้ำกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่จ้า)
     
  4. ice_jade

    ice_jade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +311
    อยากรู้ว่าแกนขั้วโลกเปลี่ยน แล้วมีผลต่อแม่เหล็กโลกเปล่าคะ ถ้าใช้เข็มทิศวัดแล้วทิศจะเปลี่ยนไหม
     
  5. Phusaard

    Phusaard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +349
    กายพร้อม ใจพร้อม :cool:
     
  6. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    กัวจังเยย......ช่วงนี้สงสัยต้องหัดว่ายน้ำซะละ..หัดกินให้น้อยลง แต่ก้อกลัวหิวเหมือนกัน ต้องสะสมเสื้อกันหนาวเยอะๆ กางเกงขายาวเยอะๆ
     
  7. nui_c

    nui_c สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +4
    ล่าสุด

    เมื่อวันพระที่ผ่านมา พ่อแม่ครูอาจารย์ได้เมตตาบอกว่าแกนโลกมันล้มเอียงไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ 10-15 แล้ว (บอกเมื่อต้นปี) แต่ตอนนี้เป็น 18 องศาไปแล้ว และภายในปีนี้จะเอียงเพิ่มอย่างรวดเร็วไปจนเกือบถึง 30 องศา ทีเดียว จากนั้นจะใช้เวลาอีกหลายปีเอียงไปช้าๆ จนถึง 40 องศา ... ตอนนี้ข่าวยังน้อย ข้อมูลยังน้อย และยังไม่มีใครเชื่อ จนกว่าจะเอียงไปถึง 20 องศาขึ้นไป และเริ่มมีเหตุการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้นต่อเนื่อง ถี่ขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ข่าวจึงจะเริ่มออก และเริ่มตระหนกกัน ... อากาศเมืองไทยปีนี้จะร้อนจัด แล้งจัด ควรระวังเรื่องไฟไหม้ พายุฤดูร้อน พายุลูกเห็บ ให้มาก ประกอบกับอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ต้องระวังเรื่องสุขภาพ จะเจ็บไข้ได้ป่วยกันมากมาย เมื่อเข้าฤดูฝนจะมีภัยธรรมชาติหลายอย่างที่ต้องเตรียมรับมือกัน ใครที่อยู่ใกล้แม่น้ำ เขื่อน หรือพื้นที่เสี่ยงภัยต่อดินถล่ม แนวรอยเลื่อนๆ ต่างๆ แถบอีสานตอนบน เหนือตอนล่าง อย่าประมาทนะครับ เตรียมพร้อม ดีกว่าไม่เตรียม ...

    คนเราเกิดมาตายทั้งนั้น อะไรก็เอาไปไม่ได้ เว้นแต่บุญ เร่งทำกันตั้งแต่วันนี้ หมั่นสวดมนต์ ถือศีล ภาวนาให้มาก และสม่ำเสมอ

    ปล. อย่าเชื่อผมนะ ... ติดตามดูกันต่อไป และขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านที่มีจิตเมตตาช่วยเหลือเืพื่อนมนุษย์ทั้งหลายในเว็บบอร์ดนี้ครับ
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    ประกาศจากองค์การ NASA แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว "Pole Shift" ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 จริงๆหรอ?

    ประกาศจากองค์การ NASA แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว "Pole Shift" ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 จริงๆหรอ หรือว่าแค่ข่าวลืออ่ะ ตอบหน่อยได้ป่ะอยากรู้จริงๆ

    คำตอบที่ดีที่สุด - เลือกโดยเจ้าของคำถาม

    จากเว็บของนาซ่า
    ลองไปอ่านดูจะพบว่าที่เค้าทำนายคือ แกนเม่เหล็กของ"ดวงอาทิตย์" จะพลิกกลับขั้วตอนปี 2012 ไม่ใช่โลก
    ซึงการกลับขั้วของดวงอาทิตย์จะเกิดทุกๆ 11 ปี ซึ่งเป็นวงรอบจำนวนของจุดดำบนดวงอาทิตย์ด้วย
    สงสัยคนแปลคงจะสับสนระหว่างการกลับขั้วของดวงอาทิตย์กลับโลก เลยเอามาโยงเข้าด้วยกันซะอย่างงั้น
    และการกลับขั้วของดวงอาทิตย์ก็ไม่มีผลอะไรน่ากลัวด้วยซ้ำ เพราะมันกลับมาหลายรอบแล้ว ไม่เห็นมีใครเป็นอะไรเลย
    แล้วที่เค้าทำนายจริงๆว่าแกนแม่เหล็กโลกจะกลับขั้วนั้นเมื่อไหร่?
    จะเห็นได้ว่ามันเกิดขึ้นได้ระหว่าง 5พันถึง 50 ล้านปี แต่ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
    อีกทั้งกระบวนการในการกลับขั้วนั้นยาวนานเป็นพันๆปีด้วยซ้ำ
    และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด การพลิกกลับขั้วแม่เหล็กอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้

    ที่มา : The Sun Does a Flip - NASA Science

    Yahoo! รู้รอบ - ประกาศจากองค์การ NASA แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว "Pole Shift" ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 จริงๆหรอ?<!-- google_ad_section_end -->
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

    ในปี 2012 สนามแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนแปลงหรือ?

    อันนี้ตอบแบบฟันธงไม่ได้จริงๆ และจะรอให้เกิดแล้วค่อยตอบก็ไม่ได้ และหากเป็นเช่นนั้นจริงจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่? ผมจะบอกอย่างนี้แล้วกัน ในฐานะที่พอความรู้ด้านแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่บ้าง เนื่องจากจบการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (วิศวกรรมโทรคมนาคม จาก KMITL) ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า โลกของเราถูกห่อหุ้มด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เรียกว่าชั้นบรรยากาศ มี อย่างน้อย 7 ชั้น นับจากพื้นผิวโลกขึ้นไป ความหนาแน่น ของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าแตกต่างกันแต่มีเสถียรภาพ การที่โลกของเรามีสนามแม่เหล็กไฟฟ้าห่ออุ้มเอาไว้ก็เพื่อป้องกันคลื่นความร้อน และสนามแม่เหล็กอันตรายที่ถูกปล่อยมาจากดวงอาทิตย์โดยตรงและกลุ่มดาวอื่นๆ ในระบบสุริยะจักรวาร หรือที่เรียกกันว่า ลมสุริยะ นั่นเองซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตโดยตรงรวมถึงมนุษย์และอื่นๆ และที่สำคัญ ลมสุริยะดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า มีสิ่งแอบแผงบางอย่างที่สามารถมากระตุ้นแกนโลกซึ่งมีสถานะเป็นของเหลวความร้อนสูง นับล้านๆๆๆ เซลเซียลที่อยู่ลึกลงไปใต้พิภพ ซึ่งอาจส่งผลถึงอุณภูมิภายใต้ผิวโลกที่จะเพิ่มขึ้น จนทำให้หินในชั้นผิวต่างๆ ของโลก หลอมละลาย และกระตุ้นให้ภูเขาไฟที่ดับไปแล้ว ลุกขึ้นคำรามได้อีก เช่น ภูเขาไฟขนาดมหึมาที่ดับไปแล้วหลายแสนปี ที่ yellow stone มลรัฐ Texas กลับฟื้นชีพขึ้นมา และมีความสามารถในการทำลายล้างอเมริกาทั้งประเทศได้

    ครับ ผมกำลังพูดถึงผลกระทบอันเกิดจากชั้นบรรยากาศห่อหุ้มโลกเปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายรวมถึงการกระทำที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ เช่น การใช้ก๊าซเรือนกระจก เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บรรยากาศโลกบางลงไป ส่งผลให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ผ่านชั้นบรรยากาศเหล่านั้น โดยเฉพาะ พลังงานตัวหนึ่งที่เรียกว่า นิวทริโนส์พุ่งผ่านโลกจะทำปฏิกริยากับแกนโลก แล้วทำให้แกนโลกเพิ่มความร้อนขึ้น จนหลอมเหลวในที่สุด พื้นผิวโลกไม่มีเสถียรภาพ จะทรุดตัว เคลื่อนที่ไปทิศทางไหนก็ได้ตลอดเวลา (ดูได้จากภาพยนต์2012 ดูแล้วคิดตาม ตามจิตนาการและความรู้ที่ศึกษามาในแต่ละคน)เปรียบได้กับเปลือกโลกลอยอยู่บนของเหลวขนาดมหึมาผิวโลกจะเคลื่อนย้านไปทางไหนก็ได้ และเมื่อผิวโลกร้อนขึ้น น้ำแข็ง 2 ขั้วโลกจะละลาย เกิด MEGA Tsunami ในที่สุด

    นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างข้อมูลสนับสนุน เช่น

    แบบจำลองคอมพิวเตอร์ ทำนายการพลิกกลับขั้วของแม่เหล็กโลก อาจนำมาสู่การสิ้นสุดอารยธรรมมนุษย์ในปี 2012

    จากการทำงานของนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่ง ที่ได้ศึกษาปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัว บอกว่าโลกและดวงอาทิตย์ ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันและสัมพันธ์กัน โดยจะแลกเปลี่ยนพลังงานและใช้จนหมดกระบวนการหนึ่ง จนเกิดกระบวนการของการพลิกกลับขั้วเกิดขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน เมื่อสัตว์จำพวกไดโนเสาร์ที่สาบสูญไปในช่วงเวลานั้น

    ในการค้นคว้าวิจัยส่วนตัวและของบริษัท ได้วิเคราะห์หรือทำนายด้วยระบบคอมพิวเตอร์ Hyderabad ซึ่งมีแนวโน้มเกี่ยวกับการยกระดับพลังงานขึ้นสูงสุด จะเกิดขึ้นในปี 2012 นี้

    การพลิกกลับขั้วของแกนแม่เหล็กโลก คือกระบวนการเมื่อขั้วทิศเหนือและขั้วทิศใต้กลับตำแหน่งกัน เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น, ที่จุดหนึ่งของเวลา สนามแม่เหล็กโลกจะลดลงเกือบจะถึงศูนย์เกาซ์ โลกที่จุดนั้นของเวลามีคุณสมบัติของแม่เหล็กเป็นศูนย์ สิ่งนี้บังเอิญมาเกิดขึ้นพร้อมกัน กับการหมุนรอบพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ในทุกๆสิบเอ็ดปีพอดี

    ในประวัตศาสตร์ของมนุษย์ยุคใหม่ ปรากฎการณ์แกนโลกพลิกตัวที่เคยเกิดขึ้นนั้นไม่เคยถูกบันทึกมาก่อน แต่ในปัจจุบัน, แบบตัวอย่างคอมพิวเตอร์สามารถทำนายผลลัพธ์ที่เป็นจริงได้ ซึ่ง NASA เคยนำคำพูดที่น่ากลัว มากล่าวถึงในที่สาธารณะเกี่ยวกับการพลิกกลับขั้วจะทำคุณสมบัติของแม่เหล็กของโลกอ่อนแอและเบี่ยงเบนไป แต่ไม่ใช่ศูนย์

    ตามแบบตัวอย่างคอมพิวเตอร์ Hyderabad การพลิกกลับเกี่ยวกับขั้วของโลกและดวงอาทิตย์สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาที่จริงจังดังต่อไปนี้

    - ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ ,computer)

    - การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ

    - ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก

    - ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น, เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม

    - สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้

    - กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น

    -แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

    ถ้าคุณรวมเค้าเรื่องการทำลายล้างกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ความเป็นไปได้เหล่านี้เป็นไปได้ทั้งหมด, คุณสามารถดูได้โดยง่าย, โลกอาจจะกลายเป็นที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับอารยธรรมของมนุษย์เมื่อถึงปี 2012 และผู้ที่จะรอดได้นั้นอาจต้องมีชีวิตอยู่ใด้ดินหรือใต้เปลือกโลกเท่านั้น..

    .
    กลุ่มนักค้นคว้าเรื่อง UFO จำนวนมาก (ในต่างประเทศ) ที่ได้ทำการติดต่อกับพวกเขาอย่างลับๆ รายงานว่ามนุษย์ต่างดาวได้ตระหนักถึงเหตุการณ์เกี่ยวกับโลกในช่วงระยะอันใกล้นี้ ได้เข้ามาบันทึกและศึกษาเหตุการณ์การสูญพันธุ์ของรูปแบบอารยธรรมเกี่ยวกับมนุษย์ อันเนี่องมาจากการขาดของความรู้ของเราเอง ขณะนี้เขากำลังจัดเตรียมเครื่องมือสำหรับการตรวจวัดและคัดเลือกมนุษย์ที่เขาจะช่วยชิวิตเอาไว้ได้จำนวนหนึ่งแล้ว...

    พวกเขาได้รับสัญญาณและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลก ว่ามีบางสิ่งที่รุนแรงจะเกิดขึ้น ซึ่งเขากำลังเตรียมช่วยเหลือเราอย่างเงียบๆ รวมถึงการเคลื่อนย้ายเราไปสู่ปลายทางที่ปลอดภัยที่เราไม่อาจรู้ (ซึ่งฃ่าวนี้ตรงกับข้อมูลทางกลุ่มเขากะลาของไทยที่บอกไว้คล้ายกัน เกี่ยวกับการเตรียมการช่วยเหลือตามจุดต่างๆ 8จุด ทั้งในไทยและต่างประเทศ)

    หลายๆเหตุการณ์ เช่นTsunami, มันเป็นไปได้ที่เราจะงงงวยและจ้องมองมัน กับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ถ้าเรื่องราวนี้ถูกต้อง, มันอาจจะเป็นหนทางหนึ่งที่เราจะอยู่รอดจะเพื่ออารยธรรมของเรา บางทีเราอาจต้องเคลื่อนย้ายสู่ดาวเคราะห์อื่นๆ เช่นที่มันอาจจะเคยเกิดขึ้นบนดาวอังคารเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว...

    หากแปลไม่เข้าใจตามไปอ่านต้นฉบับที่นี่ครับ...
    Indiadaily.com - Computer Models predict Magnetic pole reversal in Earth and Sun can bring end to human civilization in 2012

    http://komtach.blogspot.com/2009/12/2012.html
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    <CENTER>Magnetic Pole Reversal ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกด้าน ค.ศ.2012 อีก5ปี

    </CENTER>


    Magnetic Pole Reversal ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกด้าน


    เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA
    ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์
    แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012


    คำถาม......? โลกจะเป็นอย่างไรเมื่อขั้วแม่เหล็กโลกกำลังพลิกด้าน


    การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือและขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่สามารถทำนายได้ว่าจะกินเวลานานเท่าใด อาจกินเวลาแค่ 1 ช.ม. หรืออาจเป็นเดือนก็ได้) มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยกาซ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งสนามแม่เหล็กโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


    คำถาม.......? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลก


    โดยปกติสนามแม่เหล็กโลก จะเป็นเสมือนโล่กำบังที่ช่วยปกป้องโลกไว้อีกชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ การช่วยกำบังโลกจากพายุสุริยะที่เกิดจากดวงอาทิตย์ แต่เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลกในเวลาที่ว่านั้น สิ่งมีชีวิตบนโลกจะต้องเจอกับหายนะ นั่นก็คือ พายุสุริยะ(บางคนเรียกลมสุริยะ มันเหมือนกันนะเดี๋ยวจะสับสน) พายุสุริยะ คือ พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดจากธาตุไฮโดรเจนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาสู่อวกาศด้วยแรงระเบิดมหาศาล ซึ่งพายุสุริยะนั้นประกอบด้วย รังสีคอสมิก(และอีกมากมาย) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันมหาศาล


    คำถาม........? เราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชินกับพายุสุริยะ


    "ฮารัลด์ เลสช์" (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย "มิวนิค" ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองที่ "ฮารัลด์ เลสช์" สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศ >>>แต่ทะว่าโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นไม่ได้เสถียรเหมือนแม่เหล็กโลกเดิม ฉะนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลกย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า นั่นก็คือพื้นผิวโลก เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆที่โดยไม่หยุดจนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะจะหมดลง และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้ แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเล็งและความร้อน


    คำถาม........? เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเกิดการพลิกตัวอย่างสมบูรณ์จะเกิดอะไรขึ้นกับโลก


    สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้อาจะเหลือเชื่อแต่ตามหลักการแล้วย่อมเป็นไปได้ การพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความหายนะจากพายุสุริยะแค่เพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดหายนะจากการหมุนกลับทางของโลกที่จะเกิดตามมาอีก ยกตัวอย่าง เช่น การหมุนของมอเตอร์ มอเตอร์แบบธรรมดามี 2 ขั้ว โดยให้สัญลักษณ์ A และ B ก่อนที่ขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกตัว ให้เปรียบโดยการใช้ ไฟฟ้าขั้ว + ต่อเข้ากับ A และไฟฟ้าขั้ว - ต่อเข้ากับ B มอเตอร์จะหมุนไปทางใดทางหนึ่ง แต่เมื่อเราต่อขั้วไฟฟ้ากลับด้านกัน ย่อมทำให้มอเตอร์เกิดการหมุนทิศทางตรงกันข้ามกับครั้งแรก และนี่ก็เปรียบกับการพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนั่นเอง


    คำถาม........? แล้วสิ่งมีชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป


    เมื่อโลกหมุนกลับทาง สิ่งมีชีวิตที่เหลืออาจจะต้องเจอกับภัยธรรมชาติมากมาย โลกหมุนกลับทางย่อมทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยน ทั้งกระแสน้ำทะเล กระแสลม รวมถึงแผ่นดิน จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นย่อมไม่มีใครรู้ได้ มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตรอด จะปรับตัวอย่างไรเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก มนุษย์ที่เหลือจะทำอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง...........................



    หายนะที่ได้กล่าวมานี้ อาจจะไม่ร้ายแรงถึงขนาดที่กล่าวมา (หรืออาจร้ายแรงกว่า) ขึ้นอยู่กับว่า การที่ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวนั้นจะใช้เวลานานขนาดใหน ขอให้ทุกคนโชคดีครับ


    บทความ : BeverNetwork​

    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=137166<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันจันทร์ ที่ 6 กันยายน 2553
    เกราะสนามแม่เหล็กโลก กำลังอ่อนกำลัง โดยไม่ทราบสาเหตุ
    Posted by oldman2010


    เกราะสนามแม่เหล็กโลก กำลังอ่อนกำลัง โดยไม่ทราบสาเหตุ<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ที่มา:<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    http://www.youtube.com/watch?v=nVqWH5Qlg8Y&feature=watch_response<O:p></O:p>
    A Giant Breach in Earth’s Magnetic Field<O:p></O:p>
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:pLACE w:st="on"><ST1:pLACENAME w:st="on">NASA</ST1:pLACENAME> <ST1:pLACENAME w:st="on">Goddard</ST1:pLACENAME> <ST1:pLACENAME w:st="on">Space</ST1:pLACENAME> <ST1:pLACENAME w:st="on">Flight</ST1:pLACENAME> <ST1:pLACETYPE w:st="on">Center</ST1:pLACETYPE></ST1:pLACE>,<O:p></O:p>
    <ST1:pLACE w:st="on"><ST1:CITY w:st="on">Greenbelt</ST1:CITY> <ST1:STATE w:st="on">Maryland</ST1:STATE></ST1:pLACE>. <O:p></O:p>
    ข้อมูลเก่า ของนาซ่า เมื่อ ๑๗ ธันวาคม ๒๐๐๘<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ...เดวิส ไซเบค นักวิทยาศาสตร์ ในโครงการTHEMIS ออกมาให้ข่าวสารว่า...นาซ่าได้ตรวจพบว่า ความสูงของชั้นบรรยากาศไออนไนส์ สเฟียร์ ของโลก ที่เชื่อมต่อกับอวกาศ ได้เปลี่ยนแปลง ดังนี้ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ๑. กลางคืน จาก เดิม ๔๐๐ ไมล์ ลดลงเหลือเพียง ๒๖๐ ไมล์ <O:p></O:p>
    ๒. กลางวัน จากเดิม ๖๐๐ ไมล์ ลดลงเหลือเพียง ๕๐๐ ไมล์ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ....นาซ่า...ไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้...แต่ บอกเพียงว่า มีบางอย่างกำลังทะลุทะลวงเกราะสนามแม่เหล็กโลก....โปรดสังเกตให้ดีว่า ช่วงระยะเวลา ๒๐๐๘ เป็นระยะเวลา ที่ กิจกรรมการเกิด พายุสุริยะ บนดวงอาทิตย์ มีค่าต่ำสุด(solar minimum)...หมายความว่า...ปรากฏการณ์นี้ ไม่น่า จะ เกี่ยวกับ ดวงอาทิตย์... <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ....หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปจนถึง ๒๐๑๒ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ พายุสุริยะบนดวงอาทิตย์จะ มีค่าสูงสุด(solar maximum) ก็น่าเป็นห่วงจริงๆ ว่า จะ เกิดความเสียหาย กับ ชีวิตและทรัพย์สิน ของมวลมนุษย์ ...ในระดับหนึ่ง....<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ..ยิ่งเมื่อ..เร็วๆนี้ นาซ่าออกมาย้ำเตือนเรื่อง โอกาสของการเกิด มหาพายุสุริยะ ใน๒๐๑๒ ก็ ยิ่งทำให้มองเห็นได้ลางๆว่า...น่าจะ ไม่ใช่ เรื่องเหลวไหล เสียแล้ว...<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    .....แล้วใครกันหนอ ที่แอบเอา ชั้นบรรยากาศของโลกไป...และ เอาไปเพื่อประสงค์สิ่งใดหรือ...หรือ เป็นเพียงการซักซ้อมความพร้อม...ระหว่าง รอ ของจริงๆ ที่จะ ตามมา...<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ....ทราบไหมว่า...เกราะสนามแม่เหล็กโลก ที่ลดน้อยลง มี ความสำคัญอย่างไร...<O:p></O:p>
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันจันทร์ ที่ 4 ตุลาคม 2553
    อะไรจะเกิดขึ้นหากแกนโลกพลิก
    Posted by oldman2010
    วันอาทิตย์ ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๓

    ...วันนี้ จะ ขอนำเสนอ ผล การศึกษาค้นคว้า เรื่องโลกแตกของ ฝรั่งในก๊วน ดูบ้างว่า พวกเขา ศึกษา และ ตีความกันอย่างไร...
    <O:p</O:p
    ...ต่อไปนี้...เป็นตัวอย่างการคาดคะเนในกรณี แกนโลกพลิก...จะเกิดอะไร กับ เปลือกโลก...


    The move to a'7' will be violent, quakes will be frequent, and it will begin with 1 of the following 3 scenarios.

    [​IMG]


    Map put together by Rick Rickster

    ....แผนที่ข้างบนนี้...แสดงโดย ริค ริคสเตอร์...เห็นได้ว่า จากนี้ไป มี การคาดคะเนว่า..บริเวณ เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ได้แก่ บริเวณ ที่แสดงในแผนที่ อันประกอบด้วย รอยแตกของ แผ่นเปลือกโลก หลักๆ จำนวน ๙ แผ่น และ มีความเป็นไปได้ ที่ จ ะเกิดแผ่นดินไหว รุนแรง ใน ๑๗ บริเวณ

    (1.) roll of the S American Plate to press islands in the Caribbean down (Yellow #'s 1,2,9,10,14)

    Large quakes occur along the rift, almost simultaneously, the Atlantic rift tears causing land on both sides of the Atlantic to sink - SE United States drops; South America rolls and some islands of the Caribbean sink.

    ...จะเกิดแผ่นดินไหวตลอดแนวรอยแตกหรือ รอยต่ออเมริกาใต้ ที่ผลักดัน หมู่เกาะต่างๆในทะเลคาริเบี้ยน เป็นผลให้ อาจมีบางเกาะต้อง จมลง...

    Y1. Atlantic rift tears
    Y2. land on both side of the ffice:smarttags" /><ST1:place w:st="on">Atlantic</ST1:place> sink
    Y9. <ST1:place w:st="on">S America</ST1:place> rolls
    Y10. some islands in the <ST1:place w:st="on">Caribbean</ST1:place> are sinking
    Y14. Altantic rips apart, the <ST1:place w:st="on">SE United States</ST1:place> drops

    อักษร Y1 ถึง Y14 ข้างบนนี้ แสดงจุดที่จะ เกิด การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ

    (2.) the Eurasian Plate pushes over the plates in SE Asia and the Pacific - breaking of the Indonesia tongue - Sumatra and Java and the Malaysia peninsula pressed down (Red #'s 3,4,5,6,7,8,8.5,11,12)

    <O:p</O:p
    แผ่น ยูโรเชี่ยน จะ ผลักและขี่แผ่นเปลือกโลก เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และ แผ่นปาซิฟิค เป็นผลให้ แหลมคาบสมุทรอินโดนีเซียแตกร้าว และ เกาะสุมาตรา ชะวา และ คาบสมุทรมาเลเเซีย จมลง...

    Pacific plate compresses and pushes under the Americas and Indonesia - Andes building - the domino effect (Mariana Trench folding, Philippine Plate tipping sideways under Indonesia, which is breaking and bending to subduct under the Indo-Australian Plate) - islands of Indonesia sink - major quakes in Japan - tsunami heads for N. America - Himalayas are driven up - western edge of India sinks - Africa rolls and rifts tear from Arab lands - Mediterranean floor crumbles, volcanoes become active - Moscow floods.

    ...แผ่นปาซิฟิคจะกดดันและหนุน อยู่ใต้แผ่น อเมริกา และ อินโดนีเซีย- แอนดิส ในลักษณะโดมิโน คือ เป็นต่อๆกันไป แผ่นเปลือกโลก ฟิลิปปินส์ จะ ถูกกดลงอยู่ใต้ แผ่น อินโดนนีเซีย หมู่เกาะของอินโดนีเซีย จะ จมลง เกิด ซูนามิใหญ่ที่ญี่ปุ่น ซึ่งมุ่งหน้าไปยังอเมริกาเหนือ ภูเขาหิมาลัย จะ สูงขึ้น ในขณะที่ ขอบๆ ของอินเดียตะวันตก จะจมลง แผ่นแอฟริกาจะ ม้วนตัว และแตกร้าว จาก แผ่นดินอาหรับ พื้นทะเลเมดิเตอเรเนียน จะ มีรอยแตกทั่วไป และ ภูเขาไฟระเบิดพร้อมๆ กับ แผ่นดินไหว จะเกิดขึ้น น้ำจะท่วมมอสโคว์ ..

    ...ความจริงยังมีที่อื่นๆ ที่จะต้องกล่าวถึงอีกมาก..แต่ พูดๆ ไป ก็ ไม่ทราบว่า จะ เป็นจริงตามนี้หรือ ไม่...จึงขอยุติและ มุ่งมาที่ บริเวณ อินโดนีเซีย เพียงที่เดียว เพราะ เห็นว่า อยู่ใกล้กับ ประเทศไทย...ถ้าอินโดจม..ประเทศไทย คงไม่แคล้ว เดือดร้อนแ่นอน โดยเฉพาะกับ กทม และ นนทบุรี บ้านของ ผู้เขียน....

    ...โปรดสังเกต รอยเลื่อนชะวา หมายเลข ๘ มันพาดผ่าน ริมทะเลอันดามัน ด้ามขวานทิศตะวันตก ของไทย ขึ้นไปยัง ภาคตะวันตกของพม่า และไปยัง บริเวณ ภูเขาหิมาลัย หรือตอนเหนือ ของอินเดีย...ระยะขนาดนี้ ส่งผลถึง กทม ได้ ไม่ยากเย็น...

    ...สำหรับผู้ที่อาศัย อยู่ริมเลอันดามัน ก็ ทำใจดีๆไว้...เพราะ อย่างที่บอก ทั้งหมด เป็นเพียง การคาดคะเน...หาก ไม่เชื่อแล้ว สบายใจ ก็ ทำไปเถอะ...เชื่อแล้ว กินไม่ได้ นอนไม่หลับ มัน ก็ เป็นทุกข์...

    ..พวกฝรั่งนี่...ก็แปลก..เหตุผลหลักๆ ที่พวก นี้ อุตส่าห์ตะเกียกตะกายค้นคว้า ทำเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งๆ ที่ำไม่มีค่าจ้าง ชื่อเสียง ก็ ไม่ได้รับ ซ้ำหลายครั้ง ถูกคนอื่นด่าเอา...ก็ ด้วย อยากจะรู้ว่า มันจริง หรือ ไม่...เพราะความอยากรู้อยากเห็นแท้ๆ...

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    สนามแม่เหล็กโลกกำลังเปลี่ยนแปลง จะกลับขั่วกันในเร็วๆนี้
    [​IMG]


    มหัตภัยร้ายแรง กำลังทำลายโลกใบนี้ สนามแม่เหล็กโลกกำลังเปลี่ยนแปลง จะกลับขั่วกันในเร็วๆนี้.....</B>

    >>> แม่เหล็กโลก กำลังจะ" กลับขั้ว " จริงหรือ <<<
    [​IMG]
    [การเปลี่ยนตำแหน่งของขั้วเหนือแม่เหล็กโลกบริเวณเขตขั้วโลกเหนือในแคนาดาตั้งแต่ปี 2374 ถึงปี 2544]
    เป็น ที่ทราบกันมาเป็นเวลานานว่า ขั้วเหนือของแกนหมุนของโลกกับขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกไม่ได้อยู่ที่ เดียวกัน ขั้วเหนือของแกนหมุนอยู่ที่ละติจูด 90 องศา บนแผ่นน้ำแข็งของมหาสมุทรอาร์กติก ส่วนขั้วเหนือแม่เหล็กโลกอยู่ในเขตของประเทศแคนาดา เจมส์ รอสส์ สำรวจตำแหน่งของขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเป็นครั้งแรกในปี 1831 ในการสำรวจครั้งต่อมาในปี 1904 โดย โรอาลด์ อามุนด์เซน พบว่าตำแหน่งของขั้วเหนือเปลี่ยนไปจากเดิมราว 50 กิโลเมตร จึงได้ทราบว่าขั้วแม่เหล็กโลกมีการเปลี่ยนตำแหน่งด้วย

    ในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมาตำแหน่งขั้วเหนือก็ยังคงเคลื่อนที่เรื่อย ๆ ด้วยอัตรา 10 กิโลเมตรต่อปี แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เคลื่อนที่เร็วถึง 40 กิโลเมตรต่อปี หากอัตราเคลื่อนที่ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ขั้วเหนือจะหลุดพ้นออกจากทวีปอเมริกาเหนือและไปอยู่ที่ไซบีเรียภายในอีกไม่ กี่สิบปีเท่านั้น

    แลร์รี นูวิตต์จากคณะสำรวจทางธรณีวิทยาของแคนาดา กล่าวว่า เดิมตนมีหน้าที่ไปสำรวจวัดตำแหน่งของขั้วเหนือหลายๆ ปีต่อครั้ง แต่ในช่วงหลังจะต้องไปบ่อยขึ้นเนื่องจากขั้วแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่เร็วมาก

    ไม่เพียงแต่ตำแหน่งของขั้วเปลี่ยนไปเท่านั้น ความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกยังลดลงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมาอีกด้วย

    หลังจากที่ข้อมูลนี้เผยแพร่ต่อสื่อมวลชนในที่ประชุมสหภาพธรณีฟิสิกส์ อเมริกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ เรื่องถึงกับเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ทันทีว่า "สนามแม่เหล็กโลกกำลังหมดหรือ?"

    แกรี แกลตซ์มายเยอร์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ออกมายับยั้งกระแสว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับในอดีต



    เกราะสนามแม่เหล็กโลก กำลังอ่อนกำลัง โดยไม่ทราบสาเหตุ

    ที่มา:
    <TABLE class=maeva id=sae1 style="WIDTH: 480px" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD id=saeva1 style="WIDTH: 480px; HEIGHT: 385px"><OBJECT id=aevayt1 height=385 width=480 classid=clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000>

















































    </OBJECT><SCRIPT type=text/javascript><!-- // --><![CDATA[ swfobject.embedSWF("http://www.youtube.com/v/nVqWH5Qlg8Y&rel=0&fs=1&showinfo=1", "aevid1", "480", "385", "9", aeinst, {}, aevams, {id:"aevayt1"}); // ]]></SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ข้อมูลเก่า ของนาซ่า เมื่อ 17 ธันวาคม 2008
    ...เดวิส ไซเบค นักวิทยาศาสตร์ ในโครงการTHEMIS ออกมาให้ข่าวสารว่า...นาซ่าได้ตรวจพบว่า ความสูงของชั้นบรรยากาศไออนไนส์ สเฟียร์ ของโลก ที่เชื่อมต่อกับอวกาศ ได้เปลี่ยนแปลง ดังนี้

    1. กลางคืน จาก เดิม 400 ไมล์ ลดลงเหลือเพียง 260 ไมล์
    2. กลางวัน จากเดิม 600 ไมล์ ลดลงเหลือเพียง 500 ไมล์

    ....นาซ่า...ไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้...แต่ บอกเพียงว่า มีบางอย่างกำลังทะลุทะลวงเกราะสนามแม่เหล็กโลก....โปรดสังเกตให้ดีว่า ช่วงระยะเวลา 2008 เป็นระยะเวลา ที่ กิจกรรมการเกิด พายุสุริยะ บนดวงอาทิตย์ มีค่าต่ำสุด(solar minimum)...หมายความว่า...ปรากฏการณ์นี้ ไม่น่า จะ เกี่ยวกับ ดวงอาทิตย์...

    ....หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปจนถึง 2012 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ พายุสุริยะบนดวงอาทิตย์จะ มีค่าสูงสุด(solar maximum) ก็น่าเป็นห่วงจริงๆ ว่า จะ เกิดความเสียหาย กับ ชีวิตและทรัพย์สิน ของมวลมนุษย์ ...ในระดับหนึ่ง....

    ..ยิ่งเมื่อ..เร็วๆนี้ นาซ่าออกมาย้ำเตือนเรื่อง โอกาสของการเกิด มหาพายุสุริยะ ใน 2012 ก็ ยิ่งทำให้มองเห็นได้ลางๆว่า...น่าจะ ไม่ใช่ เรื่องเหลวไหล เสียแล้ว...

    _______________________________________

    สนามแม่เหล็กโลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
    [​IMG]
    ผลการศึกษาใหม่พบว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของของเหลวที่ไหลเวียนอยู่ใต้ชั้นเปลือกโลก (liquid metal) ลึกลงไป 3,000 กิโลเมตร กำลังทำให้สนามแม่เหล็กในบางภูมิภาคของโลกอ่อนลง

    นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าความผันผวนของสนามแม่เหล็กโลกกำลังเกิด ขึ้นในหลายภูมิภาค โดยในปี 2003 นักวิทยาศาสตร์พบความเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กในแถบออสเตรเลีย และปี 2004 ในแถบแอฟริกาใต้ นอกจากนี้ข้อมูลจากดาวเทียมยังแสดงให้เห็นว่าบริเวณทางตะวันออกของประเทศ บราซิล มีระดับสนามแม่เหล็กต่ำกว่าส่วนอื่นของโลกในละติจูดเดียวกัน

    ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณของการกลับทิศของสนามแม่เหล็กโลกในไม่ช้า ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังต้องจับตามองต่อไป

    แปลโดย Blognone.com
    ที่มา National Geographic
    </P>


    read more : ʹ<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    ฮือฮา! พายุสุริยะ ทะลุเกราะแม่เหล็กโลก

    [​IMG]
    ภาพถ่ายพายุสุริยะทะลุเกราะแม่เหล็กโลกแถบสแกนดินีเวีย วันที่ 29 ธันวาคม 2553

    เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม Mr.Vop's Blog ได้แสดงภาพถ่ายการลุกสว่างของแถบออโรร่า ที่กล้องบนดาวเทียม F17 ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สามารถจับภาพไว้ได้ โดยเหตุการณ์การลุกสว่างของแถบออโรร่านี้ เกิดขึ้นบนน่านฟ้าทางเหนือของประเทศแถบแสกนดิเนเวีย หลังเกิดปรากฎการณ์กลุ่มพายุสุริยะขนาด G1 เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ในจังหวะที่กระแสแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์หันขั้วใต้เข้าหาโลก ทำให้เกิดรูทะลุบนเกราะแม่เหล็กของโลก

    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ Paul McCrone ได้นำปรากฎการณ์พายุสุริยะทะลุเกราะแม่เหล็กของโลกครั้งนี้ ไปวิเคราะห์ โดยใช้ข้อมูลทั้งจากระดับแสงที่ตามองเห็นได้ และจากระดับแสงในช่วงคลื่นอินฟาเรด มาประมวลผล เพื่อศึกษาและใช้ประโยชน์ต่อไป เนื่องจากการทะลุเข้ามาของพายุสุริยะที่มีระดับ 60 โปรตรอนต่อตารางเซนติเมตรเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก
    แล้ว พายุสุริยะ คืออะไร จะทำอันตรายอย่างไรต่อโลกของเรา กระปุกดอทคอม จะมาอธิบายให้ฟังกันค่ะ



    [​IMG]

    พายุสุริยะ ลักษณะเป็นเปลวไฟขนาดใหญ่พัดปะทะโลกอย่างรุนแรง แล้วผ่านไปถึงดาวพฤหัสได้



    [​IMG]



    [​IMG]
    สนามแม่เหล็กโลกปกป้องเรา ขณะพายุสุริยะพัดเข้ามา



    [​IMG]
    อุณหภูมิพื้นผิวมหาสมุทร (สีส้ม สีเหลือง) มีความร้อนสูงในพื้นที่วงกว้างมาก

    พายุสุริยะ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ชาวไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่สำหรับที่ประเทศอังกฤษ มีรายงานข่าวว่า นักวิทยาศาสตร์กำลังหวาดวิตกถึงปรากฏการณ์ พายุสุริยะ เป็นอย่างมาก และถึงขั้นที่ทำให้ ดร.เลียม ฟ็อกซ์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอังกฤษ สั่งประชุมฉุกเฉิน เพื่อหาทางรับมือหากเกิด พายุสุริยะ ขึ้นเลยทีเดียว

    นั่นเพราะเคยมีการคาดการณ์กันว่า ปรากฏการณ์ พายุสุริยะ จะพุ่งเข้าสู่โลกครั้งต่อไปในช่วงปี ค.ศ 2012 และจะนำมาซึ่งความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะทำให้ระบบการสื่อสารและคมนาคม รวมทั้งระบบอินเทอร์เน็ตล่มไปทั่วโลก ส่งผลต่อระบบไฟฟ้า การบิน เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี ค.ศ.1859 ที่ พายุสุริยะ ได้เข้าถล่มประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งอาจจะทำให้เกิดพายุหมอกควันปกคลุมไปทั่วเมืองใหญ่ ๆ ของยุโรปด้วย

    kapook.com
    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สมาคมดาราศาสตร์ไทย, Sunflower Cosmos, วิชาการ.คอม, Wikipedia , Mr.Vop's Blog

    http://www.forum.ossystore.com/index.php?topic=176.0<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    สนามแม่เหล็กโลก
    (Magnetosphere)


    [​IMG]
    Image credit: http://liftoff.msfc.nasa.gov/academy/space/Magnetosphere.GIF


    สนามแม่เหล็กโลก (Magnetosphere)
    สนามแม่เหล็กโลกเกิดจากการกระบวนการไดนาโมของโลก กล่าวคือโลหะหนักที่มีสถานะเป็น
    ของเหลวที่อยู่ในแกนโลกมีการหมุนวน ทำให้เกิดสนามแม่เล็กที่เอียงทำมุมประมาณ 10 องศา
    จากแกนหมุนของโลก ที่ผิวโลกมีความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกประมาณ 30,000 - 60,000
    นาโนเทสลา และความเข้มจะค่อยๆ ลดลงเมื่ออยู่ห่างจากผิวโลกมากขึ้น


    [​IMG]
    รูปแสดงสนามแม่เหล็กโลกและแมกนีโตสเฟียร์
    Image credit: http://upload.wikimedia.org/wikipedi..._rendition.jpg


    ขั้วแม่เหล็กแบ่งออกได้เป็นสองแบบ คือ
    1. ขั้วแม่เหล็ก (magnetic poles)
    2. ขั้วแม่เหล็กโลก (geomagnetic poles)
    ขั้วแม่เหล็กคือตำแหน่งบนโลกที่สนามแม่เหล็กโลกมีทิศทางในแนวดิ่ง กล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า
    ความเอียงของสนามแม่เหล็กโลกที่ขั้วแม่เหล็กเหนือมีค่าเป็น 90 องศา ในขณะที่ความเอียงของ
    สนามแม่เหล็กโลกที่ขั้วใต้มีค่าเป็น -90 องศา ดังนั้นเมื่อเอาเข็มทิศปกติ (ซึ่งปกติจะหมุนได้เฉาะ
    ในแนวขวาง) ไปไว้ที่ขั้วแม่เหล็กเหนือหรือขั้วแม่เหล็กใต้ มันจะหมุนแบบสุ่มแทนที่จะชี้ไปทิศเหนือ
    สนามแม่เหล็กโลกอาจประมาณได้ว่าเป็นสนามแบบไดโพล ซึ่งไดโพลนั้นมีตำแหน่งอยู่ที่ใจกลาง
    โลก และไดโพลนั้นก็เป็นแกนของสนามแม่เหล็กโลกด้วย เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกไม่ได้เป็น
    ไดโพลแบบสมบูรณ์ จึงทำให้ขั้วแม่เหล็กกับขั้วแม่เหล็กโลกอยู่คนละตำแหน่งกัน


    [​IMG]
    รูปแสดงสนามแม่เหล็กโลก เปรียบเทียบกับแท่งแม่เหล็ก
    Image credit: http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu.../mearthbar.gif


    ตำแหน่งของขั้วแม่เหล็กไม่ได้อยู่นิ่งกับที่ แต่จะเคลื่อนไปประมาณ 15 กิโลเมตรต่อปี เนื่องจาก
    สนามแม่เหล็กโลกมีการเปลี่ยนแปลงขนาดและตำแหน่งอยู่ตลอด ขั้วแม่เหล็กทั้งสองมีการเคลื่อน
    ตัวตลอดเวลา และไม่ขึ้นแก่กัน ปัจจุบันขั้วแม่เหล็กใต้อยู่ห่างจากขั้วโลกมากกว่าที่ขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่ห่างจากขั้วโลก

    บริเวณที่ล้อมรอบวัตถุท้องฟ้า (astronomical objects) ที่เกิดจากสนามแม่เหล็กของตัวมันเอง
    เรียกว่า แมกนีโตสเฟียร์ (magnetosphere) โลกของเราก็มีแมกนีโตสเฟียร์ และดาวเคราะห์ที่
    มีสนามแม่เหล็ก (magnetized planets) อื่นๆ เช่น ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาว
    เนปจูน นอกจากนี้เทหวัตถุท้องฟ้า (celestial objects) เช่นดาวแม่เหล็กก็มีแมกนีโตสเฟียร์เช่น
    กัน รูปร่างลักษณะของแมกนีโตสเฟียร์ของโลกนั้น จะเป็นผลมาจากสนามแม่เหล็กโลก ลมสุริยะ
    และ สนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์ ภายในแมกนีโตสเฟียร์ จะมีไอออนและอิเล็กตรอนจากทั้ง
    ลมสุริยะ และชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ของโลก ซึ่งถูกกักโดยสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า


    [​IMG]
    รูปแสดง magnetosphere
    Image credit: http://space.rice.edu/IMAGE/livefrom/5_magnetosphere.jpg


    ขอบของแมกนีโตสเฟียร์ของโลกด้านที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์นั้นจะอยู่ห่างจากโลกประมาณ 70,000
    กิโลเมตร (ประมาณ 10 - 12 เท่าของรัศมีโลก) ส่วนด้านที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์จะมีลักษณะยืด
    ออกไปคล้ายทรงกระบอกและมีขอบอยู่ห่างจากโลกประมาณ 20 - 25 เท่าของรัศมีโลก ส่วนที่เป็น
    หาง (magnetic tails) นั้นอยู่ห่างจากโลกไปถึง 200 เท่าของรัศมีโลก ที่บริเวณห่างจากโลก
    ประมาณ 4 - 5 เท่าของรัศมีโลก ยังมีพลาสมาบางๆ ที่ประกอบด้วยอะตอมของไฮโดรเจน และ
    ฮีเลียมหุ้มอยู่ เรียกว่า geocorona บางครั้งมันจะเปล่งแสงเมื่อถูกชนโดยอิเล็กตรอนที่มาจากแมกนีโตสเฟียร์
    แนวการแผ่รังสีของแวน อัลเลน (Van Allen's Radiation belts) เป็นแนวที่มีอนุภาคถูกกักอยู่
    จำนวนมาก แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ แนวการแผ่รังสีชั้นใน (Inner radiation belts) และ
    แนวการแผ่รังสีชั้นนอก (Outer radiation belts) โดยที่ชั้นนอกนนั้นจะเป็นบริเวณที่อยู่ห่างจาก
    โลกประมาณ 1.5 เท่าของรัศมีโลก และอนุภาคที่มีมากในบริเวณนี้คือโปรตอนที่มีพลังงาน
    ประมาณ 10 - 100 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ ส่วนที่ชั้นนอกนั้นเป็นบริเวณที่อยู่ห่างจากโลกประมาณ
    2.5 - 8 เท่าของรัศมีโลก และอนุภาคที่พบมาเป็นอิเล็กตรอนและโปรตอนที่มีพลังงานต่ำกว่า โดย
    จะมีพลังงานตั้งแต่ 65 กิโลอิเล็กตรอนโวลต์ และไม่เกิน 1 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์


    [​IMG]
    รูปแสดงอนุภาคที่ถูกกักอยู่ในแนวการแผ่รังสีแวน อัลเลน (Van Allen radiation belts)
    Image credit: http://www.physics.sjsu.edu/becker/p...llen_belts.jpg


    Magnetic tails เป็นบริเวณที่เส้นสนามแม่เหล็กที่มีขั้วตรงข้ามกันขนานกัน magnetic tail ของ
    โลกจะอยู่ไกลไปถึงวงโคจรของดวงจันทร์ และ magnetic tail ของดาวพฤหัสก็จะอยู่ไกลไปถึงดาวเสาร์



    อ้างอิง
    - http://en.wikipedia.org/wiki/Earth_magnetic_field
    - http://en.wikipedia.org/wiki/Magnetosphere
    ที่มา สนามแม่เหล็กโลก
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    สนามแม่เหล็กโลกใกล้วิปริต?

    รายงานโดย: วิมุติ วสะหลาย (wimut@hotmail.com)
    เป็นที่ทราบกันมาเป็นเวลานานว่า ขั้วเหนือของแกนหมุนของโลกกับขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน ขั้วเหนือของแกนหมุนอยู่ที่ละติจูด 90 องศา บนแผ่นน้ำแข็งของมหาสมุทรอาร์กติก ส่วนขั้วเหนือแม่เหล็กโลกอยู่ในเขตของประเทศแคนาดา เจมส์ รอสส์ สำรวจตำแหน่งของขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเป็นครั้งแรกในปี 1831 ในการสำรวจครั้งต่อมาในปี 1904 โดย โรอาลด์ อามุนด์เซน พบว่าตำแหน่งของขั้วเหนือเปลี่ยนไปจากเดิมราว 50 กิโลเมตร จึงได้ทราบว่าขั้วแม่เหล็กโลกมีการเปลี่ยนตำแหน่งด้วย
    ในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมาตำแหน่งขั้วเหนือก็ยังคงเคลื่อนที่เรื่อย ๆ ด้วยอัตรา 10 กิโลเมตรต่อปี แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เคลื่อนที่เร็วถึง 40 กิโลเมตรต่อปี หากอัตราเคลื่อนที่ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ขั้วเหนือจะหลุดพ้นออกจากทวีปอเมริกาเหนือและไปอยู่ที่ไซบีเรียภายในอีกไม่กี่สิบปีเท่านั้น
    แลร์รี นูวิตต์จากคณะสำรวจทางธรณีวิทยาของแคนาดา กล่าวว่า เดิมตนมีหน้าที่ไปสำรวจวัดตำแหน่งของขั้วเหนือหลายๆ ปีต่อครั้ง แต่ในช่วงหลังจะต้องไปบ่อยขึ้นเนื่องจากขั้วแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่เร็วมาก
    ไม่เพียงแต่ตำแหน่งของขั้วเปลี่ยนไปเท่านั้น ความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกยังลดลงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมาอีกด้วย
    หลังจากที่ข้อมูลนี้เผยแพร่ต่อสื่อมวลชนในที่ประชุมสหภาพธรณีฟิสิกส์อเมริกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ เรื่องถึงกับเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ทันทีว่า "สนามแม่เหล็กโลกกำลังหมดหรือ?"
    แกรี แกลตซ์มายเยอร์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ออกมายับยั้งกระแสว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับในอดีต
    ในอดีตสนามแม่เหล็กโลกเคยมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่กว่านี้มาก ถึงขนาดสนามแม่เหล็กสลับขั้วก็เคยเกิดมาแล้ว ขั้วเหนือกลายเป็นขั้วใต้ ขั้วใต้กลายเป็นขั้วเหนือ หลักฐานของการเปลี่ยนแปลงนี้ปรากฏชัดในหินโบราณ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เพียงครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าและคาดการณ์ไม่ได้ ปรกติการสลับขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นทุก 300,000 ปีโดยเฉลี่ย ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นคือเมื่อ 780,000 ปีที่แล้ว
    หรือว่าการเร่งความเร็วของขั้วแม่เหล็กโลกในช่วงหลังนี้จะเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่สนามแม่เหล็กโลกจะสลับขั้วอีกครั้งแล้ว?
    จากการศึกษาบันทึกแม่แหล็กในแผ่นหินพบว่า ความเข้มสนามแม่เหล็กโลกมีการเพิ่มขึ้นและลดลงอยู่ตลอดเวลา และความจริงแล้วสนามแม่เหล็กโลกในขณะนี้มีความเข้มมากกว่าความหนาแน่นเฉลี่ยในช่วงหนึ่งล้านปีที่ผ่านมาถึงสองเท่า
    ใจกลางโลกมีแกนชั้นในเป็นเหล็กแข็งที่มีอุณหภูมิสูงใกล้เคียงกับพื้นผิวดวงอาทิตย์ ห่อหุ้มด้วยแกนชั้นนอกที่เป็นเหล็กหลอมเหลว แกนชั้นในหมุนรอบตัวเองเช่นเดียวกับผิวโลกแต่เร็วกว่าภายใต้แกนชั้นนอกที่ปั่นป่วน การเคลื่อนที่ของเหล็กหลอมเหลวที่แกนโลกชั้นนอกทำให้เกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าขึ้น สนามแม่เหล็กจึงเกิดขึ้น ปรากฏการณ์นี้เรียกว่าปรากฏการณ์ไดนาโม
    แกลตซ์มายเยอร์ และ พอล รอเบิตส์ ได้สร้างแบบจำลองของโครงสร้างภายในโลกด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยให้ความร้อนกับแกนชั้นในและแกนชั้นนอกปั่นป่วนเช่นเดียวกับของจริง หลังจากให้โปรแกรมวิ่งผ่านไปโดยจำลองให้เวลาผ่านไปเป็นเวลานับแสนปี พบว่าสนามแม่เหล็กของโลกจำลองนี้มีการเพิ่มและลดลง ขั้วแม่เหล็กมีการเคลื่อนที่ และบางครั้งก็มีการสลับขั้ว ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดกับโลกจริง
    นอกจากนี้ยังพบว่าช่วงที่สนามแม่เหล็กสลับขั้วใช้เวลานานหลายพันปีจึงจะเสร็จสิ้น และสิ่งที่เหนือความคาดการณ์ของคนทั่วไปก็คือ ช่วงนี้สนามแม่เหล็กไม่ได้หายไป แต่มีความปั่นป่วนซับซ้อนมากขึ้น เส้นแรงแม่เหล็กบริเวณพื้นผิวโลกมีการบิดเบี้ยวและขมวดปม ขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นใหม่ได้ทุกที่ ขั้วใต้อาจเกิดขึ้นที่แอฟริกา หรือขั้วเหนืออาจผุดขึ้นที่ตาฮีตี แต่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใด สนามแม่เหล็กก็ยังคงมีเหมือนเดิม และยังคงปกป้องโลกจากรังสีอันตรายจากดวงอาทิตย์
    [​IMG]
    การเปลี่ยนตำแหน่งของขั้วเหนือแม่เหล็กโลกบริเวณเขตขั้วโลกเหนือในแคนาดาตั้งแต่ปี 2374 ถึงปี 2544

    [​IMG]

    แถบแม่เหล็กรอบสันเขากลางมหาสมุทรเป็นแถบบันทึกการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กโลกตลอดเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมา

    [​IMG]

    ผังแสดงโครงสร้างภายในของโลก แกนโลกชั้นนอกคือส่วนที่ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กโลก

    [​IMG]

    แบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกบนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ทางซ้ายคือโลกในภาวะปรกติ ทางขวาคือโลกในช่วงที่เกิดการสลับขั้วแม่เหล็ก

    ที่มา:

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    8/8/2009
    ความลับของสนามแม่เหล็กโลก

    ตามที่ทราบกันแล้วว่า แกน(core)ของโลกนั้นร้อนมาก (อุณหภูมิประมาณ 5000 องศา F) สารประกอบภายในแกนโลกจึงกลายเป็นของเหลว แกนโลก แบ่งได้เป็นสองส่วน ส่วนนอกหรือ แกนนอก(outer core) กับส่วนใน หรือ แกนใน(inner core) ซึ่งมีรัศมีประมาณ ๒๒๐๐ กิโลเมตร แกนในสุดนั้น แม้จะร้อนมาก แต่เนื่องจากความกดดันภายในโลกเพิ่มขึ้น เมื่อเข้าไปภายในลึกขึ้นตามส่วน แกนใน จึงได้รับความกดดันสูงมากๆ โลหะร้อนเหลวนั้นจึงกลับกลายเป็นของแข็ง โดยแกนในนี้ประกอบด้วยธาตุเหล็กผสมอยู่อย่างน้อยๆ 90% ส่วนแกนนอกมีสถาพเป็นของเหลวที่ยังไหลไปไหลมาได้ แต่เชื่อว่ามันไหลไม่สม่ำเสมอ เพราะมีองค์ประกอบที่ต่างกันไปบ้าง และจากหลักฐานข้อมูลทางธรณีฟิสิกส์ที่วัดได้มา ก็ยืนยันว่าส่วนประกอบและอัตราการไหลนั้นไม่สม่ำเสมอจริง

    [​IMG]

    การหมุนตัวของโลก ก็มีส่วนส่งผลให้เกิดการเคลื่อนของของเหลวภายในแกนนอก โดยมีผลให้มันพยายามเคลื่อนไปรอบๆแกนในที่เป็นของแข็ง แต่สภาพบางส่วนก็มีการไหลวนเป็นกะเปาะเฉพาะที่ เนื่องจาก ส่วนบนๆของแกนนอกที่ติดกับเปลือกโลกเย็นตัวลงด้วยการถ่ายเทความร้อนให้เปลือกโลก จึงมีน้ำหนักมากขึ้น เลยจมลงทำให้เกิดกระแสวนตามลง ของเหลวส่วนล่างของแกนนอกที่ติดกับแกนในเสียแร่ธาตุหนักๆ ซึ่งถูกดึงดูดให้ไปเกาะติดกับแกนใน จึงพลอยโดนแรงอัดที่เพิ่มมากขึ้น จากการเคลื่อนตัวเข้าลึกขึ้นจนถูกอัดให้แข็งตัวขึ้น ส่วนที่เหลืออยู่หลังจากเสียธาตุหนักไปแล้ว ก็เบาลงลอยตัวขึ้นมา เกิดเป็นกระแสวนขึ้น การไหลที่ไม่สม่ำเสมอเท่ากันตลอดนึ้ ทำให้กระแสวนบางแห่งแยกเป็นอิสระจากกันและเนื่องจากแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของแกนนอกนี้ เป็นธาตุโลหะประเภทที่เป็นตัวนำไฟฟ้า เมื่อมันไหลไปไหลมา จึงเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น ตามหลักของฟาราเดย์ เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหล สนามแม่เหล็กก็เกิดขึ้นมา เป็นของคู่กัน สนามแม่เหล็กของโลกจึงเกิดขึ้นได้ด้วยประการฉะนี้​
    [​IMG]

    แม้ว่าการไหลของแกนนอกจะไม่สม่ำเสมอ หากมีเป็นกะเปาะๆแยกจากกัน แต่ผลรวมของกำลังสนามเมื่อประกอบกันแล้ว ทำให้ดูคล้ายๆว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันขึ้นมา เนื่องจากความที่ไหลไม่สม่ำเสมอ ทำให้ขั้วสนามเปลี่ยนแปลงอยู่ได้บ้าง แต่อิทธิพลหลักที่ครอบงำสถานะของสนาม ก็คือทิศทางการหมุนตัวของโลก แกนของแม่เหล็กโลกจึงอยู่ไม่ไกลจากแกนทางภูมิศาสตร์เท่าไหร่ ประมาณว่าแม่เหล็กโลก(geomagnetism) เอียงทำมุมจากแกนทางภูมิศาสตร์ประมาณ 11 องศา
    แต่ก็ใช่ว่า ค่ามุมของความเบี่ยงเบนจากแกนโลก(magnetic declination) ที่ประมาณว่าเป็น ๑๑ องศานี้ จะเป็นค่าตายตัวเสมอไป สนามแม่เหล็กมีการเคลื่อนตัวเฉไฉไปตามเวลา และค่ามุมเบี่ยงเบนของขั้วแม่เหล็กนี้ก็ใช่ว่าจะสม่ำเสมือนกันทั่วโลก เนื่องมาจากองค์ประกอบที่ไม่สม่ำเสมอภายในดังกล่าวข้างต้น แต่ละภูมิภาคบนโลก ก็ยังได้ค่าที่ต่างกันดังจะเห็นได้จากผลที่ได้ก็คือ เมื่อใช้เข็มทิศที่วางตัวเหนือใต้ไปตามแกนแม่เหล็กโลก เข็มทิศจะไม่ชี้ไปทางทิศเหนือตรงเผงเสมอไป จากค่าตามแผนผังข้างบน ในกรุงมอสโคว์ เข็มทิศจะเบี่ยงไปทางขวา ๑๐ องศา ในขณะที่ ที่กรุงลอนดอน เข็มทิศจะเบี่ยงไปทางซ้าย ประมาณ ๑๑ องศา และที่กรุงจาร์กาต้า เข็มทิศจะชี้ที่ทิศเหนือพอดี ที่กรุงเทพฯเข็มทิศก็จะใกล้เคียงกับทิศเหนือมากนัก แต่ถ้าต้องการหาทิศอย่างแม่นยำ เช่น เพื่อใช้ในการนำร่องเครื่องบิน หรือการเดินเรือ ก็ต้องหาค่าที่เที่ยงตรงจริงๆ มีองค์กรนานาชาติที่รับผิดชอบติดตามค่ามุมนี้ในภูมิภาคต่างๆบนโลก ในปัจจุบัน มีองค์กรในหลายๆประเทศ ที่จัดหาซอฟแวร์ให้บริการออนไลน์ได้ทันที แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า บริการเช่นนี้ยังไม่มีให้เราคนไทยได้หาทิศทางที่แม่นยำได้ในบ้านเมืองของเราเอง ผู้เขียนเองก็ไม่ทราบว่า องค์กรใดในบ้านเรามีหน้าที่รับผิดชอบตอบข้อสงสัยให้ชาวบ้านได้ ​

    การเฉไฉของแท่งแม่เหล็ก(สมมติ)นี้ คงมิได้มีสาเหตุมาจากกลไก(mechanism)การหมุนตัวของโลกเป็นหลัก อย่างที่เคยเข้าใจกันมา แต่คงมีสาเหตุมาจากการไหลที่ไม่เป็นทิศเป็นทางอย่างคงที่ กระแสไฟฟ้าที่เกิดจากการไหลวนของแกนนอกจะไหลเป็นกะเปาะเป็นแห่งๆบ้าง วนกันไปคนละทิศบ้าง และส่วนหนึ่งพยายามจะวนรอบๆแกนในบ้าง ผลรวมของกระแสบางครั้งก็หักล้างกัน บางครั้งก็ส่งเสริมกัน จึงทำให้ดูเหมือนว่าแกนแม่เหล็กสมมตินี้มันไม่อยู่กับที่ ในบางครั้ง การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจมีผลถึงจุดที่ทำให้สนามแม่เหล็กโลกกลับขั้วได้
    [​IMG]
    ถ้ามองแม่เหล็กโลกแบบความเข้าใจเก่าๆที่คิดว่า แม่เหล็กโลกเป็นแท่งแม่เหล็กเดี่ยวๆแล้ว ก็จะทำให้ไม่อาจเข้าใจพฤติกรรมของสนามแม่เหล็กที่เปลี่ยนทิศอยู่ตลอดเวลาได้ ด้วยเหตุที่ แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่อง thermodynamics ที่สลับซับซ้อนมาก การทำ mathematical model ขึ้นมาเพื่อศึกษาทำความเข้าใจ ก็เป็นได้ด้วยความยากลำบากแสนสาหัส อันเนื่องมาจาก หนึ่ง ความเข้าใจสภาพภายในของโลก เรายังมีไม่พอ หลายๆอย่างก็ต้องเดากัน ส่วนอีกประการหนึ่งนั้น เรื่องคำนวณหาสมการมาใส่ ให้สอดคล้องกับปรากฏการณ์ธรรมชาตินี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ทำมาเลียนแบบการเกิดสนามแม่เหล็กโลก ก็ไม่เคยได้รับการยกย่องมานาน ว่ากันว่า คนทำด้านนี้เอาหัวชนฝาเป็นที่หัวเราะเยาะของคนอื่นกันมาช้านาน จนกระทั่ง เมื่อปี 1995 นี้เองเป็นครั้งแรกในโลกที่มีคนทำ model สำเร็จที่ให้ผลใกล้เคียงกับพฤติกรรมการ "กลับขั้ว" ของแม่เหล็กโลกเป็นครั้งแรก คือ Gary Glatzmaier แห่งสถาบัน Los Alametos และ Paul Roberts จาก UCLA
    ทั้งสองท่านศึดษาคิดต้นหาสมการต่างๆมาจำลองแบบสนามแม่เหล็กโลกอยู่นานนับหลายๆปี เมื่อคิดได้แล้ว ยังต้องใช้เวลาอยู่สองปี เขียนบทความทำเรื่องขออนุมัติจากสถาบันต่างๆที่เป็นเจ้าของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์มาใช้ในการคำนวณ เนื่องจากสมการเหล่านี้ต้องใช้เวลาคำนวณเกินกว่าที่สมองคน หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ธรรมดาจะทำได้ไหว ในที่สุดก็ได้ใช้เครื่อง CRAY ถึงสองเครื่อง เครื่องหนึ่งจากที่ Pittsberg อีกเครื่องหนึ่งที่ Los Alamos วิ่งคู่ขนานกันอยู่เกือบปี รวมแล้วใช้เวลากว่าสองพันชั่วโมงของ CPU กว่าสนามแม่เหล็กมันจะกลับตัวขึ้นมา โดยการเลียนปรากฏการณ์ของโลกว่า แกนนอกแกนในมันมีสภาพเช่นนี้ เวลาผ่านไปเท่านี้ ตามสมการมันจะเกิดอย่างนี้ หากเร่งเวลาให้ผ่านไปเร็วกว่าความเป็นจริงเป็นอย่างมาก ที่วิ่งไปอยู่เป็นเวลาร่วมปี ก็เห็นว่า ขั้วมันใกล้จะกลับตัวทีไร ก็จะบิดกลับไปอย่างเดิมทุกที ไม่ได้กลับขั้วจริงๆกันสักที เครื่อง CRAY วิ่งมาได้เกือบปีจนเกือบจะหมดเวลาที่ได้รับอนุมัติมาให้ใช้เครื่องแล้ว แทบท้อใจไปตามๆกัน แต่อยู่มาวันหนึ่ง ขั้วมันก็กลับขึ้นมา จึงแตกตื่นกันใหญ่ เพราะนี่เป็นครั้งแรกในโลกที่มีผู้เลียนแบบการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลก ที่เป็นปริศนาดำมืดมานานได้เป็นผลสำเร็จ เพิ่งจะไม่กี่สิบปีมานี้เอง ที่นักวิทยาศาสตร์ตระหนักถึงความสลับซับซ้อนของสนามแม่เหล็กโลกว่า มันยากแก่การเข้าใจขนาดไหน เพราะเรายังไม่สามารถเจาะเข้าไปดูแกนโลกให้เห็นจริงได้ ส่วนตัวสนามแม่เหล็กนอกโลกนั้น จะศึกษาได้ก็เมื่อขึ้นไปชั้นบรรยากาศสูงไปวัดดูเท่านั้น การศึกษาพวกนี้ มีขึ้นเมื่อนักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างจรวดให้ขึ้นไปสูงเหนือ ๑๐๐ ไมล์ขึ้นไป ซึ่งก็เพิ่งจะเริ่มทำกันอย่างจริงจังเมื่อสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สองนี่เอง
    ความลับของสนามแม่เหล็กโลก - Windows Live<!-- google_ad_section_end -->
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    by OLDMAN AND A CAR; 16-01-2011
    ...ทีนี้ มาดูว่าเกิดอะไรขึ้น กับ ขั้วแม่เหล็ก โลก ในปัจจุบัน...ก็ เริ่มที่ อดีตก่อนนะครับ จาก ๔๒๐ ปี ที่ผ่านมา ....จนถึง ปี ๒๐๐๐ ดูว่า มันเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก ดังรูป

    ในระหว่างปี ๒๐๐๐ ถึง ๒๐๑๐ หรือ ๑๐ ปี นี้เอง เห็นได้ว่า ขั้วแม่เหล็กโลก เปลี่ยนจากตำแหน่งเดิมอย่างกระทันหัน...สอดคล้องกับการมาของ PX ที่เข้ามา ระหว่าง ๒๐๐๓ -ปัจจุบัน...<!-- google_ad_section_end -->

    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>Attached Thumbnails</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    ...ภาพที่๒ นี้ เป็นระยะทางที่ ขั้วแม่เหล็กโลก เคลื่อนที่ไป ในระยะ ๔๐๐ ปี แรก มัน เคลื่อนวนไปวนมาอยู่ในบริเวณ เดิมๆ แต่ มัน เริ่มเคลื่อนที่ เป็นเส้นตรง ในทิศทางเดียวออกจากบริเวณเดิม ตั้งแต่ ปี ๑๘๖๐ ถึง ปัจจุบัน ครับ ในรูปเป็นระยะ ที่ เคลื่อนที่ ทุกๆ คาบเวลา ๕๐ ปี<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>Attached Thumbnails</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
    ..และ ภาพที่ ๓... เป็นระยะทางที่ ขั้วแม่เหล็กโลก เคลื่อน ภายในระยะเวลา ๕๐ ปี นับจาก ปี ๑๘๖๐ ถึง ๒๐๑๐ เห็นแล้วคงจะ จินตนาการได้ดีนะครับ ว่า อะไรจะเกิดขึ้นในไม่ช้า...

    ที่มา:

    http://beforeitsnews.com/story/359/2..._Progress.html<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>Attached Thumbnails</LEGEND>[​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
    ไม่รู้ว่ามีใครเห็น Planet X หรือยัง?<!-- google_ad_section_end -->
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    Pole Shift Update - Radar Anomaly on 1/1/11

    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/hBf0KR5kYTg?fs=1&hl=en_US width=640 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>

    jcattera | January 09, 2011
    A very similar radar anomaly as in this movie, "The Core - 2003" @ (2min40sec) was found in Arkansas on 1/1/11. Compare this "movie" radar image at 2min40sec to the "real" radar image at 4min37sec.
    http://arkansasweather.blogspot.com/2...
    The evidence is right here...
    http://arkansasweather.blogspot.com/2...

    Bird die-off caught on radar over Arkansas


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=y1Xw2GsvzM0"]http://www.youtube.com/watch?v=y1Xw2G...[/ame]


    Anomaly in Magnetosphere may be causing bird and fish die-off


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=4vmufozU6dU"]http://www.youtube.com/watch?v=4vmufo...[/ame]
     
  20. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ZeNs4WnekfM&feature=player_embedded]YouTube - Shift in Magnetic North Pole Affects Tampa International Airport[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...