***เครื่องรางของขลังคณาจารย์ดัง***...Updateเริ่มหน้า 5///

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย TRUSTthanong, 28 มกราคม 2011.

  1. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 21.

    ปิดรายการแล้วครับ
    พระผงรูปเหมือนขี่พญาหมู
    หลวงพ่อเส็ง วัดบางนา ปทุมธานี

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%"><TBODY><TR><TD height=41><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=center><TD style="PADDING-TOP: 11px" background=http://www.buddhawax.com/images/bg_title_02.jpg width="92%">ประวัติ หลวงปู่เส็ง จันทฺรังสี วัดบางนา จ.ปทุมธานี </TD><TD vAlign=top width="2%" align=left>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=7></TD></TR><TR><TD style="PADDING-LEFT: 15px">[​IMG]
    ดินแดนย่านอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ในอดีตเป็นแหล่งพำนักพักพิงของชาวรามัญ ที่อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ไทย เมื่อครั้งเกิดศึกสงครามรบพุ่งกันระหว่างไทยกับพม่า ทำให้ชาวรามัญส่วนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในพม่าต้องหลบลี้หนีภัยสงครามเข้ามาใน ประเทศไทย มาลงหลักปักฐานอยู่บริเวณสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะย่านอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ปัจจุบันยังมีร่องรอยโบราณวัตถุและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่เป็น ฝีมือของชาวรามัญหลงเหลือให้ได้ศึกษากันหลายแห่ง
    วัดบางนา ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่มีอายุเก่าแก่ร่วม 300 ปีมาแล้ว เป็นวัดที่ชาวรามัญสร้างขึ้นมาใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจตามประเพณี และเป็นสถานศึกษาแก่บรรดาลูกหลานของชาวรามัญในย่านนั้น ชาวรามัญอพยพจากเมืองหงสาวดีเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ไทย มาตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ตามสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
    ครั้นเมื่ออยู่ดีมีสุขทำมาหากินอุดมสมบูรณ์ดีแล้ว มักจะสร้างวัดขึ้นมาเพื่อให้ลูกหลานได้บวชเรียนศึกษาพระธรรมวินัย ในการสร้าวัดของชาวรามัญนั้น เมื่อสร้างเสร็จจะทำเสาหงส์ไว้หน้าวัด เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบกันว่าวัดนั้นเป็นวัดที่ชาว รามัญสร้างขึ้นถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อกันมา
    วัดบางนาเดิมอยู่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางทิศตะวันตก ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัดบางนา ต่อมาย้ายร่นลงไปอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อความสะดวกในการสัญจรไปมา
    ประวัติความเป็นมา
    เดิมของวัดบางนา จากหลักฐานที่ได้พบทราบว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2310 และจากการคาดการณ์ตามอายุของสิ่งต่างๆ ตลอดจนอายุการก่อสร้างอุโบสถ มีหลักฐานยืนยันการสร้างอุโบสถมาแล้วถึง 4 หลังด้วยกัน กล่าวคือ พอโบสถ์หลังเก่าพังลงก็ทุบทิ้ง แล้วสร้างขึ้นมาใหม่เป็นอย่างนี้ถึง 4 หลัง อายุกาลของวัดจึงน่าจะอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และจากลำดับสมภารปกครองวัดเท่าที่ทราบจากการบอกเล่าสืบต่อกันมา สมภารองค์แรกของวัดบางนาคือ หลวงพ่อแดง ต่อจากหลวงพ่อแดงก็คือ หลวงปู่แร่ว, หลวงปู่ทัด ลาหุโล, หลวงปู่เส็ง จันทฺรังสี หรือพระครูธรรมสุนทร, หลวงพ่อแสวง หรือท่านพระครูอนุกูลศาสนกิจ จนกระทั่งมาถึงพระอธิการยงยุทธ ยโสธโร เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
    ในอดีตสมัยก่อนย่านอำเภอสามโคก วัดบางนามีชื่อเสียงมาก มีคนไปทำบุญที่วัดมากที่สุด ก็เนื่องจากเป็นวัดเก่าแก่มีพระไปบวชศึกษาเล่าเรียนมาก พระที่วัดต่างก็ถือปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด ชาวบ้านจึงศรัทธาเลื่อมใสเข้าไปทำบุญกันมาก จนกระทั่งมาถึงยุคของหลวงปู่เส็ง ซึ่งถือว่าเป็นพระที่ได้รับสมณศักดิ์รูปแรกของวัดบางนาจากทางคณะสงฆ์ และท่านเป็นผู้เริ่มทำพระเครื่องวัตถุมงคลของวัดบางนาจนมีผู้รู้จักนิยมไปทั่ว ซึ่งก่อนหน้าหลวงปู่เส็งไม่มีสมภารองค์ใดทำพระเครื่องมาก่อนเลย
    ชาติภูมิ
    หลวงปู่เส็งนั้น ท่านเป็นคนพื้นเพละแวกวัดบางนานั่น เอง บ้านท่านอยู่ทางใต้วัดติดคลองบางนา โยมพ่อชื่อจู เป็นชาวจีนล่องเรือสำเภาจากเมืองจีนมาอยู่ที่สามโคกใช้สกุล “แซ่บุญเซ็ง” โยมแม่ชื่อเข็มเป็นชาวรามัญ
    สมัยก่อนชาวบ้านย่านวัดบางนาต่างก็มีอาชีพทำนาเป็นส่วน ใหญ่ จนได้รับขนานนามหมู่บ้านว่า “บางนา” อาชีพรองลงมาของชาวรามัญสมัยนั้นก็คือการทำอิฐ ทำตาล และค้าขาย ซึ่งทางบ้านของหลวงปู่เส็งทำการค้าขายของชำเล็กๆ น้อยๆ ในหมู่บ้านและส่วนหนึ่งก็ทำนา สำหรับประวัติส่วนตัวของหลวงปู่เส็งท่าน ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ทราบแต่เพียงว่าท่านเกิดเมื่อ ปี พ.ศ. 2444 มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน พี่น้องของท่านเสียชีวิตด้วยโรคฝีดาษด้วยกันหมด เหลือเพียงท่านเท่านั้น
    ครั้นเมื่ออายุครบบวชโยมพ่อและโยม แม่ก็ให้ท่านบวชที่วัดบางนา เมื่อปี พ.ศ.2465 โดย มีท่านเจ้าคุณรามัญมุนี หรือพระครูนันทมุนี วัดบางหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูบวรธรรมกิจ หรือหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ เป็นพระ-กรรมวาจาจารย์ และหลวงปู่ทัด ลาหุโล เจ้าอาวาสวัดบางนา มีศักดิ์เป็นน้าชายของท่าน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “จันทฺรังสี” ภายหลังที่เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว หลวงปู่เส็งก็ศึกษาเล่าเรียนอักขระเลขยันต์จากพระอาจารย์ต่างๆ และมีการเรียนภาษาขอมและภาษารามัญ ท่านก็ศึกษาเล่าเรียนทั้งสองภาษาจนแตกฉาน
    นอกจากนี้ท่านยังไปศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงปู่เทียน ที่วัดโบสถ์อีกด้วย หลวงปู่เส็งท่าน มีปฏิปทาในการใฝ่หาวิชาความรู้มาก ใครแนะนำสั่งสอนท่านก็จดจำไว้เป็นอย่างดี หลวงปู่ท่านเชี่ยวชาญด้านภาษาขอมเป็นพิเศษ เรื่องอักขระเลขยันต์ต่างๆ ท่านเก่งมากจนกระทั่งปี พ.ศ.2486 หลวงปู่ทัด เจ้าอาวาสวัดบางนามรณภาพลง หลวงปู่เส็งก็ ได้รับแต่งตั้งให้รักษาการณ์เจ้าอาวาสไปก่อน ในปี พ.ศ.2487 หลวงปู่สอบนักธรรมชั้นเอกได้ และปี พ.ศ.2489 ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบางนาอย่าง เป็นทางการ หลวงปู่ให้การศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันท่านก็บูรณะปฏิสังขรณ์วัดจนรุ่งเรือง รับงานการสร้างโบสถ์ต่อจากหลวงปู่ทัด เจ้าอาวาสองค์ก่อนที่ทำคั่งค้างไว้จนสำเร็จลุล่วงลงด้วยดี
    หลวงปู่เส็ง เป็นพระปฏิบัติท่านมักจะออกธุดงค์ไปปริวาสกรรมทุกปีมิได้ขาด มีปฏิปทาในทางสมถะหมั่นบริกรรมภาวนาเจริญพระคาถาวิชาต่างๆ เล่ากันว่าเวลาว่างจากงานที่ต้องกระทำ ท่านจะนั่งนับลูกประคำที่คล้องคออยู่ บริกรรมพระคาถาตลอดเวลา หลวงปู่เป็นคนพูดน้อยไม่ค่อยพูดว่ากล่าวผู้ใด หลวงปู่เส็งเป็น สมภารปกครองวัดเรื่อยมาจนกระทั่งอายุ 65 ปี ท่านจึงเริ่มทำวัตถุมงคลการทำวัตถุมงคล ครั้งแรกนั้นท่านสร้างพระผงสมเด็จ 3 ชั้น รุ่นแรกของวัดบางนา ในปี พ.ศ.2510 หลังจากสร้างพระผงสมเด็จ 3 ชั้นออก มาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหาแล้ว ในปีนั้นเองหลวงปู่ก็ทำเหรียญรูปอาร์มหรือใบเสมาคว่ำเป็นรุ่นแรกออกมาอีก
    และนับแต่ปี พ.ศ.2510 เป็นต้นมาหลวงปู่เส็งก็สร้าง วัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆ ออกมามากมายแทบจะนับรุ่นกันไม่ได้เลยทีเดียว หลวงปู่สร้างวัตถุมงคลทุกปีๆ หนึ่งสร้าง 2-3 แบบ จนกระทั่งท่านมรณภาพในปี พ.ศ.2530 รวมระยะเวลาการทำวัตถุของหลวงปู่เส็ง 20 ปี และวัตถุมงคลของหลวงปู่ทุกรุ่นทุกแบบก็มีผู้เลื่อมใสหามาพกติดตัว และบูชากันมากมาย วัตถุมงคลของหลวงปู่เส็งนั้น ออกไปในทางแคล้วคลาด เมตตามหานิยมและการค้าขายดีเยี่ยม วัตถุมงคลของหลวงปู่เส็ง รุ่นนิยมเท่าที่พอลำดับความได้มีดังนี้
    พระผงสมเด็จ 3 ชั้น รุ่นแรกจัดสร้างปี 2510 ผงที่นำมาสร้างเป็นผงอิทธิเจ ซึ่งจะโน้มไปในทางเมตตามหานิยมและค้าขาย พระผงสมเด็จ 3 ชั้นรุ่นแรกด้านหน้า เป็นรูปพระพุทธรูปพระประธานนั่งสมาธิ มีซุ้มครอบแก้ว ด้านหลังเป็นลายมือเขียนว่า “พระครูเส็ง” บางองค์เขียนว่า “เส็ง” และบางองค์ ก็เขียนว่า “พระครูเส็ง จันทฺรังสี” แล้วแต่ว่าหลวงปู่จะเขียนอะไรคำไหน แต่ส่วนใหญ่จะทำเป็นแบบพิมพ์เป็นบล็อค ใช้กดลงไปบนหลังพระเวลากดพิมพ์
    เนื้อพระมีทั้งเนื้อน้ำมัน ลักษณะพระจะออกแกร่งมัน กับสูตรผสมเนื้อกล้วยพิมพ์ออกมามีทั้งหมด 5 สี คือ สีดำ เหลือง เขียว แดง และ ขาว พอทำเสร็จหลวงปู่ก็ปลุกเสกเดี่ยวแล้วออกแจกจ่ายแก่ญาติโยมที่ไปหาท่าน บางรายนำพระพกติดตัวไปประสบอุบัติเหตุเกิดแคล้วคลาดอย่างเหลือเชื่อ กิตติศัพท์พกพระหลวงปู่เส็งแล้วแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุมีบ่อยครั้งมากจนกระทั่งเลื่องลือไปทั่ว พุทธคุณพระผงสมเด็จ 3 ชั้น รุ่นแรกของหลวงปู่เส็ง เรื่องแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเป็นเลิศ หลังทำพระผงรุ่นแรกทิ้งช่วงปลายปี ท่านก็ทำเหรียญรุ่นแรกออกมาเป็นเหรียญใบเสมาคว่ำมีทั้งเนื้อกะไหล่ทอง เงินและทองแดง ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงปู่ครึ่งองค์มีอักษรเขียนว่า “อาจารย์เส็ง” ด้านหลังเป็นยันต์ ใต้ยันต์มีอักษรระบุชื่อวัดบางนา พ.ศ.2510 ปีที่จัดสร้าง และพระผงที่ทำออกมานั้นส่วนใหญ่จะบรรจุตะกรุดสาริกาดอกเล็กๆ ไว้ที่ฐานด้วย เพื่อเสริมพุทธคุณ
    การทำพระเครื่องของหลวงปู่เส็ง จนถึงปี 2512 หลวงปู่จะเอาพระเครื่อง ที่ทำออกมาไปปลุกเสกเดี่ยวในอุโบสถ ถ้าเป็นเหรียญ ท่านจะทำพิธีพุทธาภิเษกนิมนต์พระระดับเจ้าอาวาสละแวกวัดบางนามา เจริญพุทธมนต์ด้วย หลังจากปี 2512 การทำวัตถุมงคลหลวงปู่จะจัดพิธีพุทธาภิเษกในอุโบสถตลอด พระผงรุ่นที่โด่งดังมากก็คือ รุ่นขี่หมู ซึ่งรุ่นนี้มีลูกศิษย์ของหลวงปู่เป็นคนจัดสร้างขึ้นมานำไปให้หลวงปู่ทำพิธี พุทธภิเษก แล้วก็มอบพระให้หลวงปู่ไว้จำนวนหนึ่ง บรรดานักเล่น พระนิยมกันมาก
    สำหรับวัตถุมงคลรูปแบบต่างๆ นั้น ครั้งแรกหลวงปู่จัดสร้างหมูทองแดงในปี 2522 สาเหตุ การจัดทำหมูทองแดงของหลวงปู่เส็งนั้น สืบเนื่องมาจากในตำนานกล่าวกันว่า หมูทองแดงตามป่าเขาที่เป็นหมูเขี้ยวตันนั้นปืนยิงไม่เข้า หลวงปู่ก็เลยคิดทำวัตถุมงคลเป็นหมูทองแดงเขี้ยวตันขึ้นมา เล่ากันว่าระหว่างที่หลวงปู่ปลุกเสกหมูทองแดงร่วมกับพระที่นิมนต์มาเจริญ พุทธมนต์อยู่ในโบสถ์นั้น มีชาวบ้านเห็นหมูวิ่งเข้าไปในโบสถ์ขณะที่พระสงฆ์กำลังปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่ ทั้งๆ ที่รอบโบสถ์ด้านนอกปิดกั้นอย่างดีไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนสมาธิ ขณะที่พระสงฆ์กำลังเจริญพระพุทธมนต์และบริกรรมปลุกเสกวัตถุมงคล หลังเสร็จพิธีคนที่พบเห็นเข้าไปบอกหลวงปู่ ท่านก็เฉยๆ แถมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ท่านไม่ได้พูดอะไรแต่รับฟังเอาไว้
    ครั้นเมื่อทำหมูทองแดงออกมาแจกกันเป็นที่ฮือฮาพอสมควร หมูทองแดงที่สร้างนั้นเป็นเนื้อทองแดงผสมโลหะ มีหมูทองแดงตัวใหญ่และเล็ก ข้างลำตัวซ้ายมีอักษรเขียนว่า “วัดบางนา ปทุมธานี 2522” ข้างลำตัวด้านขวาเป็นอักขระขอมมียันต์ที่โคนขาทั้ง 4 ลักษณะเป็นหมูป่าเขี้ยวตัน และในปี 2524 หลวงปู่เส็งได้ จัดสร้าง ทำหมู 7 หัวขึ้นมา เป็นลักษณะหมูป่าเขี้ยวตัน คู้ขาหมอบที่เรียกว่า 7หัวนั้น หมายถึงหัวของปลัดขิกที่ทำไว้ตามลำตัวมี 7 แห่ง คือที่หัว หาง ที่เพศ และที่ปลายเท้าทั้งสี่ข้าง เป็นเนื้อทองแดงผสมโลหะ ข้างลำตัวด้านซ้ายระบุปี พ.ศ.ที่จัดสร้างคือปี 2524 นอกจากนี้หลวงปู่เส็งได้ทำหมูจัมโบ้ ขนาดใหญ่ออกมาอีก 1 รุ่น หมูทองแดงรุ่นแรกทำออกมาแค่ 2,500 ตัวเท่านั้น พุทธคุณไปในทางแคล้วคลาดและค้าขาย
    หลังจากทำหมูทองแดงออกมาหลวงปู่ก็จัดทำครุฑทองแดง ซึ่งครุฑเป็นสัตว์ที่มีอำนาจจัดทำพิธีพุทธาภิเษกในโบสถ์มีพระอาจารย์มาร่วม บริกรรมพุทธคุณอีก 10 รูป ครุฑทองแดงด้านหลังเขียนว่า “หลวงปู่เส็ง วัดบางนา ปทุมธานี 2522” สลับกับอักขระขอม ประสบการณ์มีผู้นำติดตัวไปแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุทางรถและทางเรือ อีกทั้งยังป้องกันภัย จากงูเงี้ยวเขี้ยวขอดีนัก ต่อมาหลวงปู่จัดสร้างรูปเหมือนหนุมาน เหตุผลที่จัดทำนั้นท่านถือว่าหนุมานเป็นลิงประจำปีวอกและด้วยหนุมานเองก็ เป็นศิษย์ของพระนารายณ์ มีอานุภาพฤทธิ์เดชมากมาย ที่จัดทำไว้มีเนื้อกะไหล่เงินและทองแดง ไม่ระบุปีจัดสร้าง จาก หมู ครุฑ หนุมาน ต่อมาท่านก็สร้างพญาเต่าเลือนเนื้อทองแดงผสมโลหะ แล้วจัดสร้างหงส์ทอง หงส์เงิน อีก 1 ชุด เนื้อกะไหล่ทองและกะไหล่เงิน ทำเพื่อเป็นที่ระลึกว่าวัดบางนานั้นเป็นวัดที่ชาวรามัญสร้างขึ้นมา
    นอกจากวัตถุมงคลรูปแปลกๆ แล้ว หลวงปู่ยังสร้างพระกริ่งรูปเหมือนท่าน มีทั้งแบบหลังตรงและหลังค่อม เนื้อทองแดงผสม สร้างพระปิดตาเนื้อทองเหลืองผสม สร้างเหรียญรูปไข่ รุ่นขี่วัวเนื้อทองแดงผสม สร้างเหรียญจอบรูปหลวงปู่มีทั้งจอบเล็กและจอบใหญ่ สร้างเหรียญหยดน้ำเนื้อทองแดงผสม สร้างรูปหล่อเนื้อผงปิดทอง ที่กล่าวมานี้เป็นวัตถุมงคลรุ่นเก่าๆ ที่หลวงปู่สร้างขึ้นมา ส่วนรุ่นใหม่ๆ ก็มีหลายสิบแบบ มีทั้งนางกวักพระผงพิมพ์สมเด็จ พระผงปิดตา เรียกว่าการจัดทำวัตถุมงคลของหลวงปู่เส็งนั้นมากมายจริงๆ ถ้าหากวัตถุ มงคลใดไม่ระบุ พ.ศ. เอาไว้ แทบจะไม่ทราบกันเลยว่าหลวงปู่จัดสร้างในพ.ศ. อะไร เพราะไม่มีการบันทึกเอาไว้และก็ทำออกมามากแบบ สำหรับเงินรายได้ที่ มีผู้นำมาบริจาค หรือเช่าวัตถุมงคลนั้น หลวงปู่นำเงินไปสร้างวัดวังหิน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานีส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งท่านก็ทำนุบำรุงหมู่กุฏิเสนาสนะวัดบางนาที่ชำรุดทรุดโทรมให้ดี ขึ้น
    สาเหตุที่หลวงปู่ไปสร้างวัดวังหินอีกแห่งหนึ่งนั้น ก็เนื่องจากท่านเห็นว่าสมัยนั้นชาวบ้านยากจนมาก ถิ่นที่อยู่ก็ทุรกันดารเป็นแหล่งหลบซ่อนของเหล่าเสือปล้น หลวงปู่เกรงว่าชาวบ้านและลูกหลานจะมีนิสัยดุร้ายกันไปหมด จึงไปสร้างวัดให้เพื่อบรรเทาจิตใจให้ร่มเย็นลงบ้าง เพื่อให้ธรรมะได้เข้าถึงจิตใจลูกหลานและผู้ที่คิดกลับตัว กลับใจหันมาบวชเรียนทำให้ผู้คนมีศีลธรรมขึ้น พอท่านสร้างวัดวังหินเสร็จ วันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2531 หลวงปู่เส็งผู้ที่เป็นประดุจเทพเจ้าของชาวรามัญย่านวัดบางนา ก็ถึงแก่มรณภาพลงรวมอายุได้ 87 ปี ท่านสิ้นลมอย่างสงบที่โรงพยาบาลคุ้มเกล้า ตึกคุ้มเกล้า
    ครั้นเมื่อหลวงปู่มรณภาพลง ท่านพระครูอนุกูลศาสนกิจ หรือหลวงพ่อแสวง ก็ขึ้นเป็นสมภารแทน ท่านก็ทำนุบำรุงวัดเอาวัตถุมงคลหลวงปู่เส็งมาจำหน่ายจ่ายแจกรายได้สร้างวัด ยุคของหลวงพ่อแสวง เป็นยุคของการพัฒนาวัดอย่างจริงจังไม่มีการออกวัตถุมงคล จะมีออกเหรียญรูปไข่ในงานฉลองสมณศักดิ์ของหลวงพ่อแสวงที่ได้เลื่อนเป็นพระ ครูชั้นโท เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ปี 2535 เสร็จสิ้นงานฉลองไม่นานหลวงพ่อแสวง ก็มรณภาพเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ปลายปีนั้นเอง รวมอายุ 70 ปี
    เมื่อสิ้นหลวงพ่อแสวง พระอธิการยงยุทธ ยโสธโร ก็ขึ้นเป็นสมภารปกครองวัดสืบมาจนทุกวันนี้ วัดบางนาตั้งอยู่ในเขตตำบลบางโพธิ์เหนือ หมู่1 อำเภอสามโคก หน้าวัดติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ไปวัดบางนาและไปกราบศพหลวงปู่เส็ง ที่ไม่เน่าไม่เปื่อยในโลงแก้ว ทางวัดสร้างวิหารติดริมแม่น้ำไว้เก็บสรีระของหลวงปู่เป็นสัดส่วนให้ไป ขอพรขอโชคลาภจากหลวงปู่



    </TD></TR></TBODY></TABLE></B>
    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00046.JPG
      DSC00046.JPG
      ขนาดไฟล์:
      158.9 KB
      เปิดดู:
      324
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  2. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 22.

    ปิดรายการแล้วครับ
    พระผงรูปเหมือน พิมพ์ใบโพธิ์ เนื้อชานหมาก
    หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนม
    [​IMG]
    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00017.JPG
      DSC00017.JPG
      ขนาดไฟล์:
      96.1 KB
      เปิดดู:
      228
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  3. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 23.

    ปิดรายการแล้วครับ
    สร้อยล๊อคเก็ตรูปหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์ ศรีสะเกษ
    เนื้อตัวถังอลูมิเนียม
    ด้านในบรรจุตะกรุดจารมือ 3 กษัตริย์ ที่สร้อยเชือกแดงมีตะกรุดจารมือ 2 ดอก


    [​IMG]
    พระครูประสาธน์ขันธคุณ หรือหลวงพ่อมุม อินทปํญโญ วัดปราสาทเยอเหนือ จังหวัดศรีสะเกษ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง มีวัตรปฏิบัติงดงาม อุปนิสัยเยือกเย็น ใจดี ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ จึงเป็นทีเคารพยิ่งของประชาชนทั่วทุกภาคของประเทศไทย แม้กระทั่งทหารนาวิกโยธินชาวสหรัฐอเมริกาที่มาปฏิบัติการในเมืองไทยสมัยสงครามเวียตนามยังมาขอสร้างเหรียญเพื่อนำไปบูชา อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ก็ยังทรงเสด็จพระราชดำเนินทอดพระกฐินส่วนพระองค์ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2514 นับเป็นวัดแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พระองค์ท่านได้พระราชทานกฐินส่วนพระองค์

    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00009.JPG
      DSC00009.JPG
      ขนาดไฟล์:
      119.2 KB
      เปิดดู:
      97
    • DSC00011.JPG
      DSC00011.JPG
      ขนาดไฟล์:
      106.9 KB
      เปิดดู:
      115
    • DSC00012.JPG
      DSC00012.JPG
      ขนาดไฟล์:
      70.7 KB
      เปิดดู:
      116
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  4. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 24.

    ปิดรายการแล้วครับ
    พระปรกใบมะขามแร่บางไผ่
    พุทธคุณของแร่บางไผ่

    นายนิพนธ์ เฮงเส็ง หรือ นุ เพชรัตน์ เซียนพระเครื่องของสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย บอกว่า ตามคติความเชื่อเรื่องพุทธคุณของแร่บางไผ่ มีความเชื่อกันว่าความอัศจรรย์ดังกล่าวในการทำพระของหลวงปู่จันนั้น ผู้นำไปใช้นำมาเล่าขานกันต่อมาว่า คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย มั่งมีศรีสุข

    ในตำนานหลวงปู่จัน ผู้สร้างพระปิดตาแร่บางไผ่ ท่านมีความรู้ในการเล่นแร่แปรธาตุ และรู้จักแร่ธาตุต่างๆ เป็นอย่างดี ท่านจึงนำแร่ดังกล่าวนี้มาเพื่อจะแปรธาตุให้เป็นทองคำ และท่านกล่าวไว้อีกว่า แร่นี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เมตตา คงกระพันอยู่ในตัวแล้ว จึงไม่สามารถเป็นทองคำได้ ท่านจึงหันเหจากการแปรธาตุกลับมาทำเป็นพระปิดตายันต์ยุ่งที่ขึ้นชื่อลือชานักหนา ปัจจุบันมีการเช่าบูชากันในราคาเกือบล้าน

    นอกจากนี้แล้วแร่นั้นเสมือนมีชีวิตถ้าอยู่ตามธรรมชาติ จะต้องอยู่ในน้ำเท่านั้นจึงจะนำมาหล่อหลอมแล้วมีธาตุเหล็กเหลืออยู่ ถ้าอยู่ที่แห้งนานๆ ถึงแม้นำมาหล่อหลอมก็จะกลายเป็นเถ้า ไม่มีธาตุเหล็กหลงเหลืออยู่เลย และก่อนที่จะนำมาหลอม เมื่อนำมาจากธรรมชาติแล้ว ต้องเลี้ยงด้วยน้ำคาวปลา แร่นั้นจึงจะมีน้ำหนักสมบูรณ์ เมื่อมาหล่อหลอมก็จะไล่ขี้ออกได้ง่ายอย่างน่าอัศจรรย์

    "นักเดินไพรสมัยก่อนอมพระปิดตาแร่บางไผ่ไว้ในปาก เดินได้เป็นวันๆ ไม่ต้องกินน้ำ มีกำลังวังชา คนโบราณเอาพระแช่น้ำมันงาไว้ เอาสำลีจุ่มน้ำมางาทัดหูไป เพียงแค่นั้นก็อยู่คงแล้ว อุปเท่ห์การใช้พระแร่บางไผ่ ที่ให้คุณวิเศษอีกอย่างหนึ่งคือท่านให้เอาพระแช่น้ำผึ้งไว้ แล้วเอาน้ำผึ้งมากินทุกวัน ท่านว่าทำให้มีกำลัง ไม่เหนื่อยง่าย อายุยืน ไปไหนมาไหนก็คล่องแคล่วไม่เจ็บป่วย ที่ดินของชาวบ้านที่มีแร่บางไผ่ ไม่มีครอบครัวไหนที่ยากจนเลย มีแต่ครอบครัวมั่งคั่ง แร่บางไผ่นั้นเมื่อนำมาทำพระโดยสมบูรณ์แล้ว ต้องแช่น้ำมันงาจึงจะเกิดความสวยงาม ชุ่มฉ่ำ และดูลึกซึ้งยิ่งนัก" นุ เพชรัตน์ กล่าว


    พิธีพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2549 เวลา 17.00 น. ณ วัดหนองสิม อ.เมือง จ.สกลนคร

    พระคณาจารย์นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก
    1. หลวงปู่บุญหนา ธมฺมทินโน วัดป่าโสตถิผล จ.สกลนคร
    2. หลวงพ่อผ่าน ปญฺญาปทีโป วัดป่าประทีปบุญญาราม จ.สกลนคร
    3. หลวงพ่อแตงอ่อน กลฺยาณธมฺโม วัดป่าโชคไพศาล จ.สกลนคร
    4. หลวงปู่คำพันธุ์ วัดหนองบัวสร้าง จ.สกลนคร
    5.พระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกโข

    พระเกจิคณาจารย์อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว
    6. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา
    7. หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง จ.เพชรบุรี
    8. หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี
    9. หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.พระนครศรีอยุธยา
    10. หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม จ.พระนครศรีอยุธยา
    11. หลวงปู่เก๋ วัดปากน้ำ จ.นนทบุรี
    12.หลวงพ่อตัด วัดชายนา อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
    เพื่อนำปัจจัยสร้างเจดีย์ 5 ยอด เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และอัฐิธาตุพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และพระปฏิบัติกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น หลายรูป ณ วัดหนองสิม ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร

    แถมฟรี
    องค์ที่ ๑ ปรกใบมะขามหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม รุ่น ฉลองอายุ ๘๓

    องค์ที่ ๒ ปรกใบมะขาม รุ่นแรก ออกปี ๕๑ หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู อุบลราชธานี


    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00003.JPG
      DSC00003.JPG
      ขนาดไฟล์:
      110.5 KB
      เปิดดู:
      208
    • DSC00008.JPG
      DSC00008.JPG
      ขนาดไฟล์:
      137.7 KB
      เปิดดู:
      95
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  5. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 25.

    ปิดรายการแล้วครับ
    เหรียญพระร่วงโรจนฤทธิ์ รุ่น ไตรรัตนภาคี ๒๕๔๘
    วัดพระปฐมเจดีย์ นครปฐม
    ในกล่องมี ๓ องค์ เนื้อกะไหล่ทอง
    ๑.พิมพ์นางพญา
    ๒.พิมพ์ผงสุพรรณ
    ๓.พิมพ์พระรอด
    [​IMG]

    "พระร่วงโรจนฤทธิ์" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดนครปฐม เป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป มีชื่อเต็ม คือ "พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรโมภาส มหาวชิราวุธ ราชปูชนียบพิตร" ตามประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พุทธศักราช 2466

    แต่ประชาชนทั่วไป เรียกขานว่า "หลวงพ่อพระร่วง" หรือ "พระร่วงโรจนฤทธิ์"

    ประวัติพระร่วงโรจนฤทธิ์ วัดพระปฐมเจดีย์

    เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ทำด้วยทองเหลืองหนัก 100 หาบ ศิลปะสุโขทัย สูง 12 ศอก 4 นิ้ว ประทับยืนบนฐานโลหะทองเหลืองลายบัวคว่ำบัวหงาย ทำวงพระพักตร์ตามยาว พระหนุเสี้ยม นิ้วพระหัตถ์ พระบาทไม่เสมอกัน ห้อยพระหัตถ์ซ้ายลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ขวายกตั้งขึ้น ยื่นไปข้างหน้า มีพระอุทรพลุ้ย บ่ายพระพักตร์สู่ทิศเหนือ

    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระยุพราช เสด็จฯ ประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือ ในปีพ.ศ.2451 ได้ทอดพระเนตรพระพุทธรูปโบราณเป็นอันมาก แต่มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่เมืองศรีสัชนาลัย (สุโขทัย) กอปรด้วยพระลักษณะงามเป็นที่ต้องพระราชหฤทัย แต่ชำรุดมาก เหลืออยู่แต่พระเศียร พระหัตถ์และพระบาท

    จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญลงมากรุงเทพฯ แล้วให้ช่างปั้นสถาปนาขึ้นมาบริบูรณ์เต็มพระองค์ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีเททองหล่อ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2456 ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ โดยมีผู้ออกแบบ คือกรมหลวงนเรศร์วรฤทธิ์ (พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร)

    จากนั้นได้อัญเชิญมาสู่จังหวัดนครปฐม เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2457 ทางรถไฟ ประดิษฐาน ณ พระวิหารด้านทิศเหนือ องค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จนถึงปัจจุบัน

    เมื่อครั้งอัญเชิญพระร่วงโรจนฤทธิ์ มาประดิษฐานยังองค์พระปฐมเจดีย์ฯ จำเป็นต้องแยกชิ้นมาประกอบเข้าด้วยกันที่จังหวัดนครปฐม เสร็จเป็นองค์สมบูรณ์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2458

    หลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต ตามความในพระราชพินัยกรรมของพระองค์ระบุว่า ให้บรรจุพระอังคารของพระองค์ไว้ใต้ฐานพระร่วงฯ ที่องค์พระปฐมเจดีย์ ในวันที่ 31 สิงหาคม 2469 จึงได้ทำพิธีบรรจุพระบรมราชสรีรังคาร ณ ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ตามพระราชประสงค์

    มีความเชื่อว่า พระร่วงโรจนฤทธิ์ โปรดหรือชอบลูกปืน โดยต้องแก้บนด้วยการยิงปืน แต่ต่อมาเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จึงใช้จุดประทัดแทน และอีกอย่างที่เป็นของโปรด (ตามความเชื่อของชาวบ้าน) คือ ไข่ต้ม และไม่ใช่ไข่ต้มธรรมดาต้มสุกแล้วต้องชุบสีแดงที่เปลือกไข่หลังต้มแล้ว ก่อนนำมาแก้บน

    ในการบนบานขอพรหรือขอความสำเร็จต่างๆ จากองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ชาวบ้านทั้งชาวไทยชาวจีนในนครปฐมเป็นที่ทราบกันทั่วไปที่ผ่านมาเคยเห็นมีผู้มาแก้บนด้วยไข่ต้มนับร้อยนับพันใบก็มี

    คำกล่าวบูชาพระร่วงโรจนฤทธิ์ที่แปลแล้วมีว่า "พระพุทธรูปพระองค์ใด ซึ่งมีอภินิหารไม่น้อย มีพระพุทธลักษณะอันงดงามผุดผ่อง พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสุนทร มหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงถวายพระนามว่า "พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรโมภาส มหาวชิราวุธราช ปูชนียบพิตร" เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประดิษฐานมาอยู่ ณ วิหารมณฑลด้านทิศเหนือ แห่งองค์พระปฐมเจดีย์ ควบเวลาถึงกว่า 92 ปี (ปัจจุบัน) ได้แผ่พระบารมีปกเกล้าไปยังพุทธศาสนิกชนทั่วทุกทิศ ปานประหนึ่งว่า พระพุทธองค์ ทรงสถิตประทับยืนอยู่ ณ นิโรธาราม ริมฝั่งแม่น้ำโรหิณี ใกล้เมืองกบิลพัสดุ์ ทรงโปรดพระประยุรญาติทั้งสองฝ่าย ให้คลายจาก มานะทิฐิอยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข"

    "ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าวันทาพระร่วงโรจนฤทธิ์พระองค์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ผู้นมัสการอยู่ แม้พระปฐมเจดีย์ใหญ่ใด ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่ประดิษฐานองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ ซึ่งมีปาฏิหาริย์ไม่น้อย งดงามดุจพระจันทร์ในยามราตรี ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าวันทาพระปฐมเจดีย์นี้ ซึ่งเป็นที่นำบุญมาให้แก่ผู้ทัศนาอยู่เสมอ ข้าพระพุทธเจ้าขอนมัสการพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระบรมสารีริกธาตุ และองค์พระปฐมเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งควรนมัสการอยู่โดยส่วนเดียว ด้วยเครื่องสักการะคือดอกไม้ไฟอันตั้งอยู่ ณ ทิศทั้งสี่ ในบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ ได้แล้วซึ่งบุญอันใด ด้วย อานุภาพแห่งบุญนั้น ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข เป็นผู้ไม่มีเวร ปราศจากอันตราย เจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมเป็นนิตย์เทอญ"

    สำหรับวัดพระปฐมเจดีย์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ ชนิดราชวรมหาวิหาร ซึ่งอาณาจักรที่ตั้งสองสิ่งสำคัญอยู่ คือ องค์พระปฐมเจดีย์ และพระร่วงโรจนฤทธิ์ วัดพระปฐมเจดีย์ตั้งอยู่ในตำบลพระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 56 กิโลเมตร เป็นปูชนียสถานเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในไทย

    ทั้งนี้ องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า มีลักษณะโครงสร้างเป็นพระเจดีย์ใหญ่รูประฆังคว่ำปากผายมหึมา โครงสร้างชั้นในเป็นไม้ซุงรัดด้วยโซ่เส้นมหึมา ก่ออิฐถือปูนประดับด้วยกระเบื้องปูทับประกอบด้วยวิหาร 4 ทิศ กำแพงแก้ว 2 ชั้น

    พระปฐมเจดีย์สูงจากพื้นดินถึงยอดมงกุฏ 120.45 เมตร ฐานโดยรอบวัดได้ 235.50 เมตร

    เส้นผ่าศูนย์กลาง 56.65 เมตร จากปากระฆังถึงสี่เหลี่ยมสูง 18.30 เมตร สี่เหลี่ยมด้านละ 28.10 เมตร ปล้องไฉน 27 ปล้อง เสาหาร 16 ต้น คตพระระเบียงรอบกำแพงแก้วชั้น 562 เมตร กำแพงแก้วชั้นในโดยรอบ 912 เมตร ซุ้มมีระฆังบนลานองค์พระปฐมเจดีย์ 24 ซุ้ม

    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00007.JPG
      DSC00007.JPG
      ขนาดไฟล์:
      103.8 KB
      เปิดดู:
      205
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  6. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    แจกฟรี

    ปิดรายการแล้วครับ
    แจกฟรี 3 ท่านเท่านั้น!!!
    พระผงเนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์
    หลวงพ่อโสธร ฉะเชิงเทรา
    มาก่อนได้ก่อนครับ จัดส่งให้ฟรี
    เชิญโพสท์ชื่อ ที่อยู่ได้เลยครับ เพียง 3 ท่านเท่านั้นครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00004.JPG
      DSC00004.JPG
      ขนาดไฟล์:
      104.7 KB
      เปิดดู:
      156
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2011
  7. technology

    technology เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ผมขอรับรายการพระผงเนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์
    หลวงพ่อโสธร ฉะเชิงเทรา ที่อยู่แจ้งทาง PM ครับ


     
  8. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รับทราบครับ
    เหลืออีก 2 องค์ครับ
     
  9. orchidme

    orchidme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +2,956

    ขอรับด้วยค่ะ ที่อยู่แจ้งทาง PM
     
  10. Pig_Never_Die

    Pig_Never_Die เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +869
    ผมจอรับองค์สุดท้ายครับ
     
  11. bk071083968

    bk071083968 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +79
    อด แฮ่ ๆๆๆๆ... มา ไม่ ทัน อิ ๆๆๆ
     
  12. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    ปิดรายการแจก
    พระผงเนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์แล้วครับ
     
  13. kikhoh

    kikhoh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    519
    ค่าพลัง:
    +317
    ขอจองเหรียญนี้ครับพี่
    เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่น สุวรรณมงคล เนื้อทองแดง
    ปลุกเสกโดย พ่อท่านทอง วัดสำเภาเชย




    [​IMG] [​IMG]
     
  14. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ
     
  15. วีระชัยมณี

    วีระชัยมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,128
    ค่าพลัง:
    +2,548
    ผมไม่แน่ใจครับ เห็นว่ารายได้จะนำไปสร้างเจดีย์หรือเปล่าครับ สำหรับรายการนี้
     
  16. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    ผมนำพระมาเปิดบูชาให้ตามปกติครับ

    การจัดสร้างพระชุดนี้ ผู้จัดสร้าง คือ พระอาจารย์สมศักดิ์ วัดนครอินทร์ นนทบุรี ท่านมีเจตนาในการสร้างเพื่อนำปัจจัยสร้างเจดีย์ 5 ยอด เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และอัฐิธาตุพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และพระปฏิบัติกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น หลายรูป ณ วัดหนองสิม ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
    ซึ่งปัจุจบันเจดีย์ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ
    และมีการสมโภชน์ทำบุญสมโภชน์พระเจดีย์ห้ายอด ณ.วัดหนองสิม ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร แล้วในวันที่ ๒๙ – ๓๑ มกราคม ๒๕๕๓ครับ
    รายการนี้เป็นรายการเปิดบูชาปกติครับ

    ด้านล่างเป็นภาพเจดีย์ ๕ ยอดวัดหนองสิมที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเกิดจาดสาธุชนได้ร่วมบุญบูชาพระชุดแร่บางไผ่ครับ
    ซึ่งพระหลักเป็นพระปิดตาครับ พระอาจารย์สมศักดิ์จึงนำมาไว้ด้านบนประตูทางเข้าเพื่อระลึกถึงว่าได้ปัจัยมาจากการสร้างชุดพระแร่บางไผ่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 28.

    ปิดรายการแล้วครับ
    เหรียญเสมาปี ๒๕๔๑ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครปฐม
    แถม ผ้ายันต์แดงขี่เสือ ขนาด ๒๐x๒๐ นิ้ว
    [​IMG]

    ประวัติ "พระอุดมประชานาถ" นามเดิม เปิ่น นามสกุล ภู่ระหงษ์ เกิดวันอาทิตย์ที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๖ เดือน ๙ ปีกุน ณ บ้านเลขที่ ๔ หมู่ที่ ๔ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรของนายฟัก นางยวง ภู่ระหงษ์ เป็นบุตรคนที่ ๙ ในจำนวนพี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกันรวม ๑๐ คน คือ
    ๑. นางจันทร์ อ่ำระมาด ถึงแก่กรรม
    ๒. นางอินทร์ คงประจักษ์ ถึงแก่กรรม
    ๓. นายเถิ่ง ภู่ระหงษ์ ถึงแก่กรรม
    ๔. นายชุ ภู่ระหงษ์ ถึงแก่กรรม
    ๕. นางไว ภู่ระหงษ์ ถึงแก่กรรม
    ๖. นายเลื่อน ภู่ระหงษ์ ถึงแก่กรรม
    ๗. นายไล้ ภู่ระหงษ์ ถึงแก่กรรม
    ๘. นางรองภู่ระหงษ์ ถึงแก่กรรม
    ๙. พระอุดมประชานาถ "เปิ่น ภู่ระหงษ์"
    ๑๐. นางอางค์ เฮงทองเลิศ
    ชีวิต ปฐมวัยของหลวงพ่อเปิ่นนับเนื่องแล้วเป็นสิ่งที่น่าศึกษาอย่างที่สุดที่เป็น เช่นนี้เพราะว่าในสมัยนั้นแถบถิ่นลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีอุดมมากไปด้วยวิชาอาคม อาจเนื่องด้วยที่นั่นไกลปืนเที่ยงในตอนนั้นการเรียนรู้วิชาเอาไว้เพื่อ ป้องกันตัวจึงถือเป็นหนึ่งในลูกผู้ชายทุกคนจักพึงมีหลวงพ่อเปิ่นสนใจใน เรื่องของไสยศาสตร์ มาตั้งแต่สมัยเด็กอาศัยว่าครอบครัวของท่านอยู่ใกล้กับวัดบางพระซึ่งในสมัย นั้นมีพระคุณเจ้าที่จำพรรษาอยู่ที่วัดบางพระมีความเก่งกาจมีความเชี่ยวชาญใน สายไสยศาสตร์ หลายองค์ เด็กชายเปิ่นจึงเข้าออกเพื่อความอยากรู้อยากใฝ่หา ในวิชาอยู่กับวัดบางพระเป็นประจำ
    ในช่วงนี้เองบิดาซึ่งเห็นแววของเด็กชายเปิ่นมาตั้งแต่เล็กๆ ว่ามีจิตใจอันเด็ดเดี่ยวและมีสัจจะเป็นยอด จึงได้ถ่ายทอดความรู้ รวมทั้งวิทยาการ คาถาอาคมที่บิดาพอมีอยู่ให้กับเด็กชายเปิ่น ถือเป็นรากฐานเบื้องต้นตั้งแต่บัดนั้น ครั้นต่อมาครอบครัวย้ายไปตั้งรกรากทำมาหากินที่จังหวัดสุพรรณบุรี บ้านทุ่งคอก อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ที่นี่เองที่เด็กชายเปิ่นได้ฉายความเป็นนักเลงจริง เป็นคนจริงให้เห็น เพราะการอยู่ในดงนักเลงที่เป็นคนจริง จะต้องเป็นคนจริงไปด้วยโดยปริยาย
    เมื่อ ถึงจุดนี้ผู้ชายไทยใจนักเลงทุกคนจึงต้องหาอาจารย์ศึกษาในทางด้านไสยเวทเพื่อ ไว้ป้องกันตัวเองบ้าง เพื่อเป็นการเสริมสร้างบารมีให้แก่ตนเองบ้าง เด็กชายเปิ่นจึงต้องขวนขวายหาครูบาอาจารย์ผู้เรืองเวทวิทยาคม เพื่อศึกษาหาวิชามาไว้ป้องกันตัวเอง ได้เวทมนตร์คาถาเอามาท่องจำเป็นอย่างนี้อยู่ตลอด จนกระทั่งได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อแดง แห่งวัดทุ่งคอก อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ศิษย์เอกของหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน พระคุณเจ้าเก่งพร้อมทุกด้าน โดยเฉพาะเก่งกล้าเป็นอย่างมากทางด้านกัมมัฏฐานและไสยเวท นี่เองคือจุดเริ่มความเก่งกาจของเด็กชายเปิ่น ในเวลานั้นหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก ท่านเสมือนจะทราบว่า เด็กชายเปิ่นคนนี้มีแววแห่งผู้ขมังเวทย์อย่างแน่นอน อีกทั้งจิตอันใสบริสุทธิ์สะอาด ผนวกกับเป็นคนจริง ท่านจึงได้ถ่ายทอดในสายวิชาของท่านพร้อมวิชาไสยเวทต่าง ๆ ให้กับเด็กชายเปิ่นทุกอย่างที่สอนได้ ด้วยความที่ตนเองใฝ่หาทางนี้โดยตรง ความรู้ที่หลวงพ่อแดงมอบให้ เด็กชายเปิ่นได้รับไว้อย่างมากมาย ที่สำคัญในช่วงนั้นนั่นเองที่เด็กชายเปิ่นเติบโตขึ้นเป็นนายเปิ่นแล้วได้พบ เจอกับเพื่อนที่มีความอยากรู้ อยากเรียน อยากทราบในสายไสยเวทเหมือนกัน จึงเป็นที่ถูกคอกันยิ่งนัก ซึ่งต่อมาเพื่อนคนนี้ได้อุปสมบทเป็นพระในพระพุทธศาสนานามว่า "หลวงพ่อจำปา" (มรณภาพแล้ว) เจ้าอาวาสวัดประดู่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
    นายเปิ่น ศึกษาวิชากับหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอกอยู่จนถึงเวลาที่ครอบครัวย้ายกลับสู่ถิ่นฐานเดิมคือตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐมอีกครั้ง ซึ่งพอดีถึงเวลาอายุครบเกณฑ์ทหาร ในสมัยนั้นการเกณฑ์ทหารแบ่งออกเป็นสองอย่าง คือทหารประจำการ กับทหารโยธา การเข้าเกณฑ์ทหารในครั้งนั้น นายเปิ่นได้ถูกคัดเลือกให้เป็นทหารโยธา ผลัดที่ ๒ แต่นายเปิ่นก็ไม่ได้เป็นทหารรับใช้ชาติ เพราะทางการประกาศยุบเลิกทหารโยธาเสียก่อน จึงต้องช่วยพ่อแม่ทำนาเรื่อยมา สมัยนี้เองที่นายเปิ่นได้รับการถ่ายทอดวิชาสักยันต์อันเกรียงไกร จากหลวงพ่อหิ่ม อินฺทโชโต เจ้าอาวาสวัดบางพระ
    หลวงพ่อหิ่ม อินฺทโชโต หากเทียบกันในเรื่องไสยเวทคาถา จัดได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร เพียงแค่ท่านเพ่งกระแสจิตเท่านั้น แม้จะมีอันตรายใด ๆ ก็ตามไม่สามารถกล้ำกรายเข้ามาได้ อีกทั้งเรื่องยาสมุนไพรรักษาโรค ที่อื่นหมดทางที่จะรักษาให้หายได้ แต่เมื่อได้มากราบนมัสการขอความเมตตาจากท่าน ท่านจะปรุงยาให้ไปต้มรับประทาน ก็หายได้เหมือนปาฏิหาริย์ คาถาอาคมต่างๆ ตลอดยาสมุนไพร ที่หลวงพ่อท่านรักและเมตตาศิษย์คนนี้เป็นพิเศษ วิชาการต่าง ๆ ท่านจึงถ่ายทอดให้โดยไม่ปิดบัง
    เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เป็น เพราะในช่วงที่เป็นหนุ่มแน่นนายเปิ่นเข้าออกวัดบางพระทุกครั้งขณะที่ว่างจาก งาน ใกล้ชิดกับวัดมากและดีที่สุดจนเมื่อถึงเวลาหนึ่งซึ่งนายเปิ่นคิดไปว่า ควรจะบวชเรียนเพื่อศึกษาในสายวิชาที่ได้ศึกษามานั้นอย่างจริงจัง ซึ่งวิชา ดังกล่าวจะให้ได้ผลอย่างจริงจังจิตใจจะต้องนิ่งสงบไม่มีทางใดดีกว่านอกจาก บวชเรียนเท่านั้น จึงขออนุญาตคุณพ่อและคุณแม่ว่าอยากจะบวช ซึ่งทั้งสองท่าน ต่างก็มีความยินดีมีความปลื้มอกปลื้มใจที่ลูกมีจิตศรัทธาจะบวชเรียนในพระ พุทธศาสนานอกจากจะได้รับอานิสงส์จากการบวชของลูกแล้วก็ยังเป็นการที่ลูกจะ ตอบแทนพระคุณตามโบราณกาลที่ถือเนื่องกันมาโดยลำดับ
    ดังนั้นวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๑ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน จึงเข้าสู่บรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
    บรรพชา วันศุกร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๑ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน ณ พัทธสีมาวัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เจ้าอธิการหิ่ม อินทโชโต เป็นพระอุปัชฌาย์
    อุปสมบทวันศุกร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๑ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน ณ พัทธสีมาวัดบางพระตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
    เจ้าอธิการหิ่ม อินฺทโชโต เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์ทองอยู่ ปทุมรัตน เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระอาจารย์เปลี่ยน ฐิตฺธัมโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ได้นามว่า "พระฐิตคุโณ"
    เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ตามหน้าที่ของพระนวกะ ว่างจากงานก็ปรนนิบัติพระอุปัชฌาย์ ซึ่งท่านชราภาพมากแล้ว ขณะเดียวกันก็ได้ศึกษาวิชาการต่าง ๆ จากท่านด้วย ท่านก็ได้ให้ความเมตตาอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้ด้วยดี ที่สำคัญของพระปฏิบัติก็คือกัมมัฎฐาน จิตใจเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญที่สุด เวทมนต์คาถาจะขลังหรือศักดิ์ก็เพราะจิต ด้วยเหตุดังกล่าวหลวงพ่อจึงเน้นการปฏิบัตินี้มาก และได้ฝึกหัดให้ชำนาญ ยิ่งกว่านั้นท่านยังได้รับถ่ายทอด อักขระโบราณ เป็นรูปแบบยันต์ต่าง ๆ การลงอาคมคาถา ตามทางเดินของสายพระเวทย์ กล่าวกันว่าอักขระที่หลวงพ่อเปิ่นลงหรือเขียนนั้น สวยงามมีเสน่ห์เป็นยิ่งนัก ในช่วง ๔ ปีกว่า ที่อยู่รับใช้ และเล่าเรียนวิชาอาคมต่าง ๆ จากหลวงพ่อหิ่ม ก็รู้สึกภูมิใจมากที่ไม่เสียทีได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาทำให้รู้และเข้าใจในวิชาการต่างๆ และอยู่ปรนนิบัติจนถึงกาลที่หลวงพ่อหิ่มละสังขาร (มรณภาพ) ซึ่งนับเป็นศิษย์องค์สุดท้ายที่ได้อยู่ปรนนิบัติหลวงพ่อ
    อย่างไรก็ดี การศึกษาเล่าเรียนใด ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด แม้นได้รับจากหลวงพ่อหิ่มมาก็ยังไม่อิ่มในรสแห่งพระธรรม เสร็จจากงานฌาปนกิจศพของหลวงพ่อหิ่มแล้ว ก็ตั้งใจจะแสวงสัจจธรรมต่อไปอีก จึงเข้าไปกราบลาหลวงพ่อทองอยู่ ปทุมรัตน พระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์เปลี่ยน ฐิตธมฺโม พระอนุสาวนาจารย์ เพื่อเดินธุดงควัตรแสวงหาธรรมเพิ่มต่อไป พระอาจารย์ทั้งสองต่าง ก็พลอยยินดีและอนุโมทนาในการที่จะปฏิบัติธรรมเพิ่มยิ่ง ๆ ขึ้นไป
    เมื่อได้รับอนุญาตจากอาจารย์ทั้งสองแล้ว ได้ทราบข่าวกิตติศัพท์เล่าลือว่าที่ "วัดบางมด"เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร "หลวงพ่อโอภาสี" (พระมหาชวน) ได้อบรมแนะนำสั่งสอนพระกัมมัฎฐาน ได้มีผู้สนใจเข้าไปสมัครเป็นศิษย์กันมาก หลวงพ่อจึงได้เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ จะเป็นด้วยบุญบารมีที่เคยได้ร่วมกันมาแต่อดีตหรืออย่างไรไม่ทราบ หลวงพ่อโอภาสี เมื่อได้ทราบเจตนาดังนั้น ยินดีต้อนรับและสั่งให้พระจัดสถานที่ให้
    ธรรมมะที่ หลวงพ่อโอภาสี แนะนำสั่งสอน ท่านจะเน้นให้ตัดทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ปล่อยวาง อย่ายึดถือ โดยเฉพาะศัตรูสำคัญคือขันธ์ ๕ ให้พิจารณาแยกออกเป็นธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้เห็นแจ้งชัด ละอุปาทานที่มีอยู่ เมื่อพิจารณาเห็นจริงดังกล่าวแล้ว ความโลภ ความโกรธ ความหลง ที่มีอยู่จะเบาบางไป สัจจะคือความจริง ได้แก่อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความเป็นทุกข์ และอนัตตา ความไม่มีตัวตนก็จะปรากฏขึ้น ได้อยู่ศึกษาและปฏิบัติกับหลวงพ่อโอภาสี ท่านได้เล่าประสพการณ์ต่าง ๆ ที่ท่านได้ผจญมา และบอกว่ายังมีอาจารย์เก่ง ๆ และดี ๆ อีกเยอะ ในเมืองไทยได้อยู่รับใช้และศึกษาปฏิบัติกับหลวงพ่อโอภาสีเป็นเวลา ๑ ปีเศษก็กราบลาเพื่อออกธุดงควัตรต่อไป
    เมื่อกราบลา หลวงพ่อโอภาสี จุดหมายปลายทางจะไปทางภาคเหนือก่อน เพราะได้ยินกิตติศัพท์ว่า ทางภาคเหนือของประเทศไทยนี้ มีพระอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบเป็นจำนวนมาก ความไม่อิ่มในธรรม และใคร่จะได้ศึกษาปฏิบัติให้ยิ่ง ๆ ขึ้น พบอาจารย์ที่ไหน ก็จะเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ เพื่อศึกษาธรรมจากท่าน เจริญสมณธรรม อาศัยอยู่ในป่า ตามถ้ำ ตามหุบเขาต่าง ๆ สิ่งแรกที่ได้รับคือ ความกลัวหมดไป ประการที่สอง ได้กายวิเวก ประการที่สาม จิตวิเวกจะเกิดขึ้นผลที่สุดนิรามิสสุขก็จะตามมา
    สถานที่ออกเดินธุดงควัตรอาทิเช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แพร่ สุโขทัย กำแพงเพชร อุตรดิตถ์นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ ได้ท่องเที่ยวเจริญสมณธรรมทางภาคเหนือเป็นเวลา ๒ ปีเศษก็คิดอยากจะเดินทางลงทางใต้บ้าง
    ทางภาคใต้มีภูมิประเทศ อากาศและธรรมชาติสวยงาม ร่มรื่นเย็นสบายดีมาก ทิวทัศน์ชายทะเล ป่าเขาลำเนาไพรไม่แพ้ทางภาคเหนือ ได้เดินทางไปพักและเจริญสมณธรรมตามที่ต่าง ๆ มีปัตตานี ยะลา นราธิวาส และย้อนกลับขึ้นมาที่สุราษฎร์ธานี ได้กราบนมัสการ "หลวงพ่อพุทธทาส"แห่งสวนโมกข์ และ "หลวงพ่อสงฆ์" วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย
    เมื่อเดินทางจากภาคใต้แล้ว ก็ใคร่อยากจะเดินทางไปทางทิศตะวันตก จุดหมายปลายทางคือจังหวัดกาญจนบุรี ตามกิตติศัพท์เล่าลือ ณ สถานที่นี้มีผู้แสวงหาสัจจธรรม และความวิเวก และอาจารย์เก่ง ๆ ก็มีมาก ถ้าโอกาสดีอาจจะได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสพการณ์ได้ไม่มากก็น้อย
    ช่วงนี้นี่เองที่ชีวประวัติ"หลวงพ่อเปิ่น"ได้หายไป ทราบเพียงว่าท่านได้จาริกธุดงค์ข้ามขุนเขาตะนาวศรี เข้าสู่เมืองมะริด เข้าสู่บ้องตี้เซซาโว่เกริงกาเวีย ซึ่งป่าแถบนั้นเป็นป่าที่ซ่อนอาถรรพ์ลี้ลับนานาประการเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นอันตรายจากสัตว์ อันตรายจากสิ่งลี้ลับมนต์ดำแห่งป่า สิ่งเหล่านี้ไม่ทำให้หลวงพ่อเกิดความหวาดกลัวแต่ประการใด ตรงกันข้ามท่านกลับมุ่งความตั้งใจจะเข้าสู่แดนลี้ลับนี้ให้ได้
    ณ ป่านี้นี่เองที่พระธุดงควัตรหายไปอย่างลึกลับ มีมามากแล้วจะเป็นด้วยไข้ป่า ผีป่า นางไม้ วิญญาณร้ายต่างๆ ที่สำคัญที่สุดคือสัตว์ร้ายนานาชนิด โดยเฉพาะ "เสือสมิง"
    ที่แห่งนี้จะมีตำนานเล่าขานกันมาตั้งแต่บรรพกาลของเสือร้ายที่สามารถกลับแปลงร่างเป็นมนุษย์ หรือมนุษย์ที่ศึกษาวิชาทางด้านนี้ จนสามารถกลับกลายร่างของตนเองเป็นเสือสมิงไป และไม่ได้กลับร่างเป็นคนได้อีก เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ในสายวิชาเร้นลับวิชาหนึ่ง
    ในส่วนหลวงพ่อเปิ่นท่านไม่ได้ประหวั่นพรั่นพรึงในส่วนนี้เลยแม้แต่น้อย จะเป็นด้วยเพื่อจะทดลองวิชาที่ได้เล่าเรียนมาว่าจะขลังหรือศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ จิตของท่านสงบนิ่งไม่ได้กลัวอะไรเลยแม้แต่น้อย
    ช่วงนี้ข่าวคราวของท่านเงียบหายไปอย่างสนิท มีเพียงจากคำบอกเล่าของชาวบ้านว่าเจอท่านบ้าง ชาวเขา ชาวป่า พวกกะเหรี่ยง บอกว่าเจอท่าน และท่านได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ชาวป่าชาวเขาเหล่านี้
    กระทั่ง ปลายปี พ.ศ.๒๕๐๔ บ่ายแก่ของวันหนึ่ง พระธุดงค์วัยเกือบสี่สิบมาปักกลดอยู่ชายทุ่ง ใกล้กับวัดทุ่งนางหรอก อำเภอลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรี พระธุดงค์องค์นี้ได้สร้างศรัทธาให้แก่ชาวบ้านอย่างมากมาย ทั้งปฏิปทาที่เคร่ง ทั้งสายวิชาพระเวท ทั้งยาสมุนไพรช่วยเหลือชาวบ้าน ยิ่งเกิดศรัทธาอันสูงสุดของชาวบ้านที่พุ่งตรงสู่พระธุดงค์รูปนี้ "หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ " คือองค์พระธุดงค์องค์นั้น
    ประจวบกับวัดทุ่งนางหลอก ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมมาก ไม่มีเจ้าอาวาสมีเพียงพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาอยู่สองสามรูป จนจะกลายเป็นวัดร้างอยู่แล้ว ชาวบ้านจึงเห็นพ้องต้องกันว่าผู้ที่จะช่วยพัฒนาวัดทุ่งนาวัดนางหลอกให้กลับมาคืนมาอีกครั้ง คือองค์พระธุดงค์องค์นี้ จึงได้พร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อให้ช่วยพัฒนาวัดและเสนาสนะต่างๆ ให้ดีขึ้นเหมือนเดิมและให้หลวงพ่ออยู่เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน เป็นที่พึ่งทางใจของพวกเขาต่อไป
    ด้วยความเมตตาธรรม และเห็นว่าพอจะช่วยได้ หลวงพ่อจึงรับนิมนต์จะช่วยเป็นผู้นำให้ ท่านได้ใช้ความรู้ความสามารถของท่านทุกวิถีทาง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับชาวบ้านทั้งหลายที่มีความเดือดร้อน เช่นวิชาแพทย์แผนโบราณ และพระคาถาอาคมต่าง ๆ ที่จำเป็น ชาวบ้านทั้งหลายต่างมีความชื่นชมศรัทธาเลื่อมใสท่านมากยิ่งขึ้น
    เพียงระยะเวลาไม่นานที่หลวงพ่อมาสงเคราะห์ การกระทำและการพัฒนาวัดต่างก็ได้ให้ความร่วมมือสามัคคีดีมาก งานยากก็กลายเป็นงานง่าย เมื่อต่างก็ร่วมมือและมีความสามัคคีกันเช่นนี้ ในการพัฒนาวัดก็เจริญรุ่งเรืองไปอย่างรวดเร็ว แปลกหูแปลกตาทันตาเห็น เปรียบเหมือนเทวดามาโปรด จึงทำให้ชื่อเสียง"หลวงพ่อเปิ่น"เป็นที่เล่าลือของชาวบ้านกว้างขวางออกไป จากคำบอกเล่าปากต่อปาก ประจวบกับจริยาวัตรอันงดงามของท่าน มีวิชาแพทย์แผนโบราณ บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับทุกคนที่มีความเดือดร้อน รวมทั้งมีวิชาอาคมที่เป็นเลิศ ภายในระยะเวลาไม่ถึง ๒ ปี วัดทุ่งนางหรอก อำเภอลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรี มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ในช่วงดังกล่าว ท่านเกิดป่วยกระทันหัน จำเป็นต้องเข้ามารักษาตัวในเมือง ท่านจึงได้กลับมารักษาตัวที่วัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ตั้งใจไว้ว่าเมื่อหายป่วยดีแล้วก็จะกลับไปพัฒนาส่วนอื่นที่จะต้องทำอีกต่อไป
    สู่วัดโคกเขมา เมื่อหายป่วยดีแล้ว ก็ตั้งใจจะกราบลาพระอาจารย์เพื่อเดินทางกลับไป ประจวบเหมาะกับที่ชาวบ้านวัดโคกเขมา มาขอพระจากพระอาจารย์เปลี่ยน ฐิตธัมโม ไปเป็นเจ้าอาวาสเพื่อพัฒนาวัด
    พระอาจารย์เปลี่ยน ท่านได้บอกชาวบ้านโคกเขมาว่า ดีแล้ว ศิษย์ของฉันเขาไปธุดงค์ เผอิญไม่สบายกลับมารักษาตัว หายดีแล้ว ก็จะกลับไปพัฒนาวัดทุ่งนางหรอก อำเภอลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรีอีก ฉันเองก็ไม่อยากจะให้เขาไปไกล คิดถึงเขา ฉันจะให้เขาไปช่วยพัฒนาวัดโคกเขมาให้รับรองว่าไม่ผิดหวัง ศิษย์โปรดของ"หลวงพ่อหิ่ม" ชาวบ้านเมื่อได้ทราบเช่นนั้น พากันปลื้มอกปลื้มใจไม่ผิดหวังแน่นอน กิตติศัพท์"หลวงพ่อหิ่ม"ก็เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว ว่าแน่แค่ไหน จึงกราบอาราธนาให้ท่านไปช่วยสงเคราะห์พัฒนาด้วย ท่านก็ยินดีรับด้วยความเต็มใจ เพื่อฉลองพระคุณของพระอาจารย์ที่ได้ช่วยเหลือมาตลอด
    คณะสงฆ์ในตำบลแหลมบัว ออกประกาศและแต่งตั้งให้ "หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ" เป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๐๙ และนี่เป็นจุดแห่งบุญญาบารมีและชื่อเสียงของ"หลวงพ่อเปิ่น"
    เมื่อเข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา หลวงพ่อได้เริ่มพัฒนาวัด ก่อสร้างเสนาสนะ ซ่อมแซมปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เกิดด้วยแรงศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ "หลวงพ่อ" ในเวลานั้น และที่วัดโคกเขมานี่เอง "หลวงพ่อ" ได้สร้างพระเครื่องเป็นครั้งแรก ปัจจุบันพระเครื่องรุ่นนี้ของวัดโคกเขมาหายากมาก เพราะเป็นพระเครื่องที่มีประสบการณ์ สร้างอภินิหาริย์ให้ผู้เช่าบูชาได้ประจักษ์ หลังจากรุ่นรูปหล่อเนื้อทองแดงของท่านแล้ว พระเครื่องและวัตถุมงคลต่าง ๆ จากวัดโคกเขมาจึงออกมาอีก เพื่อให้ศิษย์และประชาชนทั่วไปได้เช่าหาบูชากัน เพื่อนำเงินบำรุงพัฒนาวัด
    ที่วัดโคกเขมา หลวงพ่อออกพระเครื่องทั้งเนื้อผง(สมเด็จ) ทั้งรูปหล่อ ทั้งเหรียญพระบูชา(พระสังกัจจายน์) ทุกอย่างทุกองค์ที่หลวงพ่อสร้างมีค่ายิ่งสำหรับชาวบ้านที่รับไป
    ทางด้านการปฏิบัติธรรม ทางด้านไสยศาสตร์ หลวงพ่อถือเคร่งในวัตรปฏิบัติจนเป็นที่เลื่อมใสแก่ผู้ที่มากราบไหว้พบเห็น และนั่นเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ชื่อหลวงพ่อขจรไกลไปทั่วแคว้น จึงไม่แปลกใจเลยว่า ที่กุฎิหลวงพ่อมีศิษยานุศิษย์มากันเนืองแน่นโดยไม่ขาดสาย
    อีกอย่างที่กล่าวขานกันอย่างไม่มีวันจบสิ้น จวบจนปัจจุบันตั้งแต่วัดโคกเขมาเป็นต้นมา นั้นคือ "การสักยันต์" แน่ละหากกล่าวถึง "หลวงพ่อเปิ่น"ในหมู่ของชายฉกรรจ์ ตั้งแต่อดีตมา หากเป็นสมัยท่านแล้วละก็ ก็ต้องยกนิ้วให้กับหลวงพ่อ ในเรื่องไสยศาสตร์ เวทเมนตร์คาถาที่ส่งลงสู่ร่างกายของชายชาตินักสู้ในรูปแบบเฉพาะของท่านเอง ทุกอย่างสมบูรณ์เพียบพร้อมถึงขนาดลงข่าวที่ว่าแม้สิ้นชีพไปแล้ว มีดผ่าตัดยังไม่สามารถเฉือนเนื้อลงได้เลย
    หลวงพ่อในสมัยที่ท่านยังมิได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ หลวงพ่อท่านลงมือสักลงอักขระเวทด้วยองค์ท่านเอง มาภายหลังหลวงพ่อได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการสักให้แก่ศิษย์เป็นองค์สักแทน แล้วหลวงพ่อเพียงทำพิธีครอบให้เท่านั้น
    เรื่องการสักของหลวงพ่อกล่าวเพียงบทสรุป ว่าชอบ เสือ ด้วยเหตุผลที่บอกเพียงสั้น ๆ แก่ศานุศิษย์ว่า เสือเป็นสัตว์ที่มีอำนาจ เพียงเสียงคำรามของเสือ สัตว์ทั้งหลายก็สงบเงียบ กลิ่นของเสือ สัตว์ทั้งหลายเมื่อรับสัมผัสจะยอมในทันที หลีกทันก็ต้องหลีก จัดอยู่ในมหาอำนาจ เสือรูปร่างสง่างาม เต็มไปด้วยอำนาจบารมี จัดอยู่ในมหานิยม ที่สำคัญ"หลวงพ่อ" เคยประจันหน้ากับเสือมาแล้ว กลางป่าลึก ระหว่างธุดงควัตรแถวป่าใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี จึงเกิดความประทับใจตั้งแต่นั้นมา
    ช่วงที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดโคกเขมา อันเป็นเวลาที่เจริญรุดหน้าขึ้นอย่างสูง
    ใน ส่วนของวัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เมื่อหลวงปู่หิ่ม อินฺทโชโต มรณภาพลงและหลวงพ่อเปิ่นออกจาริกแสวงธรรม ทางวัดบางพระเงียบเหงาลง ต่อมา"หลวงพ่อทองอยู่ ปทุมรัตน์" พระกรรมวาจาจารย์ของหลวงพ่อเปิ่นได้เป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงปู่หิ่ม จนมรณภาพลงในปี พ.ศ.๒๕๑๖ เจ้าอาวาสวัดบางพระ จึงว่างลง ชาวบ้านจึงพร้อมใจกัน ไปกราบอาราธนาหลวงพ่อเปิ่นให้กลับมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางพระ ซึ่งในตอนแรกหลวงพ่อไม่ยอมมาด้วยสาเหตุว่าไม่มีใครดูแลวัดโคกเขมา ซึ่งเป็นเหมือนกับวัดที่ท่านสร้างขึ้นมาใหม่ ภาระและความรับผิดชอบยังอยู่ที่ท่าน
    ในส่วนของญาติโยมชาวโคกเขมานั้น เคารพรักใหลวงพ่อเป็นอย่างมาก เพราะเปรียบเทียบเสมือนว่าตัวท่านเป็น น้ำทิพชะโลมใจ ท่านเป็นศูนย์รวมพลังศรัทธา เป็นพระนักพัฒนาที่สร้างแต่ความเจริญรุ่งเรือง
    ญาติโยมฝ่ายวัดบางพระ ก็ไม่ได้สิ้นความพยายาม เพียรกราบอาราธนาให้ท่านกลับมาพัฒนาวัดบ้านเกิดของท่านเอง ให้กลับคืนเหมือนเดิม เพราะชาวบ้านทั้งหลายได้ร่วมพิจารณากันแล้วนอกจากท่านแล้วไม่มีใครที่จะทำให้วัดกลับมาเป็นดังเดิมได้ วัดบางพระมีแต่จะทรุดลงไปเรื่อย ๆ ผลที่สุดท่านก็ยอมที่จะมา แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องหาพระมาดูแลวัดโคกเขมาให้ได้ก่อน ท่านจึงจะยอมกลับวัดบางพระ
    ในครั้งนั้น กล่าวกันว่าชาววัดโคกเขมา เมื่อทราบว่าหลวงพ่อท่านจะต้องกลับไปพัฒนาวัดบางพระซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน เสียดายก็เสียดายทำอย่างไรได้เมื่อเหตุมันเกิดก็ต้องยอมแต่ยังอุ่นใจอยู่ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นไปกราบปรึกษาหารือท่าน ก็คิดว่าจะได้รับคำแนะนำที่ดีมีประโยชน์ บางทีท่านอาจจะลงมือมาช่วยได้อีก
    ในที่สุดหลวงพ่อ ท่านก็กลับมาพัฒนาวัดบางพระ สมเจตนาของชาวบ้าน นั่นคือการจบชีวิตการธุดงค์ของหลวงพ่อเปิ่น
    ถนนแห่งชายฉกรรจ์ผู้มีเลือดนักสู้ในหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร หรือ ผู้ที่ทำงานเสี่ยงกับอันตรายนานาประการ ต่างก็มุ่งตรงยังวัดบางพระ เพื่อนำวัตถุมงคลที่หลวงพ่อประสิทธิ์ประสาทไว้กับตัวเอง ด้วยเหตุนี้เอง เท่ากับเป็นการนำพาความเจริญทั้งหลายมาสู่ถิ่นตามลำดับจนถึงปัจจุบัน
    หลวงพ่อเข้ารับภาระในวัดบางพระเวลานั้น นับเนื่องแล้วเป็นการพัฒนาที่หนักเอาการ ก่อนอื่นจัดระเบียบของวัดให้เข้าที่เข้าทางเสียก่อน ได้แก่การจัดเขตพุทธาวาส และสังฆาวาสให้อยู่เป็นสัดส่วน เพราะเท่าที่เป็นอยู่ในเวลานั่น เขตพุทธาวาสและสังฆาวาสยังคละเคล้าปะปนกันอยู่ ไม่เป็นที่เจริญตาเจริญใจแก่ผู้มาพบเห็น
    หลังจากได้วางโครงการเรียบร้อยแล้ว ให้เอาเขตสังฆาวาสทั้งหมดไปรวมอยู่ทางด้านหลัง ส่วนข้างหน้าให้เป็นเขตพุทธาวาสได้แก่โบสถ์ ศาลาการเปรียญ มณฑปพระพุทธบาท มณฑปบูรพาจารย์ ฯลฯ เป็นต้น
    ในวันที่ ๒๕ เดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๘ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒๓ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๕ (พ.ศ.๒๕๐๖) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ จึงแต่งตั้งให้ พระใบฎีกาเปิ่น ฉายา ฐิตคุโณ อายุ ๕๓ พรรษา ๒๗ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม มีหน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ โดยมี เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ประทับตราประจำตำแหน่ง
    หลังจากได้วางโครงการแยกแยะส่วนต่างๆ แล้ว หลวงพ่อได้ย้ายและสร้างกุฏิสงฆ์ เพื่อให้พอกับพระที่อยู่จำพรรษา และพัฒนาวัดมาโดยตลอดอย่างไม่หยุดยั้ง
    ด้วยการพัฒนาวัด และพร้อมด้วยจริยาวัตรอันงดงาม ปลูกศรัทธาปสาทะของผู้พบเห็น บำเพ็ญในสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาอย่างสูง และด้วยการที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ทางคณะสงฆ์และทางราชการเห็นความสำคัญ จึงได้ประกาศเกียรติคุณความดีให้ปรากฏเป็นอนุสรณ์ตลอดมา
    ในวันที่ ๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๓ ให้พระฎีกาเปิ่น วัดบางพระ จังหวัดนครปฐม เป็น "พระครูฐาปนกิจสุนทร"
    ช่วงนี้นี้เองที่วัดมีการออกพระเครื่องและวัตถุมงคล เพื่อทดแทนในน้ำใจแห่งศรัทธาที่ศิษยานุศิษย์และชาวบ้านได้ร่วมกันในการพัฒนาวัดบางพระนั่นเองฯ
    ในวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗ หลวงพ่อท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณะศักดิ์จาก พระครูฐาปนกิจสุนทร เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ เป็น "พระอุดมประชานาถ"
    ด้วย การพัฒนาวัดและชุมชนมาโดยตลอด ทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์โดยอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย ถวายปริญญาบัตร พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมศาสตร์ ณ วันที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘ แก่องค์หลวงพ่อ แสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อได้เป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ของประชาชนโดยแท้ ท่านไม่ทิ้งธุระทางการศึกษา พัฒนาสาธารณะประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษาไว้มากเพื่อเป็นแนวทางแก่พระภิกษุ - สามเณรในพระพุทธศาสนา
    หลวง พ่อท่านได้มองถึงประโยชน์ของการศึกษาถึงวัฒนธรรมความเจริญของท้องถิ่นแห่ง นี้เมื่อสมัยก่อน ในการที่จะพัฒนาบุคคลให้มีความรู้คู่คุณธรรมและมีจิตสำนึกรักภูมิลำเนาของตน โดยที่ท่านได้วางการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่ตั้งใจจะสร้างไว้นานแล้ว เพื่อเป็นที่รวบรวมภูมิปัญญาชาวบ้าน และของเก่าแก่ของแถบลุ่มน้ำนครชัยศรี บริเวณตำบลบางแก้วฟ้านี้ ที่เมื่อครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งที่มีการติดต่อค้าขายกัน มีชาวบ้านอยู่มากมาย เป็นแหล่งรวมสรพวิชาความรู้ที่สำคัญแห่งหนึ่งในบริเวณนี้ ซึ่งสามารถดูได้จากโบสถ์เก่าสมัยอยุธยาตอนปลาย เรือสำเภาโบราณที่มีเจดีย์เล็ก ๆ บนเรือนั้น ส่วนวิชาความรู้ต่าง ๆ ในสายพระเวทคาถา ท่านเองได้ศึกษามามากจากหลวงปู่หิ่ม (พระอุปัชฌาย์) หลวงพ่อโอภาสี หลวงพ่อแดงวัดทุ่งคอก หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน เป็นต้น และออกฝึกปฏิบัติทางจิตตามแนวทางในพระพุทธศาสนาเพื่อให้รู้ถึงสภาวธรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในจิตของตน โดยปฏิบัติธุดงควัตรในสถานที่ต่าง ๆ ท่านเองเป็นตัวอย่างของพระนักศึกษาทั้งทางรูปธรรม และนามธรรมอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งสามารถนำวิชาความรู้ต่าง ๆ มาช่วยเหลือชี้นำแนวทางและพัฒนาจิตใจแก่พุทธศาสนิกชนได้ หลวงพ่อเองเป็นผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเมตตาต่อผู้ที่มาหาท่าน รวมถึงสัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณวัดบางพระ
    หลวง พ่อได้ฝากปริศนาธรรมต่างๆ โดยการปฏิบัติ และสร้างสิ่งต่างๆ ให้เห็นทั้งรูปธรรม - นามธรรม หลายต่อหลายอย่างซึ่งปรากฏแก่ผู้ที่ใกล้ชิดท่าน อันพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งได้ระลึกเสมอว่าสังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาได้ยังประโยชน์ตนประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความ ไม่ประมาท ตามพระวาจาที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ครั้งสุดท้าย หลวงพ่อมีศีล และจริยวัตรอันงดงาม ในขณะที่ธาตุสี่ ขันธ์ห้ายังประชุมอยู่ ถือได้ว่าเป็นพระแท้ที่หาได้ยากในยุคนี้
    ในวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๕ เวลา ๑๐.๕๕ น. ณ โรงพยาบาลศิริราช หลวงพ่อได้ละสังขารด้วยอายุ ๗๙ ปี ๕๔ พรรษา ยังความอาลัย เศร้าโศก เสียใจแก่ปุถุชนจิต แต่ได้แสดงให้เห็นถึงมรณัสสติแก่ศิษยานุศิษย์ คุณงามความดีที่ท่านได้กระทำไว้ในพระพุทธศาสนามากมาย จะเป็นตำนานแห่งแผ่นดินไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม เป็นเครื่องเตือนสติให้พุทธศาสนิกชนได้รู้จักและปฏิบัติสืบสานกันต่อไป.

    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC000021.JPG
      DSC000021.JPG
      ขนาดไฟล์:
      152.8 KB
      เปิดดู:
      219
    • DSC00073.JPG
      DSC00073.JPG
      ขนาดไฟล์:
      185.3 KB
      เปิดดู:
      166
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  18. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 29.

    ปิดรายการแล้วครับ
    เหรียญพระราหูเสริมดวงชะตา

    ปลุกเสกวันสุริยคราส ราหูอมดวงอาทิตย์
    วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๓๘
    หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง
    [​IMG]

    พระราหู เทพผู้ทรงฤทธิ์ สามารถกลับดวงพลิกชะตา เสริมดวงชะตา ให้ผู้กำลังดวงตกต่ำ ดวงดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
    และยังแก้ดวงชงได้ดีมาก
    ใครดวงกำลังตก ดวงชง ขอแนะนำครับ
    เหรียญนี้ด้านหลังลงยันต์ดวงสุริยประภา แก้ดวงได้ดีมากครับ

    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00001.JPG
      DSC00001.JPG
      ขนาดไฟล์:
      137.4 KB
      เปิดดู:
      236
    • DSC00007.JPG
      DSC00007.JPG
      ขนาดไฟล์:
      126.3 KB
      เปิดดู:
      218
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  19. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รายการที่ 30.

    ปิดรายการครับ
    เครื่องรางมหาเมตตา มหานิยม
    เหรียญจิ้งจก ๙ หาง หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี
    เครื่องรางเมตตามหานิยม มหาเสนห์

    [​IMG]
    ระยะนี้วัตถุมงคลประเภทเครื่องรางของขลังกำลังมาแรงมาก พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง "หลวงพ่อเงิน ขันติโก" วัดถ้ำน้ำ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ลูกศิษย์ลูกหามักกล่าวว่า ท่านปลุกเสกเครื่องรางของขลังประเภท "จิ้งจก" ได้ขลังนัก เคยปลุกเสกจิ้งจกสองหาง กระโดดออกจากบาตร ไต่ตามปลายไม้เท้ามาแล้ว ตอนแรกไม่มีใครเชื่อ จนวัดแถวสุพรรณบุรี นิมนต์ท่านมาปลุกเสกพระเครื่องให้
    วันนั้นท่านเข้าปลุกเสกในตอนหัวค่ำ เข้าสมาธิเพียงครู่ จิ้งจก ตัวเป็นๆ หลายตัว พากันไต่ลงจากเพดานโบสถ์มาเกาะที่ชายจีวรท่านเต็มไปหมด สร้างความประหลาดใจแก่ผู้เข้าร่วมพิธีเป็นอย่างมาก พระอาจารย์สักท่านหนึ่ง สักยันต์จิ้งจกคู่ให้แก่ศิษย์ ปรากฏว่าเรียกเท่าไรก็ไม่ขึ้น จนต้องมาให้หลวงพ่อเงิน ตบหลัง เท่านั้นแหละ จะคลานไปเกาะเพดานท่าเดียว จับเท่าไรก็ไม่อยู่
    ท่านเสกเครื่องรางด้านเมตตามหาเสน่ห์ขลังมากนัก ประสบการณ์มากมายครับ

    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100% ตลอดชีพ
    <!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00003.JPG
      DSC00003.JPG
      ขนาดไฟล์:
      130.7 KB
      เปิดดู:
      267
    • DSC00005.JPG
      DSC00005.JPG
      ขนาดไฟล์:
      87.6 KB
      เปิดดู:
      121
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2011
  20. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    จัดส่งให้แล้วครับ พร้อมของสมนาคุณพิเศษ
    เลขที่ RE518875051TH ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...