อโหสิกรรมเป็นตัวกรรมที่ตัดได้ง่ายที่สุด

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 4 กุมภาพันธ์ 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    [​IMG]



    หลังจากที่คนในบ้านอนุสาวรีย์ได้ร่วมกันขอขมาพระอาจารย์ในวาระสิ้นปี ๒๕๕๓ พระอาจารย์ ได้กล่าวถึงเรื่องกรรมให้ฟังว่า

    "ในเรื่องของกรรมนั้น พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ ๓ หมวด ๑๒ ประเภทด้วยกัน

    อโหสิกรรม เป็นตัวกรรมที่ตัดได้ง่ายที่สุด และถ้าไม่ได้บุคคลที่รู้จริงขนาดพระพุทธเจ้าก็ไม่สามารถที่จะบอกเราให้ถูกต้องอย่างนี้ได้

    การอโหสิกรรมนั้นมีสองประการ

    ประการที่หนึ่ง บุคคลที่เป็นโจทก์และจำเลยตั้งใจกล่าวขอขมา ขออดโทษในกรรมนั้นซึ่งกันและกัน

    ประการที่สอง ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำตนจนบริสุทธิ์ หลุดพ้นไปเลย ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นอโหสิกรรมไปโดยอัตโนมัติ แปลว่าเงินต้นไม่ต้องจ่าย ถ้าสังขารยังอยู่ อย่างดีก็เป็นแค่เศษกรรมเท่านั้นที่จะสนองท่านได้ แต่ถ้าพ้นจากสังขารร่างกายนี้ไปแล้ว ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์โดยสิ้นเชิงเข้านิพพานไปแล้ว กรรมทั้งหลายไม่สามารถที่จะตามสนองต่อไปได้อีกแล้ว

    ลองไปค้นดูข้อมูลเรื่องกรรม มีตั้งแต่ ทิฐธรรมเวทนียกรรม อุปปัชชเวทนียกรรม อปราปรเวทนียกรรม อโหสิกรรม ฯลฯ

    กรรมที่ให้ผลตามความหนักเบา จะมี ครุกรรม กรรมหนัก พหุลกรรม หรือ อาจิณกรรม กรรมที่กระทำบ่อยๆ อาสันนกรรม กรรมที่ยึดมั่นไว้ก่อนตาย แว่บเดียวสามารถเปลี่ยนจากฟ้าเป็นดินได้เลย คือ ไปนึกถึงความเลวหน่อยเดียวก่อนตายก็ลงนรกเสียแล้ว

    ลองไปศึกษาดูแล้วจะเห็นความเป็นเลิศของพระพุทธเจ้า ที่สามารถอธิบายเรื่องของกรรมได้ละเอียดที่สุด ขณะเดียวกันก็ทำของที่ซับซ้อนมากสุด ให้กลายเป็นของที่เข้าใจได้ง่ายที่สุด"



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2011
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    "กรรมส่วนหนึ่งที่เป็นการหนุนเสริม บีบคั้น ตัดรอน อย่าง ชนกกรรม กรรมที่พาไปเกิด อุปัตถัมภกกรรม กรรมที่คอยหนุนเสริม อุปปีฬกกรรม กรรมที่คอยบีบคั้น อุปฆาตกรรม กรรมที่คอยตัดรอน

    อุปฆาตกรรมก็ถือว่ามหัศจรรย์ ตรงที่มีทั้งที่ฝ่ายเป็นกุศลและอกุศล อุปฆาตกรรมกุศลเกิดขึ้น จะตัดอกุศลทิ้งหมดเกลี้ยงเลย ตัวอย่างคือ พระองคุลีมาล ฆ่าคนมาเป็นพัน พอ อุปฆาตกรรมฝ่ายกุศล เข้ามา ตัดอกุศลความชั่วทิ้งหมด หันหน้าเข้ามาบวชกลายเป็นพระอรหันต์ไปเลย

    ตัวอุปฆาตกรรมฝ่ายอกุศล ตัวอย่างก็คือ พระเทวทัต บวชเข้ามาได้อภิญญาสมาบัติ พออุปฆาตกรรมฝ่ายอกุศลเข้ามา ตัดความดีหมด เห็นผิดเป็นชอบ อยากบริหารการคณะสงฆ์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท้ายสุดถึงขนาดลอบทำร้าย จ้างคนฆ่าและลงมือฆ่าพระพุทธเจ้าเอง ในที่สุดก็กลายเป็นทำครุกรรมฝ่ายอกุศล โดนธรณีสูบ

    ครุกรรม คือ กรรมอันหนัก จะได้ผลในชาติปัจจุบัน มีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศลเหมือนกัน ครุกรรมฝ่ายกุศลอย่างเช่น เราสามารถสร้างฌานสี่หรือสมาบัติแปดให้เกิดกับตนได้ จัดว่าเป็นกรรมที่เราทำเอง หรือเราได้ทำบุญกับพระที่ออกนิโรธสมาบัติ จัดว่าผู้อื่นทำ ส่วนเราอาศัยท่านเป็นเนื้อนาบุญ

    ทั้งสองอย่างนี้จะส่งผลในชาติปัจจุบัน อย่างเช่นว่าเราสร้างรูปฌานได้คล่องตัวมาก จะเป็นครุกรรมฝ่ายกุศล ส่งผลให้ไปเกิดเป็นรูปพรหมชั้นใดชั้นหนึ่ง ตั้งแต่ชั้นที่ ๑ ถึงชั้นที่ ๑๑ ถ้าหากเราสร้างอรูปฌานได้คล่องตัวก็จะเป็นอรูปพรหมชั้นใดชั้นหนึ่ง ตั้งแต่อากาสานัญจายตนะ ไปจนถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะอรูปพรหม"




    .
     
  3. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    "แต่ถ้าเป็นฝ่ายอกุศล อย่างเช่น การทำอนันตริยกรรม ๕ คือ การฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงห้อพระโลหิต และทำสังฆเภท (คอยยุสงฆ์ให้แตกกัน) จะเป็นครุกรรมฝ่ายอกุศล ตัดมรรคตัดผลทั้งหมดทุกอย่าง อย่างไรก็ต้องลงอเวจีไปก่อน ถ้าทำมากก็ลงโลกันต์ไปเลย

    มีหนังสือชื่อ กรรมทีปนี ของ พระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) ได้อธิบายไว้ละเอียดมากในเรื่องกรรม ลองไปหาอ่านดู สนุกมาก ท่านทำของยากให้ง่าย จะมีตัวอย่างเล่าให้ฟังเป็นระยะไป ทั้งดึงมาจากในพระสูตรบ้าง ธรรมบทบ้าง

    ถ้าขี้เกียจอ่านก็ไปหาเสียงอ่านของ คุณอาคม ทันนิเทศ คุณอาคมเขาบันทึกเอาไว้ ก่อนหน้านั้นออกอากาศวิทยุทหารอากาศ ๐๑ บางซื่อ

    หนังสือที่ท่านเจ้าคุณวิลาศเขียนที่ถือว่ายอดเยี่ยมมาก อ่านแล้วรู้สึกว่าท่านค้นคว้าได้ละเอียดลึกซึ้ง จะมี วิมุตติรัตนมาลี ภูมิวิลาสินี กรรมทีปนี ๓ เล่มนี้ถือว่าเป็นผลงานชั้นสุดยอดของท่าน

    ภูมิวิลาสินี กล่าวตั้งแต่ภพภูมิต่ำสุดถึงสูงสุด วิมุตติรัตนมาลี กล่าวถึงวิธีการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น คุณอาคมเขามาสงสัยว่า วิมุตติรัตนมาลี แปลว่าอะไร ?

    วิมุตติ แปลว่า หลุดพ้น , รัตนะ แปลว่า แก้ว , มาลี แปลว่า ดอกไม้ , วิมุตติรัตนมาลี แปลว่า ร้อยแก้วแห่งความหลุดพ้น เพราะว่า มาลีในที่นี้หมายถึงการร้อยเรียง"



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2011
  4. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    "กตัตตากรรม เป็นกรรมที่ทำโดยไม่เจตนา จะมีกำลังในการให้ผลที่น้อยที่สุด ถ้ากรรมอื่นไม่แสดงผลเมื่อไร กตักตตากรรมนี้ถึงจะโผล่มา ตัวอย่างที่ชัดที่สุดก็คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จจากปาวาลเจดีย์ไปเมืองกุสินารา เดินได้ระยะทาง ๖๐ โยชน์ หมดพระกำลัง กระหายน้ำ จึงขอให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาให้ ปรากฏว่าขบวนเกวียน ๕๐๐ เล่ม เพิ่งลุยผ่านไป น้ำขุ่นเป็นโคลนเลย พระอานนท์กลับมารายงานว่าไม่มีน้ำ พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ไปดูใหม่เถอะ น้ำนั้นมีอยู่ "

    ทั้งๆ ที่พระอานนท์เห็นกับตาตัวเอง แต่ด้วยความเคารพต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเดินย้อนกลับไป ปรากฏว่าน้ำที่ขุ่นอยู่กลายเป็นน้ำใสไปได้ จึงจัดการกรองน้ำมาถวายพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยแล้วก็ตรัสถึงบุรพกรรม ที่พระองค์ท่านได้ทำเอาไว้

    ตรัสถึงชาติที่พระองค์เกิดมาเป็นลูกชาวนา ไปช่วยพ่อไถนาทั้งวัน ปลดวัวออกจากแอกได้ก็พาวัวไปกินน้ำ เนื่องจากวัวหิวน้ำมาทั้งวัน พอเจอน้ำก็รี่เข้าใส่ ท่านเห็นว่าน้ำตรงที่วัวจะกินนั้นขุ่น จึงรั้งวัวให้มากินน้ำด้านที่ใส เป็นกรรมที่ทำโดยเจตนาดี แต่ก็จัดเป็นกตัตตากรรมตรงที่ทำให้วัวได้กินน้ำช้า

    ขณะพระองค์ท่านบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใกล้จะปรินิพพานแล้วกรรมก็ยังตามมาทัน พระองค์ท่านจึงได้ตรัสเอาไว้ว่า อย่าไปประมาทว่ากรรมชั่วเพียงเล็กน้อยแล้วไปกระทำ ขณะเดียวกันอย่าไปประมาทว่ากรรมดีเพียงเล็กน้อยแล้วไม่ทำ กรรมนั้นจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ถ้าถึงวาระถึงเวลาก็ต้องส่งผลให้ผู้กระทำนั้นเสมอ อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย ความชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า"


    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๓



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2314&page=6




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2011
  5. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,236
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +114,964
    อนุโมทนาในธรรมทานครับ
    กรรมเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากครับ ทำดีเพื่อให้ได้รับผลดี ดีกว่าครับ
     
  6. ลูกท่าน

    ลูกท่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,649
    ขอกราบอนุโมทนาด้วยครับ
    ในข้อความอันพึงเป็นประโยชน์ต่อชน
    ให้ระลึกถึงกรรมที่ควรกระทำ หรือ ไม่ควรกระทำด้วยสติครับ
     
  7. natna

    natna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2010
    โพสต์:
    406
    ค่าพลัง:
    +1,290
    อย่าไปประมาทว่ากรรมชั่วเพียงเล็กน้อยแล้วไปกระทำ ขณะเดียวกันอย่าไปประมาทว่ากรรมดีเพียงเล็กน้อยแล้วไม่ทำ กรรมนั้นจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ถ้าถึงวาระถึงเวลาก็ต้องส่งผลให้ผู้กระทำนั้นเสมอ อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย ความชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า"
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  8. สุภัคษร จันทรักษ์

    สุภัคษร จันทรักษ์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาสาธุ สำหรับเรื่องกรรมที่ทำให้รู้แจ้งเช่นนี้ค่ะ
     
  9. thth

    thth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +887
    ขออนุโมทนาครับ มีธรรมะและเรื่องราวดีๆ ให้ศึกษาเสมอๆ เลยนะครับ
     
  10. MANUELII

    MANUELII Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +56
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
    ทำให้เข้าใจสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตดีขึ้นเลยครับ
    ทุกๆสิ่งๆทุกอย่างๆมั่งมีเหตุปัจจัยให้เกิด
     
  11. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,185
    [​IMG]
     
  12. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    เฉยๆ ธรรมดากับกรรม ไม่พุ่ง ไม่เพ้ง ไม่ทะยาน เพื่อให้จิตคลาย และคลายจากความเป็นจิตอันเป็นสิ้นสุดแห่งสังสารวัฏ นิพพานเป็นปกติ จน 5 นาทีก่อนตาย ชิงภพ กันตรงนี้ว่าจิตเกาะเกี่ยวกับ บุญที่ทำ บาปที่ทำ ก็จะให้ไปเสวย หากว่าง ไม่มีความเป็นจิต ก็นิพพาน หาก ติดอยู่ในองค์ภาวนาให้ว่าง ก็จะไปอรูปพรหม
     
  13. cattreya

    cattreya Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +72
    ขออโหสิกรรมกับญาติค่ะหากเราเคยกระทำไม่ดีไว้กับญาติพี่น้องจะด้วยตั้งใจก็ดีและไม่ตั้งใจก็ดีข้าพเจ้าขออดโทษต่อกันตั้งแต่บัดนี้อย่าได้มีเวรต่อกันเลย................
     
  14. Boobu_Pika

    Boobu_Pika สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +12
    อนุโมทนาสาธุด้วยคะ แต่กับบางคนก็ทำยากจริงๆ จะพยายามจ้า
     
  15. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    การอโหสิกรรม ทำเพื่อให้จิตคลายจากอุปปาทาน ควรทำบ่อย ๆ ต่อหน้าสิ่งเคารพสักการะ เพื่อให้จิตเข้าถึงความสำนึกอโหสิจริงๆ จะกล่าวในครั้งเดียว ก็ต้องมีผู้รับรองจึงจะดีกว่า
     
  16. ต้นบุญ

    ต้นบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +239
    ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ได้ทราบถึงกรรมต่าง ๆ ทุกคนมีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่อาศัย จงสร้างเหตุที่ดี และผลที่ดีก็จะตามมา สาธุ สาธุ สาธุ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...