คาถาเพื่อการยกระดับทางด้านจิตใจและจิตวิญญาณ_2

ไม่แปลกบอก ตัวไหนสภาวะธรรมขาดมาก ก้อหวิวมาก อาการแบบนั้นเป็นมาก่อนครับ เป็นอาการสติเขาพิจาราณาธรรม แล้วพลังการตื่นรู้เขาจะเกิด กระแสเขาจะวิ่งจากล่างขั้นบน ต้องภวนาแล้วแผ่ความรักออกสู่จักรวาล
จักระเขาเปิดแล้วหมุนวนพลังงานอยู่ในร่างกาย นี่เป็นส่วนน้อยครับ บางคนเขาเป็นมากกว่านี้ครับ

 

อิอิ หมายความว่าอย่างไรคะท่าน ไม่เข้าใจค่า แล้วเราเคยเจอกันที่ไหนคะ (deejai) แต่ว่าสิ่งที่คุณจิตอิสระพูดให้ฟังดิฉันชอบมากค่ะ อยากจะเรียนรู้อีกนะคะ แต่เวลาในงาน IC ก็อย่างว่าแหละ มันมีน้อยไปเนาะ ขอโปรดบุญบารมีที่คุณได้ปฏิบัติมาโปรดส่งมาเกื้อหนุนให้ดิฉันบ้างนะคะ อยากพบหนทางแบบที่คุณพบเร็วๆจัง

 

รูปนี้รู้จักครับ
รูปนี้น่ารักครับ
บ่งบอกถึงความเมตตาออกมาจากใจ เป็นคนที่มีเมตตาเป็นพื้น

จริงๆแล้วในวันนั้น ถ้ามีเวลา จะสัมผัสได้แน่นอน
งาน IC คงจะไปไม่บ่อย นานๆไปที่ พอต่อไปต้องจัด Course เรียนของตนเองครับ

ถ้ามีเวลาคุย ซัก 3 ชั่วโมง สองต่อสอง ก้อจะสัมผัสสภาวะได้ครับ เวลามีเทาเดิมนะครับ แต่การจัดการไม่ได้ว่างแผน เพื่อบริหารเวลาเท่านั้นเอง

อยากได้สภาวะเหมือนผม ให้อธิฐานจิต ให้เขามาเรียนรู้จิตผมครับ แล้วก้อคิดและนึกถึงผมบ่อย ๆ ทำได้ครับ ลองทำดูนะครับ

 

ส่งการบ้านค่ะ (สวด ปะ สะ นะ วา ปะ ชา นา ติ)

ช่วงวันที่ 1-2 รู้สึกอึดอัดมาก แถมยังจำบทสวดไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่จะบริกรรมบทสวดขณะที่นั่งสมาธิ ทำให้ไม่ค่อยฟุ้งซ่านสักเท่าไหร่ ทำสมาธิได้เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ติดปัญหาตรงที่ว่า ให้รู้สึกว่าเสียงบทสวดส่งออกไปทั่วจักรวาล นอกจักรวาล มันทำไม่ค่อยได้ แต่พยายามตั้งความรู้สึกที่กลางหน้าอกให้แผ่ออกไปทั่วทิศของร่างกาย ซึ่งรู้สึกว่าแผ่ออกไปได้ไม่ไกลจากตัวมากนัก คาดว่าคงเป็นมือใหม่ พลังยังน้อย

วันที่ 3 ดีขึ้น ความรู้สึกอึดอัดเบาบางลง ความรู้สึกแผ่ออกไปได้กว้างขึ้นแต่ไม่มากไปกว่าเดิม

วันที่ 4 ขณะที่บริกรรมบทสวดตอนที่นั่งสมาธิ รู้สึกว่ามีพลังบางอย่างเคลื่อนที่ไปยังกระดูกต้นคอ แล้วขึ้นไปที่ศรีษะ อาการเหมือนคนที่กินวาซาบิครั้งแรก จิตสงบมากขึ้น

วันที่ 5-6 ไม่มีความอึดอัดใดๆ เลยค่ะ แต่ขอสารภาพว่า ไม่ค่อยได้บริกรรมสักเท่าไหร่

ต่อไปต้องทำอย่างไรบ้างคะ อนุโมทนาเมตตาจิตล่วงหน้าค่ะ

 

ขอบคุณนะคะที่ชี้แนะจะพยายามทำตามที่บอกแล้วต้องภาวนาอย่างไรบ้างคะ พระสมเด็จที่ได้มาดิฉันก็นำท่านลงไปอาบน้ำผึ้งแล้วนะคะ

 

ถ้าคุณจัด คอร์สส่วนตัวอย่าลืมแจ้งให้ทราบด้วยนะคะ คิดว่าคงต้องไปร่วมศึกษาและปฏิบัติด้วยอย่างแน่นอนค่ะ

 

ส่งอารมด้วยครับ
ใช้การกระทบในชีวิตเป็นตัววัด
1 อารมโกรธ เป็นอย่างไร ก่อนและหลัง
2 อารมเมตตา เป็นอย่างไร
3 ทัศนคติการมองโลกเป็นอย่างไร
4 การรู้เท่าทันอารมเป็นอย่างไร เมื่อมีการกระทบ
5 สภาวะอย่างอื่นที่ต้องการเล่าสู่การฟัง

ในกระทู้นี้ ไม่มีถูก หรือ ผิด ใช่ หรือ ไม่ใช่ บุญหรือบาป ควรหรือไม่ควร
แสดงความคิดเห็นและบอกได้ตามสบายอารมครับ
ที่ต้องส่งให้ละเอียด เพราะในกระทู้นี้สอนให้เป็นครู สอนให้เรียนรู้ และสอนให้พิจารณาด้วยตนเอง เลยต้องละเอียด เพราะอานาคตจะมีคนที่ให้เราต้องไปบอกเล่า อีกครับ เป็นการสอนจากรู่น สู่รุ่น

 

พระ คาถาชินปโร​

(บูชาพระพุทธเจ้าทกๆพระองค์และบูชาพระผู้สอนพระกรรมฐาน เจ้าทั้งมวล) ​

ชินะปะโร โหติ สัพพะทา
ยู ตัน จะ พุทโธ เมตตา
อะสา เมโธ โก จักกะวาลัง
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
โกฏ แสนแปดหมื่นจักกะวา
อนันตะกุรา โลเก
ชินะปะโร เหตุกัง อะนิวะชา
กัม มะฐานาโน จิตตัง พุทโธ
โกฏแสนแปดหมื่นจักกะวา
มา มา นุภาเวนะ
พุทธะ เถโร มหาเตโช
ทุ ทุ ปัญโญ มหาเตโช
ทุ ทุ ปัญญา มหาเตโช
ทุ ทุ ปัญโญ ทิปาปะโก
ทุ ทุ ภาโร มหาเตโช
นา นา สังโฆ มโน โหติ
มะ มะ มโน โหติ
สังกิจจัง มโน สะยัง
วัฏฏะ กิริยา มหาเตโช
วาละกัง มหันตะโม
กัมมะฐาโน จะ ตีรัง
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อนัน ตะกุรา กัมมัฏฐา โมโร
อัชชะ ตะโม มหาเตโช
จิตตัง พุทโธ มหันตะโม
อะ อะ วัสสานิ กัมมานิ
ทุ ทุ ภา โค ภเว ภเว
แสนแปดหมื่นจักกะวาลัง โก-ฏิ
วาโย โหติ ภะคะวา สุโข
อะ อะ วะสาชา
อะ อะ ปัญญา จิตโต พุทโธ
สัญญา สัญโญ นิโรโธ จะ
ปฏิสันถา ภะคะวา อันตัง
อะ อะ ปูชา
พุทธะปูชา มหันเตโช
ธัมมะปูชา มหันตะโม
สังฆะปูชา มโน มโน
อะ อะ วัชชา จะ กัมมันตา
กัมมัฏฐานัง แปดหมื่นจักกะวาลัง
ภะคะวา ภะคะวา โสโร
จิตตัง พุทโธ เมตตา ปิโณ
กาโร กายัง มโน สุขัง
จิต ตัง ธัมมัง มโน โหติ
กายะ กาโย พุทโธ เมตตา
กัมมัฏฐานัง สิขัง ปัญจะ
อนันตะกุรา แปดหมื่นจักกะวาลัง
ปาระมี หิโต สัญโญ เมตตา
มุทิตา อุเบกขา โรโค
มุนินา วะ จะ จันตะราโย
สัญโญ โค ภะโร ภะโร
พุ ทโธ เมตตา ธัมโม เมตตา สังโฆ เมตตา
ปูชา ภะคะวา พุทโธ เมตตา
ปูชา ธัมมา อนัตตา
ปูชา สังขารา อนิจจา
ปะติ ปะติ ภิกขะเว
แสนแปด หมื่นจักกะวาลัง กัมมัฏฐานัง
แปดหมื่นจักกะวาลัง เอโก สุโข
มโน ทีโร ราชะสีห์
โหตุ สัพพะทาฯ ​

ความเป็นมาและอานิสงส์การสวด พระคาถาชินปโร ​

๑. พระคาถาชินะปะโร เป็นพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก มีพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ และสังฆานุภาพ ไม่มีประมาณ ได้มาจากสวรรค์โลก ​

๒. พระคาถานี้เป็นพระคาถาที่สรรเสริญคุณแห่งพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ที่ได้ตรัสรู้มาแล้วในอดีต ปัจจุบัน และจะตรัสรู้ในอนาคต ซึ่งมีคุณอันใหญ่ไม่มีประมาณ มีมหาปัญญาบารมี มหากรุณาบารมี เป็นต้น แผ่ไพศาลไปในแสนโกฏิจักรวาล พร้อมกันนั้นได้สรรเสริญคุณแห่งพระธรรม คุณแห่งพระสงฆ์ คุณแห่งพระอาจารย์ที่สอนพระกรรมฐานเจ้าทั้งมวล ผู้ที่ได้นำพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ออกแนะนำสั่งสอนสรรพสัตว์ให้รู้ตามเห็นตามในธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งปวง และสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าถึงพระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสรู้เป็นองค์สุดท้ายที่จะ นำพาสรรพสัตว์ทั้งปวงข้ามวัฏฏะสงสารคือพระราชสีห์พุทธเจ้าผู้ใดได้สวดสาธยาย และเจริญจิตภาวนาพระคาถานี้อยู่เป็นเนืองนิจเหมือนได้ครอบครองแก้วสารพัดนึก อันบันดาลทุกสิ่งอย่างตามประสงค์​

๓. เมื่อบุคคลใดปรารถนากระทำให้แจ้งซึ่งมรรคผลนิพพาน ได้สวดท่องสาธยายและเจริญจิตภาวนาด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ประกอบด้วยสติอันตั้งมั่นในคุณแห่งพระคาถานี้อย่างแน่วแน่เป็นสัมมาทิฐิ ไม่ประกอบไปด้วยตัณหามานะอุปาทานในผลแห่งอานิสงส์ที่จะเกิดขึ้น ให้ภาวนาสาธยายด้วยจิตอันเป็นกลาง ไม่เพียรมากนัก ไม่หย่อนนัก สม่ำเสมอในทุกอิริยาบถ ติดต่อกัน ๓ วัน ทั้งกลางวันแลกลางคืน จะกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาบันนธรรม ติดต่อกัน ๔ วัน จะทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิธรรม ติดต่อกัน ๕ วัน กระทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิธรรม และติดต่อกัน ๗ วัน กระทำให้แจ้งในอรหัตผล สมบูรณ์พร้อมด้วย วิชชา ๓ อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ​

๔. บุคคลใดที่ปรารถนาซึ่งพุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ ถ้าเจริญสาธยายและภาวนาอย่างสม่ำเสมอตลอดชีวิต จะช่วยเพิ่มพูนในการบำเพ็ญบารมี ให้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว และสำเร็จดั่งปรารถนา ​

๕. บุคคลใดปรารถนาซึ่งความเจริญในมนุษย์สมบัติ ถ้าหมั่นสาธยายสวดท่องเจริญจิตภาวนาเป็นนิจ จะเป็นที่รักในหมู่มนุษย์ เทวดา นาค ยักษ์ทั้งหลาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมตามคุ้มครองรักษา มีตบะเดชยิ่งนัก เจริญซึ่งโภคทรัพย์ ตายไป แล้วเกิดในสวรรค์ตามวาสนาบารมี ​

๖. ผู้ใดมีไว้บูชากราบไหว้ในบ้าน เทวดา พรหม ทั้งหลายก็จะมากราบ
ไหว้บูชา เสมือนมีพระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงประทับอยู่ในบ้าน ​

๗. ถ้าบุคคลใดลบหลู่และไม่เลื่อมใสศรัทธาในพระคาถานี้ เท่ากับลบหลู่พระพุทธเจ้าทั้งปวง เมื่อกายแตกดับ ย่อมตกสู่อบายภูมิ มีโลกันตมหานรกเป็นต้น ​

๘. การสวดท่องสาธยายให้สวดท่อง ๓ จบ ๔ จบ ๕ จบ หรือ ๗ จบ ตามปรารถนา เมื่อสวดสาธยายเสร็จแล้วให้เจริญจิตภาวนานั่งสมาธิ ตั้งสติที่กึ่งกลางระหว่างอกเหนือลิ้นปี่สองนิ้วมือ บริกรรมด้วยคำว่า ​

“พุทธังเมตตา, พุทธังจักกะวาลัง, แสนแปดหมื่นจักกะวาลัง, กัมมัฏฐานัง แปดหมื่นจักกะวาลัง, กาโย โหติ”​

---------------------------------------------------------------------
ใครอยากยกระดับจิตด้วยความรวดเร็ว ภายใน 7 วัน
1 พระคาถาชินปารโร บทเต็ม 7 จบ/ วัน
2 นั่งสมาธิใช้บทย่อ ของคาถาชินปาโร
“พุทธังเมตตา, พุทธังจักกะวาลัง, แสนแปดหมื่นจักกะวาลัง, กัมมัฏฐานัง แปดหมื่นจักกะวาลัง, กาโย โหติ”
3 ในระหว่างวัน ภาวนา

ธัมมัง ปะชานาติ

4 ขอพรทุกวัน วันละ 3 จบก่อนนอน
อธิฐาน จิต วันละ 3 รอบ
โอม... นะ ม่ะ ช่ะ ญ่ะ จาห์ ภา เทห์<O></O>
วา รา ดา ยา พา เทห์<O></O>
ยา ฮา สะ ระ วา พา เทห์<O></O>
เฮ ลา ยา พา ทา สวาฮา.
<O></O>
โอม... ความรักไม่มีประมาณของพระองค์ ทำให้สรรพสิ่งเต็มเปี่ยม<O></O>
ความรักของพระองค์แผ่ออกไป ไร้ขอบเขต ไม่มีอะไรขวางกั้นได้<O></O>
ความรักพระองค์ทำให้สรรพสิ่งสมบูรณ์<O></O>
สรรพสิ่งสอดคล้อง กลมเกลียว สันติ ปิติยินดี รื่นเริง เบิกบาน เป็นนิรันดร์.



5 ดู Clip การเปิดจักระ ให้รู้สึกว่ามีกระแสความรักอันไม่มีที่สุด ไหลมาตามรูป และส่งออกทางความรักทาง กระหม่อม ไปทั่วจักรวาล ดูวันละ 3 รอบ<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
<!-- google_ad_section_start --><IFRAME class=youtube-player title="YouTube video player" src="http://www.youtube.com/embed/AB7v_0IURm4" frameBorder=0 width=480 height=390 allowfullscreen="" type="text/html"></IFRAME>

ทำตามนี้ แล้ว 5 วันมาส่งการบ้าน และจงอย่าแปลกใจถ้ามีอะไรพิเศษเกิดขึ้น ก้อตามให้มีความรู้สึกว่าเป็นสิ่งดี และรับรู้ว่าเป็นความรู้อย่างหนึ่ง​

<!-- google_ad_section_end -->

 

วันแรกหลังจากนั่งสมาธิประมาณครึ่งชั่วโมง ภาวนา ธัมมัง ปะชานาติ
สวดพระคาถาชินปารโร 7 จบ
เมื่อคืน นอนหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน เช้ามืด
ฝันว่า ลานหลังบ้าน ที่รกๆ ต้นไม้เยอะแยะ ถูกตัดเรียบ กลายเป้นลานทราย สะอาดตา
แต่แปลกที่กำแพงบ้าน เปลี่ยนเป็น กำแพงไม้สานๆกัน แบบกันลมพัด
ส่วนอารมณ์ วันนี้ตั้งแต่เช้า รู้สึกนิ่งๆ คงเพราะยังไม่มีอะไรมากระทบ
แต่ร่างกาย รู้สึกอึดอัด หายใจลำบาก แน่นๆตรงหน้าอก
วันนี้ แค่นี้ครับ จะพยายามปฏิบัติทุกวัน
เพราะผมมีเวลาว่างค่อนข้างเยอะ
ขอคำแนะนำด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

 

เป็นนิมิตที่ดี
อารมที่นิ่ง มิใช่ไม่มีอะไรมากระทบหรอกครับ เกิดจากการที่สติเข้าตั้งมั่น และเรียนรู้อารมร์ และตัดอารมณ์ก่อนที่เราจะจับได้ หรือเป็นอาการที่สติเขากำลังเปลี่ยน ไปอีกชั้นหนึ่ง คือละเอียดขึ้น แต่อย่าประมาท เพราะเป็นแค่เริ่มต้น ยังไม่เป็นสติอัตโนมัติ เพราะยังมีผู้ทำอยู่ เมื่อไหร่ที่เราไม่ต้องทำ แต่เขาทำเอง เมื่อนั้น จะเป็นการเปลี่ยนการเข้าเกียร 2 ที่ราบรื่น ไม่ต้องประคับประคอง
ให้เพิ่มส่วนการอธิษฐานจิตให้ตัวเองด้วยครับ ตามบทที่ให้มา

 

ไม่ธรรมดานะครับ สวดครบ 7 จบ
ผมเป็นคนนอนดึก เต็มที่ก็ 3 จบ

 

มีตัวละคร 4 ตัว
คนหนึ่ง คือผม
คนที่สอง คือคนที่ท่านพี่บอกว่าเขาเป็นสายอิทธิฤทธิ์และฝึกจิตขั้นสุดยอดอยู่
คนที่สาม ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดถูกหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าจิตของเขาเปลี่ยนไปเยอะมาก
คนที่สี่ ผมไม่สามารถรู้อะไรในตัวเขาได้เลย แต่คนนี้น่าสงสารมากครับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=DYYtGqoGmVU]YouTube - หนั้งสั้น-Death Pen[/ame]

 

สวัสดีครับคุณ JIT_ISSARA
ตามมาส่งการบ้านจากกระทู้เก่าครับ
ได้ท่อง
จิตตัง ปะชานาติ มาเกือบสองอาทิตแล้ว
แต่ก็ไม่ได้ท่องจริงๆจังเท่าไรครับ
ความรู้สึกมันโหวงๆเหวงๆยังไงไม่รู้ครับ อธิบายไม่ค่อยจะถูกเหมือนกัน
คงเพราะไม่ได้ท่องจริงจังกระมั้งครับ
แต่ร่างกายช่วงนี้นอนหลับย้ากยาก....
ช่วงนี้ ง๋ง งง กับตัวเอง
ควรไปทางไหนต่อ ชี้เนะด้วยครับ

 

ตรวจการบ้านให้
คะแนน หนังสั้น
ความตั้งใจในการทำงาน 7/10 เหมือนรีบทำ รายละเอียดเล็กน้อยไม่ได้เก็บ
เนื้อหา 6/10 ไม่แหวกแนว
จิตวิญญาณตามบท 4/10 ไม่เข้าถึงจิตวิญญาณของตัวละคร
รวมคะแนน 17/30 ผ่านตามเกณ 50%
----------------------------------------------------------
เรื่องสภาวะ
คนหนึ่ง คือผม
จิตไม่เบิกบาน บ่งบอกว่าทำบ้าง ไม่ทำบ้าง แต่รู้เท่าทันอารมร์ มีความตั้งมั่น
คนที่สอง คือคนที่ท่านพี่บอกว่าเขาเป็นสายอิทธิฤทธิ์และฝึกจิตขั้นสุดยอดอยู่
จิตมีความตั้งมั่นสูง อดีตปฎิบัติมาเยอะ แต่ยังไม่เห็นโลกหรืออารมตามความเป็นจริง เพราะติดในความตั้งมั่นของตนเอง
คนที่สาม ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดถูกหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าจิตของเขาเปลี่ยนไปเยอะมาก
คนนี้ดีที่สุด มีความร่าเริ่ง เบิกบานใจ ตั้งใจทำงาน จะประสบผลสำเร็จในทุกๆสิ่ง ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรมา หาคำตอบให้ด้วยนะ จิตหรืออารมเพิ่งเปลี่ยนปีนี้ ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไร ทำให้จิตเขาดีขึ้น ต่อไปเขาจะทุกข์หนัก
คนที่สี่ ผมไม่สามารถรู้อะไรในตัวเขาได้เลย แต่คนนี้น่าสงสารมากครับ
คนนี้เป็นคนที่มีความวิตกกังวล และระหว่างถ่ายหนังเขาวิตกกังวลกับปัญหาบางเรื่องที่แก้ไม่ตก แต่พยายามเก็บซ่อนมันไว้ เพื่อไม่ให้คนที่เขารักรู้และเป็นห่วง จิตมีความตั้งมั่น แต่ไม่เบิกบาน และเป็นคนมีสติปัญญา เห็นความมีเมตตาด้วย
--------------------------------------
จบการตรวจสอบการบ้าน

 

ให้ภวนา
สุขิ ตายัง จิตตัง ปะชานาติ แผ่ออกนะครับ อีก 3 วัน และต่อด้วย สุขิ ตายัง ธัมมัง ปะชานาติ 4 วัน ครบ 1 อาทิตย์มาส่งการบ้านนะครับ

 

สวัสดียามบ่ายนะครับ
เข้ามาเขียนบ่อย ไม่ทราบว่าจะเป็นไรไหมครับ
ผมมีเวลานั่งสมาธิตอนกลางวันหน่ะครับ
วันนี้ก็ได้ปฎิบัติตาม คุณJIT_ISSARA แนะนำครับ
ก่อนนั่งสมาธิ สวดพระคาถาชินปารโร 7 จบ
การอธิษฐานจิตให้ตัวเอง
แล้วนั่งสมาธิ ภาวนา ธัมมัง ปะชานาติ ไปเรื่อยๆ
ดูลมหายใจตัวเอง อาการช่วงแรก
เริ่ม ส่ายๆ หมุนๆ จากซ้ายไปขวา เบาๆ เกิดสักพักก็หาย
ช่วงกลาง โล่งๆ สว่างนิดๆ แต่ลมหายใจ จับยาก ขาดๆ หายๆ
เหมือนจะหายใจไม่ออก บอกไม่ถูกครับ
พอปล่อยไปเรื่อยๆ ก็ดีขึ้นครับ
เริ่มสว่าง นั่งได้สักพัก
ก็ลืมตาครับ
ข้อสังเกตส่วนตัว จากที่ผมเคยนั่งสมาธิ มาก่อนหน้า
เริ่มเข้าใจว่ามันต่างกับตอนนี้ยังไงครับ
เมื่อก่อน นั่งเพื่อหวังจะได้ บังคับจิตให้สงบ
บังคับกายให้ตรง
ส่วนตอนนี้ ปล่อยครับ กายจะเป็นไง ก็ปล่อย
จิตจะเป็นไง ก็ปล่อย หันมาจับ ภาวนาเบาๆ
เห็นความแตกต่างจริงๆครับ
ถึงตอนนี้ผมจะทำได้แค่หางอึ่ง แต่ก็จะพยายามครับ
ขอบคุณครับ

 

คะแนน หนังสั้น
ความตั้งใจในการทำงาน 7/10 เหมือนรีบทำ รายละเอียดเล็กน้อยไม่ได้เก็บ
รีบทำสุดๆครับ ถ่ายทำ 3 วัน ตัดต่อยันวินาทีสุดท้ายของกำหนดส่ง

เนื้อหา 6/10 ไม่แหวกแนว
ก๊อปหนังอื่นมายำมั่ว เน้นฮากับพวกเดียวกันเองครับ

จิตวิญญาณตามบท 4/10 ไม่เข้าถึงจิตวิญญาณของตัวละคร
ฮ่าๆๆ

รวมคะแนน 17/30 ผ่านตามเกณ 50%
ขอบคุณครับ
----------------------------------------------------------
เรื่องสภาวะ
คนหนึ่ง คือผม
จิตไม่เบิกบาน บ่งบอกว่าทำบ้าง ไม่ทำบ้าง แต่รู้เท่าทันอารมร์ มีความตั้งมั่น
ครับ แทบจะเรียกได้ว่าไม่ทำเลย

คนที่สอง คือคนที่ท่านพี่บอกว่าเขาเป็นสายอิทธิฤทธิ์และฝึกจิตขั้นสุดยอดอยู่
จิตมีความตั้งมั่นสูง อดีตปฎิบัติมาเยอะ แต่ยังไม่เห็นโลกหรืออารมตามความเป็นจริง เพราะติดในความตั้งมั่นของตนเอง
คงจะเป็นเช่นนั้นครับ


คนที่สาม ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดถูกหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าจิตของเขาเปลี่ยนไปเยอะมาก
คนนี้ดีที่สุด มีความร่าเริ่ง เบิกบานใจ ตั้งใจทำงาน จะประสบผลสำเร็จในทุกๆสิ่ง ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรมา หาคำตอบให้ด้วยนะ จิตหรืออารมเพิ่งเปลี่ยนปีนี้ ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไร ทำให้จิตเขาดีขึ้น ต่อไปเขาจะทุกข์หนัก
เขาบอกว่าไม่ได้ไปทำอะไรมาเลยครับ


คนที่สี่ ผมไม่สามารถรู้อะไรในตัวเขาได้เลย แต่คนนี้น่าสงสารมากครับ
คนนี้เป็นคนที่มีความวิตกกังวล และระหว่างถ่ายหนังเขาวิตกกังวลกับปัญหาบางเรื่องที่แก้ไม่ตก แต่พยายามเก็บซ่อนมันไว้ เพื่อไม่ให้คนที่เขารักรู้และเป็นห่วง จิตมีความตั้งมั่น แต่ไม่เบิกบาน และเป็นคนมีสติปัญญา เห็นความมีเมตตาด้วย
No Comment

 

ครับ อยากจะบอกว่า
เวลานั่งสมาธิ หลับตา ให้ใช้ ชินปาโรบทย่อ และไม่ต้องตามลมหายใจเข้าออก ถ้ามันจะรู้ เดี่ยวเขาจะรู้เอง ตั้งคำบริกรรมไว้กลางหน้าอก บริกรรมเบาๆ แล้วระหว่างบริกรรมให้มีความรู้สึกว่าสิ่งที่บริกรรมนั้นก้องกังวานไปทั่วจักรวาล
พุทธังเมตตา
พุทธังจักกะวาลัง
แสนแปดหมื่นจักกะวาลัง
กัมมัฏฐานัง แปดหมื่นจักกะวาลัง
กาโย โหติ”


*****************************************************************************
ในชีวิตประจำวันลืมตาให้ใช้ ธัมมัง ปะชานาติ


ตอนนี้ก้อพัฒนาไปได้ดีมาก มีความตั้งมั่นดี ความเบิกบานใจเริ่มออก แล้ว

 

สวัสดีค่ะท่านจิตอิสระ วันนี้มาส่งการบ้านที่ครบ 7 วันวันนี้ ก่อนอื่นต้องขอยอมรับความจริงว่า ความเพียรมันน้อยลง ได้ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง โดยเฉพาะการอธิษฐานจิตวันละ 3 รอบ เป็นภาษาบาลี? จนวันนี้ก็ยังท่องไม่ได้ ส่วนคำภวนาท่านให้เปลี่ยนจากคำว่า ภควา เป็น "อิติ ภควา ติ" ก็พยายามภวนาทุกครั้งที่ระลึกได้ในระหว่างวัน ตั้งแต่วันที่ได้รับการบ้านจนถึงวันนี้รวม 7 วัน ก็ปกติดี คือ จิตใจเป็นสุข และเบิกบาน แต่มีเมื่อ 2 วันก่อน (28 ก.พ.54) มีเรื่องมากระทบ ทำให้จิตตกคือมีความรู้สึกโกรธ และไม่ชอบการกับรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า และอยากให้ผู้อื่นเชื่อฟังตามเหตุผลที่เราบอก เห็นความเป็นอัตตาของตัวเองอย่างมาก แต่พยายามอุเบกขาว่ามันเป็นธรรมดา ท่านจิตอิสระเห็นประการใดโปรดชี้แนะค่ะ ขอบพระคุณค่ะ

 

จิตผมรู้สึกไวกับความคิดคนรอบข้างมาก โดยเฉพาะคนที่มองโลกในแง่ร้าย จะปล่อยพลังงานลบออกมา ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมากเวลาอยู่ใกล้(เหมือนหัวใจถูกบีบ) อยากให้พี่จิตแนะนำคำภวนาที่เป็นเกาะป้องกันให้หน่อยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ