บทสัมภาษณ์ Omnec Onec สตรีจากดาวประกายพรึก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Alphomega, 2 มีนาคม 2011.

  1. Alphomega

    Alphomega สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +2
    สวัสดีครับชาวเว็บพลังจิตทุกท่าน

    ผมได้ติดตามอ่านเว็บบอร์ดพลังจิตในห้องวิทยาศาสตร์-ลึกลับมาระยะหนึ่งแล้ว ได้พบได้อ่านเรื่องราวต่าง ๆ มากมายเลยครับ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมสนใจมากก็คือเรื่องการยกระดับจิตสำนึกมวลมนุษยชาติ เป็นเรื่องที่ผมชอบเข้ามาอ่านมากที่สุดครับ

    เมื่อสองวันก่อนผมนึกถึงเรื่องที่เคยอ่านผ่านมาแล้วที่โพสโดยคุณ Chayutt ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณ Omnec Onec สตรีจากดาวประกายพรึก แล้วผมก็เข้าไปค้นหาดูใน youtube ก็พบคลิปวีดีโอสัมภาษณ์สตรีผู้นี้สี่ตอนด้วยกัน หลังจากที่ได้ดูแล้วก็รู้สึกอยากนำมาเผยแพร่ในเว็บบอร์ดแห่งนี้ครับ เพราะเป็นเรื่องที่ผมเองก็สนใจอยู่แล้วและข้อมูลบางอย่างก็สอดคล้องกับสิ่งที่ผมได้เคยอ่านมาด้วย ผมจึงขออนุญาตนำ link คลิปวีดีโอพร้อมบทแปลที่แปลเองมาลงไว้ที่นี่นะครับ บทแปลอาจไม่ตรงเท่าไหร่เพราะผมฟังแล้วถอดความมาอีกทีนะครับ ถ้าเกิดว่าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

    วีดีโอคลิปนี้ผมไม่ทราบว่าถ่ายทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ว่ามีคนเอามาลงไว้ใน youtube เป็นเวลาสามเดือนผ่านมาแล้วครับ ผมจะทยอยนำลงนะครับเพราะว่าต้องแปลบทสัมภาษณ์ด้วย

    เชิญรับชมได้เลยครับ

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=21uVnv1Tm-g"]YouTube - UFO - (OMNEC ONEC - ICH KAM VON DER VENUS - 1v4).avi[/ame]

    ช่วงที่เป็นภาษาเยอรมันเป็นช่วงที่พิธีกรแนะนำว่าวันนี้เป็นการสัมภาษณ์คุณ ออมเนค โอเนค สตรีจากดาวประกายพรึกนะครับและต่อไปนี้คือคำแปลบทสัมภาษณ์ครับ

    Die Frau von der Venus/Interview mit Omnec Onec 1<O:p</O:p
    สตรีจากดาวประกายพรึก/บทสัมภาษณ์กับคุณออมเนค โอเนค 1<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พิธีกร:คำถามแรกนะครับ ออมเนค โอเนค คือชื่อของคุณใช่ไหมครับ?<O:p</O:p
    Omnec: จริง ๆ เรียก ออมเนค ก็พอค่ะ แต่ ออมเนค โอเนค เป็นชื่อจริงของฉันค่ะ
    พิธีกร:อย่างแรกสุดเลยนะครับ ผู้ชมทางบ้านหรือเราเองได้แต่จินตนาการว่ามีผู้คนบนดาวศุกร์เพราะนักวิทยาศาสตร์บอกว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวดวงนั้น หรือว่าพวกเขาไม่ได้บอกความจริงแก่เรา หรือว่าจริง ๆ แล้วเราไม่สามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตบนดาวศุกร์ได้ แล้วคุณอยู่ในมิติอื่นหรือเปล่าครับ?
    Omnec: ในยุคหนึ่งนั้นสิ่งมีชีวิตบนดาวศุกร์ก็เคยมีอารยธรรมอยู่ในโลกทางกายภาพอยู่เช่นเดียวกับมนุษย์บนโลกใบนี้ แต่นั่นก็เป็นเวลานานมาแล้ว อย่างน้อยก็ 20 ล้านปีค่ะ
    พิธีกร: นานมากจริง ๆ นะครับ<O:p</O:p
    Omnec: แต่ว่า ณ ตอนนี้วัฒนธรรมและสังคมของเราอยู่ในมิติคู่ขนานกับโลกทางกายภาพ อันที่จริงชาวดาวศุกร์ก็เป็นบรรพบุรุษของชนเผ่าโบราณบางเผ่าพันธุ์บนโลกนี้ แล้วอันที่จริงทุกชนเผ่าบนโลกล้วนสืบเชื้อสายจากชนเผ่าจากดาวดวงอื่นทั้งสิ้น แต่เหตุการณ์ทั้งหมดก็เกิดขึ้นก่อนที่มนุษย์จะบันทึกประวัติศาสตร์เอาไว้เสียอีกนะคะ
    พิธีกร:แล้วชาวดาวศุกร์ก็เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่เกิดขึ้นในจักรวาลด้วยใช่ไหมครับ?
    Omnec: ใช่ค่ะ ก็จริง ๆ แล้วมนุษย์และระบบสุริยะต่าง ๆ มาจากกาแล็กซี่อื่นก่อนที่โลกจะก่อกำเนิดเป็นดาวเคราะห์เสียอีก พวกเขาถูกส่งมาเพื่อคุ้มครองกาแล็กซี่แห่งนี้และจุติเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสูง แล้วก็เข้าครองดาวเคราะห์อีกสี่ดวงในระบบสุริยะก็คือ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และ ดาวเสาร์ พวกเขาก็คือบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์หลักสี่เหล่าบนโลกนี้ แล้วต่อมาพวกเขาก็เข้าครองโลกนี้ด้วย นับจากนั้นเป็นต้นมาพวกเขาที่เป็นต้นกำเนิตเผ่าพันธุ์ ไม่ใช่กลุ่มที่มาบนโลกนะคะ แต่เป็นกลุ่มดั้งเดิมจากดาวอื่นก็อยู่ในมิติคู่ขนานกับโลกทางกายภาพ แล้วด้วยวิทยาการและความสามารถทางจิตวิญญาณพวกเราชาวดาวศุกร์ เราก็สำแดงร่างปรากฏและอยู่ในจักรวาลทางกายภาพได้ค่ะ
    พิธีกร:แล้วบนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ เช่น ดาวอังคาร ดาวเสาร์ มีสิ่งมีชีวิตอยู่ไหมครับ?
    Omnec: ไม่ค่ะ ไม่ได้อยู่บนโลกทางกายภาพ
    พิธีกร:แต่ว่าอยู่ในมิติที่มีระดับการสั่นสะเทือนสูงกว่าใช่ไหมครับ?
    Omnec: ใช่แล้วค่ะ แต่คุณก็ยังพบร่องรอยอารยธรรมของชนเผ่าต่าง ๆ ได้อยู่ค่ะ
    พิธีกร:บนดาวอังคารสินะครับ
    Omnec: ใช่ค่ะ ก็เห็นว่ามีการค้นพบอยู่บ้าง
    พิธีกร:ก็คงเป็นอย่างนั้นนะครับ แต่บนดาวอังคารนี่ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตขั้นสูงที่อยู่ในมิติสูงเช่นเดียวกับชาวดาวศุกร์อยู่ใช่ไหมครับ?
    Omnec: แน่นอนค่ะ
    พิธีกร:ครับ ว่าแต่คุณมายังโลกนี้ได้อย่างไร คุณขึ้น UFO มาหรือว่ามาในแบบอื่นครับ?
    Omnec: อืม...บนดาวเคราะแต่ละดวง โดยเฉพาะดาวเคราะห์ที่เก่าแก่จะมีเมืองอยู่แห่งหนึ่งที่มีที่ตั้งอยู่ทั้งในโลกทางกายภาพและในมิติคู่ขนานด้วย ประมาณว่าเป็นเมืองที่เร้นอยู่
    พิธีกร:บนโลกนี้ด้วยเหรอครับ หรือว่าบนดาวดวงอื่น?
    Omnec: บนโลกนี้ก็มีวิหารเร้นลับโบราณอยู่ตามที่ต่าง ๆ แล้ววิหารเหล่านี้ก็เป็นที่ที่มนุษย์เรียกว่าประตูเชื่อมระหว่างมิติ แต่ว่าสถานที่เหล่านี้ก็ถูกซ่อนไว้นานมาแล้ว บนดาวดวงอื่น ๆ ก็มีสถานที่ลักษณะนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งเปิดโอกาสให้เราปรากฏร่างได้ และยังทำให้เรานำยานพาหนะออกมาใช้เดินทางในโลกทางกายภาพได้อีกด้วย เรามียานอวกาศที่ใช้เดินทางระหว่างกาแลคซี่ ระหว่างมิติ และข้ามเวลา และนี่ก็คือวิธีที่ฉันเดินทางมายังโลกนี้ หลังจากที่ฉันสำแดงร่างปรากฏในเมืองที่ว่านี้บนดาวศุกร์ ก็มีคนพาฉันขึ้นยานอวกาศซึ่งใช้วิธีเดียวกันกับการปรากฏร่าง แล้วฉันก็ถูกนำมาที่ธิเบตมาอยู่ที่สำนักสงฆ์แล้วพำนักอยู่ที่นั่นในช่วงปีแรก เพื่อที่จะปรับตัวให้ชินกับสภาพแรงดึงดูดของโลก เรียนรู้ภาษา และปรับสภาพร่างกายของตัวฉันเองค่ะ
    พิธีกร:คุณคงต้องปรับตัวลำบากเลยทีเดียวนะครับ จากดาวที่มีแรงดึงดูดน้อยแล้วต้องมาอยู่ยังโลกที่แรงดึงดูดต่างกันเช่นนี้
    Omnec: ใช่แล้วค่ะ การปรับสภาพร่างกายนั้นลำบากจริง ๆ
    พิธีกร:คุณออกเดินทางมาตอนอายุเท่าไหร่ครับ แล้วคุณลงมาเกิดใหม่หรือว่ามาพร้อมกายหยาบเลย?
    Omnec: ถ้าจะนับตามมาตรฐานระบบเวลาและความเข้าใจของมนุษย์แล้วละก็ ฉันก็มาตอนที่ฉันเป็นเด็กอายุเจ็ดขวบค่ะ
    พิธีกร:เป็นช่วงที่คุณมาครั้งแรกสินะครับ
    Omnec: แต่ถ้านับตามเวลาที่อยู่ในมิติของชาวดาวศุกร์รวมถึงเวลาของโลกมนุษย์แล้ว ฉันก็คงเกิดมาได้ 130 ปีแล้วละค่ะแม้ว่าฉันจะดูเหมือนเด็กเจ็ดขวบก็ตาม เพราะว่าช่วงอายุพวกเรายืนยาวมากและกระบวนการชราภาพก็ดำเนินไปอย่างช้ามาก ณ ตอนนี้อายุของฉันที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือ 250 ปีค่ะ
    พิธีกร:คุณก็ยังดูดีอยู่นะครับแม้อายุจะปาเข้าไปขนาดนั้นแล้ว
    Omnec: แต่บนโลกฉันก็มีอายุเทียบเท่ากับคนอายุ 50 ปีค่ะ
    พิธีกร:ครับ แล้วนี่เป็นงานหรือเป็นหน้าที่ที่คุณต้องมาที่นี่หรือว่าคุณอาสามา แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่ครับ?
    Omnec: เป็นเหตุผลรวมกันทั้งหมดนั่นแหละค่ะ ฉันได้รับคำขอจากจิตวิญญาณเบื้องบน
    พิธีกร:จิตวิญญาณของดาวศุกร์หรือว่าเป็นจิตวิญญาณ...
    Omnec: จิตวิญญาณเบื้องบนเป็นจิตวิญญาณของสรรพสิ่งทั้งมวลในจักรวาลค่ะ
    พิธีกร:ในมิตินี้แล้วก็มิติที่สูงกว่าด้วย ไม่ใช่แค่ดาวศุกร์และดาวอื่น ๆ ใช่ไหมครับ?
    Omnec: ค่ะ เหล่าจิตวิญญาณเบื้องบนมีภารกิจเกี่ยวข้องกับชะตาลิขิตของมนุษย์บนโลกและโลกทางกายภาพด้วย จิตวิญญาณเบื้องบนเหล่านี้ครั้งหนึ่งก็เคยมาจุติบนโลกแล้ว ณ ตอนนี้ก็วิวัฒน์เป็นจิตวิญญาณขั้นสูงแล้วค่ะ
    พิธีกร:เหมือนกับศาสดาต่าง ๆ ใช่ไหมครับ พระเยซูก็เช่นกันใช่ไหมครับ?
    Omnec: ค่ะ พระเยซูก็เป็นจิตวิญญาณหนึ่งในกลุ่มนั้นค่ะ....ภารกิจของเหล่าจิตวิญญาณเบื้องบนก็คือช่วยให้มนุษย์และคนในสังคมได้ทราบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ขาดหายไป สิ่งที่มนุษย์ไม่ได้บันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ซึ่งสูญหายไปบนโลกนี้ และให้มนุษย์ทราบถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง จิตวิญญาณจะนำข้อมูลกลับมาให้มนุษย์เพราะว่าโลกนี้กำลังเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า “New Age” (นิว เอจ) ซึ่งการรับรู้และจิตสำนึกจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และข้อมูลต่าง ๆ ต้องนำกลับมาให้มนุษย์ได้รับทราบเพื่อที่จะเปลี่ยนมุมมองและแนวคิดของมนุษย์บนโลก ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับคำสอนที่ศาสนาคริสต์มีอยู่ค่ะ
    พิธีกร:คุณเป็นคนเดียวที่มาจากดาวศุกร์หรือเปล่า หรือว่ามีอีกหลายคนมาที่นี่ครับ?
    Omnec: ไม่ค่ะ จริง ๆ แล้วมีอยู่มากมายเลย
    พิธีกร:แต่คุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าคนทั่วไปจะรู้จักกันดีนะครับ
    Omnec: ก็...ฉันเป็นคนที่ได้รับเลือกให้เผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณชนค่ะ
    พิธีกร:ถ้าอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลาย ๆ คนปฏิบัติงานอยู่ใช่ไหมครับ?
    Omnec: ค่ะ พวกเขาปฏิบัติงานกันในหลายระดับค่ะ
    พิธีกร:ครับ แล้วคุณมีความสามารถพิเศษอย่างเช่นการอ่านความคิด หรือดูรัศมีออร่าหรืออะไรทำนองนั้นไหมครับ?
    Omnec: จริง ๆ แล้วเราทั้งหลายมีกฎแห่งจิตวิญญาณบางประการที่คุ้มครองความคิดส่วนบุคคลอยู่ค่ะ ดังนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้น แต่...
    พิธีกร:คุณไม่อยากใช้พลังอย่างนั้นหรือว่าคุณทำไม่ได้?
    Omnec: ไม่ได้ค่ะเพราะว่ามีการคุ้มครองลักษณะพิเศษอยู่ แต่ถ้าหากว่ามีความคิดมุ่งร้ายผุดขึ้นมาในความคิดของคุณ เราก็จะรับรู้ได้ แต่หลายคนบนโลกนี้ก็ไม่อาจรับรู้แบบพวกเราได้เพราะ...
    พิธีกร:แต่ก็มีคนบนโลกนี้ที่คุณสามารถโทรจิตสื่อกันได้ใช่ไหมครับ?<O:p></O:p>
    Omnec: ค่ะ ถ้าในแง่ของโทรจิตแล้วฉันก็สื่อกระแสจิตกับมนุษย์ที่มีความสามารถในด้านนี้ได้ แล้วฉันก็ใช้วิธีนี้เพื่อสื่อกับคนที่ไม่ได้อยู่บนโลกด้วย
    พิธีกร:บนดาวศุกร์เหรอครับ?<O:p></O:p>
    Omnec: ค่ะ ฉันสื่อจิตไปเวลาที่ต้องการข้อมูลต่าง ๆ แล้วนี่ก็ไม่ใช่การเข้าทรงด้วยเพราะว่าฉันติดต่อได้โดยตรงกับจิตหรือสิ่งมีชีวิตที่ฉันรับรู้ได้ แต่ว่า...อย่างที่เราก็รู้ว่าผู้คนในอารยธรรมโบราณบนโลกเคยมีความสามารถในการสื่อสารกันโดยใช้กระแสจิตเช่นนี้ และสามารถจดจำผู้ที่อยู่ก่อน รวมทั้งประวัติศาสตร์ของพวกเขาได้ แต่ว่าก็เกิดมีการปรับแต่งพันธุกรรมของมนุษย์โลกหลังจากยุคแอตแลนติส แล้วก็มีการรุกรานจากระบบจักรวาลอื่นเข้ามาด้วย...
    พิธีกร:เป็นเวลานานนับพันปีแล้วใช่ไหมครับ?
    Omnec: ใช่แล้วค่ะ อันที่จริงก็เป็นช่วงก่อนคริสตกาลนั่นแหละค่ะการปรับแต่งพันธุกรรมมนุษย์ก็เป็นการแยกสมองออกเป็นสองส่วนด้วยกัน นั่นทำให้มนุษย์ไม่สามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ใช้คำพูด แล้วยังไม่สามารถจดจำอารยธรรมที่มีอยู่ก่อน ก่อนที่พวกเขาจะมาเกิดในโลกทางกายภาพนี้ เหตุนี้มนุษย์จึงใช้สมองสองส่วนนี้ได้เพียงแค่สำหรับการใช้ชีวิตอยู่บนโลกทางกายภาพนี้เท่านั้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ที่มารุกรานโลกเป็นคนทำขึ้นมา ซึ่งเป็นกลุ่มที่ก่อตั้งระบบชนชั้นและการแบ่งแยกระหว่างเผ่าพันธุ์และความขัดแย้งระหว่างศาสนาขึ้น แล้วสถาปนากลุ่มตัวเองขึ้นครองอำนาจ บงการและควบคุมมนุษย์โลก นี่เองที่ทำให้พวกที่รุกรานควบคุมมนุษย์ได้มากขึ้นเพราะมนุษย์ได้สูญเสียความสามารถดังกล่าวไปหมด แล้วความลับและองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่พวกนั้นบังคับให้มนุษย์ดั้งเดิมถ่ายทอดมาก่อนที่มนุษย์จะถูกปรับแต่งพันธุกรรมก็สงวนไว้สำหรับองค์กรลับต่าง ๆ ที่ก่อตั้งขึ้นมาสำหรับพวกชนชั้นสูงและมีอำนาจให้ศึกษาเท่านั้น ส่วนคนที่เหลือก็ถูกจำกัดและควบคุมในรูปของศาสนา คำสอนต่าง และ ความรู้ต่าง ๆ และระหว่างนั้นพวกนั้นก็แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ สร้างภาษา ก่อตั้งศาสนาต่าง ๆ และทุกอย่างที่เกิดจากระบบเหล่านี้...<O:p></O:p>
    พิธีกร:คือแบ่งแยกทุกสิ่งออกจากแหล่งต้นกำเนิดนั่นเอง
    Omnec: ใช่ค่ะ แล้วพวกเขาก็สร้างความขัดแย้งแตกแยกให้เกิดขึ้น
    พิธีกร:แล้วพวกเขาเป็นใครกันล่ะครับ?
    Omnec: อืม...ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้บอกค่ะว่าพวกเขามาจากดาวดวงไหนเนื่องจากปัจจุบันนี้พวกเขาอยู่ในช่วงกระบวนการพยายามเยียวยาและแก้ไขในสิ่งที่ทำลงไปในอดีต
    พิธีกร:พวกเขารับรู้แล้วและอยากจะแก้ไขในสิ่งที่ทำลงไปใช่ไหม?
    Omnec: ถูกแล้วค่ะ และนี่ก็เป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านวิวัฒน์โลกนั่นเอง
    พิธีกร:แล้วพวกเขาอยู่บนโลกนี้ด้วยหรือเปล่าครับ? แล้วพวกเขายังติดต่อสื่อสารกับมนุษย์หรือไม่?

    มีต่อในคลิปที่สองครับ
     
  2. Alphomega

    Alphomega สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +2
    ตอนที่สองนะครับ

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=FjuJK4jfurs"]YouTube - UFO - (OMNEC ONEC - ICH KAM VON DER VENUS - 2v4).avi[/ame]

    Omnec:พวกเขาก็ลงมาเกิดใหม่บนโลกนี้ค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:พวกเขากำลังอยู่ในช่วงกลับชาติมาเกิดใหม่สินะครับ แล้วก็มีรูปร่างเป็นมนุษย์ใช่ไหมครับ?
    Omnec:คุณพูดถูกแล้วค่ะ มีหลายคนที่เกิดขึ้นมาในสังคมโลกแล้วรู้ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนที่มาจากโลกนี้ เป็นความรู้สึกบริสุทธิ์จากภายในซึ่งอธิบายตามวิธีคิดตามตรรกะไม่ได้ แต่นั่นก็เป็นความรู้สึกที่พวกเขารู้อยู่ในใจ แล้วอืม...โลกใบนี้ก็กำลังเข้าสู่ภาวะเปลี่ยนผ่านไปสู่สภาวะความเป็นอยู่ดั้งเดิมที่เคยเป็นมา ซึ่งจะเป็นโลกที่ไม่มีความขัดแย้งและมีการผนึกรวมกันเป็นหนึ่ง กระบวนการนี้ก็เริ่มจากการปรับเปลี่ยนมุมมองและแนวคิดผู้คน และนี่ก็เป็นสิ่งที่ฉันสอนพวกเขาอยู่ค่ะ ฉันใช้เวลาสองวันเพื่อให้ผู้คนเหล่านั้นได้ก้าวผ่านแนวคิดบังคับที่ถูกควบคุมไว้อย่างเป็นแบบแผนซึ่งคุณได้ประสบมาตั้งแต่เกิดเช่น ศาสนา ความเห็นด้านการเมือง และสิ่งต่าง ๆ ที่คุณได้รับเอามา ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณไม่ได้เลือกด้วยเจตจำนงอิสระของคุณเอง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือครอบครัวสั่งสอนแนวคิดต่าง ๆ แล้วมุ่งที่จะยัดเยียดหรือบังคับให้คุณทำและคิดตาม จากนั้น สิ่งที่พ่อแม่คุณคิดว่าถูกต้องและเป็นสิ่งที่ดีนี้ก็ส่งผ่านสืบทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่าจนเหลือโอกาสน้อยมากที่คนแต่ละคนในรุ่นต่อมาจะสร้างสรรค์แนวทางและอิสรภาพในชีวิตของตนเองได้ สิ่งที่ฉันทำก็คือช่วยให้ผู้คนได้ก้าวผ่านสิ่งเหล่านั้นและกลับไปสู่ต้นกำเนิดที่แท้จริงเพื่อค้นหาว่าอารมณ์ของพวกเขาเป็นเช่นไร ทางเดินในชีวิตเราจะเป็นไปในทิศทางไหน ความรู้สึกที่แท้จริงในตัวเราเป็นเช่นไร แล้วช่วยให้พวกเขาก็ก้าวผ่านระบบควบคุมจากภายนอก นี่เป็นกระบวนการอันยิ่งใหญ่ซึ่งมนุษย์แต่ละคนต้องค้นหาผ่านตัวตนของตนเองเพราะฉันเองก็ไม่ได้เป็นผู้วิเศษที่จะเสกให้คนเปลี่ยนได้ในพริบตา<O:p</O:p
    พิธีกร:คุณก็เสกโอมเพี้ยงแล้วเป็นพวกเขาก็ไม่ได้ด้วย
    Omnec:ฉันก็แค่นำมุมมองที่แตกต่างในเรื่องของความเป็นจริงมาให้ผู้คนได้ทราบรวมทั้งแนวคิดและความเข้าใจต่าง ๆ เกี่ยวกับพวกเขาเอง จากนั้นฉันก็จะมอบกุญแจไขประตูสู่การหลุดออกจากสภาวะเดิมให้ แล้วจริง ๆ นี่ก็คือสิ่งที่อยู่ในหนังสือที่ฉันเขียนตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องมาเข้าประชุมเชิงปฏิบัติหรอกค่ะ เพียงแค่ได้อ่านหนังสือแล้วรับรู้ข้อมูลก็พอค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:อย่างนี้โดยปกติแล้วเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินชีวิตและอิสรภาพในแบบของเราอย่างนั้นหรือครับ?
    Omnec:ถูกต้องแล้วค่ะ แล้วนี่เป็นจุดหนึ่งซึ่งฉันไม่เชื่อในการแทรกแซงเจตจำนงอิสระและทางเลือกของมนุษย์แต่ละคน ถ้าเขาอยากจะนับถือศาสนาอะไรก็ย่อมได้ แล้วอยากจะทำอะไรก็ตามใจ แต่กระนั้นฉันก็คิดว่าพวกเขายังต้องการข้อมูลและความรู้พื้นฐานว่าเกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์และมนุษย์เคยเป็นเช่นไรเมื่อในอดีตอันนานมาแล้ว และมนุษย์ก็ต้องรู้ถึงประวัติศาสตร์ของมนุษย์เอง ถ้าคุณบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของมนุษยชาติออกมาให้คนได้รับรู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันทำในการสอนและการประชุมเชิงปฏิบัติ มันจะทำให้ผู้คนปรับเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับโลกนี้ จักรวาล และตัวของพวกเขาเองซึ่งไม่ใช่แค่สิ่งที่เป็นกายภาพเท่านั้น หากแต่รวมถึงเนื้อแท้ซึ่งเป็นพลังชีวิตที่อยู่ในตัวเราทุกคนด้วย<O:p</O:p
    พิธีกร:คุณกำลังบอกว่านี่ไม่ใช่ความผิดของพวกเราที่ยังไม่ได้พัฒนาด้านจิตวิญญาณไปสูงกว่านี้เพราะมีการครอบงำอยู่...
    Omnec:แต่ก็รวมถึงโครงสร้างทางสังคมที่คุณใช้ชีวิตอยู่ด้วยค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:ถ้าอย่างนั้นเหตุก็เกิดมาจากการครอบงำส่วนหนึ่งแล้วอีกส่วนหนึ่งก็...
    Omnec:อืม...อันที่จริงการครอบงำและการควบคุมถูกสร้างขึ้นจากโครงสร้างทางสังคมของมนุษย์เอง<O:p</O:p
    พิธีกร:แล้วคุณก็พยายามจะล้างระบบนี้ออกไป
    Omnec:ค่ะ เราค่อย ๆ ขจัดมันออกไปทีละเล็กทีละน้อยโดยการพูดคุยกันตัวต่อตัวกับผู้คนและให้โอกาสพวกเขาในการเปลี่ยนมุมมองและความสามารถด้านต่าง ๆ เพราะพวกเขาเลือกได้ว่าจะเปลี่ยนหรือไม่ พวกเขาไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้ แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาได้รับข้อมูล ได้โอกาสเลือกแล้ว การเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นในชีวิตอย่างแน่นอน<O:p</O:p
    พิธีกร:ซึ่งนั่นก็เป็นข้อมูลที่เราไม่สามารถดูได้จากสื่อทั่วไปหรือทีวี...
    Omnec:แน่นอนที่สุดค่ะ....แม้ว่าผู้คนจะได้รับข้อมูลนี้ทั้งหมด พวกเขาก็คงไม่ย้ายโรงเรียนไปไหนหรอกนะคะ เพราะว่าต้องจ่ายแพงมากเลยทีเดียว<O:p</O:p
    พิธีกร:(หัวเราะ) ก็ใช่นะครับ พวกเขาคงไม่ทำอย่างนั้นแน่
    Omnec:ก็คงไม่ทำอย่างนั้นแน่ ๆ ค่ะ เพราะว่าพวกเขาผูกขาดอุตสาหกรรมพลังงานแล้วก็ควบคุมระบบการเงินไว้ การเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตามจะทำให้ระบบส่วนมากของพวกเขาที่ดำเนินมาล่มสลายลง พวกเขาเลยพยายามที่จะปกป้องระบบเหล่านี้เอาไว้<O:p</O:p
    พิธีกร:ก็คงเป็นเรื่อง อำนาจ ความโลภ เงินทอง...
    Omnec:ก็สิ่งที่เกี่ยวกับวัตถุต่าง ๆ นั่นแหละค่ะเมื่อคุณไม่อยู่แล้วแต่ของพวกนี้ก็ยังอยู่ไงคะ (ตายไปก็เอาของพวกนี้ไปไม่ได้ ผู้แปล)<O:p</O:p
    พิธีกร:คุณมีมุมมองไปในทางที่ดีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกมวลมนุษยชาติใช่ไหมครับ?<O:p</O:p
    Omnec:แน่นอนที่สุดเลยค่ะ เมื่อคุณเสนอแนวคิดให้กับผู้คนได้ทราบ แค่เพียงขั้นตอนง่าย ๆ ตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดคุณนำเอาการตัดสินคนอื่นและการวิพากวิจารณ์ออกไป แล้วนำการยอมรับเข้ามาแทนที่ คุณจะมีวิถีการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะว่าคุณได้ยอมให้โอกาสคนอื่นได้ใช้เจตจำนงอิสระเพื่อที่จะเลือกหนทางในชีวิตที่เข้ากับชีวิตคนคนนั้นได้ดีที่สุดแล้วรับผิดชอบกับการตัดสินใจครั้งนั้น และไม่เข้าไปแทรกแซงและไม่เพ่งเล็งบุคคลนั้นมากนัก แต่ให้สนใจตัวคุณเอง แล้วปัญหาความขัดแย้งทุกอย่างก็จะมลายหายไป เพราะคุณไม่ได้เป็นคนสร้างมันขึ้นมาถ้าหากคุณมีมุมมองของคุณเองแล้ว คุณใช้ชีวิตอยู่ในความเป็นจริงในแบบคุณ แล้วคุณก็มีทางเลือกในชีวิตที่เลือกเอง แล้วปล่อยให้คนอื่น ๆ ทำอย่างที่เขาอยากทำตามเจตจำนงอิสระที่มี ปัญหาและความขัดแย้งหลัก ๆ นี่เกิดขึ้นจากว่าฝ่ายหนึ่งพยายามยัดเยียดความคิดและความเชื่อของตนให้อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อแล้วก็เกิดการควบคุมและครอบงำขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก<O:p</O:p
    พิธีกร: ครับ แล้วนับตั้งแต่ที่คุณมายังโลกนี้คุณได้เห็นการเปลี่ยนแปลงหรือความก้าวหน้าในการยกระดับอย่างไรบ้าง?
    Omnec:แน่นอนทีเดียวค่ะ ฉันเขียนหนังสือในช่วงทศวรรษที่ 60 ช่วงนั้นความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวแนวคิดเกี่ยวกับมิติที่ต่างกันยังห่างไกลจากผู้คนนัก ไม่มีทางเลยค่ะที่จะให้แนวคิดนี้เข้าถึงผู้คนในช่วงเวลานั้น แต่ด้วยการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเช่น ระบบดาวเทียม คอมพิวเตอร์ และระบบการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้เปิดโลกทัศน์ให้ผู้คนได้รับความรู้อย่างยิ่งยวด เพราะว่ามีข้อมูลมากขึ้นอย่างแน่นอน และนี่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงความสามารถในการเข้าใจและตื่นรู้อย่างมหาศาลเลยค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:อย่างนี้ดาบก็มีสองคมใช่ไหมครับ ด้านหนึ่งก็ถูกนำไปใช้เพื่อการหลอกคน อีกด้านหนึ่งก็ใช้สื่อสารกันข้ามโลกได้อย่างรวดเร็วนะครับ
    Omnec:ใช่ค่ะ แต่คุณต้องรับรู้และแยกแยะข้อมูลได้ด้วยนะคะ คุณจะเห็นทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาด้วยค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:ชาวดาวศุกร์นี่มีความคิดเกี่ยวกับพระเจ้าหรือผู้สร้างหรือเปล่าครับ?
    Omnec:มีค่ะ พวกเราเชื่อว่ามีแหล่งกำเนิดเพียงแหล่งเดียว ซึ่งเราเรียกว่าแหล่งพลังงานต้นกำเนิด แล้วพลังงานนี้ก็คือเหตุที่ทำให้ทุกสิ่งมีอยู่เป็นอยู่ เพราะแหล่งพลังงานนั้นได้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งด้วยพลังงานนั้นเอง พลังงานนั้นรังสรรค์สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่มีอยู่เพื่อให้ดำเนินไปตามวัฏจักรที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งกระบวนการนี้ก็ทำให้เราเห็นชัดว่าพลังงานไหลเวียนมีอยู่ตลอด<O:p</O:p
    พิธีกร:เราเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานนั้นหรือเปล่าครับ หรือว่าพลังงานนั้นอยู่เบื้องบน?
    Omnec:ไม่ได้อยู่เบื้องบนหรอกค่ะ จิตวิญญาณผู้สร้างสถิตย์อยู่ในทุกสิ่งที่มีชีวิตค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:อืม...ฟังดูต่างจากสิ่งที่สอนอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลเลยนะครับ เรื่องความคิดเกี่ยวกับพระเจ้าน่ะครับ
    Omnec:ก็ ถ้าคุณมีเครื่องเหวี่ยงสาร (centrifuge) แล้วใส่หิน น้ำ และ ทรายลงไปแล้วเดินเครื่องให้หมุนด้วยความเร็วสูง วัตถุที่มีน้ำหนักมากก็จะถอยไปติดขอบเครื่อง บริเวณนั้นแหละค่ะที่เป็นเสมือนกับสิ่งที่เป็นกาย แล้วมวลสารต่าง ๆ ก็เรียงตัวเข้ามาสู่จุดศูนย์กลาง จุดตรงที่มีวัตถุน้อยนี้ก็คือจุดที่มีพลังงานบริสุทธิ์มากตรงจุดนี้เองที่จิตวิญญาณผู้สร้างสถิตย์อยู่ และโลกภายนอกที่แบ่งออกไปเป็นชั้น ๆ ก็คือมิติที่ลดหลั่นกันไปจนกระทั่งถึงมิติที่เป็นกายภาพ ตรงนี้เองที่มนุษย์รวบรวมข้อมูลและประสบการณ์ และมนุษย์ก็มีร่างกายเป็นเสมือนพาหนะ แต่วิญญาณซึ่งเป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่อยู่ตรงจุดเล็ก ๆ ตรงกลางนี้ก็ยังมีความสามารถในการมีร่างในทุกมิติทุกชั้นที่มีพลังงานในแบบเดียวกัน และนั่นก็เป็นตัวอย่างวิธีที่วิญญาณอยู่กับร่างน่ะค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ใช่เป็นเพียงแค่มนุษย์มีร่างกายอย่างเดียว แต่ว่ามีตัวเราอีกหลายส่วนด้วยกันอยู่ในมิติที่สูงกว่าที่อยู่ใกล้กับจิตวิญญาณผู้สร้างใช่ไหมครับ?
    Omnec:ใช่ค่ะ ร่างกายเรานี้เป็นเพียงแค่พาหนะที่เราใช้เพื่อดำรงชีวิตบนโลก ติดต่อสื่อสาร และเรียนรู้ประสบการณ์ แต่เนื้อแท้ของคุณคือจิตวิญญาณ และเมื่อร่างกายนี้ไม่สามารถทำงานต่อไปได้อีกแล้ว จิตวิญญาณก็ยังคงอยู่แต่ไม่ได้อยู่เป็นรูปเป็นร่างแบบเดิม จิตวิญญาณจะอยู่ในมิติอีกมิติหนึ่ง แล้วถ้าหากว่าจิตวิญญาณตัดสินใจที่จะลงมาในมิติทางกายภาพนี้อีกซึ่งต้องดูจากประสบการณ์ที่จิตวิญญาณนั้นใฝ่หา แล้วนี่ก็คือสิ่งที่ฉันสอนในประชุมเชิงปฏิบัติค่ะ ฉันสอนแนวคิดทั้งหมดของการกำเนิดสร้างสรรค์และความสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อสิ่งนั้น และคุณเองก็เป็นแหล่งพลังงานที่ไม่มีวันหมดสิ้นเช่นกัน<O:p</O:p
    พิธีกร:ความรักคือคำตอบทั้งหมด...
    Omnec:ค่ะ ความรักที่แท้จริงคือพลังงานที่ไหลมาจากจิตวิญญาณผู้สร้างผ่านมาสู่สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ถ้าหากปราศจากพลังงานความรักแล้วก็จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย<O:p</O:p
    พิธีกร:ครับ
    Omnec:นั่นคือรักที่ปราศจากเงื่อนไขค่ะ ไม่ใช่รักที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขแบบที่มีอยู่ในสังคมมนุษย์นี่ แล้วความรักที่ปราศจากเงื่อนไขนี่ก็หมายความว่า ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นอย่างที่เธอเป็น โดยไม่ต้องการเหตุผลใดเลย พิธีกร: ไม่ใช่ฉันรักเธอถ้าเธอรักฉัน
    Omnec:หรือ ถ้าเธอทำตามความต้องการฉัน”<O:p</O:p
    พิธีกร:เรามีแนวคิดที่ค่อนข้างต่างกันจริง ๆ ...อืม...แล้วชาวดาวศุกร์นี่เขามีเพศสัมพันธ์กันไหมครับ หรือว่าเรื่องนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องทางกาย?
    Omnec:ก็...เมื่อครั้งที่เรามีร่างกายอยู่ เราก็มีค่ะ เรามีความรู้สึกสัมผัสเช่นเดียวกันเพราะถึงแม้ว่าเราไม่มีกายหยาบ แต่เราก็มีรูปร่าง แล้วเราก็มีความชอบพอกัน เราสามารถแบ่งปันพลังงานในลักษณะเดียวกัน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการแลกเปลี่ยนพลังงานซึ่งกันและกัน และเราก็มีความรู้สึกแบบเดียวกันกับมนุษย์และอาจจะเข้มข้นกว่าการมีเพศสัมพันธ์ของมนุษย์ด้วย ถ้าพูดอีกอย่างก็คือพลังงานในรูปแบบเดียวกันนั่นแหละค่ะ ต่างกันตรงที่มนุษย์มีกายหยาบให้แสดงออกในการแลกเปลี่ยนพลังงาน แต่ถึงแม้ว่าเราไม่มีร่างกายแต่พวกเรารู้สึกถึงการแลกเปลี่ยนของพลังงานได้ค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:ผมเชื่อนะว่า เรื่องเพศนี่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาด้านจิตวิญญาณให้สูงขึ้นไป...<O:p</O:p
    Omnec:ฉันคิดว่าเรื่องเพศนี่เป็นลักษณะการทำงานโดยธรรมชาติของร่างกายค่ะ ซึ่งเป็นลักษณะที่ทำให้มีสุขภาพดีและมีคุณประโยชน์มากทีเดียว ฉันว่าเรื่องเพศนี้ถูกใช้ไปในทางที่ผิดมากในสังคมและผู้คนก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้จริง ๆ นัก แล้วก็ยังมีเรื่องเกี่ยวกับศีลธรรมพ่วงเข้าไปด้วย ปัญหามากมายก็เกิดขึ้นจากการเก็บกดและขาดความเข้าใจในประเด็นนี้อย่างแท้จริง คุณไม่ควรสร้างสัมพันธภาพให้เกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ ความสัมพันธ์นั้นควรจะเกิดจากการเชื่อมถึงกันอย่างแท้จริงในระดับของอารมณ์ ญาณสัมผัส จิตวิญญาณ และความเข้าใจทั้งหมด แล้วเรื่องเพศก็ควรจะเป็นส่วนหนึ่งที่พิเศษที่เติมเข้ามาในความสัมพันธ์นั้น แต่ถ้าหากคุณสร้างมันจากเพศสัมพันธ์แล้วละก็ ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันก็ไม่มั่นคงหรอกค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:ครับ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีพัฒนาการเกิดขึ้นบนโลกใบนี้นะครับ ซึ่งสื่อต่าง ๆ ก็กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างกว้างขวางเลยทีเดียว...<O:p</O:p
     
  3. paintkiller

    paintkiller เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +947
    เอาอีกครับ รอ...และรอ
     
  4. ooghost

    ooghost เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +119
    เยี่ยมเลยครับติดตามอยู่ครับ อิอิ
     
  5. สวรรค์ค8

    สวรรค์ค8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +8
    ิอืม คนดาวพระศุกร์นี่หน้าตาออกฝรั่งจ๋าเลยนะ

    คนสัมภาษณ์ ก็หน้าตายุโรป ไปด้วยกันได้นะ

    หน้าตาแบบ คนไทย เขมร ญวณ พม่าจะมีไหมหนอ

    ที่อยู่บนโลกดาวพระศุกร์เนียะุ
     
  6. AFIKLIFI

    AFIKLIFI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +53
    แล้วทำไมมีแต่หน้าตาทางยุโรป อเมกาอย่างเดียวไม่เคยเห็นมีหน้าตามาทางเราบ้างเลย
     
  7. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,106
    ค่าพลัง:
    +1,870
    ผมจะเชื่อได้อย่างไรเนี่ย...


    มนุษย์ดาวศุกร์ ดูไม่โสภาอย่างที่วาดฝันเอาไว้
     
  8. TomKaizer

    TomKaizer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +28
    อย่าไปตีกรอบความคิดซิครับ

    ว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ แบบนู้นนนนนน
     
  9. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,106
    ค่าพลัง:
    +1,870
    ผมว่า เขา...เอ๊ย เธอใส่วิกง่ะ
     
  10. Dont"

    Dont" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    434
    ค่าพลัง:
    +17
    ดูเพ้อฝันไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณมากครับ
     
  11. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    เลดี้ กาก้า น่าจะมาจากดาวใกล้ๆกันอะ

    หุหุ
     
  12. Alphomega

    Alphomega สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +2
    นี่เป็นตอนที่สามนะครับ

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=oLyMAArEVdo"]YouTube - UFO - (OMNEC ONEC - ICH KAM VON DER VENUS - 3v4).avi[/ame]

    พิธีกร:...สื่อต่าง ๆ นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเพศทั้งสองด้าน ซึ่งในด้านหนึ่งเน้นเกี่ยวกับเรื่องทางกายเพียงอย่างเดียวไม่ใช่ความรัก อีกด้านหนึ่งก็เปิดโอกาสในการยอมรับความเห็นที่แตกต่างในเรื่องเพศของคนอื่น ๆ ในสังคม คุณเห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นไหมครับ?
    Omnec:อันที่จริงตอนนี้ก็มีวิธีการบำบัดทางเพศและข้อมูลที่เป็นประโยชน์หลายอย่างเข้าถึงผู้คนได้แล้วนะคะ ซึ่งข้อมูลตรงส่วนนี้ก็มีคนนำไปปรับใช้กันบ้างแล้ว แต่ก็...ด้วยเหตุว่ามีการเก็บกดอารมณ์ทางเพศเอาไว้ แล้วด้วยความรู้สึกนั้นก็ก่อให้เกิดการทารุณกรรมทางเพศในรูปแบบอันหลายหลาย การเก็บกดอารมณ์เอาไว้และไม่ได้ปลดปล่อยหรือแสดงออกมาเลยก็จะไปเพิ่มแนวโน้มการก่ออาชญากรรมผ่านการทารุณกรรมทางเพศ และยังเพิ่มแนวโน้มการหมกมุ่นเรื่องเพศเข้าไปอีกด้วยนะคะเพราะในสังคมของมนุษย์นั้นพวกเขาเองไม่เข้าใจว่ากุญแจสำคัญในการมีชีวิตอยู่อย่างกลมกลืนกันนั้นคือความสมดุลและความสอดคล้องต้องกัน ถ้าคุณเป็นคนที่ฝักใผ่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจนสุดโต่งเกินไป เช่น ถ้าคุณเป็นคนติดอาหารสุขภาพจัด ไม่ดื่ม แล้วตัดขาดการมีเพศสัมพันธ์ไปโดยสิ้นเชิง คุณก็ยังเก็บกดอารมณ์แนวโน้มตามธรรมชาติในการใช้ชีวิตอยู่เพราะว่าติดกับความสมบูรณ์แบบ ซึ่งคุณจะไม่มีทางเจอสภาวะแบบนี้แน่ เมื่อคุณอยู่บนโลกนี้ก็ต้องตระหนักว่าคุณต้องเปิดโอกาสให้ตัวคุณเองได้มีส่วนร่วมในทุกสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นด้านบวกและด้านลบตามแต่สถานการณ์ในชีวิตน่ะค่ะ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความสมดุลและความเข้าใจในข้อจำกัดของตัวคุณด้วย การทำสิ่งใดแบบสุดโต่งก็เป็นอันตรายอย่างแท้จริงทั้งหมดนั่นแหละค่ะ และการฝักใฝ่สิ่งใดจนมากเกินก็ทำให้อีกด้านหนึ่งของคุณไม่สมดุลนั่นเอง ดังนั้นคุณต้องหาจุดกึ่งกลางที่พอดีสำหรับตัวคุณ นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ฉันบอกไม่ได้ว่าคุณต้องทำอะไร ตัวคุณเองเท่านั้นต้องเป็นคนที่รู้เอง แต่ฉันก็คิดว่าความคิดในการตัดสินผู้อื่นและการวิพากวิจารณ์ก็จะเข้ามามีบทบาทอีก หากคุณเป็นคนทานมังสวิรัติและไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่ม ฯลฯ แล้วคุณมองคนอีกคนที่ปฏิบัติตัวไม่เหมือนคุณว่าผิดแล้วละก็ คุณก็ยังมีจิตที่ชอบวิจารณ์และชอบตัดสินผู้อื่นอยู่ คุณก็ยังเป็นคนที่ฝักใฝ่อย่างสุดโต่งอยู่ดี ท้ายที่สุดชีวิตคุณก็ยังไม่สมดุลสักที แล้วนั่นก็คือการที่คุณไม่ยอมให้ผู้อื่นดำเนินชีวิตตามครรลองของผู้นั้นเอง นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะพูดถึงการยอมรับตัวตนและความสมดุลในชีวิตไงละคะ
    พิธีกร:อย่างนั้นก็แปลว่าเราต้องไม่ไปตัดสินผู้อื่น แต่ให้เขาตามใจของเขา...
    Omnec:คุณลองดูนะ เหล่าพืชพรรณและสัตว์ทั้งหลายมีชีวิตอยู่ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีอยู่เพราะมันมีเหตุผลและจุดประสงค์ในตัวของมันเอง ตัวคุณเองนั่นแหละต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะทานหรือจะนำมาปรับใช้กับชีวิตของคุณอย่างไร ไม่มีใครจะมาตัดสินใจแทนคุณได้หรอกค่ะ ตัวคุณเองเท่านั้นที่เป็นคนตัดสิน<O:p</O:p
    พิธีกร: ครับ ถ้างั้นมาคุยอีกประเด็นนะครับ วิทยาการและเทคโนโลยีบนดาวศุกร์เป็นอย่างไรบ้าง พวกคุณมีอย่างที่เราเห็นในภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์หรือเปล่าครับ เช่นคอมพิวเตอร์ติดตามตัวเรา หรือเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ?
    Omnec:พวกเราทำได้ทั้งหมดอย่างที่คุณว่ามานั่นแหละค่ะ เรามียานอวกาศลำใหญ่เท่าเมือง เรามียานขนส่งลำเล็ก ยานเหล่านี้หายไปได้ในช่วงไม่ถึงนาทีเพราะยานเหล่านี้สามารถเปลี่ยนระดับการสั่นสะเทือนของพลังงานและเลื่อนขึ้นไปสู่อีกมิติหนึ่งได้ อืม...เทคโนโลยีทุกอย่างที่คุณเห็นในหนังบนดาวเราก็มีจริง ๆ ค่ะ แต่สำหรับพวกเราแล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นธรรมชาติ แล้วสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็ใช้ได้เฉพาะกับจิตที่รับรู้และตระหนักอยู่แน่วแน่เท่านั้น เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานโดยวิธีที่สอดคล้องกับแหล่งพลังงานต้นกำเนิด สิ่งเหล่านี้ทำงานโดยวิธีทางและพลังแห่งธรรมชาติ แล้วก็ไม่ได้ใช้พลังงานเทียมประดิษฐ์ด้วยนะคะ พลังธรรมชาติจะไม่กัดกร่อนระบบโดยรวมเพราะสิ่งต่าง ๆ จะทำงานสอดคล้องกับจักรวาล ก็คือพลังงานคลื่นแม่เหล็กสั่นสะเทือนที่เราคุมไว้เป็นระบบนั่นเอง แล้วส่วนมากเราก็เน้นในเรื่องการพัฒนาความก้าวหน้าของกระบวนการคิดของเรามากกว่าค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:แล้วมนุษย์โลกจะสามารถใช้เทคโนโลยีแบบนี้ได้ไหม หรือว่าเราต้องพัฒนาจิตวิญญาณของเราให้ก้าวหน้าไปกว่านี้ก่อนครับ?
    Omnec:ก็ถ้าคุณเริ่มเข้าใจลักษณะพลังงานที่ไหลจากต่างมิติผ่านเข้าสู่ร่างกายคุณ ซึ่งจริง ๆ พลังงานนี้ก็ไหลเข้าออกทุกขณะทั้ง 24 ชั่วโมง หลายคนไม่รู้เรื่องนี้นะคะ แล้วพลังงานนี้ก็ถูกทิ้งไป แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตั้งจิตแน่วแน่เมื่อนั้นคุณก็กำลังส่งพลังงานออกไปค่ะ และถ้าคุณจดจ่อกับทัศนคติลบหรือความกลัวแล้ว สมมติว่าคุณใส่ความกลัวเกี่ยวกับสงคราม จิตคุณก็จะเสริมให้สงครามหรือความคิดลบนั้นเป็นจริงขึ้นมาด้วยพลังงานที่คุณสร้าง แล้วเวลาที่ฉันสอนผู้คนก็...<O:p</O:p
    พิธีกร:สอนไม่ให้จิตจดจ่อกับสงครามเหรอครับ?
    Omnec:ฉันบอกพวกเขาว่า ให้ทำสมาธิและส่งคำอธิษฐานอำนวยพรและความรักออกไปยังพื้นที่ที่มีสงครามแล้วเราก็จะสร้างกระแสพลังงานจิตวิญญาณรวมกันเป็นหนึ่งเดียวขึ้นมาและทำให้พลังงานด้านลบหายไป เพราะคุณไม่ได้ใช้จิตของคุณเข้าไปเสริมสงครามและความหวาดกลัวให้เกิดขึ้น และฉันก็สอนให้พวกเขารู้จักวิธีที่ทำให้ร่างกายรู้สึกและรับพลังงานได้ แล้วก็บริเวณต่าง ๆ ทั้งหมดในร่างกายที่เป็นจุดสถิตย์ของพลังงานที่พลังจากต่างมิติผ่านเข้ามาในร่าง<O:p</O:p
    พิธีกร:เหมือนกับจักรใช่ไหมครับ
    Omnec:ใช่แล้วค่ะ แล้วฉันก็สอนพวกเขาด้วยว่าพลังงานต่างมิติทั้งหลายนั้นมาได้อย่างไรและสิ่งใดที่ส่งผลกับการทำงานในส่วนต่าง ๆ ของมนุษย์<O:p</O:p
    พิธีกร:เอ...แล้ววิธีต่าง ๆ นี่เป็นวิธีที่มีมาตั้งแต่โบราณบนโลกมนุษย์แล้วหรือเปล่าครับ?
    Omnec:ค่ะ จริง ๆ แล้วก็มีมานานกว่าโลกนี้เสียอีกค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ใช่คนแรกที่นำวิธีการเหล่านี้มาเผยแพร่สินะครับ
    Omnec:ฉันก็แค่อธิบายง่าย ๆ ไม่ได้ซับซ้อนุอะไรเลยค่ะ ฉันพยายามอธิบายแล้วก็สอนทุกอย่างให้เข้าใจง่าย แล้วก็ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่สัมพันธ์กับร่างกายและการทำงานของมนุษย์ที่มนุษย์เข้าใจได้ ไม่ใช่บอกในสิ่งที่คุณไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันกำลังอธิบายให้ฟังเลยน่ะค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:ครับ แล้วคุณไม่ได้ใช้เทคโนโลยีจากดาวศุกร์ในการทำให้คนทึ่งว่านี่เป็นของจริงที่มาจากดาวศุกร์หรอกเหรอครับ?
    Omnec:ไม่เลยค่ะ ฉันว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิดเพราะว่านั่นยิ่งเป็นการทำให้คนยึดติดกับอิทธิปาฏิหาริย์เกินไป (sensationalism-ผัสสาการนิยม-ผู้แปล) แล้วฉันก็รู้สึกว่าควรจะพอได้แล้วกับเรื่องนั้น ในเรื่องการสัมผัสพลังต่าง ๆ นั้นไม่สำคัญเท่ากับการได้รับข้อมูลและความจริงที่แต่ละบุคคลต้องรับรู้เพื่อให้เชื่อในตนเอง<O:p</O:p
    พิธีกร: แต่ผู้คนก็ยังต้องเชื่อในสิ่งที่คุณพูดด้วยใช่ไหม พวกเขาต้องไม่คิดว่า เออ...คุณนี่...
    Omnec:ไม่หรอกค่ะ ฉันอยากให้พวกเขาเชื่อในตัวเองต่างหากค่ะความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าพวกเขาเชื่อฉันหรือเปล่า ความรู้ต่าง ๆ ที่ฉันถ่ายทอดไปนั้นมีความหมายอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้วค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ แต่ก็มีบางคนที่ไม่อยากจะเชื่อด้วยนี่ครับ<O:p</O:p
    Omnec:อ้อ...แล้วหัวใจฉันก็เต้นเร็วกว่าคนบนโลกนี้ ฉันอุ้มท้องนานกว่า แล้วร่างกายฉันก็สร้างแคลเซียมขึ้นได้เองด้วย<O:p</O:p
    พิธีกร:แล้วมนุษย์จะทำได้อย่างนั้นไหมครับ?
    Omnec:จริง ๆ แล้วคุณมีความสามารถเหลือล้นเลยค่ะ แต่คุณถูกบอกให้เชื่อโดยบุคคลทางการแพทย์แล้วก็สื่อต่าง ๆ ว่า สิ่งนี้สิ่งนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพและร่างกายของคุณ เขาบอกว่าคุณอยู่ได้ถึงแค่ 65 ปีก็ถึงวัยที่ต้องเกษียณและร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงดังเดิมแล้ว แล้วผู้คนก็เชื่อแล้วก็เป็นอย่างที่คนอื่นบอกไว้จริง ๆ ตัวฉันเองไม่ได้เชื่อข้อมูลเหล่านี้เต็มที่หรอกนะคะ ณ ตอนนี้ฉันอายุ 50 แล้วก็ยังใช้ชีวิตได้สนุกสนานได้มากเหมือนคนอายุ 20 เลย ยังมีกำลังวังชา ยังดื่มและก็สูบบุรี่และทำอะไรต่อมิอะไรได้อีกเยอะเลย แค่ต้องควบคุมไม่ให้มันมากจนทำร้ายตัวฉันเองก็แค่นั้นเองค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:ผมจะถามเรื่องแนวคิดเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนพื้นโลกหน่อยน่ะครับ (ตรงจุดนี้ผมตีความเอานะครับ เขาน่าจะพูดว่า Canaan on Earth ครับ-ผู้แปล)<O:p</O:p
    Omnec:ก็ความคิดนี้เกิดจากรัฐบาลของมนุษย์ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากการที่ต้องการขจัดรูปแบบสังคมที่เรียกว่าสังคมไม่พึงประสงค์ออกไปให้หมดในบางประเทศ แล้วฉันก็คิดว่าแนวคิดนี้มันกลับส่งผลตรงกันข้ามเพราะว่าท้ายสุดก็ต้องวกกลับไปสู่รูปแบบเดิม ซึ่งเข้ากันได้ดีกับกระบวนการ...ที่คุณเรียกว่าการลงทัณฑ์ด้วยน่ะค่ะ<O:p</O:p
    และเมื่อพวกเขาเริ่มใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อปรับปรุงในสิ่งที่จิตวิญญาณผู้สร้างได้รังสรรค์ไว้ ซึ่งพวกเขาก็พยายามทำอยู่หลายหน แล้วก็ต้องลงเอยด้วยการทำลายล้างและล่มสลายของอารยธรรมอยู่เสมอนั่นแหละค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:แล้วการตัดต่อพันธุกรรมก็เหมือนกันใช่ไหมครับ มนุษย์พยายามปรับเปลี่ยนให้เกิดความสมบูรณ์แบบขึ้นอยู่เสมอนี่ครับ
    Omnec: ค่ะ แล้วพวกเขาก็ไม่ยอมรับและตระหนักถึงความจริงเลย เห็นแต่ความสมบูรณ์แบบแล้วชอบมองที่ความบกพร่อง แต่ฉันคิดว่าความไม่สมบูรณ์นี่แหละคือคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ไม่มีใครเหมือน ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจและยอมรับในจุดนี้ด้วย<O:p</O:p
    พิธีกร:อย่างนี้เรื่องทั้งหมดก็เกิดจากการที่เรามีแนวคิดผิดไปใช่ไหมครับเนี่ย?
    Omnec:บางอย่างก็เกิดจากสื่อน่ะค่ะ คนเราแต่งหนังสือขึ้นมาเพื่อเตือนภัยว่าสิ่งโน้นสิ่งนี้ก่อให้เกิดมะเร็งนะ แล้วผู้คนก็รับเอาเข้าไปในระบบความเชื่อ และแน่นอนค่ะพวกเขาสร้างโรคภัยขึ้นมาให้เกิดขึ้นในร่างกายจากความกลัวได้จริง ๆ <O:p</O:p
    พิธีกร:นั่นคือความคิดที่แสดงออกมาสินะครับ
    Omnec:ก็ถ้าคนเชื่อมาก ๆ ก็จะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ค่ะ ไม่ว่าคุณจะเชื่อในสิ่งใดหรือใส่เรื่องอะไรลงไปในจิตของคุณแล้วคุณก็ยอมรับความจริงที่เกิดจากความคิดนั้นแล้ว สิ่งนั้นก็จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคุณเลยนะคะ แล้วถ้าฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่คิดอยู่นี่มันช่างไร้สาระและอันตรายต่อตัวฉัน แล้วฉันก็จะไม่ทำหรือคิดอย่างสุดโต่ง ฉันก็ลองทำสิ่งต่างเท่านั้น และฉันก็ไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดโรคภัย อย่างที่ฉันกล่าวไปแล้วว่าถ้าทำอะไรสุดโต่งเกินมันก็จะส่งผลอันตรายต่อตัวคุณ ฉันคิดว่านี่เป็นวิธีที่จะคงระบบการแพทย์และบริษัทผลิตเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ให้ดำเนินงานได้อย่างราบรื่น<O:p</O:p
    พิธีกร:ก็เกี่ยวกับความโลภและเงินทองอีก...
    Omnec:ทุกสิ่งก็วกกลับมายังจุดเดิมนั่นแหละค่ะ จริง ๆ มนุษย์ก็จะมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวกว่านี้อีก แล้วฉันเองก็ไม่ได้มีโรคภัยคุกคามมากเท่าที่มนุษย์มีด้วยนะคะ<O:p</O:p
    พิธีกร:เราก็ยังไม่ควรจากไปตอนอายุ 75 นะครับ
    Omnec:ฉันว่าไม่หรอกค่ะ ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น<O:p</O:p
    พิธีกร: สิ่งที่เราต้องทำก็แค่เปลี่ยนวิถีการคิดของเราเอง...
    Omnec:ฉันสอนผู้คนไม่ใช่แค่ให้รู้ว่าควรเชื่ออย่างไร แต่ยังสอนให้รู้เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นด้วย แล้วก็ความแตกต่างระหว่างการเชื่อกับการรับรู้ค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:คุณพูดเกี่ยวกับเรื่องความกลัวในการสอนของคุณหรือเปล่า?
    Omnec:ความกลัวเป็นเครื่องมือทรงพลังที่มนุษย์มีอยู่ แล้วมันก็ถูกนำไปใช้ในการควบคุมค่ะ ความกลัวถูกนำไปใช้ในศาสนา ในโรงเรียน ในครอบครัว และแม้แต่กระทั่งการกลัวตายด้วย นั่นคือกุญแจดอกสำคัญในการควบคุมสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ คนเราสามารถก้าวข้ามความกลัวได้ค่ะ เมื่อกายของคุณตายเนื้อแท้ของคุณไม่ได้ตายลงไปด้วย ก็แค่เปลี่ยนสถานะความเป็นอยู่ไปในอีกมิติหนึ่งเท่านั้นเอง แล้วจากมุมมองของจิตวิญญาณนั้นเองที่คุณจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่คุณไม่สามารถเรียนรู้บนโลกนี้ได้<O:p</O:p
    พิธีกร:แต่คุณก็ต้องกลับมาที่นี่เพื่อเรียนรู้อีกใช่ไหมครับ?<O:p</O:p

    มีต่อตอนสุดท้ายนะครับ
     
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    คนเข้ามาวิจารณ์ หลายคนวิจารณ์ไปโดยที่ยังไม่ได้อ่านเลยด้วยซ้ำไป

    แต่ก็นั่นแหละครับ..เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์
    ไม่มีอะไรที่นอกเหนือจากความคาดหมายแต่อย่างใดเลย

    เป็นกำลังใจให้..ไม่ต้องไปซีเรียสนะครับ
    .................................................
     
  14. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,359
    ค่าพลัง:
    +6,493
    คิดเหมือนคุณ.. กำลังจะโพสแบบนี้ พอดีมาเจอข้อความของคุณเลยขออ้างอิงซ่ะเลย (ทุกถ้อยคำถ้าอ่านแล้วใช้สติตรองดู ก็จะรู้ว่าไม่มีอะไรที่ไม่จริง เช่น..."ฉันรู้สึกว่าควรจะพอได้แล้วกับเรื่องอิทธิปาฎิหาริย์เกินไป ในเรื่องการสัมผัสพลังต่างๆนั้นไม่สำคัญเท่ากับการได้รับข้อมูลและความจริงที่แต่ละบุคคลต้องรับรู้เพื่อเชื่อในตนเอง" "ความรู้ต่างๆที่ฉันถ่ายทอดไปนั้นมีความหมายอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว" อย่างนี้เป็นต้น
     
  15. BATIOHM

    BATIOHM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +114
    ลองไปหาอ่านเรื่อง "จุไรท่องดวงดาว" โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงกันดูซิครับ แล้วทุกท่านจะทราบ
     
  16. topff

    topff สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +8
    จากบทสัมภาษณ์นี้ทำให้ผม เรียนรู้/นึก/คิด อะไรได้หลายๆอย่าง
     
  17. Alphomega

    Alphomega สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +2
    ตอนสุดท้ายแล้วครับ

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=XDWk0J8ZiK0"]YouTube - UFO - (OMNEC ONEC - ICH KAM VON DER VENUS - 4v4).avi[/ame]

    Omnec:จริง ๆ แล้วคุณเลือกได้
    พิธีกร:แต่หลายคนก็จะคิดว่าฉันทำบางอย่างพลาดไปแล้วต้องกลับมาบนโลกนี้อีก
    Omnec:ถ้าคุณยังมีห่วงอยู่ แล้วก็กลัวการตาย แล้วรู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่ยังทำไม่เสร็จสิ้น หรือบางทีคุณไปทำให้สัมพันธภาพระหว่างคุณและคนอื่น ๆ ยุ่งเหยิงแล้วคุณก็ไม่ได้มีโอกาสดูแลและรับผิดชอบความสัมพันธ์นั้น คุณก็รู้สึกว่าจะต้องกลับมาเกิดอีกครั้งหนึ่ง บางครั้งคุณก็ถูกดึงกลับมาที่นี่เนื่องจากขาดความรับผิดชอบกับการกระทำที่คุณได้ทำลงไป<O:p</O:p
    พิธีกร:ครับ อืม...คุณได้พูดไว้ก่อนหน้านี่แล้วว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบนโลกในอนาคตอันใกล้นี้ มันคืออะไรกันแน่ครับ?
    Omnec:การเปลี่ยนแปลงนี่เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1993 แล้วค่ะ วิหารโบราณตามจุดต่าง ๆ บนโลกนี้ได้ถูกจุดพลังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อฉันเดินพลังงานตามวิหารเหล่านี้ก็เป็นการเปิดประตูมิติเชื่อมต่อกับมิติอื่นด้วย แล้วจิตวิญญาณเบื้องบนก็สามารถส่งพลังงานเข้ามาในโลกได้ จากนั้นก็วางระบบไว้ในทุกสิ่งรวมไปถึงแมลง นก และทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็เพิ่มระดับเสียงร้องและระบบกลไกการทำงานต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตเพราะเสียงเหล่านั้นเป็นคลื่นความถี่ที่มีคุณประโยชน์และเยียวยาดาวเคราะห์ดวงนี้ไว้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมปฏิบัติสมาธิสม่ำเสมออยู่ทั่วทุกมุมโลก กระบวนการทุกอย่างนี้มุ่งไปสู่แหล่งพลังงานแห่งจิตวิญญาณ ตอนนี้มียานอวกาศได้มาประจำการตามสถานที่ต่าง ๆ แล้วก็ส่งกระแสพลังงานมายังโลก นั่นคือความพยายามร่วมมือกันของผู้คนนับล้านจากหลายแห่งในกาแลคซี่และมิติต่าง ๆ เพื่อคืนสภาวะตามธรรมชาติที่โลกและมนุษย์เคยเป็นอยู่ให้กลับมา กระบวนการนี้ก็ยังเป็นการสร้างระบบจักรของมนุษย์ใหม่ พลังงานต่าง ๆ จะเชื่อมโยงกลไกสมองทั้งสองด้านให้กลับมาทำงานได้อีกครั้งหนึ่งด้วยญาณภายใน การรับรู้ และความรู้เกี่ยวกับบรรพบุรุษของมนุษย์และตัวตนที่แท้จริง แล้วคุณก็จะกลับมาใช้ความสามารถในด้านญาณสัมผัสและฟังเสียงจากตัวตนภายในเกี่ยวกับการเชื่อในสิ่งต่าง ๆ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือคุณจะรู้ว่าคนที่คุณคุยอยู่ด้วยกำลังหลอกลวงคุณอยู่หรือว่าเขาจริงใจกันแน่ นี่คือความสามารถตามธรรมชาติที่คุณจะกลับมาใช้ได้อีกครั้งค่ะ แล้วเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาก็จะมีพันธุกรรมและความสามารถที่เป็นปกติสมบูรณ์อยู่แล้ว แต่คนที่เกิดมาแล้วก็จะมีระบบช่วยเหลือที่สร้างขึ้นมาจากต่างมิติ จักรวาลทางกายภาพ ยานอวกาศ และอีกหลายสิ่งได้ส่งพลังงานมายังโลกและดำเนินขั้นตอนการวิวัฒน์เปลี่ยนผ่านซึ่งก็หมายความว่าพลังงานและคลื่นความถี่ของโลกจะสั่นสะเทือนในระดับที่สูงขึ้น จากนั้นเทคโนโลยีและสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บนโลกนี้ก็จะจบการทำงานลง แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นภายในชั่วเวลาข้ามคืนนะคะ นี่เป็นกระบวนการที่มีมาตั้งแต่ปี 1993 แล้วและค่อย ๆ ดำเนินต่อไป เพราะพวกเราก็ไม่สามารถจะทำให้ร่างกายมนุษย์บาดเจ็บได้ อืม...แล้วก็จะมีการล่มสลายของระบบต่าง ๆ คุณก็เคยเห็นมาแล้วในปีค.ศ. 2000 ที่พวกคุณไม่ได้ตั้งระบบการทำงานคอมพิวเตอร์ให้เหมาะกับเวลาที่เปลี่ยนไปแล้วปัญหาก็เกิดขึ้นมากมาย<O:p</O:p
    พิธีกร:ปัญหาทางเทคนิคน่ะครับ
    Omnec:แล้วนั่นก็เป็นปัญหาของพวกเขาเองน่ะคะ แต่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้มนุษย์รู้ว่าพวกเขาเองก็ไว้วางใจในเทคโนโลยีพวกนี้ไม่ได้จริง ๆ เพราะในอนาคตเทคโนโลยีลักษณะนี้จะใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ระบบการเมืองการปกครองก็เริ่มสั่นคลอนแล้วเพราะตอนแรกระบบนี้มันก็เริ่มจากการคอรัปชั่นแล้วมันก็กำลังถูกตีแผ่ออกมาสู่สายตาผู้คน นี่เป็นสิ่งที่จะทำให้ระบบการเมืองการปกครองสิ้นสุดลง ซึ่งมันสิ้นสุดด้วยการกระทำที่ไม่ยุติธรรมนั้นเอง แล้วมนุษย์ก็เริ่มรับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลนั้นและหมดศรัทธาในระบบการเมืองไป สุดท้ายระบบก็จะล่มสลายแล้วเมื่อระบบการเงินหยุดถ่ายโอนไปมาแล้ว ผู้คนก็จะแสวงหาวิถีทางในการดำเนินชีวิตให้อยู่รอดด้วยตัวของพวกเขาเองเพราะว่าพวกเขาคืออำนาจนั่นเอง คุณอาจจะมีโรงงานอุตสาหกรรมและบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายผูกขาดทุกสิ่งทุกอย่างไว้แต่มนุษย์ที่ทำงานให้กับบริษัทเหล่านั้นเป็นผู้สร้างและดำเนินแนวคิดการทำงานตามระบบที่ทำให้สถานประกอบการทำงานตามกลไกของมันได้ ถ้าหากพนักงานทั้งหลายพากันลาออกหมด ผู้ประกอบการทั้งหลายก็จะเริ่มรู้แล้วว่าพวกเขาขาดแรงงานไม่ได้ แล้วมนุษย์ก็จะเข้าใจแล้วว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการโรงงาน แต่ว่าเป็นโรงงานต่างหากละที่ต้องการแรงงานจากพวกเขา<O:p</O:p
    พิธีกร:ครับ ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ว่าโลกนี้จะแตกดับไปใช่ไหมครับ ก็คือเป็นการวิวัฒน์เปลี่ยนผ่าน แล้วจะเกิดปัญหาต่าง ๆ...?
    Omnec:แล้วกลไกการทำงานของร่างกายมนุษย์ก็จะทำให้พวกเขาอยู่รอดได้เพราะมีข้อมูลและความรู้จากสิ่งที่พวกเขาได้ทำงานกับสถานประกอบการต่าง ๆ มาแล้ว เขามีความรู้ในการก่อสร้างบ้านเรือนและสิ่งที่จำเป็นต่อการอยู่รอด แล้วมนุษย์จะพยายามร่วมมือกันสร้างสังคมรูปแบบใหม่ขึ้นมา ผู้คนจำนวนมากจะล้มตายลงไปเพราะว่ามีคนคิดฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธนาคาร เจ้าของธุรกิจต่าง ๆ เนื่องจากว่าพวกเขาหาเงินได้เป็นพันล้านแล้วเกิดรับไม่ได้ที่เงินของพวกเขาจะต้องสูญค่าไปในที่สุด แต่คนที่จะอยู่รอดต่อไปคือกลุ่มคนที่ ณ ตอนนี้แทบจะยังไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรมากมายเลยละค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:เออ...คุณเคยบอกว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นไมโครเวฟ รวมทั้งโทรศัพท์มือถือมีผลกระทบต่อมนุษย์ซึ่งทำให้พวกเราไม่สามารถติดต่อได้กับจิตวิญญาณเบื้องบนหรือเปล่าครับ?
    Omnec:แน่นอนค่ะ เพราะพลังงานเหล่านั้นเป็นโทษกับพวกคุณ แต่ทุกอย่างก็จะใช้ไม่ได้อีกต่อไปในอนาคตเมื่อมนุษย์ได้รู้จักกับเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ เมื่อเทคโนโลยีเก่าหมดประสิทธิภาพแล้วและกระบวนการการวิวัฒน์เปลี่ยนผ่านเสร็จสิ้นลง แน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นจะต้องเกิดการทำลายล้างและผู้คนจะต้องตื่นตระหนกเป็นแน่ นี่แหละฉันเลยต้องแจ้งข่าวให้ผู้คนทั้งหลายได้ทราบ และคนเหล่านี้ก็จะนำสิ่งที่ฉันบอกไปเผยแพร่ต่อ ๆ กัน แล้วมนุษย์ส่วนหนึ่งซึ่งมีมากพอสมควรก็จะไม่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วพวกเขาก็จะช่วยมนุษย์คนอื่น ๆ ให้ดำเนินชีวิตไปได้ในช่วงระยะการเปลี่ยนผ่านนี้ แล้วพวกเราก็จะตั้งศูนย์ประสานงานไว้ตามจุดต่าง ๆ เพื่อให้ผู้คนได้เข้ามาถ้าหากต้องการความปลอดภัย ข่าวสาร และสิ่งอื่น ๆ ที่พวกเขาต้องการ ศูนย์ฯเหล่านี้ก็จะเตรียมทุกอย่างที่มีไว้ให้ แล้วคุณก็หาข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับข่าวสารการวิวัฒน์เปลี่ยนผ่านประจำเดือนได้ในอินเตอร์เน็ต แล้วคุณก็หาข้อมูลอื่น ๆ ได้เช่นกัน เช่น วิธีทำสมาธิหรือแนวปฏิบัติอื่น ๆ คุณก็หาได้หมด เมื่อกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ก็จะถูกนำมาให้มนุษย์ได้รู้จักและใช้ได้ในชีวิตประจำวันของคุณเพียงแต่ว่ามันเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่คุณยังไม่คุ้นเท่านั้นเองค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:แล้วเทคโนโลยีเหล่านั้นคืออะไรกันครับ?
    Omnec: เป็นกระแสพลังงานแม่เหล็กน่ะคะ ทุกสิ่งที่ทำงานสอดคล้องกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม<O:p</O:p
    พิธีกร:ไม่ใช่เป็นพลังงานคลื่นไฟฟ้าเหอครับ?
    Omnec:เป็นพลังงานไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:มันเป็นยังไงเหรอครับ?
    Omnec:คุณมีพลังงานแม่เหล็กสั่นสะเทือน แล้วพวกเราก็ได้สร้างข้อมูลเกี่ยวกับคริสตัลและพลังงานของคริสตัลซึ่งเป็นพลังงานที่ใช้กันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลไว้ให้พวกคุณแล้ว มีวิธีการเยียวยารักษาซึ่งพัฒนาขึ้นจากตัวตนที่แท้จริงของคุณเอง แล้วก็มีอุปกรณ์ด้านพลังงานอีกหลายชนิดค่ะ แม้แต่ผู้ที่ตีพิมพ์หนังสือของฉันก็มีหนังสือและวีดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพลังงานไร้ค่าใช้จ่ายด้วย แล้วในหนังสือเหล่านั้นก็มีรายชื่อบุคคลทั้งหมดที่สร้างอุปกรณ์ด้านพลังงานลักษณะนี้ที่อยู่บนโลกด้วย แน่นอนค่ะพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตอุปกรณ์เหล่านั้นขึ้นมา เพราะโรงงานอุตสาหกรรมบนโลกไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาทำอย่างนั้น<O:p</O:p
    พิธีกร:คือมีคนคิดได้แล้วแต่ว่ายังเอามาใช้ไม่ได้อย่างนั้นสินะครับ
    Omnec:แล้วฉันก็มีรายชื่อบุคคลเหล่านั้นมากมายด้วยค่ะ แต่เราก็ต้องรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะแนะนำให้มนุษย์รู้จักกับเครื่องมือเหล่านั้น<O:p</O:p
    พิธีกร:ผมก็รอให้ถึงเวลานั้นอยู่นะครับ
    Omnec:อืม...โลกมนุษย์จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีกว่านี้แน่ค่ะ แต่ก็ต้องมีปัญหาบ้างในช่วงการเปลี่ยนผ่านเพราะว่าจะมีคนจำนวนมากที่ยอมรับกับเหตุการณ์นี้ไม่ได้ และไม่สามารถผ่านไปได้ด้วย ส่วนมากแล้วก็เกิดจากว่าไม่มีใครไปบอกพวกเขาให้รู้เรื่องนี้และพวกเขาเองก็ไม่รู้ด้วยสิคะว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นบนโลก พวกเขาอาจทำร้ายกันเองแล้วก็ตื่นตระหนกกันไป แต่ถึงกระนั้นก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่แสดงออกทางกายภาพเท่านั้น จิตวิญญาณของพวกเขาก็จะสามารถกลับมาเกิดใหม่และปรับสภาพให้เข้ากับภพใหม่เหมือนที่เคยเป็นมานั่นแหละค่ะ ไม่มีใครสามารถจะทำลายจิตวิญญาณลงไปได้<O:p</O:p
    พิธีกร:แล้วชาวดาวศุกร์คนอื่น ๆ ได้มีส่วนช่วยมนุษย์หรือเปล่า หรือว่ามีแค่คุณคนเดียวครับ?
    Omnec:มีค่ะ ก็มีชาวดาวศุกร์ แล้วก็ชาวดาวซิริอุส...จริง ๆ แล้วมีกลุ่มจากแกแลกซี่อื่นอีกมากมายร่วมมือกันในภารกิจนี้ด้วยนะคะ แล้วก็มีชาวพลีเอเดียนส์ (กลุ่มดาวลูกไก่) ชาวดาวคนถือธนู (Saggitarius) มีมากจนบอกไม่หมดเลยค่ะ บางกลุ่มก็หน้าตาไม่เหมือนมนุษย์หรอกค่ะ แน่นอนจิตวิญญาณที่ไร้ร่างทางกายภาพก็ร่วมในภารกิจนี้ด้วย แล้วในคำทำนายของทุกชนชาติก็กล่าวถึงเรื่องราวของพวกเขาเหล่านี้ด้วยค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:แล้วเรื่องที่มีคนติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวเผ่าเกรย์และ UFO ละครับ เรื่องเกี่ยวกับการลักพาตัวด้วยเป็นยังไงเหรอครับ?
    Omnec:พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในด้านลบค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:แต่ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรมากใช่ไหมครับ? (น่าจะหมายถึงเรื่องการยกระดับนะครับ-ผู้แปล)
    Omnec:ก็ รัฐบาลของพวกคุณมีสัญญากับพวกเขาอยู่ค่ะเพื่อต้องการเทคโนโลยีจากพวกเขา แล้วรัฐบาลก็ให้โอกาสมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ลักพาตัวมนุษย์ผู้อื่นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนค่ะ รัฐบาลก็อาจจะต่อสัญญากับพวกนี้ได้ แต่เมื่อพวกเราเชื่อมพลังของวิหารที่ซ่อนเร้นอยู่บนโลกนี้ได้ทั้งหมดแล้วเราก็จะสร้างสนามพลังป้องกันโลกจากพวกมนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นไม่ให้มาลักพาตัวหรือทำร้ายมนุษย์ได้อีกค่ะ<O:p</O:p
    พิธีกร:เป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะครับ

    คลิปวีดีโอจบเพียงเท่านี้ครับ ส่วนที่เหลือคาดว่าน่าจะเป็นช่วงปิดท้ายการสัมภาษณ์ครับ

    ผมต้องขอขอบคุณคุณ Chyutt นะครับที่ได้นำเรื่องราวสตรีชาวดาวประกายพรึกมาเผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว ถ้าไม่มีเหตุผลคงไม่ตามมาหรอกนะครับ ขอบคุณจริง ๆ

    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชม กำลังชมอยู่ และที่กำลังจะเข้ามาชมนะครับ
    รวมถึงความคิดเห็นต่าง ๆ ที่แสดงอยู่ ณ ตรงนี้ด้วยนะครับ อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่ามีคนเข้ามาชมคลิปนี้จริง ๆ

    ผมหวังว่าคลิปวีดีโอทั้งสี่ตอนนี้อาจจะให้อะไรกับคุณได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ถ้าท่านใดได้ประโยชน์จากการชมคลิปนี้ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่ถ้าท่านใดยังรู้สึกว่าไม่ได้อะไรก็ไม่เป็นไรครับ เพราะมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่รอทึ่จะให้ความรู้ที่คุณสัมผัสได้อยู่ครับ

    สุดท้ายนี้ผมขอให้ทุกคนขจัดความกลัวออกไปและสรรสร้างพลังงานแห่งความรักให้เกิดขึ้นและแผ่ออกไปทั่วทั้งจักรวาล ทุกมิติ ทุกความเป็นไปได้ ทุกห้วงเวลา ตลอดกาลและตลอดไปนะครับ

    ขอบคุณครับ

    Alphomega
     
  18. n@kARin

    n@kARin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +94
    ขอบคุณที่ช่วยแปลและแบ่งปัน เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจในการเตรียมพร้อมรับมือ กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อยากให้ช่วยแปลคลิบของเธอคนนี้เรื่อยๆนะครับ จิ๊กซอร์จะได้สมบูรณ์(good)
     
  19. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,422
    ค่าพลัง:
    +4,651
  20. AFIKLIFI

    AFIKLIFI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +53
    ขอบคุณนะครับสำหรับข้อมูลเหล่านี้ผมอ่านแล้วรู้สึกดี แต่ความสงสัยมีอีกหลายประการเลยครับ เช่นว่า มีอีกหลายแกแลกซี่เลยที่เข้าร่วมภาระกิจนี้ด้วย หรือจากกลุ่มดาวลูกไก่ อะไรประมาณเนี้ยครับ ทำไมเขาติดต่อกันได้แต่เราโดดเดี่ยวไม่สามารถติดต่อกับคนอื่นที่อยู่นอกโลกได้อย่างเขา แล้วคนที่อยู่ระดับต่ำกว่าเราจะมีไหมน๊า ผมสงสัยอย่างนี้คงไม่ว่ากันครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...