ขอสอบถามเรื่องสมาธิ ในระหว่างวันครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย 151020, 7 มีนาคม 2011.

  1. 151020

    151020 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +7
    ในระหว่างวันขณะที่เราทํางานในช่วงกลางวัน ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆอยู่กับที่ ทํานู้นทํานั้นไปเรื่อยเปื่อย เราต้องใช้สมาธิเเบบไหนครับ เพื่อที่จะให้เรามีสติครบถ้วนสมบูรณ์ เเละ ทําให้ได้ผลของงานเป็นที่หน้าพอใจ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีสมาธิในการทํางานเลยครับ ต้องทํายังไง สมาธิถึงจะอยู่กับเราไปตลอดวันครับ
    ขอบคุณในคําตอบล่วงหน้าครับ
     
  2. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    เรื่องสมาธิ ในระหว่างวันครับ

    ขณิกกะสมาธิ (สมาธิชาวบ้าน)

    ขณิกกะสมาธิ มีความสำคัญต่อพุทธศาสสนา จึงมีเขียนบัญญัติขึ้นไว้ คนที่ใช้เป็น อาจสามารถก้าวไปสู่ความเป็นอริยะชนได้ ซึ่งจะเขียนต่อไปให้ดู ในเรื่องของปัญญาจ้า...

    ส่วนเรื่องสตินั้น ทุกคนมีติดตัว อิงมากับสมาธิดังกล่าวตามธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าเคยดูสารคดีชีวิติสัตว์ จะเคยเห็นว่า ทั้งสัตว์ผู้ล่า ผู้ถูกล่า ต่างรวบรวมสติ สมาธิแบบเต็มกำลัง คนก็เช่นเดียวกัน ตั้งแต่เช้าจนเข้านอน ต่างต้องอยู่ด้วยความมีสติ เช่น ขับรถไปทำงาน นั่งรถเมล์ แม่บ้านทำงานบ้าน ฯลฯ คนเหล่านี้มีสักกี่คนที่อยู่แบบคนบ้า คนเมาขาดสติบ้าง ที่ผ่านมาจึงไม่เคยบอกเรื่องสติไว้ให้เลย ด้วยเหตุนี้

    แต่ที่จะบอกคือ สมาธิ และ สติ ของคนทั่วๆไปส่วนใหญ่นั้น ยังไม่เป็นบุญ ด้วยยังมิได้ทำให้เป็น"สัมมา"สติ "สัมมา"สมาธิ ยังไม่มีศีลห้ารองรับ ยังไม่มีการใส่ใจแบบแยบคาย(โยนิโสนมสิการ) แต่เป็นสติที่เป็นไปเพื่อเลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง ไม่เป็นไปเพื่อ อริยสัจจ์ ธรรมที่ให้เกิดความพ้นทุกข์ เป็นต้นจ้า...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มีนาคม 2011
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
  4. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    กำหนดลมหายใจ ครับ จะภาวนา ว่า เข้าพุท ออก โธ หรือ นะมะ พะทะ หรือ สัมมาอรหัง ก็สุดแล้วแต่ที่เราถนัดและเลือกใช้คำภาวนาในการกำหนด ครับ ส่วนผมเอง ผมใช้หายใจเข้า นะมะ ออก พะทะ
    ในการภาวนา ช่วงแรกๆอาจจะยากหน่อยครับเพราะไม่เคยทำแต่ถ้าหากทำไปบ่อยๆเริ่มคล่อง มันจะรู้สึกว่าแตกต่างมากๆเพราะผมก็ตกใจ ว่าทำไมถึง ภาวนาและทำงานได้พร้อมๆกัน มีสมาธิมากขึ้นทำงานความจำสัญญา ดีขึ้น และ ผมก็เคยโดนหัวหน้าด่าตัดพ้อต่อว่า แต่ผมก็ไม่เคยมีอารมณ์คล้อยตามในคำที่ด่าทอส่อเสียดเลยมีแต่ แผ่เมตตาให้เค้าแล้วก็ทำงานต่อ โดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    เมื่อเราฝึกใหม่มันจะยากหน่อย ก็ให้ใช้การล้างลมหยาบ มาช่วยครับ ก็คือ ถ้าหากเราลืมคำภาวนา เมื่อนึกได้ว่าลืม ก็ล้างลมหยาบ โดยการหายใจเข้าออกแรงๆ 5-10 ครั้ง และก็ หลังจากนั้นก็ หายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ แล้วพยายามหายใจเข้าให้ช้าที่สุด จนเต็มปอด แล้วก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจออก 5-10 ครั้งเช่นกัน แล้วหลังจากนั้นหายใจธรรมดาครับ แล้วก็กำหนดลมหายใจต่อไป ลืมเมื่อไหร่ก็ล้างลมหยาบ ดูครับ
    มันช่วยได้เยอะมากตอนนี้ผมก็ ทำอยู่ มันจะแยกเอง แต่เราจะมีสมาธิมากๆในการทำงานและได้ฝึกสมาธิ เวลาที่นั่งสมาธิ จะนั่งได้ง่ายและก็เจริญพระกรรมฐานได้ดีขึ้นเพราะเราทำสมาธิโดยที่ลืมตามันจะยากกว่านั่งหลับตา และเราสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุขณะจิต

    ขอให้เจริญในธรรม และขอให้เข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ

     
  5. moodang99@yahoo.com

    moodang99@yahoo.com เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +160
    ในระหว่างวันเราใช้ดูลมหายใจของเราไปด้วยในขณะที่กำลังทำงานอยู่ ดูลมหายใจว่ามันยาวหรือมันสั้น บางทีถ้าลืมดูลมหายใจก็สูดลมหายใจลึก ๆ หลาย ๆ ครั้ง ไล่ลมหายใจหยาบออกไป ต่อไปมันก็จะหายใจลึก ๆ เบา ๆ สั้น ๆ ของมันเอง เหมือนกับตอนเรานั่งสมาธินะค่ะ ถ้าในระหว่างวันมีเรื่องมากระทบใจเราให้เรารู้สึกโกรธ ก็สูดลมหายใจยาว ๆ ไปหลาย ๆ ครั้ง จ นกว่าจะหายโกรธ โดยไม่ต้องพูดโต้ตอบ ไม่ต้องคิดอะไร ภาวนาพุทโธไปด้วยยิ่งดี ทำไปหลาย ๆ ครั้งเข้าเราจะรู้สึกว่า สมาธิของเรามันกดความโกรธที่มากระทบใจเราได้เป็นอย่างดี และการดูลมหายใจอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันก็ทำให้เวลาเรานั่งสมาธิที่บ้าน จิตรวมเร็วเพราะเราได้ทำสมาธิแบบลืมตามาตลอดทั้งวันนะค่ะ เราสามารถทำได้ตอนขณะทำงานอยู่ที่ทำงาน หรือทำงานบ้าน ตอนเดินช้าหรือเดินเร็ว ๆ ก็ดูลมหายใจไปด้วย เหมือนกับการเดินจงกรมแบบเดินเร็ว ๆ ก็มีสมาธิได้ แต่ถ้าเราพูดเมื่อไหร่จิตจะไปอยู่กับคำพูดของเรา ต้องพูดให้น้อย ๆ หน่อย ในแต่ละวัน อย่าพูดพร่ำเพรื่อ ให้จิตเราอยู่กับลมหายใจให้มากที่สุดทั้งกลางวัน กลางคืน
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อันนี้ใช้เรียกเฉยๆหรือแปลครับเนี่ย....จริงๆแล้วถ้าแปลอย่างนี้ไม่ถูกนะครับ....

    ขนิกกะ แปลว่า เล็กน้อย

    สมาธิ แปลว่า ตั้งใจมั่น

    แปลรวม สมาธิที่ตั้งมั่นชั่วขณะ หรือ เล็กๆน้อยๆ....

    ถ้าแปลว่าสมาธิชาวบ้านนี้ไม่ถูกหละครับ.....ระวังสัทธรรมปฏิรูปนะครับ...


    ขนิกสมาธิมีส่วนแห่งการหลุดพ้นจริงครับ.....แต่สัมมาสมาธิคือ ฌาน ๔ มีหลักฐานในพระไตรชัดเจนนะ.....แต่ฌาน ๔ จะเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ผ่านขนิกสมาธินะครับ........

    สัมมาสมาธิเป็นองค์มรรค ฉะนั้น ผมว่า อย่ากล่าวอะไรที่ออกจะลบคำขององค์พระตถาตคดีที่สุดนะ.....เพราะวิสัยของคุณและผมยังไม่ใช่จะรู้อะไรที่มากมายเท่าท่านไปได้....

    การตอบของคุณนี่มันดูคุ้นๆยังไงชอบกล......
     
  7. kencito

    kencito เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +954
    เริ่มแรกเลยนะครับ

    1. ตอนเดิน หรือทำสิ่งใดๆ ลองเริ่มจากการท่องคาถา บทสวดมนต์ คำภาวนา บทอะไรก็ได้ที่เราชอบไป เรื่อยๆ ครับ เพื่อเรียกสติ มารวม

    2. พอเกิดสมาธิ แล้วลองใช้สติ ตามการกระทำเราดู จับการกระทำนั้น อย่าคิดอะไร อย่างอื่นแทรก ให้กำหนดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่อย่างเดียว หรือ

    3. ถ้าอีกแบบ จับภาพพระพุทธเจ้า (พระพุทธรูป) หรือ พระสงฆ์ที่เรา เคารพดูครับ มันจะนิ่ง และสงบดีมากครับ

    ผลที่ได้คือ: เดินกลางแดด ก็จะไม่ค่อยร้อน ระยะทางไกลก็ดูเหมืือนไม่ไกล นั่งรถเมล์นาน น่าเบื่อก็ดูเหมือนเร็วแป๊บเดียวครับ แสดงว่าจิตเป็นสมาธิหรือ ทรงฌาน บ้าง ไม่มากก็น้อยครับผม

    จากประสบการณ์จริงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    สำหรับ จขกท นั้น...นะครับ....

    สมาธิที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวันนั้น......ไม่จำเป็นต้อง ขนิกอย่างเดียวหลอกครับ.....ถ้าคุณสามารถใช้สมาธิในลำดับต่างๆที่มากกว่าขนิกสมาธิ(ถ้าคุณมีความสามารถที่ทำได้มากกว่าขนิกสมาธิ)...คุณก็สามารถที่จะใช้กำลังให้สูงกว่านั้นได้ในยามที่คุณว่างเว้นจากงาน...ในช่วงระหว่างที่ทำงานนั้น...คุณก็ควรที่จะใส่ใจกับการทำงานของคุณให้มากที่สุดนะครับ....ไม่สำคัญต้องถามว่าเราจะใช้สมาธิขั้นใหน....ถ้าให้ผมพูดตามตรงนะ.....แบ่งเวลาให้ถูกครับ....

    ถ้าเมื่อใดก็ตามที่คุณว่างเว้นจากงาน.....คุณก็ใช้กรรมฐานที่คุณกำลังปฏิบัติอยู่....สมมุติว่า คุณทำ อานาปานุสสติอยู่ คือกรรมฐานระลึกถึงลมหายใจเข้าออก.....คุณจะหายใจลึกๆ...และทำการปฏิบัติก็ได้ครับ.....เพราะถ้าคุณทำได้อย่างนี้....จะส่งผลให้จิตของคุณสงบและงานที่คุณทำก็จะออกมาดีกว่างานที่ทำด้วยจิตที่ฟุ้งซ่านอยู่แล้ว....

    หลวงปู่ชาท่านบอกว่าสิ่งใดก็ตามที่เราทำได้..แล้วต้องให้รู้จักใช้ประโยชน์....ยกตัวเองเช่น ฌาน ถ้าเราทำได้ เราก็ต้องรู้จักใช้ประโยชน์ เหมือนเรารู้ว่างานใดที่ใช้กำลังเด็กทำได้..และงานใดที่ควรใช้กำลังผู้ใหญ่ทำได้อย่างนั้นหละครับ.....

    ไม่มีเหตุจำเป็นที่เราจะต้องเปลี่ยนกรรมฐานไปใช้อย่างอื่นนะครับ.....เพราะจริงๆแล้ว....กรรมฐานทุกกองย่อมมีความหมายที่เหมือนกัน....นะครับ.....คุณเอากรรมฐานที่คุณถนัดนั่นหละครับ...เพราะแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน...

    โมทนาสาธุบุญ...ตั้งใจปฏิบัติ...นะครับ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  9. ElFMan

    ElFMan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +3
    สติปัฏฐาน 4 ทางแรก ทางเดียว ไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้อีกเเล้ว ( ฝึกสตินะครับ ไม่ใช่ฝึกสมาธิ)
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อาจไม่ถูกต้องทั้งหมดนะครับ...

    พระพุทธองค์ทรงบอกว่าเป็นทางสายเอก...แต่ไม่มีคำกล่าวว่าเป็นทางสายเดียว.....กรรมฐานกองอื่นที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ในพระสูตรอื่นยังมีอีกมากนะครับ....พระอริยเจ้าหลายท่านมีพื้นฐานไม่เหมือนกัน...ก็บรรลุจากกรรมฐานหลายกอง....ซึ่งมีพระสูตรรองรับอีกมาก.....คุณอาจมีความเข้าใจคราดเครื่อนอยู่มากนะครับ.....

    อันนี้อย่างไรผมแนะนำให้คุณไปดู...พระสูตรที่มีชื่อว่า สติปัฏฐานสูตร นะครับ....

    ซึ่งเป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงสอนด้านสติ....เป็นพระสูตรที่การปฏิบัติแนวสติปัฏฐาน ๔ นำมาใช้โดยตรง......

    แล้วคุณเข้าใจอะไรอีกมาก....เพราะพระพุทธเจ้าท่านสอนกรรมฐานไว้อย่างไร....

    ผมบอกได้แต่เพี่ยงว่าคุณพูดถูกครับ....

    แต่เรื่องของสติกับสมาธิ...คุณยังเข้าใจผิดอยู่มากครับ......เพราะการฝึกสติผลย่อมเป็นสมาธิ...ถ้าไม่มีสมาธิ ก็ไม่มีองค์มรรค แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดพ้นตามทางสายเอกที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ไปได้เลยครับ....ซึ่งก็มีตอนหนึ่งที่ผมกล่าวไว้ข้างบนคือ สัมมาสมาธิ ก็มาจากพระสูตรดังกล่าวครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ข้อมูลที่ผมกล่าวอ้างอิงทั้งหมด....คือ สติปัฏฐานสูตร

    นำมาจาก พระไตรปิฏก ฉบับ ปฏิบัติ โดย ธรรมรักษา. นะครับ.....

    ใครต้องการศึกษาพระสูตรที่ผมกล่าวไป....ศึกษาได้ที่นี่นะครับ....จะให้เวบไป.....เพื่อจะได้ง่ายต่อการหา....จะไม่ยกมาให้นะครับ...เพราะเดี๋ยวกระทู้ จขกท จะรกไป....

    เชิญศึกษาเพื่อการปฏิบัติได้ตามอัธยาศัยครับ....

    http://www.larnbuddhism.com/grammathan/tripitakapatibat/sati.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  12. 151020

    151020 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +7
    โยนิ โสนมสิการ

    โยนิ โสนมสิการ หรือการเข้าใจเเบบเเยบคาย ต้องทํายังไงครับ
     
  13. 151020

    151020 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +7
    จะไม่คุ้นได้ยังไง

    การตอบของคุณนี่มันดูคุ้นๆยังไงชอบกล......[/QUOTE]

    มันจะไม่คุ้นได้ยังไงกัน ล่ะครับ ก็พึ่งคุยกันเมื่อวานซืนนี้เอง
     
  14. 151020

    151020 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +7
    กราบขอบคุณ ในคําตอบครับ

    ขอบคุณในคําตอบครับ เมื่อวานได้ปฏิบัติตาม ที่พี่สอนทุกประการครับ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ:cool::cool::cool:
     
  15. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    แถม...ส่วนขณิกกสมาธิ จะมีน้อย มีมาก ย่อมมีเหตุสนับสนุนด้วยเช่นกันจ้า...ถ้าอกุศลครองใจ ตัณหา โลภ โกรธ หลง ฯลฯ สมาธิก็จะอ่อนลงไปตามอำนาจของอกุศล เช่น เมาสุรา เป็นต้นจ้า

    แต่ถ้าเป็นกุศลครองใจ เช่น ทาน ศีล ภาวนา มงคล 38 ฯลฯ เป็นต้น สมาธิก็จะสดใส สามารถพัฒนาตัวเอง ให้เป็นอัปนาสมาธิ(สมาธิเฉียดฌาณ) หรือแม้กระทั่ง อาจขึ้นสู่ฌาณแบบไม่รู้ตัวได้เลยจ้า...ดัวยมีกุศลหล่อเลี้ยงจิต ดัง่เช่น บางคนระรึกถึงคุณพระรัตนตรัย บิดา มารดา ครูอาจารย์ ฯลฯ เกิดปิติ (อิ่มใจ) สุข เอกคตา(อารมณ์เป็นหนึ่งเดียว) ในขณะที่อินอยู่กับอารมณ์นั้น ด้วยก่อนหน้าที่จะเกิดนั้น จิตมีวิตก (คิดดี) (วิจาร) (ประพฤติดี) ที่พาจิตไประลึกถึงเรื่องกุศลดังกล่าวจ้า...

    นี้แล เหตุที่จะทำให้คนจะมีสติได้มากขึ้น หรือน้อยลง ตามสมาธิที่ขึ้นได้ ลงได้ ยามกระทบกับอารมณ์ กุศล อกุศล อัพยากฤต(กลางๆ) จ้า...
     
  16. 151020

    151020 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +7
    วันนี้ ต่างจากเมื่อวาน นะครับ

    วันนี้ต่างจากเมื่อวันวานนะครับ เพราะวันนี้ ผม ผกเอาศีล มาครบเลยครับ เดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้ว่า ไม่ทัดเทียมกัน เลยจําต้อง ตัดข้อ มุสา ออกไปก่อน เเล้ว ค่อยมาเริ่มเถียงกันใหม่ :cool::cool::cool::cool:
     
  17. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    ตอบ...ทำดังที่บอกไปจ้า...แต่เข้าไปคิดเอง วิเคราะห์ ระรึกถึงอดีตๆ ที่ดีๆ ของตนเอง แล้วลองเปรียบเทียบรสอารมณ์ดู ดังที่แสดงไป ว่าจริงหรือไม่จ้า...

    "รส" ต่างๆ ถ้าเข้าถึงเอง จะเป็นอริยะทรัพย์ฝังอยู่กับจิตใจเราจ้า ถ้าบอกหมด "รส"ที่เกิดขึ้นจะไม่มีกำลังจ้า...
     
  18. 151020

    151020 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +7
    ขอบคุณครับ

    ชอบตรงข้อความสีเขียวๆนี่มากเลยครับ นึกถึงตอนปีนต้นมะพร้าว ขึ้นไปเอาเนื้อข้างในมันมากิน
     
  19. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314

    นี้แหละ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
     
  20. 151020

    151020 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +7
    ขอขุด เอากระทู้เดิมขึ้นมาสอบถามเพิ่มเติม

    ขณิกกะสมาธิ ตามที่เคยได้สอบถามไปเเล้ว นั้น วันนี้ขออนุญาติเทียบเคียงความจริงหน่อยครับ
    วางจิตเอาไว้นิ่งๆ ช่วงเเรกมีบังคับบ้างนิดหน่อย เเต่ช่วงหลังมานี่ ถ้ากําหนดจิตไม่ให้คิดอะไร วางจิต เฉยๆ นิ่งๆ ได้ยาวขึ้น เเละยาววววว ขึ้น
    พร้อมกับทัางานไปด้วยได้ เเต่ว่า สทนากับคนอื่นไม่ได้ ทํากิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดไม่ได้ เพราะมันจะคิดออกมา ตัวคิดจะโผล่ขึ้นมาด้วย เข้าออกได้จนคล่อง ถ้าจะให้มันไม่นึกอะไรก็ตัดออกไปได้เลย วางลงได้เลยเดี่ยวนั้น ทันที
    เเบบนี้ใช้ ขณิกะสมาธิ ไหมครับ
    รบกวนช้วยตอบกันเบาๆนะครับผมเป็นคนขวัญอ่อน
    :cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...