ความลับเหนือโลก ในมุม 'ดร.เมล กิลล์’

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 9 มีนาคม 2011.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    ความลับเหนือโลก ในมุม 'ดร.เมล กิลล์’

    โดย : เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ
    <!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT>[​IMG]
    ภาพโดย : ฐานิส สุดโต

    เขาเป็นนักพูดสร้างแรงจูงใจ นักจิตบำบัด และนักเขียน มีคนบอกว่าเขารู้ความลับเหนือโลกในช่วงเวลาหลังความตาย19นาที อะไรคือความลับที่เขาล่วงรู้...
    “สิ่งที่ผมค้นพบ ก็คือ ความจริงที่มีอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนสมัยพระพุทธเจ้า พระองค์ได้ค้นพบความจริง และกฎ 7 ข้อที่ผมค้นพบ ถ้านำมาใช้กับชีวิต จะทำให้เรามีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ก็ต้องระวัง” ดร.เมล กิลล์ เล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี

    หลายคนคงได้ยินข่าวคราวและชื่อเสียงของเขาอยู่บ้าง เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักพิมพ์ดีเอ็มจีได้เปิดตัวหนังสือ สุดยอดเดอะซีเคร็ต เขียนโดยดร.เมล กิลล์ นักจิตบำบัดและนักพัฒนามนุษย์ ที่ได้รับเชิญไปบรรยายกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันเขาเป็นที่ปรึกษาของซีอีโอกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาหลายแห่ง

    นอกจากเดินทางมาเปิดตัวหนังสือ ยังมี "ดินเนอร์ทอล์ค" ที่นักธุรกิจชั้นนำของเมืองไทยให้ความสนใจ ใน "ความลับ" ที่เขาเอามาแบ่งปัน


    1.
    หากตั้งคำถามว่า ทำไมมนุษย์พยายามค้นหาความลับของจักรวาล ในความคิดเห็นของดร.เมล กิลล์ มองว่า สิ่งที่เขาค้นพบเป็นเรื่องธรรมดาๆ ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ คุณมีสิทธิที่จะมีความสุข ทั้งหมดอยู่ที่ความคิดและความเชื่อ
    สิ่งที่เปลี่ยนวิธีคิดของเขาทั้งชีวิต คือ ความตายในช่วงเวลา 19 นาที เขาโดนตัดแขนซ้าย เนื่องจากตอนอายุ 19 ปีเขาเดินทางไปปีนเขาที่มาเลเซียและประสบอุบัติเหตุตกเขา แขนหัก บอบช้ำมาก ได้เพื่อนๆ ช่วยกันแบกออกมาจากป่า แล้วเดินทางมารักษาตัวที่สิงคโปร์
    "ตอนนั้นหัวหมุนไปหมด เจ็บปวดมาก จนไม่รู้จะบอกยังไง ตอนผ่าตัดผมเห็นทุกอย่าง เห็นหมอและพ่อแม่กำลังร้องไห้ พวกเขาตัดแขนซ้ายผมบริเวณเหนือข้อศอก เพื่อสกัดเนื้อตายเน่าที่ลุกลาม ผมตายแล้ว ตับไตไม่ทำงาน รู้สึกเหมือนตัวเองลอยขึ้นไปสู่เพดาน เห็นเหมือนอุโมงค์แสงสว่าง และเห็นคนๆ หนึ่งบอกผมว่า คุณต้องกลับไปนะ”
    19 นาทีที่ตายไปแล้ว และฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ดร.เมลเปลี่ยนวิธีคิดและการใช้ชีวิต เพราะได้เรียนรู้บางอย่าง
    "มิติหลังความตายในช่วง 19 นาที ทำให้ผมเปลี่ยนไป ผมยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง ตอนผมอายุเจ็ดขวบ มีเพื่อนอายุ 9 ปีเกเรมาก ผมก็เลยผลักเพื่อนคนนั้นตกบันไดเลือดไหล ความทรงจำอีกด้านหนึ่งของผมบอกว่า เลือดของเพื่อนคนนั้นอยู่ในตัวผมด้วย เหมือนผมเป็นคนที่เจ็บปวด สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ การกระทำของเราแม้จะเล็กน้อย แต่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตคนอื่นได้ แทนที่เด็กคนนั้นจะเติบโตเป็นหมอ ปรากฎว่าเปลี่ยนมาเป็นพระ”
    เรื่องที่ดร.เมล เล่าให้ฟัง คงต้องมองในเชิงนามธรรม เพราะเสี้ยววินาทีแห่งความตายในวัยหนุ่ม ทำให้เขาได้ค้นหาความหมายของชีวิตเป็นเวลา 40 ปี เขาเรียนจบปริญญาเอกด้านจิตบำบัด ทำงานให้คำปรึกษาบุคคล และเป็นที่ปรึกษาผู้บริหารระดับสูง รวมถึงจัดรายการวิทยุ เขียนหนังสือด้านจิตวิทยากว่า 60 เล่ม กำกับและสร้างภาพยนตร์ "สุดยอดเดอะซีเคร็ต"

    2.

    ความจริงที่ศาสดาหลายศาสนาค้นพบบนโลกใบนี้ ใช่ว่า...ทุกคนจะเข้าถึงได้ง่ายๆ จึงมีคนพยายามไขความลับของจักรวาล เรื่องนี้ ดร.เมล กิลล์ มองว่า ความจริงเหล่านี้มีอยู่บนโลก แต่คนเข้าไม่ถึงเท่านั้นเอง

    “คนที่มีประสบการณ์ใกล้ตาย ไม่ใช่ผมคนเดียว ยังมีผู้ป่วยที่ใกล้ตายจำนวนมาก เหมือนเสียชีวิตไปแล้ว แต่แพทย์ดึงกลับมาได้ ผมไม่อาจบอกได้ว่า สิ่งที่ผมค้นพบเป็นแนวคิดพุทธ คริสต์หรือฮินดู แต่เป็นประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้น ทำให้ผมได้เรียนรู้ธรรมชาติทั้งคน ต้นไม้ ดอกไม้”

    ใช่ว่า...ชีวิตหลังความตายไม่กี่นาทีจะเปลี่ยนเขาในทันที เขาต้องค้นหา จึงเป็นทั้งนักเดินทาง นักอ่านตัวยง อ่านแม้กระทั่งปรัชญาเฮอร์เมติกของชาวอียิปต์โบราณ กฎฟิสิกส์ ธุรกิจ ปรัชญาและจิตวิทยา ฯลฯ และมีบางช่วงเขาก็ไม่ต่างจากคนอื่น ท้อแท้ สิ้นหวัง กลายเป็นคนพิการ สูญเสียครอบครัว เพื่อนและธุรกิจ
    “ผมไม่ได้นับถือศาสนาใด ผมมีความเชื่อว่า เราทุกคนเป็นพี่น้องเผ่าพันธุ์เดียวกัน ผมมั่นใจว่า พระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่พุทธ พระองค์ไม่ได้ให้ใครมานับถือตัวตน แต่ให้นับถือสิ่งที่ตรัสรู้หรือแนวทางปฎิบัติ พระองค์ไม่ได้สนใจว่าเป็นพุทธหรือไม่“

    กว่า 40 ปีที่ดร.เมล เดินทางไปพบครูบาอาจารย์ทุกศาสนา เพื่อเรียนรู้ชีวิตทั้งฮินดู พุทธ อิสลาม และอ่านหนังสือทุกศาสนา จึงไม่แปลกที่บ้านของเขาที่ชิคาโกและสิงคโปร์มีหนังสือมากมาย

    "ผมเชื่องช้าในการเรียนรู้จึงใช้เวลานาน ที่ผ่านมาผมเขียนหนังสือจิตวิทยากว่า 64 เล่ม และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาความทรงจำในช่วง 19 นาทีผมชัดเจนมาก จึงนำมาเขียนหนังสือ หากใครพูดถึงบิดาแห่งจิตวิทยา ผมขอยกย่องพระพุทธเจ้าเป็นอันดับหนึ่งของโลก”
    แม้เขาจะหย่าขาดจากภรรยา และมีลูก 2 คน เขาบอกว่า ไม่ได้คิดว่าชีวิตการแต่งงานล้มเหลว เขากลายเป็นที่ปรึกษาให้ภรรยาและสามีใหม่ของเธอ เพราะมีความเชื่อว่า ถ้าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ชีวิตลูกๆ ก็จะราบรื่นไปด้วย
    "ผมมีหน้าที่ทำให้ทุกคนมีความสุข เมื่อภรรยาไม่มีความสุขที่จะอยู่กับผม อยากกลับไปหาคนรักสมัยมัธยม ผมก็ขับรถพาไป สำหรับผมแล้วความรักที่แท้จริง ต้องไม่ใช่การผูกมัดหรือเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน ชีวิตผมที่ผ่านมาธรรมดามาก มีลูกก็ใช่ว่าเขาจะฟังผม ” ดร.เมล ยิ้มระหว่างตอบคำถาม


    3.
    สิ่งที่ดร.เมล กิลล์ อยากบอกเล่า เป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่มนุษย์มองข้าม เขายกตัวอย่าง กฎ 7 ประการที่เขาค้นพบ อาทิ กฎมโนนิยม กฎแห่งความสั่นสะเทือน กฎแห่งเพศ กฎแห่งขั้วตรงข้าม ฯลฯ อย่างกฎมโนนิยม เป็นเรื่องใจหรือจิต ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากใจเราทั้งนั้น จึงต้องฝึกจิตใจให้สงบเพื่อรับกับสถานการณ์

    "จำได้ว่า เมื่อก่อนผมสวดมนต์ จะอธิษฐานขอนั่นนี่ ตอนนี้ผมไม่ทำอย่างนั้นแล้ว”
    ทำไมไม่อธิษฐานขอพรเหมือนเดิม เขาเล่าเรื่องสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชให้ฟังว่า พระองค์เสด็จไปที่วัดแห่งหนึ่งที่มีคนสวดมนต์อธิษฐานขอพร ระหว่างนั้นพระสงฆ์ในวัดเดินออกมา เมื่อเห็นพระองค์กลับเดินหนี
    พระเจ้าอโศกฯ ถามพระสงฆ์ว่า “ทำไมเดินหนีกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่”
    พระสงฆ์ตอบว่า “มีคนปลุกให้พระลุกจากสมาธิ เพราะมีมหาราชผู้ยิ่งใหญ่เดินทางมา แต่เมื่อเดินออกมา แทนที่จะเห็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ กลับเห็นขอทานนั่งขอนั่นขอนี่”
    เขายกตัวอย่างกฎอีกข้อคือ กฎแห่งการดึงดูด ถ้าเราดึงสิ่งใดเข้ามาสู่ตัวเรา แม้จะง่ายที่ใครสักคนมารักเราหรือแต่งงานด้วย แต่สิ่งยากที่สุดคือ การกำจัดบางอย่างออกไปจากชีวิต ต้องระวังให้ชีวิตเกิดความสมดุล หรือกฎแห่งการสั่นสะเทือน ถ้าเราอยู่ใกล้ใคร เราก็จะเป็นอย่างนั้น
    "ถ้าคุณนำผ้าเช็ดหน้าไปวางไว้บนดอกกุหลาบ ก็จะมีกลิ่นดอกกุหลาบ ถ้าวางในกองมูลวัว ก็จะมีกลิ่นอย่างนั้น ถ้าเราเอาความคิดและจิตใจไปไว้ตรงไหน ก็จะกลายสภาพเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่ผมพยายามทำคือ รักษาความสงบของจิตใจ เพราะใจของเราจะส่งพลังงานออกไปข้างนอก
    ไม่ว่าผมจะอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายขนาดไหน ผมก็สามารถอยู่ตรงนั้นได้อย่างมีความสุข ”
    ว่าไปแล้ว ชีวิตของเขาไม่ได้เริ่มจากการเป็นนักพูดที่มีคนฟังมากมาย แต่เริ่มจากการให้คำปรึกษาคนในครอบครัว เพื่อนและขยายวงไปเรื่อยๆ จนปัจจุบันเขาเป็นนักพูดที่สร้างแรงจูงใจในหลายประเทศ ทั้งอเมริกา สิงคโปร์และญี่ปุ่น ฯลฯ
    “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครูของผม ผมนั่งอยู่ในห้องนี้ เห็นต้นไม้ก็เห็นฤดูของชีวิต เพราะเราเรียนรู้ตลอดเวลา”


    4.
    ดร.เมล สอนผู้คนในหลายประเทศกว่า 34 ปี กฎของจักรวาลอีกข้อที่เขาได้เรียนรู้ก็คือ “ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นเช่นนั้นเอง”

    "ผมไม่ได้มาสอนอะไร แค่มาเตือนหรือตอกย้ำความจริง เรารู้อยู่แล้ว แต่เราลืมสิ่งที่เป็นความจริง ผมขออ้างคำสอนว่า พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะไม่ได้นำธรรมะที่เป็นคำพูดมาเผยแพร่ แต่จะสอนโดยไม่ใช้คำพูด ปฏิบัติเป็นตัวอย่างให้เห็น เวลาผมไปพูดในประเทศต่างๆ ผมพยายามอิงกับศาสนาประเทศนั้น เพื่อให้คนเข้าใจได้ง่าย อย่างในประเทศบัลแกเรีย คนส่วนใหญ่ไม่นับถือศาสนา แต่ใช้สามัญสำนึก ผมก็ใช้กฎขั้วตรงข้าม แทนที่จะเปรียบเทียบกับคนที่รวยกว่า ก็เปรียบเทียบกับคนที่จนกว่า”
    เขาย้ำอีกว่า ความจริงที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว อยู่ในจิตใต้สำนึก ชีวิตคนเราสั้นมาก เราควรสนุกกับชีวิตในทุกขั้นตอน
    “ผมคิดตลอดเวลาว่า พรุ่งนี้ผมจะตายแล้ว อะไรที่ยังไม่ได้ทำผมพยายามทำในปีนี้ ผมวางแผนว่า จะเขียนหนังสือหรือทำไฟล์เสียง 250 เรื่อง ผมกำลังจะสร้างหนังเรื่องใหม่ ในออฟฟิศผมจะเขียนไว้ว่า “we are one”( เราเป็นหนึ่งเดียวกัน) ถ้าเราสามารถอ่านความคิดหรือเข้าใจคนอื่นได้ ก็จะรู้ว่า เราต่างมีความทุกข์และความเครียดเหมือนกัน ถ้าเราเข้าใจก็จะให้อภัยคนอื่นได้”
    เรื่องนี้มีคำอธิบายต่อว่า มนุษย์เรามีความต้องการที่อันตราย 7 ข้อ ข้อหนึ่ง คือ ความต้องการเอาคืน ถ้าใครทำให้เราเจ็บใจหรือเสียใจ เรามักจะเอาคืน ยกตัวอย่างเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีคนมาด่าว่าเรา เราฝังใจ คิดอยู่เสมอว่าถ้ามีโอกาสจะเอาคืน
    "นั่น...ทำให้เราไม่มีความสุข แต่ถ้าเราเข้าใจว่า เราต่างเป็นหนึ่งเดียวกัน ในเรามีเขา ในเขามีเรา ก็จะเข้าใจความทุกข์ของคนอื่น"


    5.
    คงไม่บ่อยนักที่จะมีดินเนอร์ทอล์คเพื่อไขปริศนาชีวิต เรื่องที่เขาเล่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ทำไมคนอยากรู้

    ดร.เมล เล่าว่า นักจิตบำบัดและนักจิตเวชกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ มีความเชื่อว่า ประชากรในโลกนี้มีความเจ็บปวดด้วยโรคจิตอย่างหนึ่ง บางคนไม่อาจจำแนกได้ว่า อะไรคือจินตนาการ อะไรคือเรื่องจริง
    “คุณเคยพูดกับตัวเองไหม อย่างน้อย 50,000 ประโยคในแต่ละวันที่เราพูดกับตัวเอง 80 เปอร์เซ็นต์ของการพูดกับตัวเองเป็นเรื่องแง่ลบ ถ้าคุณไม่ชอบในสิ่งที่คุณเป็น คุณเปลี่ยนแปลงได้ คุณต้องหัดชมคนอื่น ถ้าวันไหนไม่ได้รับคำชม คุณควรให้คำชมเชยคนอื่น เพราะการชมคนอื่นง่ายกว่าการชมตัวเอง ทำไมคนอเมริกันมาแย่งงานคนเอเชียทำ เวลามีคนถามคนอเมริกันว่า คุณเก่งในงานที่ทำหรือไม่ พวกเขาบอกว่า เยี่ยม เพราะเขาไม่มีปัญหาเรื่องการนับถือตัวเอง "
    ระหว่างการพูดบนเวที บางครั้งเขาเปิดโอกาสให้คนฟังยกมือแสดงความเห็น และให้ชื่นชมซึ่งกันและกันในโต๊ะดินเนอร์ เขาย้ำกฎบางข้ออีกว่า ความสำเร็จ มาจากความคิด และต้องมีความเชื่อโดยไม่มีข้อสงสัย
    ดร.เมล พยายามย้ำเตือนเพื่อให้คนฟังเปลี่ยนแปลงความคิดด้านลบออกจากหัว เพื่อให้มีความรักในชีวิตและร่างกายตัวเองมากขึ้น
    “คนส่วนใหญ่ไม่ชอบร่างกายตัวเอง ชอบให้รูปร่างหน้าตาเหมือนคนอื่น ผู้หญิงพยายามจะดูเหมือนนางแบบ จริงๆ แล้วมีสุดยอดนางแบบ 300 คนทั่วโลก แต่ผู้หญิง 3,000 ล้านคนพยายามจะเป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่สุดยอดนางแบบไม่ใช่สิ่งปกติ คุณปกติอยู่แล้ว”
    เหมือนเช่นที่กล่าว สิ่งที่เขาพูดก็เป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่มนุษย์สามารถทำได้ แต่มนุษย์หลงลืมอะไรบางอย่าง ดร.เมล บอกว่า เขาพยายามบอกตัวเองว่า พรุ่งนี้เขาอาจไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
    "ผมขอบคุณจักรวาลที่ผมยังมีชีวิตอยู่ เพื่อมีโอกาสแก้ปัญหาให้คนอื่น คุณรู้ไหม จิตใต้สำนึกไม่เคยหลับ ถ้าคุณมีโอกาสจูบลูกก่อนนอน หัวใจของเขาจะพองโต เพราะใจได้สัมผัสใจ”
    บางทีความลับของจักรวาลที่เขาค้นพบ ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม, ในตัวของเรานั่นเอง
     
  2. tuato

    tuato เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +482
    ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันสิ่งดีๆที่มีให้ได้เรียนรู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2011
  3. หายใจ

    หายใจ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +13
    :cool::cool:

    ไม่คำบรรยายนอกจาก ท่านนี้เข้าใจความเป็นธรรมดาแล้ว
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    “คุณเคยพูดกับตัวเองไหม อย่างน้อย 50,000 ประโยค

    ในแต่ละวันที่เราพูดกับตัวเอง 80 เปอร์เซ็นต์ของการพูดกับตัวเองเป็นเรื่องแง่ลบ

    ถ้าคุณไม่ชอบในสิ่งที่คุณเป็น คุณเปลี่ยนแปลงได้ คุณต้องหัดชมคนอื่น

    ถ้าวันไหนไม่ได้รับคำชม คุณควรให้คำชมเชยคนอื่น เพราะการชมคนอื่นง่ายกว่าการชมตัวเอง

    ทำไมคนอเมริกันมาแย่งงานคนเอเชียทำ เวลามีคนถามคนอเมริกันว่า คุณเก่งในงานที่ทำหรือไม่

    พวกเขาบอกว่า เยี่ยม เพราะเขาไม่มีปัญหาเรื่องการนับถือตัวเอง ":cool::cool::cool:
     
  5. โดเรมี่

    โดเรมี่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +9
    วันนี้คุณพูดแล้วกี่คำ เหนี่อยนะ คิดดี พูดดี ทำดี ได้ดี ค่ะ มากน้อยขอได้ทำ
     
  6. n@kARin

    n@kARin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +94
    ดีมากเลยครับ เยี่ยมยอด ขอบคุณที่แบ่งปัน ขอให้ทุกคนมีความสุข กับการฟังเสียงหัวใจของตัวเองนะครับ:cool:
     
  7. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +91
    ขอบคุณครับ ................
     
  8. IIvII

    IIvII Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +46
    อ่านแล้วอึ้ง...เหมือนเคยอ่านที่ไหน อ่านแล้วน้ำตาไหล มันโดนใจสุดๆๆ*-*
     
  9. beverzone

    beverzone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    589
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +2,174
    ธรรมะเต็มไปหมดเลยฮะที่ ดร.เมล กิลล์ กล่าวมา ความจริงยังไงก็เป็นความจริง

    ขอบคุณสำหรับบทความครับ
    อนุโมทนา สาธุ
     
  10. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    วันนี้อ่าน Meta secret ที่ ดร. เมล เขียนแล้วค่ะ น่าสนใจดีค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...