"วิชาโทรจิต!!!!"...ของมนุษย์ต่างดาว?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย buschannarong, 11 มีนาคม 2011.

  1. buschannarong

    buschannarong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +541
    "วิชาโทรจิต"...ของมนุษย์ต่างดาว? <!--coloro:navy--><!--/coloro-->ผลพลอยได้อย่างหนึ่งจากการปฎิบัติธรรมตามแนวทาง <!--coloro:red--><!--/coloro-->" พุทธศาสนา"<!--colorc--><!--/colorc--> ก็คือการค้นพบหลักการที่เกี่ยวของกับพลังงานรูปต่างๆ ที่มีความละเอียดสูงมาก จนยังไม่มีเครื่องมือใดๆ ในปัจจุบันจะสัมผัสวัดได้ รวมทั้ง <!--coloro:red--><!--/coloro-->"คลื่นกระแสจิต"<!--colorc--><!--/colorc--> ซึ่งมีความคมและละเอียดสูงสุด<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:red--><!--/coloro-->"วิชาโทรจิต"<!--colorc--><!--/colorc--> เป็นความสามารถตามธรรมชาติที่แต่เดิมมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทั้งปวง โดยการใช้โทรจิตนี้ผู้ใช้จะสามารถถ่ายทอดความรู้สึก หรือสิ่งที่ตนรู้สึกในใจ ไปให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นได้ โดยต้องเป็นสภาวะแห่งจิตสำนึกที่ตื่นตัว หรือสภาวะที่ทำให้ใจเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ <!--coloro:red--><!--/coloro-->"จิตสำนึกแห่งจักรวาล"<!--colorc--><!--/colorc-->
    <!--coloro:black--><!--/coloro-->"โทรจิตจึงเป็นความรู้แห่งจักรวาลที่มีพรมแดนที่กว้างขวางยิ่ง"<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:blue--><!--/coloro-->หลักทฤษฎีโทรจิตที่ได้รับถ่ายทอดมานั้น มีอยู่ด้วนกัน 4 ข้อ คือ<!--colorc--><!--/colorc-->

    1.จะต้องพิจารณาว่า <!--coloro:navy--><!--/coloro-->"มหาสากลจักวาล" เป็นองค์แห่งจิตสำนึกอันหนึ่ง<!--colorc--><!--/colorc-->

    2.สรรพสิ่งทั้งหลายรวมทั้งมนุษย์ที่ดำรงชีวิตอยู่ในมหาสากลจักรวาลนี้ล้วนเป็นร่างที่แบ่งภาคออกมาจากองค์แห่งจิตสำนึกอันนี้ทั้งสิ้น ฉะนั้นจึงเป็นเรื่อง
    ธรรมดาที่มนุษย์แต่ละคนจะมีจิตสำนึกแห่งจักรวาลดำรงอยู่ในตัว

    3.จิตสำนึกแห่งจักรวาลอันนี้เป็นทั้งพลังชิวิต เป็นทั้งปัญญา และเป็นความรู้ในสรรพสิ่งอีกด้วย

    4.หากสามารถผนึกใจของตัวเองให้แนบแน่นเป็นหนึ่งเดียวกับจิตสำนึกอันนี้ได้ จิตสำนึกอันนี้ จะเป็นตัวจับและรับกระแสคลื่น ที่มาจากภายนอกพร้อมกับส่งต่อข่าวสารนั้นให้กับจิตของมนุษย์คนนั้น

    <!--coloro:navy--><!--/coloro-->ดังนั้น <!--coloro:red--><!--/coloro-->"ความคิด"<!--colorc--><!--/colorc--> ที่คนหนึ่งๆเปล่งออกมา จึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถรับคลื่นความคิดนี้ได้ ถ้าคนๆนั้นเปิดเครื่องรับในร่างกายตนรับคลื่นนั้นๆเข้ามา<!--colorc--><!--/colorc-->

    ในอีกด้านหนึ่ง ตัวจักรวาลหาใช่เป็นสิ่งที่เป็นศูนย์กลางของข้อมูลนั้นไม่ การกระทำของสรรพสิ่งต่างๆในจักรวาลต่างเป็นศูนย์กลางโดยตัวมันเองต่างหาก ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะทุกสรรพสิ่งในจักรวาลถูกสร้างขึ้นมาโดยปฐมเหตุของจักรวาล ดังนั้น รังสีที่เปล่งออกมาจากการกระทำใดๆของสรรพสิ่งนั้นๆ จึงกระจายออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง ด้วยเหตุผลเช่นนี้

    <!--coloro:navy--><!--/coloro-->เซลล์แต่ละอันในร่างกายมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่สามารถปล่อยคลื่นความคิดออกมาได้เช่นกัน และในทางกลับกันคลื่นความคิดก็ย่อมสั่นสะเทือนเซลล์แต่ละอันในร่างกายตนเองได้ด้วย<!--colorc--><!--/colorc-->

    ดังจะเห็นได้ว่าความเครียดที่สั่งสมนานๆ เป็นตัวการสำคัญอันหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่มนุษย์ เพราะคลื่นความคิดเหล่านี้เข้าไปมีผลกระทบต่อร่างกายนั่นเอง การมีความคิดที่ดี แจ่มใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี จึงเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้สำหรับมนุษย์ บางครั้งเราจึงควรหลีกให้ห่างผู้คนที่ปล่อยคลื่นความคิดร้ายๆ ถ้าหากทำได้ จะได้ไม่ไปรับผลสะเทือนที่ไม่ดีของผู้คนเหล่านั้นเข้ามา...<!--coloro:navy--><!--/coloro-->
    <!--coloro:navy--><!--/coloro--><!--colorc--><!--/colorc-->คลื่นความคิดที่ควรหลีกเลี่ยง<!--colorc-->
    <!--/colorc-->


    <!--coloro:#000080--><!--/coloro-->1.สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ การไม่ให้คลื่นความคิดจำพวก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความไร้สาระในเรื่องเล็กน้อย ความเกลียดชัง เหล่านี้ ไหลเขามาสู่ตัวเรา<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:#000080--><!--/coloro-->2.พวกคลึ่นความคิดชั้นต่ำที่ถูกปล่อยออกมาจากดาวดวงอื่น ที่มีวิวัฒนาการล้าหลังกว่าโลกของเรา ก็เป็นคลื่นที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:#000080--><!--/coloro-->3.คลื่นความคิดที่ปล่อยออกมาจากความทรงจำของชาวโลกที่เคยอาศัยอยู่บนโลกในอดีต ส่วนใหญ่เป็นคลื่นความคิดที่แตกแยกไม่ปรองดองกัน และอกุศล<!--colorc--><!--/colorc-->
    <!--coloro:#000080--><!--/coloro-->มักทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว แต่ความจริงเป็นแค่คลื่นความคิดของผู้ตายที่ยังหลงเหลืออยู่ในอวกาศเท่านั้น<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:#000080--><!--/coloro-->คลื่นความคิดที่ควรรับเข้ามา<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:#000080--><!--/coloro--><!--coloro:navy--><!--/coloro-->1.พลังชีวิต (ปราณ)<!--colorc--><!--/colorc--> ของจักรวาลที่ไหลเข้ามา เป็นพลังภายในที่บริสุทธิ์ เป็นทั้งปัญญาแห่งจักรวาลภายในตัวด้วย สามารถแทรกซึมเข้าสู่ทุกสรรพสิ่งได้อย่างเสมอภาค ไม่ลำเอียง ปัญญาและความรู้ที่บริสุทธ์ จึงมักเข้าไปใกล้ผู้ที่ถ่อมตัวและมีจิตใจปิดกว้าง มากกว่าคนใจแคบ <!--colorc--><!--/colorc-->
    <!--coloro:#000080--><!--/coloro-->มิใช่เพราะว่าปัญญาและความรู้ลำเอียง แต่เป็นเพราะคนที่ใจแคบนั้นมีความสามารถในการรับปราณหรือพลังจักรวาลน้อยกว่าคนใจกว้างต่างหาก<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:#000080--><!--/coloro-->2.คลื่นความคิดจากรูปธรรมชั้นสูง ทั้งจากในโลกนี้และที่มาจากดาวดวงอื่นที่มีวิวัฒนาการทางจิตสูงกว่าโลกของเรา คลื่นความคิดนี้เปี่ยมไปด้วยความรักความหวังดี และเป็นประโยชน์ต่อชาวโลก<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:#000080--><!--/coloro-->3.การสื่อสารไปมาระหว่างเซลหรืออะตอม จากสรรพสิ่งธรรมชาติรอบๆตัวเรา ด้วยภาษาร่วมหรือภาษาจักรวาลที่เป็นสากล<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:blue--><!--/coloro-->อนึ่งมีข้อห้ามพึงระวังในการฝึกโทรจิตก็คือ ผู้ฝึกจะต้องไม่ปล่อยคลื่นความคิดที่เป็นอกุศลใดๆ ออกมาเป็นอันขาด แต่จะต้องสร้างความรู้สึกที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวก้บสรรพสิ่งให้ได้
    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->
    <!--coloro:navy--><!--/coloro-->วิธีฝึกโทรจิตของ"อดัมสกี้"ที่เป็นรูปธรรม มีดังนี้ครับ...<!--colorc--><!--/colorc-->
    <!--coloro:navy--><!--/coloro-->ก่อนอื่นผู้ฝึกจะต้องตระหนักถึงปัจจัย 3 ประการในการฝึกโทรจิต คือ<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:navy--><!--/coloro-->หนึ่ง<!--colorc--><!--/colorc--> ในการสัมผัสคลื่นความคิดที่เข้ามาจากข้างนอก จะต้องไม่มีการแบ่งแยกเกิดขึ้นระหว่างใจของเรากับผู้ที่เราต้องการสื่อสารด้วย

    <!--coloro:navy--><!--/coloro-->สอง<!--colorc--><!--/colorc--> สรรพสิ่งล้วนมีชีวิต เซลล์แต่ละอันไม่เพียงแต่ให้พลังชีวิตเท่านั้นแต่ยังมีปัญญาดำรงอยู่ในตัวด้วย เซลล์แต่ละอันจึงสามารถรับข่าวสาร และปล่อยข่าวสาร ที่เป็นประสบการณ์ของตนออกไปได้

    <!--coloro:navy--><!--/coloro-->สาม<!--colorc--><!--/colorc--> ผู้ฝึกต้องควบคุมเซลล์ในร่างกายของตนโดยผ่านการตอบสนองของประสาทสัมผัสทั้ง 4 ในร่างกายของตน โดยทำให้อวัยวะแต่ละส่วน "เป็นกลาง" เสียก่อน

    <!--sizeo:5--><!--/sizeo--><!--coloro:red--><!--/coloro-->วิธีฝึก<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->
    <!--coloro:indigo--><!--/coloro-->1.ทดลองส่งโทรจิตระหว่างคนสองคน โดยเริ่มจากการอยู่ในห้องเดียวกันก่อน จากนั้นค่อยๆ เพิ่มระยะห่างระหว่างคนสองคนให้ไกลออกไปเรื่อยๆ<!--colorc--><!--/colorc-->
    <!--coloro:indigo--><!--/coloro-->-โดยผู้ส่งจิตจะต้องวาดภาพ หรือจินตการภาพที่จะส่งออกไปขึ้นไว้ในใจก่อน แล้งลองส่งออกไป<!--colorc--><!--/colorc-->
    <!--coloro:indigo--><!--/coloro-->-ส่วนผู้รับโทรจิตก็ต้องมีสมาธิคอยรับด้วยท่าทางและจิตใจที่ผ่อนคลาย ก่อนจะบอกคำตอบออกมา ถ้าทดลอง 5 ครั้ง แล้วตอบถูกเกิน 3 ครั้งขึ้นไปถือว่าใช้ได้<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:indigo--><!--/coloro-->2.ทดลองรับคลื่นโทรจิตจากสี่งของใกล้ๆตัวของใครคนหนึ่ง เช่นทายราคาของสินค้าอันนั้น (เนื่องจากอะตอมของสิ่งของนั้น ได้รับข่าวสารจากผู้เป็นเจ้าของมาก่อนแล้ว) จะทายข้อความในจดหมาย หรือทายไพ่ก็ย่อมได้..<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:indigo--><!--/coloro-->3.ฝึกโยนเหรียญ และออกคำสั่งให้เหรียญนั้นออก"หัว"หรือ"ก้อย" เมื่อตกลงพื้น โดยตอนออกคำสั่งนั้น ต้องแสดงความปรารถนาและจิตนาการให้ตัวเองแนบแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเหรียญเสียก่อน นอกจากฝึกกับเหรียญแล้ว ทดลองฝึกกับลูกเต๋าก็ได้<!--sizeo:2--><!--/sizeo-->..
    <!--sizec--><!--/sizec--><!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    <!--coloro:#4b0082--><!--/coloro-->4.ฝึกให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพื้นน้ำ หากมีโอกาสไปยืนที่สูงๆเหนือแม่น้ำ ทะเลสาบ บึง หรือเหนือทะเลกว้างๆ ลองจิตนาการให้ตัวเองแนบแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับคลื่นน้ำ เราจะได้สัมผัสความรู้สึกที่เย็นสดชื่นยิ่งขึ้น <!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:#4b0082--><!--/coloro-->การพัฒนาความสามารถเชิงโทรจิตในตัวเรานั้น จำเป็นจะต้องฝึกฝนและฝึกฝน ๆ ๆ ในทำนองที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้ หากมีใครทดลองฝึกแล้วยังไม่คืบหน้า นั่นย่อมแสดวว่า "อัตตา"(EGO) ของผู้ฝึกนั้นแรงไปนั่นเอง และปัจจัยความ เหนื่อยหน่าย เหนื่อยล้า และความเครียด อาจเป็นอุปสรรคของการฝึกโทรจิต<!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:#4b0082--><!--/coloro-->ต้องรู้จักผ่อนคลาย ให้เป็นเรื่องปกติธรรมชาติไปเองในที่สุด...<!--colorc--><!--/colorc--> <!--sizeo:5--><!--/sizeo-->

    <!--sizeo:5--><!--/sizeo--><!--coloro:blue--><!--/coloro-->การใช้วัตถุธาตุ เพื่อสื่อพลังโทรจิต<!--colorc--><!--/colorc--><!--sizec--><!--/sizec-->

    ชาวแอตแลนติสในยุคราว 40.000 ปีก่อน ได้เคยสร้างปิรามิดเพื่อใช้สื่อสารกับพลังจักรวาล ยังได้ใช้ผลึกคริสตัลมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เพื่อการติดต่อ (รับคลื่น-ส่งคลื่น) กับพลังจักรวาลและจิตสำนึกแห่งจักรวาลด้วยวิธีการดังนี้..

    <!--coloro:red--><!--/coloro-->ในการรับคลื่นจิตวิญญาณระดับสูง<!--colorc--><!--/colorc--> ให้นำผลึกคริสตัลขนาดเล็ก มาวางเบี้องหน้าเราสองก้อน ให้ตัวเรานั่งอยู่บริเวณยอดสามเหลี่ยมของทรงปิรามิด (ให้ตัวเราเป็นผลึกคริสตัลก้อนที่สาม) จากนั้นใช้ลวดทองแดงหนึ่งเส้นพันรอบผลึกคริสตัน 3 รอบ ก่อนจะนำลวดทองแดงนั้นมาถือไว้ในมือทั้งสองข้าง ในท่าหลับตาเข้าสมาธิ..

    จากนั้นให้เพ่งจิตและพลังทั้งหมดของเราไปยัง "ผู้ที่เราต้องการจะสื่อสารด้วย"

    ในทางกลับกัน <!--coloro:red--><!--/coloro-->หากเราต้องการที่จะส่งคลื่นออกไป<!--colorc--><!--/colorc--> ข่าวสารของเราไปให้กับผู้ใด ก็ให้กระทำในรูปแบบตรงกันข้ามกับข้างต้น คือใช้สองมือเราแทนผลึกคริสตันสองก้อน (เป็นส่วนฐานของรูปสามเหลี่ยม) ในขณะที่ผลึกมีคริสตันเพียงหนึ่งก้อน มาเป็นปลายยอดของสามเหลี่ยมแทน (ตามรูป)

    วัตถุธาตุเหล่านี้เป็นสื่อที่สามารถใช้ติดต่อระหว่างธาตุหยาบกับธาตุละเอียด หรือของมนุษย์กับเทวดา และรูปธรรมอื่นๆได้ เป็นเครื่องช่วยสื่อสารให้คมชัดขึ้น...(สมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์ การโทรจิตจึงเป็นเรื่องที่แพร่หลายมาก)<!--coloro:#000080--><!--/coloro-->ข้อผิดพลาดของชาวแอตแลนติสในอดีต ส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างไปจากข้อผิดพลาดของมนุษย์ในปัจจุบันหรอกครับ..คือพวกเขาไม่สามารถควบคุม "อัตตา"(EGO) ของเขาได้ จึงนำพลังอันมหาศาลที่อารยธรรมของเขาได้สร้างขึ้นมา ไปใช้ในทางที่ผิดๆ โดยเฉพาะสงคราม (ขุดหลุมฝังตัวเองแท้ๆ)

    ตั้งแต่มนุษย์คิดค้นระเบิดปรมาณูขึ้นมาได้ และนำมาใช้เข่นฆ่าสังหารมนุษย์ด้วยกันเอง เป็นต้นมา จะว่าไปมนุษย์ในยุคนี้กำลังเจริญรอยตามจุดจบของชาวแอตแลนติสแทบทุกกระเบียดนิ้ว และถ้าหากข้อสัษฐานที่ว่าชาวแอตแลนติสมีเชี้อสายจากมนุษย์ต่างดาวเป็นจริง จึงไม่น่าแปลกที่ปรากฎการณ์จานบิน(UFO) จะมาปรากฎให้มนุษย์เห็นกันอย่างถี่ๆ นับแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา เพื่อมาเตือนภัยแก่มนุษย์เรา ว่ากำลังเดินไปในทางที่ผิดๆกันอยู่...<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    <!--coloro:#000080--><!--/coloro-->การใช้ประสาทสัมผัสจากจักรวาล

    <!--colorc-->
    <!--/colorc-->
    มนุษย์ต่างดาวถูกอบรมตั้งแต่เด็กให้เข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกาย กับจิต และการ <!--coloro:red--><!--/coloro-->"ควบคุมใจ"<!--colorc--><!--/colorc--> เพราะฉะนั้น <!--coloro:red--><!--/coloro-->"ใจแห่งอวัยวะสัมผัส"<!--colorc--><!--/colorc--> ของเขาจึงถูกยกระดับให้สูงส่งระดับเดียวกับ <!--coloro:navy--><!--/coloro-->"ใจของฟ้า"<!--colorc--><!--/colorc--> <!--sizec--><!--/sizec--><!--coloro:blue--><!--/coloro-->(ปฐมเหตุแห่งจักรวาล)<!--colorc--><!--/colorc--> ทำให้เซลล์ในร่างกายทั้งหมดของพวกเขาสามารถตอบสนองคำสั่งที่ใจสั่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ร่างกายของเขาจึงแข็งแรง และมีอายุยืนยาวเกินกว่าที่ชาวโลกจะคาดคิดได้เช่นกัน..

    ชาวโลกก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน หากแต่บุคคลผู้นั้นต้องมีจิตใจที่กระจ่าง เที่ยงธรรม มีชิวิตอยู่อย่างมีปณิธาน ศรัทธา ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า และมีความคิดในเชิงบวก เซลล์ในร่างกายก็จะตอบสนองต่อจิตใจบุคคลนั้นในทางบวกเช่นกัน ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจ ย่อมได้ผลเช่นเดียวกัน

    แต่ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึง จิตสำนึกนี้ กลับมีชิวิตโดยใช้แค่ <!--coloro:red--><!--/coloro-->"ใจ"<!--colorc--><!--/colorc--> หรือ <!--coloro:red--><!--/coloro-->"สิ่งรับรู้ในอารมณ์ทั้งหลาย "<!--colorc--><!--/colorc-->เท่านั้น ซึ่งผันผวนง่ายและแปรปรวนอย่างรุนแรง มาเป็นหลักของชิวิต ขณะที่มนุษย์ต่างดาวจะถือว่าจักรวาลเป็นองค์แห่งจิตสำนึก คือพระผู้สร้างหรือพระผู้เป็นเจ้า จึงพยายามประสานใจของตนให้สอดคล้องกับจิตสำนึกนี้...(คนที่นับถือพุทธะก็ยึดในหลักความเป็นหนึ่งเดียวกับ "ปฐมเหตุแห่งจักรวาล" ความหมายไม่แตกต่างกัน..)

    กระแสคลื่นที่มนุษย์ต่างดาวปล่อยออกมา มีลักษณะเป็น <!--coloro:blue--><!--/coloro-->"คลื่นความคิด"<!--colorc--><!--/colorc--> ซึ่งมีลักษณะคล้ายแสง ถ้ากระแสความคิดถูกส่งเป็นคลื่นออกไปแล้ว มันจะเคลื่อนที่ไปอย่างไม่มีขอบเขต จนกว่าจะถูกดูดซับหรือถูกขวางกั้นโดยสิ่งอื่น หรือวัตถุอื่น...เช่นเดียวกันกับ <!--coloro:blue--><!--/coloro-->"คลื่น<!--colorc--><!--/colorc--><!--coloro:blue--><!--/coloro-->ความคิดของมนุษย์"<!--colorc--><!--/colorc--> เป็นคลื่นที่ส่งผ่านไปในอวกาศได้เช่นกัน แต่ไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรงทิศทางเดียวเหมือนลูกกระสุนจากปากกระบอกปืน หากแต่มีลักษณะเหมือนรังสีที่เปล่งออกมาเป็นเส้นตรงในทุกๆทิศทาง และแผ่ขยายตัวโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่จุดหนึ่ง....
    <!--coloro:#ff0000-->
     
  2. buschannarong

    buschannarong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +541
    ระบบสื่อสารในอนาคต

    วิวัฒนาการของระบบสื่อสารของมนุษย์ได้ก้าวออกมาจากร่างของพวกเขา กระโดดขึ้นบนหลังสัตว์
    เหินฟ้าไปกับขานก (พิราบ) และมาบัดนี้ล่องหนหายตัวไปกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
    ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณไฟฟ้า คลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ หรือคลื่นแสง
    ระบบสื่อสารของมนุษย์กำลังพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง มันกำลังก้าวไปข้างหน้าสู่อนาคตกาล <!--colorc--><!--/colorc-->

    แต่ขณะเดียวกัน มันกำลังถอยหลังกลับเข้าสู่ทางเดิมของมัน นั่น คือ

    <!--coloro:#FF0000--><!--/coloro-->ร่างกายของมนุษย์ แหล่งกำเนิดคลื่นพลังจิตของโทรจิต : ระบบสื่อสารแห่งอนาคต<!--colorc--><!--/colorc-->

    โทรจิต หรือ Telephaty

    <!--coloro:#8B0000--><!--/coloro-->คือ การรับรู้ความรู้สึกพิเศษจากความคิดของบุคคลอื่นหรือ
    หมายถึงการติดต่อสื่อสารทางจิตจากจิตหนึ่งไปสู่อีกจิตหนึ่ง คำๆ นี้อนุพันธ์มาจากภาษากรีด
    คือ tele หรือโทร ซึ่งหมายถึง “หนทางไกล” (distance)
    และ pathe หรือ จิต หมายถึง “ความรู้สึก” (felling)
    หรือ “เกิดความรู้สึกขึ้น” (occurrance)
    และนอกจากนี้ยังมีคำอื่นๆ ที่อธิบายปรากฎการณ์นี้อีก เช่น
    “การติดต่อสื่อสารทางชีวภาค” (biocommunication) ซึ่งรัสเซียชอบใช้คำนี้มาก<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    ความจริงแล้วมนุษย์เราได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ทางโทรจิตมาตังแต่สมัยบรรพกาลแล้ว แต่คนสมัยก่อนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ เช่น
    การเกิดลางสังหรณ์ หรือฝันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

    อันที่จริงมนุษย์สมัยโบราณมีการติดต่อกันด้วยพลังจิตดีกว่าคนสมัยนี้เสียอีกเพราะภาวะจิตใจไม่ถูกรบกวน
    และภาษาในสมัยนั้นก็ไม่สลับซับซ้อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัญลักษณ์ หรือ รูปภาพ
    ซึ่งสามารถเข้าใจและถ่ายทอดกันได้ง่าย


    แต่พอความศิวิไลซ์ของมนุษย์ก้าวเข้ามา อำนาจพิเศษในด้านพลังจิตของมนุษย์นั้นก็ถูกบดบังไปอย่างน่าเสียดาย
    และมิหนำซ้ำ กลับกลายเป็นว่าเรื่องของอำนาจจิตเป็นเรื่องของพวกคลั่งศาสนาและไสยศาสตร์ไปเสียอีก

    นักวิทยาศาสตร์เพิ่มจะหันมาสนใจเรื่องของโทรจิตเมื่อไม่กี่สิบปีมานี่เอง
    นักวิทยาศาสตร์ชาติที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้มากที่สุด คือ รัสเซีย

    เหตุที่ทำให้รัสเซียสนใจเรื่องราวของการติดต่อด้วยพลังจิตนี้ก็เพราะแรงกระตุ้นจากนักแสดงละครสัตว์
    ชื่อ วลาดิมีร์ ดูรอฟ เขาเป็นนักฝึกสัตว์ที่มีความชำนิชำนาญมาก
    ดูรอฟเชื่อว่าสัตว์ที่เขาฝึกสามารถอ่านจิตใจของเขาออก และมันสามารถจับกระแสจิตของเขาได้ อย่างในการสั่งให้สนุขวิ่งไปที่โต๊ะแล้วคาบเอาหนังส่อที่วางอยู่บนนั้นมาให้เขา

    ดูรอฟก็จะเริ่มการส่งโทรจิตด้วยการจับหัวสุนัขตัวนั้นเข้ามาไว้ในระหว่างมือทั้งสองข้าง
    แล้วก็จ้องมองมันตาเขม็ง จากนั้นเขาจะค่อยๆ ถ่ายทอดคลื่นความคิดเข้าไปในดวงจิตของมัน อธิบายถึงสิ่งที่จะให้มันทำทีละขั้นตอนด้วยจิตต่อจิตโดยไม่ปริปากพูดเลยสักคำ แล้วสุนัขแสนรู้ของเขาก็วิ่งปร๋อเข้าไปคาบหนังสือมาให้เขาดังประสงค์
    สร้างความประหลาดใจและประทับใจแก้ผู้ชมยิ่งนัก

    หลังจากที่เฝ้าดูละครสัตว์ของดูรอฟแสดงอยู่ได้ไม่นาน
    วลาดิมีร์ เบคห์เทเรฟ (พ.ศ.2400-2470) นักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของโซเวียต
    ก็อดรนทนไม่ไหวต้องกระโดดเข้ามาศึกษาในเรื่องนี้ และผลการศึกษาก็เป็นที่น่าพอใจมาก เพราะดูรอพสามารถส่งกระแสจิตให้สุนัขของเขาทำตามคำสั่งได้แม้ว่าสุนัขตัวนั้นจะไม่เห็นตัวเขาก็ตาม

    และที่ทำให้เบคห์เทเรฟปักใจเชื่อในเรื่องการส่งถ่ายความคิดนี้ยิ่งก็คือ
    คำสั่งเหล่านั้นเขารู้เพียงคนเดียวโดยที่ดูรอพไม่เคยรู้มาก่อนเลย

    จากงานทดลองร่วมกับดูรอพนี่เองที่ทำให้เบคห์เทเรฟมีแรงหนุนเนื่องให้หันมาศึกษาเรื่องของโทรจิตอย่างจริงจัง

    หลังจากนั้นเขาก็ได้เป็นหัวหน้าสถาบันวิจัยสมอง แห่งมหาวิทยาลัยเลนินกราด

    ในปี 2465 เขาตั้งคณะกรรมการเพื่อการศึกษาการสะกดจิต และทดลองส่งกระแสจิตระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ขึ้นในการทดลองครั้งหนึ่งบันทึกไว้ว่า

    ส่ง : รูปสามเหลี่ยมที่มีรูปวงกลมอยู่ข้างใน ผู้รับก็สนองตอบในทันที (วาดรูปเป้า)

    ส่ง : ภาพเครื่องจักรวาดด้วยดินสอแบบง่ายๆ ผู้รับก็ปฏิบัติตามได้อย่างแน่นอนและยังตรวจดูเส้นร่างรูปของเครื่องจักรใหม่อีกตั้งหลายครั้ง

    ในปี พ.ศ. 2467
    เบคห์เทเรฟได้ตัวผู้ที่อุทิศตนให้กับการทดลองทางโทรจิตอีกคนหนึ่ง
    คือ ลีโอนิค แอล. วาซิลิเอฟ (พ.ศ. 2434 - 2509) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเขาเอง (ต่อมาได้เป็นศาสตรจารย์ทางประสาทสรีระวิทยาประจำสถาบันวิจัยสมอง)

    วาซิลิเอฟปักใจเชื่อในเรื่องของโทรจิตที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
    เนื่องจากประสบการณ์ที่เขาต้องเอาชีวิตเข้าแลก ตอนอายุ 12 ขวบ
    เขาตกลงไปในแม่น้ำและเกือบจะจมน้ำตายเขาบอกผู้ปกครองของเขาฟังว่า
    เธอเห็นเขากำลังจะจมน้ำและยังเห็นรายละเอียดอีกด้วยว่า
    หมวกสีขาวใบใหม่ของเขาถูกพัดพาไปับกระแสน้ำด้วยนี่เอง
    ที่ทำให้วาซิลิเอฟต้องหันเหชีวิตมาทุ่มเทให้กับการศึกษาทางโทรจิต
    เพื่อหาข้ออรรถาธิบายทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องนี้

    อีกสองปีต่อมา วาซิลิเอฟได้ดำเนินชุดการทดลองของเขาเองที่โรงพยาบาลเลนิน กราด ซึ่งเป็นการศึกษาการสะกดคนให้คนที่ถูกสะกดจิตแสดงกิริยาท่าทางอันน่ารำคาญเล็กๆ น้อยๆ
    เช่น ให้ยกแขน ยกขา หรือแม้กระทั่งเกาจมูก
    เขาประสบความสำเร็จ 16 ครั้งจากการทดลอง 19 ครั้ง

    ภายหลังจากการที่ทดลองซ้ำ เขาก็ประกาศว่าการเคลื่อนไหวของร่างกายเนื่องจากจิตสำนึก
    หรือจิตไร้สำนึก อาจมีสาเหตุมาจากการสะกดจิตเพียงอย่างเดียว

    นอกจากนี้แล้ววาซิลิเอฟยังพบอีกว่ามันเป็นไปได้ที่จะทำให้บางคนหลับหรือตื่นได้
    โดยการควบคุมทางจิตระยะไกลแม้ว่าระยะจะไกลถึง 1600 กิโลเมตร ยิ่งกว่านั้นเขายังพบอีกว่า

    แม้จะจับเอาผู้ส่งกระแสจิตเข้าอยู่ใน กรงฟาราเดย์
    (Faraday cage : ในนั้นเกือบจะไม่มีรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าใดๆ ผ่านเข้าไปได้เลย)
    ก็ไม่มีผลใดๆ ต่ออัตราความสำเร็จของเขา

    แต่อย่างไรก็ตามวาซิลิเอฟก็ยังประสบความล้มเหลวในจุดมุ่งหมายหลักของเขา
    ในการที่จะหาคำอธิบายพื้นฐานทางฟิสิกส์เกี่ยวกับโทรจิต
    (ในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขามีเสียงเล่าลือกันว่าเขาได้ทำการวิจัยอย่างลับๆ ให้กับรัฐบาลโซเวียตเพื่อศึกษาและนำเอากลไกของโทรจิตมาประยุกต์ใช้กับงานทางด้านการทหาร)

    โทรจิตเป็นระบบการสื่อสารที่เกิดขึ้นได้เองโดยธรรมชาติ


    มิเกล คูนิ นักพลังจิตอีกคนหนึ่งที่สนใจงานพัฒนาด้านนี้
    เชื่อว่าความกดดันทางอารมณ์สูงสุดที่เกิดขึ้นทันทีทันใดของคนเรา
    เป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์ทางอำนาจจิตได้ จากการศึกษางานด้านพลังจิตกับคนจำนวนมาก

    เขาพบว่าอารมณ์ของคนเรานั้น เป็นสวตซ์ปิดเปิดการส่งโทรจิตธรรมชาติได้โดยอัตโนมัติอย่างเช่น

    เมื่อเราต้องประสบกับเหตุการณ์รุนแรง หรือเกิดอุบัติเหตุกับญาติพี่น้องหรือคนสนิท อารมณ์ที่เครียดสูงสุดนี้ก็จะเป็นตัวเปิดสวิตซ์การส่งหรือรับโทรจิตโดยฉับพลันทันที

    อย่างในกรณีที่เกิดกับทหารเรือดำน้ำรัสเซียคนหนึ่งซึ่งป่วยและต้องนอนพักอยู่ที่ฐานทัพ
    จึงไม่ได้เดินทางออกไปกับเรือเที่ยวนั้น

    พอตกบ่ายเขาก็ฝันไปว่า เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่เรือกำลังดำลง
    เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปในเรือได้ ตัวเขาค่อยๆ จมลงไปในน้ำพร้อมกับเรือ
    เขาสำลักน้ำเข้าไปหลายอึกและรู้สึกว่ากำลังจะจมน้ำตาย

    จนบัดนี้เขายังจำฝันร้ายนั้นได้ติดตา เพราะหลังจากที่เราเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพ เขาก็ทราบว่าเพื่อนของเขาจมน้ำตายเนื่องจากติดอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่เรือกำลังดำลงสู่ใต้ผิวน้ำ

    นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า โทรจิตเป็นประสาทสัมผัสที่ 6 ของคนเรา ที่นอกเหนือไปจาก หู , ตา , ลิ้น , จมูก และกายซึ่งทุกคนมีความสามารถพิเศษทางโทรจิตนี้แฝงอยู่ หากแต่ถูกบดบังด้วยจิตใจที่หม่นหมอง ดังที่มีคำกล่าวอ้างกันอยู่เสมอว่าอำนาจทางโทรจิตของคนเรานั้นมีอยู่มากในคนรุ่นบรรพกาล และมาเหือดหายไปเมื่อมนุษย์มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้น

    ยูริ คาเมนสกี้ นักชีวฟิสิกส์ นักส่งกระแสจิต ผู้ร่วมทดลองกับคาร์ล นิโคลิเอฟ
    นักแสดงพลังจิตผู้ลือชื่อของรัสเซีย ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า

    ความจริงแล้วคนเราทุกคนล้วนแล้วแต่ก็มีความสามารถในการส่งและรับกระแสจิตด้วยกันทั้งนั้น
    แต่ความสามารถพิเศษนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและแน่นอน

    บางคนอาจมีความสามารถพิเศษนี้มากกว่าคนอื่นๆ
    ในวิชาปรจิตวิทยา (Parapsychology) ของรัสเซียนั้นถือว่าผู้ส่งและผู้รับกระแสจิตนั้นมีความสำคัญเท่ากัน เพราะถ้าผู้ส่งกระแสจิตส่งมโนภาพที่เลือนลางมาให้เราก็จะได้แต่ภาพที่เลือนลางนั้นด้วย

    ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับและผู้ส่งข่าวสารทางจิตจักต้องฝึกปรือกันมาอย่างดี และต้องสามารถสร้างมิตรสัมพันธ์ทางจิตหรือรับคลื่นกระแสจิตให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีด้วย

    คาเมนสกี้ ให้คำแนะนำสำหรับคนที่ต้องการเป็นนักโทรจิตว่า

    <!--coloro:#0000FF--><!--/coloro-->จงทำตัวให้สบายผ่อนคลายอารมณ์ ลดภาวะความตรึงเครียดทางกายและทางใจลง และควรจะกำจัดความกังวล
    หรืออารมณ์ที่ขุ่นมัวออกให้หมดสิ้น จงทำให้มีความเชื่อมั่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ <!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    เมื่อเริ่มส่งข่าวสารทางจิตไปยังผู้รับนั้น ปล่อยใจให้ล่องลอยจงแน่วแน่อยู่กับข่าวสารและข้อมูลที่จะส่ง

    พร้อมกับนึกถึงหน้าของผู้รับกระแสข่าวสารทางจิตจากเราให้กระจ่างอยู่ในดวงจิต
    เมื่อท่านฝึกเช่นนี้บ่อยๆ จนมีความคุ้นเคยและสามารถปรับคลื่นกระแสจิตเข้ากันได้แล้ว
    ในไม่ช้าไม่นานท่านก็จะเปรียบเสมือนมี โทรจิเตอร์ (เครื่องรับส่งโทรจิตยังไงละครับ)
    ติดตัว ใช้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่และทุกสภาวะดินฟ้าอากาศ

    ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะนักฟิสิกส์ชาวรัสเซียเชื่อว่าอำนาจจิตธรรมชาตินั้น
    น่าจะเกิดมาจากความสอดคล้องกันระหว่างคลื่นสมองของผู้ส่งและผู้รับ
    ที่มีอำนาจสัมพันธ์กันซึ่งเรื่องนี้คนทั่วไปสามารถฝึกปรับระดับจิตของพวกเขาให้เข้ากันได้ภายใน 3 เดือน
    (จริงหรือไม่คุณลองฝึกเอาดูแล้วกัน)

    แล้วยังมีข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึกโทรจิต ถ้าจะให้ได้ผลสูงสุด
    นอกจากจะปฏิบัติตามข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว
    เราควรจะมีการนัดหมายเวลาเพื่อให้ปฏิบัติพร้อมเพรียงและสอดคล้องกัน
    (ในที่นี้หมายถึงต้องสอดคล้องกันทั้งทางกาย จิตใจ และเวลาด้วย)

    ดร.อิปโปลิท โคแกน เป็นนักวิทยาศาสตร์รัสเซียอีกท่านหนึ่งที่มีความสนใจในงานด้านโทรจิต และได้นำเอาระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาศึกษางานด้านนี้ที่สำคัญคือ

    เขาได้นำเอาเครื่องมือทดสอบอีอีจี หรือเครื่องวัดคลื่นสมอง (Electroencephalograph)
    มาใช้ในการทดลองการส่งและรับกระแสจิต
    ซึ่งจะแสดงให้เห็นตำแหน่งของการโฟกัสคลื่นความคิดในสมองส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น
    เมื่อผู้รับได้รับภาพ ก็จะทำให้เกิดคลื่นกระตุ้นที่สมองส่วนออกซิปิตอล (occipital lobe)

    ซึ่งเป็นสมองส่วนที่กี่ยวกับการมองเห็นหรือถ้าได้รับกระแสจิตเกี่ยวกับเสียงเข้ามา
    ก็จะเกิดคลื่นกระตุ้นขึ้นที่สมองส่วนเทมพอรอล (temporal lobe)
    ซึ่งเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวกับการได้ยินเสียง

    เมื่อรัสเซียก้าวเข้าสู่สมัยอวกาศ มีการส่งดาวเทียมขึ้นโคจรรอบโลก และส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปล่องลอยในอวกาศการทดลองทางโทรจิตของเขาก็ก้าวตามขึ้นไปด้วย

    นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้แย้มเรื่องราวดังกล่าวเมื่อครั้งที่ไปประชุมเกี่ยวกับมนุษย์อวกาศที่กรุงปารีส
    ในประเทศฝรั่งเศส พ.ศ.2509 ว่า

    นักวิทยาศาสตร์ระดับมันสมองของพวกเขาจำนวนมากเชื่อว่า การวิจัยค้นคว้าทางพลังจิตนั้นนับว่ามีความสำคัญต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ๆ มาก
    โดยเฉพาะในการผจญภัยในอวกาศนั้น มนุษย์ควรนำเอาพลังจิตไปใช้ในกาสื่อสาร

    เป็นที่ทราบกันดีว่ารัสเซียพยายามอย่างยิ่งที่จะฝึกมนุษย์อวกาศของพวกเขาให้มีความสามารถ
    ที่จะนำเอาโทรจิตไปใช้เป็นระบบสื่อสารส่วนบุคคลในอวกาศ

    พวกเขาได้ฝึกการเพ่งสมาธิตามหลักการฝึกพลังจิตของโยคี และฝึกการส่งและรับกระแสจิตติดต่อกันระหว่างมนุษย์อวกาศกับผู้ที่อาศัยอยู่บนโลกนับครั้งไม่ถ้วน

    และนอกจากนี้แล้วยังฝึกหัดการสะกดจิตตัวเองเพื่อนำไปใช้ในการเดินทางท่องอวกาศ
    เป็นเวลานานแสนนานอีกด้วยอย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้ก็รู้มาเพียงระแคะระคายเท่านั้น
    เพราะข้อมูลและผลการทดลองนั้น พี่รัสเซียเขาเก็บไว้เป็นความลับ
    ที่รั่วไหลออกมาก็เป็นการโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนึ่ง

    เพราะจริงๆ แล้วรัสเซียกำลังนำเอาพลังจิตไปใช้ในงานทางด้านการทหาร
    ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ
    เพื่อเสริมความแข่งแกร่งให้แก่ข่ายการติดต่อสื่อสารแบบที่เรียกว่าศัตรูตรวจจับไม่ได้

    <!--coloro:#FF0000--><!--/coloro-->และที่สำคัญกว่านั้นข่าวแว่วเข้ามากระทบหูว่า รัสเซียกำลังสร้างอาวุธพลังจิต<!--colorc--><!--/colorc-->

    เพื่อไม่ให้เป็นการน้อยหน้ารัสเซียในเรื่องนี้ สหรัฐก็ได้ทำการทดลองรับและส่งกระแสจิตติดต่อระหว่างนักบินที่อยู่บนอวกาศกับคนที่อยู่บนพื้นโลกบ้าง

    การทดลองนี้ทำกันขึ้นเมื่อครั้งที่ส่งอพอลโล 14 ขึ้นไปดวงจันทร์
    โดยมีนักบินอวกาศ อี ดี มิทเชลล์ เป็นผู้ส่งภาพของไพ่ อีเอสพี
    มายังผู้รับซึ่งเป็นนักพลังจิต 4 คนบนโลก แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า

    การทดลองครั้งนี้ทำได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะมิทเชลล์มีภาระหน้าที่อันหนักหน่วงต้องทำ
    (เรื่องที่เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่า สหรัฐล้าหลังรัสเซียอยู่ประมาณ 30 – 50 ปี ทีเดียว)

    ในอนาคตกาลนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า

    <!--coloro:#FF0000--><!--/coloro-->โทรจิตจะกลายเป็นระบบสื่อสารที่นำมาใช้ติดต่อกันในยามฉุกเฉิน<!--colorc--><!--/colorc-->

    เช่น กรณีที่เครื่องมือติดต่อสื่อสารบนยานอวกาศขัดข้อง
    และถ้าหากมนุษย์อวกาศได้รับการฝึกพลังจิตด้านอื่นๆ เช่น

    การรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า (Precognition) ด้วยแล้ว อาจจะช่วยในการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่จะเกดขึ้นในการเดินทางด้านยานอวกาศที่มีความเร็วสูง
    ยิ่งกว่านั้นนักปรจิตวิทยายังคาดหวังไว้ว่า

    การสื่อสารทางจิตนี้จะเป็นสื่อภาษาสากลจักรวาลที่มนุษย์โลกจะใช้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวกาแล็คซีอื่นได้

    อันจะเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างโลกและอายธรรมในกาแลคซีและในมวลเอกภพแห่งนี้
     
  3. buschannarong

    buschannarong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2009
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +541
    ระบบที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]โทรจิตเป็นระบบการสื่อสารที่เกิดขึ้นได้เองโดยธรรมชาติ

    มิเกล คูนิ นักพลังจิตอีกคนหนึ่งที่สนใจงานพัฒนาด้านนี้
    เชื่อว่าความกดดันทางอารมณ์สูงสุดที่เกิดขึ้นทันทีทันใดของคนเรา
    เป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์ทางอำนาจจิตได้ จากการศึกษางานด้านพลังจิตกับคนจำนวนมาก

    เขาพบว่าอารมณ์ของคนเรานั้น เป็นสวิตซ์ปิดเปิดการส่งโทรจิตธรรมชาติได้โดยอัตโนมัติอย่างเช่น

    เมื่อเราต้องประสบกับเหตุการณ์รุนแรง หรือเกิดอุบัติเหตุกับญาติพี่น้องหรือคนสนิท อารมณ์ที่เครียดสูงสุดนี้ก็จะเป็นตัวเปิดสวิตซ์การส่งหรือรับโทรจิตโดยฉับพลันทันที


    อย่างในกรณีที่เกิดกับทหารเรือดำน้ำรัสเซียคนหนึ่งซึ่งป่วยและต้องนอนพักอยู่ที่ฐานทัพ
    จึงไม่ได้เดินทางออกไปกับเรือเที่ยวนั้น

    พอตกบ่ายเขาก็ฝันไปว่า เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่เรือกำลังดำลง
    เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปในเรือได้ ตัวเขาค่อยๆ จมลงไปในน้ำพร้อมกับเรือ
    เขาสำลักน้ำเข้าไปหลายอึกและรู้สึกว่ากำลังจะจมน้ำตาย

    จนบัดนี้เขายังจำฝันร้ายนั้นได้ติดตา เพราะหลังจากที่เราเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพ เขาก็ทราบว่าเพื่อนของเขาจมน้ำตายเนื่องจากติดอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่เรือกำลังดำลงสู่ใต้ผิวน้ำ

    นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า โทรจิตเป็นประสาทสัมผัสที่ 6 ของคนเรา ที่นอกเหนือไปจาก หู , ตา , ลิ้น , จมูก และกายซึ่งทุกคนมีความสามารถพิเศษทางโทรจิตนี้แฝงอยู่ หากแต่ถูกบดบังด้วยจิตใจที่หม่นหมอง ดังที่มีคำกล่าวอ้างกันอยู่เสมอว่าอำนาจทางโทรจิตของคนเรานั้นมีอยู่มากในคนรุ่นบรรพกาล และมาเหือดหายไปเมื่อมนุษย์มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้น

    ยูริ คาเมนสกี้ นักชีวฟิสิกส์ นักส่งกระแสจิต ผู้ร่วมทดลองกับคาร์ล นิโคลิเอฟ
    นักแสดงพลังจิตผู้ลือชื่อของรัสเซีย ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า

    ความจริงแล้วคนเราทุกคนล้วนแล้วแต่ก็มีความสามารถในการส่งและรับกระแสจิตด้วยกันทั้งนั้น
    แต่ความสามารถพิเศษนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและแน่นอน

    บางคนอาจมีความสามารถพิเศษนี้มากกว่าคนอื่นๆ
    ในวิชาปรจิตวิทยา (Parapsychology) ของรัสเซียนั้นถือว่าผู้ส่งและผู้รับกระแสจิตนั้นมีความสำคัญเท่ากัน เพราะถ้าผู้ส่งกระแสจิตส่งมโนภาพที่เลือนลางมาให้เราก็จะได้แต่ภาพที่เลือนลางนั้นด้วย

    ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับและผู้ส่งข่าวสารทางจิตจักต้องฝึกปรือกันมาอย่างดี และต้องสามารถสร้างมิตรสัมพันธ์ทางจิตหรือรับคลื่นกระแสจิตให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีด้วย

    คาเมนสกี้ ให้คำแนะนำสำหรับคนที่ต้องการเป็นนักโทรจิตว่า

    <!--coloro:#0000FF-->
    [/FONT]<!--/coloro-->[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]จงทำตัวให้สบายผ่อนคลายอารมณ์ ลดภาวะความตรึงเครียดทางกายและทางใจลง และควรจะกำจัดความกังวล
    หรืออารมณ์ที่ขุ่นมัวออกให้หมดสิ้น จงทำให้มีความเชื่อมั่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ <!--colorc-->
    [/FONT]
    <!--/colorc-->

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif] เมื่อเริ่มส่งข่าวสารทางจิตไปยังผู้รับนั้น ปล่อยใจให้ล่องลอยจงแน่วแน่อยู่กับข่าวสารและข้อมูลที่จะส่ง

    พร้อมกับนึกถึงหน้าของผู้รับกระแสข่าวสารทางจิตจากเราให้กระจ่างอยู่ในดวงจิต
    เมื่อท่านฝึกเช่นนี้บ่อยๆ จนมีความคุ้นเคยและสามารถปรับคลื่นกระแสจิตเข้ากันได้แล้ว
    ในไม่ช้าไม่นานท่านก็จะเปรียบเสมือนมี โทรจิเตอร์ (เครื่องรับส่งโทรจิตยังไงละครับ)
    ติดตัว ใช้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่และทุกสภาวะดินฟ้าอากาศ

    ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะนักฟิสิกส์ชาวรัสเซียเชื่อว่าอำนาจจิตธรรมชาตินั้น
    น่าจะเกิดมาจากความสอดคล้องกันระหว่างคลื่นสมองของผู้ส่งและผู้รับ
    ที่มีอำนาจสัมพันธ์กันซึ่งเรื่องนี้คนทั่วไปสามารถฝึกปรับระดับจิตของพวกเขาให้เข้ากันได้ภายใน 3 เดือน
    (จริงหรือไม่คุณลองฝึกเอาดูแล้วกัน)

    แล้วยังมีข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึกโทรจิต ถ้าจะให้ได้ผลสูงสุด
    นอกจากจะปฏิบัติตามข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว
    เราควรจะมีการนัดหมายเวลาเพื่อให้ปฏิบัติพร้อมเพรียงและสอดคล้องกัน
    (ในที่นี้หมายถึงต้องสอดคล้องกันทั้งทางกาย จิตใจ และเวลาด้วย)

    ดร.อิปโปลิท โคแกน เป็นนักวิทยาศาสตร์รัสเซียอีกท่านหนึ่งที่มีความสนใจในงานด้านโทรจิต และได้นำเอาระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาศึกษางานด้านนี้ที่สำคัญคือ

    เขาได้นำเอาเครื่องมือทดสอบอีอีจี หรือเครื่องวัดคลื่นสมอง (Electroencephalograph)
    มาใช้ในการทดลองการส่งและรับกระแสจิต
    ซึ่งจะแสดงให้เห็นตำแหน่งของการโฟกัสคลื่นความคิดในสมองส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น
    เมื่อผู้รับได้รับภาพ ก็จะทำให้เกิดคลื่นกระตุ้นที่สมองส่วนออกซิปิตอล (occipital lobe)

    ซึ่งเป็นสมองส่วนที่กี่ยวกับการมองเห็นหรือถ้าได้รับกระแสจิตเกี่ยวกับเสียงเข้ามา
    ก็จะเกิดคลื่นกระตุ้นขึ้นที่สมองส่วนเทมพอรอล (temporal lobe)
    ซึ่งเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวกับการได้ยินเสียง

    เมื่อรัสเซียก้าวเข้าสู่สมัยอวกาศ มีการส่งดาวเทียมขึ้นโคจรรอบโลก และส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปล่องลอยในอวกาศการทดลองทางโทรจิตของเขาก็ก้าวตามขึ้นไปด้วย

    นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้แย้มเรื่องราวดังกล่าวเมื่อครั้งที่ไปประชุมเกี่ยวกับมนุษย์อวกาศที่กรุงปารีส
    ในประเทศฝรั่งเศส พ.ศ.2509 ว่า

    นักวิทยาศาสตร์ระดับมันสมองของพวกเขาจำนวนมากเชื่อว่า การวิจัยค้นคว้าทางพลังจิตนั้นนับว่ามีความสำคัญต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ๆ มาก
    โดยเฉพาะในการผจญภัยในอวกาศนั้น มนุษย์ควรนำเอาพลังจิตไปใช้ในกาสื่อสาร

    เป็นที่ทราบกันดีว่ารัสเซียพยายามอย่างยิ่งที่จะฝึกมนุษย์อวกาศของพวกเขาให้มีความสามารถ
    ที่จะนำเอาโทรจิตไปใช้เป็นระบบสื่อสารส่วนบุคคลในอวกาศ

    พวกเขาได้ฝึกการเพ่งสมาธิตามหลักการฝึกพลังจิตของโยคี และฝึกการส่งและรับกระแสจิตติดต่อกันระหว่างมนุษย์อวกาศกับผู้ที่อาศัยอยู่บนโลกนับครั้งไม่ถ้วน

    และนอกจากนี้แล้วยังฝึกหัดการสะกดจิตตัวเองเพื่อนำไปใช้ในการเดินทางท่องอวกาศ
    เป็นเวลานานแสนนานอีกด้วยอย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้ก็รู้มาเพียงระแคะระคายเท่านั้น
    เพราะข้อมูลและผลการทดลองนั้น พี่รัสเซียเขาเก็บไว้เป็นความลับ
    ที่รั่วไหลออกมาก็เป็นการโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนึ่ง

    เพราะจริงๆ แล้วรัสเซียกำลังนำเอาพลังจิตไปใช้ในงานทางด้านการทหาร
    ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ
    เพื่อเสริมความแข่งแกร่งให้แก่ข่ายการติดต่อสื่อสารแบบที่เรียกว่าศัตรูตรวจจับไม่ได้

    <!--coloro:#FF0000--><!--/coloro-->และที่สำคัญกว่านั้นข่าวแว่วเข้ามากระทบหูว่า รัสเซียกำลังสร้างอาวุธพลังจิต<!--colorc--><!--/colorc-->

    เพื่อไม่ให้เป็นการน้อยหน้ารัสเซียในเรื่องนี้ สหรัฐก็ได้ทำการทดลองรับและส่งกระแสจิตติดต่อระหว่างนักบินที่อยู่บนอวกาศกับคนที่อยู่บนพื้นโลกบ้าง

    การทดลองนี้ทำกันขึ้นเมื่อครั้งที่ส่งอพอลโล 14 ขึ้นไปดวงจันทร์
    โดยมีนักบินอวกาศ อี ดี มิทเชลล์ เป็นผู้ส่งภาพของไพ่ อีเอสพี
    มายังผู้รับซึ่งเป็นนักพลังจิต 4 คนบนโลก
    แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า

    การทดลองครั้งนี้ทำได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะมิทเชลล์มีภาระหน้าที่อันหนักหน่วงต้องทำ
    (เรื่องที่เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่า สหรัฐล้าหลังรัสเซียอยู่ประมาณ 30 – 50 ปี ทีเดียว)

    ในอนาคตกาลนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า

    <!--coloro:#FF0000--><!--/coloro-->โทรจิตจะกลายเป็นระบบสื่อสารที่นำมาใช้ติดต่อกันในยามฉุกเฉิน<!--colorc--><!--/colorc-->

    เช่น กรณีที่เครื่องมือติดต่อสื่อสารบนยานอวกาศขัดข้อง
    และถ้าหากมนุษย์อวกาศได้รับการฝึกพลังจิตด้านอื่นๆ เช่น

    การรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า (Precognition) ด้วยแล้ว อาจจะช่วยในการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่จะเกดขึ้นในการเดินทางด้านยานอวกาศที่มีความเร็วสูง
    ยิ่งกว่านั้นนักปรจิตวิทยายังคาดหวังไว้ว่า

    การสื่อสารทางจิตนี้จะเป็นสื่อภาษาสากลจักรวาลที่มนุษย์โลกจะใช้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวกาแล็คซีอื่นได้

    อันจะเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างโลกและอายธรรมในกาแลคซีและในมวลเอกภพแห่งนี้
    [/FONT]
     
  4. Pat_DArmy

    Pat_DArmy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +3
    ที่ว่าพวกมนุษย์ต่างดาวหรือเอเลี่ยนมาจากไหน ความคิดของเรามี 2 แนวคิดคือ
    1. พวกที่มาจากดาวอื่น
    ในจักรวาลกว้างใหญ่ไพศาล ต้องมีสักดวงแหละ แต่เหตุผลที่พวกเขามาเยือนโลกนั้นก็ยากที่จะคาดเดา
    2. อาจไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว แต่เป็นมนุษย์โลกเราในอนาคต
    ก็น่าคิดนะ ว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัยอาจทำให้มนุษย์ในอีกหลายร้อยปีข้างหน้าต้องมีวิวัฒนาการในการประดิษฐ์
    คิดค้นเครื่องย้อนเวลามาในโลกมนุษย์ ณ ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน พวกเขาอาจมาช่วยเตือน หรือช่วยทำให้โลกเราช้าๆลง

    เทคโนโลยีต่างๆ ล้วนเกิดจากความพัฒนาการ สั่งสมทางความคิด
    หรือแรงบีบคั้นที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายนอก สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ
    อุตุนิยาม(Physical Laws) ซึ่งเป็น กฎธรรมชาติที่ครอบคลุมความเป็นไปของปรากฏการณ์ ในธรรมชาติ เกี่ยวกับวัตถุที่ไม่มีชีวิตทุกชนิด

    หลักของอุตุนิยาม ตามแนวพระพุทธศาสนามุ่งให้ผู้ที่เข้าใจเกี่ยวกับกฎธรรมชาติที่ว่าด้วยวัตถุ อุตุนิยาม คือลักษณะสภาวะต่างๆของธาตุทั้ง5 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศ ซึ่งก็คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆเมื่อมีเหตุปัจจัยเพียงพอก็จะเป็นไปโดย ไม่มีใครเป็นผู้กำหนดหรือห้ามได้ เช่น การที่จะเกิดฝนตก ก็มีเหตุปัจจัยเพียงพอให้เกิดฝนตก เช่น การระเหยของน้ำบนดิน การรวมตัวของก้อนเมฆ การเกิดลมพัด การกระทบกับความเย็น ก่อให้เกิดฝนตก เป็นต้น ตลอดจนปรากฏการณ์ทางวัตถุอื่นๆ เช่น การเคลื่อนที่ของจักรวาล แรงดึงดูด แผ่นดินไหว ฟ้าผ่า เป็นต้น (จาก wikipedia)
     
  5. Pat_DArmy

    Pat_DArmy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +3
    นอกจากอุตินิยามจะทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงแล้ว
    สิ่งที่เหนือธรรมชาติคือ พลังจิตของมนุษย์
     
  6. Pat_DArmy

    Pat_DArmy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +3
    ซึ่ง พลังจิตมนุษย์ มีทั้งพลังจิตที่ดี และพลังจิตในแง่ลบ
     
  7. Pat_DArmy

    Pat_DArmy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +3
    พลังจิตที่เป็นลบ ไม่ใช่มนุษย์ที่เลวเสมอไป แต่อาจเป็นการปรุงแต่งความคิด
    หรือความเข้าใจผิด หลงผิดหรืออาจเรียกว่าอวิชา
     
  8. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    ขอบคุณครับ เรื่องของจักรวาลเหมือนๆมีอะไรที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนาของเรานะครับ ความลับของจักรวาลคือปาฎิหารย์ที่เกิดขึ้นกับอารยะที่ทรงฌาน อะไรแบบนี้
     
  9. AFIKLIFI

    AFIKLIFI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +53
    เยี่ยมขอบคุณมากครับ
     
  10. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    อ่านแล้ว ใช่เลยที่น่าฝึกฝน ไว้ยามเกิดภัย โทรศัพท์ใช้ไม่ได้....
    ไม่ได้ล้อเล่น.....มาฝึกกันไหม.....
     
  11. AFIKLIFI

    AFIKLIFI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +53
    เอาซิพี่หลินผมอยากฝึกมากครับ และหากได้แล้วจะช่วยให้คนอื่นได้ทำอย่างที่ทำได้บ้าง
     
  12. n@kARin

    n@kARin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +94
    ฝึกไว้ให้คล่อง ยุคต่อไปอาจไม่มีไฟฟ้าและมือถือใช้ ถ้าใครยังใช้โทรจิตไม่ได้ อาจจะต้องใช้ควันไฟในการติดต่อสื่อสาร เดี๋ยวจะอายเพื่อนเอา อิอิ
     
  13. AFIKLIFI

    AFIKLIFI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +53
    วิธีฝึกคงไม่ยากใช่ไหมหรือว่าใครพอทำได้ลองแบ่งปันกันซักหน่อยซิครับ
     
  14. daeng007

    daeng007 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +84
    จะลองฝึกดูนะ เป็นยังไง ก็ต้องลอง จะลองวันนี้แหละ
     
  15. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    ลองดูหน่อยหนึ่งแล้ว

    นึกชื่อ นึกรูปภาพ ที่อยู่ในบอร์ด แล้วกำหนดจิตที่จักระที่ 4 จนมีกำลังและส่งไปที่หน้าผาก เหมือนแผ่กุศล ไม่รู้ไปถึงไหน....ถึงราชบุรีหรือเปล่าหนอ...5555

    ..
     
  16. AFIKLIFI

    AFIKLIFI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +53
    555 พี่หลินไม่บอกกันก่อนเลยนะ เดี๋ยวคืนนี้จะลองบ้างละเตรียมตัวนะพี่หลิน

     
  17. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    555 ช่วงนี้ ฝันเห็นคนหน้าแปลก ๆ เยอะมาก ...ใครวะ ไม่รู้จัก...5555 จะว่าผี ก็ไม่ใช่ เหมือนไปอยู่ในเหตุการณ์กับคนแปลกหน้ามากขึ้น....แต่ก็ไม่ได้นึกกลัวอะไร

    แต่ที่รู้สึกตอนนี้ ข้างในปลุกเร้าแบบด่วน ให้เชื่อมต่อทุกระบบทุกคนทุกสถานที่
    ก็เลยจะเก็บข้อมูลก่อน สักพัก แล้วจะขยายให้ฟัง.......
     
  18. beibei

    beibei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +26
    ทำไมโทรจิตต้องเป็นของมนุษย์ต่างดาวด้วย .... ^_^ rabbit_rest
     
  19. AFIKLIFI

    AFIKLIFI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +53
    ตอนนี้พยายามอยู่ไม่ได้ซักที แต่เห้นหน้าอะไรไม่รู้เต็มไปหมดเลย สลับไปมา ก็เลยยเลิกเลย
     
  20. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,359
    ค่าพลัง:
    +6,493
    น่าสนใจมากมายทีเดียว จะลองดูสิ...ว่าใช้ได้มั้ย?
     

แชร์หน้านี้

Loading...