ไม่พิสูจน์จักษุธาตุ จริง-ปลอม เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

มส.ไม่ ฟังธง "จักษุธาตุ" ของจริงหรือปลอม เหตุไม่นิยมพิสูจน์ เพราะว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์-ตัวแทนของพระพุทธเจ้าที่พุทธ ศาสนิกชน รวมทั้งพระสงฆ์ ให้ความเคารพ ด้านกรรมการมหาเถรสมาคม ชี้เรื่องจักษุธาตุคงจะต้องให้ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบของวัดเป็นผู้ ตัดสินว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป

จากรณีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม และ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนจักษุธาตุหรือนัยน์ตา ที่ประดิษฐานอยู่บนตึกมงคล ชั้น 3 วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในความดูแลของพระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีคุณาราม ว่าเป็นของจริงหรือไม่ ขณะที่พระวินัยเมธี(ปราโมทย์ นาควังโส) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสระบุว่าหากมีการตรวจสอบแล้วว่า จักษุธาตุเป็นของปลอม ก็คงจะต้องมีการขับออกจากวัด เพราะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน รวมทั้งมีการอวดอุตริ อ้างว่า ได้ถามจากพระพุทธเจ้าด้วย นอกจากนี้จากการตรวจสอบข้อมูลด้านอื่นๆ พบว่า ยังมีการจัดทำเว็บไซต์ พระจักษุธาตุดอทคอม http://www.phrachuksuthath.com เพื่อรับบริจาคจัดสร้างพระมหาเจดีย์บรรจุพระจักษุธาตุอีกด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 10 มี.ค. ที่วัดสัมพันธวงศ์ พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) กรรมการมหาเถรฯ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เป็นประธานในการพิสูจน์พระจักษุธาตุ พระราชสุมนต์มุนี เจ้าคณะเขตพระนคร วัดบวรนิเวศฯ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 นายทองดี หรรษคุณารมย์ ประธานมูลนิธิพระบรมธาตุ พร้อมคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจสอบ ได้เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมอาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะให้ตัวแทนไปนิมนต์ พระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปัญโญ สังกัดวัดป่าศรีคุณาราม พระอาคันตุกะของวัดเจ้าของพระจักษุธาตุ เข้าร่วมประชุมชี้แจง ประมาณ 30 นาที โดยในที่ประชุมต้องการให้นำพระจักษุธาตุองค์จริงมาให้คณะกรรมการดูที่ห้อง ประชุม โดยพระพรหมเมธี กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า เรื่องจักษุธาตุคงจะต้องให้ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบของวัดเป็นผู้ตัดสิน ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่โดยส่วนตัวแล้ว ยังไม่ขอตอบต้องให้เป็นมติของที่ประชุมของวัด เมื่อมติเป็นเช่นไรก็ให้ดำเนินการตามนั้น

ส่วน ดร.อำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส.) กล่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.)ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหารว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการหยิบยกกรณีพระจักษุธาตุขึ้นมาหารือแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามตนในฐานะผู้แทนของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการพิจาณาเกี่ยวกับเรื่องพระจักษุ ธาตุเท่านั้น ซึ่งในส่วนของพศ.ก็คงได้เพียงรับฟัง ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นที่จะมีการตรวจพิสูจน์ว่าเท็จจริงอย่างไร ทางพศ.คงฟันธงไม่ได้ เพราะเรื่องพระบรมสารีริกธาตุได้มีการพูดคุยกันมาเยอะมากแล้ว แม้ว่าในตำนานจะมีคำว่าพระบรมสารีริกธาตุปรากฏอยู่ แต่การจะพิสูจน์ว่าเป็นของจริงของปลอมจะไม่ทำกัน เพราะถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพ รวมทั้งพระสงฆ์ด้วย ซึ่งถือเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าที่เคารพสักการะถือเป็นของสูง เป็นที่รำลึกถึงคุณความดีให้ปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าก็เพียงพอ แล้ว

“มีครั้งหนึ่งได้มีการตรวจสอบพระธาตุ โดยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งระบุว่า เป็นธาตุคาร์บอน มีคุณสมบัติพิเศษไม่จมน้ำเท่านั้น โดยไม่มีคำอธิบายอื่นอีก อย่างไรก็ตามเครื่องมือที่จะพิสูจน์ก็ยังไม่มีด้วย” ผอ.สำนักเลขาธิการ มส.กล่าว.



http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=420&contentID=126114

 

พิสูจน์ 'จักษุธาตุ'

พิสูจน์ 'จักษุธาตุ'



ภาพจักษุธาตุ ที่รอการพิสูจน์ ว่าเป็นของจริงหรือเก๊

พิสูจน์ 'จักษุธาตุ'



พระครูเจ้าของนำมาให้ดู

พิสูจน์ 'จักษุธาตุ'



ผู้มีจิตศรัทธากราบไหว้ ให้กำลังใจ

พิสูจน์ 'จักษุธาตุ'



พิสูจน์ 'จักษุธาตุ'



ขณะกำลังนำมาให้พิสูจน์



แกลลอรี่ พิสูจน์ 'จักษุธาตุ' - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ชาวพุทธจะเชื่ออะไรควรใช้ปัญญาไตร่ตรองให้ดี
ควรให้มีการพิสูจน์เพราะตอนนี้เริ่มสร้างความเเตกเเยกเเล้ว

 

พระจักษุธาตุ

ถ้าพระจักษุธาตุเป็นพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ผู้ที่แสดงความคิดเห็นว่าไม่ใช่ แล้วยังจาบจ้วงอีก ก็จะมีโทษปรามาสพระรัตนตรัย ใครไม่สามารถ
รู้ได้ด้วยตัวเอง ก็ให้ไปกราบเรียนถามพระเกจิอาจารย์ของตนเองดู โดยเฉพาะพระที่ปฎิบัติท่านจะทราบและบอกเราได้ อย่าคิดเอง ฟันธงไปตามกระแสของสื่อ เพราะอาจเป็นโทษและบาปกับตัวเองได้

 

ข่าวล่าสุดวันนี้


พิสูจน์จักษุธาตุแห้ว ทำยึกยัก ให้ดู-ไม่ให้แตะต้อง


ทั้งๆที่บรรดาผู้เกี่ยวข้อง มารอพร้อมกันที่วัดแล้ว ‘ศิษย์พระครู’ กร่างใส่กก.

การตรวจพิสูจน์ "พระจักษุธาตุ" วุ่น หลังพระครูเจ้าของกลับลำ ตอนแรกไม่ยอมให้มีการพิสูจน์ อ้างกลัวถูกสับเปลี่ยน แต่ยังออกแถลงการณ์ยินดีให้พิสูจน์ เพียงขอความชัดเจนของกรรมการตรวจสอบ ระบุที่ผ่านมาไม่เคยบังคับใครให้บริจาคเงิน สุดท้ายผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เชิญหลายหน่วยงานถกเครียดกรอบทำงาน ก่อนนิมนต์พระครูพันธกิจประจักษ์มาให้ปากคำ และยอมหิ้วพระธาตุมาให้กรรมการดู แต่ไม่ยอมให้ใครแตะต้องเลยพิสูจน์ไม่ได้

กรณีวัดสัมพันธวงศ์ ถนนทรงสวัสดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงการอ้างว่ามีพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุของพระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปญฺโญ สังกัดวัดป่าศรีคุณาราม จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นพระอาคันตุกะที่มาอาศัยจำพรรษาในวัด นำมาเปิดให้ประชาชนบูชาว่าเป็นของแท้หรือของเทียม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแอบอ้างหลอกลวงประชาชนนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดสัมพันธวงศ์ว่า บรรยากาศที่ตึกมงคลวิทยา ชั้น 3 ซึ่งเป็นกุฏิจำพรรษาของพระครูพันธกิจประจักษ์ และที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุ ยังคงเงียบเหงาต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนเข้ามาสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุมีน้อยมาก คงมีเพียงลูกศิษย์ ของพระครูพันธกิจประจักษ์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งจากการสอบถามระบุว่า พระธาตุไม่เสด็จมา 2 วันแล้ว ทั้งนี้ ในช่วงเช้าพระครูพันธกิจประจักษ์เปิดเผยว่า ยืนยันว่าพระจักษุธาตุเป็นของจริงและจะไม่ยอมให้มีการนำพระจักษุธาตุไปตรวจสอบในที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากเกรงว่าจะมีการสับเปลี่ยนพระจักษุธาตุ

ขณะเดียวกัน พระครูพันธกิจประจักษ์ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริง ระบุว่า เรื่องของพระจักษุธาตุ ไม่ได้ต้มหรือบังคับใครให้มาทำบุญ แล้วแต่ศรัทธา เพราะผู้ศรัทธาส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่มีความรู้ ส่วนที่มาที่ไปของเงิน ทุกบาททุกสตางค์ เข้าวัด ไม่มีการเพื่อประโยชน์ ของตนเอง สามารถตรวจสอบได้ ส่วนการเสด็จมาของพระจักษุธาตุนั้นเป็นนิมิต ที่เห็นและเล่าให้ลูกศิษย์ฟังเท่านั้น ไม่ได้อวดวิชาต่างๆ

"สำหรับการพิสูจน์ ยินดีให้มีการพิสูจน์ แต่ผลพิสูจน์ จะวัดจากอะไร อาตมาขอความชัดเจน เพราะหลายๆอย่างถ้าทำถูกต้องอาตมายินดีทุกประการ แต่ที่สำคัญคือกรรมการทุกคนต้องมีความเป็นธรรมในการตรวจสอบ ก็ยืนยันคำเดิมคือ เงินที่ได้รับมาทุกบาททุกสตางค์เข้าวัด เพื่อไปสร้างพระมหาเจดีย์และสืบทอดพระพุทธศาสนา เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้ สักการะ ไม่ได้บังคับข่มขู่ ใครให้มาบริจาค เพราะมั่นใจว่าผู้บริจาคมีความรู้และความคิดในการตัดสินใจ" ในแถลงการณ์ระบุ

ขณะที่พระวินัยเมธี ผู้ช่วยและเลขานุการวัด สัมพันธวงศ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นจักษุธาตุของจริง จะพิสูจน์ วันนี้ พรุ่งนี้ หรือเมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องกลัว ที่ต้องพิสูจน์เพราะประชาชนสงสัย เพราะฉะนั้นต้องทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อรักษาวัดสัมพันธวงศ์ที่มีอายุมากกว่า 220 ปี ถ้าพระจักษุธาตุ ศักดิ์สิทธิ์จริง ดีจริง วัดต้องร่มเย็น เป็นสุข ไม่ใช่รุ่มร้อนอย่างทุกวันนี้ กรรมการที่มาพิสูจน์ก็ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและทำต่อที่ประชุมสงฆ์ ทำไมไปอ้างข้างๆคูๆว่า กลัวมีการสับเปลี่ยนพระจักษุธาตุ ใช้ไม่ได้ ที่ผ่านมาพระครูพันธกิจประจักษ์ก็มีพฤติกรรมไม่ถูกต้อง คือพยายามโทรศัพท์ไปล็อบบี้กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ให้เข้าร่วมประชุมเพื่อให้การประชุมล่มถือว่าเหมาะสมหรือไม่ เป็นพระอาคันตุกะหรือมาอาศัยวัด ทำไมทำให้วัดเดือดร้อน

ต่อมาช่วงบ่ายกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจู่โจม บก.น.6 จำนวน 22 คน นำโดย พ.ต.อ.วิชาทร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.2 ได้มาอารักขาที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ภายในวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งเป็นสถานที่ประชุม เนื่องจากก่อนหน้านี้บรรดาลูกศิษย์ของพระครูพันธกิจประจักษ์ได้ออกข่าวว่าจะ มีม็อบมาสนับสนุนพระครูพันธกิจประจักษ์และไม่ให้มีการพิสูจน์จักษุธาตุ

จากนั้นเวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ และประธานคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุ ได้นำคณะกรรมการ อาทิ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายัณน์ประเสริฐ ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 นายทองดี หรรษาคุณารมย์ ประธานมูลนิธิพระบรมธาตุ นายอำนาจ บัวศิริ เลขาธิการมหาเถรสมาคม และผู้เชี่ยวชาญจากร้านเพชรพลอย รวมทั้ง พระสงฆ์ในวัด เป็นต้น เข้าประชุมโดยไม่เปิดให้นักข่าวได้เข้าฟัง ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่เฝ้าติดตามข่าวจำนวนมาก โดยการประชุมช่วงแรกเป็นการตกลงกติกาและกรอบของการพิสูจน์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ที่ประชุมจึงมอบให้พระศรีรัชมงคลบัณฑิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ และกรรมการ ไปนิมนต์พระครูพันธกิจประจักษ์ จากตึกมงคลวิทยา ชั้น 3 ซึ่งเป็นกุฏิจำพรรษาของพระครูพันธกิจประจักษ์ และที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อไปถึงปรากฏว่าได้มีบรรดาลูกศิษย์ของพระครูพันธกิจประจักษ์พากันรุมล้อมพระศรี–รัชมงคลบัณฑิต และไม่ยอมให้มีการนำพระจักษุธาตุไปตรวจพิสูจน์ อ้างว่ากลัวมีการสับเปลี่ยน กระทั่งมีการยื้อยุด จนทำท่าว่าเหตุการณ์จะบานปลาย ในที่สุดพระครูพันธกิจประจักษ์ยินยอมที่จะไปให้ปากคำต่อที่ประชุมพร้อมกับลูกศิษย์อีก 4 คน แต่ไม่ยอมให้มีการนำพระจักษุธาตุไปยังที่ประชุมคณะกรรมการฯ

ต่อมาเวลา 17.00 น. พระครูพันธกิจประจักษ์ พร้อมลูกศิษย์ 4 คน ได้เข้าชี้แจงต่อที่ประชุมฯ โดยใช้เวลาชี้แจงประมาณ 30 นาที จากนั้นพระครูพันธกิจประจักษ์ได้ออกจากที่ประชุมพร้อมลูกศิษย์ขึ้นไปยังชั้น 3 ตึกมงคลวิทยา ที่เก็บพระจักษุธาตุ เพื่อนำพระจักษุธาตุมาแสดงต่อที่ประชุม โดยเวลา 17.55 น. พระครูพันธกิจประจักษ์ พร้อมลูกศิษย์ได้นำพระจักษุธาตุและรูปถ่ายขนาดใหญ่ ตั้งเป็นขบวนแห่เดินจากชั้น 3 ของอาคารมายังห้องประชุม ระยะทางประมาณ 100 เมตร โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดเส้นทางที่เดินมามีบรรดาลูกศิษย์พระครูพันธกิจประจักษ์ มาตั้งแถวส่งเสียงให้กำลังใจพระครูพันธกิจประจักษ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเปล่งคำ สาธุ เป็นระยะ ซึ่งเมื่อพระครูพันธกิจประจักษ์พร้อมลูกศิษย์ 4 คน เข้าไปในที่ประชุมแล้ว ที่ประชุมไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมฟัง

อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า ในที่ประชุมมีการถกเถียงกันระหว่างคณะกรรมการตรวจสอบฯ กับลูกศิษย์ของพระครูพันธกิจประจักษ์ เนื่องจากที่ประชุมต้องการให้มีการพิสูจน์พระจักษุธาตุ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเพชรพลอย และด้านพระบรมสารีริกธาตุได้พิสูจน์ แต่ลูกศิษย์พระจะเถียงแทน ขณะที่พระครูพันธกิจประจักษ์นั่งหลับตา ทำสมาธิตลอดเวลา ทั้งนี้ ลูกศิษย์ไม่ยินยอมให้มีการพิสูจน์ใดๆทั้งสิ้น แม้ที่ประชุมต่อรองว่าถ้าไม่ให้จับก็ขอส่องกล้องแล้วใช้ช้อนตักเพื่อตรวจพิสูจน์ แต่กลุ่มลูกศิษย์ดังกล่าวไม่ยินยอมใดๆเลย โดยอ้างว่าพระจักษุธาตุเป็นของสูง และได้แจกแผ่นวีซีดีเกี่ยวกับพระจักษุธาตุ ซึ่งอ้างว่าเป็นของนายสถิตย์ธรรม เพ็ญสุข ประธานองค์กรยูเอสโอ (ยูนิเวอร์แซล สปิริทัล ออร์แกไนเซชั่น) ให้กับกรรมการทุกคนแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากถกเถียงอยู่พักหนึ่ง ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ช่างภาพเข้ามาบันทึกภาพพระจักษุธาตุ จากนั้นพระครูพันธกิจประจักษ์พร้อมลูกศิษย์ ได้ออกจากห้องประชุม โดยหิ้วสิ่งที่เรียกว่าพระจักษุธาตุกลับไปยังกุฏิที่ชั้น 3 ตึกมงคลวิทยา เก็บตัวเงียบทันที ขณะเดียวกัน คณะกรรมการได้มีการประชุมต่อ โดยจะมีการลงมติให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับพระครูรูปนี้ต่อไป

กระทั่งเวลา 19.20 น. พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์และประธานคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุ ออกมาแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการฯ ว่าในฐานะประธานได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาพิสูจน์จักษุธาตุของพระครูพันธกิจประจักษ์ เบื้องต้นพระครูฯไม่ยอมให้นำพระจักษุธาตุมาดู แต่ที่ประชุมขอร้องให้นำมาแสดง และขอรับรองความปลอดภัยว่าจะไม่ให้เกิดปัญหา กระทั่งพระครูฯ ยอมนำมาแสดงต่อที่ประชุม แต่ให้ดูด้วยสายตาเท่านั้น ไม่สามารถจับต้องได้ ไม่สามารถส่องกล้องได้ ไม่ สามารถใช้ช้อนตักได้ ซึ่งกรรมการแต่ละท่านดูแล้วและมีความเห็นแตกต่างกันไป เช่น นายทองดี หรรษคุณารมย์ ประธานมูลนิธิพระบรมสารีริกธาตุ บอกว่าไม่ใช่จักษุธาตุ และไม่ใช่พระบรมสารีริกธาตุ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเพชร ไม่สามารถบอกได้ว่าจักษุธาตุเป็นของจริงหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้จับ ฉะนั้นผลคือไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม พระครูพันธกิจประจักษ์ บอกต่อที่ประชุมฯว่าขณะนี้ไม่สนใจว่าพระจักษุธาตุเป็นของจริงหรือไม่ แต่ต้องการนำทรัพย์สินเงินทองที่ได้รับบริจาคจากผู้มีศรัทธาจากพระจักษุธาตุ ไปจัดสร้างพระมหาเจดีย์มงคลที่วัดป่าศรีคุณาราม จ.อุดรธานี

พระพรหมเมธีกล่าวอีกว่า หลังจากนี้เมื่อไม่สามารถ ตรวจสอบได้ ทางวัดก็จะใช้มาตรการทางปกครองดำเนินการกับพระครูพันธกิจประจักษ์ ซึ่งจะเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะกรรมการฯ ตรวจสอบ ไม่มีสิทธิลงมติว่าจะให้อยู่หรือไปจากวัด ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมสงฆ์ของวัด อย่างไรก็ตาม พระสงฆ์ที่ร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบส่วนใหญ่ มีมติที่จะไม่ให้พระครูฯจำพรรษาที่วัดสัมพันธวงศ์ต่อ ซึ่งการให้ พระครูพันธกิจประจักษ์อยู่หรือไม่ เป็นอำนาจของเจ้าอาวาส ซึ่งเจ้าอาวาสก็มอบให้คณะกรรมการสงฆ์เป็นผู้พิจารณา เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะวัดต้องรักษาชื่อเสียง ถ้าทำอะไรไม่จริงจังก็จะมีการกล่าวหาว่าวัดไปฮั้วกับผู้สนับสนุน พระจักษุธาตุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่า พระครูพันธกิจประจักษ์สามารถอยู่วัดต่อไปได้หรือไม่ พระพรหมเมธีกล่าวว่า คงอยู่ได้อีกระยะหนึ่งเท่านั้น แต่ห้ามใช้ชื่อวัด สัมพันธวงศ์และพระสงฆ์ในวัดไปเรี่ยไรหาเงินเพื่อสร้างมหาเจดีย์และจะนำผลสรุปนี้ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต่อไป เนื่องจากเป็นต้นเรื่องที่ร้องเรียนมา


ที่มา พิสูจน์จักษุธาตุแห้ว ทำยึกยัก ให้ดู-ไม่ให้แตะต้อง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ที่นายทองดี ประธานชมรมพระธาตุ บอกว่า พระธาตุต้องเกิดจากการเผาไหม้เท่านั้นไม่เป็นความจริง เพราะพระเกศาธาตุ ชานหมากของพระหลายองค์ทั้งที่มรณภาพแล้วและยังมีชีวิตอยู่ยังกลายเป็นพระธาตุได้ แล้วนายทองดีจะว่ายังไง

 

.

ของปลอม หาเรื่องหาเงินเข้าวัดและส่วนที่่หรือเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ได้จะจงชื่อใคร พระโลภก็มีพระไม่โลภก็มี สรุปของปลอม

ยุคนี้เราต้องกล้าพูดเรื่องจริงได้แล้วอย่าไปกลัวว่าบาปเรื่องจริงก็ต้องเป็นเรื่องจริง

 

กรุงเทพฯ 11 มี.ค.-พระครูพันธกิจประจักษ์แจงเหตุไม่ให้ตรวจพิสูจน์จักษุธาตุ เพราะไม่มีอะไรเป็นบรรทัดฐาน และการใช้เคมีตรวจถือว่าลบหลู่ของศักดิ์สิทธิ์ ส่วนผลการตรวจสอบที่มีพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสัมพันธวงศ์ เป็นประธาน ออกมาอย่างไรก็จะยอมรับ

พระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปัญโญ จากวัดป่าศรีคุณาราม จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นพระอาคันตุกะที่มาอาศัยจำพรรษาในวัดสัมพันธวงศ์ และถูกตั้งกรรมการเพื่อตรวจสอบจักษุธาตุ ยังคงจำวัดอยู่ที่ชั้น 3 ตึกมงคลวิทยาในวัดสัมพันธวงศ์ โดยมีศิษยานุศิษย์จำนวนหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจ

พระครูพันธกิจประจักษ์กล่าวว่า ตามกำหนดเดิมจะเดินทางกลับ จ.อุดรธานี หลังการวางศิลาฤกษ์พระมหาเจดีย์วันที่ 19 มีนาคมนี้ แต่เมื่อมีข่าวก็ต้องชี้แจงเพื่อความบริสุทธิ์ก่อนเดินทางกลับ ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้ตรวจพิสูจน์จักษุธาตุ เพราะใครจะมาเป็นบรรทัดฐานและการใช้เคมีตรวจเป็นการลบหลู่ของศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ตนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเห็นข่าวหนังสือพิมพ์บอกว่าเป็นจักษุธาตุปลอมก็ไม่เข้าใจ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะความตั้งใจจะสร้างพระมหาเจดีย์และได้รับแรงศรัทธาจากญาติโยม สามารถชี้แจงได้ไม่ได้สร้างเพื่อตัวเอง ขณะนี้พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสัมพันธวงศ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่มีการเรียกสอบเพิ่มเติม ซึ่งท่านเป็นครูอาจารย์เป็นผู้ให้อยู่ที่วัดตั้งแต่ปี 2544 หากท่านว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นมีการขัดประโยชน์กับฝ่ายใดหรือไม่นั้น พระครูพันธกิจประจักษ์กล่าวว่า ไม่โทษใครแล้วแต่มุมมอง คนรักก็มี คนเกลียดก็มี แต่จะอโหสิกรรม เรามาจากบ้านนอกบ้านนา หากใครจะทำการเช่นนี้ขออโหสิกรรม เพราะตั้งใจจะทำประโยชน์ให้แก่วงการพระพุทธศาสนา

ทั้งนี้ พระครูพันธกิจประจักษ์ได้นำองค์พระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุให้ทางสำนักข่าวไทยได้บันทึกภาพอย่างใกล้ชิด จากที่ก่อนหน้านี้ได้เก็บไว้ในที่ไม่เปิดเผย สำหรับพระพรหมเมธีได้ติดป้ายหน้ากุฏิว่าไม่อยู่ไปกิจนิมนต์.


ที่มา-สำนักข่าวไทย
พระครูพันธกิจประจักษ์แจงเหตุไม่ให้พิสูจน์จักษุธาตุ

 

อีกหนึ่งแหล่งข่าว


ไม่ว่าเรื่องราวจะจบลงเช่นไร ทุกท่านกรุณาใช้ปัญญา พร้อมสติและเหตุผลในการพิจารณา หากจะวิจารณ์ก็ควรแสดงความคิดเห็นตามข้อเท็จจริงด้วยความสุภาพ ไม่ควรมีคำส่อเสียด ดูหมิ่น หรือท้าทาย ให้สมกับเป็นชาวพุทธที่ดีด้วยครับ


สื่อถึงพระพุทธเจ้าพศ.ยันอวดอุตริ!สอบจักษุธาตุไร้ข้อสรุปกรรมการโยนแล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลผลสอบจักษุธาตุ-เหลว

ศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554 00:00:03 น.


<style>.expanded { width: 620px; z-index: 9999; }</style> กรรมการสอบข้อเท็จจริงอันมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธ วงศ์เป็นประธานถึง ที่มาจักษุธาตุ ได้ข้อสรุปพิสูจน์ไม่ได้ แล้วแต่ความเชื่อไทยโพสต์ พศ.ชี้พระเจ้าของจักษุธาตุที่อ้างว่าสื่อสารกับพระพุทธเจ้าได้เข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม พ้นจากความเป็นสงฆ์ แต่เป็นอำนาจของคณะสงฆ์จะพิจารณาลงโทษ
จากกรณีพระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปัญ โญ สังกัดวัดป่าศรีคุณาราม จังหวัดอุดรธานี เข้ามาอยู่ในวัดสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โดยอ้างว่ามีพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุหรือนัยน์ตาพระพุทธเจ้า ซึ่งมีลักษณะคล้ายเพชร แตกต่างจากพระบรมสารีริกธาตุทั่วไป พร้อมกับจัดสถานที่สักการบูชาเพื่อรับบริจาคเงินก่อสร้างพระมหาเจดีย์มงคลประดิษฐานจักษุธาตุที่จังหวัดอุดรธานี นอกจากนี้ พระสงฆ์รูปดังกล่าวระบุว่าสามารถนั่งสมาธิอธิษฐานจิตสื่อสารกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ทำให้รับรู้ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุส่วนนัยน์ตาทั้งข้างซ้ายและขวาของจริง รวมเป็นพุทธานุภาพหนึ่งเดียว จึงเชื่อว่าจักษุธาตุเกิดขึ้นจากพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาเอง ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแต่อย่างใด
<noscript></noscript> เมื่อวันที่ 10 มีนาคม นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องที่พระครูพันธกิจประจักษ์อ้างว่าได้พูดคุยกับพระพุทธเจ้านั้น เป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของพระผู้ใหญ่ที่จะต้องพิจารณากันเองว่ามีความผิดพระวินัยสงฆ์หรือไม่ หากพบว่าผิดจริงก็ต้องลงโทษตามมติคณะสงฆ์ เรื่องนี้ พศ.ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายการปกครองของคณะสงฆ์ หรือจะไปชี้ถูกชี้ผิดได้ พศ.เพียงแต่ทำรายงานข้อเท็จจริงส่งไปให้เจ้าคณะผู้ปกครองพิจารณาได้อย่างเดียว ส่วนการพิสูจน์จักษุธาตุว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ได้มอบหมายให้นายอำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม พศ. เป็นผู้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันประชาชนถูกหลอกลวง
นายอำนาจกล่าวว่า ได้นำจักษุธาตุจากพระครูพันธกิจประจักษ์มาตรวจสอบ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านพระบรมสารีริกธาตุและอัญมณีมาพิสูจน์พร้อมกันในวันที่ 10 มี.ค. ส่วนกรณีที่อ้างว่าสามารถสื่อสารกับพระพุทธเจ้าได้นั้นเป็นเรื่องผิดพระธรรมวินัย เข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม อ้างสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่จะพิจารณาความผิดและลงโทษอย่างไรขึ้นอยู่กับเจ้าคณะผู้ปกครอง คือเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งขณะนี้ทางวัดได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว
แหล่งข่าวรายหนึ่งจาก พศ.กล่าวว่า การที่พระครูพันธกิจประจักษ์อ้างว่าพูดคุยกับพระพุทธ เจ้าได้นั้นถือว่าความผิดเกิดขึ้นชัดเจนแล้ว โดยมีหลักฐานจากการให้สัมภาษณ์ทางสื่อต่างๆ ถือว่าผิดพระวินัยในข้ออวดอุตริมนุสธรรม พูดในสิ่งที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ เป็นความผิดที่ทำให้ขาดจากความเป็นสงฆ์หรือปาราชิกทันที
"เชื่อว่าเจ้าคณะผู้ปกครองก็จะไม่ลงโทษพระสงฆ์รูปนี้ การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบก็เป็นการถ่วงเวลาเพื่อทำให้เรื่องเงียบหายไป หรืออาจจะมีมติให้พระดังกล่าวพ้นจากวัดเพื่อเป็นการลดกระแสสังคมที่กำลังต่อต้านอย่างหนัก" แหล่งข่าวจาก พศ.เผย
ส่วนผลการตรวจสอบจักษุธาตุ นายอำนาจกล่าวว่า ในที่ประชุมซึ่งมีพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ และกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้มีมติว่า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจักษุธาตุเป็นของจริงหรือของปลอม เนื่องจากพระบรมสารีริกธาตุส่วนนัยน์ตาพระพุทธเจ้ายังไม่มีของจริงที่เป็นต้นแบบเพื่อนำมาเปรียบเทียบได้ ดังนั้นจึงปล่อยให้เป็นความเชื่อความศรัทธาส่วนตัวของพุทธศาสนิกชน ส่วนการพิจารณาว่าจะให้พระครูพันธกิจประจักษ์นำจักษุธาตุมาให้คนกราบไหว้อีกหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของทางวัด
ก่อนหน้านี้ พระพรหมเมธีเคยให้สัมภาษณ์ว่า การพิสูจน์จักษุธาตุไม่ใช่เรื่องยาก ใช้เวลาไม่นานก็ทราบความจริง เพราะในตำรามีการระบุรูปพรรณสัณฐานพระบรมสารีริกธาตุชัดเจนอยู่แล้ว แต่ผลการตรวจสอบครั้งกลับไม่มีความชัดเจน สร้างความข้องใจต่อพุทธศาสนิกชน
อนึ่ง พระครูพันธกิจประจักษ์เดินทางมาอาศัยวัดสัมพันธวงศ์ตั้งแต่ปี 2544 โดยพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เป็นผู้อนุญาต ส่วน เจ้าอาวาสคือ พระมหาวีรวงศ์ มีอายุ 90 ปี ด้วย วัยชราภาพจึงมอบภาระหน้าที่ในการดูแลปก ครองวัดให้แก่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสหลายรูป.



ที่มาจากไทยโพสท์
สื่อถึงพระพุทธเจ้าพศ.ยันอวดอุตริ!สอบจักษุธาตุไร้ข้อสรุปกรรมการโยนแล้วแต่ความเชื่อส่ว

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=f8DLyChMuVA]YouTube - สั่งตรวจสอบ "พระจักษุธาตุ"[/ame]

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=r83tP4whwKU]YouTube - ข่าว จักษุธาตุ[/ame]

 

ผมไม่ได้มีเจตนาจะปรามาสนะครับ
แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมพระธาตุที่เป็นข่าว
ถึงมองดูเหมือนเพชรที่เจียรไนเรียบร้อยแล้ว
พระบรมสาริริกธาตุของพระพุทธเจ้าผมไม่แน่ใจว่า
รูปลักษณ์ภายนอกมีการเจียรไนหรือเคยมีเป็นเหลี่ยมๆแบบนี้หรือเปล่า
ที่ผมเห็นก็ใสเป็นประกายรูปทรงสัณฐานดูเป็นธรรมชาติมากกว่านี้ครับ

แถมอีกหน่อยครับ
แล้วรูปที่เค้าถือโชว์กับรูปที่ถ่ายถึงดูไม่เหมือนกันเลย
รูปที่คนถือโชว์ดูเหมือนนัยตา แต่อีกรูปที่อยู่ในผอบดูเหมือนเพชรธรรมดาทั่วไปเลยครับ

 

ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปจากกระบวนการ ก็ใจเย็นๆ อย่าด่วนสรุปว่าเป็นของปลอม เดี๋ยวจะมีกรรมหนัก รอให้เป็นเรื่องของผู้เกี่ยวข้องดีกว่า เรื่องยังไม่จบอย่าเอาตัวไปเสี่ยงกับการปรามาสพระรัตนตรัยเลย ถ้ามีข้อสงสัยเก็บไว้ในใจก่อน แล้วรอ รอ รอ ผมบริจาคร่วมสร้างพระธาตุเจดีย์แล้ว อย่าน้อยถ้าองค์พระเจดีย์สร้างเสร็จก็เป็นที่สังฆกรรม ที่ประดิษฐานพระต่างกันแดดกันลมกันฝน อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าด่าผมนะเดี๋ยวผมจิตรตก.
ถ้าจำไม่ผิดได้ฟังตอนหลวงพี่ท่านสาบาน เล่นเอาผมตาโตเลย

 

พระพุทธศาสนากำเนิดจากพระไตรปิฎกหรือครับ ? ท่านนักบวช

 

รู้ได้อย่างไร ว่าปลอม

 

ของไม่เกี่ยวกับเรา ไม่ส่งเสริมในการปฏิบัติของเรา อย่าไปยุ่งเลยครับ ให้เขาจัดการกันไป
ไปคิดแทนเดี๋ยวจะเป็นมโนกรรมเปล่าๆ

 

พระพุทธองค์ตรัสต่อพระอานนท์ว่าหลังจากที่ พระองค์ปรินิพพานเเล้วให้เอาพระธรรมเป็นศาสดาเเทน
พระไตรปิฏก=พระธรรม

พระไตรปิฏกคือคำตรัสของพระพุทธองค์เเละพระศาสนาคือพระไตรปิฏก

การพิสูจน์คือการดูเหลี่ยมว่าเป็นเหลี่ยมเพชรที่คนทำขึ้นหรือไม่พิสูจน์ไม่ยากเพระถ้าเป็นพระสรีระธาตุจริงเหลี่ยมจะต้องไม่ใช่เหลี่ยมที่คนทำขึ้นซึ่งเพชรนั้นจะสามารถเเยกได้จากเหลี่ยมจากการเจียรซึ่งเป็นเหลี่ยมที่ตายตัวตามช่าง
ดูง่ายๆถ้าเป็นพระสรีระธาตุเเท้นั้นเหลี่ยมต้องเเตกต่างจากที่คนทำขึ้นเเน่นอน

 

ขับพระครู'จักษุธาตุ'

พร้อมยึดคืนฐานานุกรมด้วย กับจ่อดำเนินคดีอาญาอีก

มติสงฆ์วัดสัมพันธวงศ์ ให้ขับ "พระครูพันธกิจประจักษ์" เจ้าของจักษุธาตุเจ้าปัญหาออกจากวัดหลังไม่ยินยอมให้ตรวจพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม แถมยึดตำแหน่งฐานานุกรมคืนวัดด้วย เตรียมปรึกษานักกฎหมายจัดการดำเนินคดีตามขั้นตอน ขณะที่พระครูต้นเหตุไม่ยี่หระ ยังยืนยันความบริสุทธิ์ เหน็บเป็นแค่พระบ้านนอกไม่มีสิ่งเคลือบแฝง โอ่เงินค่าก่อสร้างเจดีย์บรรจุจักษุธาตุ 600 ล้านบาทเรื่องจิ๊บๆ

กรณีวัดสัมพันธวงศ์ ถนนทรงสวัสดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการอ้างว่ามีพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุ ของพระครูพันธกิจประจักษ์ ภูริปญฺโญ สังกัดวัดป่าศรีคุณาราม จ.อุดรธานี พระอาคันตุกะที่มาอาศัยจำพรรษาในวัด นำมาเปิดให้ ประชาชนบูชาว่าเป็นของแท้หรือของเทียม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแอบอ้างหลอกลวงประชาชน แต่พระครูพันธกิจประจักษ์ไม่ยอมให้ตรวจพิสูจน์ อ้างว่าพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุเป็นของสูงและไม่ควรแตะต้อง

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่วัดสัมพันธวงศ์ พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบก.น.6 สั่งการให้ พ.ต.อ. รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 นำกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบมาดูแลความเรียบร้อยภายในบริเวณวัด ขณะที่บรรยากาศที่ตึกมงคลวิทยา ชั้น 3 กุฏิจำพรรษาของพระครูพันธกิจประจักษ์ และที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนจักษุธาตุยังคงเงียบเหงา มีประชาชนเข้ามาสักการะพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระจักษุธาตุน้อยมาก คงมีเพียงลูกศิษย์ของพระครูพันธกิจประจักษ์ ไม่กี่คนเท่านั้น

ต่อมา พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ได้เข้าหารือกับพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม โดยพระพรหมเมธีแจ้งให้ทราบว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีโทรศัพท์เข้ามาข่มขู่เรื่องการที่วัดสัมพันธวงศ์ตั้งกรรมการตรวจสอบจักษุธาตุ รวมทั้งยังขู่พระในวัดด้วย นอกจากนี้ หลังจากมีเรื่องของจักษุธาตุออกไป ได้มีบุคคลภายนอกที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาป้วนเปี้ยนในวัด และชอบหาเรื่องท้าตีท้าต่อยกับคนในวัด ซึ่งได้กำชับคนในวัดว่าห้ามไปทะเลาะกับใคร เพราะศรัทธาแบบนี้ไม่ใช่ศรัทธาแบบพระพุทธศาสนา เป็นการลุ่มหลงงมงาย เพราะในการพิสูจน์จักษุธาตุทุกฝ่ายก็เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าพระครูพันธกิจประจักษ์และศิษยานุศิษย์ไม่ยอมให้มีการพิสูจน์ เท่ากับเป็นการขัดขืนมติวัด และไม่ต้องพูดถึงเรื่องของการกล่าวอ้างว่าสามารถสื่อสารกับพระพุทธเจ้าได้ ซึ่งเข้าข่ายการอวดอุตริ

"เรื่องจักษุธาตุ วัดสัมพันธวงศ์ไม่ได้ต่อสู้กับพระครูพันธกิจประจักษ์ แต่ต่อสู้กับกลุ่มอิทธิพลที่อยู่ เบื้องหลังพระครูพันธกิจประจักษ์ ยืนยันว่าวัดไม่ได้สนใจเรื่องเงินบริจาค แต่สนใจที่จะพิสูจน์ว่าจักษุธาตุเป็นของจริงหรือของปลอม เพราะในตำราและพระไตรปิฎกไม่มีการระบุว่ามีจักษุธาตุ" พระพรหมเมธีกล่าว ทั้งนี้ พ.ต.อ. รุ่งโรจน์รับปากว่าจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่มาคอยตรวจสอบ และดูแลความสงบเรียบร้อยในวัดระยะหนึ่งจนกว่าเหตุการณ์ จะเข้าสู่ภาวะปกติ

พระพรหมเมธีเผยว่า ได้เรียกประชุมผู้ช่วยเจ้า อาวาสวัดระดับกรรมการวัด เพื่อดำเนินการในเรื่องกฎระเบียบปกครองวัด และมีมติจากที่ประชุมคือ ให้พระครูพันธกิจ–ประจักษ์ออกไปจากวัด เพราะทำให้วัดมัวหมองมีมลทินจากโลกวัชชะ หรือโลกติเตียน และพระครูพันธกิจประจักษ์ ก็ไม่ได้เป็นพระในวัดสัมพันธวงศ์ ตามระเบียบปกครองของวัด ถ้าเป็นพระที่บวชในวัดสัมพันธวงศ์ หากมีความผิดต้องสึกเท่านั้น แต่พระครูพันธกิจประจักษ์ไม่ใช่พระในวัด แค่มาขออาศัย จึงให้ออกจากวัดไป ส่วนตำแหน่งฐานานุกรมที่พระครูพันธกิจ ซึ่งเป็นฐานานุกรมสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ จะต้องคืนให้กับวัดด้วย จากนี้จะหารือกับนักกฎหมายเพื่อดำเนินการทางกฎหมายให้ถูกต้อง จะไม่ให้วัดถูกตำหนิติเตียนว่าร่วมกันเป็นแหล่งซ่องสุมให้ประชาชนหลงผิด มัวเมา เพราะการอ้างว่ามีจักษุธาตุ แต่ไม่ยอมให้พิสูจน์ ใครๆก็อ้างได้

ด้านพระครูพันธกิจประจักษ์กล่าวว่า คงต้องออกจากวัดสัมพันธวงศ์เพราะเป็นความตั้งใจเดิม โดยจะกลับไปที่วัดป่าศรีคุณาราม จ.อุดรธานี เพื่อวางศิลาฤกษ์พระมหาเจดีย์มงคลบรรจุจักษุธาตุในวันที่ 18-19 มี.ค.นี้ จากนั้นจะมาพิจารณาว่าจะย้ายออกจากวัดสัมพันธวงศ์ไปวันไหน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งเคลือบแฝงเพราะเป็นพระบ้านนอก เมื่อวัดสัมพันธวงศ์ไม่เห็นคุณค่า ทั้งที่ตนเป็นพระทำงาน เมื่อคนไม่เห็น เทวดาก็เห็น ดังนั้นก็ต้องไป ส่วนการหาเงิน 600 ล้านบาท เพื่อสร้างพระมหา–เจดีย์มงคล ไม่มีปัญหา เพราะลูกศิษย์เห็นใจที่ถูกรังแก จึงตั้งใจที่จะทำให้สำเร็จ และขณะนี้ยังไม่มีผู้บริจาครายใดมาแจ้งความประสงค์ว่าต้องการเงินบริจาคคืน

ขณะที่นายอำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า ปัญหาเรื่องจักษุธาตุ ขณะนี้เป็นเรื่องของวัดที่ต้องปกป้องชื่อเสียง เนื่องจากเป็นพระอารามหลวง มีสมเด็จพระราชาคณะจำพรรษา ส่วนจักษุธาตุจะจริงหรือไม่จริงแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน แต่ในตำราและพระไตรปิฎกไม่มีการระบุถึงจักษุธาตุ ส่วนเรื่องคดีความอยู่ที่ผู้เสียหายว่าจะต้องการแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหลอกลวงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้เสียหาย ถ้ามีการแจ้งความก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย


ที่มา -
ขับพระครู'จักษุธาตุ' - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

ความสัมพันธ์ของวัดสัมพันธวงศ์ กับ พระครูพันธกิจประจักษ์ คงจบเพียงเท่านี้
แต่สำหรับพระจักษุธาตุ ของจริงหรือไม่ เหลือเพียงศรัทธาส่วนบุคคลเท่านั้น
เนื่องจากเจ้าของและสานุศิษย์ไม่ยินยอมให้มีการตรวจพิสูจน์ อนุญาติแค่ดูได้ด้วยตามือห้ามแตะ

 

คงไม่มีการแตกแยกดอกครับ เป็นเพียงกระแสเท่านั้นเอง การบริจาคทานทุกคนที่มาก็กระทำด้วยจิตศรัทธา พระครูท่านเองก็ปฏิบัติน่าเคารพเลื่อมใส ญาติโยมทำบุญก็น่าจะได้บุญมากกว่าพระสงฆ์ในกรุงเทพหรือเมืองใหญ่ที่ดูทีวี ดูบอล อ่านหนังสือพิมพ์ หรือยุ่งแต่กับทางโลก ผมคนนึงที่ไม่ได้ทำบุญกับพระในเมืองมามากกว่า 10 ปี ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นเรื่องของปัจเจกชนบังคับกันไม่ได้ เพราะว่าบุญใครบุญมัน บาปใครบาปมัน ใครจะวิจารณ์ก็ต้องยอมรับผลบาปที่ตามมาด้วยหากว่าท่านเป็นของจริง

 

จักษุธาตุ

จักษุธาตุ จริงเท็จ อยากแก่การอธิบาย เพราะเป็นปัจจังตัง เรามาศึกษาพระกรรมฐานกันเถิด เมื่อใด ที่เราท่านทั้งหลาย ไม่สงสัยในพระธรรม และพระกรรมฐาน เมื่อนั้น เราท่านจะรู้จริงด้วยตนเอง ทุกประการ สาธุๆ