ตื่นโลกแตก พระ-ฆราวาส หนีขึ้นภูเขา

โอ้ มีทางเลือกอีกแฮะ แหมมีการเตือนล่วงหน้าด้วย

 

แต่ก่อนก็เคยนึกคิดอยู่เหมือนกันว่า พระผู้ทรงฌาณมองเห็นอนาคต สอนธรรมไม่ผิดเพี้ยน ศิลไม่ด่างพร้อย ทำไมไม่ออกมาเตือนมนุษย์เรื่องการเกิดภัยพิบัติ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าถ้าออกมาเตือน จะเกิดอะไรขึ้น พระก็เสียพระ คนบอกต่อเสียคน หากท่านบอกแล้วเตือน
แล้วไม่เชื้อไม่หนีตาม ไม่ไปอยู่ท่านก็อยู่ของท่าน พระท่านไม่ได้บังคับ ขู่เข็นให้เชื่อ
แต่การบอกกับผู้คนแล้วกลับตาลปัด หาว่าไม่เป็นพระ เอ๋ เข้าใจแล้ว เห็นว่าตามข่าวคนที่ไปอยู่เมืองเลยมีทั้งหม้อ ดอกเตอร์ ข้าราชการชั้นสูง เศรษฐี คนมีสตางค์ พระทานคงไม่หลอกคนพวกนี้ได้ง่ายหรอกมั่ง ความรู้ก็มี สติปัญญาก็ดี เขาคงจะมีวิจารณะญาณพอสมควร เขารับข้อมูล ข่าวสาร รับวิเคราะห์ดีแล้วมั่ง ดูวิกรม กรมดิฐซิ ไปสร้างที่หลบภัย
บนเขาใหญ่ เขาบ้าหรือเปล่า เงินมีเป็นแสนล้าน นอกจากมีเงิน เขาต้องมีอะไรดีแน่ มีพระดีช่วยบอก ช่วยแนะ ที่แน่ ๆ อาจไม่ใช่พระเมืองเลยแน่ ส่วนพวกเรา มัวแต่มาต้องข้อสงสัยกัน ถามว่าเกิดอะไรขึ้นจริง คงต้องบ้าแน่นอน ฟังหู ไว้หู ไม่ประมาท อะไรก็เกิดขึ้นได้

 

ตอนแรกก่อนคลิกเข้ามานึกว่าพระทำที่อยู่ไว้ให้ยามฉุกเฉิน

แต่พออ่าน

"ขณะที่พระในวัดมีวัตรปฏิบัติสุดแหวกแนวไว้ผมไว้หนวดไว้เครา ไม่บิณฑบาต ไม่สวดมนต์นั่งสมาธิ อ้างเป็นแค่เปลือกกระพี้อย่าไปยึดติด..."

อันนี้ไม่อยากจะคิดว่าใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์

ซึ่งในสังคมปัจจุบันปฎิเสธไม่ได้หรอกว่า ไม่มีคนอาศัยผ้าเหลือเป็นอาชีพให้มีชีวิตรอด

ยังไงก็อย่าไปเบียดเบียนใครล่ะกันครับพี่น้อง

 

มันเป็นความโง่ส่วนบุคคล โง่ได้จำเพาะตน ฉลาดก่อนโง่ไม่มี สื่อออกมาแฉไม่ฟัง กรูกลัวตาย ใครจะทำไม กำ

 

อยากรู้ไปดูเอง ดีที่สุด อย่าเชื่อหนังสือพิมพ์ และ อย่าเชื่อไฟล์ที่เผยแพร่ในอินเตอร์เนต
ถ้าไม่อยากไปดูเอง ก็ง่ายๆ,,,,,, วางมันลงซะ จะได้เบา อาเมน...

 

เรื่องภัยพิบัติที่ พระนั้น บอกอยู่ใน พระไตรปิฎก เล่มไหนหรอ มีในพระธรรมไหม
คงไม่มีแน่ แบบนี้

 

ไม่มีอะไรที่จะถึงและไม่มีอะไรที่จะไม่ถึง

 

ก็เข้าใจว่า ไม่ว่าใครจะเอาเรื่องอะไรต่างๆ ที่พระท่านบอกเตือนเอาไว้มาเผยแพร่สูเว็บนี้ก็คงไม่แคล้วถูกตำหนิถูกแดกดันหนักหน่อยก็ว่าไม่เห็นมันจะเป็นจริงสักที ไม่เกิดก็ว่าท่านมั่วเอาใครๆก็พูดมั่วแบบนี้ได้ คนที่เขาเอาเข้ามาโพสท์ก็เพื่อให้เป็นข้อมูลอันหนึ่งไว้ให้พิจารณาไม่ได้ต้องการให้มาเชื่อตาม ทุกๆคนมีวิจจารณาญานเป็นของตนเองอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องมาแดกดันกันเลยถ้ามีใจเป็นบุญเป็กุศลอยู่

 

ญาณพระแก้วมรกตท่านเคลื่อนย้ายไปเกือบทั้งหมดแล้วครับ ถึงเวลาก็มีเหตุให้องค์พระแก้วมรกตท่านเสด็จไปเองหรืออาจจะมีผู้ที่มีหน้าที่เขาอัญเชิญพระแก้วไปในสถานที่ ที่ท่านต้องไปประทับอยู่ทางภาคอีสาน

เดือนก่อนผมนั่งพิจารณาดูปู่ฤษีจักรวาล ท่านอัญเชิญญาณของพระแก้วมรกต รวมทั้งที่ปู่ฤษีเรียกเตือนท่านรามสูร ให้เตรียมตัวกลับไปทำหน้าที่ในโลกทิพย์ด้วย ก็นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกดี

ทุกอย่างมีกาลเวลาของเขาอยู่ มนุษย์ไม่ค่อยรู้กัน แต่เทวดาเขาก็รับรู้ทั่วกัน

 

ตอนแรกผมก็สงสัย แต่ไม่ปักใจเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง จนกว่าจะได้ศึกษา สภาวะธรรมของท่าน หลังจากผมได้ศึกษาแล้ว ผมต้องอุทานออกมาว่า ท่านบรรลุธรรมแล้วนี่!!! คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่เห็น คนหูหนวกเท่านั้นที่ไม่ได้ยิน นี่คือสัจจธรรมที่แท้จริง
ท่านเป็นพระอริยบุคคลอีกองค์หนึ่งในยุคนี้ ลูกขอกราบแทบเท้าท่าน ณ บัดนนี้
ก่อนหน้านี้เขาบอกกันว่าพระที่นี่แต่งตัวเหมือนฆราวาส แต่มันไม่ใช่ครับ มีแต่ฆราวาส ที่สวมใส่เสื้อผ้าสีคล้ายๆพระเท่านั้นเอง
คนที่ต้องการรักษารูปแบบไว้ ก็ต้องทำใจ แต่ไม่ต้องกลัว รูปแบบก็ยังอยู่ ท่านมาโปรดสัตว์บางส่วนในรูปแบบที่ม่านไม่คุ้นเคยเท่านั้น ไม่งั้นพุทธศาสนาก็คงไม่มีนิกายต่างๆ นอกจากมีนิกายแล้วยังแยกเป็นสายต่างๆอีก แล้วก็ทะเลาะกัน เพราะสมมติหรือวิธิการที่ต่างกัน หารู้ไม่ว่า เมื่อรูปนามดับ หรือเป็นอิสระจากรูปนามเมื่อใด สภาวะนั้นย่อมเปิดเผยขึ้นมาทันที

 

ขอกราบแทบเท้า องค์ท่านโพธิ์ศรีสุริยะอีกครั้ง ท่านคืออริยบุคคลที่แท้จริง หลักธรรมใดที่ท่านเว่ยหล่าง ฮวงโป รู้แจ้ง ท่านก็ได้รู้แจ้งในสิ่งเดียวกัน นอกจากนั้นท่านยังมีญาณเห็นความเป็นไปในภพ3 โปรดสัตว์ไปตัวหล้า โดยไร้ตัวตน

 

อยากให้ทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรม ดูให้เหมาะสมก่อนที่จะทำและตัดสินใด เช่น ปัญหาเรื่องที่ดินก็ให้ตรวจสอบให้ถี่ถ้วน เพราะถึงอย่างไรที่ดินดังกล่าวก็เป็นที่ธรณีสงฆ์ แต่ที่ดินที่มีนายทุนบุกรุกเจ้าหน้าที่กลับไม่ไปตรวจสอบ ส่วนเรื่องการแต่งกาย อาตมามองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ได้ เสียหายอะไร เห็นว่าเป็นพระป่าและต้องทำงานทั้งวัน จึงปรับตัวไว้ผมยาวหนวดเครารุงรัง เพราะท่านอาจไม่มีเวลาปลงผม พระผู้ใหญ่ที่ดูแลแค่ว่ากล่าวตักเตือนก็ได้ เรื่องพระไม่บิณฑบาต อาตมามองว่าวัดอยู่ห่างไกล ญาติโยมมาใส่บาตรที่วัดก็ไม่แปลก พระวินัยไม่ได้กำหนดไว้ เจ้าอาวาสบางวัดก็ไม่ได้ออกบิณฑบาต หรือวัดใหญ่ๆในกรุงเทพฯไม่มีพระออกบิณฑบาตเช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่ควรออกมาพูดโจมตีหรือเหมารวม ครูบาอาจารย์ควรให้ความเป็นธรรมด้วย

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์




ปล โลกไซเบอร์มาแรกๆนึกว่าดี หลังๆชักไม่ค่อยดีแระหรือว่านี่จะคือ fakeman(สะกดถูกป่าวหว่า) ตามไบเบิล

 

เร่งหาหลักฐาน-บุกรุกป่า

เจ้าหน้าที่ป่าไม้บุกตรวจสอบพื้นที่วัดร่มโพธิธรรม อ.หนองหิน จ.เลย หลังตกเป็นข่าวฉาว สมภารวัดเทศน์อวดอุตริทำนายว่าโลกจะแตก จนศิษยานุศิษย์แตกตื่นอพยพไปปลูกที่พักหรูในบริเวณวัดที่มีเนื้อที่เกือบ 800 ไร่ พบเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมอยู่ในเขตป่าสงวนภูค้อ-ภูกระแต ยังไม่มีเอกสารสิทธิ อยู่ ระหว่างดำเนินการออก สปก. รักษาการ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติฯจังหวัดเลย เชื่อมีการรุกป่าสงวนบางส่วน ขณะที่ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย ฟันธงพระลูกวัดแต่งกายผิดวินัยสงฆ์ชัดเจน ระบุวัดขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่การปกครองผิดเพี้ยนมีทั้งประธานวัดและเจ้าอาวาส เร่งรวบรวมหลักฐานเสนอเจ้าคณะจังหวัด และ ผวจ.ดำเนินการ ด้านสาวใหญ่นักธุรกิจเมืองกรุงสุดช้ำ สามีหนีไปอยู่ที่วัดนานกว่าอาทิตย์ไม่ยอมกลับบ้าน แฉพฤติกรรม "หลวงพ่อสมชาย" สั่งให้ตัดขาดพ่อแม่ลูกถ้ามาขวางความเชื่อผู้ศรัทธา

หลังจาก "ไทยรัฐ" เสนอข่าวเปิดโปงพฤติกรรมของหลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต หรือหลวงพ่อสมชาย พระนักเทศน์ วัดร่มโพธิธรรม ต.หนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย แสดงธรรมเทศนาทำนายว่าโลกกำลังจะแตก ทำให้ ลูกศิษย์ที่เคารพศรัทธาพากันแตกตื่นอพยพไปปลูกสร้างที่พักหรูคล้ายรีสอร์ตอาศัยอยู่ในบริเวณวัดบนเขาสูงเนื้อที่ร่วม 800 ไร่ สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากคำสอนที่อวดอุตริแล้ว หลวงพ่อวินัยยังปล่อยให้พระลูกวัดปฏิบัติตัวผิดเพี้ยนไปจากวินัยสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นการไว้ผมยาว มีหนวดเครารุงรัง ไม่ออกบิณฑบาต ไม่สวดมนต์ สวมเสื้อกางเกงแทนผ้าเหลือง มีเพียงอังสะสีน้ำตาลเข้มให้รู้ว่าเป็นพระเท่านั้น ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนา เจ้าคณะอำเภอ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าไปตรวจสอบที่วัดดังกล่าวแล้ว

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 24 มี.ค. นายชัยรัตน์ แก้ววงษา หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ลย.14 (ผาขาว) นำกำลังเข้าไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณวัดร่มโพธิธรรม พร้อมเปิดเผยว่า เป็นพื้นที่โซน E คือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูค้อ-ภูกระแต มีพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) ในเขตท้องที่อำเภอหนองหิน เดิมทีที่ผ่านมามีชาวบ้านบุกรุกใช้ประโยชน์มาก่อน เช่น เป็นที่ทำนา ทำสวน ทำไร่ ที่แห่งนี้ยังไม่มีเอกสารสิทธิ ส่วนวัดมีที่ดินกรรมสิทธิ์ (นส.3) เลขที่ 172 เนื้อที่ 45 ไร่ โดยนายบุญคุ้ม คงสถิต และนายโชคอำนวย กนกสังแคลน-พรหม เป็นผู้มอบถวายขออนุญาตจัดตั้งวัด และเป็นพื้นที่อยู่ในระหว่างดำเนินการออก ส.ป.ก. โดยเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ได้ออกสำรวจแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการตาม พ.ร.ก. ปฏิรูปที่ดิน จำนวน 33 ราย เนื้อที่ 740 ไร่ รวมเนื้อที่บริเวณวัดทั้งหมดประมาณ 785 ไร่ วันนี้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจ GPS ว่ามีการบุกรุกป่าสงวนหรือไม่ และมีการขยายเขตไปกว้างขวางขนาดไหน และจะส่งรายงานให้สำนักการจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี) ดำเนินการต่อไป

นายวัชระ อธิสุมงคล รักษาการแทน ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลย กล่าวว่า ตามที่สอบถามเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรง ที่ดินของวัดอยู่ในเขตป่าสงวนและเขต ส.ป.ก.เป็นบางส่วน จากการ ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่าที่เป็นป่าสงวน ทางวัดยังไม่ได้ ขออนุญาตจากกรมเลย ซึ่งตามปกติการจะขอทำวัดในเขตป่าสงวนต้องขออนุญาตทำประโยชน์จากกรมป่าไม้จึงจะทำวัดได้ อย่างกรณีวัดร่มโพธิธรรมเบื้องต้นก็ถือว่าผิด แต่จะให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบอีกที ถ้ามีการบุกรุกจริงต้องมีการจับกุม ทั้งนี้ได้ให้หน่วยป้องกันรักษาป่า ลย.14 (ผาขาว) เข้าไปตรวจสอบแล้ว ถ้าดูตามแผนที่บริเวณวัดเชื่อว่ามีการบุกรุกป่าสงวนจริงเป็นบางส่วน

ด้านนายสมบูรณ์ ดีเสมอ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย กล่าวว่า หลังทราบข่าวจาก นสพ.ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ได้เข้าไปตรวจสอบที่วัดร่มโพธิธรรม พร้อมกับเจ้าคณะอำเภอหนองหิน และเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี) เห็นว่าวัดมีการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่มาก ผิดหูผิดตากับสภาพวัดที่อยู่ในชนบท จากการตรวจสอบพบว่า วัดร่มโพธิธรรมตั้งขึ้นเมื่อปี 2548 ถูกต้องตามกฎหมาย จากการสอบถามหลวงพ่อสมชาย ถึงกรณีที่ไม่ได้ออกบิณฑบาต ท่านบอกว่าการให้ชาวบ้านนำอาหารมาถวายที่วัดโดยพระสงฆ์ ไม่ออกบิณฑบาต ก็เหมือนกับการบิณฑบาตในวัดอยู่แล้ว แต่การปกครองภายในวัดมีลักษณะไม่เหมือนที่อื่น หลวงพ่อ สมชาย เป็นประธานของวัด ส่วนเจ้าอาวาสเป็นพระอีกรูปหนึ่ง แต่หลวงพ่อสมชายเหมือนกับมีอำนาจในการปกครองมากกว่า มีพระในการปกครอง 150 รูป แม่ชีอีกประมาณ 50 คน
ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย กล่าวต่อไปว่า เจ้าคณะอำเภอสอบถามถึงการแต่งกายที่ผิดจากพระสงฆ์ทั่วไป หลวงพ่อสมชาย ไม่ยอมตอบคำถามดังกล่าว เท่าที่ดูการแต่งกายของพระสงฆ์ที่วัดนี้แล้วส่วนตัวเห็นว่าผิดวินัยสงฆ์ชัดเจน ส่วนที่ดินของวัด จากการสอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่า มีประมาณ 50 ไร่ ในการขอตั้งวัดตอนนั้น แต่ปัจจุบันวัดมีเนื้อที่ประมาณ 700 กว่าไร่ ตนได้ขอสำเนา โฉนดที่ดินหรือสำเนาอย่างอื่นมาตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้แล้ว และจะได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดทำเรื่องเสนอไปยังเจ้าคณะจังหวัดเลย ฝ่ายมหานิกาย กรมการศาสนา และ ผวจ.เลย เพื่อพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม คงต้องไปตรวจสอบอีกครั้งและจะไปสอบถามชาวบ้านรอบๆวัด ถึงความรู้สึกกับการปฏิบัติของวัดแห่งนี้ด้วย

ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเลย ลงไปตรวจสอบพฤติกรรมของหลวงพ่อสมชาย และให้รายงานกลับมาโดยเร็ว จากนั้นจะนำเรื่องรายงานเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เท่าที่ทราบพระรูปดังกล่าวเคยมีผู้ร้องเรียนไปยังเจ้าคณะจังหวัดเลย ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแล้ว และเท่าที่เห็นลักษณะการแต่งกายก็ชัดเจนว่าไม่ถูกต้องตามวินัยสงฆ์ ไม่รู้ว่าพระ รูปนี้เป็นอะไร เนื่องจากช่วงแรกที่ขออนุญาตตั้งเป็นสำนักสงฆ์ก็ยังไม่แสดงพฤติกรรมแปลกๆแบบนี้

วันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจากนางเดือน (นามสมมติ) อายุ 60 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว บ้านอยู่ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เคยไปทอดกฐินที่วัดร่มโพธิธรรม เพียงครั้งเดียว เพราะมีคนรู้จักชักชวนไป ตอนนั้นก็ไม่ รู้สึกผิดปกติอะไร ต่อมาหลวงพ่อสมชายเดินทางมาที่กรุงเทพฯ ก็ไปกราบนมัสการพร้อมฟังเทศน์ รู้สึกรับไม่ได้ คือหลวงพ่อสอนไม่ให้ยึดติดอะไรทั้งสิ้น พยายามพูดจาให้ศรัทธาในตัวหลวงพ่อ หากใครมาห้ามก็อย่าไปยึดติด แม้กระทั่งพ่อแม่หรือลูก ถ้ามาห้ามปรามไม่ให้ไปที่วัดก็ให้ตัดขาดกันไปได้เลย ทำให้ตนตกใจมาก หลังจากนั้นก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับวัดดังกล่าวอีก แต่ที่มีเรื่องให้กลุ้มใจตอนนี้คือสามีของตนเกิดความศรัทธาในตัวหลวงพ่อสมชาย เป็นอย่างมาก มักจะเดินทางไปอยู่ที่วัดเป็นประจำ ห้ามปรามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ล่าสุดเดินทางไปอยู่ที่วัดตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ยังไม่ยอมกลับบ้าน ทำให้เป็นห่วงมาก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดว่าที่วัดดังกล่าวมีการเผยแผ่คำสอนที่ผิดเพี้ยนหรือสร้างความเชื่องมงายให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาอย่างไรบ้าง


นสพ.ไทยรัฐ

• โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
• 25 มีนาคม 2554, 07:36 น.

tags:
,เลย,บุกรุกป่า,สมภาร,วัดเทศน์อวดอุตริ,หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต,ทำนาย,โลก

 

ไม่ทราบว่าท่านอัญญาสิทธิทราบหรือไม่ว่า...

องค์พระแก้วมรกตจะเสด็จไปอยู่ที่แห่งใดในภาคอีสาน ครับ

 

ความดีย่อมปกป้องคนดีฉันใด

ความเร็วย่อมทำร้ายคนเรวฉันนั้น

อยู่ใหนที่ก็ได้ ถ้าคุณ มั่นใจ ว่าคุณเป็นคนดี

 

อยู่ใหนก็ได้ ถ้ามั่นใจ ในความดีของตนเอง

ความดีย่อมปกป้องคนดีฉันใด ความเลวย่อมทำร้ายคนเลวฉันนั้น

 

ขอโทษค่ะ หนูพิมพ์ผิด :'(

 

รบกวนถามผู้รู้หน่อยครับ

เรื่องการแต่งกาย เสขิยวัตรของพระ ที่พระพุทธองค์ทรงได้กำหนดให้เป็นแนวปฏิบัติเดียวกัน ไม่ได้มีค่า สำหรับกลุ่มคนที่เอาคำว่า พระพุทธศาสนา เป็นอาชีพเลี้ยงตนแล้ว ยังเอาคำสอนผิดๆ ซึ่งเท่าที่เคยเรียนสายพระปริยัติธรรม ไม่เคยมีการสอนแบบนี้หลวงพ่อท่านนี้สอนเลย เช่น วัตรปฏิบัติของพระ ซึ่งการบิณฑบาตร เป็นการโปรดสัตว์โลก ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สัมพะเวสี รวมทั้งเจ้ากรรมนายเวร ตามข้างทางตลอดการบิณฑบาตร ซึ่งมีปรากฏในพระไตรปิฎก

แต่สิ่งที่หลวงพ่อ ปฏิบัติอยู่ มันตรงข้ามทั้งหมด แล้วเราควรจำอย่างไรดีครับ เพื่อไม่ให้คำสอนของพระุพุทธองค์อุตรมโคดม ต้้องเสื่อมเพราะบุคคลแอบอ้างเหล่านี้ครับ

 

ผมเพิ่งรู้จักท่านตอนที่เป็นข่าว เลยอยากรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
สุดท้ายผมต้องตะลึง ท่านคือพระอริยะบุคคลอย่างแท้จริง คนศึกษาธรรมะแต่เปลือกเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ คนที่รู้ว่าสัจจธรรมคืออะไรย่อมเข้าใจได้ทันที
พรหม เทพ เทวดา วิญญาณทั้งหลาย รู้ว่าท่านเป็นใคร ไม่มีใครทำอะไรท่านได้หรอก
มีแต่พากันสร้างกรรมกับพระอริยะเท่านั้น แล้ววันหนึ่งกรรมมาถึงแล้วคุณจะรู้

 

ผมว่าหยุดการบริโภคข่าวสารภัยพิบัติบ้างก้อดี
อยู่ที่ไหนหากท่านถึงคราวตายย่อมต้องตายครับ
มีอาหารมีของดำรงชีพในเป้ติดหลังก้อตายได้
ผมพูดแบบนี้เด๋วมีคนด่าผมว่าประมาท อีกได้
จริงอยู่มีเหตุการณ์ภัยพิบัติมากขึ้น
แต่การบริโภตข่าวสารมากไปย่อมหลงติดในข่าวสารนั้นๆๆ
บางท่านเอาไปฝันเป้นตุเป้นตะ ผมอ่านแล้วนึกกล้มใจ
เราชาวพุทธต้องใช้ ปัญญานำทาง บางท่านขายที่ดินขายทรัพย์สิน
ไปทำมาหากินอยู่ภาคอื่นๆๆ แต่ลืมนึกไปว่าอยู่ที่ไหนก้อตายเหมือนกัน
แม้ใต้ฐานพระประธานก้อหนีความตายไม่พ้น

อยากให้ทุกท่านไม่ประมาทเตรียมตัวไว้บ้างน่ะดีแล้ว แต่อย่าให้ถึงกับ
ไปว่นวายกังวลอะไรกันมากนัก เหมือนตามข่าวนี้ เจอคนดีก้อดีไป
เจอทรชนก้องานเข้า หมั่นทำบุญกุศลไว้ดีกว่าครับ ใครก้อแย่งท่านไปไม่ได้
ตายก้อมั่นใจว่ายังมีกุศลติดตัว ทรัพย์ภายนอกหากเกิดภัยพิบัติจริงๆๆ
ท่านคิดว่าจะไม่โดนปล้นหรือแย่งไปหรือ ???

ผมคนนึงที่ไม่กลัวตาย กลัวโรคภัยที่ทุกข์ทรมาน ธรุกิจล่มจม และดอกเบี้ยแบงค์มากกว่า