รูปแบบนำ้ท่วมโลก ตามคำพยากรณ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย moondark999, 7 เมษายน 2011.

  1. moondark999

    moondark999 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +41
    ...รูปแบบน้ำท่วมโลก ตามคำพยากรณ์...

    คำพยากรณ์ของฝั่งฝากตะวันออก ทำนายว่า “น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว”
    คำพยากรณ์ของฝั่งฝากตะวันตก ทำนายว่า “น้ำจะท่วมในที่สูง ไม่ท่วมในที่ต่ำ”

    ลองสังเกตพิจารณาคำพยากรณ์ทั้งสองฝั่งฝากของโลกให้ดีๆ
    คำพยากรณ์ระบุชัดเจนว่า..แผ่นน้ำ..มันไม่ได้ท่วมแผ่นดิน
    คำพยากรณ์ระบุชัดเจนว่า..แผ่นน้ำ..มันลอยตัวขึ้นไปท่วมฟ้า ไม่ได้ท่วมแผ่นดินเหมือนดั่งเช่นปัจจุบัน
    มันเป็นไปได้ไง...ลองพิจารณาข้อมูลเหตุผลต่อไปนี้ดู

    นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบร่องรอยหลักฐาน ซากฟอกซิลสัตว์ทะเลดึกดำบรรพ์ มีอายุนับแสนนับล้านปีบนปลายเทือกเขาหิมาลัย ปลายเทือกเขาที่ถือว่าสูงที่สุดในโลก การค้นพบเป็นที่น่าสังเกตตรงที่ทำไม บริเวณตีนเขาจึงไม่มี ทำไมมันจึงจำเพาะเจาะจงมีตรงบริเวณปลายยอดเขาสูง เท่านั้น
    แล้วนักวิทยาศาสตร์ก็สรุปว่า ปลายยอดเขาหิมาลัยต้องเคยเป็นก้นทะเลมาก่อน แล้วต่อมาแผ่นดินก้นทะเลยกตัวผลักดันตัวเองขึ้นมาเป็นเทือกเขาหิมาลัยที่สูงใหญ่ในปัจจุบัน

    ถ้านักวิทยาศาสตร์..คิดผิด..ล่ะ

    เพราะทำไมปลายเทือกเขาสูงอื่นๆที่มีอยู่มากมายบนโลก มันจึงไม่มี
    ดั่งเช่นที่นักวิทยาศาสตร์สรุปว่า เหล่าฝูงปลาใหญ่ ปลาวาฬ ปลาโลมาแห่มาเกยตื้นตายนับร้อยๆตัวนั้น เป็นเพราะมันหลงทิศหลงทางในถิ่นฐานบ้านเกิดของๆมันเอง ทั้งๆที่คนตาบอดยังไม่โง่ปานนั้น
    แล้วปลามันมี..ลูกกะตา..เอาไว้ทำไม
    ลูกเต่าทะเลตัวเล็กๆแรกเกิดพึ่งฟักออกจากไข่ ไม่ว่าเราจะจับหัวมันหันไปทิศทางใด มันก็เดินลงทะเลถูก
    ปลาที่ติดเบ็ด ยังรู้จักกระเสือกกระสนดิ้นรนลงน้ำ แต่เหล่าฝูงปลาใหญ่ที่มาเกยตื้น มันจงใจเห็นๆ
    โลกมีข้อมูลหลักฐานมากมายที่ยืนยันได้ว่า เหล่าฝูงสัตว์มันรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดขึ้น ดั่งเช่นภัยพิบัติสึนามิ ก็มีข้อมูลที่เชื่อได้ว่าเหล่าฝูงสัตว์มันรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าก่อนคลื่นยักษ์จะมา มันจึงรอด
    สัญชาติญาณของสัตว์มีเอาไว้ทำไม เห็นชัดๆว่าเหล่าฝูงปลาใหญ่..มันหนีตายขึ้นมาตาย
    ถ้าหากพิจารณาลักษณะของเหล่าฝูงปลาใหญ่ที่มาเกยตื้นตาย ก็จะมีลักษณะเช่นเดียวกับคนที่อาศัยอยู่ตึกสูง แล้วตึกถูกไฟไหม้ตั้งแต่ชั้นล่างขึ้นไป

    อยู่ก็ถูกไฟเผาตาย หนีก็ตกตึกตาย เป็นท่านท่านจะเลือกทางไหน

    เหล่าฝูงปลามันกำลังพยายามบอกอะไรเรา ใต้แผ่นน้ำ ใต้บ้านของเหล่าฝูงปลากำลังเกิดอะไรขึ้น
    เป็นไปได้หรือไม่ ใต้แผ่นบ้านของเหล่าฝูงปลากำลังเกิดไฟไหม้จริงๆ..มันจึงหนี

    เหล่าฝูงปลาใหญ่เหล่านี้ กว่ามันจะเติบใหญ่มาขณะนี้ได้ มันต้องเรียนรู้เจอประสบการณ์ต่างๆมากมาย
    วิทยาศาสตร์วินิจฉัยปัญญาอ่อนเห็นๆ คิดไปได้ไง ปลามันหลงทางในบ้านของมัน..มึน
    เทือกเขาหิมาลัยก็เช่นกัน ก้นทะเลมันยกตัวจนเป็นเทือกเขาสูงที่สุดในโลก..เวอร์เห็นๆ
    เพราะถ้าเทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาที่สูงที่สุดในโลก ไม่ได้เป็นอย่างที่นักวิทยาศาสตร์เข้าใจ
    ท่านมองเห็นภาพของแผ่นน้ำแผ่นใหญ่มหึมาที่มีอัตราส่วนสามในสี่ของผิวเปลือกโลก มีความหนาแน่นของมวลพลังงานมากมายมหาศาลมหึมา และเป็น “อิสระ”ไม่ยึดติดกับสิ่งใด “แม้กระทั้งแผ่นดิน” จะยกตัวลอยตัวแยกชั้นกับแผ่นดิน ขึ้นไปท่วมฟ้า เป็นไปตามคำพยากรณ์ของสองฝั่งฝากของโลกรึยัง

    สนามแม่เหล็กโลก กำลังสลับ..ขั้ว..พลังงาน

    เมื่อดวงจันทร์เคลื่อนตัวผ่านผิวเปลือกโลก แผ่นน้ำจะยกตัวลอยตัวตามการเคลื่อนตัวของดวงจันทร์ ทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงบนผิวเปลือกโลก หลักฐานนี้เป็นสิ่งยืนยันอย่างชัดเจนว่าแผ่นน้ำแผ่นใหญ่มหึมาของโลกมีมวลพลังงานสนามแม่เหล็กไฟฟ้า จึงเกิดแรงดึงดูดกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของดวงจันทร์ ทำให้แผ่นน้ำยกตัวลอยตามแรงดึงดูดของดวงจันทร์ที่มีแรงพลังงานสนามแม่เหล็กไฟฟ้ามากกว่า
    หลักฐานชัดๆจะๆขนาดดวงจันทร์ยังมีแรงดึงดูดกับแผ่นน้ำ แล้วทำไมโลกจะไม่มี

    ทุกๆสรรพสิ่งล้วนมีสองด้าน เมื่อมีแรงดึงดูด ก็ต้องมีแรงผลักดัน
    ปัจจุบันสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกมีแรงดึงดูดกับมวลพลังงานสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของแผ่นน้ำ
    แต่เมื่อโลกแปรเปลี่ยนสลับขั้วพลังงานสนามแม่เหล็กไฟฟ้าล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นกับแผ่นน้ำ
    แผ่นน้ำก็จะถูกผลักดันแยกชั้นกับแผ่นดิน ยกตัวลอยตัวขึ้นไปท่วมฟ้าตามคำพยากรณ์ นั้นเอง

    เพราะฉะนั้น เหตุที่โลกมีระดับของแผ่นน้ำที่สูงขึ้น จึงไม่ได้เกิดจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกเพียงอย่างเดียว การละลายของน้ำแข็งขั้วโลกเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของโลกเท่านั้นเอง
    เห็นๆว่าบางส่วนของแผ่นน้ำก็มีการเดือดและการระเหยไปเช่นกัน และที่สำคัญ ปัจจุบันเรากำลังเจอปัญหาโลกกำลังร้อนขึ้น แต่ทำไมปริมาณของน้ำมันจึงเพิ่มมากขึ้น
    ทั้งๆที่อากาศมันร้อนๆๆๆ ความน่าจะเป็น น้ำมันควรจะเพิ่มหรือลด
    ต้นเหตุที่แท้จริง ก็เพราะระหว่างแผ่นน้ำกับแหล่งกำเนิดพลังงานสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกกำลังเกิด “แรงดันขั้วสนามแม่เหล็กไฟฟ้า” เกิดขึ้นขั้นกลางนั้นเอง แผ่นน้ำจึงขยายตัวยกตัวสูงขึ้น

    นี่ไงคือเหตุผล ใต้แผ่นน้ำ ใต้พื้นบ้านของเหล่าฝูงปลากำลังเกิดอะไรขึ้น พวกมันจึงหนี
    เหล่าฝูงปลามีประสาทสัมผัสที่ไวไม่แพ้สัตว์ชนิดต่างๆ สามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งของแหล่งกำเนิดคลื่นอานุภาคพลังงานที่อยู่ไกลแสนไกลได้ และสามารถวิเคราะห์ได้ว่า แหล่งกำเนิดคลื่นอานุภาคพลังงานที่เกิดขึ้นนั้นจะส่งผลอะไรตามมา อย่างเช่นภัยพิบัติสึนามิ ที่มีเหล่าฝูงสัตว์รอดตายมากมายเพราะรู้เห็นล่วงหน้า

    เพราะกว่าคลื่นน้ำทะเลยักษ์จะมาถึง คลื่นอานุภาคพลังงานมันมาถึงก่อน

    เหล่าฝูงสัตว์จึงรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า ด้วยการใช้ดวงจิตของตนเองรับและแปรสัญญาณคลื่นอานุภาคพลังงานที่มาถึงก่อน นั้นเอง
    ดั่งเช่นทหารสอดแนมโบราณ ที่ใช้ใบหูของตนเองแนบกับแผ่นดิน เพื่อรับสัญญาณคลื่นอานุภาคพลังงานการสั่นสะเทือนของแผ่นดิน แล้วใช้ดวงจิตของตนเองแปรสัญญาณคลื่นของแผ่นดิน ทหารสอดแนมสมัยโบราณจึงรู้เห็นการเคลื่อนไหวของกองทัพข้าศึกที่อยู่ไกล ว่ามีกองทัพช้างม้าเท่าไรและกำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่ไหน
    ก็คือ การใช้ดวงจิตรับและแปรสัญญาณคลื่นอานุภาคพลังงาน เช่นเดียวกับสัตว์ที่รู้เห็นด้วย..ใจ
    เพราะเป็นไปไม่ได้ที่สัตว์มันจะเห็นล่วงหน้าด้วย..ดวงตา..ของสังขาร

    พลังงานแรงดันขั้วสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่กำลังเกิดขึ้นมาใหม่ ขั้นกลางระหว่างแผ่นน้ำกับแกนโลก ย่อมส่งผลต่อปฏิกิริยากระแสไฟฟ้ากับสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของแผ่นน้ำด้านล่าง
    เหตุนี้นี่เอง เหล่าฝูงปลาใหญ่จึงหนีตายจากบ้านของมันขึ้นมาตายบนบก ดั่งเช่น คนที่อยู่ตึกสูงแล้วตึกถูกไฟไหม้จากด้านล่างขึ้นไป สัญชาติญาณของสัตว์จะเลือกทางไหน เพราะแรงพลังงานที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ใต้แผ่นน้ำ จะส่งผลอะไรตามมากับพืชและ..สัตว์..แม้กระทั้งสัตว์น้ำ

    เพราะฉะนั้น รูปแบบลักษณะของน้ำท่วมโลกที่ทุกคนบนโลกรู้ว่าสักวันมันจะเกิดขึ้น จึงไม่ได้เป็นอย่างที่คนทั้งโลกเข้าใจ แต่เป็นอย่างคำพยากรณ์ทั้งสองฝั่งฝากของโลก ชัวร์แน่นอน
    รู้ทั้งรู้ว่าน้ำกำลังจะท่วมโลก แล้วต่างอวดรู้แก่งแย่งคิดพากันหนีขึ้นสู่ที่สูงกัน
    ..คิด..ดี..แล้ว..รึ..

    ..โลก..โลกเขาเตือนเรามาตั้งนานแล้ว..เหล่าฝูงสัตว์ประเสริญทั้งหลาย..ท่านมัวทำอะไรอยู่
    ท่านจะปล่อยให้วิวัฒนาการสิ้นสุดรึ ตำนานเรือโนอาเขายังไม่ยอมเลย..เรา..จึงมีวันนี้
    ทุกๆศาสนา ทุกๆสังคม สอนเรื่องมรรคผลแห่ง..กตัญญู..ไม่ใช่รึ
    ทุกทางตัน ย่อมมีทางออกเสมอ ทุกความมืดมิด มันจึงมี..แสงสว่าง
    วันสิ้นโลกนั้น มีจริง ชัวร์.....แต่วันสิ้นวิวัฒนาการ ไม่มีจริง แน่นอน

    โปรดพิจารณาแล้วช่วยตอบผมที...เป็นไปได้หรือไม่..ใช่หรือไม่ใช่
    ผมงมงายกับคำพยากรณ์มากไปไหม..เพราะสนใจศึกษามานานมาก
    ทำไม คำพยากรณ์สองฝั่งฝากของโลกจึงเหมือนกัน
    ฝั่งฝากตะวันตกเป็นของ..นอสตาดามุส
    ฝั่งฝากตะวันออกเป็นของใครไม่รู้ แต่ได้ยินมาตลอดตั้งแต่เป็นเด็ก

    ...พระจันทร์มืด999...
     
  2. แม่อ้วน

    แม่อ้วน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +135
    วิเคราะห์ได้น่าสนใจค่ะ
     
  3. ดาวจรัสแสง

    ดาวจรัสแสง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +3,015
    ไม่สามารถพิจารณาแล้วตอบคุณ มูนดาร์กได้อ่ะตัวเอง....หวั่นๆเช่นกันว่าวันนั้นจะมาถึง ว่ายน้ำก็ไม่เป็น แถมบ้านที่พักอาศัยคืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล...ความเปลี่ยนแปลงของโลกถ้าเป็นไปช้าๆ ค่อยๆสะสมแต้ม ภัยพิบัติไปทีละจุดๆ ก็น่าจะรับได้ แต่ถ้ามาตูมเดียวนี้... น้ะ รอดูกันต่อไป
     
  4. amorthem

    amorthem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +130
    พลังแม่เหล็กจากดูด กลายเป็นดัน.... ตรงนี้น่าสนใจทีเดียว....

    แต่ถ้าจะให้ทำเรือลอยอยู่บนน้ำ เหมือนเรือโนอา ถ้าเกิด ซึนามิก็ตาย....
    ถ้าไปอยู่ใต้ดิน ก็จะเกิดแผ่นดินไหว เพราะแผ่นเปลือกโลกเรามันกำลังเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ...

    สรุปทางไหนก็ตาย - -*
    แต่ถ้าทำเป็นแบบเมืองลอยน้ำ แล้วเป็นโดมป้องกันภัยต่างๆ มีจุดทุ่มศูนย์กลางของพลังแม่เหล็กดึงดูดในเมืองลอยน้ำ.. ก็อาจจะรอดก็ได้กระมั้ง 5555+
     
  5. tonokoong

    tonokoong สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +0
    วิเคราะห์ได้มีเหตุมีผลดีครับ :cool:
     
  6. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +91
    คำพยากรณ์ระบุชัดเจนว่า..แผ่นน้ำ..มันไม่ได้ท่วมแผ่นดิน
    คำพยากรณ์ระบุชัดเจนว่า..แผ่นน้ำ..มันลอยตัวขึ้นไปท่วมฟ้า ไม่ได้ท่วมแผ่นดินเหมือนดั่งเช่นปัจจุบัน


    ขอเจือกหนึ่งคนด้วยครับ

    พอล ดิเรก นักฟิสิกส์ บอกว่า (สมมติฐาน) ในอนาคตความโน้มถ่วงสากลของนิวตันจะลดน้อยลง
    ดังนั้นเป็นไปได้ว่าเมื่อควาโน้มถ่วงสากลของนิวตันหมดไป เราก็จะเห็นน้ำลอยขึ้นไปบนฟ้าแน่นอน ตัวเราด้วย

    แต่เพราะมันลดช้ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เราจึงไม่เห็นผลในปัจจบันตราบนานเท่านาน
     
  7. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    แล้วท่านเอา แรงดึงดูดระหว่างมวลไปไว้ที่ไหน ล่ะครับ หรือว่าพอขั้วแม่เหล็กโลกมันสับสน แรงดึงดูดระหว่างมวลมันหายไปดื้อๆ

    เอาไปอ่าน
    1) https://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=75481

    เอาไปอีก
    2)
     
  8. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +91

    ท่านหมายถึงผมป่าวหว่า เพราะผมดันพูดเกี่ยวกับความโน้มถ่วงสากลของนิวตัน

    ถ้าท่านกล่าวถึงผม
    ผมก็จะบอกว่า ค่าความโน้มถ่วงสากลนั้น ที่จริงก็คือค่าคงที่ของแรงดึงดูดระหว่างมวลครับ
     
  9. moondark999

    moondark999 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +41
    ผมเป็นช่างตัดผมแก่ๆชนบท เด็กๆเรียกลุงเรียกปู่กันแล้วครับ
    มีการศึกษาที่ต่ำมากๆ ผมไม่รู้เรื่องหรอกครับ ไอ้ฟิสิกส์ เคมี วิทยาศาสตร์ แรงโน้มถ่วงอะไรนั้นหรอกครับ
    ผมอาศัยแค่สัญชาติญาณ ความคิดวิเคราะห์กับความน่าจะเป็น ของความเป็นสัตว์ของผมเท่านั้นแหละครับ

    อิอิ..ทดสอบภูมิปัญญาหน่อยเป็นไง อย่าโกรธกันนะ
    โครงสร้างสุริยะของเราหมุนวนเป็นเกลียว เราจึงเรียกสุริยะของเราว่า
    ..แกลแลตซี่ก้นหอย..

    เกลียวก้นหอยของสุริยะ มันหมุนเข้าหรือหมุนออก
    และมันคือ..แรงดึงดูด..หรือ..แรงดัน..
    และที่สำคัญ ความน่าจะเป็น จุดศูนย์กลางของเกลียวก้นหอย มันมีหน้าตาเป็นอย่างไรและอยู่ที่ไหน
    เอาแค่นี้ก่อน ก่อนที่จะมาต่อ..เกลียวขวัญ..บนศีรษะของท่าน
    ทำไมเกลียวขวัญของเราจึงมีหน้าตาเหมือน..เกลียวสุริยะ
    เป็นไปได้หรือไม่..แหล่งกำเนิดมันมีรูปแบบโครงสร้างเดียวกัน

    คิดให้ดีๆก่อนตอบนะครับ ท่านอาจเดี้ยงเพราะความรู้ของตนเอง
    ถ้าตอบไม่ได้ก็บอก ผมอธิบายได้
    แต่คำอธิบายของผมไม่มี ฟิสิกส์ เคมี วิทยาศาสตร์หรือแรงในตำราต่างๆ
    มีแต่ข้อมูลกับความคิดวิเคราะห์ความน่าจะเป็น ดั่งที่อธิบายมา

    ผมยังมีข้อมูลสนับสนุนกระทู้ของผมอีกหนึ่งข้อมูล ก็คือ ความพิศวงของ..ก้อนหินรอยพระพุทธบาทพลวง..บนเทือกเขาคิชชกูฎ จังหวัดจันทบุรี
    ใครเอาภาพมาลงได้ ผมขอความกรุณาครับ ผมทำไม่เป็นจริงๆ

    แล้วลองวิเคราะห์ความคิดของผมดูนะ่ครับ
    ..1..เป็นไปไม่ได้ ที่ก้อนหินก้อนใหญ่มหึมาเหล่านี้จะเป็นบาตรพระอรหันต์
    ..2..เป็นไปไม่ได้ ที่ก้อนหินเหล่านี้จะถือกำเนิดพร้อมๆกับเทือกเขา แล้วจำเพราะเจาะจงไปอยู่ปลายยอดเขา
    ..3..เป็นไปไม่ได้ ที่ก้อนหินเหล่านี้จะมีลักษณะพุ่งหล่นหรือล่วงหล่นมาจากที่สูง เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น เทือกเขาก็จะเป็นแอ่งกะทะหรือราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว

    ความน่าจะเป็นก้อนเหล่านี้จะมีลักษณะค่อยๆเคลื่อนตัวลงมาจากที่สูงช้าๆๆ
    แล้วความน่าจะเป็น ก้อนหินเหล่านี้ มันน่าจะมาจากไหน
    พระพุทธเจ้ากำลังพยายามจะบอกอะไรเรา

    ความน่าจะเป็นที่สุด ก้อนหินเหล่านี้น่าจะเป็นก้อนหินวงแหวนรอบโลก เช่นเดียวกับก้อนหินวงแหวนของดาวเสาร์ในปัจจุบัน แล้วกาลวงแหวนหรือตัวพลังงานของโลกทำให้ก้อนหินวงแหวนเคลื่อนตัวช้าๆเข้าสู่จุดศูนย์กลางของโลก

    การเคลื่อนตัวของก้อนหินวงแหวนเข้าูสู่จุดศูนย์กลางจะมีลักษณะเช่นเดียวกับเวลาที่เราเคาะขอบกะมังที่มีน้ำอยู่ในกะมัง เราก็จะเห็นคลื่นเริ่มต้นที่ขอบกะมังแล้วเคลื่อนตัวเป็นวงแหวน..หุบ..เข้าสู่จุดศูนย์กลางของกะมัง

    นั้นย่อมหมายความว่า โลก จะต้องมีแหล่งกำเนิดพลังงานที่ก่อให้เกิดคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าวงแหวน ทั้งกระจายออกเป็นวงแหวนและหุบเข้าเป็นวงแหวน

    โลกกับดวงจันทร์จะต้องมีแรงดึงดูดและแรงดันที่เท่าเทียมกัน
    ปัจจุบันข้อมูลทางด้านดาราศาสตร์พบว่า ดวงจันทร์กำลังถอยห่าง
    นั้นย่อมหมายความว่า แรงดันระหว่างโลกกับดวงจันทร์กำลังเพิ่มมากขึ้น แรงดึงดูดกำลังลดน้อยลง

    เหตุผลที่ยกมากำลังจะบอกว่า
    ขนาดก้อนหินมันยังมีพลังงานสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้
    แล้วแผ่นนำ้ำแผ่นใหญ่มหึมาทำไมจะมีไม่ได้

    ขนาดก้อนหินมันยังลอยนิ่งๆบนฟ้าได้ แล้วทำไมแผ่นน้ำแผ่นใหญ่มหึมามหาศาล มีความหนาแน่นของมวลจะขึ้นไปลอยตัวนิ่งๆบนฟ้าไม่ได้

    เพราะนี้ก็คือ รูปแบบหน้าตาของ..วันสิ้นโลก..นั้นเอง

    ..พระจันทร์มืด999...
     
  10. โมก

    โมก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,737
    วิเคราะห์ได้น่าสนใจค่ะ แรงหมุนและแรงดันเกิดความผันแปรของสรรพสิ่ง เคลื่อนไหวตามแรงแบบ"ตุ๊กตาล้มลุก"
     
  11. Dont"

    Dont" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    434
    ค่าพลัง:
    +17
    ชอบเรื่องเกลียวก้นหอยของสุริยะ มากครับ เพิ่งมาคิดได้เหมือนกัน
     
  12. devildon32

    devildon32 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +42
    [​IMG]
    spiral galaxy + ทษฎีแม่นก (Nirubu)+ สวัสดิกะ "แปลว่า สวัสดี" มีอะไรที่คล้ายกันอีกแล้ว
    คำ ""สวัสดิกะ"" ท่านว่ามาจาก สุ + อัสดิ + กะ แปลประมาณว่า ""ความสุขสวัสดีจงมี"" คล้ายๆ กับคำว่า สวัสดี หรือโสตถิ ที่มีใช้กันมาเนิ่นนานมากนับพันๆ ปีที่อินเดียโบราณ รวมทั้งในประเทศไทยเราด้วยโดยมีหลักฐานจากศิลาจารึกหลายหลัก

    เช่น หลักที่ 23 วัดศาลามีชัย เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อพุทธศตวรรษที่ 14 ที่ขึ้นต้นว่า "โสตถิ" อันเป็นที่มาของคำว่า "สวัสดี" ที่ใช้กันเป็นปกติทั่วทั้งประเทศไทยทุกวันนี้ แต่ก็มีปัญหาที่ไม่ค่อยพบคำว่าสวัสดิกะในพระคัมภีร์ซึ่งมักมีแต่คำสวัสดี ท่านว่ามีพบคำสวัสดิกะในมหากาพย์รามายานะ รวมทั้ง มหาภารตะ และอื่นๆ ซึ่งมีการให้นิยามความหมายโดยสรุปว่าคือ "เครื่องหมายแห่งมงคล พร โชค ลาภ และอายุยืน"

    ส่วน "รูปสัญลักษณ์กากบาทต่อหางตั้งฉากในทางเดียวกันทั้ง 4" ไม่ว่าจะตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกานั้น พบได้ทั่วทั้งโลกโบราณบนชิ้นส่วนภาชนะหรือเครื่องใช้เครื่องประดับตกแต่ง ไม่ว่าจะที่ซูซาในเปอร์เซียโบราณ ฮารัปปาและโมเหนโชดาโรในปากีสถานโบราณ และสุเมอเรียในดินแดนเมโสโปเตเมียโบราณ รวมทั้งในดินแดนกรีก โรมันและอียิปต์โบราณด้วย

    แม้ในโลกปัจจุบันนี้ก็พบมีการใช้ตราสวัสติกะอย่างแพร่หลายทั้งในดินแดนแห่ง ศาสนาฮินดูทั้งที่อินเดียและอินโดนีเซีย และดินแดนแห่งพุทธศาสนาทั่วทั้งเอเชียอาคเนย์ ตลอดจนทิเบต จีน เกาหลีและญี่ปุ่น

    มีการตีความและตั้งสมมติฐานกันอย่างมากมายทั้ง เรื่องนิยามความหมายและที่มาของรูปสัญลักษณ์ นับได้เป็นร้อยพันสมมติฐาน โดยจำนวนมากเวียนวนอยู่กับ "ความหมายแห่งการเคลื่อนไหวหรือพลวัตที่หมุนวน โดยมีศูนย์กลางเป็นหนึ่งกับอีกสี่สาแหรก ซึ่งมีการตีความตามหมวด 4 ได้มากมาย" ไม่ว่าจะเป็น 4 ทิศ 4 เทพ 4 โลก 4 วรรณะ 4 อาศรม เช่น เป็นสัญลักษณ์ของการรวมกันของทั้ง 4 วรรณะ

    ที่ยืนยันนั้น มีการใช้อย่างแพร่หลายใน 3 ศาสนาสำคัญคือ "ฮินดู พุทธ และ เชน" โดยใน ศาสนาฮินดู นั้นเชื่อถึงขนาดว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งชนเผ่าอารยันที่เก่า แก่ที่สุด หมายถึง พระพรหม พระวิษณุ และ พระศิวะ ผู้สร้าง ผู้ปกปักรักษาและผู้ทำลายล้าง ในขณะที่ของ ศาสนาพุทธ นอกจากพบใช้ในจารึกที่นิยมนำมาขึ้นต้นหรือตอนจบแล้ว ยังพบใช้เป็นหนึ่งใน 65 ตรามงคลที่ฝ่าพระพุทธบาท ส่วนศาสนาเชนนั้นยกให้เป็นสัญลักษณ์สำคัญอันดับแรกใน 8 สัญลักษณ์มงคล

    ที่ถูกใช้ครั้งใหญ่และเป็นที่จดจำกันทั้งโลกนั้นเกิดขึ้นเมื่อร้อยปีที่แล้ว (ตั้งแต่ พ.ศ.2450) เมื่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ แห่งพลพรรค นาซี เยอรมัน เรียนรู้ว่าสัญลักษณ์นี้มีความหมายดี แล้วตีความหมายว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งบรรพชนเยอรมันแห่งเผ่าพันธุ์อารยันที่ เข้ามาจากอินเดียพร้อมลัทธิถือชั้นวรรณะ แล้วยึดมั่นการฟื้นคืนเผ่าพันธุ์พร้อมกับการกำจัดและชำระความแปดเปื้อนจน เกิดเป็นมหาโศลกโศกนาฏกรรมสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยฮิตเลอร์ใช้ "ดวงตราสวัสดิกะนี้เป็นสัญลักษณ์พันธกิจแห่งชัยชนะของเผ่าพันธุ์อารยันผู้ริ เริ่มและสร้างสรรค์" ซึ่งลงเอยอย่างที่รู้กันทั่วทั้งโลกว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    จนเมื่อปี 2548 ได้มีการเสนอต่อที่ประชุมประชาคมยุโรปให้มีการห้ามใช้ตราสวัสดิกะนี้ทั่ว ทั้งยุโรปในฐานะซากเดนของนาซีที่ไม่พึงประสงค์ ร้อนถึงพี่น้องชาวฮินดูทั้งหลายต้องออกมาร้องทุกข์ว่า ดวงตรานี้ที่แท้แล้วเป็นตรามงคลแห่งสันติที่แพร่หลายมาแล้วกว่า 5,000 ปี

    "กลับมาที่เขา สามแก้ว นอกจากพบลูกปัดหินผลึกคริสตัลใสรูปสวัสดิกะแล้ว ยังพบลูกปัดรังผึ้งเขียนลายสวัสดิกะอีกชิ้นหนึ่ง รวมทั้งหลักฐานอื่นร่วมสมัยประมาณพุทธศตวรรษต้นๆ ซึ่งเวลาสอดคล้องพอดีกับข้อสรุปข้างต้นจนอาจตั้งเป็นอีกสมมติฐานได้ว่า รอยสวัสดิกะนี้ที่มีหมายถึงสวัสดีและสันติภาพนี้ อาจเข้ามาจากอินเดียเมื่อสมัยนั้นซึ่งยังไม่มีนิยามอย่างนาซีแน่นอน"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2011
  13. Dungdin

    Dungdin สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +7
    น่าสนใจ ช่วยอีกแรงครับลุง :cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +91
    ผมขอตอบปัญหาคุณmoondark999นะครับ(ในความเห็นส่วนตัวของผม)
    คุณmoondrk999 ถามว่า
    เกลียวก้นหอยของสุริยะ มันหมุนเข้าหรือหมุนออก
    และมันคือ..แรงดึงดูด..หรือ..แรงดัน..
    และที่สำคัญ ความน่าจะเป็น จุดศูนย์กลางของเกลียวก้นหอย มันมีหน้าตาเป็นอย่างไรและอยู่ที่ไหน
    เอาแค่นี้ก่อน ก่อนที่จะมาต่อ..เกลียวขวัญ..บนศีรษะของท่าน
    ทำไมเกลียวขวัญของเราจึงมีหน้าตาเหมือน..เกลียวสุริยะ
    เป็นไปได้หรือไม่..แหล่งกำเนิดมันมีรูปแบบโครงสร้างเดียวกัน

    ตอบ
    ในความเป็นจริงเราแรกดวงอาทิตย์และบริวาร เป็นระบบย่อยของกาแล็คซี่(หรือเป็นส่วนหนึ่งของกาแล็คซี่)ครับ ไม่ใช่กาแล็คซี่

    ถ้าคุณมูนดากถามว่ามันหมุนเข้าหรือหมุนออกในความเห็นส่วนตัวนั้นมันกำลังหมุนเข้า อีกนัยนึงมันไม่ได้หมุนเข้าหรือหมุนออกแต่มันกำลังเคลื่อนที่เป็นวงกลม(วงรี) นั้นหมายถึงมันกำลังเคลื่อนที่รอบใจกลางกาแล็คซี่
    นั้นคือผมลังเลว่าจะตอบอันไหน ตอบไปสองอย่างเลย(เด็กลังเล)
    กาแล็คซี่นั้นมีแรงดึงดูด
    ส่วนมากในระบบขนาดใหญ่เช่น ดาวเคารห์ ดาวฤกษ์ ระบบสุริยะ
    มันจะเป็นกลางครับ ดังนั้นจึงไม่มีแรงดัน(ทางไฟฟ้า) เกิดขึ้น
    แต่ส่วนตัวผมคิดว่าในอนาคตคงจะเจอหลุมดำที่มีประจุเป็นลบคงจะเปลี่ยนความเชื่อที่ว่าระบบขนาดใหญ่จะเป็นกลาง

    ทำไมถึงเป็นเกลียว
    ขอยกตัวอย่าง ซิงส์ล้างจานละกันครับ เวลาท่อดูดน้ำมันดูดน้ำเข้าไป จะทำให้น้ำหมุนวน(ในลํกษณะเป็นเกลียว)และถูกดูดเข้าไป
    มันก็เปรียบดังกาแล็กซี่ครับ

    ส่วนดวงจันทร์กับโลกมีแรงดึงดูดไม่เท่ากันครับ เนื่องจากมวลมีขนาดไม่เท่ากัน
    ส่วนดวงจันทร์กำลังถอยห่างนั้น เพราะดวงจันทร์โคจรรอบโลกเป็นวงรี ดังนั้นมันจึงถอยห่างและเข้าไกล้

    ส่วนเรื่องรอบพพระบาทนั้นไม่รู้ครับ แหะๆ
     
  15. ิBonNeverDie

    ิBonNeverDie สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2010
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +0
    เป็นมุมมองที่น่าสนใจมากครับ ผมลองลืมสิ่งที่เรียนมาแล้วคิดตามดู ผมว่ามีโอกาสเป็นไปได้ครับ

    ผมเพิ่งไปเขาคิชชกูฎมาปีนี้ คิดเหมือนกันเลยครับ เหมือนมันไหลลงมาจิงๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...