:+:+:+: จิตซ่อมได้ กรรมแก้ไม่ได้ +:+:+:

น า ทู รี · 15 เมษายน 2011

จิตซ่อมได้ กรรมแก้ไม่ได้

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรรมและจิตนั้น
เป็นเรื่องยากจะหยั่งรู้ให้ทั่วถึง
แต่ง่ายที่จะทำความเข้าใจและสังเกตหลักฐานในตนได้

บาปกรรมที่ทำไว้แล้ว หวนกลับไปเปลี่ยนไม่ได้
เพราะฉะนั้นก็ต้องมีผลอย่างใดอย่างหนึ่งรออยู่
เปรียบเหมือนเราส่งแรงถีบจักรยาน

อย่างไรจักรยานก็ต้องมีแรงขับให้พุ่งไป
เราไม่มีทางย้อนเวลาหวนกลับไประงับแรงถีบ

แต่เรามีสิทธิ์ใส่แรงใหม่เข้าไป
เช่น บีบเบรกมือเพื่อให้เกิดการห้ามล้อ

หรือเอาเท้าลงลากพื้นเพื่อให้เกิดการชะลออยู่หยุดตัวได้
เทคนิคการเบรกมีหลายแบบ

และบางวิธีก็อาจพิสดารจนคนทั่วไปไม่ค่อยคิดทำ
เช่นส่ายหน้าจักรยานไปมาให้เกิดแรงเสียดทาน
หรือไม่ก็ยกล้อชี้ฟ้าดื้อๆเพื่อใช้เท้าทั้งสองเป็นตัวปักหลักหยุด

ถามว่าเราแก้ตรงที่ส่งแรงถีบหรือเปล่า
ไม่ใช่ครับ เราแก้ด้วยการใส่แรงต้านเข้าไปต่างหาก
กรรมก็เหมือนกัน เราแก้แบบให้มันเจ๊าๆกันไปไม่ได้

แต่เราเพิ่มกรรมใหม่ในทางตรงข้ามเข้าไปให้ของเก่าเจือจางได้
ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าเปรียบว่าละลายเกลือด้วยน้ำจำนวนมากๆ
รสเค็มย่อมเจือจาง หรือไม่ก็หายไปเลย ทั้งที่เกลือก็ยังอยู่ตรงนั้น

ส่วนเรื่องของจิตนั้น
เรามักได้ยินกันว่าจิตตก จิตเสีย

อันนี้เห็นชัดหน่อยว่าตรงข้ามกับตกคือขึ้น
ตรงข้ามกับเสียคือคืนสภาพ
เป็นเรื่องที่ทำกันไม่ยาก ซ่อมแก้วยังยากกว่า

เพราะจิตไม่มีตัวตนเปราะบางเหมือนแก้ว
แต่จิตเป็นธรรมชาติภาวะที่เปลี่ยนง่าย

เป็นดวงกุศลบ้าง เป็นดวงอกุศลบ้าง
ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยเป็นขณะๆ

กรรมในอดีตอาจตกแต่งให้บางคนมีจิตเศร้าหมองเป็นประจำ
และเมื่อภาวะใดเกิดขึ้นบ่อยๆ
เจ้าตัวย่อมอุปาทานว่ามันจะเป็นของติดตัวตลอดไป แก้ไม่ได้

ความจริงก็คือเมื่อฝึกเจริญสติ สังเกตรู้ตามจริง
จะพบว่าเมื่อใดเราพบจิต

รู้วิธีที่จะเห็นภาวะของจิตที่ปรากฏต่อหน้าต่อตา
เมื่อนั้นสติก็ช่วย "ซ่อม" จิตให้เดี๋ยวนั้น

เพราะสติเป็นเหตุใกล้ให้เกิดกุศล เกิดความสว่าง
เกิดภาวะทางธรรมชาติดีๆขึ้นภายใน

แม้ความเศร้าหมองเพิ่งเล่นงานอยู่หยกๆ
พอเกิดสติเห็นว่าจิตเศร้าหมองสักแต่เป็นภาวะมืดๆ มัวๆ

หาตัวตนบุคคลเราเขา มนุษย์หรือสัตว์ใดไม่เจอ
สติที่เกิดขึ้นแทนที่นั้นก็ยังจิตให้เปลี่ยนแปลงทันที

สมกับที่คัมภีร์บอกไว้ว่าเมื่อเกิดสติเท่าทันอกุศลจิต
อกุศลจิตจะเปลี่ยนเป็นมหากุศลในทันที

แต่ก็เหมือนกับรถนะครับ

เสียแล้วซ่อมผิด แทนที่จะกลับคืนดี กลายเป็นเสียหนักเข้าไปใหญ่
คนส่วนใหญ่ที่ไม่ศึกษาจิตตานุปัสสนาของพระพุทธเจ้า

จะซ่อมจิตด้วยความเครียด ด้วยความอยากเร่งให้ฟื้นคืนดี
แท้จริงเป็นการเพิ่มเหตุให้จิตหม่นหมองเป็นอกุศลเข้าไปใหญ่

ทิ้งเหตุให้จิตเศร้าหมอง เช่นสะใจกับการย้ำคิด ย้ำตรึกนึก
สร้างเหตุให้จิตสดใส เช่นคิดอภัย คิดเลิกรา

และใส่เหตุให้จิตเบิกบานบริสุทธิ์ คือคิดยอมรับตามจริง
จิตแย่ก็ยอมรับว่าแย่ จิตสว่างขึ้นนิดหนึ่งก็ยอมรับว่าสว่างขึ้นนิดหนึ่ง

จิตคลายก็ยอมรับว่าจิตคลาย จิตกลับมาแย่อีกก็ยอมรับว่าแย่อีก
เท่านี้แหละ สติก็เกิดขึ้นและค่อยๆผูกกันเป็นแพกุศล

พาลอยข้ามฝั่งจากความยึดมั่นว่าจิตคือเรา
ไปสู่ฝั่งแห่งความทิ้งว่าเราคือจิตเสียได้

ดังตฤณ
เมษายน ๕๔

ทันสมัย หรือไปอบาย
<A href="http://mce_host/%20%3Cscript%20language='JavaScript'%20type='text/javascript'%3E%20%3C!--%20var%20prefix%20=%20'ma'%20+%20'il'%20+%20'to';%20var%20path%20=%20'hr'%20+%20'ef'%20+%20'=';%20var%20addy70775%20=%20'rngodngam'%20+%20'@';%20addy70775%20=%20addy70775%20+%20'gmail'%20+%20'.'%20+%20'com';%20document.write(%20'%3Ca%20'%20+%20path%20+%20'/''%20+%20prefix%20+%20':'%20+%20addy70775%20+%20'/'%3E'%20);%20document.write(%20addy70775%20);%20document.write(%20'%3C//a%3E'%20);%20//--%3E/n%20%3C/script%3E%20%3Cscript%20language='JavaScript'%20type='text/javascript'%3E%20%3C!--%20document.write(%20'%3Cspan%20style=/'display:%20none;/'%3E'%20);%20//--%3E%20%3C/script%3Eอีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท%20แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน%20%3Cscript%20language='JavaScript'%20type='text/javascript'%3E%20%3C!--%20document.write(%20'%3C/'%20);%20document.write(%20'span%3E'%20);%20//--%3E%20%3C/script%3E"><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript>\n </SCRIPT>rngodngam@gmail.com<SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript>  </SCRIPT>

เทคโนโลยีสมัยใหม่นี้ช่วยให้มนุษย์เราสะดวกขึ้น ประหยัดขึ้น และรวดเร็วขึ้นในการทำสิ่งต่าง ๆ

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ หรือว่าจะเป็นสิ่งไม่ดีและเป็นโทษก็ตาม

หากเราจะลองพิจารณาเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องธรรมะและการสร้างบุญกุศลดูนะครับ

ยกตัวอย่างว่า ในสมัยก่อน หากเราจะเรี่ยไรเงินทำบุญผ้าป่า หรือกฐินก็ตาม
กว่าจะติดต่อรวบรวมรายชื่อคณะกรรมการ กว่าจะจัดทำใบเรี่ยไร และซองเรี่ยไร

กว่าจะหาที่อยู่ญาติธรรมที่จะให้ซอง กว่าจะกระจายซองให้แก่ญาติธรรม
กว่าจะรับซองเรี่ยไรกลับมา กว่าจะนำเงินไปให้ที่วัดและแจ้งยอดทำบุญกลับไปยังญาติธรรม ฯลฯ

หลายสิ่งหลายอย่างก็ดูจะต้องใช้เวลา ใช้กำลัง และค่าใช้จ่ายมากมายไม่น้อยเลย

ซึ่งก็รวมถึงกรณีประชาสัมพันธ์งานบุญกุศลของทางวัดหรือมูลนิธิต่าง ๆ ด้วย
ที่ไม่สามารถกระจายข่าวให้แก่ญาติธรรมทั้งหลายอย่างกว้างขวางได้โดยง่าย

แต่ในปัจจุบันนี้ หากต้องการแจ้งข่าวเรี่ยไรเพื่องานบุญแล้ว สามารถทำได้ทั้งส่งอีเมล์ให้คนรู้จัก

ประกาศลงในเว็บไซต์ ลงเว็บบอร์ด ส่งข้อความผ่านระบบสนทนา ต่าง ๆ

โดยสามารถทำได้รวดเร็ว และติดต่อแจ้งข้อมูลต่อญาติธรรมจำนวนมากได้ในคราวเดียว

พอญาติธรรมที่ประสงค์จะร่วมทำบุญนั้นได้รับข้อมูลแล้ว

ก็สามารถโอนเงินผ่านระบบธนาคารได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

บางคนอาจจะโอนผ่านอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง (แม้กระทั่งผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ)

บางคนอาจจะโอนผ่านเครื่องเอทีเอ็ม บางคนไปฝากเงินผ่านเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติ

(เรียกได้ว่าวิธีการโอนผ่านเคาท์เตอร์ธนาคารยังค่อนข้างจะล้าสมัยเสียแล้ว)

สำหรับฝ่ายของญาติธรรมที่ต้องการร่วมบริจาคทำบุญในงานกุศลต่าง ๆ ก็ดี
ในสมัยก่อน

หากเราต้องการจะร่วมบริจาคทำบุญในงานกุศลสักงานหนึ่ง

เราจะหาข้อมูลได้อย่างไรล่ะ ... ก็คงต้องสอบถามคนรู้จัก หรือเปิดดูตามหนังสือพิมพ์

หรือไปตามวัด หรือมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อหาข้อมูลว่ามีจัดงานกุศลอะไรกันบ้าง หรือรับบริจาคอะไรบ้าง

แต่ในปัจจุบันนี้ เราสามารถจะค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

การติดตามข่าวสารต่าง ๆ สำหรับงานประชาสัมพันธ์งานบุญกุศลต่าง ๆ
ก็สามารถทำได้สะดวกขึ้นอย่างมากมาย โดยเพียงแค่เข้าไปอ่านข้อมูลประชาสัมพันธ์

ในเว็บไซต์ของทางวัด หรือทางมูลนิธิที่ประสงค์จะร่วมทำบุญกุศลด้วย

หรือไปอ่านในกระทู้ต่าง ๆ ในเว็บบอร์ดที่มีการช่วยประชาสัมพันธ์นั้น ๆ
หรือไม่ก็อาจจะอีเมล์หรือโทรศัพท์ไปสอบถามทางวัด หรือทางมูลนิธิต่าง ๆ ด้วยก็ได้

หรือจะประกาศถามญาติธรรมท่านอื่น ๆ ในเว็บบอร์ดก็ได้

กรณีเรื่องการฟังธรรมเทศนา ในสมัยก่อน หากเราต้องการจะฟังธรรมเทศนา
ก็ต้องไปฟังที่วัด หรือไปหาซื้อเทปธรรมเทศนามาฟัง

เทปม้วนหนึ่งก็ราคาไม่ถูกนะครับ แถมฟังได้แค่เพียงชั่วโมงเดียวก็หมดแล้ว

แม้จะมีสถานีวิทยุธรรมะอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มาก และก็ไม่ได้กว้างขวางไปทั่วประเทศ

แต่ในปัจจุบันนี้ หากต้องการฟังธรรมเทศนาแล้ว สามารถดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ตได้ง่าย ๆ

หรือแจ้งขอรับแจกฟรีตามเว็บบอร์ดต่าง ๆ ที่แจกอยู่ก็ได้ โดยซีดีแผ่นหนึ่งก็ฟังได้หลายชั่วโมงเลย

กรณีเรื่องการแจกธรรมทาน ในสมัยก่อน หากเราจะแจกหนังสือธรรมะหรือเทปธรรมะ ก็ต้องไปหาร้านซื้อหนังสือธรรมะหรือเทปธรรมะ เสร็จแล้วก็ต้องพิจารณาหาสถานที่แจกอีก

การจะทำสำเนาเทปธรรมะ (เทปคาสเซท) เองเพื่อแจกนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ

แต่ในปัจจุบันนี้ สามารถจะเลือกหาซื้อหนังสือธรรมะหรือซีดีธรรมะผ่านอินเตอร์เน็ตได้

หรือจะไปหาซื้อตามร้านหนังสือต่าง ๆ ก็หาได้ไม่ยากนะครับ

การแจกจ่ายก็สามารถเปิดแจกโดยให้แจ้งขอรับผ่านเว็บไซต์ เว็บบอร์ด หรืออีเมล์ก็ได้

บางคนก็หาหนังสือธรรมะมาอ่านจากอินเตอร์เน็ต จากนั้นก็คัดลอก หรือพิมพ์บางส่วนลง

เว็บบอร์ด หรือพิมพ์ส่งให้คนอื่นทางอีเมล์เพื่อให้ผู้อื่นได้อ่าน ซึ่งก็เป็นการให้ธรรมทานเช่นกัน

โดยอาจจะส่งเป็นไฟล์ MS Word หรือส่งเป็นไฟล์ PDF หรือใส่ข้อความไว้ในอีเมล์นั้นเลยก็ได้

ก็สามารถที่จะทำได้ไม่ยาก และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย
หรือจะทำสำเนาซีดีธรรมะเอง เพื่อนำไปแจกเป็นธรรมทาน ก็ทำง่ายกว่าเทปคาสเซทมากมาย

กรณีเรื่องการสนทนาธรรมะ และสอบถามคำถามธรรมะต่าง ๆ

ในสมัยก่อน หากเราต้องการสนทนาธรรมะ หรือมีคำถามเรื่องธรรมะขึ้นมา
เราอาจจะต้องรอเวลาที่เราไปวัด เพื่อที่เราจะได้ไปสอบถามครูบาอาจารย์ หรือพระภิกษุที่วัด

แต่ในปัจจุบัน เราเองสามารถจะค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตได้
สามารถจะสอบถามผ่านเว็บไซต์ และเว็บบอร์ดได้

ซึ่งบางทีแม้ว่าเราจะสงสัยในระหว่างกลางคืนก็ตาม แต่ก็ยังสามารถสอบถามได้
และอาจจะมีพระภิกษุ หรือญาติธรรมมาช่วยตอบข้อสงสัยให้ในคืนนั้นเลยเสียด้วย

ในเรื่องของการเรี่ยไร การร่วมทำบุญ การหาธรรมเทศนามาฟัง การหาซื้อหนังสือหรือซีดีธรรมะ

และกระทั่งการสนทนาธรรมที่ยกมาข้างต้นนั้น หากเป็นในสมัยก่อนแล้ว
ก็ย่อมจะไม่สะดวกแก่คนที่อยู่ต่างประเทศที่จะดำเนินการดังกล่าวโดยติดต่อกับในประเทศไทย

แต่เทคโนโลยีทำให้ข้อจำกัดเหล่านั้นหายไป

และทำให้คนที่อยู่ต่างประเทศสามารถจะร่วมทำบุญกุศลหรือทำการดังกล่าวข้างต้นได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้แล้ว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่ทันสมัยในปัจจุบัน
ก็ยังมีส่วนช่วยและสนับสนุนให้เราศึกษาธรรมะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

เช่น การฟังเสียงธรรมเทศนาจากไฟล์ MP3 หรือไฟล์ Wav หรืออื่น ๆ นั้นสามารถฟังได้สะดวก

โดยจะฟังจากอุปกรณ์เล่นไฟล์ MP3 ขนาดพกติดตัวก็ได้ ฟังจากเครื่องเสียงในรถยนต์ก็ได้

ฟังจากโทรศัพท์มือถือก็ได้ ฟังจากเครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook หรือ Desktop ก็ได้

ฟังจากอุปกรณ์ประเภท I-Pad ก็ได้ หรืออุปกรณ์ Multimedia อื่น ๆ ก็ได้

เรียกได้ว่าอยู่ที่ไหน ก็สามารถฟังได้เกือบทั้งนั้น ยกเว้นสถานที่ต้องห้ามบางแห่ง

(เช่น ระหว่างชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ ไม่เช่นนั้นอาจจะโดนคนอื่นเรียกหลินห้อยมาจัดการได้)

การเข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหา อ่าน สอบถาม โพสต์ หรือดาวน์โหลดข้อมูลทางธรรมะ

ก็สามารถจะทำได้ง่ายมาก โดยผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เหล่านั้น

แต่เทคโนโลยีอันทันสมัยนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คุณประโยชน์เท่านั้น โดยไม่มีโทษใด ๆ เลยนะครับ

ก็เสมือนกับมีดเล่มหนึ่งที่หากนำไปใช้เพื่อทำกับข้าว ไปใช้ทำงานอื่น ๆ ก็เป็นประโยชน์

แต่หากนำไปปล้นจี้คนอื่น ไปข่มขู่คนอื่น ไปทำร้ายร่างกายคนอื่น ก็เป็นโทษและอกุศลนะครับ

เทคโนโลยีก็เช่นกันครับ คือมีโทษและช่วยสร้างอกุศลได้มากมายมหาศาลเหมือนกัน

ยกตัวอย่างว่า ในสมัยก่อน หากต้องการจะหาชมภาพหรือภาพยนตร์ลามกอนาจารแล้ว

ก็ไม่ได้จะสามารถหามาชมได้อย่างสะดวก แต่จะต้องใช้ความพยายามมากพอสมควร

แต่ในปัจจุบันนี้ ในอินเตอร์เน็ตมีภาพลามกอนาจารมากมายในหลายเว็บไซต์
แม้กระทั่งซีดี หรือดีวีดีภาพยนตร์ลามกอนาจาร ก็หาซื้อได้ไม่ยากในอินเตอร์เน็ต

หากจะต้องการซื้อหามาชม เพื่อก่ออกุศลจิต และเพิ่มกิเลสแก่ตนเองก็ทำได้สะดวกง่ายดาย

แม้กระทั่งอีเมล์ที่เราสามารถใช้ติดต่อสื่อสารกันในเรื่องที่เป็นประโยชน์ แต่ก็ถูกนำมาใช้เพื่อ

ส่งต่อภาพลามกอนาจาร หรือแนะนำเว็บไซต์ขายภาพยนตร์ลามกอนาจารก็มี

บางทีแม้ว่าเราเองจะไม่ได้ขวนขวายไปหาภาพลามกอนาจารมาชม
แต่ก็มีเพื่อน ๆ หรือคนรู้จักนั้นส่งต่อมาให้เองก็มีเหมือนกัน

เรียกได้ว่าโอกาสที่จะได้ชมสิ่งเหล่านี้ และเพิ่มอกุศลหรือกิเลสในใจนั้นมีเยอะกว่าในสมัยอดีต

ในช่วงระยะหลัง ๆ ก็มีคำนิยมใช้คือคำว่า “คลิป (Clip)” ได้แก่ไฟล์ภาพยนตร์สั้น ๆ

โดยก็มีข่าวให้ได้ทราบเป็นระยะ ๆ ว่าดาราคนโน้นภาพหลุด ดาราคนนั้นคลิปหลุด

ทั้งในประเทศไทย และทั้งในต่างประเทศ โดยการกระจายภาพและคลิปก็สามารถทำกันได้

ทั้งผ่านอินเตอร์เน็ต และผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ และสามารถกระจายไปได้อย่างรวดเร็ว

ในสมัยก่อน หากเราต้องการจะพูดจาเบียดเบียนใครหลาย ๆ คนในเวลาเดียวกัน

หรือต้องการพูดจาไม่ดีให้หลายคนได้ยินได้ฟังในคราวเดียวกัน ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่จะทำได้ง่าย ๆ

จะทำได้อย่างไรล่ะครับ จะส่งจดหมายหรือ จะใช้โทรศัพท์หรือ ซึ่งก็ทำไม่ได้สะดวก

หากจะทำได้จริง ๆ ก็ควรจะต้องลงหนังสือพิมพ์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งปกติที่จะทำกันได้ทั่วไป

แต่สมัยนี้ การจะพูดจาเบียดเบียนใครหลาย ๆ คนในเวลาเดียวกัน

หรือการพูดจาไม่ดีให้หลายคนได้ยินได้ฟังในคราวเดียวกัน เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากเลย

เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ช่วยสร้างช่องทางไว้ให้มากมาย เช่นว่า ไปโพสต์ถ้อยคำไว้ในเว็บไซต์

หรือเว็บบอร์ดก็ได้ หรือจะส่งข้อความผ่านอีเมล์ไปให้หลาย ๆ คน

หรือส่งถ้อยคำระบบสนทนา (Chat) หรือส่งผ่านระบบ MMS หรือ SMS
ผ่านโทรศัพท์มือถือรวดเดียวให้หลาย ๆ คนก็ได้

ก็กลายเป็นว่าเทคโนโลยีเปิดโอกาสให้ทำอกุศลกรรมได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น

แม้ว่าระบบเทคโนโลยีทั้งอินเตอร์เน็ต อีเมล์ SMS โทรศัพท์มือถือ และระบบสนทนา ทั้งหลาย

ช่วยให้คนเราติดต่อสื่อสารกันสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น แต่ก็ขึ้นกับว่าการติดต่อนั้นเป็นไปเพื่ออะไร

บางคนนำไปใช้เพื่อจีบกัน แต่เป็นการจีบสามีคนอื่น จีบภรรยาคนอื่น

บางคนนำไปใช้เพื่อการฉ้อโกงหลอกลวงกัน เช่น กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังที่เป็นข่าว

บางคนนำไปใช้เพื่อนัดกันไปเที่ยวสถานเริงรมย์ เพื่อไปดื่มสุรา หรือทำผิดศีลผิดธรรมอื่น ๆ

บางคนนำไปใช้เพื่อนินทาด่าทอคนโน้นคนนี้ อันเป็นการสร้างอกุศลกรรมให้แก่ตนเอง

บางคนถึงกับนำโทรศัพท์มือถือไปใช้เพื่อเป็นตัวควบคุมระเบิดเพื่อฆ่ามนุษย์ผู้อื่น

ในอินเตอร์เน็ตนั้นมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ศึกษาค้นคว้ามากมาย
แต่เด็ก ๆ ที่เล่นอินเตอร์เน็ตก็ไม่ได้แปลว่าจะเล่นเพื่อการศึกษาเสมอไป

มีอยู่จำนวนมากเลยทีเดียวที่เล่นอินเตอร์เน็ตเพื่อเล่นเกมออนไลน์
โดยในเกมออนไลน์นั้น บางเกมก็เล่นเป็นทหารหรือนักรบถือปืน ระเบิด มีด ดาบ ฯลฯ

เพื่อไปวิ่งไล่ยิงไล่ฆ่าคนอื่น (ที่เล่นโดยคอมพิวเตอร์ หรือผู้เล่นเกมคนอื่นก็ตาม)

โดยยิ่งฆ่า ยิ่งฟันแทง ยิ่งระเบิดให้คนอื่น ๆ ตายได้เยอะ ๆ ก็ยิ่งชอบใจ และได้คะแนนเยอะ

(หารู้ไม่ว่าสิ่งที่สะสมเข้าไปในใจตนเองนั้นล้วนแล้วแต่เป็นอกุศลกรรมทั้งสิ้น)

ก็มีเด็กจำนวนมากมายที่เล่นเกมออนไลน์จนไม่เป็นอันเรียน และเสียอนาคต

เด็กบางคนมีความสามารถที่จะใช้อีเมล์ติดต่อกับเพื่อน ๆ ที่เรียนด้วยกันได้
แต่การใช้อีเมล์นั้น แทนที่จะเป็นไปเพื่อการช่วยกันทำงานกลุ่ม หรือแนะนำกันเรื่องเรียน

กลับเป็นไปเพื่อการลอกการบ้านเพื่อนเท่านั้นก็มี หรือเป็นไปเพื่อนัดหมายกันโดดเรียนไปเที่ยวก็มี

ผู้ใหญ่หลายคนก็เข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูล แต่กลับเป็นข้อมูลของสถานเริงรมย์

หรือข้อมูลของร้านขายสุรา เพื่อตนเองจะได้ไปเที่ยวไปดื่มในเวลากลางคืน
อันเป็นการทำให้เสียเงิน เสียเวลา และเพิ่มอกุศลแก่ตนเอง

ในสมัยก่อน หากจะส่งจดหมายลูกโซ่สักหนึ่งฉบับก็ต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายพอสมควร

แต่ในปัจจุบันนี้ จดหมายลูกโซ่เป็นสิ่งล้าสมัยมาก ๆ แต่อีเมล์ลูกโซ่กลับมีส่งเป็นการทั่วไป

ตอนแรกดูเหมือนว่าจะมีเจตนาดี ว่าส่งภาพ หรือส่งเรื่องดี ๆ มาให้คนอื่นอ่าน
แต่พอลงท้ายกลับแช่งคนอื่นแล้ว (อันเป็นอกุศลกรรม) ว่า

หากไม่ส่งต่อ จะฉิบหายอย่างนั้นอย่างนี้

หากส่งต่อจะเจริญรุ่งเรืองอย่างโน้นอย่างนั้น ซึ่งก็เป็นการเบียดเบียนหรือสร้างอกุศลให้คนอื่น ๆ

คนรับเขาอยู่ของเขาดี ๆ แต่คนส่งอีเมล์ลูกโซ่กลับไปสร้างโมหะ โทสะ และโลภะให้เขา

เช่น โดนแช่งแล้วเกิดโทสะ หรือหลงเฝ้าคิดแต่เรื่องอีเมล์

หรือมัวแต่จะคิดชื่อคนที่จะส่งให้ต่อ เป็นโมหะ
อยากจะเจริญรุ่งเรือง อยากจะโชคดี (แบบฟลุ๊กๆ) เป็นโลภะ เป็นต้น

โดยสภาพแล้ว เราจึงจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย

ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่เรา และไม่ได้ช่วยให้เราเกิดบุญกุศลเสมอไป
แต่อาจจะเป็นโทษแก่เรา และช่วยให้เราสร้างอกุศลยิ่งขึ้นอย่างมากมายเลยก็ได้

ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้ทันสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ เราโดนสิ่งเหล่านั้นหลอกและครอบงำหรือเปล่า

และเราใช้สิ่งเหล่านั้นไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร และใช้อย่างไร

http://www.dungtrin.com/