พญานาคราช 4 ตระกูล นครคำชะโนด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Ajarn Pithak, 23 พฤศจิกายน 2009.

  1. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ภาพการเล่นสงกรานต์ในอดีต
    <table align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr bgcolor="#FFFFCC"><td valign="center"> </td></tr> <tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    สงกรานต์ เป็นประเพณีของคนไทยที่ยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลานาน อัน ที่จริงมิใช่เฉพาะคนไทยในประเทศไทยเท่านั้น ที่ถือว่าประเพณีสงกรานต์มีความสำคัญ คนที่พูดภาษาตระกูลไท ก็ยึดถือปฏิบัติเช่นเดียวกัน เช่น ประชาชนในประเทศลาว ชาวรามัญ ชาวไทยใหญ่ในประเทศพม่า อันมีชายแดนติดกับภาคเหนือของไทย ชาวจีนที่พูดภาษาตระกูลไท ในแค้วนยูนนาน เป็นต้น สงกรานต์ เป็นคำที่ชาวบ้านทั่วไปนิยมใช้ คำเต็มที่ใช้ คือ ตรุษสงกรานต์


    ตรุษ แปลว่า ตัด หรือ ขาด หมายถึง ตัดปี ขาดปี หรือสิ้นปี ดังนั้น ตรุษ จึงหมายถึงพิธีแสดงความยินดีที่ปีเก่าผ่านไป การมีชีวิตรอดมาตลอดปีได้ ก็มีการแสดงความยินดี คนไทยแต่ก่อนนับเดือน เมษายน เป็นเดือนสิ้นปี และเริ่มปีใหม่ พิธีทำบุญวันตรุษ จะทำ ๓ วัน คือ เมื่อถึงเดือน ๔ วันแรม ๑๔ ค่ำ แรม ๑๕ ค่ำ และวันขึ้น ๑ ค่ำ ของเดือน ๕ จะมีการนิมนต์พระมาสวด และมีการทำบุญ ถวายอาหารและขอพรจากพระ เพื่อเป็นสวัสดิมงคล สันนิฐานว่าคนไทยรับนับถือพุทธศาสนา เลยรับแบบอย่างพิธีทำบุญวันตรุษตามแบบอย่างของลังกามาด้วย


    ส่วน สงกรานต์ แปล ว่า การย้ายที่ หรือ เคลื่อนที่ หมายถึง พระอาทิตย์ย้ายที่หรือเคลื่อนเข้าสู่ราศีใหม่ ซึ่งก็หมายถึง การขึ้นปีใหม่นั่นเอง คนจึงแสดงความยินดีที่มีชีวิตยืนยาวย่างเข้าสู่ปีใหม่ จึงต้อนรับปีใหม่ วันปีใหม่จะเป็นวันที่ ๑๓ ๑๔ และ ๑๕ เมษายนของทุกปี

    ขอให้เล่นสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน แต่ก็อย่าลืมวัฒนธรรมดีงามของไทยนะคะ


    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table> ที่มา ภาพการเล่นสงกรานต์ในอดีต : อาหารสมอง
    </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr><td> </td></tr></tbody></table>
     
  2. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ตำนานนางสงกรานต์
    <table align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr bgcolor="#FFFFCC"><td valign="center"> </td></tr> <tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top"> <table align="center" bgcolor="#F5F5F5" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr><tr><td align="center">
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="95%"><tbody><tr><td class="A2" valign="top">
    นางสงกรานต์ เป็นคติความเชื่ออยู่ในตำนานสงกรานต์ อันเป็นเรื่องเล่าถึงความเป็นมาของประเพณีดังกล่าว

    เป็น อุบายเพื่อให้คนโบราณได้รู้ว่าวัน มหาสงกรานต์ คือ วันที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ ซึ่งสมัยนั้นถือเป็นการเถลิงศกใหม่ หรือวันขึ้นปีใหม่ตามสุริยคติตรงกับวันใด โดยสมมุติผ่านนางสงกรานต์ทั้งเจ็ดเทียบกับแต่ละวันในสัปดาห์ ปีไหนตรงกับวันใดนางสงกรานต์ที่มีชื่อสมมุติเข้ากับวันนั้นๆก็จะเป็น ผู้อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมออกแห่ไปสรงน้ำ ซึ่งนางสงกรานต์ทั้งเจ็ดนี้ เป็นเทพธิดาลูกสาวท้าวกบิลพรหม และเป็นบาทบริจาริกาของพระอินทร์


    จาก ตำนานเล่าถึงท้าวกบิลพรหมแพ้พนันธรรมบาลกุมาร ต้องตัดเศียรออกบูชาธรรมบาลกุมารตามสัญญาแต่เนื่องจากพระเศียรของพระองค์ตก ไปอยู่ที่ใด ก็จะเป็นอันตรายต่อที่นั้นไม่ว่าจะเป็นบนอากาศ บนดินหรือในน้ำ ดังนั้น ธิดาทั้งเจ็ดจึงต้องนำพานมารองรับ และนำไปประดิษฐานไว้ในถ้ำคันธชุลี ณ เขาไกรลาส ครั้นถึงกำหนด ๓๖๕ วัน ซึ่งโลกสมมุติว่าเป็นปีหนึ่งเวียนมาถึงวันมหาสงกรานต์ เทพธิดาทั้งเจ็ดก็จะทรงพาหนะต่างๆผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรของบิดาออกแห่ โดยที่เทพธิดาทั้งเจ็ดนี้ปรากฏในวันมหาสงกรานต์เป็นประจำ จึงได้ชื่อว่า “นางสงกรานต์” ส่วนท้าวกบิลพรหมนั้น โดยนัยก็คือ พระอาทิตย์ นั่นเอง เพราะกบิล หมายถึง สีแดง นอกจากตำนานข้างต้น

    ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับนางสงกรานต์ที่กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะขอนำมาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมดังนี้

    นางสงกรานต์ของแต่ละวัน จะมีนาม อาหาร อาวุธ และสัตว์ที่เป็นพาหนะ ต่างๆ กันดังต่อไปนี้

    วันอาทิตย์ ชื่อ ทุงษ
    ทัดดอกทับทิม เครื่องประดับปัทมราค ภักษาหารผลมะเดื่อ อาวุธขวาจักร ซ้ายสังข์ พาหนะครุฑ

    วันจันทร์ ชื่อ โคราค
    ทัดดอกปีบ เครื่องประดับมุกดา ภักษาหารน้ำมัน อาวุธขวาพระขรรค์ ซ้ายไม้เท้า พาหนะเสือ

    วันอังคาร ชื่อ รากษส
    ทัดดอกบัวหลวง เครื่องประดับโมรา ภักษาหารโลหิต อาวุธขวา ตรีศูล ซ้ายธนู พาหนะสุกร

    วันพุธ ชื่อ มัณฑา
    ทัดดอกจำปา เครื่องประดับไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย อาวุธขวาเข็ม ซ้ายไม้เท้า พาหนะลา

    วันพฤหัสบดี ชื่อ กิริณี
    ทัดดอกมณฑา เครื่องประดับมรกต ภักษาหารถั่วงา อาวุธขวาขอ ซ้ายปืน พาหนะช้าง

    วันศุกร์ ชื่อ กิมิทา
    ทัดดอกจงกลนี เครื่องประดับบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำว้า อาวุธขวาพระขรรค์ ซ้ายพิณ พาหนะกระบือ

    วันเสาร์ ชื่อ มโหทร
    ทัดดอกสามหาว เครื่องประดับนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย อาวุธขวาจักร ซ้ายตรีศูล พาหนะนกยูง

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : songkran.net
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  3. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    คติธรรม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2011
  4. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    พระพุทธเจ้าทรงสอนอะไร


    [​IMG]

    สัจธรรมที่เป็นหลักใหญ่ในพระพุทธศาสนา คือ อริยสัจ ๔ อริยสัจ แปลว่า "สัจจะของผู้ประเสริฐ (หรือผู้เจริญ)" "สัจจะที่ผู้ประเสริฐพึงรู้" "สัจจะที่ทำให้เป็นผู้ประเสริฐ" หรือแปลรวบรัดว่า "สัจจะอย่างประเสริฐ" พึงทำความเข้าใจไว้ก่อนว่า มิใช่สัจจะตามชอบใจของโลกหรือของตนเอง แต่เป็นสัจจะทางปัญญาโดยตรง อริยสัจ ๔ คือ

    ๑. ทุกข์ ได้แก่ ความเกิด ความแก่ ความตาย ซึ่งเป็นธรรมของชีวิตและความโศก ความระทม ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ซึ่งมีแก่จิตใจและร่างกายเป็นครั้งคราว ความประจวบกับสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบ ความพลัดพรากจากสิ่งทีทรักที่ชอบ คงวามปรารถนาไม่สมหวัง กล่าวโดยย่อคือ กายและใจนี้เองที่เป็นทุกข์ต่าง ๆ

    ๒. สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา ความดิ้นรนทะยานอยากของจิตใจ คือ ดิ้นรนทะยานอยากเพื่อที่จะได้สิ่งปรารถนาอยากได้ ดิ้นรนทะยานอยากพื่อจะเป็นอะไรต่าง ๆ ดิ้นรนทะยานอยากที่จะไม่เป็นในภาวะที่ไม่ชอบต่าง ๆ

    ๓. นิโรธ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับตัณหา ความดิ้นรน ทะยานอยากดังกล่าว

    ๔. มรรค ทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ได้แก่ ทางมีองค์ ๘ คือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ อาชีพชอบ เพียรพยายามชอบ สติชอบ ตั้งใจชอบ

    ได้มีบางคนเข้าใจว่า พระพุทธศาสนามองในแง่ร้าย เพราะแสดงให้เห็นแต่ทุกข์และสอนสูงเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับได้ เพราะสอนให้ดับความดิ้นรนทะยายอยากเสียหมด ซึ่งจะเป็นไปยาก เห็นว่าจะต้องมีผู้เข้าใจดังนี้ จึงต้องซ้อมความเข้าใจไว้ก่อนที่แจกอริยสัจออกไป พระพุทธศาสนามิได้มองในแง่ร้ายหรือแง่ดีทั้งสองแต่อย่างเดียว แต่มองในแง่ของสัจจะ คือความเจริญ ซึ่งต้องใช้ปัญญาและจิตใจที่บริสุทธิ์ประกอบกันพิจารณา ตามประวัติพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้ามิได้ทรงแสดงอริยสัจแก่ใครง่าย ๆ แต่ได้ทรงอบรมด้วยธรรมข้ออื่นจนผู้นั้นมีจิใจบริสุทธิ์พอที่จะรับเข้าใจได้ แล้ว จึงทรงแสดงอริยสุจธรรมข้ออื่นที่ทรงอบรมก่อนอยู่เสมอ สำหรับคฤหัสถ์นั้น คือ ทรงพรรณนาทาน พรรณนาศีล พรรณนาผลของทาน ศีลที่เรียกว่า สวรรค์ (หมายถึงความสุขสมบูรณ์ต่าง ๆ ที่เกิดจาก ทาน ศีล แม้ในชีวิตนี้) พรรณาโทษของกาม (สิ่งที่ผูกใจให้รักใคร่ปรารถนา) และอานิสงส์ คือ ผลดีจากการที่พรากใจออกจากกามได้ เทียบด้วยระดับการศึกษาปัจจุบัน ก็เหมือนอย่างทรงแสดงอริยสัจแก่นักศึกษาชั้นมหาวิทยาลัย ส่วนนักเรียนที่ต่ำลงมาก็ทรงแสดงธรรมข้ออื่นตามสมควรแก่ระดับ พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงแสดงธรรมที่สูงกว่าระดับของผู้ฟัง ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย แต่ผู้ที่มุ่งศึกษาแสวงหาความรู้ แม้จะยังปฏิบัติไม่ได้ ก็ยังเป็นทางเจริญความรู้ในสัจจะที่ตอบได้ตามเหตุผล และอาจพิจารณาผ่อนลงมาปฏิบัติทั้งที่ยังมีตัณหา คือความอยากดังกล่าวอยู่นั่นแหละ ทางพิจารณานั้นพึงมีได้เช่นที่จะกล่าวเป็นแนวคิดดังนี้

    ๑. ทุก ๆ คนปรารถนาสุข ไม่ต้องการทุกข์ แต่ทำไมคนเราจึงยังต้องเป็นทุกข์ และไม่สามารถจะแก้ทุกข์ของตนเองได้ บางทียิ่งแก้ก็ยิ่งเป็นทุกข์มาก ทั้งนี้ก็เพราะไม่รู้เหตุผลตามเป็นจริงว่า อะไรเป็นเหตุของทุกข์ อะไรเป็นเหตุของสุข ถ้าได้รู้แล้วก็จะแก้ได้ คือ ละเหตุที่ให้เกิดทุกข์ ทำเหตุที่ให้เกิดสุข อุปสรรคที่สำคัญอันหนึ่งก็คือใจของตนเอง เพราะคนเราตามใจตนเองมากไป จึงต้องเกิดเดือดร้อน

    ๒. ที่พูดกันว่าตามใจตนเองนั้น โดยที่แท้ก็คือตามใจตัณหา คือความอยากของใจ ในขั้นโลก ๆ นี้ ยังไม่ต้องดับความอยากให้หมด เพราะยังต้องอาศัยความอยากเพื่อสร้างโลก หรือสร้างตนเองให้เจริญต่อไป แต่ก็ต้องมีการควบคุมความอยากให้อยู่ในขอบเขตที่สมควร และจะต้องรู้จักอิ่ม รู้จักพอในส่งที่ควรอิ่ม ควรพอ ดับตัณหาได้เพียงเท่านี้ ก็พอคราองชีวิตอยู่เป็นสุขในโลก ผู้ก่อไฟเผาตนเองและเผาโลกอยู่ทุกกาลสมัยก็คือ ผู้ที่ไม่ควบคุมตัณหาของใจให้อยู่ในขอบเขต ถ้าคนเรดามีความอยากจะได้วิชาก็ตั้งใจพากเพียรเรียน มีความอยากจะได้ทรัพย์ ยศ ก็ตั้งใจเพียรทำงานให้ดี ตามกำลังตามทางที่สมควร ดังนี้แล้วก็ใช้ได้ แปลว่า ปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ในทางโลกและก็อยู่ในทางธรรมด้วย

    ๓. แต่คนเราต้องการมีการพักผ่อน ร่างกายก็ต้องมีการพัก ต้องให้หลับ ซึ่งเป็นการพักทางร่างกาย จิตใจก็ต้องมีเวลาที่ปล่อยให้ว่าง ถ้าจิตใจยังมุ่งคิดอะไรอยู่ไม่ปล่อยความคิดนั้นแล้วก็หลับไม่ลง ผู้ที่ต้องการมีความสุขสนุกสนานจากรูปเสียงทั้งหลาย เช่น ชอบฟังดนตรีที่ไพเราะ หากจะถูกเกณฑ์ให้ต้องฟังอยู่นนานเกินไป เสียงดนตรีที่ไพเราะที่ดังจ่อหูอยู่นานเกินไปนั้น จะก่อให้เกิดความทุกข์อย่างยิ่ง จะต้องการหนีไปให้พ้น ต้องการกลับไปอยู่กับสภาวะที่ปราศจากเสียง คือความสงล จิตใจของคนเราต้องกาความสงบดังนี้อยู่ทุกวัน วันหนึ่งเป็นเวลาไม่น้อย นี้คือความสงบใจ กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความสงบ ความดิ้นรนทะยานอยากของใจ ซึ่งเป็นความดับทุกข์นั่นเอง ฉะนั้น ถ้าทำความเข้าใจให้ดีว่า ความดับทุกข์ก็คือความสงบใจ ซึ่งเป็นอาหารใจที่ทุก ๆ คนต้องการอยู่ทุกวัน ก็จะค่อยเข้าใจในข้อนิโรธนี้ขึ้น

    ๔. ควรคิดต่อไปว่า ใจที่ไม่สงบนั้น ก็เพราะเกิดความดิ้นรนขึ้น และก็บัญชาให้ทำ พูด คิด ไปตามใจที่ดิ้นรนนั้น เมื่อปฏิบัติตามใจไปแล้วก็อาจสงบลงได้ แต่การที่ปฏิบัติไปแล้วนั้น บางทีชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียวก็ให้เกิดทุกข์โทษอย่างมหันต์ บางทีก็เป็นมลทินโทษที่ทำให้เสียใจไปช้านาน คนเช่นนี้ควรทราบว่า ท่านเรียกว่า "ทาสของตัณหา" ฉะนั้น จะมีวิธีทำอย่างไรที่จะไม่แพ้ตัณหา หรือจะเป็นนายของตัณหาในใจของตนเองได้ วิธีดังกล่าวนี้ก็คือ มรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ได้แก่

    ๑. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ คือ เห็นอริยสัจ ๔ หรือเห็นเหตุผลตามเป็นจริง แม้โดยประการที่ผ่อนพิจารณาลงดังกล่าวมาโดยลำดับ

    ๒. สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ คือ ดำริ หรือคิดออกจากสิ่งที่ผูกพันให้เป็นทุกข์ ดำริในทางไม่พยาบาทมุ่งร้าย ดำริในทางไม่เบียดเบียน

    ๓. สัมมาวาจา วาจาชอบ แสดงในทางเว้น คือ เว้นจากการพูดเท็จ เว้นจากการพูดส่อเสียดให้แตกร้าวกัน เว้นจากพูดคำหยาบร้าย เว้นจากพูดเพ้อเจ้อไม่เป็นประโยชน์

    ๔. สัมมากัมมันตะ การงานชอบ แสดงในทางเว้น คือ เว้นจากการฆ่า การทรมาน เว้นจากการลัก เว้นจากการประพฤติผิดในทางกาม

    ๕. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตชอบ คือเว้นจากมิจฉาอาชีวะ (อาชีพผิด) สำเร็จชีวิตด้วยอาชีพที่ชอบ

    ๖. สัมมาวายามะ เพียรพยายามชอบ คือเพียรระวังบาปที่ยังไม่เกิดมีให้เกิดขึ้น เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว เพียรทำกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วมิให้เสื่อม แต่ให้เจริญยิ่งขึ้น

    ๗. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ระลึกไปในที่ตั้งของสติที่ดีทั้งหลาย เช่น ในสติปัฏฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม

    ๘. สัมมาสมาธิ ตั้งใจชอบ คือ ทำใจให้เป็นสมาธิ (ตั้งมั่นแน่วแน่) ในเรื่องที่ตั้งใจจะทำในทางที่ชอบ

    มรรคมีองค์ ๘ นี้ เป็นทางเดียว แต่มีองค์ประกอบเป็น ๘ และย่อลงได้ในสิกขา (ข้อที่พึงศีกษาปฏิบัติ) คือ
     
  5. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    หายไปไหนหมด หน้อผู้คนแห่งนี้
     
  6. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,166
    ค่าพลัง:
    +3,212
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Z6fmWmodtNY&feature=related]YouTube - Lakorn Thai - Kasanaka[/ame]
     
  7. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    <LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    ยกทัพมา หาเพื่อนพ้อง น้องพี่
     
  8. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    <LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]
    อีกขบวนทัพ มาเพื่อไมตรีจิต เพื่อนพ้องน้องพี่
    (084-7977755)
     
  9. runkey

    runkey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +1,879
    ดอกบัว 5 ยอด ค้นหาความจริง

    ขอเชิญพี่น้องทุกคนมาร่วมค้นหาความจริงของเรากันครับ
     
  10. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    สวัสดีครับทุกท่านที่มาเยือนกระทู้นี้ครับ ว่าแต่สวยงามดีนะครับ
     
  11. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    สวัสดีนะครับชื่ออะไรหรอครับ ยินที่รู้จักนะครับ
     
  12. runkey

    runkey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +1,879
    ครับ ชื่อ นิรันดร์ วิพันธุ์เงิน เข้ามาในเว็ปนี้ก็หลายครั้ง ตอนนั้นยังไม่ค่อยชัดเจน แต่ตอนนี้พอจะเข้าใจความเป็นไปมากขึ้นแล้ว รู้สึกผูกพันธุ์กับน้ำและที่นี่อย่างบอกไม่ถูก...เป็นความในใจลึก ๆ ยากจะจับเป็นอารมณ์ได้ แต่ก็ค่อย ๆผุดขึ้นมา...ยินดีครับที่ได้รู้จักกับทุกคน ณ ที่นี้ หวังว่าสักวัน โอกาสดีดีมาถึง เราคงได้มาทำหน้าที่ร่วมกันนะคับ
     
  13. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,166
    ค่าพลัง:
    +3,212
    คำว่าพุทโธไม่มี หายเงียบเลย มีแต่ความสว่างไสวความอัศจรรย์ จำเอานะพี่น้องทั้งหลาย ที่สุดของพุทโธหยุดกึ๊ก เป็นอันเดียวเท่านั้นนะ คำว่าพุทโธๆ หยุดนะ
     
  14. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,166
    ค่าพลัง:
    +3,212
    เวลาจะถึงจุดนั้นหยุดกึ๊กเลย สว่างไสวไปหมด เป็นเองโดยที่เราไม่เคยคาดเคยคิด มันเป็นของมันเอง

    นี่จึงได้นำมาเล่าให้บรรดาพี่น้องลูกหลานทั้งหลายฟัง พุทโธจึงไม่ใช่ของง่าย ของอัศจรรย์มากพุทโธ เรานี่ชอบพุทโธมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ภาวนามีแต่พุทโธๆ ติดกันเรื่อย ทุกวันนี้นิสัยกับพุทโธก็ไม่แยกจากกันนะ เป็นพุทโธอยู่ตลอดอย่างนั้นละ พุทโธนี่เลิศเลอ พุทโธคือองค์ศาสดาทุกๆ พระองค์ พุทโธคือพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ มารวมอยู่ที่นั้นหมดเลย

    ได้มาเยี่ยมพี่น้องทั้งหลายเป็นครั้งเป็นคราว ก็นับว่าดีกว่าตายไปเสียไม่ได้มา นี่ได้มาล่ะนี่ เราก็เร่งดูของเราเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นจึงรีบไปนู้นไปนี้ บอกใครไม่ได้หากรู้อยู่กับจิตเจ้าของเอง ไปนู้นไปนี้มีอยู่ในจิตบอกใครไม่ได้ แต่ให้ไปเข้าใจเองนะ เข้าใจไหมให้เข้าใจเอาเอง บอกใครไม่ได้ เพราะอย่างนั้นจึงต้องเร่ง ไปนู้นมานี้เร่งๆ เร่งตามความรู้สึกที่เป็นอยู่นี้ ที่อื่นยังมีเงื่อนต่ออันนี้ไม่มีเงื่อนต่อไม่มี มีแต่ความเมตตาโลกสงสารเท่านั้น สำหรับของเรานี้สุดกุดด้วนเลย ไม่มีที่ไปก่อกำเนิดเกิดที่ไหนอีก แน่ใจไม่มี หมดโดยสิ้นเชิง มีแต่ความเมตตากับพี่น้องทั้งหลาย ขอให้ยึดพุทโธหรือธัมโมหรือสังโฆนี้ไว้ให้ได้ ธรรมประเภทนี้จะเข้าสู่หัวใจเราทุกคน ประเภทที่ได้บอกนี่นะเป็น เป็นอยู่ในนั้นนะ

    มันก็มีวาสนาอยู่ เราพิจารณาเรา ตอนป่วยหนักถึงขั้นพ่อกับแม่มานั่งสองข้างมีนะ ป่วยหนักจริงๆ แทบจะไม่พ้นจากคืนวันนั้น พ่อกับแม่เรามานั่งสองข้าง แม่เป็นคนใจอ่อน พ่อไม่ค่อยพูด แต่แม่เป็นคนใจอ่อน “จะไปเดี๋ยวนี้ลูก” แม่พูดออกมา “อย่าด่วนไป ลูกยังไม่ได้บวชให้แม่ ให้บวชเสียก่อนให้แม่หายสงสัย” เท่านั้นละ พอมันจะไปหายวันหายคืน ออกจากนั้นก็บวชเลย แน่ะเป็นอย่างนั้นนะแปลกอยู่ แม่เป็นคนใจอ่อน ไม่เหมือนพ่อพ่อไม่พูด มานั่งขนาบสองข้าง เราเหมือนจะไปคืนวันนั้น แม่เป็นคนอ่อน “จะไปเดี๋ยวนี้เชียวเหรอลูก” ว่าอย่างนั้นนะ ขึ้นไปนั่ง “จะไปเดี๋ยวนี้เชียวเหรอลูก ลูกยังไม่ควรไปเพราะลูกยังไม่บวช” ว่าอย่างนั้น “ให้ลูกบวชเสียก่อน แม่จะได้หายสงสัย” เท่านั้นละหายวันหายคืน จากนั้นปั๊บก็บวชเลย พอหายป่วยแล้วก็บวช หายป่วยคราวนั้นแล้วบวช

    บวชก็บวชง่ายมาก บทเวลาจะบวชบวชง่ายมากนะ อะไรๆ มาพร้อมหมดเลยเวลาจะบวช พ่อก็พอใจ แม่ก็พอใจ เป็นเสียงเดียวกัน บอกให้พี่ชาย..พี่ชายเคยบวชเป็นเณรมาแล้ว พ่อเป็นคนสั่ง จะบวชแล้วให้ไปหาบริขารดีๆ มาบวชลูก พี่ชายมันเคยบวชแล้วมันรู้จักบริขารของพระได้ดี ให้พี่ชายไปหามา เราจะบวช ก็หามาจริงๆ ได้มาปั๊บบวชปุ๊บเลย

    พอบวชแล้วจิตใจมันดีอกดีใจจะไปสวรรค์เพราะการบวช พอบวชอยู่ไปอีกคิดไปอีก บวชไปสวรรค์นี้ก็หลายวันหลายคืนก็ยังจะต้องลงมา ว่าอย่างนั้นนะจิตเจ้าของ แล้วไปอย่างไรจะไม่ลง ไปพรหมโลกก็ลง แล้วนิพพานไม่ลงว่าอย่างนั้นนะ เอานิพพานติดจิตเลย ไปนิพพานไม่ลง เอานิพพานนะ ติดจิตปึ๊บเลย จิตติดนิพพานนะพุ่งๆ ใส่นิพพาน ทีนี้ไม่เคลื่อนนะ ตรงเป๋งทางนิพพานเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ จิตรู้สึกว่าแน่นอนมาก เวลาบวชเข้าไปการปฏิบัติศีลธรรมก็แน่ใจ ไม่มีเคลื่อนไหวทางผิดพลาดอะไร ตั้งใจปฏิบัติ จิตใจเอิบอิ่มด้วยศีลด้วยธรรมไปตลอด

    ทีนี้บวชแล้วมันเลยคิดเรื่องสึกนะ ทีแรกก็ธรรมดาเหมือนโลกเขาบวชนะ เรื่องบวชเรื่องสึกคิดเป็นธรรมดาเป็นคู่เคียงกัน ไม่สึกไม่มี บวชแล้วค่อยดื่มไปๆ ดื่มไปเรื่อย คำว่าสึกไม่มี มีแต่ดื่มเรื่อยๆๆ สุดท้ายจิตก็มุ่งสู่นิพพานเลย เพราะฉะนั้นที่เราบวชนี้จึงพุ่งถึงนิพพานเลย ไม่ได้แวะที่ไหนสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ไม่แวะ ไปชั้นนั้นดูแล้วผ่าน ดูแล้วผ่าน ชั้นไหนก็ดูแล้วผ่าน มานิพพานติดกึ๊กเลย เอานิพพาน จะไม่กลับมาเกิดอีก จิตติดปั๊บเลย

    เพราะอย่างนั้นมันถึงเหนียวแน่นถึงเรื่องจิตตภาวนา เหนียวแน่นมากนะเรา ภาวนาเอาจริงเอาจังมาก จากนั้นมาก็ลืมแล้วการบวชของเจ้าของ จำได้แต่ว่ามีข้อหนักแน่นโดยลำดับ หนักแน่นในการบวช หนักแน่นต่อมรรคผลนิพพานโดยลำดับลำดา ไม่ได้มาคิดถึงเรื่องการสึกการอะไรไม่มี ไปเรื่อยจนกระทั่งทุกวันนี้ หมดเลยไม่มีเงื่อนต่อ พอไปถึงที่นี่แล้วจะว่าเป็นอย่างไรมันพอในใจ ภาวนาพอในใจ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วหยุดกึ๊กเลย ไม่สนใจเรื่องสึกเรื่องหาอะไรไม่สนใจ มีแต่ความพอ พอแล้ว ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันนั้นคือพออยู่ที่นั่นนะ ไม่ได้อยู่ที่นี่ที่นั่นนะ มาอยู่กับธรรมกับใจเป็นอันเดียวกัน นั่นละคือพอ พออยู่ตรงนั้น หยุดกึ๊กเลย แล้วตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ใครจะว่าโอ้ว่าอวดก็ว่าเสีย ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วพอ พอตลอด พอตลอดอนันตกาลด้วย ไม่ได้พอธรรมดานะ พอตลอดอนันตกาล หายห่วงหมดโดยสิ้นเชิง มีเท่านั้นละ จำให้ดีนะ

    เพราะฉะนั้นจึงว่าบวชคราวนี้เป็นบวชครั้งสุดท้ายด้วย เกิดคราวนี้เป็นเกิดครั้งสุดท้ายด้วย จะไม่กลับมาเกิดอีกและจะไม่กลับมาตายอีกต่อไป สุดขีดแล้วในการบำเพ็ญความดีของเราได้บำเพ็ญเต็มกำลังความสามารถ เรียกว่าสุดกำลังไม่อยากไปไหนล่ะ พอ ลงธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วพอ หมดเลย พากันเข้าใจเอานะ เท่านั้นละ ไม่พูดมากละ นี่เข้าถึงขั้นธรรมกับใจเป็นอันเดียวกัน ไม่ไปไหนทีนี้ ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ทีนี้จะให้พรพี่น้องทั้งหลายนะ

    วันนี้พูดย่อๆ แต่มันเด็ดขาดดีนะวันนี้ เข้าใจไหม พูดวันนี้ย่อๆ แต่มีแต่เนื้อๆ เลย เราก็พูดเต็มยศ เรียกว่าเต็มยศในชาตินี้ของเรา ชาตินี้เรียกว่าเป็นชาติสุดท้ายของเรา หมดทุกอย่างในหัวใจ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วหมด ไม่มีที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนอีกไม่มี เรียกว่าสิ้นสุดเพียงเท่านี้ สมเหตุสมผลบวชคราวนี้นะ สมใจถึงใจเลยบวชคราวนี้ ไม่มีที่สงสัยว่าจะยังบกพร่องอะไรอีกไม่มี หมด

    ขอให้พี่น้องทั้งหลายตั้งใจปฏิบัติความดี ความดีเมื่อเข้าถึงขีดแล้วหมด ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันเลย นั่นละถึงขีดของการบำเพ็ญความดี พอไปถึงนั้นแล้วธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วหมดตรงนั้นนะ ไม่หาอะไรอีกแล้วหมด จะให้พร อยู่ไปวันหนึ่งๆ ธาตุขันธ์อ่อนลงๆ เรื่องธาตุขันธ์นี้อ่อนมาก มีแต่จิตเท่านั้น จิตไม่มีวัย จิตไม่มีวัย มองดูเมื่อไรเห็นสว่างจ้าอยู่อย่างนั้น มันธรรมดามันครอบโลกธาตุนู่นไม่ใช่ธรรมดา มันครอบโลกธาตุ จึงว่าหายห่วงทุกอย่าง เกิดมาในชาตินี้บวชมาในเพศนี้ว่าหมดทุกอย่างล่ะ หายสงสัยไม่หวังจะเอาอะไรอีก หมดเลย เท่านั้นละต่อไปนี้จะให้พรบรรดาลูกศิษย์ลูกหา

    พูดให้มันชัด สุดล่ะชาติของเราสุดเพียงเท่านี้ หมดๆเลย ความเกิดความตายไม่มีเงื่อนต่อล่ะ พอ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วพอ เรียกว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา จะไม่ต้องกลับมาเกิดอีกแล้ว ฟังให้ชัดนะ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายจะไม่กลับมาเกิดมาตายอีกต่อไป สิ้นสุดวิมุตติหลุดพ้นกับนิพพานเป็นอันเดียวกัน
     
  15. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,166
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ความเมตตากับใจเป็นอันเดียวกัน อ่อนนิ่มไปหมดเลย จะมีนิดหนึ่งไม่ได้นะ มีในจิตนิดหนึ่งไม่ได้ ว่าผิดเจตนาจะมีนิดหนึ่งไม่ได้ต้องตามไล่กลับคืนให้หมด อย่างที่ว่าละ เงินที่เขานับไปเราไปนับใหม่อีกขาดไปตั้ง ๒๐ บาท กลับคืนไปให้เขาอีก เขาก็ไหว้แล้วไหว้เล่าเขาไม่เคยเห็น ไม่เคยเห็นก็ดูเสีย เอาเงินไป เอาเงินให้แล้วก็กลับ ย้อนรถกลับ เป็นอย่างนั้นละ จิตนี้ถ้าลงมันได้อ่อนมันอ่อนจริงๆ ไม่ใช่ธรรมดา ถ้าพูดว่าแข็งก็แข็งเหนือโลก ถ้าว่าอ่อนก็อ่อนเหนือโลก เป็นอย่างนั้นละจิตอ่อนนิ่มไปหมดเลย ไม่มีที่จะเอารัดเอาเปรียบผู้ใด ไม่มีเลย เรียกว่าเม็ดหินเม็ดทรายก็ไม่มี มันขัดข้องอย่างไรนับอีก
     
  16. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,166
    ค่าพลัง:
    +3,212
    นาคส่วยใหญ่ก้อต้องเข้าสู่การบรรลุธรรม จิตล้วนๆที่ต้องทำการพัก และระลึกถึง
    หลวงตาสอนไว้ดีแล้วคัดให้อ่านนะ
     
  17. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,166
    ค่าพลัง:
    +3,212
    เป็นหลักธรรมชาติของจิตดวงนี้ที่มีความเมตตาเต็มหัวใจ ใจดวงนี้มีแต่ความเมตตาทั้งนั้น ไม่มีอะไรเจือปน แต่ก่อนมีแต่กิเลสความเห็นแก่ได้แก่เอาแก่ร่ำแก่รวยคดโกงรีดไถ กิเลสเข้าไปตรงไหนเป็นไฟเผาไหม้ไปเลย ธรรมเข้าไปตรงไหนเป็นน้ำดับไฟๆ มุดมอดๆ มีแต่ความชุ่มเย็น นี่เราก็พาพี่น้องทั้งหลายเป็นน้ำดับไฟช่วยชาติบ้านเมืองของเรา ก็รู้สึกว่าได้เป็นชิ้นเป็นอันมาเป็นลำดับลำดา

    การเทศนาว่าการนี่รู้สึกในเมืองไทยจะไม่มีใครสู้หลวงตาบัวละ อ้าว จริงๆ พูดจริงๆ เพราะเทศน์ออกจากนี้แล้วมันก็ออกทางวิทยุใช่ไหมล่ะ ออกเทปออกอะไร ออกทั่วประเทศ ออกนอกประเทศนู่น กว้างขวางมากอยู่ ในเมืองไทยก็เรียกว่าทุกภาค เทศน์ทุกภาคเลย ภาคไหนไม่ได้ไปเทศน์ไม่มี เทศน์ทุกภาคๆ ช่วยเต็มกำลังความสามารถ เจ้าของไม่เอาอะไร แบ ไม่เอา ไม่เอาอะไร พอ เราพอทุกอย่างแล้ว

    เกิดมาในชาตินี้พูดให้ชัดเจนว่าเกิดมาในชาตินี้เป็นชาติที่เราล้างป่าช้า ความเกิดแก่เจ็บตายที่เป็นมากี่กัปกี่กัลป์ในตัวของเราเอง เพราะจิตดวงนี้ละ ขาดสะบั้นไปหมดแล้ว เป็นเวลา ๕๘ ปี เอาพูดให้ชัดเจน กิเลสตัวพาให้เกิดแก่เจ็บตายมาขาดสะบั้นลงไปได้ ๕๗-๕๘ ปีนี้แล้ว เพราะฉะนั้นจึงว่ามาล้างป่าช้าชาตินี้ ชาตินี้เป็นชาติมาล้างป่าช้า ความเกิดแก่เจ็บตายไม่มี จะเข้าในทำนองที่ว่าพระพุทธเจ้าทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตรแก่เบญจวัคคีย์ทั้งห้าก็ไม่ผิด เพราะธรรมอันเดียวกัน รู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน พูดอย่างเดียวกันได้ ทำไมจะพูดไม่ได้ ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นธรรมสอนโลกนี่นะ

    ญาณญฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ ญาณความรู้ความเห็นอันเลิศเลอได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราตถาคต นี่สอนเบญจวัคคีย์ทั้งห้า อกุปฺปา เม วิมุตฺติ ความหลุดพ้นของเราโดยสิ้นเชิงจากโลกนี้ไม่มีการกำเริบอีกแล้ว อยมนฺติมา ชาติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว ต่อไปนี้เราจะไม่กลับมาตายกองกันอีกเหมือนสัตว์โลกทั้งหลายที่เป็นอยู่เวลานี้เลย นี่พระพุทธเจ้าแสดงแก่เบญจวัคคีย์ทั้งห้า

    พระอัญญาโกณฑัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุพระโสดา กระแสพระนิพพานพาดพิงถึงปึ๋งเลยในเวลานั้น ขึ้นอุทานทันที พอพระพุทธเจ้าเทศน์อันนี้จบลงปั๊บ พระอัญญาโกณฑัญญะก็ขึ้นอุทานเลยว่า ยงฺกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมํ สิ่งใดก็ตามเกิดขึ้นแล้วดับทั้งนั้น อันนี้ไม่ดับ อันนี้เป็นเครื่องยืนยัน ในปริยัติท่านแสดงไว้ว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา นี้ท่านพูดกลางๆ แต่พูดเหน็บลงกับท่านผู้รู้ธรรมเห็นธรรมประเภทนี้จะไม่เป็นอย่างนั้น จะออกอุทานผางเลยทีเดียว สิ่งใดก็ตามเกิดแล้วดับทั้งนั้น อะไรไม่ดับ อันนี้ไม่ดับ

    นั่น เครื่องยืนยัน พระนิพพานไม่ดับ พาดพิงถึงแล้วตั้งแต่บรรลุโสดา กระแสพระนิพพานเข้าถึงแล้ว นั่นเรียกว่าพระโสดา บรรลุ กระแสแห่งพระนิพพานเข้าถึงแล้วเป็นอันว่าแน่ที่สุดเลย อย่างช้าก็ ๗ ชาติ กลางก็ ๓ ชาติ ชาติอุกฤษฏ์ก็คือชาติเดียว อาจบรรลุในชาตินั้นก็ได้ อย่างพระอานนท์สำเร็จพระโสดาขึ้นเป็นอรหันต์ในชาตินั้นก็ได้ แล้วกลับมาเกิดอีกชาติหนึ่งก็ได้ เป็นอย่างนั้นละ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างแน่นอน ขอให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ

    นี่ก็ปฏิบัติหาที่ค้านพระพุทธเจ้าไม่ได้เลย ภาคปฏิบัตินะภาคจับธรรมะของพระพุทธเจ้าจริงแท้แน่นอนขนาดไหนกับท่านผู้รู้ทั้งหลาย นับแต่พระพุทธเจ้าลงมา ผู้ปฏิบัตินั้นละจะตามรอยแกะรอยถึง เรื่องราวของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไรต่ออย่างไรบ้างนี่ยอมรับหมดเลย นี่แกะรอยด้วยภาคปฏิบัติ เพียงเรียนเฉยๆ เป็นหนอนแทะกระดาษถ้าไม่สนใจปฏิบัติไม่เกิดประโยชน์อะไร เหมือนนกขุนทองแก้วเจ้าขาๆ เอาแก้วมาให้ไม่รู้ ถ้าเอาผลไม้มาให้ปั๊บๆๆ ยิ่งกว่าลิง

    เป็นอย่างนั้นละธรรมถ้าลงได้เข้าถึงใจแล้ว สิ่งใดก็ตามเกิดแล้วดับทั้งนั้น นี่พระอัญญาโกณฑัญญะออกอุทาน จะไม่ว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา นี้เป็นปริยัติท่านพูดไว้เป็นกลางๆ เสมอ แต่สำหรับท่านผู้รู้ธรรมเห็นธรรมจะออกอุทานทันทีเลย สิ่งใดก็ตามเกิดแล้วดับทั้งนั้น อะไรไม่ดับ อันนี้ไม่ดับ นั่นได้เครื่องยืนยันปุ๊บขึ้นมารับกันแล้วกับสิ่งใดก็ตามเกิดแล้วดับทั้งนั้น อันนี้ไม่ดับ นี่ละแน่นอน พระอัญญาโกณฑัญญะได้รู้ธรรมเห็นธรรม

    ธรรมพระพุทธเจ้าให้พากันไปปฏิบัตินะ อย่าให้แต่กิเลสมันเหยียบย่ำทำลายวันไหนๆ ก็ดี ให้มีธรรมเหยียบหัวกิเลสบ้างซิ ไม่อย่างนั้นจะฉิบหายนะ เมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธ เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นเมืองผีไปหมดแล้ว แม้แต่เข้ามาในวัดมันก็เอาผีเข้ามาด้วย ถ้าวันไหนเจอกับเราพอดี ถ้าวันไหนไม่เจอกับเรามันสนุกละผีมันเข้ามาในวัด เพ่นพ่านๆๆ ดูนั้นดูนี้ เถ่อนั้นเถ่อนี้ หูตาลืมแต่ใจบอด มันไม่ได้สังเกตอะไร ดูเป็นคติตัวอย่างไม่มีนะ เพลินมา ดูมา เพลินมา อย่างนั้นอย่างนี้เพลินมา มันไม่ได้ดูเป็นคติเครื่องสอนใจ มีน้อยมากผู้เอาไปเป็นคติ ไอ้ที่เถ่อมามีมากต่อมาก จึงน่าสลดสังเวช อำนาจของกิเลสทับถมหัวใจสัตว์นี้ตามีร้อยดวงก็ไม่มีความหมาย กิเลสปิดตาเดียวเท่านั้นพอ มืดมิดไปหมด
     
  18. runkey

    runkey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +1,879
    เรือลำนี้เป็นเรือลำเดียวกันคับ ตรงกัน ขออนุโมนทนาบุญครับผม ที่ว่างยังมีอยู่ แต่คนมองไม่เห็น บางคนอาจมองเห็นแต่คิดว่าไม่น่าไป อยู่ในน้ำยังสบายใจกว่า
     
  19. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ยินดีมากเลยครับผม สำหรับข้อมูล ข้อความดีๆ ที่มาแบ่งปั่นกันครับ
     
  20. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    มีอะไรทิ้งข้อความใว้ในกระทู้นี้ได้นะครับ หากผมตอบได้ผมก็จะตอบครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...