พืชและสมุนไพรชนิดใดสามารถป้องกันสารกัมมันตภาพรังสีได้บ้าง

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Mr.tom, 20 เมษายน 2011.

  1. Mr.tom

    Mr.tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    269
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,185
    <O:p</O:p

    <O:p</O:p



    <O:p</O:p<O:p</O:pขอตั้งกระทู้รวบรวมข้อมูลเพื่อเป็นองค์ความรู้นะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 เมษายน 2011
  2. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    เท่าที่รู้มี สาหร่ายเกลียวทอง (ตอนนี้มีขายเป็นแคปซูล) ว่านรางจืด (ป้องการกินอาหารที่มีสารกัมมันตภาพรังสี) แต่ไม่รู้ว่า ว่านรางจืด มีใครทำเป็นยาสำเร็จรูปหรือยัง ผมกำลังหาต้นกล้า เอาไปปลูกอยู่
     
  3. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    ถ้าโดนเต็มๆ ไม่มีสมุนไพรอะไรหยุดได้หรอกครับ

    แต่ถ้าแบบซึมเข้าสู่ร่างกายแล้วไปสะสมที่ตับ รอขบวนการกำจัดออก
    อย่างนี้สาหร่ายเกลียวทองหรือรางจืดพอช่วยได้ ครับ
    แต่อาจจะต้องทำ coffee enema ช่วยอีกแรงนึง

    แต่ที่แน่ๆ หาวัตถุมงคลของพระเดชพระคุณที่ระบุมาแล้วว่าป้องกันได้ เอามาติดตัวดีกว่าครับ
     
  4. ภูติอาคเนย์

    ภูติอาคเนย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +1,326
    ตามทฤษฏี กัมมัตภาพรังสี จะเข้าไปก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับเซลล์ คือทำลายและก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับเซลล์อย่างรวดเร็ว ถ้าทางแก้คือการฟื้นฟูเซลล์กลับมีสองอย่างที่นึกออก
    1.ผลไม้บางประเภทที่มีฤทธิ์ รีเจเนอเรตโดยตรง เช่น มะตูม ว่านขันหมากเศรษฐี มะขามป้อม บัวหิมะธิเบต และผลไม้บางชนิดจำไม่ค่อยได้แล้วต้องลองค้นหาดู
    2.เซลล์จากจุลินทรีย์ที่ไม่สังเคราะห์แสงบางชนิดมีฤทธิ์ regenerate cell ได้ (ทดลองโดย ดร.ฮิหง่ะ โดยใช้น้ำหมักชีวภาพเทใส่ใบมีดโกน ที่ผ่านการใช้แล้ว เปรียบเทียบกับใบมีดที่ใช้แล้วแต่ไม่ผ่านการใช้น้ำหมักชีวภาพ)
    อันนี้ค่อนข้างจะดูลึกลับนิดนึง จริงๆอาจต้องเอานาโนเทคโนโลยีกับควันตัมฟิสิกส์มาอธิบายกันเลยทีเดียว ซึ่งวิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังหาคำตอบลำบากอยู่ ตอนนี้รู้แต่ว่าจุลินทรีย์ไม่สังเคราะห์แสงในน้ำหมักเหล่านั้นมีผลในการรีเจเนอเรทจริงและมีผลต่อแรงดึงดูดด้วย (งงเข้าไปใหญ่เหอๆ)

    อันนี้เขาบอกว่าทดลองใช้กับที่เชอโนบิลแล้ว
    5. มลภาวะจากกัมมันตรังสี
    ขณะที่ผมกำลังเขียนเอกสารอยู่นี้ ยังไม่ทราบว่าเหตุการณ์ที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ฟุกุชิมะ เป็นอย่างไรบ้าง แต่ผมขอเสนอการใช้อีเอ็มดังนี้ เช่นที่เคยเกิดที่เชอร์โนบิล อีเอ็มได้ถูกนำไปใช้ที่เบลารุสที่ลมจากเชอร์โนบิลพัดไปทาง ตั้งแต่วันเกิดเหตุที่เชอร์โนบิล จนกระทั่งทุกวันนี้ เราได้ร่วมทำงานวิจัยกับสถาบันกัมมันตรังสีแห่งเบลารุส เรื่องการใช้อีเอ็มเทคโนโลยีในการแก้ปัญหากัมมันตรังสี ได้ผลหลายอย่างดังนี้
    5.1) คนที่ถูกกัมมันตรังสี ดื่ม อีเอ็ม เอ็กซ์โกลด์ (EM.X Gold) วันละ 30-50 ซีซี เป็นเวลา 1 เดือน สุขภาพกลับเป็นปกติ คนที่ถูกกัมมันตรังสีจะมี 2 ลักษณะ คือถูกเฉพาะภายนอกเท่านั้น กับทะลุเข้าไปข้างในร่างกายด้วย เมื่อครบ 1 เดือนหยุดดื่มก็ไม่มีอาการผิดปกติเกิดขึ้น
    อีกเรื่องหนึ่งคือระเบิด ปรมาณูที่ถล่มเมืองฮิโรชิมา คนที่มีชีวิตอยู่ได้รับรังสี หลังจากดื่มอีเอ็ม เอ็กซ์โกลด์แล้วก็ปกติ นอกจากนั้นเรายังมีงานวิจัยที่ใช้หนูเป็นตัวทดลอง ซึ่งก็มีผลงานวิจัยแสดงอยู่แล้ว เพราะว่าใน อีเอ็มเอ็กซ์โกลด์ มีพลังแอนติออกซิเดชั่น(Anti-oxidation) พลังแอนติ ไอโอไนเซชั่น (Anti-ionization) และพลังสามมิติ (Three dimensions) ทำให้สามารถลดอันตรายจากพิษของกัมมันตรังสีได้ ซึ่งเป็นรังสีที่มีพลังเพียง สองมิติ (Two dimensions)
    5.2) อีเอ็มขยาย(ที่เพิ่มจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง)จำนวน 50 ลิตร ฉีดพ่นในพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร สามารถลดสารกัมมันตรังสี ได้ปีละ 15-30 % มีงานวิจัยของ
    อาสาสมัครญี่ปุ่น แจ้งผลว่าการฉีดพ่นอีเอ็มขยายที่ดินทุกเดือน เดือนละครั้ง รวม ปีหนึ่ง 12 ครั้ง สามารถลดปริมาณสารกัมมันตรังสีได้ (เหลือน้อยมากไม่สามารถวัดค่าออกมาได้) ผลจากข้อ 5.1 และ 5.2 เป็นผลจากงานวิจัย ของสถาบันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอีเอ็ม เมื่อก่อนนั้นเรื่องเหล่านี้ ไม่ได้มีอยู่ในความคิดของผู้คน จึงไม่ได้ประกาศให้นานาชาติรับทราบ ทั้งที่เคยใช้ได้ผลที่ศูนย์วิจัยชีวภาพ-กัมมันตรังสี ของประเทศ ยูเครนมาก่อนแล้ว

    อ้างอิงลองอ่านดู
    http://www.emro-asia.com/information/8.html

    ลองอ่านดูถ้าอยากหาไว้ใช้ไม่ต้องซื้อครับ ทำเอาเอง อยากรู้วิธีทำลองเปิดดูช่องซุปเปอร์เช็ง
    หรือจะใช้สูตรของ มช. ก็ได้ตามศรัทธา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2011
  5. บัวรองพุทธบาท

    บัวรองพุทธบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +745
    ตอนนี้ผมทำการดองมะขามป้อมและสมอไทยไว้ด้วยกันด้วยน้ำปัสสาวะของผมเอง ไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยอะไรได้หรือเปล่า แต่ก็เป็นสูตรยาดี หนึ่งในตำหรับที่พระผู้มีพระภาคตรัสสังสอนให้พระภิกษุสงฆ์ท่านทำไว้รักษาโรค ที่เรียกว่า ยาน้ำมูตรเน่า ผมทำทานบ่อย ไม่เห็นว่าจะมีโทษอะไร ที่สังเกตุได้ง่ายๆ คือ ไม่ค่อยจะเป็นหวัด ทั้งๆที่ร่างกายก็อ่อนแอไม่น้อย

    ปล. อยากรู้ว่าผมเป็นอะไร ค้นหาเอาเอง อิอิอิ
     
  6. ผู้เดินทาง

    ผู้เดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +407
    โมทนาครับ ครูบาอาจารย์ท่านก็ให้ทำน้ำหมักสูตรป้าเช็งไว้เพื่อรักษาฟื้นฟูร่างกายและป้องกันผลของรังสีและอากาศพิษที่จะมาถึงใน 1-2ปีนี้เช่นกัน โดยเฉพาะน้ำหมักบรเพ็ชร ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาบอกว่านอกจากใช้กินต้านพิษรังสีแล้ว ยังใช้ฉีดพ่นสลายพิษของรังสีในอากาศได้ด้วย

     
  7. Mr.tom

    Mr.tom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    269
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,185
    ญี่ปุ่นขอทานตะวันไทยปลูกดูดซับรังสี

    [​IMG]



    [​IMG]


    คมชัดลึก : นักวิจัยญี่ปุ่นขอความร่วมมือไทย ส่งเมล็ดทานตะวันไปปลูกดูดซับรังสีซีเซียมในดินที่ฟูกูชิมะ ด้านแพทย์ไทยจะถึงญี่ปุ่นต้นเดือนหน้าช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเครียด

    เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ยูมิอูริ รายงานเมื่อวันที่ 23 เมษายน ว่า นักวิจัยญี่ปุ่นที่ศึกษาเรื่องการเพาะปลูกในอวกาศ เชื่อว่าต้นทานตะวันจะช่วยขจัดกัมมันตรังสีซีเซียมจากดินปนเปื้อนรอบๆ โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ ใน จ.ฟูกูชิมะ ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในเวลานี้ได้ และกำลังวางแผนทำโครงการปลูกต้นทานตะวันจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเริ่มในปีนี้

    ทีมนักวิจัยภายใต้การนำของ ศ.มาซามิจิ ยามาชิตะ แห่งสำนักงานสำรวจอวกาศญี่ปุ่น ได้เชิญชวนประชาชนช่วยกันปลูกทานตะวันในพื้นที่ใกล้โรงไฟฟ้า และหวังด้วยว่าทานตะวันจะกลายเป็นสัญลักษณ์การฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตินิวเคลียร์

    หลังจากวินาศภัยนิวเคลียร์เชอร์โนบิลในปี 2529 ทานตะวันและเรป ซีด ซึ่งเป็นพืชเมล็ดที่ให้น้ำมัน ถูกนำไปใช้ลดรังสีปนเปื้อนในดินในประเทศยูเครน ทั้งนี้ ธาตุกัมมันตรังสีซีเซียมคล้ายกับคาเลียม ซึ่งใช้ในปุ๋ย หากดินไม่มีคาเลียม ทานตะวันจะดูดซับซีเซียมแทน

    ตามแผนการนี้ หลังจากดอกร่วงและหมดอายุ นักวิจัยจะใช้แบคทีเรียย่อยสลายต้นทานตะวัน กระบวนการย่อยสลายจะลดต้นทานตะวันลงเหลือเพียง 1% ของปริมาณก่อนหน้า อันจะช่วยลดกากกัมมันตรังสีที่จะต้องขจัดต่อไป

    ทีมนักวิจัยได้รวบรวมเมล็ดทานตะวันเพื่อการนี้ได้แล้วประมาณ 300 กิโลกรัม และได้ขอความร่วมมือมายังประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตเมล็ดทานตะวันรายใหญ่รายหนึ่งของโลก พร้อมกันนี้มีแผนจะเชิญชวนโรงเรียนมัธยมทั้งในบริเวณและใกล้รัศมี 30 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ร่วมกันปลูกต้นทานตะวันในรั้วโรงเรียน โดยปัจจุบันโรงเรียนเกษตรมัธยมปลายฮิราสึกะ ใน จ.คานากาวะ ได้ตกลงร่วมโครงการแล้ว
    อย่างไรก็ตาม ศ.ยามาชิตะ กล่าวว่า ทีมงานยังอยู่ในขั้นวางแผนด้านสถานที่สำหรับกระบวนการย่อยสลายและรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ และหวังว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการนี้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ด้านบรรษัทกระจายเสียงของญี่ปุ่น (เอ็นเอชเค) รายงานว่า คณะแพทย์จากไทยและจอร์แดนจะร่วมมือกับคณะแพทย์ญี่ปุ่นใน จ.ฟูกูชิมะ เพื่อช่วยเหลือผู้อพยพที่ป่วยเป็นอีโคโนมีคลาส ซินโดรม หรือโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการนั่งเป็นเวลานานและความเครียดสะสม

    มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ฟูกูชิมะแถลงว่า คณะแพทย์จากจอร์แดน 4 คน ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านหลอดเลือดและเจ้าหน้าที่อัลตราซาวนด์จะเดินทางถึง จ.ฟูกูชิมะ ในวันจันทร์ และจะอยู่ในญี่ปุ่นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อตรวจคนไข้ที่มีปัญหาสุขภาพขา เพราะอยู่ในค่ายอพยพชั่วคราว ซึ่งมีบริเวณจำกัดเป็นเวลานาน ขณะที่คณะแพทย์จากไทยจะเดินทางถึงญี่ปุ่นในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ และมีภารกิจรักษาสุขภาพเด็กในค่ายผู้ประสบภัยเป็นเวลา 2 สัปดาห์

    เหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา และอุบัติเหตุในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทำให้จำนวนผู้ป่วยในพื้นที่ประสบภัยเพิ่มขึ้น และทำให้เกิดภาวะขาดแคลนแพทย์ตามมา หลายประเทศทั่วโลกเสนอส่งแพทย์ไปช่วยเหลือญี่ปุ่น แต่นับจนถึงขณะนี้มีเพียงเมืองมินามิ ซันริขุ จ.มิยางิ เท่านั้น ที่ยอมรับความช่วยเหลือจากอิสราเอล อันเนื่องมาจากอุปสรรคด้านภาษาและความแตกต่างด้านวัฒนธรรม

    ด้านความคืบหน้าของสถานการณ์โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์และอุตสาหกรรม (ไนซา) แสดงความวิตกเกี่ยวกับความแข็งแรงด้านโครงสร้างของเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 โดยเกรงว่าการฉีดพ่นน้ำเพื่อหล่อเย็นที่ยังดำเนินต่อเนื่องอาจทำให้ถังคลุมเตาปฏิกรณ์ต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้น้อยลง เพราะปริมาณน้ำสะสมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เทปโกยืนยันว่า ปริมาณน้ำที่ฉีดเข้าไปจะไม่กระทบต่อโครงสร้าง

    เอ็นเอเชเค รายงานว่า มีการฉีดน้ำหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 ซึ่งเป็นเตาที่แท่งเชื้อเพลิงได้รับความเสียหายรุนแรงที่สุด จำนวน 6 ตันต่อชั่วโมง จึงอาจจะจำเป็นต้องตรวจสอบว่า ฐานแรงดันของเตาปฏิกรณ์สามารถรองรับปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นมาไหวหรือไม่:cool:


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 เมษายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...