ไม่ได้ฆ่าสัตว์ แต่กินเนื้อสัตว์ เป็นความผิดบาปไหม??

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย @^น้ำใส^@, 11 เมษายน 2007.

  1. acspclubs

    acspclubs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +579


    จากไฮไลต์สีแดงข้างต้นนะครับ ถูกต้องครับ เสมอตัว

    เพราะอยู่ในศีล 5 อยู่แล้ว

    และการที่เราจะไปนิพพานได้นั้น จะต้องไม่มีบาปแม้กระทั้งเม็ดงาเดียว

    และการเสพเนื้อสัตว์นั้นมีแต่โทษไม่ว่าจะเป็นทางโลกและทางธรรม

    ทางโลกเช่น โรคเก๊าเกิดจากอะไร? โรคมะเร็งเกิดจากอะไร? โรคความดัน

    โลหิตสูงเกิดจากอะไร?

    ทางธรรม คือ อยู่ในศีล 5 ที่บริสุทธิ์

    *ขออภัยที่ตอบแบบง่ายๆและหยาบๆ ด้วยตัวข้าพเจ้านั้นด้อยปัญญา

    **อนุโมทนาครับผม​
     
  2. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (ว่าจะไม่โพสเเล้ว แต่ เห็นเเล้วก็อาจไม่โพสไม่ได้)
    การไปนิพพานนั้นขึ้นอยูกับพละห้า หาได้เกี่ยวกันบาปหรือกิเลสไม่ หากไม่ใช่ ครุกรรมอันหนักที่ห้ามนิพพานเเล้วผู้มีบาปอื่น ย่อมไปนิพพานได้ อกุศลกรรมทั้งหลายย่อมกลายเป็นอโหสิกรรมไป(ไม่ให้ผล) แต่หากกรรมนั้นมีกำลังมาก(ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพระอรหันต์เป็นต้น)ย่อมยังให้สัตว์นั้นดำเนินจิตไปตามมรรคไม่ได้ อกุศลเพียงเล็กน้อยหาได้มีแรงกระทำเช่นนั้นไม่

    การเสพเนื้อสัตว์ นั้นไม่ใช่การเสพชีวิตสัตว์ ผู้มีปัญญาแค่ไหน ก็พิจารณาเเค่นั้น ถ้าไม่มีญาณทัศนะก็อย่าได้ ล่วงละเมิด แม้สตว์เดรฉานเพราะโพธิสตัว์อาจเสวยชาติเป็นวัว ควาย ช้างม้า ถ้าไปปรามาส ก็อาจเป็นบาปได้ ไม่มากก็น้อย ย้ำอีกครั้งเนื้อสัตว์มิใช่ชีวิต
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บทความที่ข้าพเจ้ากำลังจะกล่าวต่อไปนี้ด้วยอาศัยความเข้าใจของข้าพเจ้าเอง ผิดถูกเช่นไร ท่านเห็นประการใดก็ชี้เเนะ ข้าพเจ้าได้ตามความเป็นจริงเถิด
    อันว่าสัตว์ทั้งหลาย ที่โดนกระทำปาณาติบาท เมื่อชีวิตจะหาไม่ บางจำพวก บางตัวก็จะหวาดกลัวบ้างอาฆาตบ้าง กับผู้กระทำกรรมนั้นแก่ตนตามสันดาน แม้พบเห็นผู้คนที่มุงดูอยุ่ ก้ อาฆาต เพราะเจ็บปวดทรมาน(เเม้ท่านไม่ได้ฆ่าก็มิพึงเข้าไปชมในการฆ่านั้น)เพราะเข้าใจว่าท่านยินดี เห็นด้วยในการเอาชีวิตเขา ไม่ได้เข้าไปห้ามไปช่วยเหลือเขา กรรมเเห่งการอาฆาต ก็ย่อมเกิดแต่ท่านแม้ไม่ยินดี
    (ลองเปรียบเทียบ ในสถานการณ์หากเปนใครโดน กระทำกรรมนั้นแล้ว ไม่ว่าเหนใครก็เหมารวมพวกทั้งสิ้น)
    เมื่อสัตว์นั้นไปสู่ภพใหม่ เนื้อที่จำแนก ออกเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อยร้อยพันชิ้น จะตกไปอยู่ในมือผู้ใด จิตดวงเดียว ของสัตว์นั้นจะติดตามชิ้นใดไป หางหรือ ขาขวา หาได้เป็นเช่นนั้นไม่เมื่อ คราวจุติจิตหาก จิตเดินตามวิถี ก็จะนำกรรมไปเกิดในภพใหม่(ไปใช้กรรมตามที่ตนได้กระทำอีก) มีเฉพาะสัตว์ที่อาฆาติบางจำพวกเท่านั้นที่อุบัติเป็น โอปะปาติกะ (ซึ่งก็เป็นไปตามกรรมที่นำสัตว์ให้ไปเกิดนั่นเอง) ติดตามผู้กระทำปาณติบาทนั้นๆ หาได้เกิดทุกตนทุกคนไม่เพราะ สัตว์ทั้งหลายย่อมมีกรรมเปนของตน มีกรรมเปนผู้ให้ผล มีกรรมเปนเเดนเกิด
    เพราะสัตว์นั้น หาได้อาลัยกับร่างกายเเล้วไม่ ยังแต่ความพยาบาที่มีอยู่ด้วยจิตสุดท้ายเท่านั้น
    ข้าเเต่ท่านผู้เจริญการกินเนื้อนั้นให้ผลเช่นไร อาหารไม่ว่า เป็นอาหารใด ข้าพเจ้าเคยสะดับมาว่าพระพุทธเจ้า ก็ตรัสให้พิจารณาการบริโภคอาหารเฉกเช่น สามีภรรยาคู่หนึ่งมีบุตรอยู่คนนึง ต้องเดินทางไกลไปในที่ทุรกันดารเป็นทะเลทราย เมื่อเดินทางไปสะเบียงก็หมด ทั้งสองจึงฆ่าลูกน้อยเพื่อเป็นอาหารยังชีพให้ผ่านพ้นระยะทางอันทุรกันดาร ปากก็พร่ำบ่นถึงลูกอันเปนที่รักไปตลอดทางจนถึงที่หมาย(จำไม่ได้ว่าพระสูตรหรือคำภีร์ใด)
    ถามว่าเราไม่พึงบริโภคอาหารเลยหรือไม่
    ตอบว่า ไม่ แต่เราไม่พึงบริโภค อาหาร(หรือเนื้อ พระองค์ไม่ทรงห้ามให้ฉันเนื้อใครอยู่เป็นสุขฉันอะไร ก็ฉันเว้นเเต่เนื้อที่ไม่บริสุทธิ์และเนื้อสิบอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ทรงเเนะนำให้กินเนื้อหรืออาหารเเม้อาหารเจเล่นๆ)นั้นพร่ำเพรื่อเลย ไม่พึงบริโภคเพื่อประดับตกเเต่ง ไม่พึงบริโภคเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน เเต่เพื่อความตั้งอยู่ได้แห่งกายนี้ เพื่อความเปนไปได้ ของอัตภาพนี้ เพื่อการอนุเคราะห์พรหมจรรย์(การทำความดี)เพื่อให้ชีวิตเป็นไปเพื่อนิพพาน(ถึงจุดหมาย)
    พระพุทธเจ้านั้นมีความเมตตาต่อหมู่สัตว์มากจริงๆ พระองค์ตรัสห้ามกรรมที่ละเมิดกันเเละกัน เเต่พระองค์มีเหตุมีผล สิ่งใดเป็นไปเช่นไร มีผลเช่นไร สิ่งใดมีผลมาก สิ่งใดมีผลน้อยหรือไม่ให้ผล(กรรมจำแนกประเภท) เพราะพระองค์รู้กรรมและเเจ่มเเจ้งในการเกิดการดับของกรรมและผลของกรรม เมื่อพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว หากเป็นผู้ฉลาดในธรรม(ไม่ดื้อด้าน)ก็จงดำเนินตามรอยพระบาทเถิด ถ้าท่านรู้เเจ่มเเจ้งเเล้วค่อยเดินเอง เรามิได้ว่าเลย (ถึงท่านไม่เดินตามพระองค์เราก็ไม่ได้ว่านะ 55)
    สิ่งใดที่พระองค์ทรงห้ามก็ อย่าได้กระทำ สิ่งใดที่พระองค์ ตรัสอนุโลมก็ทำตามสมควร สิ่งใดที่พระองค์ ตรัสให้ทำให้มาก เจริญให้มากก็พยายามทำตาม สติ ตามกำลัง ที่ทำได้ ไม่บรรญัติในสิ่งที่พระองค์มิได้บรรญัติ
    ขอท่านทั้งหลายจงดำเนินตามมรรค ที่ตนได้ พิจารณาไว้ดีเเล้วเถิด
    ถ้าถามว่าบาปไหม สรุปว่าตอบไม่ได้เลยครับเพราะ บาปไหมขึ้นกับเจตนา ในการกินนั้น ว่าใจไหลไปอย่างไร ถ้าตั้งใจไว้ไม่ดี กินสิ่งใด ก็บาปได้ ทั้งนั้น
    ถ้าท่านกินเเล้ว สบายใจ จิตเป็นสมาธิง่าย ก็จง กินเจ เถิดถ้าท่านกินเนื้อเเล้ว จิตไม่เป็นสมาธิ ก็ลองกินเจ ดู เหอๆๆ ถ้าใจปลอดโปร่งโล่งสบายก็ กินเจ เถิด
    อนุโมทนาในสิ่งดีที่จะเกิดขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2011
  3. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ถามว่าเกิดจากอะไร นี่ จริงๆยังไม่ทราบใช่ไหมครับ เหอๆๆ ในทางการเเพทย์เอง โรคทั้งหลายย่อมมีเหตุ(หาไม่พบก็จะบอกว่าหาที่รุ้จักหมดเเล้วไม่พบ ก้รอค้นพบเหตุต่อไป สิ่งที่ค้นพบนั้นก็ล้วนเป็นความเชื่อความเข้าใจ กับสิ่งที่เห็นบวกกับเเนวโน้มว่าเเบบนี้น่าจะเเบบนี้หาได้มีใครรุ้จริงไม่) หาได้เกิดจากเนื้อสัตว์ทั้งหมดไม่ เกิดจาก พันธุกรรมเกิดจากสิ่งเเวดล้อม เกิดจากสารพิษ ท่านจะทราบได้อย่างไร เล่าว่า เกิดจากสัตว์เพียงอาศัยความสัมพันธ์ กินเนื้อจะเกิดเท่านั้นเหรอ
    กินผักเองหรือไม่กินเนื้อเลยก็ทำให้ ขาดสารอาหารบางอย่างได้ นะครับ เหอๆๆๆ

    ทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อมีขอบสุดโต่งก็ย่อมมีขอบอีกสุดโต่ง เเต่ ทุกอย่างมีความเป็นกลางๆ จงดำเนินอยู่ในความเหมาะสมนั้นๆ เถิด
    นิพพานเท่านั้นที่บริบูรณ์ หากท่าน ยังไม่พ้นจากโลก(ผมหมายถึงนิพานอย่างเดียวที่พ้นโลก นอกนั้นล้วนมีความเกี่ยวข้องกับโลกทั้งสิ้น) ก็ยังหาความบริบูรณ์ ไม่ได้ จงดำเนิน ตามความเหมาะสมเถิด

    อนุโมทนาในความดีที่จะเกิดขึ้นของท่านและผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ทั้งหลาย ทั้งในความงดเว้นอย่าง ยิ่งยวดในการไม่เอาตนไปเกาะเกี่ยวกับกรรมชั่ว สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2011
  4. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    เหอๆๆ ตอบด้วยคำถาม อืม
    แล้วลองตอบดูนะครับว่า
    ศีลห้า ห้ามปาณาติบาทเนี่ย มันเเปลว่าห้ามฆ่าและใช้ใคนอื่นฆ่าสัตว์ที่มีลมปราณ(หายใจ) มีคำในศีลของคำว่า ปาณติบาทที่แปลว่า ห้ามกินหรือไม่
    ถ้าถามว่า กินเจ อย่างเดียว ไปนิพพานหรือบรรลุธรรมได้เลยไหม
    กินเจ เเล้วจะไม่ตกนรกใช่ไหม
    คนทุกคน กินเจเท่านั้นจึงจะไปนิพพานหรือบรรลุธรรมใช่ไหม
    ถ้ายังมีคนกินอยู่ ก็ยังมีคนฆ่า
    ถ้าถามผมว่า ถ้าคุณไม่กินจะมีคนฆ่าไหม ผมตอบเเทนเค้าเเล้วกันนะครับ
    มีครับ ก็ไอ้คนที่มันกิน มันไม่มีใครฆ่ามันก็ฆ่าเอง
    แต่ถ้าไม่ใครฆ่า ผมก็ไม่ฆ่ากิน เหอๆๆๆ(ฆ่าไม่ลง ไม่กล้า มันทรมานใจเหอๆๆ)
    ก็บอกแล้วว่า มีคนอยู่จำพวกหนึ่งที่ไม่ฆ่า ไม่ใช้ให้คนอื่นฆ่า เเต่กินเนื้อที่เขาฆ่าไว้ ถ้าไม่มีใครฆ่าเค้าก็ไม่กิน เพราะฆ่าไม่เป็นเเละไม่ปราถนาจะฆ่าใคร ไม่ได้เถียงให้ตนบริสุทธิ์ ให้ผลของกรรมตัดสินเเล้วกันนะครับ เหอๆๆ
    ไม่ได้ชวนทะเลาะนะครับ แต่ เห็นเเล้ว ขำๆ 55
    ผู้รู้กล่าวไว้ว่า ศึกษาและพิจารณาให้ดีก่อนเชื่อมั่นในวิถีของตน มีศีลอันบริสุทธิ์ ปฏิบัติจนเห็นผล เมื่อโดนไต่ถามหรือโต้เเย้งจะไม่คลอนแคลนในมรรคนั้น ไม่จำเป็นต้องเถียงหรือเอ่ยปาก เพียงมั่นใจเพราะเหนผล ย่อมนำตนพ้นไปได้
    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2011
  5. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    839
    ค่าพลัง:
    +1,524
    คนที่เข้าใจ เขาได้รับข้อมูลเหล่านี้ก็มีประโยชน์ ทำให้เขาเลิกกินเนื้อสัตว์
    แต่คนที่รู้แล้วแต่มีทิฐิอีกอย่างก็ปล่อยเขาไป ถ้าเขาคิดว่าถูกต้อง
    แต่ฆราวาสกับพระวิถีชีวิตต่างกัน พระต้องบิณฑบาตร แต่ฆราวาสหาอาหารกินเอง แต่เขากลับไม่เลือกที่จะเลี่ยงมัน
    ขนาดท่านเว่ยหล่างแห่งนิกายเซ็น บรรลุธรรม หมดอัตตาตัวตนแล้ว ท่านต้องอยู่กับพรานป่า ท่านยังเลือกกินแต่ผัก
    ไม่ยังกินเนื้อสัตว์ที่อยู่ในหม้อเดียวกัน
     
  6. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    อ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
    แจ่มมากมาย คราฟฟฟฟฟ
     
  7. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ปุถุชนกินเนื้อก็กินอย่างปุถุชน(หลงๆ ผิดๆบ้างตามสติตามกิเลส)
    พระอริยเจ้าก็กินเนื้ออย่างพระอริยเจ้า
    ปุถุชนกินเจ ก็กินอย่างปุถุชน(หลงๆ ผิดๆบ้างตามสติตามกิเลส)
    พระอริยะเจ้าก็กินเจอย่างพระอริยเจ้าเช่นกัน
    การกินเจหรือกินเนื้อ ไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าใครดีกว่า หรือใครถูก หรือใครประเสริฐกว่าใคร เกรงว่าท่านจะหลงผิด หากจิตท่านมีเมตตา ท่านก็จงดำรงตนต่อไปในมรรคนั้น แต่อย่างที่บอก หาได้ไร้เมตตาจิตต่อสัตว์ในผู้ที่กินเนื้อเช่นกัน เพราะเขาไม่ได้กินสัตว์แต่กินเนื้อ(มีก็กินไม่มีก็ไม่ได้ไปเสาะหาฆ่าใคร) เดี๋ยวคนที่เรียกตนว่าเป็นชาวพุทธบางเหล่าจะพลาดยกตน เอาว่า ลัทธิความเชื่อกินเจ ประเสริฐบริสุทธิ์กว่าพระสงฆ์ ยกตนหรืออาจารย์ตั้งสถานเผยเเพร่ธรรม อาศัยการกล่าวอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าสิง นี่ก็มีมาเเล้วๆ


    เจตนาของท่านงดเว้นจากก็ดีเเล้ว(สาธุๆ)นี่นา ผมเเค่จะชี้ว่า การกินเจ ไปเรื่อยๆไม่ทำได้ทำให้บรรลุธรรม ไม่ได้ทำให้เป็นพระอริยเจ้า เเต่ไม่ได้กล่าวถึงว่า เป็นสิ่งสนับสนุนให้ง่ายหรือสะดวกหรือจิตใจผ่องใสแต่อย่างใด จะต้องทำอย่างอื่นอีก
    และผู้ที่กินเน้อก็ไม่ได้ น่ารังเกียจ เสมอไป
    จริงอยู่เนื้อสัตว์เป็นที่น่ารังเกียจของเหล่ากายทิพย์เพราะมีกลิ่นเหม็นสาป แต่ศีล นั้นหอมกว่า ศีลที่บริสุทธิ์ หอมกว่ากลิ่นสาปของเนื้อสัตว์จากมนุษย์ผู้บริโภค นั้นมาก เทวดาและพรหมทั้งหลาย ไม่ได้รังเกียจมนุษย์ผู้กินเนื้อแต่เป็นผู้มีศีลเลย

    ทิฐิ ยึดถือ ก็หนัก ปล่อยวางก็ เบา อะไรที่ทำแล้วมีความสุข ใจสงบ ก็ทำเถิด
    เราไม่ได้ สบประมาทหรือปรามาสท่านเลย เราเเค่แสดงความคิดว่า นี่ ไม่ใช่วัตรหรือข้อปฏิบัติที่พระพุทธเจ้า ยกย่อง หรือ สนับสนุนให้ทำ แต่พระองค์ก็ไม่ได้คัดค้านการกินเจหรือตจำหนิการกินเนื้อ

    เเละกระผมก็ไม่ได้ว่าความคิดผมถูกหรอกครับ เเต่พระโคดมมิได้สั่งให้พุทธบริษัทของท่านกินเจ ท่านเปิดโอกาสให้ตามจริต ตามสมควรเเละมิได้คัดค้านหรือยกย่องการกินเจด้วย
    ถ้ายังไงก็เก็บไว้ถามพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไปดีกว่านะครับ เหอๆๆๆ
    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2011
  8. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    ช่างเขาเถอะ คุณ ปรมิตร

    ยกเหตุผล มาประกอบไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์ไม่มีสาระ ยังแต่จะ ไปสร้าง ความถือตัว

    ให้เกิดเพิ่มไปอีกเปล่าๆ ต้องให้ไปหาอ่านเรื่อง พระนางมัลลิการาชเทวี ของพระเจ้าปเสนทิโกศลนั่นล่ะ

    ผู้ถวายอทิสทานกับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันและทั้งชีวิตของพระนางไม่เคยทำบาปทำชั่วเลย

    นั่นล่ะ ว่าเหตุใด พระนางไปนรกเสีย 7 วันมนุษย์ และพระนางทำชั่วอะไรถึงไป

    ก็แค่ อยากสะกิดไว้สักนิดนะครับ ดี เจตนาดี แต่ตัวกินผักไม่ใช่ตัวบุญ ไม่ใช่ตัวบาป บุญของ

    การกินเจ เกิดจาก พรมวิหาร 4 เท่านั้น ถ้ากินแล้วไม่เจริญในด้านพรมวิหาร 4 ไม่ต่างกับกิน

    หญ้ากินผลไม้ไปวันๆ

    มันจะเริ่ม บาป

    ตอน มานั่งเถียงกัน นี่กระมังครับ

    เอาพระพุทธเจ้ามาอ้างมั่ง เอาพระไตรปิฏกมาอ้างมั่ง มันจะเริ่มบาปกันตอนนี้ล่ะ

    กำลังบุญที่ทำมามันจะไม่พอ กับบาปนะครับ ส่วนเรื่องของ ศีล 5 หรือศีลอะไรก็ตามแต่

    ศีล แปลว่า ปกติ ใครมีศีลย่อมมีชีวิตปกติ ทีนี้จะมาเถียงกันอีกว่า ก็ มีศีลไง ดังที่กล่าวมา

    ตอนไหนไม่รุ้อ่านผ่านๆ ไม่ได้ อ่านละเอียดมาก เพราะไม่มีประโยชน์จะอ่านนาน

    รวมความว่า ท่านจะเหมากันว่า ศีลข้อแรก ต้องไม่กินเนื้อถึงจะ ได้ชื่อว่าสะอาด บริสุทธิ์

    อะไรชื่อว่า บริสุทธิ์ อะไรชื่อว่า สะอาด มรรคมีองค์ 8 มีใจเป็นใหญ่ เป็นประธาน ชื่อว่า

    มรรคว่าผล ย่อมสำเร็จที่ใจ ทีนี้เนี่ย การนำศีลมากล่าวอ้าง โดยการคิดอะไรที่มัน ดีเลยครู

    ก็ กลายเป็น สีลลัพตปรามาส ประมาทพลาดพลั้งในคุณของศีล แปลอีกนัย ก็คือ

    เชือกที่มัดไว้ ไม่ให้ ดำเนินไปในทางของศีล พันใจเอาไว้ไม่ให้เห็นคุณเห็นประโยชน์ของศีล

    ศีล คือบันได ขั้นแรกของคนจะไป นิพพาน

    คนจะไปนิพพานเนี่ยเขาพยายามสลัดความเลวตรงจุดไหนเป็นสำคัญ

    สลัดความเลวที่ การบริโภคเพื่อยังอัตตภาพ หรือ สลัดที่ใจ กิเลส มันเกิดจากกินหรือมันเกิดที่ใจ
    อารมณ์ชั่วมันเกิดจากกินหรือมันเกิดจากใจ ท่านหยุดกิน หรือไม่หยุดกิน ผมก็ไม่เห็นว่า ใจนี้

    มันจะหมดความชั่ว ไปแม้แต่น้อย สังโยชน์ 10 ยังอยู่ครบ ไม่หดไม่แก้ไป สักตัว

    ประโยชน์ของการกิน เจ

    1.ไม่เป็นโรคร้ายแรง (ยกเว้นกฏของกรรมมันล่อเอานะ)

    2.ไม่เปลืองสตางค์ หาซื้อเนื้อมาบริโภค เพราะเนื้อแพงกว่าผักหญ้า

    3.หาปลูกกินเองได้ตามอัธยาศัย บ้านใครมีที่มีทางก็ปลูกสบาย หมั่นรดน้ำพรวนดินก็ได้กินตลอด

    4.หลีกเลี่ยง การทำบาป จากการ ไปสั่งเนื้อสั่งฆ่ามากิน ถ้าไม่ ดีเลยครู ก็ไม่บาปนะครับ

    5.หากินง่าย นำมาบริโภคสะดวก ไม่ต้องปรุงมากก็กินได้

    6.ถ่ายง่าย ขับถ่ายดี ท้องไม่ค่อยผูก

    เอา 6 ประการพอ สำหรับ ประโยชน์ในการกินผักมีประโยชน์แบบนี้

    แต่จะให้อ้างถึงคุณ ในด้านจิตใจ ตราบใดที่ท่าน ผู้กินเจทั้งหลาย ไม่เจริญ พรมวิหาร 4

    ชื่อว่า ประโยชน์น้อยมาก หรือ ไม่มีเลย ถ้าไม่เจริญพรมวิหารธรรมควบคู่กับการกินไปด้วย

    ศีล ท่านบัญญัติไว้ ก็ทำแค่ที่ท่านบอกท่านสอนก็พอ อย่าดีเลยพระพุทธเจ้า ถ้าดีเลยก็ไป

    นอน นั่ง ยืน อยู่กับพระเทวทัตแน่ๆ อยากกินกับไม่อยากกิน ก็ คือ อยาก เห็นไหมครับ มันหมดไปรึเปล่า

    ถ้ากินเพื่อยังอัตภาพ ก็ต้องไม่มีอยาก เพราะถึงเราจะอยากหรือไม่อยาก ก็ต้องกิน กินแบบ

    ไม่อยาก กินแบบไม่ได้ไม่อยาก กินแบบ ที่มีให้กินเพื่อให้มันมีชีวิตอยู่ได้

    ที่ท่านกินๆ กันอยุ่เนี่ย ไม่ว่าจะผักหรือจะเนื้อหรือจะอะไรก็ตามที

    ท่านกิน ทุกข์ หรือเปล่า ทำไมถึงว่ามันทุกข์ เพราะมันต้องหามาเสมอๆ

    ไม่มีเงินมาซื้อ ก็ต้องไปรับจ้างเขาทำงาน หาปัจจัยมาแลก ไม่มีปัจจัย ก็ต้องลงแรงทำให้มัน

    เกิดให้มันมี เพื่อ นำมาบริโภค ไม่กินก็ตาย กินก็ตาย ตายทั้งนั้น ทำเพื่อไปถึงวันตายแค่นั้น

    เหนื่อย ทั้งชีวิต เพราะเรื่องกิน หาอะไรมากิน ไม่มีได้พัก ตายเมื่อไหร่ก็เลิกกินกันเมื่อนั้น

    ทีนี้ผมจะถามท่านทั้งหลายว่า ทุกข์ไหม?

    ทุกข์ แปลว่า สิ่งที่ทนได้ยาก หรือ ทนไม่ได้ เรื่องกินมันเรื่องของทุกข์ทั้งนั้น

    เถียงกันไปก็ไม่พ้นทุกข์ ทุกชีวิต ล้วนมี ทุกข์เป็นนาย เกิดก็ทุกข์เจ็บก็ทุกข์ตายก็เป็นทุกข์

    ทุกข์ทุกอย่างขนาดนี้ ท่านทั้งหลายไม่มองที่โคนมันเล่า รากเหง้าของสิ่งที่เถียงกันก็คือ

    ทุกข์ทั้งนั้น มองที่ปลาย มันก็ได้แค่นั้น เล็มยอด รากยังเหลือ ต้นยังอยู่กิ่งก้านยังแข็งแรง

    มันจะพ้น ทุกข์กันได้ยังไง การกิน กินเท่าทีมี กินตามฐานะที่พึงมี เพื่อ เลี้ยง ทุกข์ใหญ่คือ

    ร่างกาย ถ้าไม่มีร่างกายเสียอย่างเดียว มันจะจบเรื่อง ทุกข์ ไปได้ทุกอย่างทันที

    กินแค่พอดี กินแค่ที่มี กินแค่ที่ได้ ไม่ได้กินเพื่อ ตัณหา คือความอยากและไม่อยาก

    กินแบบ นี้ ก็เป็นการกินแบบที่พระพุทธเจ้า ท่านแนะนำไว้ ไม่ทราบว่า อ่านกันยังไงศึกษากัน

    มายังไง มันชักจะ เลยครู ไปเสียแล้วนะครับ

    ลองทบทวนดูดีๆนะขอรับ ว่า ที่ท่านเถียงกันด้วยเหตุแห่งเรื่องกินจอมทุกข์เนี่ย

    มันสมควรหรือยัง

    เถียงกันถึงขนาด เอาพระพุทธเจ้ามาอ้าง ศีลมาอ้าง พระไตรปิฏกมาอ้าง

    เพราะอยากกับไม่อยาก สมควรที่ท่านจะมาเถียง เพื่ออะไร แล้วหรือยัง

    กระผมก็จะไม่มาต่ออีกแล้ว เพราะพูดไปถึงเหตุต้นตอจริงๆของมันแล้ว ก็ตามแต่ปัญญาที่

    ท่านได้สั่งสมกันมา ใช้ปัญญาของท่านพิจารณากันตามอัธยาศัยเถิดขอรับ

    กรรมใดก็ตาม ที่ข้าพเจ้าได้ประมาทพลาดพลั้ง แก่ ท่านทั้งหลาย ในกายกรรม ในวจีกรรม

    ในมโนกรรม ขอท่านทั้งหลาย ได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วย เถิด
     
  9. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013
    พระพุทธเจ้าไม่ห้าม ก็แสดงว่าไม่บาป ถ้าบอกกินแล้วบาปก็เก่งเกินพระพุทธเจ้าละ
    เห็นมีโพสนึงบอกไปนิพพานต้องไม่มีบาปแม้แต่เม็ดงา
    ลองหาข้อมูลดูนะ มีเพชรฆาตคนนึงฆ่าคนเป็นหมื่นแต่พระสารีบุตรก็เทศน์ให้เป็นบรรลุได้
    พระคุลีมานฆ่าพันกว่าคนก็ยังบรรลุ
    โมทนาครับ
     
  10. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    อืม...
    ไปกันใหญ่แล้วครับ
    สงสัยท่านปรมิตร จะอ่านไม่เข้าใจแล้ว
    ปุถุชนบางกลุ่มที่ไม่กินเนื้อสัตว์นั้น เขาไม่อยากเบียดเบียนสัตว์น้อยใหญ่ และไม่อยากเพิ่มโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ร่างกายนะครับ โปรดเข้าใจข้อนี้ด้วย เพราะพระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่อง ไม่เบียดเบียนกันไว้แล้วนะครับ ว่า......จะไม่มีโรคมาก ...
    ส่วนพระสงฆ์ ผมเองขอแบ่งเป็น ๒ ประเด็นนะครับ คือ พระสงฆ์ปกติ กับพระสงฆ์ที่เป็นพระอริยะเจ้า(พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาทาคามีและพระอรหันต์)
    ประเด็นพระสงฆ์ปกติก่อนนะ เรื่องการฉันอาหารของพระนั้น ผมเคยบอกท่านปรมิตรไปแล้วว่า ไม่ว่า พระสงฆ์จะฉัน เนื้อสัตว์ และที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์นั้น ท่านจะต้องพิจารณาอาหารให้เป็นธาตุทั้ง ๔ ก่อนฉันอาหารนะครับ เพราะว่าเป็นวัตรข้อปฎิบัติของท่านเองอยู่แล้วนะ ถ้าไม่พิจารณาอาหารก่อนฉัน พระสงฆ์ท่านจะต้องอาบัติ นะครับท่านปรมิตรเข้าใจข้อนี้ไหมครับ
    ส่วนประเด็นพระสงฆ์ที่เป็นพระอริยเจ้านั้น พระอริยเจ้านั้นท่านพ้นจากอบายทั้ง ๔ ภูมิแล้วนะครับ จึงไม่สามารถอธิบายเรื่องต่างๆๆของท่านได้นะครับ
    ผมเองคิดว่าไม่น่าจะมีสัทธิอย่างที่ท่านกล่าวมาเลยนะ แต่ผมเองก็เข้าใจท่านปรมิตรนะ ว่าท่านน่าจะหมายถึงสถานธรรมะ ก็มันเป็นความเชื่อของเขานะครับ อย่าไปใส่ใจมากเลยนะครับ เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรเข้าสิ่งนะครับ

    แล้วการกินเจ ก็ไม่สามารถจะทำให้บรรลุธรรมต่างๆๆๆๆได้เลยนะครับ ในส่วนตรงนี้จะกล่าวถึงเรื่อง ไม่เบียดเบียนกันนะครับ ท่านต้องเข้าใจข้อนี้ด้วยนะ
    และคนที่กินเนื้อก็ไม่ได้หมายถึงเป็นคนไม่ดีนิครับ ยังไม่มีใครว่าคนที่กินเนื้อเป็นคนไม่ดีเลย
    และก็ไม่ได้บอกด้วยว่า คนไม่กินเนื้อจะมีกลิ่นกายหอม หอมมากพอที่จะให้เทวดามาชื่นชมได้เลยนะครับ


    การไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ใช่ข้อวัตรของพระสงฆ์ จริงครับ แต่ผมเองก็ได้อธิบายเรื่องการฉันอาหารไปแล้ว ท่านปรมิตรต้องเข้าใจหลายๆๆเรื่องด้วยนะครับ

    ในที่นี้ก็ไม่มีใครว่าท่านปรมิตรผิดรึถูกเลยนะครับ
    พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้คนรึมนุษย์ทำตามจริตของตัวเองครับ แต่พระองค์ทรงสอนให้ฆราวาสรักษาศีลอย่างน้อย ศีล ๕ ถ้าละเอียดขึ้นมาก็ศีล ๘ เพื่อจะได้อยู่ร่วมกับมหาชนให้มีความสุข และจะจะยกระดับจิตใจตัวเองด้วยนะครับ
    ไม่ต้องไปถามพระพุทธเจ้า หรอกนะครับ
    พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสไว้แล้วนะครับ เรื่อง เมตตา ไม่เบียดเบียน และศีลข้อที่ ๑ นะครับ แค่นี้ก็บ่งบอกอยู่แล้วนะครับ อย่าหาช่องว่างอ้างเพื่อปากเพื่อท้องตัวเองนักเลยนะครับ อิอิ
    ผมถามหน่อยเถอะ ถ้าในตลาด เอาเนื้อที่เราๆๆๆทั้งหลายรังเกียจ(ตัวอย่างนะ เนื้อหมา)มาทำขาย จะมีคนซื้อกินไหม อิอิ
    แต่ดีนะที่ท่านปรมิตรยังบอกและย้ำบ่อยๆๆๆๆๆๆนะครับว่า ไม่มีก็ไม่กิน ก็ดีใจด้วยนะครับ ที่ไม่มีแต่ก็ไม่กิน อิอิ
     
  11. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    อืม.....
    ที่บอกว่าบาปเท่าเมล็ดงานะ อาจจะอธิบายผิดพลาดไปนิดนะครับ
    เรื่อง เจ้าหน้าประหารคนนั้น ท่านเองกังวลว่าจะเป็นบาปไหม???? ท่านเลยไปถามพระสารีบุตรนะครับ พระสารีบุตรแล้วอธิบายเชิงเปรียบให้ฟังว่า ปกติถ้าลูกจ้างทำไรทำนา แล้วได้ค่าจ้าง ข้าวและผลผลิตนั้นจะเป็นของใคร ก็ต้องเป็นของนายจ้าง...... ครับ เจ้าหน้าที่ประหารนั้นเลยไม่ได้กังวลว่าจะเป็นบาปติดตัวนะ เพราะเป็นหน้าที่ต้องปฏิบัติ
    เรื่อง พระองคุลีมาลเถระนั้น จริงอยู่ท่านได้ฆ่าคนมา ๙๙๙ คน นั้น ก็เป็นกรรมร่วมกันและผูกเวรกันมา ระหว่างพระองคุลีมาลกับคนเหล่านั้นนะครับ ก็เลยเกิดการแก้แค้นกันเกิดขึ้นนะครับ แต่ที่ท่านได้บรรลุุธรรมก็เพราะท่านเองบำเพ็ญบุญต่างๆๆๆๆมาเป็นระยะเวลา ๑๐๐,๐๐๐ กัปป์และได้เป็นผู้เลิสด้านใดด้านหนึ่งที่พระพุทธเจ้าประทานให้นะครับ
     
  12. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    การทำบุญมาทั้งชีวิต กับอารมณ์เศร้าหมองก่อนตาย แล้วต้องไปนรก ๗ วัน
    อืม....ท่านเองก็เข้าใจเอามาเขียนได้เนอะ
    มันคนละเรื่องเลยนะท่าน อิอิ คิดได้งัย
     
  13. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    อืม.....
    คนเรานะ
    ในที่นี้ไม่มีใครเป็นพระเทวทัตเลยนะครับ
    อย่าเอาเรื่องพระเทวทัตมารวมดิครับ พระเทวทัตท่านต้องการจะเอาชนะพระพุทธเจ้านะครับ เลยขอพระพุทธเจ้าแบบนั้น
    ถ้าท่านเข้าใจเรื่องใจเขาใจเรา ท่านเองจะรู้ว่า คนที่ไม่มีทางสู้นั้น มันแค้นใจมากแค่ไหน
    ถ้าคนในที่นี้มีปัญญาขนาดนั้น ก็คงรู้นะครับ ว่าอะไรควรเบียดเบียนอะไรไม่ควร
     
  14. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    เหอะๆๆๆ
    รู้สึกจะไม่มีนะ ปาณาติบาท นะครับในศีลห้านะครับ
    ตอบหลายรอบแล้วว่า กินเจรึไม่กินเนื้อสัตว์นั้น ไม่ได้บุญ รึบรรลุธรรมได้เลย
    ไม่รู้ท่านจะอ่านเข้าใจรึป่าวนะ อิอิ
    ก็ ถ้าไม่มีคนกิน ถึงฆ่ามาขายก็ขายไม่ออก นะครับ หลักการตลาดแค่นี้เองนะ
    รึถ้าฆ่าเนื้อสัตว์ที่ไม่มีคนกินมาขาย ก็ขายไม่ออกอีกนั้นละ มันเป็นหลักพื้นฐานการตลาดง่ายๆๆๆๆนะครับ
    หรือมีเนื้อสัตว์ที่ท่านรังเกียจขาย ท่านเองก็ไม่กินอยู่ดี ก็แสดงว่าเลือกที่จะกิน ก็เท่ากับว่า อ้างเพื่อปากเพื่อท้องตัวเองอยู่ดี
    ไม่ต้องถึงกับให้กรรมตัดสินหรอก กินเนื้อมากไขมันก็สะสมมาก ก็แค่นั้นเอง ไม่ต้องถึงกับกรรมหรอก อิอิ
    ผมอ่านแล้ว ก็ ขำๆไม่ออกนะ เพราะไม่เห็นน่าขำเลย

    ครับโมทนากับการปฏิบัติของท่านที่เห็นผล ก็แล้วกันนะครับ
    แปลกจังบอกว่า ศีลบริสุทธิ์แต่ ยังเบียดเบียนเพื่อนสัตว์โลกด้วยกันอยู่ อืม.....มันจะขัดแย้งกันรึป่าววว น่าาาา....นึกไม่ออก อิอิ
     
  15. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    ดีแล้วครับ ที่ไม่เคยเจอศิษย์พระเทวทัตนะ ถ้าเจอจริงๆๆๆๆนะ แย่แน่เลย ๕๕๕๕++
    ดีนะที่จบแค่นั้น ไม่งั้นยาว กว่านี้ อิอิ
     
  16. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    สาเหตุของโรคนั้น
    เกิดจากการกินทั้งนั้นนะครับ ยิ่งกินเนื้อสัตว์ใหญ่ๆๆมากเท่าไร โรคภัยก็มากตามนั้น
    เพราะการเลี้ยงสัตว์ทุกวันนี้จะใช้สารเคมีในการเลี้ยงเพื่อเร่งให้โตเร็วๆๆๆ เพื่อจะได้ทันต่อความต้องการของตลาดนะครับ อันนี้เป็นข้อมูลการตลาดนะครับ ลองไปถามดูนะว่าผมพิมพ์มาจริงไหมนะ

    และที่สำคัญพระพุทธเจ้าก็ตรัสเรื่องการเบียดเบียนไว้แล้วนะครับ ว่าจะทำให้มีโรคมาก.....เคร ป่ะครับ

    ความเป็นกลางที่ท่านกล่าวมานั้น จริงๆๆๆๆแล้วก็ต้องไม่เบียดเบียนสัตว์น้อยใหญ่ ไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมวัฏสงสารด้วยนะครับ นี้คือความเป็นกลางนะครับ

    ส่วนเรื่องนิพพานนั้นก็แล้วแต่บุญกุศลที่ทำมานะ ถึงจะบริบูรณ์ได้นะครับ
     
  17. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    เอาล่ะในเมื่อชอบ เลยครู เราก็ชอบเหมือนกันงั้นจะอธิบายเรื่อง พระนางมัลลิกา เกี่ยวกันยังไงนะ

    พระนางมัลลิกา ตามประวัติ ที่ได้ศึกษากันมา ท่านไม่เคยทำบาป ทำอกุศลกรรมแม้แต่น้อย

    จนคืนนึง ท่านลุกไปถ่ายปัสสาวะบังเอิญเท้าท่านไปสะดุดเท้าของพระสวามี คือพระเจ้า
    ปเสนทิโกศล

    ด้วยอาการอย่างนี้พระนาง ไม่เคยทำ คนไม่เคยทำชั่วทั้งชีวิต ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้ พระนางคิดว่าตัวท่านนี้เลวทำชั่วเหลือเกิน

    จิตของพระนางเศร้าหมองลงไปด้วยเหตุ เพียงเท่านี้

    อันที่จริงการกระทำแบบนี้ไม่มีผลอะไรในด้านความเลวเลย

    เพราะไม่มีเจตนาจะทำเช่นนั้น เป็นการบังเอิญ เพราะมันมืด พระนางคิด แบบนั้นฝังใจจน ตาย

    เมื่อตายไป แต่งตัวเป็นนางฟ้าทั้งหมด แต่ก็ได้ผลจากการที่คิดว่าตัวเองทำชั่ว ส่งผลให้ พระนาง เอาเท้าข้างที่สะดุดเท้าพระเจ้าปเสนทิโกศลไปแหย่ในนรกซะ 7 วันมนุษย์

    แล้วมันเกี่ยวกันยังไง ? กับเรื่องนี้

    เกี่ยวตรงจุดที่ว่า สิ่งที่ มันไม่ได้มีผลในด้านอกุศลกรรมจริง ดันไปคิดว่ามันมี มันก็ให้ผล ได้เหมือนกัน

    ถ้ามันมีผลในด้านอกุศลกรรม พระพุทธเจ้าต้องทรงบัญญัติไว้ชัดเจนไปนานแล้ว ท่านสอน

    ให้ดูที่เจตนาเป็นสำคัญ
    ถ้าท่านจะบอกว่าผิดต่อศีล ข้อ ปาณาติบาต ทำไมพระพุทธเจ้า

    ท่านไม่บัญญัติไว้ล่ะครับเพราะ เจตนาในการฆ่าหรือเบียดเบียนไม่มี ถ้ากินเนื้อไป แล้ว

    คิดเรื่อง อยากจะฆ่า สัตว์มากิน อยากจะ ทำลายเพื่อเป็นอาหาร มันก็ยังไม่ถึงตัว กรรม

    แต่ อารมณ์ มันชั่ว เขาเรียก บาป ส่งผลให้ไป อบายภูมิ ได้เหมือนกัน ระวังไว้สักนิดก็ดีนะครับ

    ทีนี้เนี่ย สิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติขึ้นแล้วพยายามจะให้มันมีเนี่ย มันเลยครูไหมครับ?

    เลยครู ไม่มีใครว่าครับ เพราะไม่ได้มีใครไปนรกกับท่าน แต่ถ้าเป็นการ คัดค้านกับคำสอน

    งอกเงย มากไปจนทำให้เกิด ความแตกแยกในหมู่คณะ ผมก็ต้องขัดคอท่านบ้าง

    การที่ท่านศึกษามามาก ก็ดีครับ อ่านมามากก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เสียท่าใครง่ายๆ

    แต่อ่านซะจน เกิดทิษฐิมานะ ในคำสอนนี่อันตรายนะครับ เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมพูดกับคุณ ต้นละเรื่องนี้

    สัจจธรรมมีความศักดิ์และสิทธิ์ในสัจจธรรมเอง แม้ไม่ได้มีผู้มาชี้แจง

    สัจจธรรมก็ยังคงดำเนิน ไปตาม กฏธรรมดาของสัจธรรม แต่ การที่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติ

    เพื่อชี้แจงเหตุและผลใน สัจจธรรมนั้นแล้ว ถือว่าเป็น โชคดีที่สุด แล้วก็ซวยที่สุด

    ซวยยังไง? ซวยเพราะจะเกิดการ ปรามาส ในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยง่าย

    ด้วยการ ตรึกตรองเอาเอง ด้วยอาศัยอารมณ์นึกคิด คาดคะเน ว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นเช่นนี้

    ล่อแหลมนะครับ ขอให้ระวังเรื่องเหล่านี้ไว้นะครับ ไม่มีใครส่งใครไปลงนรกได้มีแต่ไปกันเอง

    เจตนาดี แต่นอกลู่นอกทางมันก็ทำให้ หลง ได้เหมือนกันนะครับ

    อยากจะขอให้ทบทวนด้วยอารมณ์ที่เป็นกลาง ก่อนจะเถียง ว่ามันเป็นแบบนั้นแบบนี้

    ทบทวนดูซะก่อน ทุกคำตอบที่เขาตอบ เขาก็ตอบด้วยความเห็นของเขา แต่ พิจารณาดูเจตนาเขาด้วยนะครับ

    ความเห็นของแต่ละคนมีความหมายอย่าปล่อยให้ โมหะ มันพาให้ใจมันมืดจนขาดปัญญาในการพิจารณาเลยนะครับ

    มันจะเสียเวลาคุณเอง ครั้งที่ 2 กับคำนี้

    ไม่มีใครชนะ และ ไม่มีคนแพ้ เถียงด้วย ตำรา สุดท้ายก็ ไม่พ้นตำราอยู่ดี

    ถ้ายังชอบ เลยครู ต่อไปก็ออกความเห็นต่อได้เลยครับ เดี๋ยวผมเล่นด้วยไปเรื่อย ๆ

    แล้วก็ ไม่ได้หักหน้าใครนะครับไม่มีเจตนาเช่นนั้น แต่ถ้า มันคาใจก็มาต่อได้เลยครับ ผมชอบ ^^
     
  18. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    อืม....
    ผมไม่เคยคิด เลยครูเลย
    แต่ยิ่งปฎิบัติตามที่ท่านสอนให้ได้มากที่สุดนะ
    เพราะผมเองก็ได้อธิบายไปแล้ว เรื่อง การกินของ ฆราวาสกับพระสงฆ์นะ ถ้าท่านเองอ่านไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ เพราะผมเข้าใจท่านนะ ว่าทำไม !!!!!!!!!

    ส่วนเรื่อง จิตเศร้ามองนั้น พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสไว้แล้วนะ ถึงจะทำบุญมามากแค่ไหน ถ้าจิตเศร้าหมองก่อนตาย จิตก็จะดิ่งลงที่ต่ำก่อนนะครับ

    แล้วผมเองก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับกระทู้เลย เกี่ยวตรงไหน

    ส่วนเรื่องศีลข้อ๑ นั้น ผมก็บอกไปแล้วว่าทั้ง ๕ อย่างนั้นเป็นยังงัย ลองกลับไปอ่านดูนะ

    ส่วนเรื่องที่บอกว่าเบียดเบียน ผมเองไม่ได้หมายถึง ให้ไปฆ่าเขา แต่หมายถึง เป็นเหตุให้เขาตาย คือไปกินเนื้อเขา เคร.ไหม รึไม่เข้าใจ

    และผมเองก็ไม่ได้อธิบายเกินที่พระพุทธเจ้าสอนเลย มีแต่ยกเองสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสมาอธิบายทั้งนั้น

    ถ้าท่านอ่านแล้ว ไม่ชอบที่ผมเขียน ก็ไม่ต้องอ่านดิ
    จะครั้งที่เท่าไรก็ ไม่ต้องพูดครับ ผมไม่ว่าท่านหรอก เพราะผมเข้าใจสภาพจิตของแต่ละบุคคล นะ

    ผมเองไม่เคยคาดคะเนในการตอบ จะตอบตามความเป็นจริงๆๆๆ
    ความจริงๆๆๆๆที่เป็นอยู่ตาม ปัจจุบัน ไม่ได้จินตนาการในการตอบเลย

    ปกติ รมณ์ ผมเป็นกลางอยู่แล้ว แล้วก็ไม่เคยคิดจะเถียงกะใครเลยนะ ถ้าท่าน อาร์.....คิดว่าเป็นการเถียงแล้ว สงสัยคงเป็นปกติของท่านนะ ว่าแค่นี้เป็นการเถียงนะ เหอะๆๆๆ ผมเข้าใจท่านดีครับ ชม.บินผมอาจน้อยกว่าท่านนะ อิอิ

    ผมไม่เคยคิดว่าผมจะชนะเลย แค่อธิบายให้เข้าใจเองเท่านั้น แต่ถ้าท่านรึ ใครๆๆๆไม่เข้าใจที่พิมพ์ ก็สุดแล้วแต่จะเข้าใจนะ เพราะผมเองก็เข้าใจ สภาพจิตของแต่ละคนละ ว่าเอามาไม่เท่ากันนะ

    ย้ำ ผมไม่เลยคิดเทียบครู รึเลยครูเลย ผมเองจะยกที่ครูสอนมาอธิบายตลอด

    แต่ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจเรื่องการกิน ของฆราวาส กับพระสงฆ์ แล้วไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นไร สักวันท่าน อาร์......จงจะเข้าใจนะ ผมขอให้เข้าใจเร็วๆๆๆๆๆนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 เมษายน 2011
  19. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    แปลกจังบอกว่า ศีลบริสุทธิ์แต่ ยังเบียดเบียนเพื่อนสัตว์โลกด้วยกันอยู่ อืม.....มันจะขัดแย้งกันรึป่าววว น่าาาา....นึกไม่ออก อิอิ

    ^
    ^
    คำนี้ของท่าน ทำให้ผมต้องพูด ไม่ต้องนับคำอื่นๆนะ

    ปกติผมจะไม่อยากโพสอยากอะไร ถ้าไม่จำเป็น

    แต่คำนี้มันเหมือน ยาพิษ ถ้าผู้ที่อ่านมีกำลังใจยังอ่อนจะเกิดความเคลือบแคลงใน ศีล

    เคลือบแคลงใน มรรคผลนิพพาน แทนที่จะปฏิบัติแบบเต็มที่ก็มาชะงักได้เพราะคำพูดพวกนี้

    ปัญญา วาทะ เหมือนมีดโกน อาจจะบาดลึกลงถึงใจ ใช้ในทางที่ดีก็มีประโยชน์

    ใช้ในทาง เล่นแง่เล่นมุม อันนี้เหมือน ยาพิษ ผมถึงเน้น คำว่า เลยครู เพราะเหตุเหล่านี้

    ยาพิษ แบบนี้ ทำให้คนแตกความสามัคคีด้วยการ พูดเปรยๆ พูดทีเล่นทีจริง

    ดูเจตนาของ ผม ให้ดีๆนะครับคุณต้นละ ผมไม่ได้มา ขัดคอเพราะเห็นแก่ส่วนตัว

    แล้วกระทู้ นี้จริงๆ มันก็ ไม่น่าจะมาถามแต่ถ้าถามแล้วก็ ต้องมีคนมาซักมาฟอกให้ขาว

    ในเมื่อ มันไกล้จะขาวแล้วก็ต้องเอาให้มัน ดี ให้กระจ่าง จริงๆมันก็เกือบจะจบ

    แต่มันไม่จบ เพราะมีประเด็น เบียดเบียน เข้ามาแหย่อีกเป็นเหตุให้ต้องมาเล่นด้วยสักหน่อย

    ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจที่พิม แต่ถ้าคุณแตกประเด็น เบียดเบียน เข้ามาอีกก็ต้องว่ากันต่อไป

    เพราะโปรยยาไว้แล้ว จะต้องมา ช่วยกันซักนะ

    เบียดเบียนอะไรชื่อว่า เบียดเบียน การเบียดเบียน เรื่องกิน กินเนื้อ ปกติ ชื่อว่าเบียดเบียนตรงไหน

    ตรงที่ว่า ถ้ามีคนกินก็ยังมีคนฆ่า แก้แบบนี้ปลายเหตุ เพราะ สัตว์เหล่านั้น ที่มีเหตุให้ต้องโดนเชือดบ้างอะไรบ้าง

    มันย่อมมีเหตุปัจจัย ที่สมควร เราเดินไปตลาด มีเนื้อมาขายปกติ เราไม่ไปซื้อมากิน ถามหน่อยว่า เนื้อมันจะไม่มาขายหรือเปล่า

    แล้ว ถ้า สมมุติผม หยุด คุณหยุด ได้ละ 2 คน ร้านค้า เขาจะเลิกขายหรือเปล่า

    แม้จะหยุดเป็นแสนเป็นล้าน สัตว์ก็ต้องเป็นไปตามกรรม ทำใจให้มันตรง วางอารมณ์ให้มันดีๆ

    กินไปเถอะ เราไม่ได้ ไปสั่งมา เราไปซื้อไปจับจ่ายมาแค่ บริโภค เดินไป เจอเนื้อวางขาย ก็ซื้อกลับบ้าน เอามาประกอบอาหาร

    ในขั้นตอนระหว่าง เดินเข้าไปหาดูของมาประกอบอาหาร ซื้อ เดินกลับ ประกอบอาหาร แล้ว กิน ตรงไหนเป็น การเบียดเบียน?

    ในทุก อิริยาบท และการเลือกซื้อนี้ ตรงจุดไหนเป็นการเบียดเบียน?

    ถ้าคิดว่ามัน เบียดเบียน เป็นการทำให้กำลังใจ เศร้าหมอง รีเปล่าในทุกขั้นตอนตามปกติ เราไปเบียดเบียนมั้ย?

    ขอให้ ลองดูเจตนาดีๆ ทางสายกลาง เดินไม่ยาก ถ้าเดินเป็น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว

    เดินให้ยาก ก็เดินได้ เช่น หาคิดว่าจุดนี้เป็นโทษไอนี่เป็นโทษ ก็เดินยากเพราะมีแต่โทษ

    ใจเย็นๆ คุณต้นละ การที่ คิดแบบนี้ เจตนาในเมตตา น่ะดี แต่เก็บไว้ในใจก็ดีเหมือนกัน ศรัทธาไม่เหมือนกัน

    กำลังใจคนไม่เท่ากัน คุณกล่าวแบบนี้ จะมีผลเสียมากกว่าผลดีในส่วนรวมขอให้ ลองทบทวน

    ถ้ายังไม่ขาวเดี๋ยวผมมาต่อให้โพสไว้ต่อเลยครับ ^^
     
  20. จันทโค

    จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,866
    ค่าพลัง:
    +35,603
    อืม.....
    ที่ท่านยกมานั้น ต้องถามท่าน ปรมิตร แล้วละ กรุณาอ่านให้เข้าใจครับแล้วค่อยเขียน อิอิ อายเขานะครับ แต่อ่านแล้วไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ ผมเองเข้าใจท่าน อาร์....

    ถ้าท่าน อาร์....ไม่สามารถเข้าใจเรื่องเบียดเบียน ว่าหมายถึงไรนั้น ก็ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่ากัน
    จริงๆๆๆๆมันก็น่าจบตั้งนานแล้วนะ ถ้าท่านไม่มาพิมพ์ไรเพิ่มอีกนะ
    ส่วนเรื่องซักฟอกจากจากขาวเป็นดำ อะไรนั้น ท่าน อาร์...เองต้องไปฟอกเองแล้วล่ะ ไม่ใช่หน้าที่ผม
    ผมไม่ได้พิมพ์ทีเล่นทีจริงครับ ผมพิมพ์จริงๆๆๆๆ ๕๕๕๕+++

    สงสัยถ้าเขาขายเนื้อ(ตัวอย่างนะ หมา ) ท่าน อาร์.... คงซื้อมากิน อิอิ ตามสบายครับๆไม่ว่ากัน อิอิ

    ผมไม่ได้เขียนนะ ว่าเบียดเบียนทำให้ใจเศร้าหมองนะ ท่านเขียนเอง อิอิ
    แต่ผมบอกว่าเบียดเบียนทำให้เกิดโรคมาก อ่านดีๆๆๆๆครับ อย่ามัวแต่ พิมพ์ๆๆๆๆและก็พิมพ์นะ ถ้าพิมพ์แบบนี้ผมเองก็พิมพ์ได้นะ พิมพ์ทั้งวันเลย

    ครับถ้าเดินตามพระพุทธเจ้าจริงๆๆๆ พระพุทธเจ้าตรัสศีลข้อ ๑ ไว้แล้วนะครับ ถ้าไม่สามารถเข้าใจเรื่องศีลข้อ ๑ แล้ว ก็ต้องจบนะครับ อธิบายต่อ ก็อยากจะเข้าใจกันนะ เพราะแต่ละคนทำบุญมาไม่เท่ากันนะ เลยเข้าใจลำบาก อิอิ

    ผมใจเย็นอยู่แล้วนะ
    แล้ว เจตนาในเมตตา ของท่าน อาร์...นี้ไม่มีความหมายนะ กรุณาพิมพ์ใหม่ อิอิ ผมเองไม่สามารถเดาใจท่านได้นะ อิอิ
    ผมมีของดีก็ต้องแบ่งๆๆๆๆ กันรู้สิครับ ไม่ใช่เก็บไว้คนเดียวนะ
    แล้ว เจตนาในเมตตา ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับศรัทธาไม่เหมือนกัน เลย งง...อ่านแล้ว งง. (เด็กๆๆๆพี่กร นี้แปลกดีจัง เข้าใจเอาวรรคนั้นมาผสมวรรคนี้ อิอิ)

    แล้วผมกล่าวอะไรเหรอครับ ว่าจะมีผลเสียมากกว่า ผลดีในส่วนรวมนะครับ งง...
    นึกจะเขียนไรก็เขียนเนอะๆๆๆๆ แตกเรื่องราวไปเรื่อยๆๆๆๆ ได้เลยคนเรา
    แบบนี้ต้องกลับบ้านที่อุบลฯ ไปคุยกะพี่กรแล้วละ ว่าเด็กพี่กรนี้แปลกมากเลย อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 พฤษภาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...