ศาสนาเป็นสมมุติที่ถูกสร้างหลังสัจธรรม พระศาสดาคือผู้ประกาศสัจธรรม มิได้สร้างศาสนา!

anakarik · 5 พฤษภาคม 2011

สัจธรรมเป็นสิ่งที่มีอยู่ก่อนแล้ว ยังคงดำรงอยู่ และเป็นความจริงแท้
ตลอดไปจึงเรียกว่า "สัจธรรม" ไม่ขึ้นกับกาลเวลา, หรือยุคสมัยใดๆ
พระศาสดาใดค้นพบสัจธรรม ย่อมเป็นแต่ "ผู้ประกาศสัจธรรม" นั้นๆ
แต่มิได้เป็นผู้ "สร้างศาสนา" เนื่องจาก ผู้สร้างสิ่งใด ย่อมต้องมีบ่วง
รับผิดชอบดูแลสิ่งที่สร้างขึ้นนั้น และจะต้องเป็นผู้ทำลายล้างสิ่งที่ได้
สร้างขึ้นมา อันเป็น "เครื่องปรุงแต่งใหม่" บนโลก จากธรรมชาติเดิม
ที่ไม่เคยมี ให้มีขึ้น ให้เกิดขึ้น อันแปลกปลอมขึ้นมา แม้ว่าจะดีงามมี
คุณต่อปวงสัตว์มากเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อหมดวาระแล้ว จำต้องเก็บ
กลับคืน คือ ทำลายเสีย ดังนี้ ผู้สร้างจึงเป็นผู้ทำลายด้วยในท้ายที่สุด
เพราะไม่มีใครมารับผิดชอบเก็บให้ ใครทำไว้ ใครสร้างอะไรไว้ ก็ต้อง
มารับผิดชอบ เก็บกลับคืนไปเอง รับผิดชอบสิ่งที่ตนสร้างขึ้นมาเอง

ดังนี้ พระศาสดาจึงเป็นเพียง "ผู้ประกาศ" มิใช่ "ผู้สร้าง" เพราะผู้สร้าง
คือ "พระเจ้า" ก็ดี, "สิ่งศักดิสิทธิ์" อื่นใดก็ดี แล้วแต่ศาสนานั้นๆ จะพึง
เรียกขานกันไป ท่านเหล่านี้เอง เป็นผู้สร้างศาสนา และเก็บกลับคืนไป
คือ ทำลายลงในที่สุด เพื่อมิให้เหลือเชื้อก่อเกิดบุญกรรมสืบเนื่องไปใน
วาระอันไม่ควร ในวาระที่จบสิ้นแล้ว ในวาระแห่งอนิจจังนั้นๆ นั่นเอง

anakarik · 5 พฤษภาคม 2011

พระพุทธศาสนาถูกสร้างโดยผู้อื่น โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นผู้ประกาศสัจธรรม

แม้แต่พระพุทธศาสนา ก็มิได้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ประกาศสัจธรรม, ผู้ตรัสรู้ธรรมองค์แรก
(พระพุทธเจ้า) แต่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อื่น มาในภายหลัง เช่น การมีระบบการปกครองซึ่ง
พระสงฆ์ทั้งหมดขึ้นตรงต่อพระสังฆราชนั้น ถูกสร้างขึ้นโดยพระมหากัสสปะ ท่านจึงได้
ชื่อว่าเป็น "ปฐมสังฆราช" แห่งนิกายเซน นั่นเอง หรือแม้แต่พระธรรมวินัยซึ่งพระพุทธ
องค์ทรงประกาศแล้ว ก็ถูกเรียบเรียงขึ้นใหม่ โดยการสังคายนาร่วมกันของพระสงฆ์ที่มี
อยู่ในครั้งนั้นโดยมีพระมหากัสสปะและพระอานนท์ เป็นกำลังสำคัญ ทั้งนี้ยังมีอีกมากที่
ถูกสร้างขึ้น, เพิ่มเติมขึ้น, ทำให้มีรูปแบบมากขึ้น, ทำให้เหมาะสมกับยุคสมัยมากขึ้นมา
ในภายหลัง จากที่พระพุทธองค์ทรงปรินิพพานแล้ว สิ่งเหล่านี้ หลอมรวมและพัฒนามา
เป็น "พระพุทธศาสนา" ในปัจจุบัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้, เลือกไม่ได้, ไม่เปลี่ยนแปลง
เลย ก็ไม่ได้ ฯลฯ พัฒนาการของพระพุทธศาสนาแต่ละยุคสมัยล้วนเกิดจาก "ผู้สร้าง" ที่
แตกต่างกัน ร่วมด้วยช่วยกันสร้างขึ้นมาจนกลายเป็น "รูปแบบศาสนาในปัจจุบัน" นั่นเอง

anakarik · 5 พฤษภาคม 2011

พึงอาศัยศาสนา ดังอาศัยยานพาหนะเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางเถิด

ศาสนาเปรียบเหมือน "ยานพาหนะ" ที่ผู้อาศัย อาศัยเพียงชั่วคราว เมื่อถึงยัง
จุดหมายปลายทางแล้ว ผู้โดยสาร ย่อมต้อง "สละซึ่งยานพาหนะ" เพื่อลงมา
ยัง "จุดหมายปลายทาง" ในท้ายที่สุด หากไม่ยอมสละลงมาแล้ว ก็ไม่อาจจะ
ถึงซึ่ง "จุดหมายปลายทางดังใจต้องการ" ได้ ดังนี้ ผู้เข้าถึงซึ่ง "สัจธรรม" ก็
กลายเป็น "ผู้ไร้ศาสนา" หรือ "หลุดพ้นจากกรอบแห่งศาสนาใดๆ" แล้วนั่นเอง

ส่วน "ศาสนา" ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดุจยานพาหนะที่มีอนิจจัง
ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย อันมี "อนิจจัง" เป็นสำคัญ ดังนี้ฯ

หนุมาน ผู้นำสาร · 5 พฤษภาคม 2011

*** สัจจะธรรม กับ การปฏิบัติ ****

พระพุทธเจ้า รู้เข้าถึง สัจจะธรรม
นำสัจจะธรรม มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เพื่อนำตนเองหลุดพ้นทุกข์
คือ ปฏิบัติตนด้วยสัจจะ เป็นประจำทุกวัน
ปลดกิเลสนิสัยตนเอง วันละข้อ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

หนุมาน ผู้นำสาร · 5 พฤษภาคม 2011

*** ความหมายสัจจะธรรม ****

" ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน "
ตัวกระทำจะตามติดตัวท่านไป เสมือนเงาตามตัว

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

anakarik · 5 พฤษภาคม 2011

เมื่อใด บุคคลเพียรเข้าถึงซึ่งสัจธรรม
ท้ายที่สุดแล้วนั้น อาจเป็นบุคคลไร้ซึ่งศาสนา

เมื่อใด บุคคลติดบ่วงอยู่กับ "การรักษาศาสนา"
เมื่อนั้น บุคคลอาจไม่มีเวลาแม้จะเข้าถึงซึ่งสัจธรรม

?!?

datedoctor · 5 พฤษภาคม 2011

พระศาสดา คือ ผู้ที่มีชีวิตอยู่เพื่อทำลายล้างศาสนาทั้งมวลต่างหาก

Plagruy · 5 พฤษภาคม 2011

ขอบคุณครับ อ่านแล้วได้แนวคิดเยอะ

ปุถุชน · 5 พฤษภาคม 2011

ยังไงกันแน่ ?

<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 12"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 12"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5CG49%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CUsers%5CG49%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CUsers%5CG49%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style>  </style>[FONT=&quot]อ้างอิง จากผู้เขียนกระทู้
พระศาสดาจึงเป็นเพียง "ผู้ประกาศ" มิใช่ "ผู้สร้าง" เพราะ
( ๑ ) ผู้สร้าง[/FONT][FONT=&quot] คือ "พระเจ้า" ก็ดี[/FONT], "[FONT=&quot]สิ่งศักดิสิทธิ์" อื่นใดก็ดี แล้วแต่ศาสนานั้นๆ จะพึง[/FONT][FONT=&quot] เรียกขานกันไป
( ๒ ) ท่านเหล่านี้เอง เป็นผู้สร้างศาสนา และเก็บกลับคืนไป[/FONT]
[FONT=&quot]คือ ทำลายลงในที่สุด เพื่อมิให้เหลือเชื้อก่อเกิดบุญกรรมสืบเนื่องไปใน[/FONT]
[FONT=&quot]วาระอันไม่ควร ในวาระที่จบสิ้นแล้ว ในวาระแห่งอนิจจังนั้นๆ นั่นเอง[/FONT]
ในตอนนี้ ท่านผู้เขียนกระทู้ บรรยายว่า
[FONT=&quot]( ๑ ) ผู้สร้าง[/FONT][FONT=&quot] คือ "พระเจ้า" ก็ดี[/FONT], "[FONT=&quot]สิ่งศักดิสิทธิ์" อื่นใดก็ดี แล้วแต่ศาสนานั้นๆ จะพึง[/FONT][FONT=&quot] เรียกขานกันไป[/FONT]
และ
[FONT=&quot]( ๒ ) ท่านเหล่านี้เอง เป็นผู้สร้างศาสนา และเก็บกลับคืนไป[/FONT]

[FONT=&quot]อ้างอิง จากผู้เขียนกระทู้
[/FONT]<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 12"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 12"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CUsers%5CG49%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CUsers%5CG49%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CUsers%5CG49%5CAppData%5CLocal%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><style>  </style> [FONT=&quot]( ๓ ) แม้แต่พระพุทธศาสนา ก็มิได้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ประกาศสัจธรรม[/FONT], [FONT=&quot]ผู้ตรัสรู้ธรรมองค์แรก[/FONT]
([FONT=&quot]พระพุทธเจ้า) แต่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อื่น มาในภายหลัง เช่น การมีระบบการปกครองซึ่ง[/FONT]
[FONT=&quot]พระสงฆ์ทั้งหมดขึ้นตรงต่อพระสังฆราชนั้น ถูกสร้างขึ้นโดยพระมหากัสสปะ ท่านจึงได้[/FONT]
[FONT=&quot]ชื่อว่าเป็น "ปฐมสังฆราช" แห่งนิกายเซน นั่นเอง หรือแม้แต่พระธรรมวินัยซึ่งพระพุทธ[/FONT]
[FONT=&quot]องค์ทรงประกาศแล้ว ก็ถูกเรียบเรียงขึ้นใหม่ โดยการสังคายนาร่วมกันของพระสงฆ์ที่มี[/FONT]
[FONT=&quot]อยู่ในครั้งนั้นโดยมีพระมหากัสสปะและพระอานนท์ เป็นกำลังสำคัญ ทั้งนี้ยังมีอีกมากที่[/FONT]
[FONT=&quot]ถูกสร้างขึ้น[/FONT], [FONT=&quot]เพิ่มเติมขึ้น[/FONT], [FONT=&quot]ทำให้มีรูปแบบมากขึ้น[/FONT], [FONT=&quot]ทำให้เหมาะสมกับยุคสมัยมากขึ้นมา[/FONT]
[FONT=&quot]ในภายหลัง จากที่พระพุทธองค์ทรงปรินิพพานแล้ว สิ่งเหล่านี้ หลอมรวมและพัฒนามา[/FONT]
[FONT=&quot]เป็น "พระพุทธศาสนา" ในปัจจุบัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้[/FONT], [FONT=&quot]เลือกไม่ได้[/FONT], [FONT=&quot]ไม่เปลี่ยนแปลง[/FONT]
[FONT=&quot]เลย ก็ไม่ได้ ฯลฯ พัฒนาการของพระพุทธศาสนาแต่ละยุคสมัยล้วนเกิดจาก "ผู้สร้าง" ที่[/FONT]
[FONT=&quot]แตกต่างกัน ร่วมด้วยช่วยกันสร้างขึ้นมาจนกลายเป็น "รูปแบบศาสนาในปัจจุบัน" นั่นเอง[/FONT]<o></o>
ในตอนต่อมา ผู้เขียนกระทู้ บรรยายว่า
[FONT=&quot]( ๓ ) แม้แต่พระพุทธศาสนา ก็มิได้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ประกาศสัจธรรม[/FONT], [FONT=&quot]ผู้ตรัสรู้ธรรมองค์แรก[/FONT]
([FONT=&quot]พระพุทธเจ้า) แต่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อื่น มาในภายหลัง เช่น การมีระบบการปกครองซึ่ง[/FONT]
[FONT=&quot]พระสงฆ์ทั้งหมดขึ้นตรงต่อพระสังฆราชนั้น ถูกสร้างขึ้นโดยพระมหากัสสปะ ท่านจึงได้[/FONT]
[FONT=&quot]ชื่อว่าเป็น "ปฐมสังฆราช"

แต่ทั้งสองตอน ก็ขัดแย้งกันเอง ?
ตกลงว่า
[/FONT][FONT=&quot]ผู้สร้าง[/FONT][FONT=&quot] คือ "พระเจ้า" ก็ดี[/FONT], "[FONT=&quot]สิ่งศักดิสิทธิ์" อื่นใดก็ดี
แล้วแต่ศาสนานั้นๆ จะพึง[/FONT][FONT=&quot] เรียกขานกันไป
ท่านเหล่านี้เอง เป็นผู้สร้างศาสนา และเก็บกลับคืนไป
หรือ ว่า
[/FONT][FONT=&quot]ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อื่น มาในภายหลัง เช่น การมีระบบการปกครองซึ่ง[/FONT][FONT=&quot]พระสงฆ์ทั้งหมดขึ้นตรงต่อพระสังฆราชนั้น ถูกสร้างขึ้นโดยพระมหากัสสปะ ท่านจึงได้[/FONT][FONT=&quot]ชื่อว่าเป็น "ปฐมสังฆราช"[/FONT]

และจากที่บรรยายว่า สัจธรรม เป็นอยู่ของมันเอง ไม่มีใครสร้าง
องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้า
ทุกพระองค์ ได้ทรงตรัสรู้ เรื่องเหล่านี้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ
อันนี้ก็พอจะเข้าใจได้บ้างครับ

แต่เรื่อง " ผู้สร้างศาสนา " งง ครับ อธิบายสรุปหน่อยครับ

yogibhai2009 · 6 พฤษภาคม 2011

ผมเข้าใจว่า... ศาสนา คือรูปแบบของพิธีกรรม วิธีการปฏิบัติตนตามความเชื่อ ...

ฉะนั้น "ผู้สร้างศาสนา" จึงเป็นผู้สร้าง รูปแบบ... ดังกล่าวข้างต้น...

ซึ่ง "สัจธรรม" ไม่ใช่เรื่องของพิธีกรรมที่เป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น....

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า ผู้ที่เข้าถึงสัจธรรม อาจกลายเป็นผู้ไร้ศาสนา

ุเพตารี · 6 พฤษภาคม 2011

แล้วมีศาสนาใดบ้างเล่า ที่สอนเรื่องสัจธรรม ?

Kama-Manas · 19 พฤษภาคม 2011

วัชรธร said: ↑

เมื่อใด บุคคลเพียรเข้าถึงซึ่งสัจธรรม
ท้ายที่สุดแล้วนั้น อาจเป็นบุคคลไร้ซึ่งศาสนา

เมื่อใด บุคคลติดบ่วงอยู่กับ "การรักษาศาสนา"
เมื่อนั้น บุคคลอาจไม่มีเวลาแม้จะเข้าถึงซึ่งสัจธรรม

กระทู้ผู้บรรลุธรรมตัวจริง สาธุ ๆๆๆ
Click to expand...

เทพเมรัย · 19 พฤษภาคม 2011

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับที่ว่า สัจธรรม มีมาแต่ก่อนศาสดาและศาสนา เพราะเป็นของดั้งเดิม เป็นสิ่งที่เป็นอยู่อย่างนั้น ศาสดาเป็นเพียงผู้ศึกษาจนได้ทราบในสัจจธรรมนั้น แล้วจึงเผยแพร่คำสอนออกสู่มหาชน

แต่คำว่าศาสนา กับ สัจธรรม เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ ผมว่าไม่ใช่ก็ใกล้เคียงน่ะ เพราะศาสนาเป็นระบบจัดตั้ง เพื่อรองรับการสั่งสอนสัจธรรม

เมื่อเข้าถึงสัจจธรรมแล้ว จำเป็นต้องมีศาสนาอยู่อีกหรือ ผมมองเป็นสองรูปแบบ คือ

- ไม่จำเป็น บุคคลเหล่านี้ น่าจะหมายถึง พระปัจเจกพุทธเจ้า นักพรต ฤาษี หรืออื่นใด ที่เข้าถึงสัจธรรมด้วยวิถีเฉพาะตน
- จำเป็น เพราะต้องอาศัยระบบศาสนาในการเผยแพร่สัจธรรมต่อไป เพื่อเกื้อกูลหมู่ชน และเพื่อคงระบบศาสนาไว้สำหรับกิจกรรมต่างๆ ให้โลกรู้ว่ายังมีศาสนาอยู่ เหมือนว่า เมื่อมีห้องสมุด หนังสือก็ยังมีอยู่ บุคคลเหล่านี้ น่าจะหมายถึง นักบวชที่อุทิศตนให้ศาสนะกิจ และทำกิจส่วนตัว จนบรรลุสัจธรรม แม้บรรลุแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในกรอบระบบของศาสนา เพื่ออนุเคราะห์ปวงชนหรือสมมุติสงฆ์ทั้งหลาย

ในความคิดผม แน่นอน สัจธรรมสำคัญกว่าศาสนา แต่ว่าผู้ใดเล่าจะบรรลุได้ โดยไม่ผ่านระบบของศาสนา ปัญญาชนเช่นนั้นคงมีเพียงน้อยนิดในโลก และก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนเพียงถ่ายเดียว สร้างประโยชน์ให้โลกได้น้อย

ศาสนาแม้จะสำคัญรองลงมาจากสัจธรรม แต่ยังประโยชน์แก่ปวงชนได้มากกว่า เป็นระบบที่สามารถรองรับผู้ฝึกฝนตน นักบวช ศาสนิกชน ผู้ศรัทธา ให้เข้ามาสัมผัส ได้อย่างมากมาย เกื้อกูลหมู่ชนได้เยอะ และสามารถพัฒนาตนไปสู่การบรรลุสัจธรรมได้ แม้ชนรุ่นหลัง ก็ยังได้ประโยชน์จากการดำรงอยู่ของศาสนา ลำพังเพียงสัจธรรมคงไม่อาจตั้งมั่นอยู่ได้นาน เพราะมันจะสาบสูญไปพร้อมกับผู้่บรรลุ โดยไม่ทิ้งเชื้อไว้ให้ใครๆเลย

haha4959 · 19 พฤษภาคม 2011

คิดแบบเดียวกัน
ไม่รู้มันคือถูกหรือผิด
แต่โดยส่วนตัวคิดว่าไม่มีถูกหรือผิดอยู่จริง

ปล. อะไรหรือที่เรียกว่าศาสนา .......บลา บลา บลา
มันต้องประกอบด้วย บลา บลา บลา มันถึงจะเป็นศาสนา
ถึงแม้จะประกาศ สัจธรรม หรือ อสัจธรรมก็ตาม
ถ้าครบองค์ประกอบ มันก็คือศาสนาทั้งนั้น
สัจธรรม มันแทนความหมายของ ............

โพธิธรรมะ · 20 พฤษภาคม 2011

เมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งหนึ่งจึงเกิดหากจะล้มล้างศาสนาก็เปรียบดังไถคันนาทิ้งทั้งๆที่ยังกินข้าวอยู่
มีผู้สร้างคันแทนาก็เพื่อให้ปูปลาอึ่งกบได้อาศัยดั่งเช่นรู้เห็นแน่ว่าตนจักอิ่มทิพย์ก็รีบทุบคันนาทิ้งโดยไม่แยแสถึงผู้ตามมาข้างหลัง ถ้าเปรียบ พ่อ แม่ ลูก เป็นแต่ละศาสนา ก็คงไม่มีใครหักล้างใคร สิ่งวัชรธรคิดควรเป็นหลักปฏิบัติเฉพาะตนไม่ควรแสดงให้ใครหลงคิดติดตาม เพราะ ตราบใดยังกินข้าว ก็ต้องมีคนทำนาเมื่อท่านอิ่มทิพแล้วไม่กินข้าวแล้ว จงยกเว็บแห่งนี้ให้หนุมานทำต่อเถิด เพราะท่านไม่จำเป็นต้องพึ่งใครหรือให้ใครพึ่งอีกแล้ว คำสอนนี้ ควรอยู่ในใจเท่านั้น รู้แต่อย่าสอนทุกคนจะเข้าใจเองว่า เมื่อไม่ต้องกินข้าว ก็ต้องดูแลชาวนาให้ชาวนาได้ความสุขจากการสร้างอาหารให้กับคนอื่นที่เขายัง กิน อยู่
หากไม่หิวจะรู้เหรอว่ามีกระเพาะ

โพธิธรรมะ · 20 พฤษภาคม 2011

บางอย่างรู้แต่ โปรดอย่าสอนคนอื่น ถึงเวลาเขาจะรู้เอง มันถึงมีผู้นำผู้ตามยังไงละ
ดังเช่น พระสารีบุตรและพระพุทธองค์สนธนาธรรมว่าพระสารีบุตรไม่ต้องพึ่งพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ตรัสว่าดีแล้วสารีบุตร เธอกล่าวถูกแล้ว แต่พระสารีบุตรยังกราบใหว้ทิศที่พระอสะชิอยู่ นั่นแหละ เขาเรียกว่า ทำลาย ตน แต่ไม่ล้าง ครูหรือผู้นำ เก่งแต่เฉยน่าจะดีกว่า รู้นะคิดอะไรอยู่ แล้วอย่าถามว่ารู้ได้ยังไง _อิอิ อิมานิ มะยังภัณเต วิสุงๆ รัตนฐายะ ฯลฯ
ลองสวดบทนี้แล้วแปลให้ออกว่าความรู้ที่ได้มาใครสอน ไม่ใช่ พ่อกับแม่เหรอ นี่แหละ ลูก จะคิด_เฮ้อ พ่อแม่ยังอยู่แต่ลูกสิ จะใหญ่กว่าพ่อแม่ ศาสนาใหน พ่อ ศาสนาใหนลูกลองเจียรนัยเป็นหลักธรรมที่เธอเห็นสมควรและชี้องค์ประกอบอันสำคัญเถิดจึงจะได้ชื่อว่ารู้แจ้งธรรม

โพธิธรรมะ · 20 พฤษภาคม 2011

ยังประโยชให้แก่สาวกเธอที่เขายกย่องเธอในปัจจุบัน จงชี้แจงให้เห็นเหตุแห่งสัจจะธรรมเถิด เพื่อประโยชแก่มหาชนที่เขามีความศรัทธาต่อพระธรรม ในเธอลองชี้เหตุดูสิว่าการทำลายทุกศาสนาส่งผลดีต่อมนุษย์อย่างไรและเหตุใด พุทธบริษัท สี่ ที่พระสมณโคดมตั้งมั่นไว้ในชมพูทวีปนี้เป็นเหตุสำคัญแห่งศาสนาหรือไม่เธอจึงได้กล่าวอย่างนี้ เข้าใจดีแต่อธิบายให้แจ้งสิเขาทั้งหลายจะได้เข้าถึงหลักแท้แห่งธรรม

โพธิธรรมะ · 20 พฤษภาคม 2011

จงมาดูเอาเถิด
เราไม่อธิบายในสิ่งที่เธอกำลังจะเห็น
สิ่งที่เธอเห็นมันจะเป็นสิ่งที่เราเห็นนั่นเอง
ใครเห็นก่อนหลังหาใช่ประเด็นแห่งความเป็นมีไม่
แต่สิ่งที่เธอถอดถอนหลังการเห็นคือสิ่งประเสริฐ
จงมาดูเอาเถิด จงมาเป็นภิกษุด้วยกันเถิด
พระพุทธองค์ไม่อธิบายแต่เรียกมาดู
สิ่งที่เห็นหากอธิบายได้หมดคงจะเป็นสิ่งสมมุตินั่นละน้อ
อย่ามิดจั๊ดเด้อมียังกะบอกมาโลด

Kama-Manas · 20 พฤษภาคม 2011

"ชีวิตคือบททดสอบแห่งความอดทน ที่ยุ่งยากและลึกลับซับซ้อนซ่ะเหลือเกิน เพราะว่าชีวิตเป็นของง่ายๆ ง่ายพอๆกับการใชัชีวิตอยู่ด้วยหัวใจของคุณเอง ง่ายเมื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยความเข้าใจ และความเต็มเปี่ยมของคุณเอง"
-คิดดี-คิดบวก-ทำดี มีเมตตา-เอื้ออาทรและให้อภัย...สาธุ

โพธิธรรมะ · 21 พฤษภาคม 2011

ปิดกระทู้ซะแล้ว_.......

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ศาสนาเป็นสมมุติที่ถูกสร้างหลังสัจธรรม พระศาสดาคือผู้ประกาศสัจธรรม มิได้สร้างศาสนา!

anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

datedoctor เป็นที่รู้จักกันดี

Plagruy เป็นที่รู้จักกันดี

ปุถุชน เป็นที่รู้จักกันดี

yogibhai2009 สมาชิก

ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

เทพเมรัย Active Member

haha4959 Active Member

โพธิธรรมะ สมาชิกใหม่

โพธิธรรมะ สมาชิกใหม่

โพธิธรรมะ สมาชิกใหม่

โพธิธรรมะ สมาชิกใหม่

Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

โพธิธรรมะ สมาชิกใหม่

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ศาสนาเป็นสมมุติที่ถูกสร้างหลังสัจธรรม พระศาสดาคือผู้ประกาศสัจธรรม มิได้สร้างศาสนา!

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา