ดื่มน้ำเย็นประจำ ทำให้ไตเสื่อม

ดื่มน้ำเย็นประจำ ทำลายไตหยาง -รากฐานชีวิต

อุณหภูมิร่างกาย กำหนดการเกิด, แก่, เจ็บ, ตาย ของชีวิต溫度决定生老病死
อุณหภูมิของคนเรามีค่าค่อนข้างคงที่ คือ 37 องศาเซลเซียส ค่าอุณหภูมิ 35-41 องศาเซลเซียส ร่างกายอยู่ในภาวะที่ปรับตัวอยู่ได้ แต่ถ้าไข้สูง อุณหภูมิมากกว่า 41 องศาเซลเซียส อวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต สมอง ฯลฯ เริ่มทำงานผิดปกติ ถ้าคงสภาพอุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียส ขึ้นไปนานหลายๆ วัน โอกาสจะทำให้เสียชีวิต ในทางกลับกัน ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส จะพบอัตราการตายถึง 30 %
ดังนั้นการปรับสมดุลของอุณหภูมิร่างกาย จึงมีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของชีวิต แพทย์จีนจึงให้ความสำคัญของการปรับสมดุล ยิน - หยาง (เย็น – ร้อน) ของร่างกาย
พลังความร้อน หรือพลังหยาง ให้ร่างกายอบอุ่นแก่ร่างกาย ทำให้อวัยวะต่างๆ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือกำเนิดมาจากไต ซึ่งหมายถึงระบบการปรับสมดุล (ฮอร์โมน, ระบบประสาทส่วนกลาง และระบบประสาทอัตโนมัติ) หรือเรียกว่าพลัง หยางของไต (腎阳)

พลังและเลือดที่เต็มพอกับการไหลเวียนคล่องตัว คือ เงื่อนไขภายในของการมีสุขภาพที่ดี
พลังของร่างกายตามทัศนะแพทย์จีน มีแหล่งกำเนิดใหญ่ๆ 3 แหล่ง
1. พลังไต腎氣 หรือ ไตหยาง腎陽 มีบทบาทในการอุ่นร่างกาย และอวัยวะต่างๆ ให้ทำงานได้ตามปกติ ถือเป็นทุนที่1
2. พลังจากอาหาร 水谷精氣ซึ่งได้จากอาหาร น้ำ โดยการย่อยดูดซึม และเปลี่ยนเป็นเลือด ต้องอาศัยการทำงานของอวัยวะภายในคือ ม้าม ถือเป็นทุนที่2
3. พลังจากอากาศ O2 หรือชิงชี่清氣
อวัยวะ ไต ในทฤษฎีแพทย์จีน มีความหมายถึงรากฐานของชีวิต คือระบบปรับสมดุลของยิน – หยาง การปรับอุณหภูมิ และปรับระบบการทำงานของร่างกายโดยองค์รวม ที่มาจากพ่อแม่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เป็นเหมือนร่างแก้วของต้นไม้ ถ้ารากแก้วแข็งแรง แม้จะโดนพายุฝน หรือถูกตัดโค่น รากก็ยังสามารถสร้างและงอกกิ่งก้านใหม่ขึ้นมาได้
การกินอาหารหรือยาที่เป็นยินหรือมีฤทธิ์เย็น รวมถึงของเย็นๆอย่างต่อเนื่อง นอกจากพลังไตหยางจะเสื่อมเร็วแล้ว ยังทำให้การย่อยและดูดซึมอาหาร ที่จะไปสร้างเลือดลดลงด้วย เพราะความเย็นไปทำให้เส้นเลือดของระบบทางเดินอาหารหดตัว การหลั่งกรดเพื่อการย่อยลดลง การย่อยก็ช้าลง การดูดซึมก็ไม่ดี เท่ากับทำลายทุนที่2 ที่จะไปเสริมพลังไตหยาง (ยินเสริมหยาง) และไปสร้างเม็ดเลือดที่มีคุณภาพ
การดื่มน้ำเย็นประจำจึงทำลายพลังหยางของไต,ทำลายม้าม,ทำลายการสร้างเลือด ทำให้เส้นเลือดหดตัวไหลเวียนช้าติดขัดและปริมาณน้อยลง เป็นการทำลายเงื่อนไขของการมีสุขภาพที่ดี
เราควรหลีกเลี่ยงการดื่มและกินอาหารที่มีฤทธิ์เย็นบ่อยๆหรือมากเกินไป ควรใช้ปรับสมดุลในบางภาวะ เช่นอากาศร้อนจัด เจ็บคอ สามารถใช้สมุนไพร อาหาร ที่มีฤทธิ์เย็น ในการปรับสมดุลร่างกายไม่ให้ร้อนเกินไป แต่ควรหลีกเลี่ยงน้ำเย็น, น้ำแข็ง, ของแช่เย็น เพราะการรับประทานของเย็น ของแช่เย็นจะปรับเปลี่ยนอุณหภูมิภายในอย่างรวดเร็วเท่านั้น การเลือกอาหารที่มีฤทธิ์เย็นอย่างเหมาะสม มีความจำเป็นเพื่อปรับสภาพร่างกาย แต่ไม่ควรทานพร่ำเพรื่อทุกฤดูกาล จนเป็นนิสัย เพราะการรับพลังที่เย็นจัดยาวนานจะทำลายรากฐานพลังชีวิต คือพลังไต 腎氣
ผู้ป่วยพลังไตพร่องมักแสดงอาการตอนอายุมากเพราะพลังไตเสื่อมตามอายุที่มากขึ้น แต่ปัจจุบันพบว่าคนหนุ่มสาวจำนวนมากมีความเสื่อมเร็วกว่าปกติ ที่พบบ่อยทางคลินิก คือ ปวดเมื่อยเอว เข่าไม่มีแรง ขาเย็น ปวดเข่า ปวดขา เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ต่อมลูกหมากโต สมองเสื่อม ปัสสาวะบ่อยปริมาณมากตอนกลางคืน หนาวง่าย มือเท้าเย็น ตัวอ้วนบวมน้ำ โรคหัวใจขาดเลือดเนื่องจากหลอดเลือดหดตัวจากความเย็น เป็นต้น
หยุดและหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นเป็นประจำกันเถอะ หยุดทำลายพลังหยางของไตก่อนที่สุขภาพจะเสื่อมก่อนสายเกินแก้ครับ
จาก
http://www.health108.com/?p=545

 

<!-- start main content --><!-- begin content -->วิจัยพบ ! ดื่มน้ำเย็นจัด ทำให้สมองลดขีดความสามารถลง15%
ส่งผลกระทบต่อการขับรถและการทำงานที่ต้องใช้กึ๋น
การดื่มน้ำเย็นจัด จะทำให้สดชื่น แต่ทราบหรือไม่ว่า การดื่มน้ำเย็นจัด จะลดขีดความสามารถของสมองลงได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีมาบอกกัน...
วารสารนิวไซเอินทิสต์ ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยของทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยบริสตอลในอังกฤษ พบว่า คนที่ดื่มน้ำเย็นจัดในยามที่ร่างกายไม่ได้เกิดความรู้สึกกระหายน้ำนั้น จะทำให้ขีดความสามารถในการทำงานของสมองลดลงไปทันที
โดยน้ำเย็นจัดเพียงแค่แก้วเดียวก็มากพอที่จะทำให้สมรรถภาพทางจิตใจของบางคนลดลงไปถึง 15% โดย ดร.ปิเตอร์ โรเจอร์ นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยบริสตอลและทีมงาน ได้ทดสอบผลกระทบของน้ำต่อกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 60 คน ก่อนการทดสอบนั้น กลุ่มอาสาสมัครส่วนหนึ่งไม่ดื่มน้ำอะไรเลย และอีกส่วนหนึ่งดื่มน้ำก๊อก แช่เย็นจัดที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส ในปริมาณ 1 แก้ว หรือ 300 มิลิลิตร
ปรากฏว่าคนที่หิวกระหายน้ำก่อนการทดสอบและดื่มน้ำเข้าไป สามารถทำแบบทดสอบได้ดีกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มอะไรประมาณ 10% ส่วนกลุ่มที่ไม่รู้สึกกระหายน้ำ แต่ดื่มน้ำเย็นจัดปรากฏว่าขีดความสามารถ ในการทำแบบทดลองลดลงไปถึง 15 %
นักวิจัยสรุปว่า การดื่มน้ำเย็นจัดมากเกินไปจะมีผลกระทบต่อขีดความสามารถในการขับรถ หรือทำงานที่ต้องใช้สมอง หรือความคิดมาก ๆ โดยอุณหภูมิของน้ำดื่มอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสมอง
------รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าดื่มน้ำเย็นจัดจนเกินไป ควรจะดื่มน้ำที่อุณหภูมิปกติจะดีกว่า
แหล่งที่มา: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พ.ศ. 2550
วิจัยพบ ! ดื่มน้ำเย็นจัด ทำให้สมองลดขีดความสามารถลง15% | GoodHealth.in.th

 

ชอบดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ เพราะสดชื่นดี ขอปรับเป็นไม่เย็นจัดนะคะ