เศร้าใจทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องที่ทำไว้ไม่ดีกับภรรยาที่ไปจาก..จะแก้อย่างไร

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย ped2011, 14 พฤษภาคม 2011.

  1. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%">ถาม : เรากำลังทรมานมาก แฟนเราเพิ่งบอกเลิกด้วยเหตุผลระหว่างเราที่ไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้ ความสัมพันธ์แบบที่ยากที่จะถูกยอมรับ เราเข้าใจเหตุผลดี แต่การมีเค้าอยู่ทำให้เราอุ่นใจมากกว่าอยู่คนเดียว วิถีชีวิตเดิม ๆ ทำให้เรายิ่งทรมาน เราไม่ควรรั้งเค้าใช่ไหม แล้วเราจะอยู่ยังไง

    อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายถูกทิ้ง
    ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกที่จะทิ้งรักขยะชิ้นหนึ่งไป

    อย่าคิดว่าเราต้องเป็นฝ่ายเหงา
    ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกพักร้อนให้สบายตัวสบายใจสักระยะหนึ่ง

    อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายทรมาน
    ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกทำความสบายใจแก่เขา

    อย่าคิดว่าเราควรเหนี่ยวรั้งเขา
    ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายให้อิสระเป็นทานแก่คนอื่น

    เปลี่ยนมโนกรรม (กรรมทางความคิด) จากมืดเป็นสว่าง ชีวิตจะสว่างเองครับ
    จิตที่สว่างย่อมอบอุ่นเป็นสุข
    มีแต่ใครๆวิ่งมาหา มีแต่ความอิ่มเต็มเบิกบาน
    มีแต่อยากได้อิสระให้ตนเองและใครๆทั้งโลก

    โดย ดังตฤณ
    ที่มา http://dungtrin.net/newsletter/viewtopic.php?t=79&start=10

    ถาม :ผิดหวังเรื่องความรักมาตลอดจนเบื่อและสิ้นศรัทธากับเรื่องรักแท้ค่ะ
    หลายๆครั้งดูเหมือนจะไปกันได้ดีอยู่แล้ว ก็มีเหตุให้ต้องแคล้วคลาดกันไปต่างๆนานา เป็นผลจากกรรมเก่าหรือเปล่าคะ

    ตอบ : บางทีรางวัลของคนดีก็ไม่ใช่จะมีคู่ที่สมหวังแบบเร็วๆนะครับ
    ธรรมชาติอาจกะเกณฑ์ให้เราเจอทุกข์เสียก่อน
    เพื่อใช้ความทุกข์นั้นเป็นบันไดก้าวขึ้นสู่ความสุขที่เหนือกว่าความรัก
    และเมื่อถึงจุดของความนิ่งจริงๆ ถึงจะยอมเปิดตัวคนรักที่แท้ให้กับเรา

    บางคน ถ้าใจยังวุ่นๆ ยังหยุด ยังนิ่งไม่เป็น ขืนคนที่คู่ควรกับเราโผล่มาตอนนั้น
    เขาก็อาจพลาดจากเราไป ไม่อาจเป็นคู่ครองร่วมกันอย่างถาวรได้
    เพราะอาจิณณกรรม คือนิสัยของเรายังอาจเป็นตัวทำลายสัมพันธภาพกับคู่แท้ของเรา
    ต่อเมื่อผ่านความเจ็บปวด เรียนรู้จากความผิดพลาด เห็นจังหวะจะโคนแบบต่างๆของชีวิตมากเข้า
    พอใจเป็นบุญ มีความนิ่งพอจะรองรับกับคู่แท้ถาวรได้ เขาถึงจะปรากฏตัว

    อย่าท้อแท้กับความดีก็แล้วกัน
    ที่ผ่านมาในอดีต มองย้อนไปอาจรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเรา
    พอเราเปลี่ยนมาอยู่กับกระแสธรรมะ
    ความเป็นตัวจริงของเราถึงเริ่มปรากฏ
    ซึ่งก็อาจเป็นเหตุให้คู่แท้ของเราปรากฏตัวเช่นกัน

    โดย ดังตฤณ
    ที่มา http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008652.htm?17#19

    ถาม – จะตัดใจจากคนรักเก่าได้อย่างไรคะ? พยายามทุกวิถีทางแล้ว ทั้งอ่านหนังสือ ทั้งสวดมนต์ ทั้งทำใจคิดต่างๆนานา พอใช้อุบายอย่างหนึ่งๆก็เหมือนจะได้ผลบ้าง แต่พอเวลาผ่านไป ใจก็วกกลับมาที่เก่าอีก กลุ้มใจมาก เหมือนจะไม่สามารถตัดได้ขาดอย่างแน่นอนตลอดไป

    ที่คุณอ่านหนังสือ สวดมนต์ หรือพยายามนึกคิดไปต่างๆเพื่อให้เกิดการตัดใจนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นแค่ยาแก้ปวดชั่วคราว คุณไม่ได้กำจัดตัวเชื้อโรคที่ฝังอยู่ในตับไตไส้พุงออกไปเลย ฉะนั้นพอยาแก้ปวดหมดฤทธิ์ เชื้อโรคก็มาผลัดเวรแผลงฤทธิ์ต่อ

    อาการที่ถูกต้องของการถอนพิษรักนั้น ไม่ใช่ความพยายาม ‘ตัดใจ’ เพราะใจเป็นสิ่งที่ไม่มีคมมีดชนิดไหนๆตัดได้ขาด พฤติกรรมทางจิตที่ถูกต้องคือ ‘สละออก’ ซึ่งเป็นอาการที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากเคยชินที่จะ ‘เอาเข้าตัว’ กันทั้งนั้น ซึ่งนั่นแหละครับคือการเพาะชำนิสัยหวงทุกข์ หวงยางเหนียวยึดติดกับปฏิกูลทางอารมณ์โดยแท้

    แต่ละคนมีพลังหรือศักยภาพในการสละออกแตกต่างกัน และศักยภาพดังกล่าวนี้ไม่ใช่มีกันด้วยความบังเอิญ กับทั้งไม่ใช่ความสามารถเฉพาะทาง จิตที่มีดี ที่สามารถสลัดขยะหรือปฏิกูลทางอารมณ์ออกได้ง่ายนั้น คือจิตของผู้ที่เคยชินกับการสละออกเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่เฉพาะเรื่องรักใคร่หรือเรื่องเงินๆทองๆอย่างใดอย่างหนึ่ง

    นี่เป็นการมองภาพกว้างภาพรวม ถ้าคุณอ่านเกมของจิตออก จะเห็นความสัมพันธ์ทั่วถึงกันหมด ไม่มีใครฝึกเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการตัดรัก แต่ทุกคนสามารถฝึกที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสละอารมณ์ส่วนเกินกันได้ทุกแง่

    เมื่อพูดถึงการฝึก คุณจะต้องนึกถึงการทำไปตามลำดับขั้น จากง่ายไปหายาก ในที่นี้คุณจะฝึกสละ ก็ต้องไล่ลำดับจากการให้ในสิ่งที่สามารถให้ได้ง่ายๆก่อน สำคัญคือคุณต้องทำเป็นประจำ จนกระทั่งจิตเกิดความชินในอารมณ์อยากให้ อยากสละออก

    ตามหลักการแล้ว การสละทรัพย์เล็กๆน้อยที่เป็นส่วนเกินของตนให้ผู้อื่นหรือสัตว์อื่น จัดเป็นอุบายฝึกจิตคิดสละขั้นพื้นฐาน ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีหมาแมวจรจัดมาเข้าบ้าน (ซึ่งพบได้เป็นปกติทั่วทุกหัวระแหง) คุณเหลือเศษอาหารเช้าหรือเศษอาหารเย็นที่จะทิ้งอยู่แล้ว ก็แค่เอาใส่จานให้พวกมัน หรือแม้ถ้าคุณอยู่ในเขตที่มีน้ำมีบ่อซึ่งสัตว์เล็กๆอาศัยอยู่ เพียงสาดน้ำล้างจานอาหารที่มีเศษข้าวเศษเนื้อติดอยู่ลงไป โดยคิดว่าดีแล้ว เศษอาหารนี้จะตกถึงปากถึงท้องพวกสัตว์ในน้ำ นี่พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสว่าเป็นที่มาแห่งบุญเช่นกัน

    อย่าดูถูกว่าการให้ของเล็กน้อยเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเมื่อคุณให้จนเป็นอารมณ์ชินที่จะสละแล้ว ก็เป็นการเพาะนิสัยในทางทาน เป็นผู้สามารถให้โดยไม่จำเป็นต้องให้ ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน อานิสงส์ของการเป็นบุคคลเช่นนั้นแหละ คือที่มาของกำลังของใจ ที่มาของความสามารถสละขยะส่วนเกินออกจากใจโดยง่าย

    หากคุณยังไม่มีกำลัง ยังไม่รู้จักความสุขในการสละออก การทิ้งขยะย่อมยาก แต่เมื่อเริ่มเป็นสุขกับการทิ้งขยะบ้างแล้ว พอเกิดอารมณ์อาลัยบุคคลหรือวัตถุไร้ค่าใดๆ ใจก็ฉลาดพอจะเริ่มเห็นตัวอารมณ์นั้นเป็นส่วนเกิน ตรงนี้ต้องฝึกด้วย คือฝึกเห็นว่าตัวอารมณ์อาลัยนั่นแหละเป็นส่วนเกิน ทำนองเดียวกับเห็นเศษอาหารเหลือทิ้ง หรือเสลดสกปรกในปากที่ไม่จำเป็นต้องอมไว้

    ยังไม่ต้องหวังว่าจะทำได้อย่างดีในระยะเริ่มต้น แต่คุณจะพบว่าหากหมั่นฝึกสละของเล็กๆน้อยๆ ฝึกสละความถือโกรธผูกใจเจ็บ ฝึกกระทั่งเจียดเงินส่วนเกินของรายได้เพื่อทำบุญทั้งกับคนอนาถาซึ่งอยู่ต่ำกว่า เรื่อยไปจนถึงพระสงฆ์องค์เจ้าผู้มีศีลสัตย์ผู้อยู่สูงกว่า ในที่สุดจิตจะมีอานุภาพมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเกิดพลังความสว่าง มีศักยภาพสูงในการคิดสละ ซึ่งเมื่อบวกกับการฝึกหัดมองให้เห็นชัดว่าอารมณ์อาลัยเป็นเพียงปฏิกูลของจิต ในที่สุดคุณก็จะสลัดได้ราวกับคนถ่มเสลดลงพื้นโดยปราศจากความหวงแหนแม้แต่น้อยครับ

    โดย ดังตฤณ
    ที่มา http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare033.htm

    <TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>วิธีทำใจเมื่อถูกทอดทิ้ง
    « เมื่อ: 29 สิงหาคม 2009, 03:35 »
    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">ถาม - มีปัญหาของเพื่อน แต่งงานมา ๑๐ ปีแล้ว พอผู้ชายไปทำงานไกลกัน เขาก็พบคนใหม่ เขาบอกว่าสิ่งที่เพื่อนไม่เคยให้เขาได้เลยก็คือ ไม่ยอมจดทะเบียน ไม่ยอมมีลูก ไม่ยอมไปหางานทำ ตอนนี้เขาก็เจอผู้หญิงคนใหม่ ไปเปิดบัญชีเงินฝากประจำร่วมกัน ทำให้เขาอยากมีอนาคต อยากทำโน่นนี่ให้ ขณะที่เพื่อนไม่เคยทำอะไรให้เขาเลย เพื่อนก็คร่ำครวญว่า ๑๐ ปี ไม่มีความหมายเลยหรือ แต่กับผู้หญิงคนใหม่เจอกันไม่กี่เดือน เหมือนใจผู้ชายไม่อยู่ด้วยแล้ว ดิฉันไม่อยากให้ความหวังเพื่อน แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้เพื่อนได้สติขึ้นมาสักที

    ตอบ - คือ ต้องการหลักที่จะให้เพื่อนได้สติใช่มั้ยครับ ได้ทำใจได้ดีขึ้น


    ถาม - ใช่ เพราะว่าเพื่อนหลอกตัวเองว่าผู้ชายจะกลับมาหา เพื่อนควรจะยอมรับว่ามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ดิฉันบอกเพื่อนว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ เพื่อนก็อ่านหนังสือธรรมะแต่เพื่อนบอกว่าทำไม่ได้

    ตอบ - อันนี้ผมเข้าใจครับ คือเรื่องของความรู้สึกมันเป็นเรื่องที่แก้กันด้วยเหตุผลไม่ได้ หรือว่าแก้กันด้วยคำพูดอย่างเดียวมันไม่เวิร์คหรอก ถ้าจะเอาวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เขาทำใจได้หรือว่าทำให้รู้สึกดีขึ้น ต้องเปลี่ยนความรู้สึกด้วยความรู้สึกอย่างอื่น เอาความรู้สึกอย่างอื่นมาแทนที่ซึ่งถ้าเขาไม่เต็มใจให้ความร่วมมือด้วยมันก็ ยากนะครับ ที่เราจะไปพยายามยื้อความรู้สึกในที่นี้ก็อย่างเช่น ถ้าหากว่ามีความรู้สึกยึดติดมาก ทำยังไงล่ะที่มันจะคลายลง ก็ต้องด้วยการเจริญสติ

    แทนที่จะเอาใจไปใส่ เอาใจไปคิดถึงแฟนหรือสามี เราก็เอาใจมาใส่ไว้กับสิ่งรอบตัวหรือสิ่งที่จะทำให้รู้สึกดีขึ้น จะเป็นอะไรก็ได้ที่ตัวเองชอบหรือตัวเองติดใจหรือสามารถที่จะเพลิดเพลินไปกับ มัน ยกตัวอย่างเช่นสำหรับคนทั่วไป เวลาอกหักก็มักจะไปเที่ยวไกลๆ หรือไม่ก็ไปดูหนังไปฟังเพลงอะไรอย่างนี้ ทีนี้การดูหนังฟังเพลงหรือการไปเที่ยวไกลๆ ตามความเป็นจริงจะเห็นว่า บางทีมันยิ่งทำให้คิดถึงแฟนเข้าไปใหญ่ เพราะว่าโดยปกติที่เคยชินมา พอใช้ชีวิตคู่ก็ไปกับคู่เสมอ ยิ่งไปในที่ๆ ทำให้นึกถึงเขามากขึ้น แทนที่จะช่วยให้รู้สึกสบายใจหรือรู้สึกดีขึ้น มันกลับไปตอกย้ำทำให้คิดถึงหนักเข้าไปใหญ่

    แม้แต่อยู่คนเดียวหรือไปเที่ยวไหนๆ บางทีมันไม่ใช่ทางออก แต่มันก็เป็นสิ่งที่คนทั่วไปนึกว่าควรจะทำหรือว่าทำกันได้ ที่ถูกนะครับ คำแนะนำแบบเป็นขั้นเป็นตอนก็คือทำอย่างไรก็ได้ที่จะเปลี่ยนความรู้สึกแบบ เก่าๆ ให้ไปเป็นความรู้สึกแบบใหม่อย่างสิ้นเชิง อย่างเช่นถ้าหากว่าไม่เคยไปทำบุญคนเดียว ขอให้ทดลองดู ทำบุญคนเดียวไม่ใช่เอาเพื่อนไปด้วย เอาเพื่อนไปแล้วบางทีมันเหมือนกับรู้สึกมีใครคนหนึ่งเห็นใจเราอยู่ ต้องประคับประคองเราอยู่

    ถ้าไปคนเดียวมันได้ความรู้สึกว่า เออ...เราต้องยืนให้ได้นะ เราต้องเดินให้ได้นะ แล้วก็ต้องสู้หน้าสู้โลกให้ได้นะ แล้วถ้าหากว่าตั้งจุดเริ่มต้นตรงนี้ได้ ทำความเข้าใจตรงนี้ได้ว่า เราไปคนเดียวเพื่อที่จะเอาความรู้สึกดีๆ แบบเดี่ยวๆ มาใหม่ มาแทนที่ของเก่าที่มันเป็นคู่ เพื่อนคุณก็จะพบว่า การที่ไปทำบุญคนเดียวแล้วอธิษฐานว่า ขอให้ความรู้สึกที่เป็นความสุขความสบายใจ ต่อให้มีขึ้นสักวูบนึงหรือสัก ๕ นาที ก็ขอให้เป็นจุดเริ่มต้นของการที่จะได้สบายใจกับการได้อยู่คนเดียว หรือทำความรู้สึกดีๆ ให้ตัวเองได้ ถ้าหากว่าอธิษฐานอย่างนี้ในทุกครั้งที่ไปทำบุญคนเดียว ไม่ว่าจะไปที่วัดหรือไปปล่อยสัตว์ หรือว่าไปช่วยคนอนาถา หรือไปสงเคราะห์คนชราอะไรต่างๆ แล้วคิดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

    เพื่อนคุณจะพบด้วยความอัศจรรย์ใจเลยว่า ภายในไม่กี่วันหรือภายในอาทิตย์เดียว ความรู้สึกมันจะต่างไปเลย ต่างมาจากข้างใน พบว่าตัวเองสามารถที่จะมีความสุขได้อยู่กับตัวเองเพียงลำพัง ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาความรู้สึกไปโยงไปผูกกับคนอื่น ลองดูนะ ตรงนี้ถ้าเพื่อนไม่ให้ความร่วมมือมันก็ยาก แต่ถ้าหากเขาให้ความร่วมมือ คุณจะพบว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อันนี้ผมเห็นผลมาหลายต่อหลายคนเลยนะครับ แล้วมันเวิร์คเสมอ

    ขนาดคนที่คิดจะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว ขนาดคนที่รู้สึกว่าตัวเองทรมานเหลือเกิน มันไม่สามารถที่จะลืมเขาได้ หลับก็ฝัน ตื่นก็ยังนึกถึงฟุ้งซ่านไม่หยุด แค่ไปทำบุญคนเดียวไม่กี่ทีด้วยการตั้งจิตอย่างนี้ ไม่ใช่ด้วยการที่ไปหวังว่า บุญคงทำให้เขากลับใจแล้วก็กลับมาหาเรานะ ไม่ใช่นะ ต้องไปด้วยการตั้งจิตว่า เราอยู่คนเดียวได้ เราทำบุญคนเดียวได้ แล้วก็มีความสุขอยู่ตามลำพังได้ ด้วยความรู้สึกอย่างนี้เท่านั้น มันถึงจะแทนที่ความรู้สึกเดิม

    แล้วถ้าหากว่าเขาสามารถทำใจได้จริง มีความสุขอยู่กับตัวเอง มันก็ประหลาดนะ คือมันจะมีเรื่องมหัศจรรย์อยู่เสมอเกิดขึ้นได้ คือว่าไอ้ความสุขความสบายใจนั้น ที่ลืมเขาได้แล้ว มันอาจจะกลายเป็นดึงดูดเขากลับมาก็ได้ เพราะว่าคนที่มีความสุขมากกว่าเดิม มันเหมือนคนที่เปลี่ยนไป การที่เราเปลี่ยนไป การที่เราแปลกไป ไม่ใช่คนอมทุกข์ ไม่ใช่คนเดิมที่จะมีกระแสผลักหรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้เขาเบื่อหน่าย มันอาจจะกลายเป็นแรงดึงดูด มันอาจจะกลายเป็นพลังที่ทำให้เขาเกิดความสำนึกผิด แต่ถ้าเขาไม่สำนึกผิด อย่างน้อยที่สุดเราก็ได้หลักประกันคือใจของตัวเอง ใจใหม่ที่มีความสุขกว่าเดิม มีความรู้สึกที่นับถือตัวเอง อยู่กับตัวเองได้ แล้วก็เป็นสุขกับตัวเองได้นะครับ

    โดย ดังตฤณ
    ที่มา http://www.dlitemag.com/index.php?o...7-10-19-08&catid=41:dungtrins-answer&Itemid=1


    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD height="100%" vAlign=top width="85%"><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>ถูกแฟนทิ้งไปอยู่กับคนใหม่ จะผ่านทุกข์นี้ไปได้อย่างไร ?
    « เมื่อ: 12 มีนาคม 2008, 21:45 »
    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">ถาม - ถูกแฟนนอกใจไปมีแฟนใหม่ เสียใจมาก เพราะเราอยู่ด้วยกันแล้ว
    ทุกวันนี้นอนไม่ค่อยจะหลับ ฝันถึงเขา ยังหวังให้เขากลับมารักดิฉันเหมือนเดิม
    เขาเองก็บอกว่าเข้ากับแฟนใหม่ได้ดี แต่ก็กังวลว่าจะไม่มีใครรักเขาเท่าดิฉันอีกแล้ว ตอนนี้สับสนมาก จะผ่านความทุกข์นี้ไปได้อย่างไรคะ?


    การที่คุณฝันถึงเขา ก็เนื่องมาจากจิตหมกมุ่น
    คิดวนไปมา พะวงถึงแต่เรื่องราวที่ผ่านมาเกี่ยวกับตัวเขา
    ซึ่งยิ่งคิดก็จะยิ่งเศร้าหมอง ตอกย้ำให้เจ็บแปลบ
    จิตเสียกำลังโดยไม่จำเป็น

    ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อม สถานที่ที่ชวนให้คิดถึงเขา
    สิ่งของใดอันที่เกี่ยวเนื่องกับตัวเขา เช่น รูปถ่าย ของที่ซื้อให้
    ช่วงนี้ควรเก็บให้มิดชิด

    ถ้าทำได้ก็ขอให้เปลี่ยนสถานที่
    ไปพักในสถานที่ ที่มีธรรมชาติ สงบ และสบายแก่จิต
    ไปวัด ทำบุญ ตักบาตร ฟังเทศน์ กราบพระผู้ปฏิบัติดี
    เมื่อจิตได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่
    และความชื่นเย็นจากกระแสกุศล ก็จะทำให้จิตเปิดกว้าง
    คลายจากการคิดและยึดในเหตุแห่งทุกข์นั้น

    เรื่องที่คิดอยากให้เขากลับมาเหมือนเดิมนั้น
    ขอให้ตอบตัวเองอย่างตรงไปตรงมา
    ถ้าเขากลับมาจริง ๆ นั้น
    คุณจะสามารถเหมือนเดิมกับเขา
    โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวง แคลงใจ
    และหวาดระแวง แต่อย่างใดเลยจริงหรือเปล่า

    เพราะเขาสามารถทิ้งคุณ ไปมีคนใหม่ได้อย่างง่ายดาย
    ทั้งที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่กินฉันท์สามีภรรยากันแล้ว
    และคุณก็ไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด

    ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ที่เป็นลูกผู้ชายนิสัยดีจริงๆ เขาย่อมจะไม่ทำกัน
    แต่จะมีความสำนึก และรับผิดชอบมากกว่านี้

    และครั้งต่อไป ๆ ก็ไม่มีหลักประกันใด ๆ
    ว่าเขาจะไม่ทิ้งคุณไปอีก ถ้าเจอคนใหม่ที่ถูกใจกว่า

    เรื่องที่เขาพูดว่ากลัวจะไม่มีใครรักเขามากเท่าคุณนั้น
    เพราะเขารู้จุดอ่อนของคุณ ซึ่งหลงรักเขามาก และผ่านโลกมาน้อยกว่า
    เผื่อที่ว่าถูกคนใหม่ทิ้ง หรือเขาต้องการจะเก็บคุณไว้เพื่อสิ่งใดก็ตาม
    จะได้สามารถกลับมาหาคุณได้อีก

    การที่คุณรักเขามาก จะทำให้มองเห็นแต่สิ่งที่ดีของเขา
    จนลืมมองถึงเหตุการณ์จริง สิ่งที่บกพร่องในตัวเขา
    โทษแต่ว่าเป็นความผิดของตัวเองอย่างเดียว
    ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ อยากแก้ตัว
    อยากให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม
    เพื่อจะได้ทุ่มเท หรือทำดีกับเขามากขึ้น

    ขอให้คุณคิดถึงคนอื่นรอบ ๆ ตัวคุณที่รักคุณจริง ๆ
    เช่น พ่อแม่ ญาติ หรือ พี่น้องของคุณเอง
    คุณควรใกล้ชิด และขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่ที่เชื่อถือไว้ใจได้
    เพราะท่านเหล่านั้น ผ่านโลกมาก่อน
    สามารถดูคนออก และให้คำแนะนำที่ถูกต้อง
    ส่วนเรื่องที่ผ่านมาขอให้คุณคิดว่า มันเป็นครู เป็นบทเรียน
    ที่ทำให้เรารู้จักโลกมากขึ้น และเผื่อที่จะไม่ทำผิดพลาดอีก

    โดย mayrin
    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"></TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา:http://www.star4life.com/forum/index.php?board=9.0

    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD id=modified_469 class=smalltext vAlign=bottom></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2011
  2. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    อย่าสีแกลบ อย่าแบกโลก (คนมีปัญหารัก อยากให้อ่าน)<!-- google_ad_section_end -->




    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 336x280 */google_ad_slot = "0551074580";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor>[​IMG]</INS></INS>







    แกลบ คือ เปลือกของเม็ดข้าวสาร ที่ไม่มีราคาค่างวดอะไร ทำประโยชน์ได้น้อย หรือไม่ได้ใช้ทำอะไรเลย นอกจากทิ้งให้ผุหรือเผาไฟเป็นเชื้อถ่าน รวมความว่า เป็นสิ่งที่ไร้ราคา

    ถ้าใครเอาแกลบ ที่เขาสีเอาเม็ดข้าวสารออกแล้วไปสีอีก นอกจากจะเสียเวลาเสียแรงงานเปล่าแล้ว ยังอาจจะถูกคนเขามองว่า เป็นคนไม่ครบ ๔ สลึงเสียอีกด้วย เพราะไปทำในสิ่งที่ไร้ประโยชน์

    ในทำนองเดียวกัน ก็มี คนเป็นอันมาก ที่มักจะปล่อยเวลาให้หมดไปกับสิ่งที่ไร้สาระ และไม่อาจจะเรียกร้องให้กลับคืนมาได้อีก เช่น

    - สามีหรือภรรยา หนีไปอยู่กับเมียน้อย หรือหนีตามชู้ไป
    - คนรักตายจากไป ของรักของหวงหายไปหรือไฟไหม้
    - ลูกที่แสนรักมาตายจากไป สัตว์เลี้ยงตายจากไป


    ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือบุคคล ที่เรารักและหวงแหนได้ตีจากหรือตายจากไปแล้ว ไม่อาจที่จะเรียกร้องให้กลับคืนมา หรือให้อยู่ในสภาพเดิมได้อีกแล้ว แต่ใจมันก็ยังไปผูกพัน อาลัยอาวรณ์คิดถึงแต่สิ่งนั้นไม่อาจที่จะสลัด หรือตัดอารมณ์นั้นๆ ได้ จึงต้องมานั่งหรือนอนสีแกลบกันอยู่เรื่อยไปไม่มีวันจบสิ้น

    เหตุที่เป็นดังนี้ ก็เกิดจาก “จิตวางไม่ลง” ในอารมณ์นั้นๆ ทั้งๆ ที่รู้แน่แก่ใจอยู่แล้วว่า สิ่งนั้นจะไม่กลับคืนมาอีกแล้วก็ตาม เพราะจิตเกิดทิฐิผิด ๓ ประการ คือ

    ๑. อ่อนปัญญา (ไม่ใช่ปัญญาอ่อน) คือ ฟังหรืออ่านน้อย บวกกับความเป็นคนจิตใจคับแคบ และเห็นแก่ตัวจัด จึงไม่อาจที่จะสลัดอารมณ์นั้นๆ ได้

    ๒. ไม่ซึ้งในกฎแห่งกรรม คือ ยังไม่เข้าใจกระบวนการทำงานของกรรมอย่างถูกต้อง

    ๓. ขาดสติ คือ ไม่ได้เจริญสติ ไม่ฝึกสติ ก็ย่อมจะไม่รู้ว่าในขณะนั้น ๆ ตนกำลังคิดอะไรอยู่ ? และขาดสัมปชัญญะ คือไม่รู้ตัวด้วยว่า สิ่งที่ตนคิดนึกนั้นควรหรือไม่ควร ? และจะพรากจากการเป็นนักค้าฝันนั้นได้อย่างไร

    จากประสบการณ์พบว่า ผู้ที่ชอบหากินกับอดีตอันหวานชื่น คือชอบนึกคิดในสิ่งที่ล่วงมาแล้ว มักจะเป็นคนที่สังคมแคบ ชอบเก็บตัว ไม่ยอมเผชิญหน้ากับความจริงไม่ยอมรับความจริง เป็นคนไม่ชอบแลกหมัด แต่ชอบแทงข้างหลังหรือชอบจับเงา

    ทางแก้ที่ควรทำ แต่ก็ทำยาก เพราะคนพวกนี้ไม่ชอบทำ แต่ชอบคิด ได้นำมาเสนอไว้ เพื่อใครเกิดนึกขลังอยากจะทำตามบ้าง ดังนี้

    ๑. อบรมปัญญา ด้วยการฟัง การอ่านให้มากๆ ใช้ปัญญาพิจารณาหาเหตุผล คบหากับท่านผู้รู้ หมั่นสอบถามเมื่อสงสัย หมั่นฝึกฝนอบรมจิตอยู่เสมอๆ มองโลกให้กว้างและลึก

    ๒. ศึกษากฎแห่งกรรม ด้วยการศึกษาธรรมชาติของชีวิต ให้เข้าใจอย่างถูกต้อง จนรู้ความจริงว่ามันไม่มีอะไรเป็นสาระหรือจริงจัง จิตก็ย่อมจะคลายความยึดถือลงได้บ้าง

    ๓. เจริญสติ ด้วยการฝึกสติในชีวิตประจำวัน ในทุกอิริยาบถ จนสติมีความคล่องตัว เมื่อจิตไปจับอารมณ์ในอดีต ก็จะระลึกได้เร็วและสามารถตัดกระแสความคิดลงได้ในฉับพลันทันที


    ที่สำคัญก็อย่าอยู่ว่าง ควรหางานอะไรทำอย่าได้ขาดมือเพราะนอกจากจะทำให้เพลิดเพลินแล้ว ยังจะมีผลพวงมาอีก ๒ คือ ได้งานอันเป็นเหตุให้ได้เงินด้วย และทำให้ลืมเรื่องในอดีต อันไร้สาระเสียได้ในช่วงนั้น

    เมื่อเหตุการณ์ต่างๆ ได้ล่วงเลยไปนานเข้า ความประทับใจก็ย่อมจะลดน้อยลง จนถึงกับลืมไปเองโดยไม่ต้องฝืน นี่ก็นับว่าเป็นผลดีของจิต ที่มักจะลืมอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว ขอแต่ว่าให้จิตมันมีเรื่องใหม่ ๆ คิดหรือทำเถอะ

    ดังนั้น เมื่อจิตของเรามันเผลอ หรือตั้งใจไปคิดนึกเรื่องเก่าที่ประทับใจ หรือลืมไม่ลงก็ตาม แล้วทำให้เกิดความเศร้าหมอง ขุ่นมัวจนหมดความสุข

    ก็จงเตือนตนด้วยสติและปัญญา คือระลึกถึงเรื่องที่คิดและผลเสียที่จะเกิดแก่จิตใจ รวมทั้งเวลาที่เสียไปโดยไร้ประโยชน์ ไร้สาระและทำลายตนเอง

    ควรระลึกไว้เสมอๆ ว่า การนึกคิดเช่นนี้ เป็นการสีแกลบ หรือเลื่อยขี้เลื่อย เป็นเรื่องที่น่าละอาย เป็นการกระทำของคนปัญญาอ่อน หรือคนที่สิ้นคิดแล้วเท่านั้น !

    เมื่อมันเผลอไปคิด ถึงเรื่องที่ไร้สาระอีก ก็จงตั้งสติคอยกระตุ้นมันว่า
    “นั่นแน่, สีแกลบอีกแล้ว ! เลื่อยขี้เลื่อยอีกแล้ว ไม่เอา, ไม่เอา !!”
    หมั่นระลึกบ่อยๆ มันก็จะเกิดความละอาย และจะเลิกไปในที่สุด.









    <INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor></INS></INS>
    <INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor></INS></INS>
    <INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_1_anchor></INS></INS>
    <INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_2_anchor></INS></INS>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2011
  3. ^บัวหลวง^

    ^บัวหลวง^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    543
    ค่าพลัง:
    +661
    ไม่มีใครดีไม่มีใครชั่ว ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นไปตามกรรม
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #998049; COLOR: #998049" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ถาม : มีบุคคลคนหนึ่งเขาบอกว่า "จิตเขาไปถึงไหนแล้วรู้ไหม ?" ก็เลยถามเขาว่า "ศีล ๕ ข้อ รักษาได้ไหม ?" เขาตอบว่า "ไม่ได้"
    ตอบ : แบบนั้นจะเป็นพวกได้โลกียฌาน ไม่ต้องไปตำหนิเขา

    คนเราจริง ๆ แล้ว ไม่มีดีไม่มีชั่ว ทุกคนล้วนแล้วแต่กำลังเป็นไปตามกรรมทั้งสิ้น ดีชั่วเป็นสิ่งสมมุติที่เรานำมาแบ่งแยกกันเอง

    ถ้าหากว่าเราประกอบไปในด้านบุญกุศล ก็จะตกอยู่ในกระแสสีขาวพาเราไหลขึ้นตลอดเวลา แต่ถ้าหากว่าเราทำบาปอกุศล เราก็จะตกในกระแสสีดำไหลลงตลอดเวลา จนกว่าเราจะหลุดพ้นจากกระแสทั้ง ๒ สายนั้น ถึงจะเข้าพระนิพพานได้

    เพราะฉะนั้น..ไม่มีใครดี ไม่มีใครชั่ว มีแต่คนที่กำลังเป็นไปตามกรรม

    เมื่อเรามาถึงตรงจุดนี้แล้ว เห็นใครทำในสิ่งที่ไม่ดี ก็อย่าไปตราหน้าว่าเขาชั่ว สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเราต้องเคยทำมาก่อนแล้ว ในเมื่อเราเคยทำมาก่อนแล้ว ตอนนี้เขามาทำต่อจากเรา เขาก็คือผู้ที่เป็นทายาท มารับผลงานที่เราเคยทำเอาไว้

    ในเมื่อเขาเป็นทายาท เขาคือลูก คือหลาน คือญาติ คือโยมของเรา เราต้องไม่รังเกียจเขา ถ้ามีโอกาสสามารถช่วยเขาได้ก็ช่วย ถ้าช่วยไม่ได้ก็วางเฉย ยอมรับว่าเป็นกฎของกรรม แต่ไม่ได้วางเฉยธรรมดา ๆ อุเบกขานี้ก็ยังมีเมตตา มีกรุณาแฝงอยู่ คือ ถ้าพร้อมเมื่อไร เราก็พร้อมที่จะช่วยเขาอีก

    ให้วางกำลังใจอยู่ในลักษณะอย่างนี้ คนไม่มีดีไม่มีชั่วหรอก มีแต่สมมติทั้งนั้น ต่างคนต่างทำ เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นดีแล้วเขาถึงทำ แต่เขาเข้าใจผิดด้วยอกุศลชักพาไป ในเมื่อเขาคิดว่าดีแล้วเขาจึงทำ ถ้ามีโอกาสเราก็แนะนำในสิ่งที่ดีจริง ๆ ให้เขา


    ถาม : แนะนำไม่ได้เลยค่ะ
    ตอบ : แนะนำไม่ได้ก็ปล่อยวาง เมตตา กรุณา มุทิตาแล้ว ถ้ายังช่วยไม่ได้ ก็ต้องอุเบกขา

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. udd

    udd Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +50
    ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาศ คนเราเกิดมาเพื่อมาต่อยอดสร้างบารมี ขัดเกลากิเลสเพื่อให้พ้นจากวัฏสงสาร ไม่ใช่มาสร้างบาป สะสมกิเลสเพิ่ม คนเราเมื่อเห็นทุกข์แล้วจึงเห็นธรรม อย่าโทษคนอื่น อย่าโทษตัวเอง พยายามทำใจ รู้ทันจิตที่กำลังคิด เมื่อเรารู้ทันมัน มันจะหยุดคิด ธรรมชาติของจิตจะทำได้ทีละอย่าง รู้แล้วอย่าปรุงแต่งจินตนาการต่อ รู้อยู่เฉยๆ สักพักมันก็จะเปลี่ยนเรื่องคิด ทุกอย่าง เกิด คงอยู่ได้ไม่นาน แล้วก็จากไป ล้วนเป็นอนิจจัง คุณเชื่อเรื่องภพเรื่องชาติ เชื่อเรื่องเวรกรรมไหม ถ้าคนเชื่อให้คุณคิดว่าทำบุญร่วมกันมาแค่นั้น เขาทำบุญร่วมกับคนอื่นมามากกว่าคุณ หรือไม่อย่างนั้นเขาอาจจะเกิดมาเพื่อ สอนให้คุณได้รู้จักความทุกข์ เพื่อให้คุณได้สร้างบุญ บารมีต่อจากชาติที่ผ่านมา เขาเป็นผู้มีบุญคุณกับคุณ เมื่อคิดอย่างนี้ได้คุณจะรู้สึกรักและนึกขอบคุณเขาขึ้นมา(ไม่ใช่รักแบบรักไคร่ แต่เป็นรักอย่างเพื่อนร่วมโลก) แล้วให้มันเป็นบทเรียนสำหรับเรื่องอื่นๆ คนเรา เมื่อมีอะไรก็ตามอยู่กับตัวบางครั้งมองไม่เห็นคุณค่าของมันแต่ถ้าได้เสียมันไปจึงนึกเห็นคุณค่า คนที่คุณไม่ควรลืมอีกคนและควรนึกให้มากกว่าใคร คือแม่ พ่อ แต่ถ้าคุณทำใจไม่ได้ อยากแนะนำให้หาวันหยุด หรือสร้างวันหยุดให้เกิดซัก 5-10 วัน แล้วไปวัดต่างจังหวัด ที่ไกลๆพอสมควรให้พ้นจากสังคมเก่าๆที่คุณคุ้นเคย แล้วไปฝึกทำใจให้สงบ ฝึกปลง ทำสมาธินั่งดูใจตัวเอง ถ้าคุณยังหาที่ไม่ได้ อยากจะแนะนำให้ไปที่ วัดอภิญญาเทสิตธรรม หรือว้ดนาหลวง(เทสิตธรรม)หรือแถวนั้นเขาเรียกวัดภูย่าอู่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ที่นั่นเป็นศูนย์วิปัสสนาที่ดีมากๆ มีพระสุปฏิปัญโณที่ปฏิบัตีดีปฏิบัติชอบอยู่หลายรูป ถ้าไม่กล่าวจนเกินไปที่นั่นมีพระอริยะอยู่มาก โดยเฉพาะหลวงพ่อทองใบ ปภัสสโร ประธานสงฆ์ที่นั่น แล้วคุณจะได้รู้ได้เห็นว่าพระอริยะขั้นสูง ในพระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างไร ที่นั่นมีมหาวิทยาลัยนิพพาน สอนแนวทางการพ้นทุกข์ด้วย หรือคุณจะไปวัดใหนก็ได้ในภาคอิสานมีวัดที่ปฏิบัตีดีปฏิบัติชอบที่มีพระอริยะสงฆ์ อยู่มากมายหลายจังหวัด หากคุณหรือใครก็ตามที่ได้อ่านแล้ว ถ้าไม่เชื่อคุณอย่าลบหลู่ ปรามาสเด็ดขาด เพราะการปรามาสพระอริยสงฆ์ทั้งหลายเป็นการสร้างกรรมอันใหญ่หลวง แต่หากคุณเชื่อแล้วไปปฏิบัติจริง แล้วพบหนทางอันทำให้คุณพ้นจากทุข์ที่กำลังเป็นอยู่และจางหายไป หรือทำให้คุณพบกับสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลมากกว่านั้น ผมขอ อนุโมทนาบุญกับคุณในครั้งนี้ด้วยครับ ขอให้พบกับความสว่างแห่งจิต สาธุ สาธุ สาธุ.....

    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  5. moddang

    moddang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,464
    ค่าพลัง:
    +5,423
    เศร้าใจทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องที่ทำไว้ไม่ดีกับภรรยาที่ไปจาก..จะแก้อย่างไร

    จากที่พอมีความรู้เรื่องธรรมะอยู่บ้างเพียงเล็กน้อย ข้อความผมอาจให้ประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย ลองแก้ดูครับ

    การที่เศร้าใจทุกครั้ง ที่นึกถึงภรรยาที่จากไปเพราะจิตคุณไปบันทึก อารมณ์ขุ่นข้องหมองใจที่ทำไว้ การที่จะทำให้ไม่เศร้าใจ คือต้องไปอโหสิกรรมกับเขา (อโหสิกรรมให้แก่กันและกัน) แล้วจะสบายใจขึ้น ให้ความปรารถนาดีกับเขา แผ่เมตตาให้เป็นประจำทุกครั้งที่ทำบุญ แล้วจะเบาบางลงเองครับ สั้นๆง่ายๆ ลองทำดูครับ จิตจะได้ไม่บันทึกความเศร้าครับ <!-- google_ad_section_end -->
     
  6. ครูแหม่ม

    ครูแหม่ม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +35
    เป็นกำลังใจให้นะคะ...บางครั้งเขาอาจจะไม่ใช่คู่แท้ของพี่ก็ได้....ปฏิบัติธรรมและอ่านหนังสือที่ให้กำลังใจดูนะคะ..เวลาจะช่วยรักษาใจเราเอง.....
     
  7. greenice

    greenice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +1,390
    เวลาจะเป็นยารักษาใจให้คุณ หม้นมีสติกับปัจจุบันอารมณ์
     
  8. poppyrose

    poppyrose เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +11,525
    ให้อภัยเธอเเละตัวเอง หมั่นยึดมั่นในความดี ระลึกถึงพระรัตนตรัย เข้าใจถึงความรู้สึกเเบบนั้นค่ะที่คิดถึงเเฟนเมื่อเจอสิ่งที่ทำให้ระลึกถึงกันได้ เช่น สถานที่ที่เคยไปด้วยกัน เหตุการณ์ อื่นๆ ที่ทำให้รู้สึกผูกพัน เเม้เเต่ตัวข้าพเจ้าเองยังร้องไห้
     
  9. ped2011

    ped2011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,037
    ค่าพลัง:
    +1,096
    ..ย้อนไปเมื่อก่อนโน้น...เมื่อเจอใครที่มีปัญหาแบบนี้ ผมมักมีความรู้สึกว่าแค่ปัญหาจิ้บๆ คิดแค่ว่าคนอยู่ด้วยกันก็ย่อมต้องมีเรื่องกระทบกันเหมือนลิ้นกะฟัน ในเมื่อเลิกร้างกันไป ต่างคนก็ต่างมีใหม่..ไม่เห็นต้องคิดอะไร แต่พอมาเจอเข้ากับตัวเองถึงได้เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น

    ..เรื่องการจะมีใหม ต่างคนก็หาไม่ยากแต่ยากตรงจะถูกใจกันทั้งสองฝ่ายแค่ไหนเท่านั้น แต่การที่ได้มาแล้วและรักษาไว้ให้อยู่นานๆน่าจะยากกว่า นี่เป็นบทเรียนของผมที่หนึ่ง

    ..อีกเรื่อง เมื่อก่อนสมัยเป็นวัยรุ่น ผมไม่ค่อยจะแคร์ความรู้สึกผู้หญิงเท่าไหร่ เคยได้มาแล้วทิ้งไป ตรงนี้อาจเป็นบาปที่ตามมาสนองก็เป็นได้ ที่พอตั้งใจจะให้ครอบครัวเป็นปกติสุข กลับมีอุปสรรคมารุมเร้าตลอด ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยที่น่าจะคุยกันได้ให้เข้าใจง่ายๆ แต่ก็เหมือนอีกฝ่ายพูดกันคนละเรื่อง

    ..ก่อนหน้านี้ผมกับ(อดีต)ภรรยาได้เคยคุยกันทางโทรศัพย์หลายครั้ง ก็พยายามบอกเขาว่าคนเรามีทั้งด้านดีและด้านมืด คนที่เข้ามาใหม่ก็ใช่ว่าจะดีไปเสียทุกอย่าง เพียงแต่ยังไม่แสดงออก แต่เราอยู่กันมาแล้ว รู้ใส้รู่พุงกันหมดแล้ว ไม่ต้องเริ่มใหม่ เพียงแค่ปรับความเข้าใจกัน ทุกอย่างเดินหน้าต่อน่าจะเวิร์คกว่า ก็พยายามยกแม่น้ำทั้งห้าแบบอย่างเก่าก็ไม่เป็นผล เลยคิดว่าผู้ชายคนใหม่คงมีดีแหล่ะน่า.. ทั้งเรื่องงานและอย่างว่า 5 5 5

    ..และทุกวันนี้ผมยังรู้สึกดีกับเขา หากเจอคนใหม่ที่ใช่ที่ดีกว่าผมในหลายๆเรื่อง..ทีผ่านมาเขาคงมาใช้กรรมกับผม จนหมดกรรมแก่กันแล้วจึงจากกันไป

    ..เรื่องเศร้าของผมในทุกวันนี้กลับไม่ใช่เรื่องที่เขาไปมีใหม่ แต่เป็นเรื่องที่รู้สึกผิดมากกว่า ที่เคยทำบางอย่างที่หักหาญน้ำใจผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ตั้งใจอุตส่าห์หาเงิน เก็บหอมรอมริบด้วยกันจนได้แต่งงาน และได้ชื่อว่าภรรยา ที่จะเป็นคู่ทุกข์คู่ยากต่อไปในอนาคต แต่สุดท้ายผมกลับเป็นฝ่ายทำมันพังเอง เพราะอาการไม่รู้จักยับยั้งอารมณ์ของตน มาถึงเวลาปัจจุบัญเมื่อมีอะไรมาสะกิดใจให้คิด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเก่าที่หลงอยู่ที่ตะกร้า รองเท้า ที่หนีบผม รูปภาพที่ยังอยู่ในคอม ที่ดูแล้วเหมือนตอนยังอยู่ด้วกัน หรือเมื่อเจอสถานที่ๆเคยไปด้วยกัน แม้แต่ยามที่ใครถามว่าแฟนไปไหน ผมไม่อยากได้ยินคำๆนี้มากเลย มันทำไห้ความรู้สึกเจ็บผุดขึ้นมาตามหลอกหลอน เป็นต้องหยุดคิด อึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ผมจึงยังรู้สึกเจ็บกับการกระทำของตัวเองทุกครั้ง

    .. ทุกวันนี้หลังจากที่ได้ศึกษาธรรมะและฝึกสติ จึงได้น้อมนำมาปฏิบัติ ผมจึงได้รู้สึกว่าตัวเองเย็นขึ้น สังเกตุเวลาคนขับรถตัดหน้าจะไม่โกรธหรือพอจะโกรธก็จะรู้สึกตัวก่อนเสมอ เข้าใจว่าธรรมะของพระศาสดาของเราสุดยอดจริงๆ ที่สำคัญคำตอบที่ทุกท่านกรุณายกมาตอบเวลานี้ มันช่างเป็นดั่งสายฝนโปรยฯ เกร็ดละอองฝนฉ่ำเย็นที่เป็นดั่งหิมะมวลเบา ได้รินหรั่งสู่หัวใจแห้งๆ เหี่ยวๆ ดวงนี้ให้ชุ่มชื้นขึ้น เป็นข้อเตือนใจ จะเป็นอะไรที่จะคอยเตือนสติไปตลอด.. คิดนะว่าถ้าตัวเองออกแนวมีธรรมะมาคุมใจตั้งแต่ต้นคงไม่ต้องมาเสียใจอย่างนี้ และเรื่องราวคงไม่จบอย่างนี้.

    ..เล่ามาซะยืดยาว แต่อย่างน้อยคงมีประโยชน์ให้บางคนบ้างแหล่ะนะ ผมก็ได้บทเรียนของตัวเอง ที่ต่อไปหากจะใช้ชีวิตคู่คงต้องเตรียมสติให้มากๆ แต่ตอนนี้รู้สึกเบื่อๆอยากๆ ยังไงไม่รู้ เหงาเป็นบางครั้งน่ะนะ แหมก็ยังหนุ่มอยู่นิ..? แต่ใจจดจ่ออยู่กับภัยภิบัติจนบางครั้งลืมเรื่องพวกอย่างว่าไปเลย 555


    ..เมื่อพูดถึงภัยพิบัติ ผมชอบจังคำนี้ เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว ให้รีบพากันปฏิบัติ. ของคุณmoddang ที่ด้านบน ผมเห็นด้วยอย่างแรง. คิดว่าหากเราปฏิบัติกันได้ สิ่งดีๆคงตามติดตัวไปในภพหน้าแม้นไม่ได้โสดาบันก็ตาม หรืออย่างน้อย เราก็นำธรรมนั้นมาใช้ในชีวิตปัจจุบัญก็คงเกิดผลในระดับต้น คงทำไห้ทุกอย่างเดินเรียบง่ายไม่มีปัญหาในทุกเรื่อง ตั้งแต่ระดับชาติไปถึงเรื่องครอบครัว หรือถ้ามีก็คงเป็นส่วนน้อย

    ..ขอเข้ามาแก้เติมอีกหน่อย ในฐานะที่ยังมีตัญหาราคะอยู่อย่างอัดแน่น..55 มีเรื่องที่เจ็บใจอย่างคือ ตรงที่ผู้ชายคนใหม่คงมีดีเรื่องอย่างว่านั่นแหล่ะ

    "มันเจ็บใจจริงๆครับพี่น้อง.... แมน ยอมไม่ด้ายยยย ยยย...! "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 พฤษภาคม 2011
  10. yokine

    yokine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +602
    ผมว่า พี่น่าจะให้อภัย และให้โอกาส กับตัวเองนะครับ ผมก็เคยอกหัก เพราะผมทำตัวไม่ดี กับแฟน แฟนเลยทิ้งผมไป ตอนนั้นก็ เสียใจมากๆๆอยู่ 5-6 เดือน จนสุดท้ายก็ถามตัวเองว่า ถ้าเรารักเค้าจริง เค้า ทำอะไรแล้วมีความสุข เรา ก็ควรที่จะดีใจกับเขาไม่ใช่หรืออย่างไร

    ผมคิดว่านั่นคือความรัก ที่แท้จริงนะครับ เพราะคนเราปกติ เรามักจะเสียใจเวลาที่เราไม่ได้รับรักตอบ หรือไมได้ครอบครองรักของคนที่เรารัก แต่บางครั้งถ้ามองดูลึกๆมันก็อาจไม่ได้หมายความว่าเรารักเค้ามากจริงๆหรอกมั้งครับ ผมว่าบางทีมันอาจหมายถึงเรา รักตัวเองมาก จนยอมที่จะทำใจไม่ได้ ที่จะไม่ได้ครอบครองสิ่งของอันเป็นที่รัก ที่เราหลง มองว่าเป็นของของเรา

    ผมเคยโกรธแฟนผมนะครับตอนที่ทิ้งผมไป แต่ก็โกรธตัวเองด้วย เพราะส่วนนึงผมก็ผิด แต่โกรธไปใจ ก็ยิ่งคิดยิ่งแค้น ยิ่งเสียใจ ไม่ว่าใครจะผิดจะถูก สุดท้าย ผมก็เลย ปล่อยดีว่า ผมโทรไปขออโหสิกรรมกับเค้า แล้วผมก็อโหสิกรรมให้เค้าด้วยเช่นกัน แล้วจิตใจผมมันก็โปร่ง โล่งสบายมากขึ้นนะครับ ที่เหลือก็ รอเวลา ค่อยๆรักษากันไป โชคดีที่ตอนนั้นมีพระรูปหนึ่ง ท่านเอาซีดีธรรมมะมาให้ เรียกว่าพระมาโปรดจริงๆ ฟังเพลินเลย พี่จะลองไปหาฟังดูก็ดีนะครับ ตอนผมฟังผมฟังของหลวงพ่อจรัญ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไว้ฟังเวลาว่าง เพราะตอนผมอกหัก ว่างไม่ได้เลย ว่างแล้วจิตใจมันฟุ้งซ่านมาก พอฟังธรรม จิตใจมันก็มีที่ยึดเกาะ ไม่ไปจมอยู่กับความทุกข์อย่างเดียว หรือจะไปฟังในห้อง เสียงธรรม หมวด หนังสือธรรมนิยาย ทั่วไป ก็มีให้ฟังเยอะทีเดียวเชียวครับ ผมว่าน่าจะดีขึ้นนะครับ

    เป็นกำลังใจให้นะครับ เริ่มใหม่ ^ ^
    ขอบคุณด้วยสำหรับเรื่องราว บทเรียน ที่เอามาแนะนำครับ ขอให้กุศลที่ตั้งใจนี้ ทำให้พี่ หายป่วย ใจเรื่องนี้ ไวๆ ครับ เหะๆ
     
  11. Lixalot's mummy

    Lixalot's mummy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,104
    ส่วนตัวไม่กล้าโพสต์ให้คำแนะนำหรือแก้ปัญหาให้ใคร นอกจากให้กำลังใจ เพราะคิดว่าตัวเองยังมีวุฒิภาวะทางธรรมไม่สูงพอ แต่โดยวุฒิภาวะทางโลกและจากประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นจริงกับตัวเอง เข้ามายืนยันว่า คำแนะนำของคุณ @^น้ำใส^@ และคุณ udd สามารถแก้ปัญหาได้จริงแบบถาวรค่ะ อนุโมทนากับท่านทั้งสองด้วย

    เจ้าของกระทู้อยากพิสูจน์เองก่อนเชื่อก็ไม่ว่ากันค่ะ ;-) เอาใจช่วยให้ผ่านทุกข์ตัวนี้ไปได้เร็วๆ และอวยพรให้มี "สติ" ที่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับทุกข์ตัวต่อๆไปนะคะ ^^



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2011
  12. Red Leaf

    Red Leaf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +4,547
    มีคนตอบเยอะแล้วนะคะ....ส่วนตัวอยากตอบว่า บางทีการที่คน 2 คนจะอยู่กันได้หรือไม่ได้ มันมิใช่เพราะเหตุผลที่มองเห็นอย่างที่คุณว่ามา แต่ลึกลงไปแล้ว เป็นสิ่งที่เกิดจากบุญทำกรรมแต่งแท้ๆ

    การรู้สึกผิดกับสิ่งที่คุณเคยทำกับเธอมาแล้วเป็นสิ่งดี เพราะทุกคนนั้น จะเรียนรู้ว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดี ก็จากความผิดพลาดของตัวเอง เมื่อรู้ว่าผิดพลาดไปแล้ว 1 ครั้ง ก็อย่าให้มีครั้งที่สองอีก

    อดีตก็คือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่ควรไปพะวงกับมันอีก แต่ดูท่าทางคุณยังผูกพันกับเธออยู่มาก ยามใดที่มีทุกข์ ให้หายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกยาวๆ นึกเอาความทุกข์ออกมากับลมหายใจให้หมดสิ้น คงพอจะช่วยผ่อนคลายความทุกข์ได้บ้าง

    คนเรานั้นคู่กันแล้ว ไม่แคล้วกัน ถ้าไม่ใช่คู่ ถึงจะดีต่อกันขนาดไหน ที่สุดก็ต้องพลัดพรากกันอยู่ดี ถ้ายอมรับความจริงนี้ได้ ไม่ต้านไม่ฝืน ใจคุณจะมีความสุขขึ้นได้ค่ะ
     
  13. เมทินี

    เมทินี สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +4
    เป็นกำลังใจให้นะค่ะพี่ หนูก็พึ่งจะผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มาได้ 3 อาทิตย์กว่า ๆ เอง กระทู้ยังโพสต์ไว้อยู่เลย ว่าง ๆ ลองเข้าไปอ่านนะค่ะ ความทุกข์ของแม่ม่าย เริ่มต้นใหม่นะค่ะ เรายังมีลูกที่ต้องดูแล สู้ ๆ ค่ะ
     
  14. yaka

    yaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +1,384
    555555 อุ้ยหลุดขำทั้งๆที่กระทู้เค้าออกจะเศร้าแฮ่ๆ รถไฟขบวนนี้ถึงชนกันก็คงมิเปงไรมังค่ะ ดูท่าทางเป็นคุณพ่ออารมณ์ดีมิใช่น้อยนะค่ะ เอาใจช่วยด้วยคนค่ะ

    เข้ามาเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ด้วยคนนะค่ะ สู้ๆค่ะ
     
  15. เติ้ด

    เติ้ด สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +24
    ผมก็คนหนึงนะครับ

    ที่เป็นเหมือนกัน เเต่ก็ต้องทำใจนะครับ สักวันเราจะต้องดีกว่านี้เเน่
     

แชร์หน้านี้

Loading...