เชื้อสายครุฑหรืออดีตสัตว์ในหิมพานต์ มาแลกเปลี่ยนเรื่องป่าหิมพานต์กันคะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ม่อนดอยด์, 11 มกราคม 2011.

  1. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    พูดถึงเรื่องรองเท้าเคยอ่านกระทู้ในเว็ปพลังจิตนี้คะเขาพูดถึงการเข้ากรรมฐานแล้วเจอมาแบบนี้


    มีใครคนนึงกำลังนั่งยองๆ อยู่ที่พื้น ภาพชัดขึ้น นั่นพระสงฆ์นี่นา
    ท่านใส่จีวรที่อยู่ด้านในอย่างเดียว (เรียกไม่ถูก
    ใครรู้บอกด้วยนะจ๊ะ) ท่านนั่งยองๆ หันหลังให้เรา
    กำลังเรียงรองเท้าของผู้มาปฏิบัติธรรม ขึ้นวางบนชั้นวางรองเท้า
    แล้วท่านก็ค่อยๆเอี้ยวตัวหันหน้ามาทางเรา รูปร่าง ท่านผอมแต่ไม่ผอมมาก แก้มตอบ
    ตัวเล็ก ผิวขาว ท่านมองหน้าเรา พร้อมกับบอกเราว่า
    เรียง.......รอง.....เท้า.....ให้เป็นระเบียบนะ......น้ำเสียงนั่นไม่ได้ดุดัน ไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้บึ้ง
    เหมือนแค่อยากบอกเฉยๆ เราก็อึ้งเลย สติกระเจิง ลืมตาขึ้นมาเลย เอ้ย
    กำลังเดินจงกรมนี่นา กำหนด หลับตา ยืนหนอ กี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ ครบ ๕
    หรือยังก็ไม่รู้ แล้วนี่ ยืนหนอ หรือ หยุดหนอ ก็จำไม่ได้ เริ่มสังเกตคนรอบข้าง
    รวบรวมสติ อ๋อรู้ล่ะ กำลัง ยืนหนอ อยู่ นั่นเอง นั่นเราเจอพระที่เป็นเปรตที่วัดนี้
    เหรอเนี้ย โห มาได้ไงเนี้ย เปรตยังมาเรียงรองเท้าเอาบุญ แล้วบอกบุญให้เราอีกว่า
    การเรียงรองเท้าที่วัดให้เป็นระเบียบก็ได้บุญนะจ๊ะ
    บทความจากคุณ คุณ Aorn_N


    และก็มีอีกกลุ่มบุคคลหนึ่งคะที่เขาร่วมใจกันจัดเรียงรองเท้าในวัดด้วยเหตุผลคือ
    หากวางไม่เป็นระเบียบอาจจะเกิดอันตราย ทำให้หารองเท้าง่าย
    และ ทำให้เจ้าของมีความสุขกับการจัดเรียงรองเท้าของพวกเขาคะ น่ารักเนอะ ^^
    บทความและรูปภาพจาก เล่าสู่กันฟัง - ตันติราพันธ์






    [​IMG]

    [​IMG]

    งั้นเรามาถอดรองเท้าให้เป็นระเบียบ
    ก่อนเข้าวัดดีกว่านะจ๊ะ ได้บุญด้วย
    อิอิ ^^

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1387722/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มีนาคม 2011
  2. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    ประวัติเพิ่มเติมของท่าน Thích Quảng Đức


    [​IMG]



    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]






    [​IMG]
    [​IMG]



    [​IMG]
    ทิจ กว๋าง ดึ๊ก (เวียดนาม: Thích Quảng Đức


    (ข้อมูล) เกิดปี ค.ศ. 1897-11 มิถุนายน ค.ศ. 1963) เป็นภิกษุนิกายมหายานชาวเวียดนามที่เผาตัวเองจนมรณภาพ บนสี่แยกถนนไซง่อนเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1963 พระทิจ กว๋าง ดึ๊ก ประท้วงเนื่องจากที่รัฐบาลไม่ให้ความเท่าเทียมกันทางศาสนากับชาวพุทธในการบริหารของรัฐบาลของโง ดินห์ เสี่ยม (Ngô Đình Diệm) ภาพการเผาตัวเองของพระทิจ กว๋าง ดึ๊ก ถูกแพร่กระจายไปทั่วโลก และนำมาสู่นโยบายเสี่ยม (Diệm regime) ส่วนช่างภาพมัลคอล์ม บราวน์ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์หลังจากท่านมรณภาพร่างก็นำร่างท่านไปเผาใหม่ แต่หัวใจที่ได้จากศพของท่านไม่ไหม้เป็นเถ้าถ่านซึ่งมีการตีความว่าถึงความเมตตาและพุทธศาสนิกชนในเวียดนามยกย่องให้ท่านทิจ กว๋าง ดึ๊ก เป็นพระโพธิสัตว์

    [​IMG]



    [​IMG]

    ภิกษุรูปนี้คือ Thích Quảng Đức (ควางดัก) ท่านได้เผาตัวเองเพื่อเป็นการประท้วงรัฐบาลเวียดนามใต้ของประธานาธิบดี Ngô Đình Diệm (โงดินเดียม) เนื่องจากการที่รัฐบาลไม่ให้ความเท่าเทียมกันทางศาสนากับชาวพุทธเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย เรื่องของเรื่องคือ ประธานาธิบดี Ngô Đình Diệm นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก มีความต้องการเปลี่ยนประเทศให้เป็นคริสต์ทั้งหมด ตามสถานที่ราชการมีการประดับประดาธงวาติกัน เท่านั้นไม่พอ การจัดสรรที่ดิน สัมปทานทางธุรกิจ การเก็บภาษี ก็จะให้สิทธิพิเศษกับผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ก่อนหรือแม้แต่ในทางราชการ ถ้าผู้ใดยังประกาศตนเป็นพุทธศาสนิกชน ไม่ยอมเปลี่ยนไปนับถือคริสตศาสนา ก็จะไม่ได้รับพิจารณาเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งกันเหตุการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้นเมื่อรัฐบาลไม่อนุญาตให้พุทธศาสนิกชนประดับธงฉัพพัณรังสีในวันวิสาขบูชา ในขณะที่สามารถประดับธงวาติกันได้ (ซึ่งแสดงถึงคริสต์คาธอลิก)ตอนนั้นได้มีชาวบ้านในเมืองเว้รวมตัวกันประท้วงต่อกรณีนี้ ในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) รัฐบาลได้ตอบโต้ด้วยการส่งทหารเข้าสลายการชุมนุม มีผู้เสียชีวิต 8 คน ซึ่งทางรัฐบาลปฎิเสธความรับผิดชอบใด ๆ โดยกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของพวกเวียดกง

    ท่าน Thích Quảng Đức เป็นภิกษุผู้นำศาสนาพุทธในเมืองเว้ ได้นำคณะภิกษุ ชี และพุทธศาสนิกชน รวมประมาณ 350 ชีวิต เข้าประท้วงรัฐบาลของประธานาธิบดี Ngô Đình Diệm ที่กลางเมืองไซ่ง่อน ซึ่งท่าน Thích Quảng Đức โดยสารไปในรถ Austin Westminster สีฟ้าเก่า ๆ คันนี้นี่เอง
    เมื่อท่านลงจากรถ ก็ประกาศขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาการแบ่งแยกทางศาสนา แล้วร้องขอให้พุทธศาสนิกชนร่วมกันอุทิศตนเพื่อปกป้องศาสนาพุทธ หลังจากนั้นท่านก็นั่งขัดสมาธิ สวดมนตร์ ให้พระภิกษุอีกรูปราดน้ำมัน แล้วท่านก็จุดไฟเผาตนเองจนมรณภาพ เมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2506
    เหตุการณ์นี้ ทำให้พุทธศาสนิกชนเวียดนามรวมใจเป็นหนึ่งเดียว นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้นานาชาติกดดันรัฐบาลเวียดนามใต้ให้แก้ไขปัญหาการแบ่งแยกทางศาสนารูปทางซ้ายคือภาพวาดของท่าน Thích Quảng Đức ส่วนทางขวา ว่ากันว่า คือภาพหัวใจที่ได้จากศพของท่าน ซึ่งไม่ไหม้เป็นเถ้าถ่าน ภายหลังถูกรัฐบาลบุกเข้าแย่งชิงไปเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2506พุทธศาสนิกชนในเวียดนามยกย่องให้ท่าน Thích Quảng Đức เป็นพระโพธิสัตว์ และเก็บรักษารถ Austin Westminster คันนี้ไว้เป็นที่ระลึกถึงเหตุการณ์การที่ท่านสละชีวิตเพื่อพิทักษ์พระพุทธศาสนาในวันนั้น
    (ส่วนรัฐบาลของประธานาธิบดี Ngô Đình Diệm ถูกปฏิวัติยึดอำนาจเมื่อ 1 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน)

    __________________________________________________

    <CITE>thaiwhoiswho.blogspot.com</CITE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มีนาคม 2011
  3. ali-kk

    ali-kk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +200
    มาติดตามอ่านค่ะ โดยส่วนตัวแล้วชอบเรื่องราวเล่านี้มากค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ประมาณว่าเจอกระทู้เกี่ยวกับพญานาค พญาครุฑ จำเป็นต้องแวะทู้กที อิอิ ขอขอบคุณทุกท่านที่นำเรื่องราวเนื้อหาสาระต่างๆมาให้อ่านกันค่ะ ^___________^~
     
  4. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +682
    เรื่องที่พี่หญิงทิพย์เล่านั้น ปัจจุบันอยู่ที่ทะเลสาปเชียงแสนนะครับ ลองแวะเวียนกันไปดูได้ ไปดูนก ไปถ่ายรูปแล้วสวยมาก ^^
     
  5. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +682
    เห็นเรื่องล้างโลกแล้วผมก็นึกขึ้นได้ เมื่อตอนช่วงที่ผมไปอยู่วัด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    ได้มีเบื้องบนท่านหนึ่งได้มาบอกกับผมว่า
    "ประเทศไทยจะโดนหลายๆประเทศรุมโจมตี แล้วก้อ....(ขอละไว้หน่อยนะครับ)"
    แล้วผมก็เห็นบ้านเมืองตกอยู่ในกลียุค แล้วก็พระพุทธรูปองค์ขนาดมหึมา สูงกว่าตึกสิบชั้นได้พังลงมา แล้วหลังจากนั้นบทสนทนาก็ต่อไปอีกสักพัก แล้วท่านก็มาขออยู่กับผมซะงั้น

    รวมความสรุป ขอให้คนไทยช่วยเหลือประเทศกันให้มากๆนะครับ บ้างอาจจะทำบุญแล้วอุทิศให้เพื่อนร่วมชาติ บ้างอาจจะประกอบสัมมาอาชีพ เท่านี้ก็พอแล้วครับ หากมันจะเกิดขึ้นจริงๆก็ต้องปล่อยให้มันเป็นเรื่องของกรรมไป
     
  6. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    ที่สุดของสรรพสิ่งใดใด และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของสัตว์ประเสริฐ
    สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "คน"
    ในความคิดของข้าพเจ้า

    ในโลกใบใหญ่ของเรานี้ ล้วนมีหลากหลายวงจรชีวิตที่พึ่งพาอาศัยกัน
    มิว่าการเกี่ยวเนื่องด้วย การพึ่งพาอาศัยแบบผู้ล่าและถูกล่า หรือ ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ร่วม แบบเกื้อหนุนกัน หลายๆคน ณ ที่นี้ล้วนแต่ได้เรียนรู้เรื่องราววงจรชีวิตในบทเรียนกันมาพอสมควร และตรงปลายสุดของ ปิรามิต ย่อมเป็น ผู้ล่าเสมอไป แต่เหนือผู้ล่านั้นยังมีอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่ถูกเรียกว่า สัตว์ ประเสริฐ หรือคนนั่นเอง
    บุพการรีของข้าพเจ้าได้พูดเสมอว่า สัตว์ที่โหดร้ายที่สุดในโลกใบนี้คือ มนุษย์
    ผูที่บริโภคได้แม้แต่แมลงตัวเล็กน้อยไปจนถึง สัตว์ที่มีขนาดใหญ่โตกว่าตนหลายเท่า
    ครั้นเมื่อคืนวานนี้ข้าเจ้าได้พิจารณาและไตร่ตรองดู ทำให้มองเห็นว่ามันคือความจริงทุกประการ​


    [​IMG]
    เนื่องจากปัจจุบันนี้ โลกใบนี้ ถูกครอบงำด้วย เงิน นักธุรกิจใหญ่โต
    ต้องการจะลดภาระในส่วนทุน เคเอฟซีเองก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ และ ทำให้
    เกิดความคิดที่จะ ดัดแปลง พันธุกรรมของไก่เพื่อลดต้อนทุนในการดูแล และเร่งการผลิต
    เพื่อสนองความต้องการของตลาด นี่คืออีกหนึ่งที่ สัตว์ประเสริญ ลงมือทำ ​

    [​IMG]
    [​IMG]
    ตับห่าน หรือ Foie Gras อาหารฝรั่งเศษที่ได้ชื่อว่า เลิศหรู
    เบื่อหลังการผลิต ผู้ผลิตต้องขุนห่านด้วยการ ให้อาหารประเภทไขมัน ใช้กระบบอก
    ลงไปในหลอดอาหารแล้วฉีดลงไม่ไม่สนว่าจะหิวไม่หิวเพื่อให้เกิดภาวะไขมันในตับ
    บางตัวต้องตายลงเพราะการได้รับอาหารมากไปและ ระบบขับถ่ายล้มเหลว ถ่ายจนมีเลือด
    ออกมาที่รูทวาร นั่นคืออีกหนึ่งของสิ่งที่ สัตว์ประเสริฐ ทำ​

    [​IMG]
    [​IMG]
    สมองลิง คนจีนหลายคน ต้องการลิ้มรสสมองลิง เป็นๆ เพราะเขาเชื่อว่า สมองลิงเป็นอาหารที่ทำให้ผู้ที่กินฉลาด และ บำรุงร่างกาย แต่วิธีการกินนั้น คือต้องให้ สด และ เต้น
    ตุ๊บๆๆๆ เขาว่าอร่อยมากคะ นี่อีกหนึ่งที่ สัตว์ประเสริฐทำกันคะ​

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    การรับประทานสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ในหลายประเทศนิยมรับประทานอาหารที่ยังเป็นๆอยู่
    อาทิเช่นปลาหยินหยางที่ชาวจีน จะนำปลาเป็นลงทอดโดยเหลือส่วนหัวไว้ และเสริฟในขณะที่หัวปลายังมีการเคลื่นไหว ชาวญี่ปุ่น และเกาหลี นิยมซุชิที่เนื้อปลายังมีการดิ้นอยู่และเสริฟพร้อมกับปลาที่ถูกแร่ ทั้งที่ยังไม่ตายดี รวมถึงปลาหมึกเป็นที่ยังดิ้นได้อยู่ และ ประเทศไทยกุ้งเต้นก็คืออาหารยอดนิยมโดยใช้กุ้งเป็น ผสมเครื่องเทศและรัปประทาน นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่ สัตว์ประเสริฐ เลือกทำคะ​

    [​IMG]

    ไข่ข้าว หรือ (BALUT) เป็นอาหารยอดนิยมของคน ฟืลิปปินส์ โดยนำ ไข่ที่มีตัวอ่อนมาต้มกินพร้อมซอส ซึ่งบ้านเราก็เคยพบเห็นนะคะ เเต่ใช้ปิ้งแทน หากเรากลับไปคิดถึงการทำนะคะ มันรทรมารแค่ไหนที่ สัตว์ตัวอ่อนที่ยังมีชีวิตในไข่และรอการกำเนิดมาถึง ถูก ต้มหรือปิ้งทั้งเป็น มันคงจะทรมารน่าดูนะคะ แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะอร่อยเพิ่มตรงไหน
    นี่แหละคะ สัตว์ประเสริฐ เขาทำกัน T_T​

    [​IMG]

    แลสุดท้ายสำหรับ เรื่อง การกิน ชาวจีน กำลังนิยมอาหารจานนี้คะ ไก่
    แต่ว่าการฆ่าไก่นั่นช่างแสนทรมารคะเพราะเขาจะใช้งูกัดไก่และ พ่นพิษไปในตัวไก่จนตายและนำซากไก่ที่ตายมาทำเป็นอาหาร สรรพคุณคือ พิษของงูในไก่เมื่อถูกความร้อนจะกลายเป็นเอนไซน์มีประโยชน์ต่อร่างกาย บำรุงการไหลเวียนโลหิต
    ....... นี่เหรอ สัตว์ประเสริฐ เห้อ........​
     
  7. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    นี่แค่อาหารการกินนะคะ
    ถือว่าเป็นของบริโภค และ ต่อไปคือของอุปโภค คะ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]


    นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งนะคะที่สัตว์ถูกฆ่าเพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ในส่วนของการ อุปโภค การ นำหนังขน แล้เขากระดูกมาใช้เพื่อตกแต่งหรือทำเครื่องรางของขลัง
    การตอบสนองความต้องการของสัตว์ประเสริฐ เพื่อความพึงพอใจเพียงเท่านั้น
    ด้วยการแลก ชีวิต ของสัตว์เดียรฉาร ซึ่งอาจจะมีลูกน้อยอยู่ก็เป็นได้ที่รอ
    พวกเขากลับมาให้ดูแล ​

    หากสิ่งพวกนี้กลายเป็น ร่าง ซาก กระดูก ของสัตว์ประเสริฐเอง
    นั่นมันคือสิ่งที่สวยงามเช่นดัง ซากของสัตว์เดียรฉารพวกนี้หรือไม ?​


    และท้ายที่สุด การอุปโภคแลบริโภคเองนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมนุษย์คะอาจจะไม่ผิดนักเพราะเราเเลกเพื่อความอยู่รอด และเป็นหนึ่งในปัจจัยสิ แต่สิ่งนี้ เป็นการแลกชีวิตเพื่อตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ เท่านั้น


    [​IMG]
    [​IMG]

    ภาพนี้อาจจะเป็นการกระทบจิตใจใครหลายคนนะคะ แต่เลือกรูปที่น่ากัวน้อยที่สุดมาแล้วคะ
    กลุ่มคนพวกนนี้เป็นผูหญิงที่จะ อัก วิธีโอ หรือ คลิปสั้นๆ เป็นการทรมารสัตว์ด้วยการ นั่ง ทับ เหยียบ บี้ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นกระตาย แมว หนู หนอน แมลง ทุกอย่าง เพื่อตอบสนอง กลุ่มที่มีรสนิยมทางเพศ ที่มีความสุขทางเพศ ที่ได้เห็นหญิงสาว ทารุณต่อสัตว์​

    กระทู้นี้ทำหญิงทิพย์ใจสั่นจริงๆคะ
    ทำไมมนุษย์ที่เราเรียกว่า สัตว์ ประเสริฐจึงมีจิตใจที่โหดเหี้ยม ทารุณได้ขนาดนี้ พูดตรงๆคะ กลัวการจะกินเนื้อสัตว์ขึ้นมาทันทีทันใด เพราะสงสารพวกเขาคะ พวกเขาได้มอบร่างกายเพื่อให้ อีกหนึ่งชีวิต ได้ดำรงอยู่ต่อไปได้ แต่ฆ่าเขา น่าจะทำให้พวกเขาเจ็บปวดน้อยที่สุดจะดีกว่านะคะ T_T

    ___________________________________________​

    ขอแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาเพื่อเป็นอาหาร นะคะ
    สัตว์ที่ทำให้เกิดมาเพื่อเเลกชีวิตที่ให้ อีกสรรพสิ่งได้ดำเนินชีวิตต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มีนาคม 2011
  8. โภชังคะ

    โภชังคะ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +1
    โหแต่ล่ะรูป...-*-...เห็นแล้วสลดสังเวชยิ่งนัก-*-...เห้อมนุษย์หนอมนุษย์...จะรู้มั้ยเนี่ยธรรมชาติกำลังมา...
     
  9. makcloud

    makcloud เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    424
    ค่าพลัง:
    +535
    ดีหรือชั่วอยู่ที่จิตเราจริง ๆ
    ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
     
  10. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    <TABLE border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ff0000>
    มนุษย์จัดอยู่ในตระกูลสัตว์กินพืชหรือกินเนื้อ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    จากผลการศึกษาและวิจัย ของวงการแพทย์ที่มีชื่อเสียง ในแต่ละประเทศทั่วโลก ว่าด้วยเรื่องโครง สร้าง ด้านกายภาพของมนุษย์พบว่า… อวัยวะหลายส่วน เช่น ตา หู จมูก ลิ้น เล็บมือ เล็บเท้า ฟัน กระดูกส่วนคางและฟันกราม มีโครงสร้างที่คล้ายคลึงกับสัตว์กินพืชมากที่สุด
    ฟันของมนุษย์ทำหน้าที่ “บดและเคี้ยว” อาหาร ซึ่งมีคุณลักษณะ ที่แตกต่างไปจากฟันของสัตว์กิน เนื้อ อย่างเห็นได้ชัด สัตว์กินเนื้อจะมีฟันที่แหลมคม ใช้ทำหน้าที่ฉีกกัดเนื้อ แต่ไม่สามารถบดชิ้นเนื้อให้ ละเอียดได้ มันจะกลืนอาหารลงคอทันที
    ฟันของมนุษย์ จะมีลักษณะเรียบ และเรียงติดกัน ซึ่งเป็นลักษณะเช่นเดียวกับสัตว์กินพืช น้ำลายของมนุษย์มีสภาพเป็นด่าง
    ไม่สามารถย่อยเนื้อสัตว์ที่อยู่ในปากได้อย่างรวดเร็ว เหมือนสัตว์กินเนื้อ ที่น้ำลายมีสภาพเป็นกรด ดังนั้น ฟันของมนุษย์ จึงเหมาะสำหรับใช้บดเคี้ยว อาหารประเภทพืชผักผลไม้ให้ละเอียด

    ฟันหน้าและเขี้ยวของสัตว์กินเนื้อ จะแหลมคม เพื่อใช้ในการล่าเหยื่อ ดังนั้น ฟันและเขี้ยวที่แหลม คม จึงสามารถกัดทะลุ ชำแหละเนื้อและกระดูกของเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ พบว่าสัตว์ที่กินเนื้อเหล่านั้น ไม่มีฟันกราม ใช้สำหรับบดเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เหมือนมนุษย์

    นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล


    <TABLE border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#99ffff>สัตว์กินเนื้อ เช่น เสือ สิงโต สัตว์เหล่านี้ ธรรมชาติได้สร้างให้ทางเดินอาหารสั้นมาก เนื่องจากเนื้อ สัตว์ เน่าเปื่อยเร็วมาก แล้วสารจากการเน่าเปื่อยของเนื้อ จะกลายเป็นสารพิษ ดังนั้น ทางเดินอาหารสัตว์ กินเนื้อ จึงวิวัฒนาการมาให้สั้น ดูดซึมเฉพาะธาตุอาหาร แล้วถ่ายกากทิ้งโดยเร็ว ไม่ทันดูดซึมสารเสีย จากการเน่าเปื่อย สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด สัตว์กินเนื้อมีเขี้ยวที่คม มีขากรรไกรที่ทรงพลัง พร้อมกรงเล็บอันคมกริบ ทั้งหมดนี้ ออกแบบมาสำหรับล่าเหยื่อโดยแท้

    สัตว์กินพืช ได้แก่ ช้าง ม้า วัว ควาย มันต้องกินวันละมากๆ ร่างกายจะเก็บทุกอณูของอาหาร เอาไปใช้ มันจึงมีทางเดินอาหารยาวถึง ๑๐ เท่าของลำตัว นายแพทย์วิลเลี่ยม คอลลินส์ แห่งศูนย์การแพทย์นิวยอร์กไมมอนเดส ทดลองให้เห็นอันตราย ของอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ที่มีต่อสัตว์กินพืช โดยเอาไขมันวันละครึ่งปอนด์ ไปให้กระต่ายกินทุกวัน เป็นเวลา ๒ เดือน ปรากฏว่า หลอดเลือดของกระต่ายจับก้อนไขมันไปทั่ว เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ของมนุษย์และสัตว์กินพืชนั้น ยาว ๑๐–๑๒ เท่าของลำตัวเหมือนกัน จำเป็นต้องใช้เวลาในการย่อยอาหารนานกว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว หากมีของเสีย (เนื้อสัตว์) ตกค้างอยู่ในร่างกายนานเกินไป จะทำให้เลือดเป็นพิษ และยังเพิ่มภาระให้แก่ตับอีกด้วย

    ลำไส้ของมนุษย์ ไม่เหมาะที่จะย่อยอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เพราะไม่มีเส้นใยที่เป็นประโยชน์เลย เมื่อผ่านกระบวนการย่อยสลายแล้ว จะยังคงเหลือกากที่เน่าเสีย หากตกค้างอยู่ในลำไส้นานเกินไป ตับก็จะต้องทำงานหนัก ฉะนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมคนที่กินเนื้อสัตว์จึงต้องป่วย เป็นโรคตับเรื้อรังและมะเร็งตับกันมาก

    ลำไส้เล็กของสัตว์กินเนื้อสั้น เพียง๓ เท่าของลำตัว ลำไส้ใหญ่ตรง ผนังลำไส้เรียบและลื่น ดังนั้น ระบบทางเดินอาหารของสัตว์ที่กินเนื้อ จึงมีลำไส้ที่สั้น ไม่สลับซับซ้อน ซึ่งสามารถขับถ่ายอาหาร ที่กินเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว
    กรดในกระเพาะอาหารของสัตว์กินเนื้อ มีฤทธิ์แรงกว่า ๒๐ เท่าของมนุษย์และสัตว์กินพืช ทั้งนี้ ก็เพื่อย่อยสลายเอ็น กล้ามเนื้อ กระดูก และส่วนอื่นๆ ที่ย่อยยากของเหยื่อที่กลืนลงไป

    สีหน้าและบุคลิก ของคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ ไม่ต้องสังเกต ก็เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ผู้ที่ทานเนื้อสัตว์นั้น เมื่ออายุมากขึ้น สภาพร่างกายจะอ่อนแอ เนื่องจากเซลล์ร่างกายไม่แข็งแรง และอวัยวะภายในเสื่อมสมรรถภาพ ส่วนผู้ที่ละเว้นเนื้อสัตว์ ผิวพรรณจะสดใส ไม่หมองคล้ำ และ สุขภาพแข็งแรง


    แพทย์หญิงเพชรา หล่อวิทยา
    <TABLE border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#99ffff>

    “สารพิษ” เป็นคำรวมที่ใช้เรียกสารเคมีทุกชนิด เมื่อสะสมในร่างกายแล้ว จะก่อให้เกิดผลเสีย เช่น ของเสีย ที่เกิดจากอาหารไม่ย่อย เกิดการหมักหมม และบูดเน่าในลำไส้ แล้วถูกดูดซึมผ่านผนังลำไส้ เข้าไป รวมทั้งสารเคมีที่ติดมากับเนื้อสัตว์

    การขจัดสารพิษ เป็นหน้าที่ปกติของอวัยวะทุกส่วนภายในอยู่แล้ว ในรูปของอุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อ ไคล ลมหายใจ แต่เมื่อเกิดกรณีใดๆ ก็ตาม ที่อวัยวะเหล่านี้ ไม่สามารถขับสารพิษออกไปได้เร็วพอๆ กับที่ถูกสร้างขึ้น ก็จะเกิดมีการสะสมขึ้นในร่างกาย เมื่อถึงระดับหนึ่ง ร่างกายจะต้องหาทางขับออก โดยผ่านทางเนื้อเยื่ออื่น ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อเหล่านั้นก็คือ อาการเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งถูกเรียกชื่อไปตามลักษณะ ของสารพิษที่ถูกขับถ่าย และสภาพที่เกิดขึ้น

    จึงสรุปได้ว่า “ต้นเหตุของการเจ็บไข้ได้ป่วย มีอยู่อย่างเดียว คือ การสะสมสารพิษไว้ในร่างกายมาก เกินไป”
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    มาว่ากันถึงหลักเหตุและผลสมัยใหม่ที่เขาใช้ในการตัดสินกันว่าตกลงแล้วมนุษย์เป็นสัตว์กินอะไร เนื้อหาต่อไปนี้เป็นเนื้อหาแปลล้วนๆ ซึ่งเนื้อหาค่อนข้างจะมีเหตุผลดีทีเดียวค่ะ ลองมาดูกันนะคะ ความแตกต่างทางกายภาพระหว่างสัตว์กินสัตว์ (carnivores) และสัตว์กินพืช (herbivores) ร่างกายมนุษย์ถูกออกแบบมาให้กินเนื้อ? [5]
    1. ฟันของสัตว์กินเนื้อจะมีความยาวและแหลมคม เพื่อที่จะสามารถเจาะเข้าไปในเนื้อได้ ส่วนสัตว์ที่กินทั้งพืชและสัตว์ จะมีฟันที่มีลักษณะคล้ายๆ กับสัตว์กินสัตว์ สำหรับมนุษย์และสัตว์กินพืชชนิดอื่นๆ จะไม่มีฟันแหลมคมเท่าสัตว์กินเนื้อ แต่จะมีลักษณะแบนที่ขอบฟัน เพื่อใช้ในการกัด การบด และการฝน (คงเหมือนที่เราเอาอะไรแข็งๆ ไปฝนกับกระดาษทราย)
    2. ขากรรไกรของสัตว์กินเนื้อจะขยับขึ้นลงและมีการเคลื่อนที่ทางด้านข้างน้อย สัตว์กินทั้งพืชและสัตว์ก็จะมีขากรรไกรคล้ายๆ กับสัตว์กินเนื้อนี้ ขากรรไกรลักษณะดังกล่าวจะช่วยให้สัตว์กินเนื้อสามารถ กัด ตัด ฉีก และกลืนเนื้อลงไปได้ทั้งหมด และสัตว์กินทั้งเนื้อและสัตว์ก็จะกินได้ในลักษณะเดียวกันหรือมีการบดก่อนจะกลืน ส่วนมนุษย์และสัตว์กินพืชอื่นๆ จะมีการเคลื่อนที่ไปทางด้านข้างและด้านหน้าหรือด้านหลังได้ดี ซึ่งมีประโยชน์มากในการเคี้ยว บด หรือฝนเมล็ดหรือพืชที่มีไฟเบอร์สูง เนื้อสัตว์ดิบๆ จะไม่สามารถถูกบด หรือใช้การฝน หรือการเคี้ยวได้ นอกจากจะทำให้เนื้อนั้นสุกเสียก่อน
    [​IMG]


    รูปที่ 4 1-human, 2-cow, 3-cat, 4-dog, 5-horse
    1. ในน้ำลายของสัตว์กินสัตว์ และสัตว์กินทั้งพืชและสัตว์จะไม่มีเอ็นไซม์หรือน้ำย่อยเป็นองค์ประกอบ แต่ในน้ำลายของสัตว์กินพืชและมนุษย์ จะมีคุณสมบัติเป็นด่าง และมีน้ำย่อยย่อยคาร์โบไฮเดรตได้
    2. กระเพาะของสัตว์กินสัตว์สามารถหลั่งน้ำย่อยที่มีพลังในการย่อยได้สูงกว่ากรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะของมนุษย์และสัตว์กินพืชถึง 10 เท่า pH ในกระเพาะของสัตว์กินสัตว์และสัตว์ที่กินทั้งพืชและสัตว์ที่มีอาหารอยู่ด้วยมีค่า น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ส่วนค่า pH ในกระเพาะของสัตว์กินพืชและมนุษย์ที่มีอาหารอยู่ด้วย จะมีค่า 4-5 ดังนั้นมนุษย์จึงต้องปรุงเนื้อสัตว์ให้สุกเสียก่อน นอกจากนี้ยังไม่พบ E.Coli bacteria, salmonella, campylobacter, trichina worms [parasits] หรือ pathogens อื่นๆ อาศัยในกระเพาะของสัตว์กินสัตว์ได้
    3. ลำไส้เล็กของสัตว์กินสัตว์หรือสัตว์กินทั้งพืชและสัตว์จะมีความยาวเป็น 3-6 เท่าของความยาวของลำตัว ลำไส้ความยาวขนาดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดอาหารประเภทเนื้อซึ่งจะมีการเน่าบูดอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากลำไส้เล็กของมนุษย์และสัตว์กินพืชอื่นๆ ที่ จะมีลำไส้เล็กยาว 10-12 เท่าของความยาวของร่างกาย และมีการบิดพันไปข้างหน้าหรือข้างหลังในทิศทางแบบสุ่ม เพื่อช่วยให้เก็บอาหารได้ระยะเวลาที่นานพอให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารและแร่ธาตุที่สกัดออกมาจากอาหารที่กินได้ก่อนที่มันจะเคลื่อนที่สู่ลำไส้ใหญ่
    4. ลำไส้ใหญ่ของสัตว์กินสัตว์และสัตว์กินทั้งพืชและสัตว์จะไม่ซับซ้อน คล้ายกับท่อน้ำ ทำให้ของเสียประเภทไขมันที่ประกอบด้วยคลอเรสเตอรอลสูงออกจากร่างกายได้อย่างง่ายดายก่อนที่มันจะเน่าเปื่อย ส่วนลำไส้ใหญ่ของมนุษย์และสัตว์กินพืชอื่นๆ จะมีลำไส้ใหญ่ที่มีรอยย่นและมีลักษณะคล้ายถุง อาหารจะเคลื่อนตัวในลักษณะขึ้น-ลง-ขวาง กับลำไส้ใหญ่ได้ ลักษณะลำไส้แบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับของเสียที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบมาก ทำให้น้ำสามารถถูกดูดซึมกลับออกจากของเสียเหล่านี้ หลังจากสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินต่างๆ ถูกดูดซึมจากการเดินทางอันยาวนานภายในลำไส้เล็กสิ้นสุดลง ส่วนที่ประกอบด้วยไขมันและคลอเรสเตอรอลที่ค่อยๆ เน่าเปื่อยจากการเดินทางอันยาวนานจะถูกเก็บไว้ในลำไส้ใหญ่รอการกำจัดออกจากร่างกายออกไป
    5. เนื้อสัตว์ประกอบด้วยโปรตีนที่ซับซ้อนซึ่งต้องการ กรดยูริกเป็นจำนวนมากในการทำให้โปรตีนดังกล่าวแตกตัวเป็นกรดอะมิโน กรดยูริกเป็นสารพิษที่มีผลต่อระบบร่างกายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการแก่ของร่างกาย ซึ่งจำเป็นจะต้องกำจัดออกจากร่างกายโดยตับจะทำหน้าที่นี้ ในสัตว์กินสัตว์ ตับจะถูกออกแบบมาให้มีความสามารถในการกำจัดกรดยูริกเป็น 10 เท่าของความสามารถของตับในสัตว์กินพืชและมนุษย์
    6. สัตว์นักล่าจะมีความเร็วในการเคลื่อนที่ มีอุ้งมืออุ้งเท้าที่ใหญ่พร้อมกับกรงเล็บที่แหลมคมเป็นอาวุธในการล่าเหยื่อ แต่สำหรับสัตว์กินพืชและมนุษย์สิ่งเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเคลื่อนที่ หรืออุ้งมือและนิ้วที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการจับ หรือหยิบ อาหารที่มีน้ำหรือไฟเบอร์ประกอบอยู่มาก (น่าจะประมาณว่า อุ้งมือและนิ้วที่อ่อนนุ่มใช้ในการจับ หยิบ พวกผักผลไม้ที่มีความอ่อนนุ่มและช้ำได้ง่าย...ผู้เขียน)
    7. พูดถึงกรอบความคิดของสัตว์กินเนื้อที่มีชีวิตอยู่เพื่อการล่าและการฆ่า ก็เพื่อเป็นอาหารนั่นเอง แต่มนุษย์จะมีความเป็นมิตรและความเห็นอกเห็นใจมากกว่า ซึ่งถ้าดูในขั้นนี้แล้วก็ไม่ค่อยจะแน่ใจเพราะมนุษย์ก็มีการฆ่า หรือแม้กระทั่งการเลี้ยงเพื่อจะฆ่ามาเป็นอาหารเสียด้วยซ้ำไปด้วยอาวุธที่มนุษย์ใช้มือจับเพื่อไปฆ่าสัตว์อีกที
    8. โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์ไม่ใช่นักล่า และโดยธรรมชาติแล้วนักล่าจะออกล่าก็ต่อเมื่อมันหิว เมื่อมนุษย์หิว มนุษย์ก็จะกินอาหาร แต่ไม่ออกล่า (งงมั้ย??)
    ___________________________________

     
  11. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    สึนามิเข้า ญึ่ปุ่น .... จีน แผ่นดินไหว
    หรือ ว่า 2012 จะเป็นจริง นะ

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=VrzJJ_6brMs"]YouTube - TSUNAMI IN JAPAN 2011 MARCH 11 | WHIRLPOOL CAUSED BY TSUNAMI | RARE VIEW EVER[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Ydnv2xo9Ndw"]YouTube - Earthquake and Tsunami Japan 2011 March 11[/ame]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มีนาคม 2011
  12. ม่อนดอยด์

    ม่อนดอยด์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +349
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มีนาคม 2011
  13. tumkuk

    tumkuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +1,851
    สวัสดีจ๊ะ^^...ไม่ได้เข้ามาแวะพักบ้านนี้เสียนานสบายดีกันมั้ยจ๊ะ...^^
     
  14. nuaiswat

    nuaiswat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +248
    แล้วตกลงในภาพมันของจริงหรืออะไรครับ เคยเห็นในเว็บเหมือนกันไม่รู้เขาถ่ายมาจากไหน หรือแค่ทำจำลองขึ้น แต่ถ้าจำไม่ผิดคิดว่าถ่ายที่จังหวัดหนึ่งในไทยนี่แหละ เขาบอกว่าเอามาปลูกไม่รู้ใช่หรือเปล่า
     
  15. แสงอุ่น

    แสงอุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    613
    ค่าพลัง:
    +1,036
    แบบว่า แวะเข้ามาชมน่ะ อยากทราบว่า jedi master มีความเกี่ยวข้องกับป่าหิมพานต์รึเปล่านะ อิอิอิ[​IMG]
     
  16. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +682
    ทำไมเหลือแต่คุณยาย่าซะแล้วล่ะ พี่หญิงทิพย์ไปไหนแล้ววว
     
  17. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +682
    สงสัยกระทู้นี้คงจะสาระเยอะไปมั้งครับ คนก้อเลยอ่านกันอย่างเดียวเลย ^^
     
  18. tumkuk

    tumkuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +1,851
    สวัสดีครับ^^...เข้ามาอีกหนึ่งคร้าบผ๋ม^^...
     
  19. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +682
    5555 มีเพื่อนคุยอีก 1 แล้วนะยาย่า
     
  20. tumkuk

    tumkuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +1,851
    สวัสดีครับไม่ได้เข้ามานานเลยผม^^...
     

แชร์หน้านี้

Loading...