judgement day...21 พฤษภาคม 2011 ?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Aqua-ma-rine, 17 พฤษภาคม 2011.

  1. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%"><COLGROUP><COL><COL></COLGROUP><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันพิพากษา
    21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011...?


    </TD><TD vAlign=top rowSpan=4></TD></TR><TR><TD vAlign=middle>และไม่ให้ฆ่าคนเหล่านั้น แต่ให้ทรมานเขาห้าเดือน การทรมานนั้น เป็นการทรมานที่เหมือนกับ ถูกแมงป่องต่อย วิวรณ์ 9:5

    </TD></TR><TR><TD vAlign=bottom>วันสิ้นโลก
    21 ตุลาคม ค.ศ. 2011...?


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <HR>ในเวลานี้ ข้อมูลที่มาจากพระคัมภีร์ได้เปิดเผยให้เห็นชัดเจน ถึงการวางแผนของพระองค์สำหรับวันพิพากษา และ วันสิ้นโลก
    พระคัมภีร์ยังได้แสดงให้เห็น ถึงความลับที่ซ่อนอยู่ตามช่วงระยะเวลาในประวัติศาสตร์ ข้อมูลนี้ ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน เพราะพระเจ้าได้เก็บความลั บเกี่ยวกับวันสิ้นโลกเอาไว้ มิให้ผู้ใดล่วงรู้ ซึ่งเราสามารถอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ในหนังสือ เล่ม ดาเนียล


    [​IMG]


    ดาเนียล 12:9 พระองค์ตรัสว่า "ดาเนียลเอ๋ย
    ไปเถอะ เพราะว่าถ้อยคำเหล่านั้นก็ถูกปิดไว้แล้วและถูกประทับตราไว้จนถึงวาระสุดท้าย"

    อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน พระเจ้าได้เปิดเผยถ้อยคำของพระองค์ (พระคัมภีร์) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงที่เกียวข้องกับช่วงเวลาสุดท้าย (แล้วอีกหลาย ๆ คำสอน) ซึ่งในบทเดียวกันของเล่ม ดาเนียล ที่กล่าวไว้ว่า:

    ดาเนียล 12:4 "แต่ตัวเจ้า โอ ดาเนียลเอ๋ย จงปิดถ้อยคำเหล่านั้นไว้ และประทับตราหนังสือนั้นเสีย จนถึงวาระสุดท้ายคนเป็นอันมากจะวิ่งไปวิ่งมาและความรู้จะทวีขึ้น"

    ขณะนี้พระเจ้ากำลังเปิดเผยถ้อยคำของพระองค์เองเพราะว่าพวกเราได้ก้าวมาถึงยังช่วงเวลาสุดท้ายกันแล้ว ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ผู้ที่ศึกษาพระคัมภีร์อย่างแท้จริง

    ได้ประจักษ์เห็นชัดเจนว่า พวกเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในช่วงวันเวลาสุดท้ายของประวัติศาสตร์โลก ตามความจริงที่ว่า เรากำลังอยู่ในช่วงวาระเวลาสุดท้าย พระเจ้ากำลังเปิดเผยข้อมูลต่อไปนี้กับประชาชนของพระองค์ :

    ปฏิทินพระคัมภีร์ของประวัติศาสตร์

    พระเจ้าได้ทำให้ประชาชนของพระองค์ได้เข้าใจถึง “ปฏิทินเกี่ยวกับพระคัมภีร์” ซึ่งพบในหน้าต่าง ๆ ของพระคัมภีร์ การลำดับความเป็นมาเป็นไปในเล่ม ปฐม-กาล โดยเริ่มมีให้เห็นในบทที่ 5 และ 11

    ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงปฏิทินที่แม่นยำของประวัติศาสตร์มนุษย์ในโลกนี้ ปฏิทินพระคัมภีร์ของประวัติศาสตร์มีความถูกต้องแม่นยำและเชื่อถือได้ทั้งหมด

    เนื่องจากปฏิทินพระคัมภีร์นี้ได้มาจากถ้อยคำของพระเจ้า จึงสามารถเชื่อถือได้อย่างหมดใจ แผ่นพับนี้เราจะบอกให้ท่านได้รับรู้ถึงข้อสรุปบางอย่างที่เกิดขึ้นมาจากปฏิทินพระคัมภีร์และจากกรณีศึกษาอื่น ๆ

    ซึ่งได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร อย่างไรก็ตาม จำนวนของข้อมูลที่มีอยู่นั้นมีจำนวนมากมายและซับซ้อน อีกทั้งมีรายละเอียดปลีกย่อยยากเกินกว่าที่จะสามารถจัดพิมพ์ลงในแผ่นพับเล็ก ๆ นี้ได้หมด

    แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถที่จะบอกวันที่แน่นอนตามเกณฑ์ได้ ซึ่งวันเหล่านี้สามารถเชื่อถือได้อย่างแน่นอนเพราะว่าเป็นวันที่ได้มาจากพระคัมภีร์โดยตรง

    ช่วงเวลาของเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในประวัติศาสตร์

    11,013 ปีก่อนคริสตกาล — การสร้าง พระเจ้าได้สร้างโลกและมนุษย์ขึ้นมา (อาดัมและอีฟ )

    4,990 ปีก่อนคริสตกาล — น้ำท่วมโลกสมัยโนอาห์ ทุกสรรพสิ่งสูญเสียในวันน้ำท่วมโลก มีเพียงโนอาห์ ภรรยา ลูกชายทั้งสามและภรรยาของพวกเขาเท่านั้นที่มีชีวิตรอดบนเรือไม้ (6,023 ปีจากวันสร้างโลก)

    7 ปีก่อนคริสตกาล — เป็นปีที่พระเยซูคริสต์กำเนิด (11,006 ปีจากวันสร้างโลก)

    ค.ศ. 33 — ปีที่พระเยซูคริสต์ถูกตรึงแขนขาบนไม้กางเขน และยุคของคริสตจักรได้เริ่มต้นขึ้น (11,045 ปี จากวันสร้างโลกหรือ 5,023 ปีจากวันน้ำท่วมโลก)

    ค.ศ. 1988 — ปีนี้ได้สิ้นสุดยุคของคริสตจักรและช่วงเวลาความยากลำบากแสนสาหัสเริ่มต้นขึ้นในปีที่ 23 (13,000 ปีจากวันสร้างโลก)

    ค.ศ. 1994 วันที่ 7 กันยายน ช่วง 2,300 วันแรกของความยากลำบากมาถึงจุดสิ้นสุดและหลังจากนั้นก็เริ่มมีฝนตก แผนเริ่มต้นของพระเจ้าในการรักษาผู้คนมากมายที่มิได้เป็นคริสต์ศาสนิกชน (13,006 ปีจากวันสร้างโลก)

    ค.ศ. 2011 วันที่ 21 พฤษภาคม วันพิพากษาจะเริ่มต้นขึ้นและการกลับสู่สวรรค์ (โดยพระเจ้าเป็นผู้คัดเลือกผู้คนเอง)

    จะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของ 23 ปี แห่งความลำบากที่แสนสาหัส วันที่ 21 ตุลาคม โลกจะถูกเพลิงเผาผลาญวอดวาย

    (7,000 ปีจากวันน้ำท่วมโลก หรือ 13,023 ปีจากวันสร้างโลก)


    [​IMG]

    หนึ่งวัน นั้นหรือ ก็คือ หนึ่งพันปี

    บุตรของพระเจ้าได้เรียนรู้ว่าภาษาจากพระคัมภีร์ในเล่ม ปฐมกาล บทที่ 7 นั้น มีความหมายสองชั้น

    ปฐมกาล 7:4 เพราะว่าอีกเจ็ดวันเราจะบันดาลให้ฝนตก บนแผ่นดินโลกสี่สิบวันสี่สิบคืน และสิ่งที่มีชีวิตทั้งปวงที่เราสร้างมานั้นเราจะทำลายเสียจากพื้นแผ่นดินโลก

    ตามประวัติศาสตร์แล้ว ที่พระเจ้าตรัสคำพูดเหล่านั้นว่ามีเวลาเจ็ดวันที่เหลืออยู่เพื่อให้โนอาห์ ครอบครัวและสัตว์ต่าง ๆ ได้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยบนเรือไม้ แต่ทางด้านศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว (พระคัมภีร์เป็นหนังสือเกี่ยวกับศาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์)

    พระเจ้ากำลังตรัสแก่ผู้คนบนโลกและเป็นการประกาศว่ามนุษยชาติที่มีบาปมีเวลาเจ็ดพันปีเพื่อได้รับการไถ่บาปโดยพระเยซูคริสต์ แล้วพวกเรารู้ได้อย่างไรเล่า? พวกเรารู้เรื่องนี้ได้โดยอ่านเล่ม เปโตร 2 บทที่ 3

    2 เปโตร 3:6-8 โดยเหตุเหล่านั้นพระองค์จึงได้ทรงบันดาลให้น้ำมาท่วมทำลายโลกที่มีอยู่ในเวลานั้น แต่ว่าท้องฟ้าอากาศและแผ่นดินโลกที่อยู่เดี๋ยวนี้ พระองค์ทรงเก็บงำไว้โดยคำตรัสนั้นสำหรับให้ไฟเผา

    คือเก็บไว้จนถึงวันทรงพิพากษาและวันพินาศแห่งบรรดาคนอธรรม แต่พวกที่รัก อย่าลืมข้อนี้เสีย คือวันเดียวขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเหมือนกับพันปี และพันปีก็เป็นเหมือนกับวันเดียว

    เนื้อหาในเล่ม เปโตร 2 บทที่ 3 นั้นสำคัญอย่างยิ่ง ในคำประพันธ์สองสามตอนแรก พระเจ้าได้เสนอแนะให้เราได้รู้ถึงวันโลกาวินาศจากน้ำท่วมโลกในสมัยของโนอาห์ และเรายังได้พบคำเตือนที่น่าสนใจที่ว่าเราไม่ควร “โง่เขลาหรือไม่รู้” ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

    ซึ่งก็คือ หนึ่งวันนั้นหรือก็คือหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปีก็คือหนึ่งวันนั่นเอง ทันทีที่ได้ติดตามข้อมูลเล็กน้อยนี้ซึ่งได้กลายมาเป็นคำอธิบายอย่างชัดแจ้งว่าจุดจบของโลกจะเกิดจากเพลิงเผาผลาญ

    แล้วพระเจ้าต้องการจะบอกอะไรกับเราด้วยการระบุว่าหนึ่งวันก็คล้าย ๆ กับหนึงพันปี ?

    ตั้งแต่เราได้ค้นพบปฏิทินพระคัมภีร์ของประวัติศาสต์บนหน้าพระคัมภีร์ เราก็ได้รู้ว่าน้ำท่วมโลกในสมัยของโนอาห์นั้นเกิดขึ้นในปี 4990 ก่อนคริสตกาล วันนี้นี่เองซึ่งเป็นวันที่ ๆ ที่แม่นยำอย่างที่สุด

    (หากต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปฏิทินพระคัมภีร์ ให้ติดตามอ่านได้ที่ www.familyradio.com)


    [​IMG]

    ในปี 4990 ก่อนคริสตกาล ซึ่งพระเจ้าได้บอกแก่โนอาห์ว่ายังมีเวลาเหลืออีกเจ็ดวันจนกว่าจะถึงวันที่น้ำจะท่วมโลก ในเวลานี้ถ้าเราจะแทนหนึ่งพันปี กับแต่ละวันในเจ็ดวันนั้น เราก็จะได้เวลาเป็นเจ็ดพันปี ง

    และเมื่อเราคิดต่อถึงอนาคตของเจ็ดพันปีจาก 4990 ปีก่อนคริสตกาล เราก็จะพบอีกว่าเวลานั้นจะบรรจบลงที่ปี คริสตศักราช 2011

    4990 + 2011 = 7000

    หมายเหตุ : เมื่อนับจากวันตามพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมมายังวันตามพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ จะลบออกหนึ่งปีเสมอเพราะไม่มีปีศูนย์ ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ดังนี้:

    4990 + 2011 – 1 = 7000 ปี พอดี

    ปี ค.ศ. 2011 จะเป็นปีที่เจ็ดพันจากวันน้ำท่วมโลกสมัยของโนอาห์ ซึ่งจะเป็นวันสุดท้ายของช่วงเวลาที่ให้ไว้กับมนุษย์โลกเพื่อที่จะค้นหาความเมตตาในสายพระเนตรของพระเจ้า

    นี่ก็หมายความว่าเวลาที่จะเป็นชาวคริสต์เพื่อที่จะให้พ้นภัยดังกล่าวนั้นช่างสั้นเหลือเกิน พวกเราเหลือเวลาไม่มากนักจากนี้ไปถึง ปี ค.ศ. 2011

    เป็นเรื่องปกติที่ผู้ที่เชื่อในพระเจ้าจะหยั่งรู้ได้ถึงช่วงเวลาของวาระสุดท้ายของโลกได้ จริง ๆ แล้วพระคัมภีร์บอกเราให้รู้ว่านี่เป็นเหตุการณ์ปกติธรรมดา

    ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พระเจ้าเองท่านได้ทรงเตือนผู้ที่เชื่อในพระองค์ให้ได้รู้ถึงช่วงของวันพิพากษาที่กำลังใกล้เข้ามาถึงทุกที :

    อาโมส 3:7 แท้จริงองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าจะมิได้ทรงกระทำอะไรเลย โดยมิได้เปิดเผยความลึกลับให้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ คือผู้พยากรณ์

    ฮีบรู 11:7 โดยความเชื่อ เมื่อพระเจ้าทรงเตือนโนอาห์ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ปรากฏ ท่านมีใจเกรงกลัวจัดแจงต่อนาวา เพื่อช่วยครอบครัวของท่านให้รอด

    และด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงได้ปรับโทษแก่โลก และได้เป็นทายาทแห่งความชอบธรรม ซึ่งบังเกิดมาจากความเชื่อ

    วันพิพากษา ในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011

    เราทราบกันแล้วว่าในปี ค.ศ. 2011 เป็นปีที่เจ็ดพันจากวันน้ำท่วมโลก และเรายังรู้อีกว่า พระเจ้าได้ทำลายโลกนี้ในปีนั้น

    แต่จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ในปี ค.ศ. 2011 ?

    เป็นคำตอบที่น่าประหลาดใจมาก เราลองมาดูกันที่เรื่องราวของน้ำท่วมในพระคัมภีร์เล่ม ปฐมกาล :

    ปฐมกาล 7:11 เมื่อโนอาห์มีชีวิตอยู่ได้หกร้อยปี ในเดือนที่สอง วันที่สิบเจ็ดของเดือนนั้น ในวันเดียวกันนั้นเอง น้ำพุทั้งหลายที่อยู่ที่ลึกใต้บาดาลก็พลุ่งขึ้นมา และช่องฟ้าก็เปิดออก

    คำกล่าวของพระเจ้านั้นน่าเชื่อถือ พระองค์ได้บันดาลให้เกิดน้ำท่วมหลังจากที่โนอาห์อายุหกร้อยปีได้เพียงเจ็ดวัน ซึ่งตรงกับวันที่สิบเจ็ด เดือนที่สองของปฏิทินซึ่งอยู่ในสมัยของโนอาห์

    มันเป็นวันที่สิบเจ็ดของเดือนที่สองที่พระเจ้าได้ปิดประตูเรือไม้ เพื่อให้ผู้ที่อยู่รอดบนเรือได้รับความปลอดภัยและยังคงรับความศรัทธาของอีกหลาย ๆ ชีวิตในโลกที่ไม่ได้อยู่บนเรือไม้นั้นด้วย

    ซึ่งแน่นอนพวกเขาเหล่านั้นจะต้องมอดม้วยไปพร้อมกับความหายนะของโลกด้วยเช่นกัน

    ปฐมกาล 7:16,17 สัตว์ทั้งปวงที่เข้าไปนั้นได้เข้าไปทั้งตัวผู้และตัวเมียตามที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาแก่ท่าน และพระเยโฮวาห์ทรงปิดประตูให้ท่าน น้ำได้ท่วมแผ่นดินโลกสี่สิบวัน และน้ำก็ทวีมากขึ้นและหนุนนาวาให้สูงเหนือแผ่นดินโลก

    ก่อนหน้านั้นได้มีการกล่าวกันว่ายุคสมัยของคริสตจักรจะมาถึงจุดจบในปี ค.ศ. 1988 ซึ่งการเกิดยุดสมัยของคริสตจักรนั้นเริ่มต้นขึ้นในวันของ เพนเทคอสท์ ( 22 พฤษภาคม) ในปี ค. ศ. 33

    และในอีก 1955 ปีต่อมา ยุคสมัยของคริสตจักรก็มาถึงบทสรุปในวันที่ 21 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันก่อน เพนเทคอสท์ (22 พฤษภาคม) ปี ค.ศ. 1988 พระคัมภีร์สอนไว้ว่าวาระสุดท้ายยุคสมัยของคริสตจักรจะเกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กับภัยพิบัติครั้งใหญ่

    มัทธิว 24:21 ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงเวลานี้ และจะไม่มีต่อไปอีกเลย

    ในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1988 พระเจ้าได้ยุติคริสตจักรและการชุมนุมรวมกลุ่มต่าง ๆ ของเหล่าคริสต์ศาสนิกชน วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าต่างละทิ้งคริสตจักรไปสิ้น และเหล่าบรรดาผีห่าซาตาน มนุษย์บาป ได้เข้ามายึดครองคริสตจักรในช่วงเวลานั้น ๆ

    พระคัมภีร์สอนเราว่า ช่วงเวลาที่น่าสะพรึงกลัวของการพิพากษาต่อคริสตจักรเหล่านั้นจะกินเวลายาวนานถึงยี่สิบสามปี ยี่สิบสามปีเต็ม (แปดพันสี่ร้อยวัน) ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1988

    จนกระทั่งถึง 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 ข้อมูลนี้ถูกค้นพบในพระคัมภีร์ ที่มีข้อมูลครบถ้วน ที่กล่าวถึงเรื่องเจ็ดพันปีจากเหตุการณ์น้ำท่วม


    [​IMG]

    ดังนั้น เรารู้ได้ว่า ยี่สิบสามปีเต็ม ของความลำบากยากเข็ญ จากภัยพิบัติครั้งใหญ่ จะสิ้นสุดลงที่วันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011

    วันที่นี้เป็นวันแน่นอน ที่ภัยพิบัติจะมาถึงจุดจบ และยังเป็นจุดที่คล้ายคลึงกันมาก ๆ กับเหตุการณ์เจ็ดพันปีจากวันน้ำท่วมโลกในสมัยโนอาห์อีกด้วย

    จงพึงระลึกไว้เสมอว่า พระเจ้าได้ทรงปิดประตูเรือไม้ในวันที่สิบเจ็ด เดือนที่สอง ของปฏิทินโนอาห์ เรายังค้นพบอีกว่าในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 เป็นวันสิ้นสุดของช่วงเวลาภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย

    ความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นระหว่างเดือนที่สองและวันที่สิบเจ็ดของปฏิทินของโนอาห์และวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 ของปฏิทินเกรกอเรียน ที่เราใช้ยังมีอยู่ ซึ่งความสัมพันธ์นี้ยังไม่พร้อมให้เราสามารถมองเห็นได้

    จนกระทั่งเราค้นพบได้ว่า มีอีกหนึ่งปฏิทินที่เราควรคำนึงถึง ซึ่งก็คือปฏิทิน ฮีบรู (หรือพระคัมภีร์) นั่นเอง

    วันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 เกิดมีวันที่ สิบเจ็ด ของเดือนที่สอง ของปฏิทินฮีบรู ด้วยเหตุนี้เอง พระเจ้ากำลังยืนยันกับพวกเราว่าพวกเรามีความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้นในเรื่องของ ช่วงเวลาเจ็ดฟันปีจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลก

    วันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 จึงเสมือนเป็นวันที่ ๆ พระเจ้า ปิดประตูเรือไม้ของโนอาห์

    จากข้อมูลเหล่านี้และข้อมูลเกี่ยวกับพระคัมภีร์อื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก เราพบว่าวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 จะเป็นวันที่พระเจ้านำคนที่พระองค์ทรงเลือกไว้ไปสู่สรวงสวรรค์

    วันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 เป็นวันพิพากษา และจะเป็นวันที่พระเจ้าปิดประตูต่อการไถ่บาปบนโลกใบนี้

    กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือว่า ในช่วงเวลาของความลำบากยากเข็ญจากภัยพิบัติครั้งใหญ่สิ้นสุดลงในหนึ่งวัน ซึ่งระบุไว้ว่าเป็นวันที่ สิบเจ็ดของเดือนที่สอง ในปฏิทินของโนอาห์

    พระเจ้าได้ยืนยันกับเราโดยไร้ซึ่งคำถามใด ๆ ตามมาว่า นี่คือวันที่ท่านตั้งใจที่จะปิดประตูสู่สวรรค์ตลอดกาล

    ยอห์น 10:9 เราเป็นประตู ถ้าผู้ใดเข้าไปทางเรา ผู้นั้นจะรอด และเขาจะเข้าออก แล้วจะพบอาหาร

    ในพระคัมภีร์จะเห็นได้ชัดเจนว่า พระคริสต์เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะได้ไปสู่สวรรค์ พระองค์เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะนำไปสู่ดินแดนสวรรค์อันสวยงาม

    กิจการ 4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า

    เมื่อประตู (พระเยซู) ปิดลงในวันพิพากษาแล้ว ก็จะไม่มีการไถ่บาปบนโลกอีกต่อไป

    วิวรณ์ 3:7 …ทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองฟีลาเดลเฟีย ว่า `พระองค์ผู้บริสุทธิ์ ผู้สัตย์จริง ผู้ทรงถือลูกกุญแจของดาวิด ผู้ทรงเปิดแล้วจะไม่มีผู้ใดปิด ผู้ทรงปิดแล้วจะไม่มีผู้ใดเปิด ได้ตรัสดังนี้ว่า

    พระคัมภีร์สอนไว้ว่าในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 จะมีเพียงผู้ที่เชื่อในพระเจ้าเท่านั้นที่จะได้รับเลือกช่วยให้พ้นบาปจากพระเจ้า และจะถูกนำขึ้นไปสู่สวรรค์เพื่อไปพบและอยู่กับพระองค์ตลอดไป

    1 เธสะโลนิกา 4:16,17 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จ มาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน

    หลังจากนั้น เราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์

    ส่วนมวลมนุษย์ที่เหลือ (หลายพันล้านคน) จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังให้เผชิญกับการตัดสินที่น่าสะพรึงกลัวของพระเจ้าและช่วงเวลาห้าเดือนของการทนทุกข์ทรมานบนโลก :


    [​IMG]

    วิวรณ์ 9:3-5 มีฝูงตั๊กแตนบินออกจากควันนั้นมายังแผ่นดินโลก ได้ประทานอำนาจแก่ตั๊กแตนนั้น เหมือนกับอำนาจของแมงป่องแห่งแผ่นดินโลก


    และมีคำสั่งแก่มัน ไม่ให้ทำร้ายหญ้าบนแผ่นดินโลก หรือพืชเขียว หรือต้นไม้


    แต่ให้ทำร้ายคนเหล่านั้น ที่ไม่มีตราของพระเจ้าบนหน้าผากของเขาเท่านั้น และไม่ให้ฆ่าคนเหล่านั้น แต่ให้ทรมานเขาห้าเดือน

    การทรมานนั้นเป็นการทรมาน ที่เหมือนกับถูกแมงป่องต่อย

    วันสิ้นโลก : 21 ตุลาคม ค.ศ. 2011

    ด้วยความเมตตากรุณาอย่างใหญ่หลวงของพระเจ้า พระองค์กำลังส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าแก่พวกเราถึงสิ่งที่ท่านกำลังจะทำ

    ในวันพิพากษาซึ่งก็คือวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 จะเป็นการเริ่มต้นของช่วงเวลาห้าเดือนของการทรมานอย่างแสนสาหัส แก่สรรพสิ่งที่อยู่อาศัยบนโลกนี้

    ในวันที่ 21 พฤษภาคมนั้น พระเจ้าจะปลุกผู้ตายให้ตื่นฟื้นจากความตาย และแผ่นดินโลกจะเปิดเผยโลหิตซึ่งหลั่งอยู่บนมัน และจะไม่ปิดบังผู้ถูกฆ่าของมันไว้อีก ( อิสยาห์ 26 : 21)

    ผู้ที่ตายไปแล้ว จะได้รับการช่วยเหลือให้กลับฟื้นคืนชีวิตในร่างกายเดิม และอำลาโลกนี้ ไปอยู่กับพระเจ้าตลอดกาล

    ส่วนคนที่ตาย และไม่ได้รับการช่วยเหลือ ก็จะถูกปลุกขึ้นมาเช่นกัน แต่ปลุกขึ้นมาอยู่ในร่างที่ไร้ชีวิต ที่มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ความตายมีให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง

    พระเจ้ายังทรงกล่าวย้ำ ถึงห้าเดือนของการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ในคำกล่าวสุดท้ายของหนังสือ เล่ม ปฐมกาล บทที่ 7 :

    ปฐมกาล 7:24 น้ำไหลเชี่ยวบนแผ่นดินโลก เป็นเวลา หนึ่งร้อยห้าสิบวัน


    ห้าเดือน หลังจากวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 จะเป็นวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 2011

    ซึ่งในวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 2011 นี้ ยังเป็นวันสุดท้ายของการทำพิธีฉลองการเก็บเกี่ยวพืชผลตามพระคัมภีร์

    (เป็นการรวมตัวกันเฉลิมฉลองซึ่งมีการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง)

    การชุมนุมเพื่อเฉลิมฉลองมักจะถูกจัดขึ้นในเดือนที่เจ็ดของปฏิทินฮีบรู วิธีที่พระเจ้าพูดถึงงานเลี้ยงนี้ในพระคัมภีร์นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

    อพยพ 23:16 …เจ้าจงถือเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บพืชผลปลายปี เมื่อเจ้าเก็บพืชผลจากทุ่งนาอันเป็นผลงานของเจ้า

    อพยพ 34:22 จงถือเทศกาลสัปดาห์ คือเทศกาลเลี้ยงฉลองผลต้นฤดูเกี่ยวข้าวสาลี และถือเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บผลิตผลในปลายปี

    ถึงแม้ว่าเทศกาลเลี้ยงฉลองการเก็บผลผลิตซึ่งถูกกล่าวไว้ว่าเป็นงานฉลองซึ่งจัดขึ้นในช่วงปลายปี แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า ในเดือนที่เจ็ดของชาวฮีบรูนั้น ไม่ใช่ช่วงปลายปี แต่อย่างใด

    ซึ่งเหตุผลนี้เองทำให้เชื่อได้ว่างานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่จัดขึ้น เป็นการฉลองให้กับวาระสุดท้ายของโลก


    [​IMG]

    วันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 2011 จะเป็นวันสุดท้าย ของเทศกาลฉลองการเก็บผลิตผล และยังเป็นวันสุดท้าย ของการคงอยู่ของโลกด้วย


    พระคัมภีร์ได้บรรยายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ตามข้อความต่อไปนี้ว่า :

    2 เปโตร 3:10 แต่ว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมย แอบย่องมาในเวลากลางคืน

    และในวันนั้น ท้องฟ้าจะล่วงเสียไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยความร้อนอันแรงกล้า


    และแผ่นดินโลก กับการงานทั้งปวงที่มีอยู่ในนั้น จะต้องไหม้เสียสิ้นด้วย


    เหล่าบรรดาคนบาป ที่ต่อต้านพระเจ้าได้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง จะถูกเปลวไฟเผาผลาญมอดไหม้

    และถูกทำลายตลอดกาล แตกดับไปพร้อมกับโลก และจักรวาลทั้งหมด ทั้งสิ้น

    2 เธสะโลนิกา 1:8,9 ในเปลวเพลิงจะลงโทษสนองคนเหล่านั้นที่ไม่รู้จักพระเจ้า และแก่คนที่ไม่เชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

    คนเหล่านั้น จะได้รับโทษอันเป็นความพินาศนิรันดร์ พ้นไปจากพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า และจากสง่าราศีแห่งพระอานุภาพของพระองค์

    วันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 2011 พระเจ้าจะทำลายสิ่งที่ท่านสร้างไว้


    และรวมถึง ทำลายบรรดาผู้คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ ต่อการไถ่บาปของพระเจ้า ลงทั้งหมด


    ค่าตอบแทนสำหรับความผิด ที่เป็นบาปในการขัดขืนต่อพระเจ้าก็คือ การสูญเสียชีวิตชั่วนิรันดร์

    ในวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 2011 เหล่าบรรดาผู้คนที่น่าสงสารเหล่านี้จะพบกับจุดสิ้นสุด


    ช่างน่าเศร้าที่มนุษย์ที่สูงศักดิ์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาในรูปลักษณ์ของพระเจ้า


    กลับจะต้องมาตายลง เฉกเช่นกับสัตว์เดรัจฉาน และต้องแตกดับไปตลอดกาล

    เพลงสดุดี 49:12 มนุษย์จะคงชีพในยศศักดิ์ของตนไม่ได้ เขาก็เหมือนสัตว์เดียรัจฉานที่พินาศ

    พวกเราเรียนรู้เล็กน้อย เกี่ยวกับความเห็นอกเห็นใจ ที่แสนจะมากมายของพระเจ้า ในหนังสือเล่มโยนาห์ พระเจ้าได้ให้สัญญาณเตือนล่วงหน้า แก่ผู้คนในเมืองนีนะเวห์ ถึงการทำลายล้างเมืองของพวกเขาก่อนแล้วเช่นกัน

    โยนาห์ 3:4-9 โยนาห์ตั้งต้นเดินเข้าไปในเมืองได้ระยะทางเดินวันหนึ่ง และท่านก็ร้องประกาศว่า “อีกสี่สิบวัน นีนะเวห์จะถูกคว่ำ”

    ฝ่ายประชาชนนครนีนะเวห์ได้เชื่อพระเจ้า เขาประกาศให้อดอาหาร และสวมผ้ากระสอบ ตั้งแต่ผู้ใหญ่ที่สุดถึงผู้น้อยที่สุด กิตติศัพท์นี้ลือไปถึงกษัตริย์นครนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึ้นจากพระที่นั่ง

    ทรงเปลื้องฉลองพระองค์ออกเสีย ทรงสวมผ้ากระสอบแทน และประทับบนกองขี้เถ้า พระองค์ทรงออกพระราชกฏษฏีกา ประกาศไปทั่วนครนีนะเวห์ โดยอำนาจกษัตริย์และบรรดาขุนนางทั้งหลายว่า

    “คนหรือสัตว์ มาว่าฝูงสัตว์ใหญ่หรือฝูงสัตว์เล็ก ห้ามลิ้มรสสิ่งใด ๆ อย่าให้กินอาหาร อย่าให้ดื่มน้ำ


    ให้ทั้งคนและสัตว์นุ่มห่มผ้ากระสอบ ให้ตั้งจิตตั้งใจร้องทูลต่อพระเจ้า


    เออ ให้ทุกคนหันกลับเสียจากการประพฤติชั่ว และเลิกการทารุณซึ่งมือเขากระทำ


    ใครจะรู้ได้ พระเจ้าอาจจะทรงกลับและเปลี่ยนพระทัย คล้ายจากพระพิโรธอันรุนแรงเพื่อว่าเราจะมิได้พินาศ”

    พระเจ้าไม่ได้ทำลายผู้คนในเมืองนีนะเวห์ ถึงแม้ว่า ไม่มีความเป็นไปได้ใด ที่จะทำให้พระเจ้า ไม่ทรงปฏิบัติตามความตั้งพระทัยของพระองค์ ในการทำลายล้างโลกนี้ในปี ค.ศ. 2011 ก็ตาม

    อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    www.ebiblefellowship.com


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2011
  2. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,145
    ค่าพลัง:
    +1,960
    เอาแล้วๆๆๆ
    อีก4วันรู้กันครับ
     
  3. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    21 พค. นี้ ไม่ใช่วันโลกแตกโพละนะ แต่เป็นวันพิพากษา แยกคนดีจากคนชั่ว จะได้พาคนดีไปวรรค์ ส่วนคนชั่วก็ลงนรกชั่วนิรันดร์ แล้วจะมีสัญญาณเตือน ที่มาในรูปภัยธรรมชาติอยู่ 150 วัน บอกให้รู้ว่า เดี๋ยวจะเจอของจริง ตอน 21 ตค.

    นี่ก็สรุปตามข้อมูลข้างบนนะ
     
  4. ped2011

    ped2011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,037
    ค่าพลัง:
    +1,096
    แต่หวยออกเมื่อวานรวมกันแล้ว ได้เลขนี่ 406417=22 มันจะเลื่อนหนึ่งวันหรือไง เกี่ยวไหมนิ
     
  5. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    อันนี้ก้สงสัยส่วนตัวนะ อิงจากทฤษฎีพระเจ้าสร้างโลก กับสร้างสิ่งแวดล้อม อย่างพวกธรรมชาติ สิงสาราสัตว์อะไรต่างๆ

    ประมาณว่า พระเจ้าโปรแกรมไว้ล่วงหน้า ว่าจะล้มหมากกระดานนี้ตอนไหน เลยกำหนดตารางวันเวลาเอาไว้ก่อนแล้ว

    หรือไม่อีกที ก็คำนวณไว้คร่าวๆ ว่า หลังจากสร้างพวกมนุษย์เสร็จ แล้วทิ้งช่วงไว้นานแค่ไหน ที่จะแยกพวกมนุษย์ดี ออกจากพวกมนุษย์ชั่วได้ชัดเจน เพราะธรรมชาติของมนุษย์มักจะไหลลงสู่ที่ต่ำ

    แต่จะมีมนุษย์ที่สามารถทวนกระแสบาปได้ อยู่จำนวนนึง ซึ่งก็จะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่พระเจ้าคัดเอาไว้ สำหรับไปเป็นต้นแบบที่ดาวดวงอื่น หลังจากทำลายดาวโลกนี้ไปแล้ว
     
  6. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    ถ้าดูจะภัยธรรมชาติทั่วโลก ที่บ่อยขึ้น รุนแรงขึ้น ก็น่าติดตามอยู่เหมือนกันนะ ว่าแนวโน้มเริ่มจะมี
     
  7. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,422
    ค่าพลัง:
    +4,651
    คำทำนายว่าด้วยคำพิพากษา และวันสิ้นโลก ครั้งที่........

    1.ค.ศ.33-150 ชาวคริสต์ยุคแรกกลุ้มใจว่าโลกจะแตกสลาย

    2.ค.ศ.992-1000 พระชาวยุโรปคิดว่า โลกจะวินาศในปี ค.ศ.1000 ผู้คนจึงหวาดกลัวกันใหญ่

    3.ค.ศ.1001 ปรากฏว่าโลกยังไม่แตก พระชาวฝรั่งเศสจึงบอกว่า ภัยพิบัติจะเลื่อนไปเกิดปี ค.ศ.1033

    4.ค.ศ.1033 โลกยังหมุนต่อไป

    5.ค.ศ.1186 (พ.ศ.1729)เกิดดาวเคราะห์เรียงตัวกัน ชาวยุโรปนึกว่าโลกจะล่มสลาย

    6.ค.ศ.1346-1418 (พ.ศ.1889-1961) เกิดโรคกาฬโรคขึ้น ประชากร 1 ใน 3 ของยุโรปตาย และคร่าชีวิตประชากรครึ่งประเทศในอังกฤษ แต่มนุษย์โลกก็เพิ่มจํานวนกลับคืนมาตามเดิม

    7.ค.ศ.1501 (พ.ศ.2044) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบรหัสไบเบิ้ล เรียกมันว่า"ไบเบิ้ลโค้ด" ได้ผลทํานายออกมาว่า โลกจะแตกใน ปีค.ศ.1656 (พ.ศ.2199)

    8.ค.ศ.1656 (พ.ศ.2199) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ทํานายผิด

    9.ค.ศ. 1844 วิลเลียม มิลเลอร์ บอกสาวก50,000 คนว่า โลกจะพินาศในปีนี้แล้ว แต่ก็ผิดหวัง

    10.ค.ศ.1848 วิลเลียมบอกว่า มันจะเลื่อนมาเกิดปีนี้ต่างหาก .. แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิลเลียมจึงบอกว่า มันเลื่อนไปเกิดปีหน้า

    11.ค.ศ.1849 วิลเลียมไม่ได้รับความเชื่อถืออีกต่อไป

    12.ค.ศ.1910 ดาวหางฮัลเล่ห์ปรากฏ ผู้คนต่างหวาดกลัวว่าจะเกิดวันสิ้นโลก

    13.ค.ศ.1925 แม่ชี โรเบิร์ต ไรท์บอกว่า พระเจ้ามาบอกว่า โลกจะพินาศในปีนี้ เผอิญปีนั้น เกิดโรคระบาด แผ่นดินไหวถี่ผิดปกติ ภาวะบ้านเมืองอึมครึม คนเลยเชื่อใหญ่ บางคนร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร บางคนขายบ้าน ขายที่นา พอถึงวันที่แม่ชีว่าจะเกิด แม่ชีไรท์พาลูกศิษย์หลบเข้าป่าจําศีลภาวนา แต่แล้วก็ผิดพลาดอีก

    14.ค.ศ.1945 ชาร์ล ลอง นักฟิสิกส์อังกฤษ บอกว่า โลกจะพินาศ ซึ่งในระยะเดียวกันนั้น บังเอิญเกิดดาวหางบ่อยๆ เกิดสุริยคราสและจันทราคราส บ่อยๆ
    น้ำท่วมเป็นประจํา แผ่นดินไหวถี่ผิดปกติ จึงเป็นเหตุผลที่ชาวโลกควรเชื่อ แต่ก็ผิดพลาดหนักเข้าไปอีก

    15.ค.ศ.1975 กลุ่มชาวคริสต์ออกมาทํานายว่าปีนี้โลกจะพินาศ หลังจากทายผิดติดต่อกันมาแล้ว 10 ปี

    16.ค.ศ.1996 ไมเคิล ดรอสนินท์และเอลิยา ริปป์ ตีความไบเบิ้ลโค้ด แล้วบอกว่า จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3ในวันที่ 25 กรกฏาคม ...แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไมเคิลและริปป์จึงบอกว่า สงครามโลกครั้งที่ 3และภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นแน่ แต่เลื่อนไปในปีค.ศ.1999

    17.ค.ศ.1999 นอสตราดามุส บอกว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3... นอกจากนอสตราดามุสแล้ว ยังมีไมเคิลกับริปป์ที่หน้าแหกเป็นเพื่อนอีกตั้งหาก

    18.ค.ศ.2000 ดาวเคราะห์เรียงตัวกันในวันที่ 5 พฤษภาคม ผู้คนบนโลกเชื่อว่าโลกจะแตก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    19.กันยายน 2005 - สิงหาคม 2006 กลุ่มไบเบิ้ลโค้ดเชื่อว่า จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามที่คัมภีร์ทํานายว่าจะเกิดใน สิงหาคม 2006 แต่ก็ผิดอีก

    20.ค.ศ 2011 คำทำนายถึงวันพิพากษาโลก วันที่ 21 พฤษภาคม และวันสิ้นโลก 21 ตุลาคม

    21.ค.ศ. 2012 คำทำนายของชนเผ่า มายาถึงวันสิ้นโลกในวันที่ 21 ธันวาคม

    22.ค.ศ.3420 มีคนพบกลอนที่นอสตราดามุสเขียน ทํานายว่าโลกจะพินาศในปีนี้

    23.ค.ศ.3797 มีคนพบกลอนว่านอสตราดามุสทํานายว่าโลกจะพินาศปีนี้ตะหาก



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2011
  8. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,145
    ค่าพลัง:
    +1,960
    สรุปถ้ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะเป็นวันอื่นไปเลื่อยๆ เท่าที่มนุษย์จะหาอะไรมาบวกได้ ชิมิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2011
  9. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,422
    ค่าพลัง:
    +4,651
    เพิ่มเติม

    24.ค.ศ.4457 (พ.ศ.5000) จะเกิดกุลียุค

    เดี๋ยวไปหามาเพิ่ม
     
  10. Phusaard

    Phusaard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +349
    2018 นาซีจะกลับมาทวงแค้น

    <iframe width="640" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/4KEueJnsu80" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="640" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/DeAfoiN5SDw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ล้อเล่นนะครับ เป็นแค่ตัวอย่างหนัง ที่ผูกเรื่องราวได้น่าคิดจริงๆ:cool:
     
  11. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,422
    ค่าพลัง:
    +4,651
    สุดอัศจรรย์...16 คำทำนายพระพุทธเจ้า ชี้ชะตามนุษย์โลก, สุดอัศจรรย์...16 คำทำนายพระพุทธเจ้า ชี้ชะตามนุษย์โลก

    ใน ยุคโลกาภิวัตน์ ที่ความเจริญทางด้านวัตถุ ก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นที่น่าฉงนว่า ทำไมคนในโลกกลับมีความสุขน้อยลง และดูเหมือนว่าปัญหาในการดำรงชีวิต กลับมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปัญหาทางด้านศีลธรรม จริยธรรมอันเป็นความเจริญทางด้านจิตใจ ดูจะเป็นสมการผกผัน กับความเจริญทางด้านวัตถุอย่างน่าเป็นห่วง ทุกวันนี้ หากเราฟังข่าวคราวไม่ว่าในประเทศไทย หรือประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ล้วนแล้วแต่มีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และภัยอันเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเอง





    หลายๆ สิ่งเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ก็สามารถนำมาใช้คาดการณ์ล่วงหน้าและรับมือได้ทัน แต่ก็มีไม่น้อย ที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียังไปไม่ถึง แต่หากจะบอกว่าสภาพการณ์หลายๆ อย่างที่อุบัติขึ้นในสมัยปัจจุบัน เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้า ได้ทำนายล่วงหน้ามาแล้วกว่า 2500 ปี หลายๆ คนอาจจะยังไม่เชื่อ หรือไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ดังนั้น กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอนำเรื่อง “พุทธทำนาย” อันปรากฏอยู่ในอรรถกถาพระไตรปิฎก มหาสุบินนิมิตชาดก เอกนิบาตชาดก ขุททกนิกาย ซึ่งเป็นเรื่องเล่าถึงสมัยที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงทำนายพระสุบิน(ความฝัน) ให้พระเจ้าปเสนทิโกศล จำนวน 16 ข้อ ว่ามีความหมายอย่างไร ดังนี้


    วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้ครองกรุงสาวัตถี ได้เสด็จเข้าสู่นิทรารมย์ในราตรีกาล ครั้นล่วงปัจฉิมยามใกล้รุ่ง ได้ทอดพระเนตรเห็น พระสุบินนิมิตอันใหญ่หลวง ถึง 16 ประการ อันเป็นพระสุบินที่แปลกประหลาด จึงทรงตกพระทัยตื่นบรรทม และครั้นรุ่งเช้า ก็ได้ให้พวกพราหมณ์ปุโรหิตประจำราชสำนักทำนาย พวกพราหมณ์ปุโรหิต ก็พากันทำนายว่าเป็นพระสุบินที่ร้าย และว่าพระองค์จะต้องประสบภัยอันตราย 3 ประการ ไม่เสียราชทรัพย์ ก็จะมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน หรือไม่ก็ต้องสวรรคต อย่างใดอย่างหนึ่ง และแนะให้พระองค์ทำพิธีบูชายัญสัตว์ เพื่อสะเดาะห์เคราะห์ เมื่อพระนางมัลลิกา พระมเหสีทราบเรื่องเข้า จึงทูลให้ไปขอคำแนะนำจากพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้ทรงทำนายว่า เหตุร้ายนั้นจะมีแน่นอน เพียงแต่มิใช่เกิดแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล หรือแว่นแคว้นของพระองค์ แต่เหตุร้ายเหล่านี้จะเกิดแก่สัตว์โลกทั่วๆ ไป และแก่พระศาสนาของพระพุทธองค์ในภายภาคหน้า เมื่อล่วงเลยพุทธกาลไปแล้ว 2500 ปี เมื่อศาสนาเสื่อมลง (กล่าวกันว่า อายุของพุทธศาสนาในกัลป์นี้ ยืนยาวเพียง 5,000 ปี หลังจากนั้น ต้องรอยุคของพระศรีอาริยเมตตไตรย์ พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปเสด็จมาโปรดสัตว์)

    ความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล และคำทำนายของพระพุทธเจ้าทั้ง 16 ประการ ประกอบด้วย


    1. ทรงฝันว่า มีโคตัวผู้สีเหมือนดอกอัญชัญ 4 ตัว ต่างคิดจะชนกัน ก็พากันวิ่งมาสู่ท้องพระลานหลวงจาก 4 ทิศ ฝูงชนต่างรอดู โคทั้งสี่ก็ส่งเสียงคำรามลั่น แต่แล้วต่างก็ถอยออกไป ไม่ชนกัน - พระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายว่า ในอนาคตในชั่วศาสนาของพระองค์ เมื่อโลกหมุนไปถึงจุดที่เสื่อมลง มนุษย์ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ฝนฟ้าจักแล้ง ทุพภิกขภัยจักเกิดขึ้น คล้ายเมฆตั้งเค้าจะมีฝน มีเสียงคำรามกระหึ่ม แต่แล้วก็ไม่ตก กลับเลยหายไป เหมือนโคตั้งท่าจะชนกัน แต่ไม่ชนกันฉะนั้น


    2. ทรงฝันว่า ต้นไม้เล็กๆ และกอไผ่ที่โตเพียงคืบบ้าง ศอกบ้าง ก็ออกดอกออกผลแล้ว - พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า ต่อไปเมื่อโลกเสื่อม มนุษย์แม้จะมีอายุเยาว์ มีวัยยังไม่สมบูรณ์ก็จะมีราคะกล้า และสมสู่กันตั้งแต่อายุยังน้อย และจะมีลูกแต่เด็กๆ เหมือนต้นไม้เล็กๆ แต่ก็มีผลแล้ว


    3. ทรงฝันว่า ทรงเห็นแม่โคใหญ่ๆ พากันดื่มนมของฝูงลูกโคที่เพิ่งเกิด - ทรงทำนายว่า ต่อไปในอนาคตการเคารพนบนอบผู้ใหญ่ เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์จะเสื่อมถอย คนเฒ่าคนแก่พ่อแม่เมื่อหมดที่พึ่ง หาเลี้ยงตนไม่ได้ ก็ต้องง้อ ต้องประจบเด็กๆ ดังที่แม่โคที่ต้องกินนมลูกโคฉะนั้น


    4. ทรงฝันว่าผู้คนไม่ใช้วัวตัวใหญ่ ที่สมบูรณ์แข็งแรงเทียมแอกลากเกวียน กลับไปใช้โครุ่นๆ ที่ยังปราศจากกำลังมาลาก เมื่อมันลากเกวียนให้แล่นไม่ได้ มันก็สลัดแอกนั้นเสีย - ทรงทำนายว่า ในภายหน้าเมื่อผู้มีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม แทนที่จะยกย่องและมอบหมายหน้าที่ ให้กับผู้มีสติปัญญา ความรู้ กลับไปมอบยศศักดิ์ให้กับคนหนุ่มที่อ่อนหัด ด้อยประสบการณ์ ทำให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ดี กิจการต่างๆ ก็ไม่สำเร็จ ก็เหมือนใช้โครุ่นมาเทียมแอก เกวียนก็แล่นไม่ได้ฉันใด ก็ฉันนั้น


    5. ทรงฝันว่าเห็นม้าตัวหนึ่ง มีปากสองข้าง ฝูงชนก็เอาหญ้าไปป้อนที่ปากทั้งสองข้าง มันก็กินทั้งสองข้าง - ทรงทำนายว่า ในอนาคตเมื่อผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจไม่ดำรงอยู่ในธรรม ตั้งคนพาล หรือคนไม่มีศีลธรรมไว้ในตำแหน่งอันมีผลต่อผู้อื่น คนเหล่านั้นก็จะไม่นึกถึงบาปบุญ คุณโทษ แต่จะตัดสินคดีต่างๆ ตามแต่ใจชอบ โดยเอาสินบนจากทั้งสองฝ่ายเป็นประมาณ ดังม้าที่กินหญ้าทั้งสองปาก


    6. ทรงฝันว่าฝูงชนเอาถาดทองราคาแพง ไปให้หมาจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง พร้อมเชื้อเชิญให้หมาจิ้งจอกตัวนั้น ถ่ายปัสสาวะใส่ถาดทองนั้น - ทรงทำนายว่า ต่อไปคนดีมีสกุลทั้งหลายจะสิ้นอำนาจวาสนา คนตระกูลต่ำ หรือคนพาลจะได้เป็นใหญ่เป็นโต และคนมีตระกูล ก็จะต้องยกลูกสาว ให้แก่ผู้ไร้ตระกูลเหล่านั้น เหมือนเอาถาดทองไปให้หมาปัสสาวะรด


    7.ทรง ฝันว่า มีชายคนหนึ่งนั่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปในที่ใกล้เท้า แม่หมาจิ้งจอกโซตัวหนึ่ง นอนอยู่ใต้ตั่งที่บุรุษนั้นนั่งอยู่ แล้วก็กัดกินเชือกนั้น โดยที่เขาไม่รู้ตัว - ทรงทำนายว่า ในกาลข้างหน้า ผู้หญิงจะเหลาะแหละ โลเล ลุ่มหลงในสุรา เอาแต่แต่งตัว เที่ยวเตร่ ประพฤติทุศีล แล้วก็จะเอาทรัพย์ที่สามีหาได้ด้วยความลำบากไปใช้ หรือให้ชายชู้ เหมือนนางหมาโซที่นอนใต้ตั่ง คอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่น และหย่อนลงไว้ใกล้เท้า


    8. ทรงฝันว่ามีตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมตุ่มหนึ่งวางอยู่ตรงประตูวัง แวดล้อมด้วยตุ่มว่างๆ เป็นอันมาก แต่คนก็ยังไปตักน้ำใส่ตุ่มที่เต็มอยู่ จนล้นแล้วล้นอีก โดยไม่เหลียวแลจะตักใส่ตุ่มที่ว่างๆ นั้นเลย - ทรงทำนายว่า ในอนาคต เมื่อศาสนาเสื่อม คนเป็นใหญ่หรือมีอำนาจ จะเบียดเบียนหรือเอาเปรียบผู้ด้อยกว่า คนที่รวยอยู่แล้ว ก็จะมีคนจนหารายได้ ไปส่งเสริมให้รวยยิ่งขึ้น ดังฝูงชนที่ต้องตักน้ำใส่ตุ่มใหญ่ที่เต็มอยู่แล้วจนล้น ส่วนตุ่มที่ว่างอยู่กลับไม่ไปใส่น้ำ


    9. ทรงฝันเห็นสระแห่งหนึ่ง มีบัวนานาชนิดขึ้นอยู่เต็ม และมีท่าขึ้นลงโดยรอบ สัตว์ต่างๆ ก็พากันดื่มน้ำในสระ แต่แทนที่น้ำบริเวณที่สัตว์เหยียบย่ำจะขุ่น กลับใสสะอาด ส่วนน้ำที่อยู่ลึกกลางสระที่สัตว์ไม่ไปดื่มหรือ เหยียบย่ำแทนที่จะใส กลับขุ่นข้น - ทรงทำนายว่า ต่อไป เมื่อคนมีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม ขาดเมตตา คอยใช้อำนาจ รีดนาทาเร้นหรือกินสินบน ชาวบ้านชาวเมือง ก็จะหนีไปอยู่ตามชายแดนหรือที่อื่นๆ ทำให้ที่นั้นๆ ที่คนพากันไปอยู่มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น เหมือนน้ำรอบๆ สระที่ใส ส่วนเมืองหลวงกลับว่างเปล่า เหมือนกลางสระที่ขุ่น


    10. ทรงฝันว่า เห็นข้าวที่คนหุงในหม้อใบเดียวกัน สุกไม่เท่ากัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ข้าวแฉะ ข้าวดิบ และข้าวสุกดี - ทรงทำนายว่า ในอนาคต เมื่อคนทั้งหลายไม่อยู่ในศีลในธรรมกันมากขึ้น ก็จะทำให้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือตกไม่ทั่วถึง ทำให้การเพาะปลูกบางแห่งได้ผล บางแห่งก็ไม่ได้ผล เช่นเดียวกับข้าวที่มีสุกบ้าง ดิบบ้าง และแฉะบ้าง


    11. ทรงฝันว่าคนนำแก่นจันทน์ที่มีราคาแพง ไปแลกกับเปรียงเน่า (อ่านว่า เปฺรียง มี 3 ความหมาย คือ 1. นมส้มผสมน้ำแล้วเจียวให้แตกมัน 2.น้ำมันจากไขข้อวัว และ 3.เถาวัลย์เปรียง แต่ในที่นี้น่าจะหมายถึงเถาวัลย์เปรียง เทียบกับแก่นจันทน์ที่เป็นไม้เหมือนกันมากกว่า 2 ความหมายแรก) - ทรงทำนายว่า กาลภายหน้า พระภิกษุอลัชชีเห็นแก่ได้ทั้งหลาย แทนที่จะนำธรรมะ ที่พระพุทธองค์สอน ไปสอนสั่งให้คนหลุดพ้นจากความทุกข์ และละความโลภ กลับใช้เป็นเครื่องมือเพื่อหากิน หาปัจจัยบริจาคเข้าตัวเอง เหมือนเอาแก่นจันทน์ (ธรรมะคำสอนที่ดี) ไปแลกเอาเถาวัลย์เน่า (ลาภอามิสที่ได้รับมา ซึ่งไม่จีรังและไม่ช่วยให้พ้นทุกข์จริงๆ ได้)


    12. ทรงฝันเห็นกระโหลกน้ำเต้าจมน้ำได้ - ทรงทำนายว่า ต่อไปคำพูดของคน ที่ไม่ควรจะได้รับความเชื่อถือ กลับจะได้รับความเชื่อถือ โดยเปรียบถ้อยคำของคนที่ไม่น่าเชื่อว่ามีน้ำหนักเบาเหมือนกับผลน้ำเต้า ซึ่งปกติจะลอยน้ำ แต่เมื่อคนเชื่อว่าคำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนัก หรือหนักแน่น จึงเปรียบคำพูดนั้นว่ามีน้ำหนัก ราวกับน้ำเต้าที่จมน้ำได้


    13. ทรงฝันว่าศิลาแท่งทึบขนาดเรือน ลอยน้ำได้เหมือนเรือ - ทรงทำนายว่า ถ้อยคำของคนที่ควรได้รับการเชื่อถือ ซึ่งหนักแน่น มีน้ำหนักเปรียบประดุจแท่งศิลา กลับไม่ได้รับความเชื่อถือ หรือกลายเป็นถ้อยคำที่ไม่มีน้ำหนักเหมือน เรือที่ลอยได้ ข้อนี้ตรงกันข้ามกับข้อที่แล้ว คือ คนหันไปเชื่อคำพูดคนที่ไม่ควรเชื่อ เหมือนสิ่งที่ควรลอยกลับจม สิ่งที่ควรจมกลับลอย


    14. ทรงฝันว่า ทรงเห็นฝูงเขียดตัวเล็กๆ วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ และกัดเนื้องูเห่าขาดเหมือนกัดก้านบัว แล้วกลืนกินเข้าไป - ทรงทำนายว่า เมื่อมนุษย์ปล่อยตัวปล่อยใจตามกิเลส ราคะ สามีจะตกอยู่ในอำนาจของเมียเด็ก และจะถูกดุด่าว่ากล่าวเช่นเดียวกับคนรับใช้ เหมือนเขียดตัวเล็กๆ แต่กลับกินงูได้


    15. ทรงฝันว่า ฝูงพญาหงส์ทอง ที่มีขนเป็นทอง ถูกแวดล้อมด้วยกา - ทรงทำนายว่า ในอนาคตผู้มีตระกูลต้องไปเที่ยวประจบ และสวามิภักดิ์ต่อผู้ไม่มีตระกูล เหมือนหงส์ทองแวดล้อมด้วยกา


    16. ทรงฝันว่า ฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง และกัดกิน ทำให้เสืออื่นๆ สะดุ้งกลัว จนต้องหนีไปแอบซ่อนตัวจากฝูงแกะ - ทรงทำนายว่าต่อไปภายหน้า คนชั่ว หรือคนที่ไม่ดีจะเรืองอำนาจ และใช้อำนาจเป็นธรรม ทำให้คนดีถูกทำร้าย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องหลบหนี ซ่อนตัวจากภัยร้ายเหล่านี้ เหมือนเสือซ่อนตัวจากแกะ


    เมื่อพิจารณาความฝัน จะเห็นว่าหลายข้อในความฝัน เป็นสิ่งที่ผิดไปจากธรรมชาติ เช่น แม่โคกินนมลูกโค ม้าสองปาก เขียดกินงู และแกะกินเสือ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ล้วนมีนัยอันไปสู่พุทธทำนายทั้งสิ้น หลายคนอาจจะสงสัยว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ในสมัยพุทธกาล ทำไมฝันได้ไกลไปถึงอนาคต อันไม่เกี่ยวข้องกับพระองค์ได้ถึงเพียงนี้ ผู้เขียนเชื่อว่าคงเป็นเพราะเทวดาดลใจ ให้พระองค์ฝันแปลกประหลาด เพื่อพระบรมศาสดาจะได้ฝาก “พุทธทำนาย” เป็นคำพยากรณ์อันอมตะไว้ เป็นเครื่องเตือนสติ ให้มนุษย์โลกได้ตระหนัก และระมัดระวังภัยพิบัตินานัปการ ที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า หลังจากที่พระพุทธองค์ดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว เพราะคงเล็งเห็นด้วยญาณวิเศษแล้วว่า นับวันคนเราก็จะห่างไกลจากหลักธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ จนเป็นเหตุให้มนุษย์มุ่งทำลาย เอารัดเอาเปรียบทั้งเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง และสิ่งแวดล้อมรอบตัว เพื่อกอบโกยไปบำรุงบำเรอกิเลสแห่งตน โดยขาดความรัก ความเมตตาต่อกัน จึงทำให้คนเห็นแก่ตัว และมีผลให้สภาพแวดล้อม ธรรมชาติแปรปรวนไปหมด


    ในปัจจุบัน เหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ เช่น ฝนแล้ง อันทำให้เพาะปลูกได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ปัญหาเรื่องศีลธรรมและจริยธรรม เช่น เด็กและเยาวชนแก่แดดขึ้น มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยเพิ่มขึ้น ลูกขาดความกตัญญู และความเคารพยำเกรงต่อพ่อแม่ อลัชชีหรือพระทุศีลมีมากขึ้น ชายแก่ตกอยู่ในอำนาจเมียเด็ก หรือปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม เช่น คนขาดความรู้ประสบการณ์ ได้รับแต่งตั้งให้ปกครองบ้านเมืองเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้มีอำนาจรับสินบน ก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป คนรวยยิ่งรวยเพราะมีช่องทาง และโอกาสเอาเปรียบคนจน เหมือนตุ่มใหญ่ที่คนตักน้ำไปใส่จนเต็มแล้วเต็มอีก แล้วปล่อยตุ่มเล็กให้ว่างเปล่า ตัวอย่างเหล่านี้ ล้วนไม่พ้นคำพยากรณ์ที่ทรงทำนาย บอกแก่พระเจ้าปเสนทิโกศลว่า จะเกิดขึ้นในอนาคตของสมัยโน้น ก็คือ สมัยนี้หรือปัจจุบันนั่นเอง


    อย่าง ไรก็ดี ก็ยังมีพุทธทำนาย เพิ่มเติมที่มีผู้ถอดความจากศิลาจารึก เชตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย ความว่า พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า “....เมื่อศาสนาตถาคตล่วงเลยไปถึงกึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้น จะพบกับความลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนเวียนไปใกล้ความแตกทำลาย แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทิศ คนในสมัยนั้น(ปัจจุบัน) จะมีวิสัยโหดดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวายในกุศลตามวัจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัย และคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง แต่ก็จะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น...ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ตั้งอยู่ในศีลธรรม เชื่อคำของคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพหลักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับการเชื่อถือในสังคม ผู้มีศีลธรรมประพฤติชอบ กลับไม่มีคนเคารพยำเกรง พระธรรมจะเริ่มเปล่งแสงรัศ มีฉายส่องโลกอีกวาระหนึ่ง


    เมื่อมีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ (น่าจะหมายถึงพระศรีอาริยเมตตไตรย์)....จะเสด็จมาเสริมสร้างพระศาสนา ของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไปอีก 5,000 พระวรรษา…คำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับเป็นกรรมของสัตว์โลกที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติ ให้รักษาศีลห้าประการ เจริญเมตตากรุณา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษ รู้จักพอ ไม่หลงมัวเมาในอำนาจและลาภยศ ตั้งใจประพฤติตนตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในยุคกึ่งพุทธกาล” นี่คือพุทธทำนายที่ทรงตรัสไว้ กว่า 2500 ปีล่วงมาแล้ว ส่วนใครจะเชื่อ จะปฏิบัติหรือไม่อย่างไร ก็คงเป็นไปตามกรรม ของแต่ละคนดังพระพุทธองค์ว่าไว้


    ขอขอบคุณข้อมูลข่าว : อมรรัตน์ เทพกำปนาท สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
     
  12. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,422
    ค่าพลัง:
    +4,651
    สัญญาณอันตราย :
    1. ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ 15 วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลาย จะนำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดิน ปัจจุบันเกิดขึ้นแล้วนะครับ อย่านิ่งเฉยเชียวนะ โลกเริ่มเอาคืนแล้ว ว
    2. เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เป็นเวลา 49 วัน ในระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน
    3. ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก (ชำระล้างเป็นเวลา 7 วัน)
    *ใน 3 วันแรกจะเกิดสงครามนิวเคลียที่ทวีปเอเชีย ในประเทศที่เป็นอริต่อกัน (เกาหลีใต้รึป่าวน้อ)

    [​IMG]




    ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    1. เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
    2. พายุถล่ม
    3. แผ่นดินแยกและแผ่นดินไหว (เริ่มมีแววให้เห็นกันแล้ว)
    4. ภูเขาไฟระเบิด (จังหวัดทางภาคกลาง 2 ลูก,ภาคเหนือตอนล่าง 3 ลูก,อีกทั้งที่จังหวัด ราชบุรี น่าน แพร่ อ.ร้องกวาง)
    5. คลื่นยักษ์จากทะเลา (เกิดไปแล้ว ว)
    6. โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา ได้แก่ Virusteria,อหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ ผู้ที่ได้รับเชื้อจะเสียชีวิตทันทีภายใน 6 วัน (โรคเริ่มถี่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เห้ออ~~)
    7. คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนั้นมากก่อน (อันนี้น่ากลัว ไม่รู้จะหนียังงัยพ้น)
    8. อดอยากขาดแคลนอาหาร




    [​IMG]

    จากรูป: เป็นรูปเด็กในประเทศแอฟริกา แต่อีกหน่อยคงเป็นอย่างนี้กันทั่วโลก


    การเตรียมตัวเตรียมปัจจัยเพื่อตนเองและสมาชิกในครอบครัว ไปดูกันเลยครับ
    1. เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้านอย่างน้อย 3-6เดือน
    2. เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าห่ม ฯลฯ เพราะในช่วงเวลานั้นอากาศจะหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ
    3. เครื่องใช้ที่จำเป็น
    4. ที่อยู่อาศัย
    5. ยารักษาโรค
    6. ด่างทับทิมและคาราไมล์(จำเป็นมาก) ห้ามกินอาหารที่มาได้ล้างด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรคและสารกัมมันตรังสี ส่วนอาราไมล์ จะมีไว้รักษาโรคทางผิวหนังที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษา แต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะหายได้อย่างน่าอัศจรรย์
    7. ยานพาหนะ เช่น เรือ เสื้อชูชีพ
    8. เครื่องช่วยชีวิต
    9. แสงสว่างเช่น เทียน ตะเกียงพายุ (เวลานั้นท้องฟ้าจะมืดมิด 7 วัน เท่ากับ 1 ราตรี และจะมืดมิดรวม 7 ราตรี หรือ 49 วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)
    10. เครียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง


    [​IMG]
    ด่างทับทิมครับ


    วิธีการดูแลตัวเองในช่วงวิกฤติ
    1. ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้ามเปิด ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นญาติสนิทหรือคนที่เรารู้จักก็ตาม (เหตุผลอยู่ในข้อ 4 ครับ)
    2. ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรคและสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้น มลภาวะที่ขึ้นไปติดค้างอยู่ตามชั้นบรรยากาศจะลงมาพร้อมกับฝน
    3. ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆ แต่ถ้าหลีกเลียงไม่ได้ต้องใช้ด่างทับทิมล้างทุกครั้ง (ตอนนั้นคงขึ้นราคาอ่ะนะ ฮ่าๆๆ)
    4. ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น เพราะช่วงเวลานั้นประตูมิติของโลกทั้ง 3 ภพ จะถูกเปิดเป็นครั้งแรก ผู้ไม่เชื่อเรื่องผีสาง จิตวิญญาณ ก็จะได้เห็น คนที่มาเยือนอาจเป็นผีเปรต ผีโขมด ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราจำแลงมาก็เป็นได้และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดนเด็ด ขาด
    5. ห้ามกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด
    6. ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม เพื่อป้องกันสารพิษตกค้างครับ
    7. ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย
    8. ระวังอากาศที่หนาวเย็น
    9. ระวังสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษเช่น งูพิษ จระเข้
    10. ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 3 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 3 ชั้น จะพังทลายราบเป็นหน้ากลอง



    [​IMG]
     
  13. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD>ศาสนาอิสลามกล่าวถึงวันพิพากษาไว้อย่างไร?

    </TD></TR><TR><TD>เช่นเดียวกับคริสตศาสนิกชน ชาวมุสลิมเชื่อว่า ชีวิตในโลกปัจจุบันนี้เป็นเพียงการเตรียมตัวเพื่อมาทดลองใช้ชีวิตสำหรับชีวิตในโลกหน้าที่จะมีขึ้นเท่านั้น ชีวิตนี้เป็นเพียงการทดสอบของแต่ละบุคคล

    สำหรับชีวิตหลังความตาย วันหนึ่งจะมาถึง เมื่อทั้งจักรวาลถูกทำลายและคนตายจะกลับฟื้นคืนชีวิตเพื่อมารับฟังคำพิพากษาจากพระผู้เป็นเจ้า

    วันนั้นจะเป็นวันเริ่มต้นชีวิตที่เป็นอมตนิรันดร วันนั้นก็คือวันพิพากษานั่นเอง ในวันนั้น มวลมนุษย์ทุกหมู่เหล่าจะได้รับการตอบแทนจากพระผู้เป็นเจ้าไปตามความเชื่อและการกระทำของตน

    บุคคลซึ่งตายในขณะที่มีความเชื่อว่า “ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงอื่นใด นอกจากพระผู้เป็นเจ้า และพระมูหะหมัดคือผู้ถือสาร (พระศาสดา) ของพระผู้เป็นเจ้า” และเป็นชาวมุสลิม จะได้รับการตอบแทนในวันนั้น และจะได้รับอนุญาตให้ไปสถิตสถาพรยังสรวงสวรรค์ตลอดนิจนิรันดร

    ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตรัสว่า:

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG] ส่วนบรรดาผู้ศรัทธา และประกอบการดี จะเป็นผู้ที่ได้อยู่ในสวรรค์ และพำนักอยู่ที่นั่นตลอดไป. [​IMG] (พระคัมภีร์กุรอาน, 2:82)

    แต่สำหรับบุคคลซึ่งตายในขณะที่ไม่เชื่อว่า “ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงอื่นใด นอกจากพระผู้เป็นเจ้า และพระมูหะหมัดคือผู้ถือสาร (พระศาสดา) ของพระผู้เป็นเจ้า” หรือผู้ไม่ใช่ชาวมุสลิม จะไม่พบหนทางไปสู่สรวงสวรรค์ชั่วนิจนิรันดรและจะถูกส่งลงไปยังขุมนรก

    ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่า:

    [​IMG] และผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลามแล้ว ศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาด และในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน. [​IMG] (พระคัมภีร์กุรอาน, 3:85)

    และตามที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า:

    [​IMG] แท้จริงบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และพวกเขาได้หายไปในขณะที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น ทองเต็มแผ่นดินก็จะไม่ถูกรับจากคนใดในพวกเขาเป็นอันขาด

    และแม้ว่าเขาจะใช้ทองนั้นไถ่ตัวเขาก็ตาม ชนเหล่านี้แหละสำหรับพวกเขานั้น คือการลงโทษอันเจ็บแสบและทั้งไม่มีบรรดาผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับพวกเขาด้วย. [​IMG] (พระคัมภีร์กุรอาน, 3:91)

    ชีวิตหลังความตายเป็นชีวิตที่แท้จริง ไม่เพียงแต่ดวงวิญญาณเท่านั้น แต่รวมทั้งร่างกายอีกด้วย เราจะใช้ชีวิตหลังความตายโดยมีร่างกายและจิตวิญญาณ

    เมื่อเปรียบเทียบโลกใบนี้กับโลกชีวิตหลังความตาย พระศาสดามูหะหมัด [​IMG] ทรงตรัสว่า: {คุณค่าของโลกใบนี้เมื่อเปรียบเทียบกับโลกหลังความตายแล้ว เปรียบเสมือนการชักนิ้วมือขึ้นมาจากท้องทะเลเมื่อเจ้าจุ่มนิ้วลงไปในท้องทะเลและจากนั้นชักมันกลับขึ้นมา.}<SUP>1</SUP>

    ความหมายก็คือว่า คุณค่าของโลกใบนี้เมื่อเปรียบเทียบกับโลกหลังความตายแล้วเปรียบเสมือนหยดน้ำเพียงสองสามหยดเมื่อเปรียบเทียบกับท้องทะเล


    Islam Guide: ศาสนาอิสลามกล่าวถึงวันพิพากษาไว้อ&#3618


    คำทำนายวันสิ้นโลกของ "ศาสนาอิสลาม"


    ในวันสิ้นโลก จะมีการเป่าสังข์ดังทั่วโลก พระอัลลอฮ์จะเป็นผู้สอบสวน ทุกๆคน
    ว่ามีละหมาดมาไหม พระองค์จะปกป้องผู้ที่ศรัธทาต่อพระองค์เท่านั้น


    วันสิ้นโลกจะมีอุกกาบาทตกลงมา แต่ว่ามุสลิมทุก คน จะไม่ทันเห็น เพราะได้ ความเมตตาจากอัลลอฮฺให้สิ้นชีวิตกันก่อน

    เหลือแต่ผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อพระองค์ ที่ไม่ได้ความเมตตา


    โลกจะยังไม่ถึงกาลอวสาน จนกว่า

    - ผู้หญิงมีจำนวนมากกว่าผู้ชาย ผู้ชายมีจำนวนลดน้อยลง

    - ยาจกในวันนี้ สามารถสร้างตึกสูงใหญ่ในวันหน้า

    - เวลาสั้นลงน้อยกว่าเดิม เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    - บ่าว ให้กำเนิดบุตร ที่จะมาเป็นเจ้านายในอนาคต

    - จะมีการพบภูเขาทองคำ แล้วพากันแก่งแย่งมาเป็นของตน

    - เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ ในเวลาเช้า จะถูกเปลี่ยนในเวลาสาย เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ในเวลาสาย จะถูกเปลี่ยนในเวลาเย็น เสื้อผ้าที่ถูกใส่ในเวลาเย็นจะถูกเปลี่ยนในเวลาก่อนนอน

    - พวกผู้หญิงจะสวมใส่เสื้อกันหนาว ที่ดูเหมือนไม่สวมใส่อะไรเลย

    - พวกมนุษย์หลงเชื่อ สิ่งที่เห็นในชั้นฟ้าและอวกาศ ว่ามันเป็นความจริง

    - ความไว้วางใจจะไม่มีในหมู่มนุษย์

    - แผ่นดินไหวทางทิศตะวันตก แผ่นดินไหวทางทิศตะวันออก



    สัญญาณยุคสิ้นโลก


    - จะบังเกิดควันสีดำแผ่ปกคลุมทั่วโลก

    - จะมี อสูรกาย ที่ชื่อว่า ยุ มะยุด ที่ถูกกักขังอยู่ใต้พื้นโลกด้วยผนังหนา ที่เป็นทองแดงและไฟ ครั้นสิ่งกักกันถูกแตกออก มันจะขึ้นมาล่อลวงไล่เข่นฆ่ามนุษย์

    - ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก

    - จะมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง สามารถพูดคุยกับมนุษย์ได้


    สัญญาณใกล้วันสิ้นโลก

    1. แผ่นดินไหวจะมีมาก


    2. ลมพายุจะรุนแรง

    3. ความตายจะดาษดื่น(จากโรคร้าย)

    4. มนุษย์จะแข่งขันประดับประดามัสยิด

    5. คนโกหกจะได้รับความเชื่อถือ คนพูดจริงกลับถูกมองว่าโกหก

    6. คนทุจริตจะปลอดภัย คนไว้วางใจได้กลับถูกบิดพริ้ว

    7. การผิดประเวณี(ซินา) จะดาษดื่น

    8. สุรา ดอกเบี้ย เป็นสิ่งอนุมัติ

    9. ในมัสยิดมีเสียงอึกทึก

    10. คนรุ่นหลังจะประณามคนรุ่นก่อน

    11. ความวุ่นวายจะเกิดขึ้นทุกหัวระแหง

    12. ผู้ใหญ่จะรับใช้เด็ก

    13. อุตริกรรม (บิดอะห์) จะปรากฎชัด

    14. ความอายจะน้อยลง

    15. สตรีจะประพฤติตัวเหมือนบุรุษ ส่วนบุรุษจะประพฤติตัวเหมือนสตรี

    16. สตรีจะนุ่งน้อยห่มน้อย

    17. ผู้ทุจริตได้รับการช่วยเหลือ ผู้ถูกละเมิดกลับถูกทอดทิ้ง

    18. ผู้คนจะอ่านอัลกุรอานกันเพียงลิ้น (ขาดการกฏิบัติตาม)

    19. การนินทาให้ร้ายจะมีมาก

    20. การสาบานด้วยสิ่งอื่นจากอัลเลาะห์จะมีมาก

    21. การหย่าร้างเกิดขึ้นมาก

    22. ความชั่วช้าเลวทรามจะปรากฎชัด

    23. มนุษย์จะปฏิบัติตามอารมณ์กิเลสและตัณหา

    24. บุรุษจะถูกทำลาย เพราะทรัพย์สินเป็นเหตุ

    25. มนุษย์จะตัดขาดญาติมิตร

    26. สมาธิของคนละหมาดจะหายไป

    27. ประชาชาติจะแตกออกเป็น 70 กว่าจำพวก

    28. วันและเวลาจะสั้นลง จนกระทั่งหนึ่งปีเสมือนหนึ่งเดือน และหนึ่งเดือนเสมือนหนึ่งสัปดาห์ และหนึ่งสัปดาห์เหมือนหนึ่งวัน

    29. การแต่งงานเกิดขึ้น เพราะสมบัติเป็นเหตุ

    30. เรื่องราวของมนุษย์ ล้วนเป็นความโลภโมโทสัน

    31. การตลาดจะฝืดเคือง

    32. การให้เกียรติจะน้อยลง แต่การเหยียดหยามจะมากขึ้น

    33. ความรับผิดชอบจะหายไป ความวุ่นวายสับสนจะแทนที่

    34. ศาสนาจะถูกซื้อขายด้วยวัตถุทางโลก (ดุนยา)

    35. หัวใจมนุษย์หมดสิ้นจากความดี

    36. ทานบังคับ (ซะกาต) ถูกนำมาจำหน่ายค่าแรง และถูกมอบให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิรับ

    37. บุรุษจะฆ่ากันโดยไร้เหตุผล

    38. ความรู้จะถูกเก็บ คนโง่จะขึ้นแสดงธรรม (บนมิมบัร)

    39. เด็กที่เกิดจากการผิดประเวณีจะมีมาก

    40. คนที่มีลูกหลานต้องโศกเศร้า เพราะการเนรคุณ

    41. สตรีจะทำหน้าที่แทนบุรุษ

    42. เด็กจะไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะไม่เมตตาเด็ก

    43. ความบริสุทธิ์จะหายไปจากการงาน

    44. คนชั่วจะภูมิใจ และโอ้อวดความชั่วของตน

    45. การพนันจะมีมาก

    46. ผู้บริสุทธิ์จะถูกฆ่าเป็นการล้างแค้น (ไม่ใช่การรับใช้ชาติ)

    47. มนุษย์จะถูกเรียกร้องสู่ขุมนรก และหันเหออกจากการภักดีต่ออัลเลาะห์ตาอาลา



    สัญญาณใหญ่ ได้แก่

    1. อิหม่ามมะห์ดีปรากฎตัว

    2. ดัจญ้าลเผยโฉม ยักษ์ชั่วร้าย

    3. ท่านศาสดาอีซาจะถูกส่งลงมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง

    4. ยะญูดและมะญูด พังกำแพงทะลุออกมาได้

    5. มีสัตว์ประหลาดออกมาจากแผ่นดิน

    6. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก

    7. มีหมอกควันเกิดขึ้นเต็มแผ่นดิน

    8. เกิดไฟประลัยกัลป์ออกมาขับไล่ผู้คนไปรวม ณ ชุมนุมสถาน

    9. อัลกุรอาน และความรู้ถูกเก็บ (โดยการล้มตายของบรรดาผู้รู้)




    www.smoothcent.in.th

















     
  14. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
  15. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
  16. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,756
    ค่าพลัง:
    +1,919
    :cool::cool::cool::cool::cool:
    [​IMG]
     
  17. หมูน้ำยืน

    หมูน้ำยืน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +38
    ผมเชื่ออันนี้ครับ :cool:
     
  18. amsomegal

    amsomegal Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92
    อืม ข้อที่7 ที่คุณตันติปาละบอกว่าจะมีเสียงที่ดังที่สุดที่มนุษย์เคยได้ยินมา
    เราเคยทำ รีเสิร์ชค่ะ มันคือเสียงระเบิดของซูเปอร์ภูเขาไฟชื่อว่า เยลโลสโตน ในประเทศอเมริกา
    เขาอธิบายไว้ว่าภูเขาไฟนี้เคยระเบิดเมื่อ 75,000 ปีก่อน และถ้ามันเกิดอีกครั้งก้อจะเป็นเสียงดังที่สุดที่มนุษย์เคยได้ยินมา
     
  19. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    24:36 แต่วันนั้น โมงนั้น ไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์ในสวรรค์ก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาของเราองค์เดียว 24:37 ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย

    ในไบเบิลให้แต่หมายสำคัญไว้นะคะ ไม่ได้ระบุวันแน่ชัด
    พระเยซูยังบอกว่า เป็นวันโมงที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แม้แต่พระองค์เองก็ไม่รู้ แต่ทรงบอกเป็นหมายสำคัญไว้

    แต่มีผู้ศึกษาพระคัมภีร์บางกลุ่มได้พยายามถอดรหัสเหล่านั้นมาตีความ จะเป็นตามนั้นหรือไม่ อีกไม่นานก็คงจะทราบกัน

    ดิฉันว่า ที่สำคัญคือ ผู้ที่เชื่อในพระเยซูควรหมั่นสำรวจจิตใจตนเองในทุกวัน เตรียมพร้อมจิตใจในทุกโมงยาม เนื้อแท้ของจิตวิญญาณเราเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีทางโกหกต่อพระพักตร์พระเจ้าได้

    แต่ที่ดิฉันสงสัยคือเรื่องหมายสำคัญ "เลขของสัตว์ร้าย 666" หายไปไหน?
    เหตุการณ์นี้ ก็น่าจะเกิดก่อนวันสิ้นยุค จะข้ามไปได้ยังไง?
    หรือเกิดแล้วดิฉันไม่รู้หว่่า!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2011
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ดิฉันว่า ที่สำคัญคือ ผู้ที่เชื่อในพระเยซูควรหมั่นสำรวจจิตใจตนเองในทุกวัน เตรียมพร้อมจิตใจในทุกโมงยาม เนื้อแท้ของจิตวิญญาณเราเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...