แฉ..!! สิ่งจอมปลอมและพฤติกรรมลวงโลกในประเทศไทย

10 สิ่งจอมปลอมในสังคมไทย คือ
1. พระพุทธเจ้าปลอม 6. ร่างทรงปลอม
2. พระธรรมปลอม 7. เครื่องรางของขลังปลอม
3. พระอรหันต์ปลอม 8. ปรากฏการณ์ลี้ลับปลอม
4. ผู้วิเศษปลอม 9. อาจารย์พลังจิตปลอม
5. พระภิกษุปลอม 10. สื่อโฆษณากระบวนการหลอกลวง
อ่านเต็มๆ ที่เวปนี้นะครับ......
แฉ...!! สิ่งจอมปลอมและพฤติกรรมลวงโลกในประเทศไทย
ชาวพุทธแท้ๆ ... ควรศึกษาไว้นะครับ..จะได้ไม่หลงทาง

กระทู้นี้ผมเอามาให้อ่านเฉยๆนะครับ.. (โปรดใช้ วิจารณญาณ ในการอ่านนะครับ).

 

อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ที่ได้นำมาเผยแพร่ เพื่อให้เกิดปัญญา
พิจารณาว่าไหนจริง ไหนเท็จ
ในพระพุทธศาสนา

 

คลิ๊กไปอ่านรายละเอียดแล้วครับ

ลองคลิ๊กไปอ่านความเห็นของผู้ที่ปฏิบัติอย่างจริงๆจังๆประกอบข้อมูลนี้ดูนะครับ

http://palungjit.org/posts/4759542

 

คนธรรมดาวิพากย์วิจารณ์ว่า
พระอริยะเจ้าต้องเป็นอย่างนู้นอย่างนี้
จะโดยรู้หรือไม่รู้ก็มีโทษหนัก
ปุถุชนคนหนาแน่นไปด้วยกิเลสย่อมพิจารณาแบบปุถุชน
( เจตนาดี ต้องมีปัญญาประกอบ )
สาธุ

 

เข้าไปอ่านละเอียดแล้วครับ

- บางประเด็นก็เตือนสติได้ดี
- บางเรื่องผู้เขียนก็ดูจะอคติมากเกินไป เอาความคิดของตนเองพิจารณาตัดสินผู้อื่นโดยที่ยังไม่รู้จริง เช่น เรื่องบั้งไฟ ผมไปดูกับตาว่าโผล่มาจากกลางน้ำ แล้วสูงกว่าพลุที่คนจุด แสงสีก็ต่างกัน แล้วก็ไม่มีคนยิงปืนอย่างที่ว่า พลุกกับแสงจากลุกปืนมันต่างกัน
- เรื่องพระอรหันต์เหมือนกัน เรากิเลสยังไม่ลดละจะไปรู้ได้อย่างไรว่าท่านใดใช่ไม่ใช่ ไปเอาประเด็นลักษณะส่วนตัวเพียงเล็กน้อยมาเป็นตัววัดว่าใช่ไม่ใช่ ไม่นาจะถูก
- อื่น ๆ อีกเยอะที่พูดเกินจริงไป หลายอย่างก็พูดได้ดี

ข้อเขียนแบบนั้น ให้เตือนสติได้ดี แต่ต้องไม่อคติและรู้จริง มิเช่นนั้นจะเข้าข่ายเพ่งโทษผู้อื่น แทนที่จะกลับมาดูตัวเอง ดูกายดูใจตนเองเป็นดี ดูให้ถ่องแท้ เดี๋ยวจะเข้าข่าย ดูผูอื่นเห็น ดูตนเองไม่เห็น

 

ในปลอมมีจริง ในจริงมีปลอม คงเหมารวมหมดไม่ได้ บางอย่างต้องอาศัยของปลอมเพื่อบำเพ็ญจริง.....

 

เขาวิจารณ์ทำไมหรือ แล้วทำไปพูดไปมันช่วยอะไรได้บ้าง ที่พูดๆวิจารณ์หนะมาจากใจส่วนไหนหนอ เจตนาดี หรือ แบกคัมภีร์ผสมอิจสา จึงโป้งเป้งโพ่โว้เพ่เว่ออกมา ให้ท่านหม่นหมอง อยากให้คนเกลียดท่านมากหรือหนอ อืม

 

อยากรู้ต้องปฏิบัติให้ถึงโลกุตรธรรม แล้วท่านจะเห็นเอง
บุญช่วยได้จริงๆ

 

คุณ ขวดน้ำ ถูกต้องครับ

 

เขารู้กันตั้งนานแล้ว ว่ามีของปลอม

ต้องแยกแยะให้ออก แล้วไปสนใจทำไมของปลอม

โยนิโสมนสิการ ให้ดี ในของปลอมก็มีของจริง ในของจริงก็มีของปลอม หากปัญญายังไม่ถึง

ก็ทำความดีตามๆกันไปก่อน เน้นที่ใจ ถ้าใจสบายคลายทุกข์ ของปลอมก็มีประโยชน์

 

มีอะไรในโลกนี้จริงบ้าง ในเมื่อตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง

สิ่งแวดล้ิอมทั้งหมดนั่นแหละคือ ธรรม

พุทธแท้ต้องกว้าง ไอ้ที่แคบๆสุดโต่งมันเหมือนพายเรือในอ่าง

 

ปลอมก็ช่าง ไม่ปลอมก็ช่าง (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ตั้งแต่เริ่มต้น ท่ามกลาง และท้ายสุด ก็ช่าง ช่างแล้วช่างอีก ช่างแล้วช่างอีก จนไม่มีอะไรจะช่าง มันพอดีแล้ว พอดีแล้ว

 

สงสารคนตั้งกระทู้..และวิทยากร..แน่จริงก็ประกาศเลยซิใครของปลอม...เวลาตายอาจจะไปเจออเวจีมหานรกปลอมก็ได้...อย่าเอานรกมาใส่ตัว...สิงที่ตาเนื้อเรามองไม่เห็นมีอีกเยอะ...

 

จากที่ได้อ่าน และพิจารณาแล้ว ผมคิดว่า บางประการเป็นการด่วนสรุปเกินไป โดยขาดการไตร่ตรอง หรือรู้จริง ดังบางข้อที่ว่า "อรหันต์ปลอม" ท่านจะเอาอะไรมาพิสูจน์ชัด ว่า บรรลุแล้ว ท่านจะไม่แสดงอาการต่างๆ นานา ตามที่ท่านกล่าวมา แม้เป็นอรหันต์ ท่านระงับแล้วซึ่งกิเลสตัณหา เป็นข้าวสารข้าวสุกที่ปลูกไม่ขึ้นอีกแล้ว แต่ข้าวก็ยังเป็นข้าว อยู่ในวิถีโลก ท่านอาจแสดงอาการใด ๆ ก็ได้ ไม่ผิดแปลกอะไร หากด่วนสรุปเกินไป เกรงว่า ถ้าหลายคนได้มาอ่านเอกสารนี้ แล้วนำไปวิเคราะห์ตัดสินใจเอง หรือนำไปเปรียบกับพฤติกรรมของพระอริยสงฆ์บางรูปบางองค์ แล้วเกิดเห็นพ้องกับผู้เขียน จนทำให้ศรัทธาลดลง รวมไปถึง การปรามาสโดยไม่รู้ตัว ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าจริง ๆ คนที่จะรับบาปนี้ไปคือทั้งคนเชื่ออย่างนั้น และคนที่บอกให้เขาเชื่ออย่างนั้น โปรดระวัง และใช้วิจารณญาณให้จงหนัก......

 

ในขาวมีดำ ในดำมีขาว

ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี

ผู้มีปัญญาพึงนำสิ่งดีมาปฏิบัติ

ผู้ด่อยปัญญาพึงเลือกวิจารณ์ในสิ่งที่เห็นไม่ตรงกับตน โดยไม่สนสิ่งดีที่มีอยู่

สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส สิ่งนั้นเป็นความจริงเสมอ ไม่มีผิดเพี้ยนเลย

 

จะเป็นอะไรที่ จริง หรือปลอม ไม่ใช่สาระสำคัญ ก็แค่ กระทู้ ในโลกนี้มีอะไรที่เป็นของแท้บ้างครับ ล้วนมีแต่สิ่งสมมุติ พระพุทธเจ้าท่านบอกให้ไม่ติดในสิ่งที่เป็นสมมุติ อ่านแล้วจิตท่านขุ่นมัวหรือเปล่า..เป็นอย่างไร..
(พุทธแท้ไม่กลัว กลัวพุทธ...ไม่แท้)

 

ขออนุญาติแชร์ประสบการณ์ครับ ผมว่าเราอย่าไปดูเลยว่าใครเป็นพระอรหันต์หรือไม่เป็น มาดูตัวเราเองดีกว่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง ว่าตอนนี้จิตเราเป็นอะไร เป็นสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ หรือเทวดา เราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าใครคือพระอรหันต์ตราบที่เรายังไม่ใช่พระอรหันต์ครับ พระอาจารย์ผมสอนมาแบบนี้ ไม่ให้ตามหาว่าพระรูปใดเป็นหรือไม่เป็นพระอรหันต์ แต่ให้ตามดูจิตของเรามากกว่า เพราะการที่เราปรามาสพระสงฆ์ผิดๆหากเป็นพระอรหันต์ยิ่งแล้ว อันนั้นจะเป็นบาปมากครับ

 

..1. พระพุทธเจ้าปลอม 6. ร่างทรงปลอม
2. พระธรรมปลอม 7. เครื่องรางของขลังปลอม
3. พระอรหันต์ปลอม 8. ปรากฏการณ์ลี้ลับปลอม
4. ผู้วิเศษปลอม 9. อาจารย์พลังจิตปลอม
5. พระภิกษุปลอม 10. สื่อโฆษณากระบวนการหลอกลวง
topitap พูดถูกครับ แก่นศาสนาไม่ได้อยู่ที่10 อย่างนี้ตรงนี้...มันอยู่ที่ตัวเราต่างหาก

 

คิดว่าจุดประสงค์หลักของวิทยากร คือ การเตือนสติคนไทย ที่มักให้ความสำคัญกับอะไรที่เป็นรูปธรรม มากว่า นามธรรม เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้า ยังสอนในกาลามสูตร และยังสอนว่าเมื่อพระองค์สิ้นแล้ว ให้ยึดพระธรรม เป็นสิ่งแทนพระองค์ ให้ยึดเอาคำสอนและการปฏิบัติ มากกว่าการยึดในตัวบุคคล ให้ยึดบุคคลเป็นแบบอย่างแต่ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น ให้ใช้ปัญญา มากกว่า ศรัทธา หากเอาแต่เชื่อโดยไม่ผ่านการตรึกตรอง ศาสนาเราอาจจะจบลงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอินเดีย เป็นเหยื่อของเหล่า 18 มงกุฎ กลายเป็นแหล่งอาหารชั้นยอดของเหล่ามารศาสนา

ลักษณะของคนไทย (หรืออาจเป็นลักษณะของคนทั้งโลก) ที่มักจะยึดใน บุคคล และ สิ่งของที่มองเห็นหรือจับต้องได้ มากกว่า จะให้ความสำคัญกับความดี ที่ยากจะจับต้องได้ ว่าง่ายๆเราจะให้ความสำคัญกับคนที่ช่วยด้วยเงินทองสิ่งของ ว่าเป็นคนดีกว่าคนที่ออกน้ำพักน้ำแรงทุกอย่างเพื่อช่วยเรา ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่า วิทยากรจะมีทัศนะที่คับแคบแบบแกะตำรามาทั้งดุ้นก็เถอะนะ แต่นั้นคงเป็นความรู้เท่าที่ตัววิทยากรมี หรืออาจเป็นการว่าแรงๆกับคนที่ชอบเอาไสยศาสตร์มารวมกับพุทธศาสตร์ก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้จะจบสูงขนาดไหนไสยศาสตร์ก็เจาะตลาดเข้าถึงผู้บริโภคอย่างง่ายดาย เมื่อชีวิตเจออุปสรรคเส้นทางชีวิตก็มุ่งสู่การสะเดาะเคราะห์ เชื่อเถอะว่า คนเราเสียเงินดูดวงง่ายกว่าจะเสียเงินทำบุญด้วยซ้ำ ดูดวง 199 ไม่เสียดาย ทำบุญ 20 บาทยังต้องคิดใหม่อีกทีเลย เชื่อถือโชคลางมากกว่าจะเชื่อในอำนาจของพระพุทธคุณ สิ่งนี้สามารถบ่งบอกว่าคนยุคปัจจุบันมีจิตใจอ่อนแอต่อกิเลสมากขนาดไหน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมความสุขของคนในประเทศมีน้อยลง

 

ท่านรู้ได้อย่างไร

3. พระอรหันต์ปลอม : วิทยากรบรรยายว่า มีหลวงปู่ หลวงตามากหน้า
หลายตา อวดอ้างว่าบรรลุธรรมชั้นสูง ตัดกิเลสให้ขาดสะบั้นหั่นแหลกแล้ว หรือ บรรลุ
โลกุตรธรรมแล้ว วิทยากรแนะผู้ฟังว่า ให้สังเกตว่า หลวงปู่ หลวงตาเหล่านั้น มีอาการ
อย่างใด อย่างหนึ่ง ต่อไปนี้ ปรากฏหรือไม่
“หัวเราะ เมื่อดีใจ / โสมนัส เมื่อชอบใจ/หรือร้องไห้เพราะเสียใจ ผิดหวัง หรือ
โทมนัส/มีอารมณ์โกรธหรือมีโทสะ / มีความวิตกกังวล/มีความกลัวปัญหา/ กลัวสัตว์ร้าย/
กลัวตาย/มีอาการสะดุ้งเมื่อตกใจ/ยังมีการฝันเวลาหลับนอน/ยังมีผรุสวาจา มีการด่าว่าลูกศิษย์ ฯลฯ”
วิทยากรผู้บรรยาย ฟันธงว่า บรรดาหลวงปู่ หลวงตาเหล่านี้ ไม่มีใคร
บรรลุโลกุตรธรรม ไม่มีใครเป็นพระอรหันต์แน่นอน ล้วนแต่เป็นอรหันต์ปลอม
ทั้งนั้น เนื่องจากพระไตรปิฎก บัญญัติว่า พระอรหันต์จะไม่มีอารมณ์เหล่านี้ (ซึ่งเรื่องนี้
ผู้เขียนเห็นด้วย ถ้ากิเลสอย่างหยาบยังละมิได้ สังโยชน์ 10 อย่างละเอียด จะละได้
อย่างไร ซึ่งผู้เขียนเคยเขียนอธิบายในสารชมรมฯฉบับก่อน ๆ มาแล้วสัตว์ร้าย/
กลัวตาย/มีอาการสะดุ้งเมื่อตกใจ/ยังมีการฝันเวลาหลับนอน/ยังมีผรุสวาจา มีการด่าว่าลูกศิษย์ ฯลฯ”
วิทยากรผู้บรรยาย ฟันธงว่า บรรดาหลวงปู่ หลวงตาเหล่านี้ ไม่มีใคร
บรรลุโลกุตรธรรม ไม่มีใครเป็นพระอรหันต์แน่นอน ล้วนแต่เป็นอรหันต์ปลอม
ทั้งนั้น เนื่องจากพระไตรปิฎก บัญญัติว่า พระอรหันต์จะไม่มีอารมณ์เหล่านี้ (ซึ่งเรื่องนี้
ผู้เขียนเห็นด้วย ถ้ากิเลสอย่างหยาบยังละมิได้ สังโยชน์ 10 อย่างละเอียด จะละได้
อย่างไร ซึ่งผู้เขียนเคยเขียนอธิบายในสารชมรมฯฉบับก่อน ๆ มาแล้ว




ผมไม่เห็นด้วยกับ วิทยากรท่านนี้ แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าพระที่ท่านกล่าวถึงว่าเป็นพระอรหันต์ปลอม ผมไม่เคยเห็นท่านเหล่านั้นอ้างว่าเป็นพระอรหันต์ ยกตัวอย่าง หลวงพ่อพุทธ ท่านก็สอนพวกผมนั้งสมาธิหลวงพ่อท่านก็ไม่ได้บอกว่าหลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ แต่ทำไมมีคนสัจธาท่าน และทำไมอัฐิของพระที่ท่านกล่าว ว่าเป็นพระอรหันต์ปลอมจริงกลายเป็นอํฐิธาตุครับ

เรื่องบั้งไฟพญานาคปลอม ท่านวิทยากรที่กล่าวหาว่าฝั่งประเทศลาวยิงปีนอาก้าท่านเห็นด้วยตาตัวเองหรือเปล่า ส่วนผมใด้คุยกับคนที่ไปดูบั้งไฟด้วยตนเองเมื่อหลายสิบ ที่แลกท่านก็ไม่เชื่อ แต่ท่านก็เห็นด้วยท่านเอง ท่านไม่ใช้คนหนองคาย แต่ท่านไปเป็นเขลยที่นั้น ท่านเป็นปู่ผมเอง