ฤทธิเดชปาฏิหาริย์เป็นไปได้จริง

<TABLE class=alt1 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

ฤทธิเดชปาฏิหาริย์เป็นไปได้จริง

ปัญหา พระพุทธเจ้าทรงรังรองไว้จริงหรือว่า เรื่องของฤทธิเดชปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริง ?

พุทธดำรัสตอบ “ภิกษุเมื่อเจริญ เพิ่มพูนซึ่งอิทธิบาท ๔ อย่างนี้ย่อมแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ คนเดียวเป็นลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ทำให้ปรากฏขึ้นมาก็ได้ ทำให้หายไปก็ได้ ทะลุผ่านฝาผนัง กำแพงภูเขาไปได้โดยไม่ติดขัดเหมือนไปในที่ว่างก็ได้ ผุดขึ้นดำลงใต้แผ่นดินเหมือนในน้ำก็ได้ เดินบนน้ำ ไม่ทำให้น้ำแยกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้ เหาะไปในอากาศเหมือนนกก็ได้ ลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์ ซึ่งมีฤทธิ์มีอานุภาพมากอย่างนี้ด้วยฝ่ามือก็ได้ ให้พลังทางกายไปจนถึงพรหมโลกก็ได้... ย่อมได้ยินเสียง ๒ ชนิด คือ เสียงทิพย์ และเสียงมนุษย์ ทั้งอยู่ใกล้และไกล ด้วยโสตธาตุ อันเป็นทิพย์อันบริสุทธิ์ เหนือโสตของมนุษย์ธรรมดา... ย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น คนอื่นด้วยใจ คือ จิตมีราคา.... โทสะ... โมหะ... ก็รู้ว่าจิตมีราคา.... โทสะ... โมหะ... จิตไม่มีมีราคา.... โทสะ... โมหะ... ก็รู้ว่าจิตมีราคา.... โทสะ... โมหะ...”

ปุพพสูตร มหา. สํ. (๑๑๔๑-๑๑๔๒ )
ตบ. ๑๙ : ๓๔๐-๓๔๑ ตท. ๑๙ : ๓๑๘
ตอ. K.S. ๕ : ๒๓๖-๒๓๗

 

........ขออนุโมทนาสาธุครับ มันมีจริงครับ และมีมาก่อนศาสนาพุทธ ไม่ใช่เพิ่งมี....

 

ขอบุญบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยะทุกพระองค์ พระโพธิสัตย์ทุกพระองค์โดยมีบุญบารมีของหลวงปู่ดู่และหลวงปู่ทวดเป็นที่สุดช่วยดลบันดาลให้จิตข้าพเจ้าฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีของผู้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่โพส ฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีผู้โพสกระทู้ ฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีผู้อ่านกระทู้ และฝากกระแสจิตไว้กับบุญบารมีของผู้ตอบกระทู้ ข้าพเจ้าอยากมีส่วนร่วมกับบุญบารมีของพวกท่านทั้งบุญบารมีในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง ปัจจะโยโหตุ

 

อานิสงส์สติปัฏฐาน ๔

ปัญหา การเจริญสติปัฏฐาน ๔ มีอานิสงส์อย่างไรบ้าง ?

พระอนุรุทธะตอบ “ ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย เราย่อมแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ ฯลฯ ใช้พลังทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้... เราย่อมได้ยินเสียง ๒ ชนิด คือ เสียงทิพย์และเสียงมนุษย์ ทั้งที่อยู่ไกลและใกล้ ด้วยทิพยโสตอันบริสุทธิ์ล่วงโสตของมนุษย์.... เราย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นด้วยใจ.. เราย่อมรู้ฐานะที่เป็นไปได้ว่าเป็นไปได้และฐานะที่เป็นไปไม่ได้ว่าเป็นไปไม่ได้ ตามความเป็นจริง... เราย่อมรู้วิบากของการกระทำกรรม ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน โดยฐานะ โดยเหตุตามความเป็นจริง.... เราย่อมรู้จักปฏิปทาอันให้ถึงประโยชน์ทั้งปวงตามความเป็นจริง... เราย่อมรู้โลกที่มีธาตุต่าง ๆ มากมาย ตามความเป็นจริง..เราย่อมรู้อุปนิสัยต่าง ๆ ของสัตว์ทั้งหลาย ตามความเป็นจริง...เราย่อมรู้ความยิ่งและความหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์อื่น คนอื่น ตามความเป็นจริง... เราย่อมรู้ความเศร้าหมอง ความบริสุทธิ์ และการเข้าออกแห่งฌาน วิโมกข์ สมาธิ และสมาบัติ ตามความเป็นจริง...เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก เราย่อมเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติและกำลังอุบัติ.... เราย่อมกระทำให้แจ้ง ซึ่งเจโตวิมุติปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้...เพราะได้เจริญ ได้พอกพูนซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้...."

อิทธิสูตร มหา. สํ. (๑๒๘๗-๑๒๙๙ )
ตบ. ๑๙ : ๓๘๘-๓๙๐ ตท. ๑๙ : ๓๕๖-๓๕๙
ตอ. K.S. ๕ : ๒๖๙-๒๗๑

 

ถ้าตอนนี้มีจริงออกมาเหาะให้ดูหน่อยเด่ะ.....ถ้าเป็นพระห้ามแสดงให้คนดูไม่เป็นไรแล้วคนธรรมดาล่ะมีหรือเปล่าสงสัยมานานแล้วถ้ามีจริงคงออกทีวีไปแล้ว...

 

คุณเด็กสามขวบครับ ท่านไม่เชื่อก้อไม่เปนไรครับ ยังมีอีกหลายๆท่านที่เค้าเชื่อนะครับ แล้วก้ออีกอย่างหนึ่งคือ ฤทธิ์นี่ไม่ใช่ว่าได้กันง่ายๆนะครับ เพราะงั้นคนที่ได้ของพวกนี้มาก้อมีน้อย ถ้าจะหากันจริงๆนี่ปฏิบัติเองเลยดีกว่าครับ

 

ทิพยจักษุมีได้จริง

ปัญหา ตามพุทธประวัติกล่าวว่า พระปัญจวัคคีย์ทั้งห้า ได้ทอดทิ้งพระสมณศากยมุนีหนีไปก่อนที่พระองค์จะได้ตรัสรู้แล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จไปโปรดพระปัญจวัคคีย์ ซึ่งอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ซึ่งเป็นระยะทางไกลมาก พระองค์ทรงทราบได้อย่างไรว่า พระปัญจวัคคีย์อยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน และเสด็จไปโปรดถูกที่ ?

พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ... เราจึงคิดว่า เราจะแสดงธรรมเป็นครั้งแรกแก่ใครหนอ ใครจักทราบชัดธรรมนี้ได้โดยเร็ว เราจึงคิดว่า ภิกษุปัญจวัคคีย์ได้อุปัฎฐากเราผู้กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ เป็นผู้มีอุปการะแก่เรามากนัก ถ้าไฉน เราพึงแสดงธรรมเป็นครั้งแรกแก่พวกเธอ เราจึงคิดว่า บัดนี้ภิกษุปัญจวัคคีย์อยู่ที่ไหนหนอ เราก็รู้ได้ว่า ภิกษุปัญจวัคคีย์ อยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสีด้วยทิพยจักษุที่บริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ครั้นเราอยู่ที่ตำบลอุรุเวลาพอสมควรแล้ว จึงได้ออกจาริกไปเมืองพาราณสี.... ฯ

ปาสราสิสูตร มู. ม. (๓๒๔)
ตบ. ๑๒ : ๓๒๘ ตท.๑๒ : ๒๖๙
ตอ. MLS. I : ๒๑๔.

 

....ปาฏิหาริย์ ตามหลักพระพุทธศาสนามี 3 ประการ คือ..........

1) อิทธิปาฏิหาริย์ การแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์
2) อาเทสนาปาฏิหาริย์ การดักใจถูกต้องได้อย่างน่าอัศจรรย์
3) อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คำสั่งสอนที่น่าอัศจรรย์ โดยมีเหตุผลพร้อมมูลและปฏิบัติได้ผลจริง ๆ
วิชชา 8 ประการ คือ

1) อิทธิวิธีญาณ รู้จักฉลาดในวิธีทำฤทธิ์
2) มโนมยิทธิ ฤทธิ์สำเร็จด้วยใจ
3) ทิพยโสตญาณ หูทิพย์
4) เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่น
5) บุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
6) ทิพยจักขุญาณ ตาทิพย์
7) จุตูปปาตญาณ รู้การจุติและอุปบัติ ตลอดถึงการได้ดีตกยากของสัตว์ตามกำลังกรรม
8) อาสวักขยญาณ รู้จักอาสวะให้สิ้นไป ข้อ 1-3-4-5-6 และ 8 เป็นอภิญญา เรียกกันว่า อภิญญา 6 ถ้าขาดข้อ 8 ไป ก็เป็นโลกียอภิญญา ยังสามารถมีได้เสื่อมได้ ไม่เที่ยง แต่ถ้ามีข้อ 8 ก็เป็นโลกุตรอภิญญา เป็นหลักประกันว่าจะไม่เสื่อมอีกต่อไป.....โมทนาสาธุครับ...
แต่สิ่งเหล่านี้..ไม่สามารถดับทุกข์ถาวรได้

...

 

ตราบใดที่ท่านยังคิดว่า**ท่านฉลาด**ผลมันจะออกมาตรงข้ามทันทีครับ

 

เชื่อว่ามีแต่คงมีแต่พระและคนที่ไม่มีกิเลสแล้วเพราะถ้าคนธรรมดามีมันออกมาเหาะให้ดูแล้วจะไปฝึกเองก็เบื่อ....5555

 

ชื่อก็บอกแล้วว่า เด็ก 3 ขวบ ย่อมโง่เขลา เบาปัญญา ไม่รู้ว่าธัมมะมีกี่ขั้นกี่ระดับ พระพุทธเจ้าต้องผ่านกี่ระดับจึงจะบรรลุพระโพธิญาณ ฤทธิเดชปาฏิหารย์มี แต่ไม่อาจทำให้บรรลุนิพพานได้ พระพุทธเจ้าไม่ส่งเสริม ว่างมากให้ที่บ้านสั่งสอนบ้างนะ อย่าเอาแต่เ่ล่นเกมส์คอมพิวเตอร์หรือโหลดหนังโป๊ดู

 

เท่าที่นับได้จากกระทู้นี้ วิธี(ธรรม)ที่จะทำให้เกิดฤทธิ์ได้ มี
1 การเจริญอิทธิบาท 4
2 การเจริญสติปัฏฐาน 4
3 มโนมยิทธิ

 

คุณสามขวบครับ ผมเชื่อตามท่านชัยครับ ส่วนท่านแล้วแต่บารมีนะครับ อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ

 

ฝึกสิครับคุณ อย่างเร็ว 7 วัน อย่างช้า 7 ปี เมื่อคุณเจอเองเห็นเอง คุณจะไม่สงสัย จะให้ผมเหาะให้คุณดู ถึงเหาะได้คุณก็บอกว่าเล่นมายากล ทำเองสิครับแล้วจะรู้เอง (ผมยกตัวอย่างนะ)

 

ขอเสริมด้วยนะคะ

จากหนังสือ อนุสาสนีย์ปาฏิหารย์ หลวงพ่อจรัญ ฐิตตธัมโม หน้า 44
สมาธิ มีความสำคัญ 3 ประการ
1. สมาธิ ทำให้จิตแน่วแน่ เกิดพลังซึ่งจะนำไปใช้ในเรื่องของฤทธิ์เรื่องของปาฏิหารย์ เป็นพลังจิตอย่างหนึ่ง
2. สมาธิ ทำให้จิตใส ทำให้มองเห็นอะไรชัดเจน เกื้อกูลต่อการใช้ปัญญา
3. สมาธิ ทำให้จิตสงบ ทำให้เกิความสุข สมาธิอันนี้เพื่อจิตใสใจสะอาดเพื่อขยายปัญญาไปสู่วิปัสสนาได้ ฯ

สมาธิทั่วไป ขอเจริญพรว่า โยคี ฤาษี ชีไพร สำเร็จญาณสมาบัติ ก็ใช้สมาธิเหาะเหินเดินอากาศได้ ก็ใช้สมาธิไสยศาสตร์ เพื่อการฆ่ารันฟันแทง ก็ใช้สมาธิ ใช้สมาธิทั้งนั้น แต่มันไม่เชื่อมโยงด้วยปัญญา
และจากหน้า 104 - 105 หนังสือ อนุสาสนีย์ปาฏิหารย์
คำสอนของพระพุทธเจ้า มีอยู่ แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ อยู่ในพระไตรปิฏก แยกเป็นพระวินัยปิฏก พระสุตตันตปิฏก พระอภิธรรมปิฏก รวมสรุปเหลือ สาม คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อลงมาเหลือสอง คือ สติ กับ สัมปชัญญะ สรุปเหลือหนึ่ง คือ ความไม่ประมาท ฯ
ศีล คือ สำรวม กายวาจาให้เป็นปกติ อย่าให้พลาด อย่าให้พลั้ง อย่าให้ประมาท คือ มีสติ ศึล คือ สถาปนิก ออกรูปแบบ พื้นฐานให้คนชอบ
สมาธิ คือ ความรู้จริง รู้ซึ้ง รู้ตื้นลึกหนาบาง อ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น คือ รู้หนอ สมาธิ คือ วิศวกร รู้วาระจิตของคนในฐานะเช่นไร ควรปฏิบัติกับเขาอย่างไร รู้จักกาลเทศะ รู้จักบุญ รู้จักบาป รู้จักคุณ รู้จักโทษ รู้จักสิ่งที่เป็นประโยชน์ และไม่เป็นประโยชน์
ปัญญา คือ ระวัง อย่าประมาท อาจองต่อสงครามชีวิต คือ ความไม่ประมาท
ปัญญา คือ นายช่าง คือ ลงมือทำทันที มิได้รอรีแต่ประการใด ถ้าใครเป็นทั้งสถาปนิก วิศวกร และนายช่าง แล้ว รับรองคนนั้นเอาตัวรอดปลอดภัยในอนาคต ฯ

 

ฤทธิ์จากการกระทำหรือฝึกขึ้นด้วยวิธีใดๆหลายๆอย่างผมยังไม่เคยประสบด้วยตนเอง

แต่ฤทธิ์จากการอธิษฐานมีจริงๆ สำหรับตัวผมเองเจอมากับตัวเอง ซ้ำๆๆๆ จนรู้สึกว่าธรรมดา

ถ้าเรารู้ว่าตอนไหน เวลาไหน ช่วงไหนที่เรามีกำลังใจ เราทำได้ มันจะไม่ต้องคิดมากเลย

ไม่ต้องจุกจิกพิธีรีตรอง วันไหนกำลังใจดีถ้าเราต้องการอธิษฐานก็จะทำได้เลย

วันไหนกำลังใจไม่ดี จิตใจไม่สงบ มีความว้าวุ่นกังวล เราก็จะรู้ของเรา


คำว่าวาจาสิทธิ์ผมเองก็เชื่อว่ามีจริงๆ คนใกล้ตัวถึงกับห้ามพูดมากมาแล้ว

หลายคนอาจสงสัยว่า คนเราจะพูดให้คนอื่นเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ไปได้อย่างไร

ถ้ามีเรื่องเวรกรรมจริง จะไปฝืนกรรมคนอื่นได้อย่างไร

จริงๆสำหรับผมคิดว่าเรื่องที่เกิดกับตัวเองไม่ใช่ไปฝืนคนอื่น แต่คงเป็นกรรมที่กำหนดมาอย่างนี้ ให้เราต้องพูด ให้เขาต้องเป็นไป

สำหรับผมฤทธิ์ทางใจ ฤทธิ์ด้วยแรงอธิษฐานเป็นเรื่องมหัศจรรย์ในชีวิตยิ่งนัก

การจะเล่าหรือพิสูจน์ให้ใครเข้าใจ เขาคงเห็นเป็นเรื่องตลกเป็นมายากลอย่างที่หลายคนบอก

เพราะเข้าใจดีกว่าปัจจุบันทั้งวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีแทรกซึมเข้าไปในรู้สึกของคนยุคปัจจุบัน คงจะเป็นการยากที่จะน้อมมาเข้าสู่เรื่องเหนือธรรมชาติเช่นนี้

แต่ถ้าคิดดูให้ดี อยากให้ทุกคนเปิดใจเพียงนิดเดียวเท่านั้น แล้วคิดดูว่า

คนสมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันจริงๆหรือ คนสมัยก่อนก็พบเจอเรื่องแบบนี้ แล้วทำไมสมัยนี้จะพบเจอไม่ได้ ก็คนเหมือนกัน มีเลือดเนื้อ มีจิตใจ ไม่ต่างกัน

ไม่อยากให้คนยุคนี้แบ่งกาลแบ่งสมัย และไม่เข้าใจไปว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเฉพาะสมัยพุทธกาล จริงๆแล้วเกิดขึ้นได้ทุกยุคทกสมัย อยู่ที่จิตของเราเข้าถึงและเข้าใจหรือไม่ แค่นั้นเอง

สำหรับผมอิทธิปาฏิหาริย์ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน การจะเข้าถึงต้องมีความตั้งใจที่ละเอียดอ่อนเช่นกัน

 

อนุโมทนาครับ ผมเชื่อมั่นว่าอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์มีจริงครับ สาธุ

 

ระลึกชาตินี้สำคัญที่สุด พระพุทธเจ้าทรงต้องระลึกชาติได้ทุกพระองค์ (45 คน กำลังดูอยู่)
tanmaashee

 

คุณเองก็มีฤทธิ์อยู่แล้วนี่ครับ จะไปท้าคนอื่นเขาทำไมละครับ สู้แสดงเองไม่ดีกว่าหรือครับธรรมของพระพุทธเจ้ามีไว้ให้ปฏิบัติครับ จับต้องได้จริง ไม่ได้มีไว้ให้ใครสะใจ หรือสนองความอยากให้ใครเห็น อย่าพึ่งเชื่อก็ได้ครับ ลองทำจริงๆดูสิ ไม่มีเสียหรอก มีแต่ได้กับได้
สำคัญที่ปฏิบัติให้ถูกทางก็แล้วกันครับ

 

ของดีไม่ได้มีไว้โชว์ อยากรู้ว่ามีจริงหรือไม่ ลองปฏิบัติด้วยตนเองดูครับ หรือไม่รองมาจ้องตา ผมก็ได้ ถ้าจ้องตาผมแล้วคุณจะรู้สึกกลัวเลยละ (ว่าไปนั้น)
เอาเป็นว่า จริงไม่จริง ก็ต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง