ทุกคนคือ "เมสิอาร์" อยู่แล้ว อย่ารอเมสิอาร์หุ่นเชิดที่ถูกปั้นแต่งขึ้นจากพลังงานเก่า

ลูกเอ๋ย... เมื่อลูกสามารถยกระดับจิตขึ้นได้ในระดับของจิตจักรวาลแล้วลูกจะพบความจริงหนึ่งว่า "สรรพจิตทั้งหลายล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน" ซึ่งก็แน่นอนที่สุดว่า "ลูกคือหนึ่งเดียวกับจิตจักรวาล" และเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระบุตรของจักรวาลด้วยหรือพระเมสิอาร์ที่ลูกกำลังรอคอยอยู่นั่นเองลูกอย่าหลงเชื่อเหล่าพลังงานเก่าที่จะหลอกลวงลูกให้ลูกยอมรับหุ่นเชิดที่พวกเขาปั้นแต่งขึ้น เพื่อครอบครองอำนาจในโลกนี้ พวกเขาได้รับการสื่อสารจากจักรวาลแต่ยังคงคิดเดิมๆ และทำสิ่งเดิม ไม่ต่างจากยุคที่เขาได้กระทำกับพระเยซู พระบุตรของจักรวาลนั้น และจะทำให้ลูกลุ่มหลงรอคอยแต่ "หุ่นเชิด" ที่เขาปั้นแต่งขึ้นเพื่อหนุนให้พวกเขามีอำนาจ ดังนี้ลูกจงเชื่อในจิตจักรวาล ในสิ่งศักดิสิทธิ์, ในพระเจ้า, ในพระพุทธเจ้าถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา ที่ไม่อาจแยกออกเป็นตัวใครของใครได้นั่นหมายถึง "ลูกคือพระเมสิอาร์ด้วยองค์หนึ่ง" ที่จะลงมาชำระล้างและช่วยเหลือปวงสรรพสัตว์ในยุคที่สับสนและวุ่นวายนี้ และนี่คือ ความจริงไม่ใช่การโกหกหรือหลอกลวงให้ดีใจแต่อย่างใด เพราะเมื่อลูกยกระดับจิต จนถึงระดับจักรวาลแล้ว ลูกจะสัมผัสได้ถึง "ความเป็นหนึ่งเดียวกันของสรรพจิต" ทันที และนั่นแหละ ลูกจึงมั่นใจได้ว่า "ลูกก็คือเมสิอาร์" อีกองค์หนึ่งด้วยเช่นกัน จงเชื่อในหัวใจที่งดงามของลูก อย่าให้พลังที่มืดมิด อันเป็นพลังงานเก่าครอบงำลูกไปนอกทางได้

 

แนวนี้เรียกว่า พวก "หลุด" วงโครจรไปแล้วแนวนี้คงไม่และไม่ทุกข์เป็นอะไรที่นิ่งๆ ไม่ขยับประมาณนั้นใช้ไหมครับ จขกท

 

เดี๋ยวนีมีศัพท์ใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะแยะเลยหน่ะ ห้องนี้

 

ลูกเอ๋ย... ภายใต้แนวคิดของพลังงานใหม่ คือ The whole is one. หรือทั้งมวลล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน เราจึงไม่มีระบบ One man show อีกต่อไป ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดของพลังงานเก่า ที่นิยมยกย่องบุคคลใดบุคคลหนึ่งขึ้นมาเป็นตัวเอก เป็นพระเอก เป็นตัวสำคัญ เพื่อให้คนทั้งหลายลุ่มหลง และยึดเกาะ อันจะนำไปสู่การครอบงำและการทำให้คนทั้งหลายอ่อนแอลง นะลูกนะ ระบบเก่าของพลังงานเก่านั้น ใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่อีกต่อไป ในระบบใหม่นี้ ได้รับการปรับเปลี่ยนจากจักรวาลให้เป็น Mesiah is everything. Everything is Mesiah, so you are Mesiah too. ลูกก็คือ เมสิอาร์เช่นกัน เราล้วนได้รับการปรับเปลี่ยนจากพลังจักรวาลใหม่ในระบบใหม่นี้ ไม่ใช่ระบบฮีโร่ขี่ม้าขาวคนเดียวที่จะจัดการได้ทุกสิ่ง อีกต่อไป แต่เป็นระบบ "ทุกคนพร้อมก้าวไปด้วยกัน" เพราะเราล้วน "เป็นหนึ่งเดียวกันมาแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว" นั่นเอง ดังนั้น ลูกจึงไม่ต้องรอเมสิอาร์ เพราะลูกคือเมสิอาร์อยู่แล้ว และพร้อมที่จะได้รับพลังจากจักรวาลที่จะปรับเปลี่ยนโลกเข้าสู่ยุคใหม่อยู่แล้ว จงอย่าเชื่อพลังงานเก่าที่กำลังปั้นแต่งเมสิอาร์หุ่นเชิดขึ้นมาเพื่อครอบงำลูกและทำให้ลูกอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะการรอคอยให้ฮีโร่คนหนึ่งมาช่วยลูก "ลูกจงเชื่อในพลังของลูกเอง" ว่าลูกก็สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ดุจตัวแทนของจักรวาลนี้ โดยอาญาสิทธิ์ อาญาธรรม โดยชอบธรรม นะลูกนะ และนี่คือ "ประชาธิปไตยที่แท้จริงจากจักรวาล" ที่แม้แต่ฝ่ายพลังงานเก่าที่คิดว่าตนเองเป็นต้นกำเนิดประชาธิปไตย ยังไม่มี เพราะนี่คือ "โอกาสพิเศษสำหรับประเทศของลูกนี้โดยเฉพาะ" นะลูกนะ

 

เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ยกตัวอย่างอย่างนี้นะลูกนะ สมมุติลูกใช้ดินเหนียวปั้นพระ ดินเหนียวทุกก้อน สามารถกลายเป็นพระได้ใช่ไหม (ถ้าปั้นสำเร็จ) ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นดินเหนียวก้อนใดก้อนหนึ่ง เท่านั้น และนี่คือ สิ่งที่จักรวาลกำลังจะทำต่อลูกทั้งหลาย ให้กลายเป็น "เมสิอาร์" ผู้ปลดปล่อยและชำระล้าง เพื่อฉุดช่วยปวงสรรพสัตว์ต่อไป ดังนั้น ลูกทุกคนจึงเป็นเมสิอาร์ได้ เมื่อผ่านกระบวนการของจักรวาลแล้ว นั่นเอง ลูกที่ยังไม่ผ่าน ก็จะยังคงเป็นดินเหนียวที่เกาะเกี่ยวอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อยู่ตามเดิม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเขาจะหมดโอกาสนะ เพราะวันหนึ่งวันใดข้างหน้า ดินเหนียวก้อนต่อๆ ไปก็จะถูกปั้นให้กลายเป็นพระได้ทั้งหมดทั้งสิ้น ดังนั้น อย่างแรกที่ต้องแจ้งแก่ลูกเพื่อไม่ให้ลูกกลายเป็นดินเหนียวที่เกาะเกี่ยวและยึดมั่นกับพลังงานเก่า กับสิ่งเก่า กับความคิดเดิมๆ มากเกินไป จึงต้องแจ้งข่าวดีนี้แก่ลูกทุกคน นั่นคือ "ลูกทุกคนล้วนเป็นเมสิอาร์" นั่นเอง นี่คือ สิ่งที่จักรวาลจะทำต่อลูกทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน อย่างยุติธรรมที่สุด ที่เหลือ คือ "หน้าที่ของลูกเอง" ว่าจะสามารถพัฒนาตนเอง พัฒนาจิตวิญญาณภายในของตนได้มากขนาดไหน เท่านั้น และความจริงก็เป็นเช่นนี้ เพราะจักรวาลมีความรักที่เท่าเทียมและยุติธรรมให้กับลูกทุกคน ยื่นถึงมือลูกแล้ว รอแต่ลูกเปิดรับมันก็เท่านั้นเอง ดังนั้น จึงไม่มีระบบที่ "เลือกที่รักมักที่ชัง" หรือรักใครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษอย่างนั้น เพียงแต่ในยุคของพระเยซูนั้น พระองค์เป็นเพียงผู้เดียวที่สอบผ่านจากจักรวาล แต่ในยุคใหม่นี้ เราจะเปิดโอกาสให้ทุกคนอีกครั้ง และหวังอย่างยิ่งว่า "ทุกคนจะสามารถสอบผ่านจากจักรวาลได้" ไม่ยากเกินไป นะลูกนะ

 

อย่าเชื่อพลังงานเก่า ที่กักขังลูกให้เป็นเด็กที่อ่อนแออีกต่อไป พวกเขาจะครอบงำลูกว่า "จงศรัทธาเราผู้เดียว" บ้าง "เราคือพระบุตรเพียงองค์เดียว" บ้าง "เราคือพระโพธิสัตว์องค์เดียวเท่านั้น ไม่มีองค์อื่น" บ้าง แนวคิดเหล่านี้เป็นพลังงานเก่านะลูกนะ ยังขับออกไม่หมด เป็นแนวคิด "ยึดรวบอำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง" หรือ "เผด็จการแบบสวมหัวโขน" จะเล่าให้ลูกฟังเพื่อเปิดหูเปิดตาอย่างนี้ สมมุติมีพระราชาคนหนึ่ง เขาอยากฆ่าล้างโคตรของศรัตรูมานานแล้ว จึงเอาภรรยาของตนที่งามมากไปเป็นเครื่องมือ แกล้งนอนหลับ ปล่อยให้ศรัตรูลักตัวไป แล้วจึงเอาเป็นข้ออ้าง ฆ่าล้างโคตรฝ่ายตรงข้าม เพียงแค่เรื่อง "ภรรยาคนเดียวลูกลักพาไป" เท่านั้น เขาถึงกับ "ฆ่าล้างโคตร" ฝ่ายตรงข้ามได้ โหดไหมลูก นอกจากนี้ ทาสที่ซื่อสัตย์มารับใช้ข้างกาย พอสืบรู้ว่าเป็น "เชื้อชาติศัตรู" ก็แกล้งยิงศรออกไป ย้อนกลับมาฆ่าเสีย สิ้นเชื้อ สิ้นตระกูลไป เมื่อได้ภรรยาของตนกลับมาแล้ว ก็ไม่เชื่อใจภรรยา ถึงกับต้องให้ภรรยาลุยไฟอีก แล้วก็ปั้นแต่งว่าตนเองเป็นพระเอกตลอดกาล ที่ทุกคนจะต้องบูชากราบไหว้ นี่ไม่ผิดอะไรนะลูกนะ แต่ไม่ใช่แบบที่พลังงานใหม่จะสร้างให้ลูกเป็น แบบนี้ ไม่ควรมีแล้ว หมดยุคแล้ว แบบใหม่คือ "ถ้าเขาลักภรรยาเราไปหนึ่งคน" ก็ให้เขาไปเถิด เพื่อรักษาชีวิตคนอีกมากมาย ไม่ต้องมีสงคราม นะลูกนะ จบง่ายไหมลูก แค่นี้เอง ซึ่งในความเป็นจริง เขาอาจเอามาคืนให้ในที่สุดก็ได้ ด้วย "ขันติบารมี" ที่ลูกอดทน ข่มใจตนเองให้ไม่ทำสงครามเข่นฆ่าใคร และภรรยาของลูกก็ซื่อสัตย์ภักดีต่อลูกอยู่แล้วนั่นเอง นี่คือ ตัวอย่างที่เล่าให้ฟัง เพื่อ "เปิดหูเปิดตาลูก" ให้ลูกหลุดพ้นจากการครอบงำของพลังงานเก่าที่หลอกให้ลูกหลงใหลว่าเขาคือพระบุตรเพียงองค์เดียวที่ยึดมั่นถือมั่นได้ ซึ่งในยุคต่อไป จะไม่เป็นเช่นนี้อีกแล้วเพราะ "เราจะเดินไปด้วยกันอย่างเสมอภาคเคียงบ่าเคียงใหล่กันไป" นะลูกนะ

 

ยังมี "กลวิธี" ในการ "ปั้นแต่งหุ่นเชิด" อีกมากมาย ที่เหล่าพลังงานเก่า จะนำมาใช้ในการครอบงำลูก ให้ลูกหลงใหลและยึดมั่นถือมั่น "หุ่นเชิดตัวนั้น" ทำให้ลูกอ่อนแอ และยึดเกาะสังขารนั้นต่อไป ทั้งๆ ที่สิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลายก็บอกแก่ลูกแล้วว่า "สังขารทั้งปวง ล้วนไม่เที่ยง" ไม่มีสังขารไหน ของใคร บนโลกใบนี้ ที่ลูกจะยึดมั่นถือมั่นได้ตลอดไป และทุกสังขาร จะถูกเก็บกลับคืนสู่แม่ธาตุที่มาดั้งเดิมของตน เหล่าพลังงานเก่า ยังคงเอาสังขารเหล่านั้น เป็นเครื่องผูกมัดลูก พันธการลูก ให้ลูกยึดมั่นสังขารนั้นๆ ตลอดไป หนึ่งเดียว ไม่มีอื่น ทั้งๆ ที่สังขารทั้งปวงล้วนไม่เที่ยง ไม่อาจยึดมั่นถือมั่นได้ นะลูกนะ พวกเขายังคงหาวิธีหลากหลายที่จะครอบงำลูก ให้ลูกนิยมและยึดเกาะพวกเขา คนหนึ่งคนใดตลอดไป ไม่ละจาก ไม่เป็นอิสระจากกันได้ นี่คือ "พันธนาการที่มองไม่เห็น" นะลูกนะ ทำให้ลูกอ่อนแอลง และต้องเศร้าเสียใจเมื่อเขาจากไป โดยที่ลูกจะทำอะไรไม่ได้เลย เมื่อขาดเขา นี่คือ "วิถีของพลังงานเก่า" ซึ่งไม่ผิดอะไรนะ เป็นแบบเก่าที่กำลังจะถูกเก็บแล้วเท่านั้นเอง แบบใหม่นี้ จะไม่ให้ลูกเป็นคนอ่อนแอเช่นนั้นอีกต่อไป เพราะลูกคือผู้หนึ่งที่จะขับเคลื่อนให้โลกและจักรวาลนี้หมุนไปได้ ไม่แตกต่างกันเลยนะลูกนะ ไม่มีใครเหนือกว่าใคร ทุกคนมีหน้าที่ของตนที่แตกต่างกันไปเท่านั้นเอง ขาดใครไม่ได้เลยนะลูกนะ ทุกคนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน อย่าหลงกลพลังงานเก่าที่คอยครอบงำลูก ให้ลูกหลงลืมความสำคัญของตนเอง ลืมหน้าที่ ลืมกิจของตนเองแล้วกลายเป็นคนอ่อนแอที่ต้องร้องขอและพึ่งพาเขาอยู่ตลอดไป นะลูกนะ

 

และเพื่อให้ลูกสามารถพิสูจน์ได้ว่านี่คือข่าวสารจริงหรือเท็จ มีวิธีง่ายๆ มากนะลูกนะ คือ เมื่อลูกเลื่อนระดับจิตวิญญาณถึงระดับจักรวาลเมื่อใด ลูกจะทราบถึง "ความเป็นหนึ่งเดียวกันของสรรพจิต" ได้ไม่ยาก และสัมผัสรู้สึกได้ถึงความเป็นเมสิอาร์ของเรา ร่วมกัน ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง นี่คือ "สาธารณะสมบัติ" ที่แจกจ่ายอย่างเท่าเทียมกันทุกคนนะลูกนะ เมื่อลูกยกระดับจิตถึงจิตจักรวาลเมื่อใด ลูกจะสัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของสรรพจิตได้เมื่อนั้น ซึ่งสิ่งนี้ ลูกสามารถพิสูจน์ได้ ทำได้ด้วยตัวของลูกเอง และลูกจะทราบเองว่าข่าวสารที่แจ้งแก่ลูกนี้ เป็นจริงหรือเท็จประการใด (เมื่อลูกได้ยกระดับถึงระดับนั้นๆ) ซึ่งเป็นวิธีการง่ายๆ คล้ายการทำสมาธิทั่วไปของลูก เพียงแต่ระลึกนึกถึง "จิตจักรวาล" ที่อยู่เหนือจักรวาลขึ้นไป ค่อยๆ น้อมระลึกนึกเสมือนว่าลูก กำลังลอยตัวอยู่เหนือโลก จากโลกใบใหญ่ ลูกค่อยๆ เห็นเล็กลงไปๆ เหมือนดาวดวงหนึ่ง แล้วค่อยๆ ขยายวงเป็นระบบสุริยจักรวาลอยู่ข้างล่างตัวลูก แล้วขยายไปเรื่อยๆ จนเห็นระบบสุริยจักรวาลเล็กลงไปเรื่อยๆ อีก กลายเป็นจักรวาลอันเล็กๆ มองให้กว้างออกไปในสมาธิจิตนั้นของลูก ปลดปล่อยความยึดติดที่ลูกมีในระดับชั้นต่างๆ ออกไป ไม่ว่าจะเป็นระดับตัวบุคคล, ครอบครัว, จังหวัด, ประเทศ, โลก, ระบบสุริยจักรวาล ปลดปล่อยความยึดติดในแต่ละระดับออกไปเรื่อยๆ แล้วลูกจะค่อยๆ สัมผัสได้ถึง "จิตจักรวาล" ซึ่งอาจไม่ชัดเจนนักในช่วงแรก เพราะลูกยังใหม่อยู่ เมื่อลูกชินแล้ว ทุกอย่างจะง่ายขึ้น ราวกับเป็นบุคคลที่คุ้นชิน ใกล้ตัวคนหนึ่งของลูกทีเดียว นะลูกนะ

 

จบการสื่อสารจากพระสุริยเทพ


๑๖ มิ.ย. ๒๐๑๑
รับสื่อสารโดย "อพอลโล่"

 

สรุป the one แม่งเป็นกันได้ง่ายจังมันคิดได้หมดแบบนี้ก็ดี แต่ก็ที่รู้ๆมันน้อยมากมากจนไม่เห็น

 

สาธุ นับเป็นข่าวดีที่ทำให้มีกำลังใจ และมองเห็นอนาคตเบื้องหน้าได้ดีขึ้นครับ

 

พระเยซู คือ การทดลองหนึ่งที่สำเร็จของจักรวาล
คือผู้มีจิตบริสุทธิ์ที่ทรงขันธ์อยู่ได้โดยไม่ต้องบวช
การทดลองใดที่สำเร็จ ย่อมได้รับการขยายผลไป
ยังมนุษย์คนอื่นๆ ด้วย ในวาระโอกาสที่เหมาะสม
ดังนั้น เราจึงกล่าวแก่ท่านว่า


Everyone are Mesiah...!

 

มันกำลังครอบงำผมอยู่งั้นสิ.............ชิ ชะ

 

ดิฉันเชื่อในสิ่งที่องค์สุริยะเทพสื่อมาบอกนะคะ แต่ว่า เฮ้อ ยกระดับจิตตัวเองนี่มันช่างยากเย็นเสียจริงๆ เมื่อไหร่จะก้าวหน้านะ ไม่ชาตินี้ ก็ขอเป็นชาติหน้าละกันค่ะ อธิษฐานจิตทุกเมื่อเชื่อวัน สาธุ นะคะ ขอบคุณองค์จิตจักรวาลที่ส่งดิฉันลงมาทดสอบและเรียนรู้ให้ถูกต้องไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว(อันนี้ก็ไม่รู้ตัวเองนะคะ เดาเอา อิอิ) แต่ก็เหลวไหลไม่ผ่านสักที ช่วยด้วยจ้า

 

ตามมาอ่านอีกกระทู้ค่ะ
ขอบคุณ จขกท. อีกครั้งนะคะ
ที่เสียสละเวลามาส่งข่าวสารให้ผู้ที่สนใจได้ทราบข่าวคืบหน้าอยู่เป็นระยะๆ
ยังรออ่านข่าวสารล่าสุดอยู่เรื่อยๆค่ะ

 

สุดยอดมาครับ คุณ อพอลโล่ ติดตามอ่านมาหลายกระทู้ ทุกสิ่งที่ท่านถ่ายทอดออกมา ถูกต้องตามนั้นเลยครับ แม้จะถูกแทรกบ้าง แต่เนื้อหาโดยรวม มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จะข้ามไปสู่ยุดพลังงานใหม่ ดังที่พวกเรากำลังเตรียมการณ์กันอยู่ ถึงแม้จะมีฝ่ายมืดมาแอบอ้างว่าติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ หรือเป็นตัวแทนของสิ่งศักดิ์สิทธิ แต่ท้ายที่สุดแล้ว พลังงานที่ไม่ดีและเป็นลบ ก็จะต้องถูกกำจัดออกไป ภายใต้การควบคุมดูแลของตัวแทนแห่งแสงสว่าง ที่ถูกแต่งตั้งจากผู้สร้าง

 

ขอขอบคุณ ทุกสรรพสิ่ง ... ในจักรวาล ....