เหล่าเทพนักษัตร ลูกหลานแห่งสุริยเทพทั้งหลาย ใกล้ถึงเวลาของเราแล้ว!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 6 มิถุนายน 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    เทพสายฮินดูหรือพราหมณ์ฤษี เป็นลูกหลานขององค์ฤษีกัศยปเทพบิดรแต่เทพนักษัตรทั้งหลายนั้นล้วนเป็นลูกหลานของ "พระสุริยเทพ" ทั้งสิ้นเมื่อโลกเข้าสู่ความมืดมิดเพราะพลังแห่งความลุ่มหลงและจิตวิญญาณมืดเทพพระจันทร์ครองอำนาจยิ่งใหญ่ ดุจดววงจันทร์ยามค่ำคืน ในยามผู้คนลุ่มหลง สิ้นยุคของเทพพระจันทร์ลง ดุจฟ้าสาง คือ เวลาของพระอาทิตย์จะปรากฏ เมื่อนั้น เหล่าเทพนักษัตรจะออกมาทำกิจ คือ ทำให้โลกสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง ขับเคลื่อนโลกนี้ไปในทางสว่าง ไม่ใช่ทางมืดมิดอีกต่อไปใกล้ถึงเวลาของเหล่าเทพนักษัตรแล้ว อีกไม่นานนักพระอาทิตย์จะสว่างใน "รุ่งอรุรแห่งความสุข" ความมืดมิดจะสิ้นไป ความสว่างไสวจะกลับมา
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    วิธีบำเพ็ญสายเทพ แตกต่างจากการบำเพ็ญสายอื่นๆ เมื่อผู้บำเพ็ญปฏิบัติต่างกัน ผลออกมาก็ต่างกัน เช่น ถ้าไปนั่งสมาธิแล้วจิตสงบดี ก็เข้า "สายฤษี" ไปโดยอัตโนมัติ ดังนั้น เพื่อไม่ให้เข้าสายฤษี เพราะไม่ใช่สายเทพ ผู้บำเพ็ญสายเทพ จึง "ไม่ต้องนั่งสมาธิ" แต่ให้ "ทำงานเป็นการปฏิบัติธรรม" แทน โดยการทำงานนั้น ถ้ามีจิตมืดมน ก็จะเข้าสู่ "วิถีมาร" ทันที ดังนั้น ต้องทำกิจ, ทำงานด้วย "จิตที่ผ่องใส" ไม่อาฆาตใคร ไม่ผูกใจแค้นใคร แต่โกรธได้ เพราะพลังธาตุพื้นฐานของเทพ คือ "ธาตุไฟ ๑ ส่วน" และ "ธาตุขาว ๑ ส่วน" ธาตุไฟมาจากความมีไฟในการทำงาน และธาตุขาว มาจากจิตที่มีสมาธิ, สงบสุขจากการทำงานแล้วมีสมาธิในงานนั้นๆ เป็นสมาธิตื้น ไม่ใช่สมาธิลึก มีสติเนื่องๆ รู้ตัวทั่วพร้อมรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรอบตัวได้ตลอด นี่คือ "ปราณธาตุพื้นฐานของสายเทพ" ซึ่งปราณสองสายนี้จะก่อกำเนิดเป็น "ปราณธาตุทอง" ซึ่งทำให้เทพมีกายทิพย์สีทอง เช่น เทพม้าทอง, เทพมังกรทอง, เทพอินทรีย์ทอง ฯลฯ นอกจากนี้ การบำเพ็ญสายเทพ ไม่ใช่เซียน ไม่ใช่ปัจเจกฯ จึงต้องมี "ผู้ที่เราศรัทธา" อยู่ในใจ และสองในนั้นได้แก่ ๑ พระพุทธเจ้า เพื่อให้เรามีจิตสัมมาทิฐิ ไม่เป็นมาร และ ๒ คือ พระอาทิตย์ยูไล หรือพระสุริยเทพ นั่นเอง ด้วยวิธีนี้ เราจะเข้าสู่วิถีเทพได้อย่างแท้จริง เนื่องจากเทพที่อยู่กับมนุษย์เป็นเทพชั้นล่างสุด คือ เทพนักษัตรหรือเทพกึ่งสัตว์ เทพที่สูงกว่านี้จะไม่ลงมาแทรกในกายมนุษย์ เราจึงต้องประสานเข้ากับเทพนักษัตร ไม่อาจประสานกายทิพย์เทพชั้นสูงมาได้ เราจึงต้อง "ยอม" บ้าง คือ ยอมให้เขากดขี่บ้าง (เพราะเป็นนักษัตร มักถูกขี่) แต่เราต้องเลือกให้คนดีขี่เรา เหนือเรา ไม่เลือกฝ่ายดำ หรือภาคมาร มากดขี่เรา แม้เขาจะให้ผลตอบแทนที่มากกว่าก็ตาม
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    พระสุริยเทพ จะประสานพลังลงมาในร่างมนุษย์ที่บำเพ็ญบารมีถึงได้ โดยมนุษย์ผู้นั้นอาจมีมากกว่า ๑ คนก็ได้ ยิ่งมากก็ยิ่งดี บำเพ็ญได้ด้วยการ "สั่งสมพลังธาตุไฟ" ให้มากไว้ในกาย ในช่วงแรกของการบำเพ็ญ ธาตุไฟจะเล่นงานร่างกายและจิตใจ ถ้าเล่นงานร่างกาย เราอาจตัวร้อน, มีแผลร้อนในได้ แต่ถ้าเล่นงานจิตใจ อาจทำให้เราใจร้อน โกรธแรงกว่าคนทั่วไปได้ ในช่วงนี้ การบำเพ็ญยังไม่ดีนัก ต้อง "ฝึกคุมธาตุไฟ" อย่าไปฝึกให้ใจเย็น เพราะปราณในร่าง จะถูกแทรกด้วยพลังเย็น เช่น ปราณธาตุน้ำแข็ง แล้วจะผิดทางไป จงลองดูที่ "เตาไฟ" มันมีประโยชน์ใช่ไหม? ไฟอยู่ในเตา หุงข้าวในเรากินทุกวัน อย่ากลัวไฟ แต่ต้องรู้จักใช้ไฟ อยู่กับไฟ และใช้ไฟให้เป็น ให้ควบคุมไฟให้ได้ แต่พอดี อย่ามากเกินไป จะเผาผลาญผู้อื่น เป็นอันตรายได้ จงให้ไฟอยู่ภายใน ดุจอยู่ในดวงใจ ดวงแก้วมณีของเรา ดุจดวงอาทิตย์ แล้วเปล่งแต่แสงสว่างแห่งปัญญา อันพร้อมสมบูรณ์ด้วยจิตใจที่เมตตากรุณา เป็นพลังที่ให้ความอบอุ่นและปัญญาแก่ผู้คน สว่างไสว ไม่มืดมิด ไม่ใช่พลังใสนะ พลังใสจะใสเกินไป ทำให้คนได้ธรรมสูง แต่เขาจะอยู่ทางโลกไม่ได้ จะบวชภายใน ๗ วันเอา ดังนี้ อย่าให้ธรรมมากไป ใสเกินไป หรือสูงเกินไป เอาแต่ "พอดี" ไม่ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงภายในจิตวิญญาณเขา ให้เขาแค่พอ "สว่างไสว" ภายใต้จิตวิญญาณดวงเดิม เขาจะทำหน้าที่ทางโลกต่อไปได้ ไม่ต้องบวช เพราะใจไม่ใสจนเกินไปนั่นเอง นี่คือ "วิถีของพระสุริยเทพ" ซึ่งถ่ายทอดธรรมในระดับที่ไม่สูงเกินไป เหมาะกับเทพนักษัตร ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนกิจทางโลกนั้น
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    ลูกจงปลุกไฟในตัวเองขึ้นมา นี่คือ พื้นฐานอย่างแรก อย่าให้ "ความใจเย็น" กลบลบไฟในการสร้างสรรค์ลง เพราะมันจะทำให้ลูกเป็นคน "เลือดเย็น" เวลาใครมาขอความช่วยเหลือ ลุกก็จะบอกว่า "ใจเย็นๆ นะ รอก่อน" บ้าง "ยังไม่ทราบค่ะ ต้องรอก่อนนะคะ" บ้าง ฯลฯ ซึ่งบางทีมันรอไม่ได้ ต้องกระทำ เราต้องช่วยเหลือคน ต้องทำกิจที่ควรทำ ไม่ใช่ "เลือดเย็น" ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคนที่เขาทุกข์ร้อน ที่เขามาขอความช่วยเหลือเรา ปล่อยให้เขานั่งรอ ให้เขาถูกแช่แข็งนิ่งเงียบไป อันนี้ ไม่ใช่ลูกหลานของพระอาทิตย์นะลูกนะ เป็นลูกหลานของพระจันทร์ เป็นคนเลือดเย็น มีพลังเย็นในกาย มีพลังปราณธาตุน้ำแข็งอยู่ เปลือกนอกจะดูเหมือนคนไม่มีจิตใจ ไม่แยแสใคร ไม่รัก ไม่เกลียดใคร แต่นั่นผิดธรรมชาติของมนุษย์นะลุก เราเป็นสัตว์เลือดอุ่น มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึก สัมผัสได้ถึงความทุกข์ยาก และการต้องการความช่วยเหลือของประชาชน เราต้องปลุกไฟในหัวใจเราขึ้นมา ทำหน้าที่ตามกิจของเรา เพื่อปวงชนนะลูก อย่าเฉื่อยชา อย่าทำเป็นใจเย็นในเรื่องที่เขารอคอยอยู่อย่างยากลำบากนั้น จะกลายเป็น "คนเลือดเย็น" เอานะลูก ไม่ใช่ลูกหลานของพระสุริยเทพนะลูกนะ
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    อย่าอยู่แต่ใน "ห้องแอร์" นะลูก ลุกไม่ใช่ศพในห้องเก็บศพ ลูกยังมีชีวิต มีจิตใจ เลือดของลูกยังอุ่นอยู่ เป็นสายเลือดของเทพพระอาทิตย์นะลูกนะ อย่ามัวแต่เอากองเอกสารมาถกเถียงกัน โดยไม่สนใจความจริงที่ลูกเองก็เดินลงไปดูได้ด้วยกายของลูก ประชาชนเดือดร้อนที่ไหน ลูกลงไปเลย ลงไปดูเลย เข้าไปร่วมอยู่กับเขา จะได้รู้ถึงความยากลำบากของพวกเขา อย่าเอาแต่อยู่ในห้องนั่งเถียงกัน แล้วสรุปออกมา "เป็นควักเงินประเทศชาติ" เขาจ้างลูกมาทำงานนะ ลูกต้องออกไปทำงาน ไปพบผู้คน ไปแก้ไขปัยหาให้เขาจริงๆ ในสถานที่จริงนะลูกนะ อย่าเอาแต่อยู่ในห้องแอร์ อย่ากลัวแดด ลูกเป็นลูกหลานของพระอาทิตย์จะกลัวความร้อนทำไม กลัวแดดทำไม เขาไม่ได้จ้างลูกมา "ผลาญคลังชาติ" นะลูกนะ เงินนั้นเป็นเงินภาษีของประชาชน ลูกอย่าเอามาใช้มาก จงใช้ "๑ สมอง ๒ มือ ๒ เท้า" ของลูกเองให้มาก ถ้าริจะใช้เงินทำงาน ลูกก็ "ควักกระเป๋าตัวเอง" ไม่ต้อง "รอเบิกงบ" นะลูกนะ อย่าอยู่ในห้องแอร์มาก ลูกจะเลือดเย็น ไม่รู้สึกถึงความเดือดร้อนของประชาชน ออกไปเลย ออกจากห้องทำงานไปเลย ไม่ต้องมาถกเถียงอะไรกัน ไปดูความจริงเลย สถานที่จริงเลย มีอยู่แล้วความจริง ไม่หนีไปไหน ออกไปอยู่ร่วมกับประชาชนเลย ร่วมสุข ร่วมทุกข์กับเขาเลยนะลูกนะ
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    ลูกหลานของพระสุริยเทพ ล้วนได้รับพลังจากสุริยเทพได้ทั้งสิ้นนะลูกนะ ในกายของลูกมีเทพนักษัตรอยู่แล้ว เป็นพาหนะของพระสุริยเทพได้อยู่แล้ว เพียงลูกมีศรัทธาเท่านั้น พลังของพระสุริยเทพก็จะประสานลงมาในกายของลูก ขับดับลูก ทำให้ลูกมีปัญญา, มีพละกำลัง, มีความสามารถพิเศษ, มีความรู้ด้านการปกครองการบริหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่พิเศษมากในพระสุริยเทพนะลูกนะ อย่าคิดว่าลูกโดดเดี่ยว ไม่มีใครโดดเดี่ยวได้อย่างแท้จริงนะลูกนะ แม้ในยามที่ลูกทำงานเพียงคนเดียว ไม่เหลือใคร ไม่มีใครช่วยเหลือเลย ลูกก็ไม่ได้โดดเดี่ยว พลังฟ้า, พลังจักรวาล แห่งพระสุริยเทพจะประสานร่วมกับลุกอยู่ตลอดเวลา ลูกมีพระสุริยเทพอยู่ด้วย ลูกย่อมไม่โดดเดี่ยว ไม่เหน็บหนาว มีความอบอุ่น, มีความสว่างไสวอยู่กับตัวของลูก แผ่ซ่านไปสู่ปวงสัตว์อย่างเท่าเทียมกันตลอดเวลานะลูกนะ ลูกมีพลังนั้น ลูกรับพลังนั้นได้ เมื่อลูก "เปิดใจรับพลังของพระสุริยเทพ" แต่ลูกจะไม่ได้รับพลังนั้น ถ้าลูกขาดการติดต่อ จิตใจของลูกไม่เปิดรับพลังของพระสุริยเทพ หรือลูกหลงทาง จำพระธรรมบิดาไม่ได้ จิตใจของลูกเปิดรับสิ่งอื่นอยู่ ลูกถูกพัดพาไป ให้หลงทาง และลูกจะไขว้เขว และขาดความอบอุ่น ขาดความสว่างไสว ในท้ายที่สุด ดังนั้น หากลูกเปิดรับพลังพระสุริยเทพแล้ว ลูกจะหลุดพ้นจากความโดดเดี่ยว, ความหนาวเหน็บ, ความเดี่ยวดาย, ความมืดมน จะสิ้นไป ความอบอุ่นสว่างไสวจะเข้ามาแทนที่ แล้วลูกจะก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมนะลูกนะ
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    ลูกหลานของพระสุริยเทพไม่มีใครใจเย็นนะลูกนะ คนใจเย็นเป็นบุตรของเทพพระจันทร์ผู้เลือดเย็นนะลูกนะ ลุกหลานของพระสุริยเทพล้วนมีจิตใจที่ "อบอุ่น" นะลูกนะ ไม่ร้อนนะ เพราะไม่ใช่บุตรของแม่พรหมณีธาตุไฟ (แม่เตโช) นอกจากนี้แล้ว ยังมีความ "สว่างไสว" และ "ความยุติธรรม" เพราะดวงอาทิตย์สว่างไสวไปอย่างเท่าเทียมกันทั้งหมดนะลูกนะ ไม่เลือกชนชั้นวรรณะใดๆ ไม่เลือกคนดีคนเลว, คนถูกหรือคนผิดอย่างไร แสงอาทิตย์ก็ส่องถึงหมดทุกคน, ทุกรุปทุกนามนะลูกนะ ส่องไปอย่างอบอุ่นและสว่างไสว ไม่ร้อนแรงเกินไป ไม่ใจร้อนนะลูกนะ และก็ไม่ใช่คนใจเย็นนะลูกนะ "ดวงใจที่อบอุ่น" นั่นคือ "หัวใจของพระสุริยเทพ" นะลูกนะ แล้วเปล่ง "ความสว่างไสวแห่งปัญญา" ออกไปอย่างเท่าเทียมกัน นี่คือ "ธรรมกายของพระสุริยเทพ" นะลูกนะ จงใช้พลังแห่งพระสุริยเทพนี้ ขับไล่ความมืดมนและความหนาวเหน็บให้สิ้นไป เปลี่ยนโลกใบนี้ให้สว่างไสวและอบอุ่น ให้กลายเป็น "รุ่งอรุณแห่งความสุข" นะลูกนะ
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    เทพเจ้าแห่งความมืดมิด คือ พระราหู กำลังจะถือกำเนิดใหม่ จะมีร่างใหม่แล้วนะลูกนะ ปีหน้า จะเต็มองค์แล้ว พลังแห่งความมืดจะมีอำนาจมากขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ทั้งยังประสานกับพลังราชินีพระจันทร์ เทพเจ้าแห่งความเยือกเย็น ซึ่งเป็นพลังตรงข้ามกับพลังของพระสุริยเทพนะลูกนะ พลังแห่งความเยือกเย็น กดทับความอบอุ่น ทำให้ผู้คนเหมือนถุกแช่แข็ง เป็นศพที่ถูกดองไว้ งานการต่างๆ จะไม่ได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง เอาแต่ "ใจเย็น รอไว้ก่อน" เพราะไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง ตกลงกันไม่ได้ เถียงกันไม่จบ ประชาชนจะไม่ได้อะไรเลยนะลูกนะ อีกอย่าง พลังพระราหูจะครอบงำมากขึ้นไปอีก ทำให้ผู้คนมืดบอด ลุ่มหลง เห็นผิดเป็นชอบ เห็นดีเป็นเลว เห็นเลวเป็นดีได้ ต้องระวังให้มาก คนทั้งประเทศจะมืดมอง ไม่รู้ความจริง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย กับโลกใบนี้ ถูกทำให้มืดมนตาบอด ไม่รู้ความจริง และเข้าสู่ "หายนะภัย" อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้นะลูกนะ พลังของพระสุริยเทพเท่านั้น ที่มีกำลังมากพอต้านทานพลังของพระราหูและพระจันทร์ ขับไล่ความมืดมน และความเยือกเย็นไปได้ ลูกเป็นส่วนหนึ่งของสายพลังนี้ เพียงลูกเปิดใจรับ ประสานเป็นหนึ่งเดียวกับพระสุริยเทพนะลูกนะ ทำกิจของตนไปตามปกติ ด้วยใจที่ประสานกันอย่างนี้ ลูกจะได้รับพลังพระสุริยเทพ เป็นกำลังหนึ่งในการขับไล่พลังแห่งความมืดมิดและเย็นเยือกนะลูกนะ
     
  9. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,145
    ค่าพลัง:
    +1,960
    จิตวิทยาล้วนๆ+คำทำนาย นี่หว่า ในมิติ อิอิ
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    เทพเจ้าแห่งภัยพิบัติกำลังมีอำนาจมากในปีนี้ (ดาวเทพพระเกตุ) ลูกต้องระวัง ภัยพิบัติให้มาก เมื่อสามพลังประสานกันเมื่อไร อันตรายมากนะลูก ด้านหนึ่งประชาชนจะถูกครอบงำด้วยพลังแห่งความมืดบอด ไม่รู้ ไม่เห็นอะไร ด้านหนึ่งจะถูกแช่แข็งด้วยพลังเย็นเยือก ไม่มีการทำงานอะไรก้าวหน้าสักอย่าง ทุกอย่างเหมือนถูกแช่แข็งหมด ให้ใจเย็นรออย่างเดียว อีกด้านหนึ่ง พลังแห่งดาวเทพพระเกตุจะนำมาซึ่งภัยพิบัติได้อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ไม่มีเจตนา แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ประชาชนจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย (พลังมืดครอบงำ) และไม่มีใครช่วยเหลือได้ (พลังเย็นแช่แข็งไว้) เหลือแต่รอรับหายนะอย่างเดียว (พลังแห่งดาวเทพพระเกตุ) ทางรอดทางเดียวคือ "พลังของพระสุริยเทพ" เท่านั้น ซึ่งตอนนี้อ่อนกำลังลงไปมากแล้ว จำต้องอาศัยมนุษย์บนโลก เปิดใจ เปิดกาย รับพลังพระสุริยเทพ เพื่อขับดันให้เกิดการปรับสมดุลของพลังทั้งหมดที่ประสานลงมา ไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากเกินไป นะลูกนะ พยายามเปิดใจรับพลังพระสุริยเทพเท่านั้น อย่าให้พลังพระราหู, พลังพระเกตุ, พลังพระจันทร์ ประสานลงมามากนะลูกนะ สามพลังนี้เป็นพลังแห่งการทำลายล้าง ภัยพิบัติจะรุนแรงและประชาชนจะไม่มีทางรอด ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครช่วยได้ นอกจากพลังของพระสุริยเทพนะลูกนะ
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,752
    ค่าพลัง:
    +1,746
    อดทนรอนะลูกนะ ใกล้รุ่งอรุณแล้ว หมดปีนี้ พลังของพระสุริยเทพจะกลับมา เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ภายใน ๖ เดือนข้างหน้านี้ เป็นช่วงเวลาแห่งการทำลายล้าง และการ "พิพากษา" เป็นช่วงเวลาที่ลูกต้องผ่านให้ได้ เป็นช่วงเวลาที่วิกฤติมาก แต่เมื่อลูกผ่านช่วงนี้ไปได้ ปีหน้า เป็นช่วงเวลาฟ้าเปิดแล้ว พลังงานเก่าเป็นพลังของดาวเทพพระอังคาร ซึ่งนิยมทำสงคราม และเทพนักษัตรงูใหญ่ ซึ่งเป็นเทพที่ดูแลเมืองบาดาล ช่วยในการเกษตร พลังเก่านี้จะยังคงค้างอยู่ในช่วงครึ่งปีแรก ก่อนที่จะค่อยๆ เก็บคืนหมดในหกเดือนหลังจึงจะเข้าสู่ช่วงพลังงานใหม่ ของดาวเทพพระอาทิตย์ได้อย่างเต็มที่ ระหว่างนี้ ยังต้องระวังเรื่อง "สงคราม" โดยเฉพาะการแย่งชิง "ผลผลิตทางการเกษตร" ประเทศที่มีผลผลิตทางการเกษตรดี จะกลายเป็น "เป้าหมายในการแย่งชิง" เพราะจะขาดแคลนอาหารแล้วนะลูกนะ ช่วงเวลานี้ วิกฤติมากถึงมากที่สุด แต่ต้องรอด ผ่านไปให้ได้นะลูกนะ ผ่านไปพร้อมพาคนอื่นๆ รอดไปด้วยนะ อย่าเอาตัวรอดไปคนเดียว แล้ว "รุ่งอรุณแห่งความสุข" จะปรากฏขึ้นอีกครั้งในไม่ช้า
     
  12. narata 12

    narata 12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    992
    ค่าพลัง:
    +1,463
    สุดยอดมาครับ คุณ อพอลโล่ ติดตามอ่านมาหลายกระทู้ ทุกสิ่งที่ท่านถ่ายทอดออกมา ถูกต้องตามนั้นเลยครับ แม้จะถูกแทรกบ้าง แต่เนื้อหาโดยรวม มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่จะข้ามไปสู่ยุดพลังงานใหม่ ดังที่พวกเรากำลังเตรียมการณ์กันอยู่ ถึงแม้จะมีฝ่ายมืดมาแอบอ้างว่าติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ หรือเป็นตัวแทนของสิ่งศักดิ์สิทธิ แต่ท้ายที่สุดแล้ว พลังงานที่ไม่ดีและเป็นลบ ก็จะต้องถูกกำจัดออกไป ภายใต้การควบคุมดูแลของตัวแทนแห่งแสงสว่าง ที่ถูกแต่งตั้งโดยผู้สร้าง
     
  13. CupidBoyz

    CupidBoyz สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +4
    I'm waiting...

    ขอบคุณคุณอพอลโล่ห์มากนะครับสำหรับข้อมูลและคำแนะนำ

    ผมคงเป็นคนนึงที่รอแนวคิดแบบนี้อยู่ ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองคิดไปเอง

    พอได้อ่านแล้วรู้สึก มีกำลังใจเพิ่มขึ้นมากเลยครับ

    ยังไงก็มี ผม คอยติดตามรับฟังอยู่นะครับ ขอบคุณครับ
     
  14. rossalen

    rossalen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +323
    เหมือนกำลังบอกใครสักคนเลยอ่ะ เหมือนจริงๆ ทำไมช่างตรงกับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นะ หรือว่าบังเอิญ อืมมมม สาธุค่ะ ท่านเทพอพอลโล่
     
  15. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    อ้าง พุทธ ในทางเสื่อม อีกแล้ว
    เพื่ออะไรครับ สร้างความน่าเชื่อถือหรือ

    ไม่รู้จักบาปจักกรรม

    อย่า สติแตกให้มากนัก

    ลัทธิลวงโลก
    โอละพ่อ<----- ไปลอกเขามาอีกที คิดเองไม่เป็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2011
  16. อมิตพระ

    อมิตพระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +44
    แล้วคนที่เชื่อ..กระทู้นี้..จะยังเป็นพุทธอยู่หรือเปล่า.
    (ถ้าต้องไหว้ร้องขอเทพเจ้า.มนุษย์ก็ไม่ต้องทำอะไรเลย..เพราะทุกคนขอหรืออ้อนวอนกันเป็นทั้งนั้น..ไหนล่ะสิ่งที่เรียกว่าสุริยะเทพของคุณ..คุณก็อขอเขาไม่ให้โลกร้อนสะซิต้องรออยู่อีกทำไม..( พุทธเป็นศาสนาที่ต้องปฏิบัติในมรรค8 รวมเรียก ศีล สมาธิปัญญา แต่นี่ลัทธิของคุณไม่ต้องให้ทำสมาธิ..แถมยังมัวเมาผู้คนปิดบังปัญญาอันเป็นสิ่งจริงแท้ที่มีอยู่ในธรรมชาติ..น่าจะไปมืดนะนี่)

    ผุ้บิดเบือนคำสอนของพุทธองค์ เคยเป็นปลาปากเหม็นและต้องไปในอเวจีมาแล้ว..มีจริงหรือไม่จงไปหาดูเองนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กรกฎาคม 2011
  17. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +81
    ลึกซึ้ง ภาษางดงาม จิตใจคนที่ถ่ายทอดได้เช่นนี้ ย่อมเปี่ยมไปด้วยปัญญาอันมากล้น

    คาระวะหนึ่งจอก
     
  18. sitsada

    sitsada สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +4
    สาธู๊ !!!!!!!!!!!!!!!
     
  19. pasit_99

    pasit_99 การเวียนว่ายตายเกิดนั้นน่ากลัว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,666
    ค่าพลัง:
    +3,459
    อ่าว ทำไม เลี้ยวไปสายเทพล่ะท่าน ทีแรกนึกว่ามนุษย์ต่างดาว พลังจักรวาล
    อุตส่าห์ตามอ่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...