เรื่องเด่น ข้อความจากต่างมิติ - คำพยากรณ์ใดๆเกี่ยวกับวันสิ้นโลก มันจะไม่เป็นจริงอีกต่อไปแล้ว

4). จากหนังสือชุดโนวาอนาลัย "ขยายความธรรมชาติของชาติภพ"



....................................................................................

บทที่ 7 หน้า 93 novaanalai.com - nova anal ai Resources and Information. This website is for sale!

…วิวัฒนาการไม่ได้ก้าวหน้าไปเป็นเส้นตรงอย่างที่เธอเข้าใจ เพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีอยู่และเกิดขึ้นพร้อมกันหมด
วงจรของวิวัฒนาการจึงไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดจบ...


หน้า 95
novaanalai.com - nova anal ai Resources and Information. This website is for sale!

...ตามธรรมชาติแห่งความเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต-ปัจจุบันและอนาคต เกิดขึ้นพร้อมกันหมด
ในขณะที่เธอคิดถึงปัจจุบันอยู่นี้ อดีตและอนาคตก็กำลังดำเนินไปพร้อมกันหมด แต่ระบบประสาทของเธอ
ไม่สามารถที่จะรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากปัจจุบันได้ อดีตปรากฏขึ้นอย่างเชื่องช้า
และอนาคตปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว เกินกว่าที่ระบบประสาทของเธอจะรับได้

ระบบประสาทของเธอมีคุณสมบัตินอกเหนือไปจากที่นักฟิสิกส์และนักชีววิทยาเข้าใจ
แม้ว่าความเชื่องช้าของอดีตและความรวดเร็วของอนาคตจะผ่านระบบประสาทของเธอไป
โดยที่เธอไม่สามารถที่จะรับรู้ได้เลยในระดับสติสัมปชัญญะ แต่ถึงกระนั้นโครงสร้าง
ของระบบประสาทก็ทำการบันทึกอดีตและอนาคตที่ผ่านไปไว้ทั้งหมด การบันทึกดังกล่าวเกิดขึ้นในระดับเซลล์
แม้สมองของเธอจะไม่รับรู้ แต่เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเธอจำอดีตและรู้อนาคต
โดยที่สมองของเธอไม่ได้ระแวดระวังในความจำและความรู้เหล่านี้ในระดับสติสัมปชัญญะ

เมื่อเธออธิบายการบันทึกความจำในระดับเซลล์เหล่านี้ว่าเป็นกรรม หรือเป็นภาวะแห่งเหตุจากอดีตชาติ
มาปรากฏผลในปัจจุบันชาติ ทำให้เธอมีประสบการณ์ชีวิต-สภาพร่างกายและสุขภาพ
ในทิศทางที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำในอดีต เธอคำนึงถึงความเป็นไปได้ในทิศทางที่จำกัดเกินไป
เพราะความจำในระดับเซลเหล่านี้ เป็นความจำทั้งจากอดีตและอนาคต แม้ปัจจุบันจะปรากฏ
ความเป็นจริงที่สะท้อนจากความจำทั้งในอดีตและอนาคต

แต่ปัจจุบันก็เป็นจุดพลังอำนาจ ที่เธอสามารถสร้างความเป็นไปได้เส้นทางใหม่
เพื่อ ลบล้าง หรือ แก้ไขได้ ทั้ง "อดีต" และ "อนาคต"

กระบวนการในระดับลึกของจิต ก็มีความจำและความรู้เหล่านี้เช่นกัน เธอจะรื้อฟื้นความจำ
หรือเข้าถึงแหล่งของความรู้นี้ได้ ก็ต่อเมื่อเธอละจากสภาวะที่ร่างกายตอบสนองต่อระบบประสาท
และจังหวะของมัน ซึ่งจำกัดอยู่เพียงการรับรู้ข้อมูลในปัจจุบันเท่านั้น...ภาวะของการปรับเปลี่ยนนี้
มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันตามธรรมชาติ โดยที่เธอไม่รู้ตัว แต่ก็เป็นสิ่งที่ฝึกฝนและทำให้เกิดขึ้นได้ดังเจตนา

เมื่อใดที่สติสัมปชัญญะปรับเปลี่ยนไปสู่ภาวะที่ทำให้เธอระลึกถึงอดีตและรู้อนาคตได้
เธอจะมองเห็นธรรมชาติของตัวตนของเธอได้กว้างขึ้นจากภาวะตามปกติ เธอจะเห็นได้ไม่มากก็น้อยว่า
ตัวตนของเธอตัวตนใด กำลังดำเนินวิถีชีวิตอยู่บนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นทางใด
อนาคตของเธอบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันหลากหลาย เกิดขึ้นพร้อมกันกับปัจจุบันที่เธอจดจ่ออยู่นี้
และมันก็ผ่านระบบประสาทของเธอไปอย่างรวดเร็ว จนเธอไม่สามารถจะรับรู้ได้
เธอจึงรู้และเห็นปัจจุบันของเธอเพียงเส้นทางเดียว

อนาคตบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันหลากหลายเหล่านี้ ดำเนินไปพร้อมกันกับปัจจุบัน
และมันก็มีอดีตบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้นั้นๆ ซึ่งแตกต่างไปจากอดีตบนเส้นทาง
แห่งความเป็นไปได้ที่เธอจดจ่ออยู่ในขณะนี้ เธอจะรับรู้อดีตหรืออนาคตจากต่างเส้นทางเหล่านี้ได้หรือไม่
ขึ้นอยู่กับว่า ความรู้สึกนึกคิด-เจตนา และสติสัมปชัญญะของเธอ ดึงดูดประสบการณ์บนเส้นทางเหล่านี้
มาสู่เส้นทางปัจจุบันได้มากน้อยเพียงใด

อนาคตเกิดจากการเลือกเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ของเธอ
ซึ่งดึงดูดประสบการณ์จากต่างเส้นทาง ให้มาปรากฏและรับรู้ได้ในปัจจุบัน

อดีตของเธอบนแต่ละเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ มีปัจจุบัน และอนาคตของมันแตกต่างกันไป
อดีตจำเพาะในเส้นทางหนึ่งๆ จะส่งผลให้เกิดประสบการณ์อนาคตในเส้นทางจำเพาะนั้น
ดังนั้น เส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันหลากหลาย จึงประกอบไปด้วยอดีตและอนาคต
ซึ่งดำเนินไปพร้อมกันหมดบนหลายเส้นทาง อย่างเป็นอนันต์

เส้นทางชีวิตของเธอ ดำเนินไปพร้อมกันหมด ในหลายชาติภพและหลายมิติ เธอจะสัมผัสหรือรื้อฟื้นความจำ
ในระดับเซลล์ได้ ก็ต่อเมื่อเธอติดตามเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ เส้นใดเส้นหนึ่ง
และย้อนกลับไปหาอดีตจำเพาะของเส้นทางนั้นๆ

ปัจจัยในอดีตของเธอเป็นสิ่งที่พยากรณ์ไม่ได้เช่นเดียวกันกับปัจจัยในอนาคต
ความคิดสร้างสรรค์ในอดีตของเธอรอคอยการค้นพบ เช่นเดียวกันกับความคิดสร้างสรรค์ในอนาคต...

 

จากหนังสือชุดโนวาอนาลัย "ขยายความธรรมชาติของชาติภพ" (ต่อ)

................................................................................................

หน้า 100
http://www.novaanalai.com/Book_1/BK1_chap7_p100.html

...การตอบสนองล่วงหน้าต่อปรากฎการณ์ในอนาคต
จะทำให้ปรากฎการณ์นั้นๆแปลสภาพไป

บางครั้งปรากฎการณ์ในอนาคตนั้น ก็ไม่เกิดขึ้นจริง
เพราะเธอเปลี่ยนทางเลือกในอดีต จากเส้นทางแห่งความเป็นไปได้
เส้นทางหนึ่ง ไปสู่อีกเส้นทางหนึ่งเสียก่อน
ปรากฎการณ์เช่นนี้ เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ซึ่งหมอดู
ไม่สามารถจะทำนายอนาคตของเธอได้แม่นยำเสมอไป

ทุกขณะจิตในปัจจุบัน เธอมีอำนาจจิตที่จะตัดสินตามความเชื่อของเธอ
และเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ในอนาคตได้เสมอ
ดังนั้น ความเชื่อจึงเป็นปัจจัยหลัก ในการสร้างประสบการณ์ในปัจจุบัน...

...สิ่งที่ฉันกล่าวถึงนี้ เป็นภาพรวมของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดวันเวลา
ในสภาวะที่เธอไม่สามารถจะรับรู้ได้

ความเชื่อที่เกิดขึ้นใหม่ในปัจจุบัน สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอดีตได้
ในระดับของระบบประสาท

เธอจะต้องเข้าใจว่า ตามธรรมชาติแห่งความเป็นจริงนั้น อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต
เกิดขึ้น และมีอยู่พร้อมกันหมด ดังนั้น ความเชื่อในปัจจุบัน จึงเปลี่ยนแปลงอดีตได้


หน้า 104
http://www.novaanalai.com/Book_1/BK1_chap7_p104.html

...ปัจจุบันคืออำนาจของเธอ
ปัจจุบันคือจุดพลิกผันอดีตและอนาคต
เธอสร้างอดีตและอนาคตได้จากเจตนารมณ์ในปัจจุบัน


บทที่ 8 หน้า 115
http://www.novaanalai.com/Book_1/BK1_chap8_p115.html

…ระบบการเกิด-การตาย และชาติภพ เป็นระบบของแผนงานรวม ซึ่งดำเนินไปพร้อมกันทั้งหมด
การดำเนินวิถีชีวิตในชาติภพหนึ่งๆ ส่งผลกระทบต่อทุกชาติภพในทันทีทันใด แต่ประสาทสัมผัสทั้งห้า
และสภาวะทางกายภาพของเธอ ไม่สามารถรับรู้ความเป็นไปทั้งหมดนี้ได้ในพริบตา
เธอจึงรับรู้ข้อมูลได้จำกัดตามเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น ความเป็นไปทั้งหลายในอดีตและอนาคต
ก็เกิดขึ้นพร้อมกันหมดในปัจจุบัน ตัวตนของเธอในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่ผลรวมของความรู้-ข้อมูล
และความทรงจำของบรรพบุรุษ หรืออดีตชาติภพทั้งหมด


บทที่ 8 หน้า 117
novaanalai.com - nova anal ai Resources and Information. This website is for sale!

...ชีวิตตัวตนในแต่ละชาติภพเป็นสื่อ ที่ทำหน้าที่แสวงหาประสบการณ์การเรียนรู้ในโลกมนุษย์ให้กับจิตวิญญาณ
พัฒนาการและการเจริญเติบโตของใบไม้แต่ละใบ มีความสำคัญกับต้นไม้
ชีวิตตัวตนในแต่ละชาติภพก็มีความสำคัญต่อพัฒนาการของจิตวิญญาณเช่นกัน
ชีวิตของต้นไม้และชีวิตของใบไม้ ไม่อาจแยกจากกันได้ ตัวตนในแต่ละชาติภพมีอิสรภาพสูงกว่าใบไม้
แต่ละตัวตนเปรียบเสมือนใบไม้แต่ละใบที่สามารถงอกรากขึ้นเป็นต้นใหม่ได้ในต่างท้องที่ ต่างเวลา
และต่างมิติตามที่มันเลือก

ใบไม้นี้ร่วงหล่นจากต้นไม้แห่งกาลเวลา งอกรากขึ้นในมิติใหม่ และกลายเป็นพืชต้นใหม่ต่อไป
เมื่อตัวตนในแต่ละชาติภพได้ทำหน้าที่ จนกระทั่งบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการแล้ว
จิตวิญญาณก็จะละร่างและกาลเวลาในมิตินั้น ไปจดจ่อกับตัวตนใหม่ในต่างเวลา-ต่างชาติภพ
ตัวตนรวมทั้งหมดของเธอจึงเปรียบเสมือนต้นไม้ทั้งต้น ที่ประกอบด้วยใบหรือตัวตนในแต่ละชาติภพทั้งหมดรวมกัน
ตัวตนรวมทั้งหมดจึงเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ

...กฎเกณฑ์แห่งช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ทำให้เธอเข้าใจธรรมชาติความเป็นจริงของชาติภพได้ยาก
ฉันจึงต้องย้ำบ่อยครั้ง และจะขอย้ำอีกว่า ชาติภพ ไม่มีอดีตและอนาคต มีแต่ปัจจุบัน
ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกันหมด การถ่ายทอดจากแหล่งข้อมูลทั้งสามสายซึ่งเป็นที่มาแห่งตัวตนของเธอ
จึงเกิดขึ้นพร้อมกันหมดเป็นระบบเครือข่าย ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดจบ ไม่มีก่อน-หลัง ไม่มีเก่า-ใหม่ ความรู้-ข้อมูล
และความทรงจำทั้งหลาย ปรากฏอยู่-มีอยู่ พร้อมกันหมด ทั้งอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต
มีการถ่ายทอดและเปลี่ยนแปลงระหว่างชาติภพ ตลอดวันเวลา

__________________

 

และอีกข้อความหนึ่งจากต่างมิติที่พวกเขาอธิบายว่า
ทำไมเหตุการณ์ในอนาคตมันถึงพยากรณ์ให้แม่นยำเป๊ะๆไม่ได้

เพราะว่า แม้แต่พวกเขาเอง ที่อยู่นอกเหนือมิติของกาลเวลา
แบบที่เป็นเส้นตรงของเรานี้ก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังบอกไม่ได้เลย
ถ้าระดับพลังงานของมันยังไปไม่ถึงจุดสิ้นสุด

คือมันจะเป็นกระแสพลังงานที่ไหลไป ไหลมา มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
อะไรแบบนั้นหนะครับ

ลองอ่านดูข้อความข้างล่างนี้ดูนะครับ

..............................................................................
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-5-a.246190/page-7
.........................................................................

บางส่วนของข้อความสื่อสารทางโทรจิต จากแมทธิว วาร์ด (Matthew Ward)
วัน ที่ 19 พฤษภาคม 2010

ผู้รับการสื่อสาร: นาง Suzanne Ward (มารดาเก่าของแมทธิว)
สถานที่: ประเทศสหรัฐอเมริกา

ที่มา:
May 19, 2010


ตอนที่ 2

12). ผมคิดว่าเมื่อมาถึงตรงนี้ มันน่าจะเหมาะสม ที่จะยกเอาข้อคิดเห็นของผู้อ่านท่านหนึ่งขึ้นมากล่าวถึงสักเล็กน้อย
ซึ่งชาวโลกหลายๆคนก็กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

คำถาม:

ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมคุณถึงได้มั่นใจเหลือเกิน เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ยุคทอง เป็นต้น
แต่ว่า ทำไมคุณถึงไม่สามารถพยากรณ์ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนนี้ได้ ?


13). คำตอบ

พวกเราไม่ได้พยากรณ์อะไรเลย เพราะว่าเมื่อผู้นำสาส์นแห่งแสงสว่างทั้งหลายบอกอะไรบางอย่างแก่พวกคุณ
ด้วยความมั่นใจอย่างที่สุด เช่น เรื่องการมาถึงของยุคทอง เป็นต้น นั่นก็เพราะว่า
สิ่งต่างๆเหล่านั้น “มันได้มีอยู่แล้ว” ในระดับปรมัตถ์ (หรือในมิติที่ไร้กาลเวลา –Chayutt)

และในระดับจิตวิญญาณ พวกคุณก็รู้เรื่องนี้กันดีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพวกคุณไม่สามารถจดจำได้
ในระดับสติสัมปชัญญะเท่านั้นเอง ว่าพวกคุณรู้สึกตื่นเต้นมากแค่ไหน ที่ได้ถูกเลือกให้มาเข้าร่วม
ในเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ของกระบวนการการหลุดพ้น
ออกจากมิติที่ 3 อย่างรวดเร็วของดาวเคราะห์โลก ไปสู่มิติที่ 4 และมิติที่ 5 ตามลำดับ

และพวกคุณก็ไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ถึง “ความ เสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงแล้ว” ของสิ่งใดๆก็ตาม ที่พวกคุณรับรู้แต่ว่า
มัน “กำลังเป็นไปอยู่” ตามนัยยะของกาลเวลาที่เป็นเส้นตรงของพวกคุณ

และแม้แต่สิ่งที่ “กำลังเป็นไปอยู่” ตามนัยยะนี้ก็ตาม ก็ยังมีชาวโลกน้อยคนนักที่จะเข้าใจได้ว่า
การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทั้งหมดนี้ คือการพังทลายของวิถีเก่าๆทั้งหลายของโลกและของพวกคุณ
ภายใต้กระบวนการเปลี่ยนรูปแบบของดาวเคราะห์โลก ที่กำลังเปลี่ยนรูปแบบไปสู่
ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองอยู่ในขณะนี้


14). เมื่อใดที่พวกเรากล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไปอยู่ และไม่สามารถบอกพวกคุณได้ว่า
ผลลัพธ์ของมันจะมาถึงเมื่อไหร่ หรือบางทีก็อาจจะบอกพวกคุณไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผลลัพธ์ของมันจะเป็นอะไร

นั่นก็เพราะว่าเหตุการณ์เหล่านั้น มันยังไม่ดำเนินไปถึงจุดยุติ ของ “สนามพลังแห่งความเป็นไปได้”
(Energy field of potential) ของดาวเคราะห์โลก

นั่นคือมันยังคงมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นๆลงๆของความเข้มข้นและทิศทางของพลังงาน เกิดขึ้นอยู่อย่างไม่ขาดสาย





พลังงานคือแก่น แท้ของทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ทั้งหมดในเอกภพนี้ และก็เป็นส่วนที่ไม่อาจจะแบ่งแยกออกจากกันได้
ของจิตสำนึกแห่งพระผู้สร้าง และมันก็มีสภาวะที่เป็นกลาง แต่สิ่งที่เป็นตัวกำหนดให้กระแสพลังงานทั้งหลายเหล่านี้
มีความเป็นไปต่างๆ และเนรมิตไปเป็นสสารต่างๆกันนั้น ก็คือ “ประจุบวก” และ “ประจุ ลบ”
หรือ “แสงสว่าง” และ “ความมืด” ตามลำดับ ที่ติดมากับกระแสพลังงานเหล่านั้นนั่นเอง

ซึ่งประจุบวกและประจุลบดังกล่าวนี้ ก็คือสิ่งที่ถูกผลิตออกมาอยู่ตลอดเวลา
จากกระแสความคิด, อารมณ์-ความรู้สึก และการกระทำของแต่ละบุคคล และ ของกลุ่มบุคคลนั่นเอง


นั่น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงได้กระตุ้นเตือนพวกคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ว่าให้จดจ่ออยู่กับแต่สิ่งที่พวกคุณอยากจะให้มันเกิดขึ้นกับชีวิต และกับโลกของพวกคุณเท่านั้น
อย่าไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาใดๆทั้งสิ้น !!


(ยังมีต่อครับ)
……………….

 

และข้อความต่อไปนี้ นี่คือเหตุผลว่า
ทำไมพวกเขาถึงไม่อยากให้พวกเรา
ไปจดจ่ออยู่กับแต่ความคิด-ความเชื่อ
เรื่องหายนะโลก ภัยพิบัติโลก หรือวันสิ้นโลก

ลองอ่านดูนะครับ

.......................................................
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-5-a.246190/page-35
.......................................................................

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจาก แมทธิว เวอร์ด (Matthew Ward)

วันที่: 11 กันยายน 2010
ผู้รับการสื่อสาร: นาง Suzanne Ward
สถานที่: ประเทศสหรัฐ อเมริกา
ที่มา:

September 11, 2010


ตอนที่ 8:

18). มีคำพูดอีกเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างมาก นั่นก็คือ

ทุกๆหน่วยของพลังงาน ที่ถูกใส่เข้าไปในคำพยากรณ์
ที่เกี่ยวกับความหายนะอันเลวร้ายทั้งหลาย
จะไปเพิ่มโอกาสของการเกิดหายนะนั้นๆให้สูงขึ้น

พลังงานมันมีความเป็นกลางโดยธรรมชาติของมัน และปราศจากเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น

แต่เพราะกระแสความคิดและความรู้สึกของพวกคุณเองนั่นแหละ ที่ไปเกาะติด
และไปสร้างเงื่อนไขให้กับกระแสของมัน จึงทำให้มันมีทิศทาง มีเป้าหมาย และมีพลัง


และเมื่อใดที่กระแสจิตสำนึกมวลรวมของผู้คน ถูกปุกปั่นให้เกิดอารมณ์ความรู้สึก
และกระแสความคิดที่เต็มไปด้วยความกลัว เพราะคำพยากรณ์เหล่านั้น ได้สำเร็จแล้ว
จากเดิมที่เคยเป็นแค่ “โอกาส” ที่เหตุการณ์นั้นจะกลายมาเป็นความจริง
ก็จะกลายเป็น “ความน่าจะเป็น” ที่เหตุการณ์นั้นจะกลายมาเป็นความจริงแทน


แม้ว่าจะมีครอบครัวชาวจักรวาลของพวกเรา ที่คอยสแตนบายอยู่และพร้อมรับคำสั่ง
เพื่อดำเนินการแทรกแซงในสถานการณ์ทำนองนี้อยู่ก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำใดๆ
เพื่อลดผลกระทบอันเกิดจากการใช้เครื่องมือควบคุมภูมิอากาศแบบนี้จะได้รับอนุญาตให้ดำเนินการได้เสมอ

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม โปรดจงระลึกไว้ในใจเสมอว่า
“กฎแห่งการดึงดูด” ก็ยังทำงานของมันอยู่
อย่างคงเส้นคงวาเสมอ และมันก็เป็นกฎที่ทรงพลังมากๆเสียด้วย


19). และกฎเดียวกันนี้ ก็ส่งผลในระดับปัจเจกบุคคลด้วยเช่นกัน

มีชาวโลกบางคนที่ “ดำเนินชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะ” ตามที่ได้รับคำแนะนำมา
แต่ก็ยังมีความรู้สึกสับสนอยู่ เพราะว่ารู้สึกว่ามันไปขัดแย้งกับคำสอน
เกี่ยวกับการทำให้สิ่งที่ตนเองต้องการในชีวิตสำเร็จผลออกมา

พวกเราอยากจะบอกคนที่กำลังคิดว่าตนเองไม่สามารถที่จะอยู่แต่ในปัจจุบันขณะ
ไปพร้อมๆกับการวางแผนต่างๆในอนาคตได้ ว่า

คุณได้ทำแบบนี้มาแล้วตลอดชีวิตของคุณ!

กฎแห่งการดึงดูด จะทำงานได้ด้วยความคิดและความรู้สึก
ใน “ปัจจุบันขณะ” นี้ของคุณเท่านั้น


เพราะเมื่อใดที่คุณมีความคิดและความรู้สึกในแง่บวก หรือมองโลกในแง่ดี และรู้สึกขอบคุณต่อสิ่งดีๆ
ที่มีอยู่หรือเกิดขึ้นใน “ปัจจุบันขณะ” นี้ของคุณ ความคิดและความรู้สึกเหล่านี้
ก็จะไปเกาะติดกับกระแสพลังงานทั้งหลาย และจะถูกยิงออกไปสู่กระแสจิตสำนึกมวลรวมของผู้คนจำนวนมาก

ซึ่งกระแสพลังงานที่มีกระแสความคิดติดไปด้วย ซึ่งได้ถูกส่งออกไปนี้ มันก็จะไปดึงดูดเอา “สิ่งที่เกาะติดกับพลังงาน”
(energy attachment) ชนิดเดียวกันนั้น นำพากลับมาหาคุณ เพื่อให้คุณยิ่งรู้สึกขอบคุณมากขึ้นไปอีก

ในทำนองเดียวกัน เมื่อใดที่คุณมีความคิดและความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเครียด และกดดันหนักหน่วง
นั่นหมายความว่าคุณกำลังสร้างความยุ่งยาก และความวิตกกังวลอันใหม่ให้กับตัวเองไปในตัวด้วย


20). กฎธรรมชาติ ที่ครอบคลุมสรรพชีวิตทั่วทั้งจักรวาลนี้อยู่ เป็นกฎที่เรียบง่ายๆ, เที่ยงตรง และมีประสิทธิภาพเสมอ

ข้อจำกัดของความคิดของผู้ที่อยู่ในมิติที่ 3 อย่างหนึ่งก็คือ การมองเห็นว่าอะไรๆมันก็ยุ่งยากและซับซ้อนไปหมด
ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรที่ซับซ้อนแบบนั้นอยู่เลย


เมื่อใดที่ระดับจิตสำนึกของพวกคุณ ได้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องไปถึงระดับหนึ่งแล้ว
พวกคุณก็จะได้เห็นความเรียบง่ายและความบริสุทธิ์ที่มีอยู่ในมิติที่สูงๆกว่าด้วยตัวของคุณเอง

แต่อย่างไรก็ตามพวกคุณก็ไม่จำเป็นจะต้องรอไปจนกว่าดาวเคราะห์โลกเลื่อนระดับขึ้นไปถึงมิติที่ 4 แล้วโน่นหรอก
เพราะว่า “ยุคใหม่” ของเธอกำลังจะมาถึง และเพื่อที่จะมีประสบการณ์กับเรื่องนี้
ในเมื่อคุณรู้กฎของจักรวาลเหล่านี้แล้ว ทำไมคุณไม่ลองใช้ประโยชน์จากพวกมันดู ด้วยตัวคุณเอง ตอนนี้ซะเลยหละ!


…………………..

 

ขอฮาอันนี้หน่อยค่ะ ที่บ้านก็ตุนไว้เยอะมากเหมือนกันค่ะ 555555 ใจจริงไม่อยากให้เกิด แต่ว่า อาจารย์ท่านหลายท่านออกมาบอก ใจเชื่ออาจารย์ค่ะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

 

จริงหรือ ที่ "กฎแห่งกรรม" เป็นเพียงกฎ กฎเดียว
ที่มีอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้...

ไม่มีกฏอื่นอยู่อีกเลยหรือ??
ที่จะสามารถส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายได้เหมือนกัน
อะไรคือข้อพิสูจน์ว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ??

ใครที่รู้แจ้งโลกและจักรวาลแล้ว ช่วยตอบทีได้ไหมครับ??

.........................................................

 

20). กฎธรรมชาติ ที่ครอบคลุมสรรพชีวิตทั่วทั้งจักรวาลนี้อยู่ เป็นกฎที่เรียบง่ายๆ, เที่ยงตรง และมีประสิทธิภาพเสมอ

แวะมารับอากาศดีๆ ครับ อ่านแล้ว สบายดี มีกำลังใจ ครับ

แวะมาทักทายครับ ท่าน ติดตามอ่านอยู่ครับ ขอบคุณ ครับ

 

“ผู้ที่รู้แจ้งโลกและจักรวาล”...รู้สึกจะหายากหน่อยนะครับ

กฏแห่งกรรมเป็นเพียงกฏหนึ่งในหลายๆกฏ แต่จะว่าไปมันก็ไม่ใช่กฏหรอกครับ

มันมีปัจจัยมากมายหลากหลายเป็นเอนกอนันต์ที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายๆสิ่ง (ทั้งที่มีรูปและไม่มีรูป) จะส่งผลกระทบกับสิ่งอื่นๆ (ทั้งที่มีรูปและไม่มีรูป) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันของสิ่งนั้นๆ หรือสิ่งต่างๆเหล่านั้น

อย่าว่าแต่จักรวาลเลย…แค่โลก (ทางกายภาพ และจิตวิญญาณ) ก็เรียนรู้กันไม่หวาดไม่ไหวแล้วครับ

ปล. ไม่ใช่ผู้รู้เป็นเพียงจิตวิญญาณที่มาหาประสบการณ์ในมิติของมนุษย์

 

อะไรจะเกิด มันก็คงจะเกิด แต่สิ่งที่ฉันพยายามจะทำอยู่ทุกวี่ทุกวันและมันช่างยากลำบากเสียกระไรก็คือ เตรียมรับมือกับอะไร อะไร ที่มันจะเกิด ให้เข้ามากระทบกับจิตของฉันให้น้อยที่สุด ฉันจะได้มีจิตที่เป็นธรรมดาได้อย่างสมบูรณ์

 

คำตอบจากมนุษย์โลกตาดำๆ

(deejai)(smile)กราบเรียน ท่านซาลูซ่า ท่านครายออน และท่านผู้เจริญที่มาจากดวงดาวอันไกลโพ้น
ในฐานะมนุษย์โลกตาดำๆ คนหนึ่ง รู้สึกซาบซึ้งและดีใจเป็นอันมาก ที่ท่านและพลเมืองของท่านมีความปรารถนาดีและห่วงใยชาวโลก อันเป็นเพื่อนร่วมจักรวาลของท่าน
อันที่จริง พวกเราทราบมาหลายพันปีแล้วว่า โลกมนุษย์จะยังไม่ดับสลายในตอนนี้ อย่างน้อยก็อีกมากกว่า 2500 ปี เพราะศาสดา"ผู้รู้แจ้ง"ของเราทำนายไว้แล้ว เพียงแต่ระหว่างนี้จะมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย จากน้ำมือหรือผลการกระทำของมนุษย์ผู้ไม่รู้ ผู้ตั้งอยู่ในความประมาททั้งหลาย
ที่จริงแล้ว โลกมนุษย์และจักรวาลทั้งหลายเป็นสิ่งสมมุติที่เกิดจากจิต เกิดจากสัมผัสของมนุษย์เอง ทุกอย่างที่เกิดในโลกมนุษย์ล้วนเกิดจากกรรมหรือการกระทำ ที่ได้กระทำไว้ในมิติที่เรียกว่าอดีต จนมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน เรียกว่า "สัญญา" การที่มนุษย์แต่ละคนต้องพบสิ่งนั้นสิ่งนี้ พบคนนั้นคุยกับคนนี้ หรือประสบสิ่งนั้นสิ่งนี้ มีความสุข มีความทุกข์ ต่างๆ เหล่านั้น
ล้วนเกิดจากผลกรรมหรือ "สัญญา" ในอดีต ทั้งชาตินี้และชาติที่แล้ว
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเกิดจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ
ดิน คือ ธาตุต่างๆ ที่รวมกันเป็นเนื้อ หนัง กระดูก อวัยวะต่างๆ
น้ำ คือ ของเหลวในร่างกาย
ลม คือ อากาศธาตุที่หายในเข้าไปเผาผลาญอาหาร
ไฟ คือ ดวงจิตหรือวิญญาณที่มาสิงสู่ร่างกายสิ่งมีชีวิต ร่างกายที่กำเนิดจากครรภ์และมีสภาพที่พร้อมผนวกกับดวงจิตได้ และเมื่อดวงจิตเข้าไปอยู่ในร่างกายที่พร้อม ก็แบ่งแปรสภาพเป็นพลังงานความคิดควบคุมร่างกายให้เคลื่อนไหวตามที่ดวงจิตต้องการ
ลองคิดดู เราเจอคนนี้แล้วเรารู้สึกคุ้นๆ รู้สึกดี ก็เพราะมี "สัญญา"ที่ดี คือเคยพบกันและทำดีต่อกันมาก่อนในอดีตชาติ เราเจอคนนั้นรู้สึกไม่ชอบหน้าก็เพราะมี"สัญญา" ที่ไม่ดีคือเคยพบกันและกระทำไม่ดีต่อกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างธรรมชาติจัดการไว้แล้ว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ "สัญญา"ในอดีตกาลจะเหนี่ยวนำสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกัน ให้ข้องเกี่ยวกันไว้ แล้วกลับมาเป็นผลให้ผู้เกี่ยวข้องประสบพบพานกัน กระทำสิ่งต่างๆ ร่วมกัน ไม่ว่าคนหรือสัตว์ จนกว่าจะหมด "สัญญา"ต่อกัน
"สัญญา" ที่ดวงจิตแต่ละดวงทำไว้ เป็นสัญญาทั้งที่เป็นความสุขและความทุกข์ และแน่นอนว่า ความสุขและความทุกข์ที่เกิดต่อร่างกายของสิ่งมีชีวิตเป็นสิ่งสมมุติ
"ผู้รู้แจ้ง" ของเราอยากให้เรามีแต่ความสุข ไม่อยากให้เรามีความทุกข์ จึงพิจารณาเห็นว่า ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจ เป็นความสุขใจ ไม่ใช่สุขของร่างกายที่เป็นสิ่งสมมุติและไม่ยั่งยืน
ความสุขที่แท้จริงต้องยั่งยืน ไม่มีความทุกข์มาปนแม้แต่น้อย
การจะหลุดพ้นความทุกข์คือต้องหลุดพ้นจากสิ่งสมมุติ
นั่นคือ หลุดพ้นจาก "สัญญา" ที่จะทำให้เรากลับมารักคนนี้เกลียดคนนั้นจนเกิดทุกข์
"ผู้รู้แจ้ง" จึงสอนให้เราเพียรทำความดี เพียรภาวนา ให้จิตบริสุทธิ์ ไม่ให้ห่วงหาอาลัยไม่ให้เกิด "สัญญา" กับสิ่งใด คือให้มี "สัญญา" กับสิ่งต่างๆ ให้น้อยลงเรื่อยๆ เป็นเช่นนี้ทุกๆ ชาติไป
จนกระทั่งชาติสุดท้าย ดวงจิตเกิดความเข้มแข็ง จึงภาวนาครั้งสุดท้ายว่า ขอให้สิ่งที่ทำในชาตินี้ไม่ถือเป็น"สัญญา" กับสิ่งใด เมื่อนั้น ก็จะถึง "นิพพาน"
เมื่อนั้น ในจักรวาลก็จะไม่มีสิ่งสมมุติ ไม่มีเรา ไม่มีท่าน ไม่มีแม้แต่เม็ดทรายเม็ดเดียว ไม่รู้สึก ไม่มีอะไรเลย "ช่างสุขอะไรอย่างนี้"
จากใจ นพดล รัตนจิต

 

แวะมาเติมพลังตอนบ่าย ครับ ขอบคุณสำหรับข้อความ เติมกำลังใจได้เต็มเปี่ยม ครับ

(kiss)

 

ธรรมชาติประกอบไปด้วย ตัวของธรรมชาติ กฏของธรรมชาติ การปฏิบัติตามกฏของธรรมชาติ และผลของการปฏิบัติตามกฏตามธรรมชาติ ที่จะก่อเกิดเป็นธรรมชาติขึ้นมาใหม่เวียนกันไปไม่มีสิ้นสุด ที่มีกฏแห่งกรรมเป็นตัวประสานให้เกิดเป็นธรรมชาติขึ้นมาใหม่ อยู่ในวงรอบแห่งปฏิจจสมุปบาท ซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสไว้เที่ยงตรงแล้ว ไม่ควรลังเลสงสัย...
เพียงแต่ใครจะเข้าใจความหมายที่มากกว่าตัวอักษรที่เขียนไว้...
และ...ใครจะเข้าใจวิสัยของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่เข้าใจในธรรมชาตินั้น
นอกจากการปฏิบัติเท่านั้น...เพราะทุกสิ่งเป็น...ปัจจัตตัง...

 

พระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสว่า แม้เป็นอรหันต์ ก็อย่าใด้เป็นผู้ทำนาย
จึงพอเข้าใจว่า พระอรหันต์จะไม่เป็นเป็นผู้ทำนาย ถ้าอยู่ในธรรมวินัยนี้
ความหมายตรงกันครับ แต่ความเข้าใจคนละอย่างครับ
ขอบคุณครับที่ให้ความรู้

 

กึ่งพุทธกาล(2500 ปี)ยังมาไม่ถึง เรานับผิดมา56ปี

 

ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ ^^ เติมเต็มแสงสว่างแล้วครับ

 

อือ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ความรู้ใหม่ของมนุษย์โลก ใครที่ไม่เชื่อ ก็อย่าพึ่งปรามาส มีสติให้มากเข้าไว้ ความรู้ที่มนุษย์โลกปัจจุบันนี้มี เป็นเพียงแค่กระผีกเท่านี้

 

ขอบคุณสำหรับpossitive thinking...ค่ะ

 

ขำจริงๆ ตอนนี้รู้แล้วว่าพวก Light Worker เขาเชื่อว่าเขา
สามารถที่จะไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตที่ทำไว้ได้ โดย
การเดินทางเข้าไปในอดีตแล้วไปแก้ไข....
ต่อไปเราจะไม่มีเจ้ากรรมนายเวรแล้ว ไชโย เพราะเราจะเข้า
ไปแก้ไขอดีตของเราได้ เจ้ากรรมนายเวรจะหมดไป
เราจะบรรลุกันแล้ว ขอบคุณทุกท่านใน Galactic Organization ครับ
ต่อไปหลายคนในห้องนี้คงยุ่งตายแน่ เพราะไม่รู้จะมีใครไปแก้อดีตจนมา
กระทบความเป็นอยู่ในปัจจุบันของเราหรือไม่ ฮาๆๆๆ ขำจริงๆ ครับ
ความคิดนี้เจ๋งจริงๆ แสดงให้เห็นทัศนคติของพวก Light Worker ได้
อย่างชัดเจน

 

ขอบคุณมากเลยน่ะครับเติมเต็มแสงสว่างแล้วครับ ^^